![]() |
เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘
ช่วงนี้โดยปกติแล้วฝนจะตกทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเวลานี้ ซึ่งเป็นเวลาที่พระกำลังบิณฑบาต เขาก็จะเมตตาช่วงสรงน้ำให้พระอีกรอบหนึ่งเป็นประจำ ยังดีที่มีการเว้นว่างให้บ้าง ไม่อย่างนั้นแล้วญาติโยมจะไม่มีที่อยู่ทางด้านนอกเลย..!
แบบเดียวกับงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีของปีที่แล้ว ฝนตกจนกระทั่งไม่มีสถานที่ให้อยู่ ญาติโยมเข้ามาในศาลาแล้วออกไปไม่ได้ อาตมาต้องกราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์เป่ายันต์รอบพิเศษให้ เพื่อระบายโยมออกไป ปีนี้ก็เลยต้องขอท่านเอาไว้ว่า "ถ้าเป็นไปได้ ช่วงเป่ายันต์ขอให้หยุดตกชั่วคราว" ไม่อย่างนั้นก็จะมีเหตุการณ์เหมือนเดิมอีก |
บางคนสงสัยว่าใส่หน้ากากแล้วอาตมภาพยังจำคนได้อยู่ มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เก่งขนาดเห็นใบหูข้างเดียวแล้วจำคนได้ อาตมายังไม่ได้ระดับนั้น..!
|
คณะศิษย์หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนามาออกโรงทาน ญาติโยมขากลับแวะไปกราบสังขารหลวงปู่ท่านได้ มรณภาพไปแล้ว ยังไม่เน่าไม่เปื่อยเหมือนกัน
|
อีกสักครู่ตอนใกล้พิธีไหว้ครู จะอนุญาตให้นั่งบนทางเดินเลย ตอนนี้เบียด ๆ กันไปก่อน ทำความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกันก่อน สมัยก่อนอยู่ที่วัดท่าซุง ปี ๒๕๒๕ วันเสาร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ หลวงพ่อวัดท่าซุงจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งแรก ใช้ศาลาพระพินิจอักษร ปรากฏว่าคนต้องผลัดกันเข้าถึง ๔ - ๕ รอบ ท่านจึงเร่งสร้างศาลา ๒ ไร่
พอวันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ ศาลา ๒ ไร่ยังไม่เสร็จดี เพิ่งจะเทพื้นแล้วกลัวแห้งไม่ทัน ช่างก็เลยเอาผงปูนซัดเพื่อที่จะให้ช่วยดูดน้ำ สรุปว่าต้องเปิดใช้งานทั้งแบบนั้น ทุกคนที่ไปงานชุดจะประทับใจมาก เพราะว่าคลุกฝุ่นปูนกันทุกคน..! โดยเฉพาะเมื่อเบียดกันมาก ๆ เข้า โยมบางคนหายใจไม่ทัน เวียนหัว อาเจียนรดหลังเพื่อน..! เพื่อนก็ขยับออกไม่ได้ เพราะว่าแน่นพอ ๆ กับที่วัดนี้ สรุปก็คือต้องปล่อยให้อาเจียนแห้งคาหลังไปเลย..! ถึงได้บอกว่าพวกเราทำความรู้จักกันไปก่อน เดี๋ยวอีกสักครู่ถ้าอาเจียนใส่กันจะได้ไม่โกรธกัน..! |
ถ้าเห็นแก่ตัวมาก ที่ว่างรอบตัวก็จะมาก เป็นอะไรที่วัดง่ายที่สุด ใครที่เห็นแก่ตัวน้อย หรือไม่มีความเห็นแก่ตัว ก็แทบจะนั่งบนตักคนอื่นเลย
|
