|
เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘
เรื่องของยันต์เกราะเพชร คือบารมีพระพุทธเจ้าที่ท่านสงเคราะห์ให้กับพวกเราทั้งหลาย เพื่อความปลอดภัยชั่วคราว เหตุที่ใช้คำว่าชั่วคราวก็เพราะว่าไม่สามารถจะช่วยเราให้ปลอดภัยไปได้ทุกชาติทุกภพ
|
ยันต์เกราะเพชรมาจากตำราพระร่วง เป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นธงนำทัพในสมัยสุโขทัย เมื่อนำมาเขียนลงเป็นแถวแล้วชักสูตร จะสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชร บางคนก็เรียกว่ายันต์อิติปิ โสฯ ๘ ทิศบ้าง ยันต์เกราะเพชรบ้าง แล้วแต่จะเรียกกันไป ข้อใหญ่ใจความก็คือเป็นยันต์ที่สำเร็จด้วยการอัญเชิญบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาสงเคราะห์แก่เราทั้งหลาย
ในส่วนของพวกเราที่ต้องการรับยันต์เกราะเพชร จะต้องเตรียมธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ของอื่นไม่ต้องมี ที่จัดมาในปัจจุบันส่วนใหญ่เกินมาจากตำราทั้งสิ้น |
การเป่ายันต์เกราะเพชรจะทำได้เฉพาะเดือนที่มีวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น แม้แต่แรม ๕ ค่ำก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่นึกว่าจะเป่ายันต์เมื่อไรก็ทำได้
อย่างเช่นบางแห่งไปถึงจ่ายค่าครู ๒๙๙ บาท เขาจะเป่ายันต์ให้ทุกคน ทุกวัน ทุกเวลา ซึ่งความสามารถระดับนั้น อาตมภาพทำไม่ได้และทำไม่ถึง เพราะว่าครูบาอาจารย์ไม่ได้สอนเอาไว้ ท่านบอกว่ายันต์เกราะเพชรเป่าได้เฉพาะวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ต้องทำเพื่อเป็นการสงเคราะห์คนหมู่มาก ห้ามรับจ้างเป่ายันต์ ก็คือไม่ใช่เดินสายไปทำที่ไหนก็ได้ ให้ทำเฉพาะวัดที่ตนเองอยู่เท่านั้น โดยเฉพาะในส่วนที่ห้ามใช้กำลังของตนเอง ต่อให้คล่องตัวในอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ก็ตาม ถ้าพระท่านไม่ช่วยสงเคราะห์ เราจะทำได้ไม่เกิน ๒ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น |
อานุภาพของยันต์เกราะเพชรนั้น จะป้องกันให้ผู้รับยันต์ไม่ตายโหง ก็คือตายแบบผิดปกติ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ และถ้าใครทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไป และรักษาเอาไว้ได้ อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปหาคนทำ เขาตั้งใจทำเราให้มีผลรุนแรงแค่ไหน คนทำก็จะได้รับผลรุนแรงเท่านั้น
ดังนั้น อาตมภาพจึงชอบมากที่เวลาจัดงานแล้วมีคนมา "ลองของ" ถึงเวลาก็ปล่อยให้เจ็บให้ตายเสียให้เข็ด..! เนื่องเพราะว่าไม่ใช่เรื่องที่เราไปตอบโต้ หากแต่เหมือนกับเขาขว้างลูกบอลใส่ผนัง ยิ่งขว้างใส่แรงเท่าไรก็เด้งกลับแรงเท่านั้น..! พูดง่าย ๆ ว่าตัวเขาทำตัวเอง |
ดังนั้น..ท่านใดที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ต้องพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ วิธีรักษาก็คือต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือห้ามลักขโมย และห้ามดื่มสุราเมรัย ซึ่งสงเคราะห์ยาเสพติดทุกชนิดเข้าไปด้วย แล้วพยายามนึกถึงยันต์เกราะเพชร ภาวนาเอาไว้ทุกวัน เมื่อกำลังใจทรงตัวแล้ว ให้กลืนน้ำลายลงไป ๓ ครั้ง อานุภาพยันต์เกราะเพชรจะป้องกันรักษาเราได้ทั้งวัน ถ้าไม่แน่ใจว่าก่อนนอนจะมีปัญหาหรือเปล่า ? ก็ภาวนาและทำแบบเดิมอีกรอบหนึ่งก็ได้
ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไปนั้นสามารถที่จะพิสูจน์ทราบได้ คือถ้ามีผู้หญิงท้องครั้งแรก ให้ชวนเขามารับยันต์ด้วย ถ้าลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกคนแรกและเป็นลูกชาย จะมียันต์ติดตัวมาด้วย แต่ถ้าเป็นลูกผู้หญิง หรือเป็นผู้ใหญ่ที่มารับยันต์ไป ต้องไปรอพิสูจน์กันตอนวันตาย ก็คือถ้าเผาแล้วจะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูก เรื่องพวกนี้มีการพิสูจน์ทราบมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว |
การรับยันต์เกราะเพชร นอกจากใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มแล้ว เคล็ดลับก็คือต้องนึกถึงภาพพระ หรือว่าลืมตามองภาพพระ หรือว่าภาพยันต์เกราะเพชร นึกถึงอยู่ในใจแล้วภาวนาพุทโธไปเรื่อย จนกระทั่งยันต์เข้าตัวเต็มที่ อาตมภาพก็จะบอกให้ท่านทั้งหลายเลิกได้เอง
อาการของยันต์เข้าตัวก็จะมีอาการร้อนหูร้อนหน้า หนักหัวหนักไหล่ บางทีก็ขนลุกหรือว่าสั่นไปทั้งตัว บางท่านก็เป็นไข้ไปวันหนึ่งบ้าง สองวันบ้าง สามวันบ้าง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นอาการที่ผิดไปจากปกติ ซึ่งเราสามารถที่จะรับรู้ได้ ท่านที่รับยันต์ไปแล้ว ส่วนที่ต้องระวังมากที่สุด ก็คืออาหารที่มีส่วนผสมของเหล้า ซึ่งสมัยนี้มีมากกว่าสมัยก่อน ไม่ว่าแกงใส่บรั่นดี หรือว่าขนมเค้กใส่บรั่นดี ช็อกโกแลตที่มีไส้เป็นบรั่นดี ไอศกรีมรัมเรซิ่น เหล่านี้เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ทำให้เราสูญเสียยันต์เกราะเพชรได้ทั้งสิ้น..! ทันทีที่อาหารซึ่งมีส่วนผสมแอกอฮอล์เข้าปาก ถ้าท่านที่มีความรู้สึกว่องไว จะรู้สึกร้อนวาบอยู่ที่ผิวหนัง นั่นคืออาการที่ยันต์เกราะเพชรออกจากตัวไปแล้ว ถ้าหากว่าต้องการก็ต้องไปเข้าพิธีใหม่ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรถึงจะมีอีก ? เนื่องเพราะว่าถ้าพระท่านไม่สั่ง กระผม/อาตมภาพก็ทำเองไม่ได้ |
ปีนี้มีการเป่ายันต์เกราะเพชรอีกครั้งหนึ่ง ในวันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ก่อนออกพรรษา
ปีนี้มีวันเสาร์ ๕ สองครั้ง และครูบาอาจารย์ท่านให้เป่ายันต์ทั้งสองครั้ง ก็แปลว่าสถานการณ์ประเทศชาติ หรือว่าโลกของเราไม่ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องของสงคราม เรื่องของภัยธรรมชาติ ซึ่งประเดประดังกันมารอบทิศ |
ถ้าท่านทั้งหลายรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว รักษาเอาไว้ได้ด้วยดี มีการปลุกอยู่ทุกวัน ไม่ว่าอันตรายหนักเบาประการใด เราก็จะอยู่รอดปลอดภัยได้เสมอ แต่ต้องเป็นผู้ไม่ประมาท
อันดับแรกก็คือ ต้องมั่นใจว่าเรารักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ อันดับที่สองก็คือ ต้องมีการปลุกอยู่ทุกวัน คำว่าปลุกก็คือนึกถึงพระพุทธเจ้าทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการภาวนาพุทโธก็ดี หรือว่า อิติปิ โสฯ ทั้งบทก็ตาม ถ้าสามารถทำเช่นนี้ได้เคร่งครัด ผลในการรักษาตัวเราให้ปลอดภัยก็จะมีมาก ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านสามารถรักษาศีล ๕ ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือว่ารักษาศีล ๘ ได้ก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น มีโยมอยู่ท่านหนึ่งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี เมื่อรู้ตัวว่าท้องก็แยกห้องนอนกับสามี ตั้งใจรักษาศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ถึงเวลาที่วัดมีงานเป่ายันต์เกราะเพชรก็ไปร่วมพิธีด้วย ปรากฏว่าลูกที่คลอดออกมา มียันต์เป็นรูปกงจักรสีแดงติดกระหม่อมมาด้วย โดยปกติแล้วยันต์ที่ติดตัวมาจะเป็นสีน้ำเงินหรือว่าสีดำ แต่รายนี้ตั้งใจรักษาศีล ๘ พระท่านสงเคราะห์ให้ นอกจากจะเป็นรูปกงจักรสีแดงติดกระหม่อมมาแล้ว ยังขึ้นให้เห็นทุกวันพระใหญ่ ก็คือวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ต้องถือว่าเป็นโชคดีของบุคคลนั้น ที่ตั้งใจรักษาศีลปฏิบัติธรรม แล้วผลดีไปเกิดกับลูก ๆ ของตนเอง |