เห็นเจ้าหน้าที่ถ่ายทำวิดีโอ เขาใช้ไม้ยาว ๆ ในการต่อไมโครโฟนเพื่อรับเสียง อาตมาเห็นเป็นคนถือทวน เวรกรรม..! เขาถึงได้บอกว่าจิตมีสภาพจำ เคยทำอะไรไว้ก็ปรุงแต่งไปอย่างนั้น ดังนั้น..พอถึงเวลาคนใกล้จะตาย ญาติพี่น้องก็ใจดี ช่วยบอกทางให้ บอกว่า "ให้ท่องพระอะระหัง พระอะระหังไว้" ปรากฏว่าคนป่วยหนักถามว่า "พระอะไรวะมีหาง !?" ถ้าลักษณะนั้น แสดงว่าจิตไม่ยอมรับ
พอบอกว่า "พุทโธ พุทโธไว้นะ" คนป่วยหนักเคยแต่หาปลาทั้งชีวิต แทนที่จะว่าพุทโธ ก็ว่า "ไอ้โด..ไอ้โด" ก็คือปลาชะโด ถ้าอย่างนั้นมีคติแน่นอนว่าไปข้างล่างแน่..! อย่างที่ภาษารุ่นเก่า ๆ เขาว่า "พระโปรดไม่ได้" บุคคลที่พระโปรดไม่ได้ถือว่าน่าสงสารมาก เนื่องเพราะว่ามีคนช่วยบอกช่วยกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะกำหนดใจให้เป็นไปตามที่เขาบอกเขากล่าวได้ ส่วนญาติโยมบางท่านน่าสงสารกว่านั้นอีก เห็นหลวงปู่ดุลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์) อดีตเจ้าอาวาสวัดบูรพาราม อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต) ใกล้จะหมดลมแล้ว อุตส่าห์ไปกระซิบข้างหูว่า "หลวงปู่..พุทโธ..พุทโธนะ จะได้ไปดี" ทำเอาหลวงปู่ท่านยิ้มแฉ่ง ประมาณว่า "กูนะไปดีแน่ แต่มึงจะไปไหนไม่รู้ ?" ไปสอนพระอรหันต์ให้พุทโธ แต่ก็ดีนะ..ทำให้หลวงปู่ท่านยิ้มก่อนมรณภาพ ไม่รู้ว่ายิ้มสมเพชเวทนาคนสอนหรือเปล่า ? |
เครื่องบวงสรวงที่จะไหว้ครูของทุกปีและทุกครั้ง ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์มหาเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖) วัดปากน้ำภาษีเจริญและคณะศิษย์บ้านสุมโน ช่วยกันจัดทำให้ โดยที่อาตมภาพไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว
เครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ขนาดนี้ปัจจุบันราคาชุดหนึ่งเป็นแสนแล้ว แต่ว่าท่านอาจารย์เอถือว่าทำถวายครูบาอาจารย์ ท่านเองก็ได้อานิสงส์ด้วย คณะศิษย์ก็ได้อานิสงส์ด้วย อาตมภาพก็ได้รับความสะดวกไปด้วย ขอให้ทุกคนตั้งใจอนุโมทนา ถือว่าเราเป็นเจ้าของร่วมกัน ถึงเวลาก็ไหว้ครูพร้อมกัน ครูของเราทั้งหมด นับเริ่มจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์บนพระนิพพาน ลงมาถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พรหม เทวดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ในชาติปัจจุบันนี้ ให้ตั้งใจว่า เราน้อมบูชาครูด้วยเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านี้ วิชาการหรือสิ่งหนึ่งประการใด ที่ครูเคยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้ได้เล่าเรียนมา ก็ขอให้เราสามารถเข้าใจแตกฉาน และทำได้เช่นเดียวกับครูด้วย |
ถ้าใครศึกษาเรื่องคาถาอาคมมา จะเห็นว่าพระคาถาหลายบท มีการเอ่ยถึงครูก่อน อย่างเช่น "พระคาถาโองการมหาทมื่น" ก็จะมีประโยคที่ว่า "เมื่อกูเอ่ยถึงครูกู ใครจักสู้กูก็มิได้ ครูกูจึงให้กูว่าพระคาถา..ฯลฯ" แล้วก็เริ่มต้นเข้าเนื้อหาไป
หรือถ้าหากอย่างในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เมื่อถึงเวลาจะรบกัน ก็มีการไต่ถามชื่อเสียงเรียงนาม นอกจากเขาจะบอกชื่อบอกตำแหน่งแล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็นลูกศิษย์ใคร พูดง่าย ๆ ว่าถ้าครูเก่งจริง ชื่อเสียงโด่งดังจริง จะเป็นการข่มฝ่ายตรงข้ามไปในตัวว่า ขนาดครูเก่งปานนั้น ลูกศิษย์ต้องมีดีอย่างแน่นอน..! ดังนั้น..แสนตรีเพชรกล้าจึงได้ตอบพลายงามว่า "ตัวเราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า" สมัยก่อนยศทางเหนือ เขาจะมียศเป็นหมื่น เป็นแสน อย่างเช่นว่าหมื่นหาญฟ้า เหล่านี้เป็นต้น เขาบอกว่า "พระครูผู้บอกวิทยา ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง" แสนตรีเพชรกล้าเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ศรีแก้วฟ้า ถ้าถามว่าแสนตรีเพชรกล้าเก่งขนาดไหน ? เขาบอกว่า "แต่เกิดมาอาวุธไม่พ้องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว" เหนียวตั้งแต่เกิด อะไรจะเก่งปานนั้น..?! ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราไปศึกษาพวกวรรณคดีไทยโบราณ บางทีเขาจะก็มีบอกสารพัดวิธีการเอาไว้ในนั้น นั่นเป็นเรื่องจริงที่สามารถทำได้ทั้งหมด อย่างที่บอกว่า "ตำรามหาศาตราคม" ที่ขุนแผนใช้ตีดาบฟ้าฟื้น เป็นต้น มีส่วนผสมอะไรบ้างก็อยู่ในนั้นแหละ หรือไม่ก็จะสร้างกุมารทองต้องทำอย่างไร ? บอกไว้ชัดหมด แต่สมัยนี้ทำไม่ได้แล้ว มัวแต่ไปปิ้งเด็กแบบ "เณรแอ" ก็ติดคุกหัวโตเท่านั้น..! |
ดังนั้น..พวกวิชาการหลายต่อหลายอย่าง สถานภาพของสังคมเอื้อให้คนเก่ง ฟังแล้วงง ๆ ไหม ? อย่างสถานภาพในสังคมปัจจุบันของเราไม่เอื้อให้คนเก่ง เพราะเขาว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรื่องเลย ตูจะหาเรื่องเดือดร้อนแล้วกระมัง ?!
ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าสภาพสังคมจะเป็นเครื่องผลักดัน แบบวัดท่าขนุนของเรา พอมีพระสอบบาลีเป็นมหาเปรียญได้มาก ๆ รุ่นน้องก็มีกำลังใจ "เฮ้ย..ไม่ยากนี่หว่า พี่เขาคนโน้นก็สอบได้ คนนี้ก็สอบได้" เราลองไปดูวรรณคดีขุนช้างขุนแผนตอนพลายแก้วบวชเณร หลายท่านที่แก่พอกับอาตมภาพต้องเคยเรียนมา ท่านว่า "จะกล่าวถึงพลายแก้วแววไว เมื่อบิดาบรรลัยแม่พาหนี ไปอาศัยอยู่ในกาญจนบุรี กับนางทองประศรีผู้มารดา ฯ" สมัยนั้นขุนไกรอยู่ที่อู่ทอง สุพรรณบุรี ไม่ต้องยุคขุนไกรอยุธยาหรอก แค่ยุคอาตมานี่แหละ แถวนั้นเป็นป่าใหญ่ชนิดมีเสือมีช้างเลย..! |