เรื่องของเด็กที่เกิดมาแล้วมียันต์เกราะเพชรติดตัว ญาติโยมไม่จำเป็นต้องไปกังวล เนื่องเพราะว่าภายใน ๗ วันก็จะหายเข้าไปอยู่ในกระดูกเอง มีอยู่รายหนึ่งทำคลอดแบบโบราณ ก็คือใช้หมอตำแย ลูกคลอดออกมา มียันต์ติดลายไปทั้งตัว คนเป็นแม่ก็ไม่เข้าใจ กังวลมาก กลัวว่าลูกจะเสียโฉม หมอตำแยบอกว่า "ไม่เป็นไรอีหนู" ว่าแล้วก็อมเหล้าพ่นพรวดเดียวหายเกลี้ยงเลย..! ต้องบอกว่าหมอตำแยแกรู้จริงว่า ยันต์เกราะเพชรไม่ยอมสู้กับเหล้า ถึงเวลาเจอเหล้าก็หนีไปซ่อนอยู่ในกระดูกแทน จะไปเจอกันอีกทีก็ตายแล้วเผาเท่านั้น
|
สำหรับการเป่ายันต์เกราะเพชรไม่ได้เป่าทีละคน บารมีพระที่ท่านสงเคราะห์ลงมา สามารถคลุมได้ทั้งโลกหรือทั้งจักรวาลพร้อมกัน จึงเป็นเรื่องของการเป่ากันพร้อมกันทั้งศาลา ท่านใดที่ได้ทิพจักขุญาณ ถึงเวลาก็กำหนดจิตดูว่าในระหว่างนั้นพระอนุเคราะห์สงเคราะห์อย่างไรบ้าง แล้วก็ปฏิบัติตามไป โดยเฉพาะท่านให้ภาวนาอย่างไรก็ภาวนาอย่างนั้น ยกเว้นว่าไม่ได้บอกอะไรก็ใช้พุทโธเป็นหลัก
|
ขอเจริญพรขอบคุณท่านเจ้าของโรงทานทั้ง ๖๓ โรง ที่มีจิตศรัทธานำภัตตาหารมาถวายพระและเลี้ยงอาหารแก่ญาติโยมทั้ง ๒ มื้อ ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังทุกประการ
|
ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองได้รับยันต์เกราะเพชรหรือเปล่า ? กลับไปให้หาซื้องูเห่ามาตัวหนึ่ง แล้วลองให้กัดดู ถ้าไม่ตายแปลว่าท่านได้รับยันต์ไปแล้วแน่นอน..!
|
วัตถุมงคลที่รับไป เขาสร้างเลียนแบบพระกรุวัดชีปะขาว บางคนเห็นพิมพ์นี้คิดว่าเป็นหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง แต่ทั้งสองกรุก็ "เหนียว" พอกัน เนื่องเพราะว่าผู้สร้างเป็น ตชด.เก่า ออกรบจน พ.ส.ร. (เงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ) แทบจะท่วมเงินเดือน ก็เลยชอบวัตถุมงคล "สายเหนียว" สะสมเอามวลสารที่สุดยอดเอาไว้หลายสิบปี กว่าจะมีโอกาสสร้างขึ้นมาได้
ดังนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็เลี่ยมติดตัวไว้ ภาวนาพุทโธ นึกถึงพระอยู่ทุกวัน อย่างน้อยก็เป็นการประกันว่า ถ้ามีอันเป็นไป อย่างน้อยเราก็มีสุคติเป็นที่ไป |
ญาติโยมทางวัดสันโป่ง เมดิเตชั่น เซ็นเตอร์ ฮกซุน ราชอาณาจักรนอร์เวย์ พักผ่อนกันได้แล้ว อดนอนแถมยังหนาวด้วย เดี๋ยวจะเจ็บไข้ได้ป่วยเสียเปล่า ๆ
อาการรับยันต์ที่ปรากฏชัด เพราะว่าพระท่านตั้งใจจะให้ทุกคนได้รับรู้ ไม่ต้องตื่นเต้นมาก เดี๋ยว ๒๗ กันยายนนี้บินมารับที่วัดท่าขนุนแล้วกัน เพื่อความมั่นใจ..! เป็นเรื่องที่ "หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก" เพราะว่าญาติโยมรับแล้วมีอาการชัดเจน น่าจะมั่นใจว่าอยู่ที่ไหนก็รับได้ แต่กลายเป็นว่าวิ่งมารับที่วัดแทน..! |
หลายต่อหลายท่านก็รู้จักกันมา บางท่านก็รู้จักก่อนอาตมภาพบวช ก็แปลว่าเกิน ๔๐ ปีแล้ว พอเห็นหน้าก็ได้แต่ปลงอนิจจัง เพราะว่าต่างคนต่างแก่ไปตาม ๆ กัน ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะกล่าวอะไรดี เพราะว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมดา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ณ วัดท่าขนุน ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:13 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.