"อยู่มาจนเจ้าเจริญวัย อายุนั้นได้ถึงสิบห้า ไม่วายคิดถึงพ่อที่มรณา แต่นึกตรึกตรามากว่าปี อยากจะเป็นทหารชาญชัย ให้เหมือนพ่อขุนไกรที่เป็นผี จึงอ้อนวอนมารดาได้ปรานี ลูกนี้จักใคร่รู้วิชาการ พระสงฆ์องค์ใดวิชาดี แม่จงพาลูกนี้ไปฝากท่าน ให้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ อธิษฐานบวชลูกเป็นเณรไว้" อยากจะเก่งแบบพ่อขุนไกร อยากจะเรียนวิชา ไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียวว่าเรียนแล้วจะไม่สำเร็จ "ครานั้นทองประศรีผู้มารดา ได้ฟังลูกว่าหาขัดไม่ อันสมภารที่ชำนาญในทางใน ท่านขรัววัดส้มใหญ่แลดีครัน" วัดส้มใหญ่ตอนนี้อยู่แถวหนองขาว ท่าม่วงนี่เอง "เจ้าคิดนี้ดีแล้วแก้วแม่อา แม่จักพาไปฝากขรัวบุญท่าน" ฝากหลวงปู่บุญ วัดส้มใหญ่ "จะได้รู้การณรงค์คงกระพัน ให้เหมือนกันสืบต่อพ่อขุนไกร" แม่ก็เหมือนกับลูก ไปเรียนแล้วต้องจบ ไปเรียนแล้วต้องสำเร็จ ก็คือสภาพสังคมเป็นอย่างนั้น ทุกคนเรียนได้ผลหมด คนก็เลยไม่คิดว่าวิชาการพวกนี้ยาก แม้แต่เด็ก ๆ อย่างพลายงาม ฝึกเองเรียนเองยังทำได้เลย |
ท่านบอกว่า "อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนต์ ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน หัวใจกฤตย์อิทธิเจเสน่ห์กล แล้วเล่ามนต์เสกขมิ้นกินน้ำมัน แอบเข้าห้องลองวิชาประสาเด็ก ฯลฯ" ลองวิชา แอบเรียนเองไม่พอ แอบลองด้วย ใช้เหล็กแหลมแทงตัวเองจนปลายเหล็กงอหมด ไม่เข้าสักนิด..! แต่ประโยคที่พวกเรามองข้ามไปก็คือ "ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี" ย่าสอนเอง..! แล้วลองคิดดูว่าป่าใหญ่ดงทึบสมัยนั้น จากอู่ทองกว่าจะมาถึงพนมทวน ระยะทางหลาย ๑๐ กิโลเมตร บุกป่าฝ่าดงไป พรานเก่ง ๆ ยังตาย..! คุณย่าพาเด็กน้อยพลายแก้วไปได้อย่างไร ? ไม่เก่งจริงเอาไปไม่รอดหรอก ความมาแตกตอนเลี้ยงหลานนี่เอง ย่าเป็นคนถ่ายทอดวิชาให้..! แสดงว่าคุณย่าทองประศรีเป็นผู้หญิงที่ไม่ยึดติดสังคมสมัยนั้น สมัยนั้นเขาให้เรียนอะไร ? หุงข้าว ทอผ้า ทำการบ้านงานเรือนต่าง ๆ หนังสือไม่ต้องเรียน คุณย่าทองประศรีเรียนทั้งไทย เรียนทั้งขอม เรียนคัมภีร์พุทธเภท พระเวทมนตร์ กลับไปอ่านใหม่นะ ไม่อย่างนั้น..ให้แต่หลวงพ่อบอกให้ฟัง |
ตอนแรกอาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นคนจำแม่น อ่านหนังสือรอบเดียว กี่ปีก็ไม่ไปไหน พอมาฝึกกรรมฐานแล้วถึงได้เข้าใจ ท่านบอกว่าผู้มีจิตตั้งมั่นย่อมมีสติ รำลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้วนาน ไม่ได้รำลึกแค่ชาตินี้นะ ระลึกย้อนหลังไปบางทีนับชาติไม่ถ้วน..! เพราะฉะนั้น..เรื่องเรียนแค่ชาติเดียวเป็นเรื่องเล็ก หรือว่าเรื่องใหญ่ ? ผมเรียนมา ๑๒ ปียังไม่จบเลย สมควรตายมาก..!
อาตมาเรียนปริญญาตรี ๓ ปีครึ่ง ปริญญาโท ๑ ปีกับ ๑ เดือน ปริญญาเอก ๒ ปีกับ ๑ เทอม จะขอจบตั้งแต่ปีแรกแล้ว ครูเขาไม่ยอมให้จบ เขาบอกว่า "ปริญญาเอกถ้าเรียนไม่ถึง ๓ ปี ถือว่าไม่มีคุณภาพ..!" พอปี ๓ เริ่มขึ้นเทอม ๒ อาจารย์วิ่งมาถาม "คิดว่าสามารถทำวิทยานิพนธ์ให้จบในเทอมนี้ได้ไหม ? ถ้าทำได้ผมจะให้จบ" ก็ถามอาจารย์ว่า "ทำไมละครับ ? ตอนแรกบอกไม่ถึง ๓ ปีไม่ให้จบ" ท่านบอกว่า "รุ่นพี่ของท่านยังไม่จบแม้แต่คนเดียว..!" อาตมาเรียนปริญญาเอกรุ่น ๒ พี่รุ่น ๑ ไม่จบเลยสักคน แล้วเหลือเวลาแค่ ๒ เดือน อาตมาก็สบายใจ "ไม่ถึง ๓ ปี เขาไม่ให้เราจบ" วิทยานิพนธ์ก็เลยทิ้งไว้แค่บทที่ ๒ มีเวลาแค่ ๒ เดือนจะต้องปั่น ๓ บทสุดท้ายให้จบ เล่นเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอน มีอยู่ช่วงหนึ่งไม่ได้นอน ๑๑ วัน ๑๑ คืน..! ถามว่าทำไมไม่นอน ? อยากจะนอนเหมือนกันแหละ..พอนอนลงไป ดันคิดได้ว่าจะเขียนต่ออย่างไร ก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ เวรกรรมจริง ๆ เลย..! พอวันที่ ๑๑ จะผ่านไป อยู่ ๆ จอคอมพิวเตอร์ดับวูบ ไอ้เราก็ "อ้าว..น่าลืมเสียบปลั๊ก เลยแบตหมด..!" ก้มลงไปก็เห็นปลั๊กแดงโร่อยู่..! สรุปว่าทุกอย่างปกติ ยกเว้นอาตมา หน้ามืดเอง..! ๑๑ วันไม่ได้นอน ภาพตัดชั่วคราว แต่ไปนึกว่าจอคอมพิวเตอร์ดับ..! |
อาตมาสุ้มเสียงไม่ค่อยจะมี ไปอินเดียเจออากาศหนาวแล้วก็ฝุ่นหนักมาก กลับมาได้เวลาเลือกตั้งท้องถิ่นพอดี ก็เลยขายเสียงไปชั่วคราว..! ไม่มีเสียงไปอาทิตย์กว่า จนป่านนี้สุ้มเสียงก็ยังไม่เข้าที่ ต่อไปตูจะไม่เชื่อใครง่าย ๆ อีกแล้ว
ไปกราบองค์ดาไลลามะที่ธรรมศาลา ถามเขาว่า "อากาศหนาวไหม ?" ผู้เชี่ยวชาญเขาบอกว่า อินเดียไม่มีหนาวหรอก ไม่ต้องเตรียมอะไรไปก็ได้ อาตมาอยู่ที่นั่น ๕ วัน เจอ ๑๒ องศาเซลเซียส เกือบตาย..! แต่ก็ยังดีตรงที่ว่าท่านดาไลลามะท่านเมตตาออกมารับ ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่หลังปีใหม่ท่านไม่เคยรับแขกเลยแม้แต่คณะเดียว เพราะต้องระมัดระวังตัวเอง เนื่องจากว่ามีคนหมายหัวว่า ถ้าท่านมรณภาพแล้วจะได้ไม่มีผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ไม่ยอมมรณภาพเสียทีก็เลยจะมีคนช่วย..! ท่านเองก็ไม่ค่อยอยากรับความเมตตาคนอื่นแบบนั้น ช่วยเรื่องอื่นนี่พอจะรับได้ ช่วยให้มรณภาพท่านไม่อยากจะรับ..! ก็เลยต้องเก็บตัว จะไปเรียนถวายท่านว่า "หลวงปู่..ถ้าไม่ไหวก็นิมนต์นะครับ" ปรากฏว่าไม่ได้กล่าวอะไรเลยแม้แต่คำเดียว จะนิมนต์ให้อยู่ต่อก็กลัวท่านชวนให้อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น..หุบปากไว้ อยู่เงียบ ๆ จะดีกว่า..! |
เข้ามาเลย..นั่งบนทางเดินไปเลย ด้านหน้าอาตมายังมีที่ว่างอีกเยอะ คาดว่าถ้ายัดกันเข้ามาจริง ๆ น่าจะได้อีกสัก ๒๐๐ คน
วัดเราน่าจะมีอาชีพแบบญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นเขามีอาชีพยัดคนเข้าตู้รถไฟ ไม่อย่างนั้นถ้าประตูปิดไม่ได้ รถจะไม่วิ่ง รถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นไม่มีคนขับ เป็นระบบอัตโนมัติ ถ้าประตูไม่ปิดรถก็ไม่ออกตัว ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมคนญี่ปุ่นมีแต่ตัวเล็ก ๆ พอไปเห็นเขาจับยัดเข้าตู้รถไฟ อ๋อ..ต้องตัวเล็กจะได้ประหยัดที่..! |
(พูดถึงแอพฯ เสบียงบุญ) ในหลวงขอให้เจริญกรรมฐานให้ท่านหน่อย คงจะมีทำจริงทำจังอยู่คนเดียวกระมัง ? คนอื่นพอ ๓ วันให้หลัง ก็เลิกกันหมดแล้ว..!
|
ญาติโยมเห็นอาตมาก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์ก็อย่าเพิ่งถ่ายรูปนะ สมัยนี้ "ดราม่า" เยอะ..! เขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะส่งงานตามงานอะไร เอาแต่เรียกว่า "พระเล่นโทรศัพท์" อย่างเดียวเลย อาตมามีกลุ่มไลน์อยู่ ๑๐๐ กว่ากลุ่ม งานสงฆ์เกือบทั้งนั้น..!
ด้วยเหตุที่จะต้องติดตามงานในกลุ่มไลน์อย่างใกล้ชิด เพราะว่าวันที่ ๒ - ๓ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นี้ จะมีโครงการ "สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" ของทางสำนักงานองคมนตรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นทั้งกรรมการหลักและอนุกรรมการ ไม่รู้ว่าจะมีงานด่วนเข้ามาเมื่อไร มีเวลาก็เลยต้องก้มหน้าก้มตา กลายเป็น "สังคมก้มหน้า" กับเขาอยู่แบบนี้ ญาติโยมอย่าเพิ่งถ่ายรูปไป คนที่ไม่เข้าใจเขาจะด่าเอา สมัยนี้คนปากไวมีเยอะ เขาไม่สนใจเหตุผลต้นปลายอะไรหรอก มีมุมไหนด่าได้ก็ด่าเอาไว้ก่อน อยากจะไปนรกมาก..! |
ท่านที่จะรับยันต์เกราะเพชรให้เตรียมธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มเอาไว้ ยกเว้นว่าใครมีลูกอยู่ในท้องก็เตรียมเผื่อลูกอีกชุดหนึ่ง เครื่องบูชาครูในการรับยันต์มีแค่นี้ ถ้าตำราใครมีเกินกว่านั้น ก็ขอให้รู้ว่าแหกคอกครูบาอาจารย์ไปไกลมากแล้ว
ท่านใดที่ไม่ได้เตรียมธูปเทียนสำหรับรับยันต์เกราะเพชรมา มีอยู่ที่เต็นท์บริเวณหน้าโบสถ์ ไปหยิบเอาที่นั่นได้เลย ทำบุญหรือไม่ทำบุญก็ไม่เป็นไร |
พระที่แจกไปอย่าคิดว่าไม่สวย อย่าคิดว่าองค์เล็ก อาตมภาพอยากจะบอกว่า "เป็นวัตถุมงคลที่สร้างยากที่สุดในยุคนี้" เนื่องเพราะว่ามีสังฆาฏิของพระเถระซึ่งเป็นที่เคารพนับถือกันทั่วประเทศ ผสมอยู่ด้วยถึง ๒๒ องค์ด้วยกัน อย่างเช่นว่า
หลวงปู่ครูบาพรหมจักร (พระสุพรหมยานเถร วิ.) วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน หลวงปู่ครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) วัดทุ่งหลวง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ (พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน หลวงปู่คำแสนใหญ่ (ครูบาคำแสน อินฺทจกฺโก - พระครูสุคันธศีล) วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่คำแสนเล็ก (ครูบาคำแสน คุณาลงฺกาโร) วัดดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร (พระญาณสิทธาจารย์) วัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค จังหวัดนครสวรรค์ แม้กระทั่งหลวงพ่ออุตตะมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ซึ่งคงไม่มีใครสามารถที่จะรวบรวมวัสดุสำคัญแบบนี้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างนี้อีกแล้ว โดยเฉพาะสังฆาฏิหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค ซึ่งท่านใช้มา ๔๐ กว่าปี ท่านบอกว่า "ใช้ทุกวันก็เสกทุกวัน" ถ้าถามว่า "หลวงปู่สีดีขนาดไหน ?" ชานหมากที่ท่านคายออกมา ลองยิงได้ทุกคำ ปืนดีแค่ไหนก็ยิงไม่ออก..! |
พระที่แจกให้ตอนทำบุญสำคัญมาก ประมาณว่า "องค์เดียวเที่ยวทั่วโลก" มีติดตัวอยู่ไม่จำเป็นต้องมีองค์อื่นก็ได้ ยกเว้นว่าถ้าความสวยไม่ถูกกิเลส ก็ไปดูในตู้ที่ท้ายศาลา เผื่อว่าจะมีของแพงบ้าง แจกฟรีไม่ถูกใจ จะไปจ่ายแพง ๆ ก็ตามใจ..!
|
ระยะหลังญาติโยมถวายทองร่วมทำบุญ ส่วนใหญ่จะเป็นทองที่น้ำหนัก ๐.๐๑ กรัมบ้าง ๐.๐๒ กรัมบ้าง ๐.๐๓ กรัมบ้าง ทางด้านร้านค้าแนะนำว่า "อย่าซื้อทองประเภทนั้น เพราะว่าเป็นกระดาษดี ๆ นี่เอง เพียงแต่เขาเคลือบทองไว้เท่านั้น..!"
เขาบอกว่าทองที่จะมีราคาในท้องตลอดที่แท้จริง อย่างต่ำสุดน้ำหนักต้อง ๑ กรัมขึ้นไป ถ้าสงสัยว่า ๑ กรัมหนักแค่ไหน ? ก็ประมาณ ๔ กรัม หรือ ๓.๘ กรัม เท่ากับ ๑ สลึง ส่วนใหญ่พอจะใช้งานจริงแล้ว ทองประเภทนั้นพอเอาลงเตาหลอมก็กลายเป็นควันหมด เพราะว่าเขาเคลือบทองไว้บนกระดาษเท่านั้น สมัยนี้เทคนิคการเคลือบทองก้าวหน้ามาก ต้องการหนามากหนาน้อยเท่าไร สั่งเขาได้เลย..! อาตมภาพเพิ่งจะถวายทองที่รวบรวมไว้จากที่ญาติโยมถวายมาหลายปี ร่วมหล่อรอยพระพุทธบาท ๔ รอยจำลอง วัดพระบรมธาตุเชิงชุม ถวายไป ๑,๕๐๓.๖ กรัม ก็คือประมาณ ๑ กิโลกรัมครึ่ง เนื่องเพราะว่าท่านเจ้าคุณวินัย --พระราชวชิราทร (วินัย สจฺจวํโส ป.ธ. ๕) เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร ท่านจะหล่อรอยพระพุทธบาทจำลอง ๔ รอยด้วยทองคำประมาณ ๑๐ กิโลกรัม อาตมภาพให้ไป ๑ กิโลกรัมครึ่ง เพราะว่ามีอยู่แค่นั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่า ต้องรวบรวมอีกนานเท่าไรถึงจะได้เท่านั้นอีก..! ส่วนทางด้านญาติโยมจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นำโดยครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสว่าง (ท่าช้าง) เมืองปากงึม แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ร่วมกันถวายมา ๑ กิโลกรัม รวมแล้วสองเจ้าได้ไป ๒ กิโลกรัมครึ่ง ก็แปลว่าถ้าเป็นรอยพระพุทธบาท ๔ รอยจำลองก็ได้ไปแล้ว ๑ รอย..! |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:29 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.