กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=160)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=10870)

ตัวเล็ก 15-03-2025 16:41

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๘
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๘



เถรี 15-03-2025 23:30

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ ๑ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้าเยี่ยมโครงการฝึกอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่นที่ ๓๑ ของวิทยาลัยพระธรรมทูต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งนอกจากไปให้กำลังใจแก่ผู้เข้าฝึกอบรมแล้ว ก็ยังเป็นการไปให้กำลังเงินอีกด้วย..!

เนื่องเพราะว่าการฝึกอบรมต่อเนื่องหลายเดือน บางอย่างก็ต้องมีรายจ่าย หรือว่าต่อให้ไม่มีรายจ่ายอะไรเลย ถึงเวลาอยากจะร่วมทำบุญสนับสนุนโครงการอบรม มากน้อยก็จะได้มีสตางค์เอาไว้ร่วมบุญได้

เมื่อเสร็จจากการเยี่ยมเยือนและจ่ายสตางค์แล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก นอกจากจะมาเจอข่าวคราวว่าอากาศเปลี่ยนแบบสุดขั้ว ก็คืออยู่ ๆ กลับมามีฝนและหนาวกะทันหันยังไม่พอ สถานที่ซึ่งกระผม/อาตมภาพจะเดินทางไปพรุ่งนี้ก็คือประเทศญี่ปุ่น บางแห่งยังหนาวติดลบเสียด้วย..! ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทริปที่ไปกันเองอย่างชนิด "ซำเหมา" ครั้งนี้ จะเจออะไรเข้าไปบ้าง แม้ว่าส่วนใหญ่เราจะนั่งรถไฟ แต่ว่าในระหว่างรอขึ้นรถไฟก็จะต้องหนาวอย่างแน่นอน เรื่องพวกนี้ก็คงต้องรอ ไปถึงแล้วค่อยมาวิตกวิจารณ์กัน

แต่ถ้าหากว่าตามที่เคยรบกวนพ่อเจ้าประคุณซามูไร "เบ็นโนะสึเกะ" ก็น่าจะช่วยเหลือได้ เพราะว่าคราวที่แล้วไปก็อากาศหนาวแบบนี้ ด้วยความที่พ่อเจ้าประคุณดูแลสถานที่อยู่ จึงได้รบกวนท่านให้ช่วยสงเคราะห์ด้วย เพราะว่าที่พักนั้นเป็นเรียวกัง อยู่ในลักษณะของโรงแรมแบบเก่าของญี่ปุ่น ซึ่งขนาดเตียงก็สร้างตามขนาดคนญี่ปุ่น ทำเอากระผม/อาตมภาพเท้าเลยเตียงไปเกือบศอก..! และผ้าห่มก็สั้นไปเกือบศอกเช่นกัน เมื่อถึงเวลาขดเท่าไรก็ไม่หายหนาว จึงต้องรบกวนเจ้าที่เจ้าทางท่านช่วยอนุเคราะห์ให้ ถึงได้รอดกลับมา..!

เถรี 15-03-2025 23:35

ส่วนในกลุ่มไลน์นั้นมีผู้ถามปัญหาว่า "ระหว่างพระเครื่องกับเครื่องราง จะพกพาอะไรดี ?" หลายท่านที่ได้ยินคำถามนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะว่ามีตัวอย่างที่กระผม/อาตมภาพนั้นพกให้เห็นเป็นประจำ ก็คือพกทั้งพระเครื่องและเครื่องรางด้วย

แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของการสร้างพระเครื่องหรือว่าเครื่องรางนั้น ส่วนใหญ่แล้วครูบาอาจารย์ท่านก็จะทำมาเฉพาะด้าน พูดง่าย ๆ ว่าฝึกฝนมา มีความเชี่ยวชาญชำนาญทางด้านไหน ก็สร้างเครื่องรางหรือว่าพระเครื่องออกไปทางด้านนั้น อย่างเช่นว่าด้านมหาลาภ ที่เด่นชัดเลยก็คือ เหรียญเจ้าสัว หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว พระปิดตาปลดหนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี นี่ยกเป็นตัวอย่างเท่านั้น

ถ้าหากว่าเป็นด้านมหาเสน่ห์ ก็ต้องพระปิดตา หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ถ้าจะเอาเป็นพวกเครื่องรางก็เยอะแยะหลายอย่างหลายประการ อย่างเช่นว่าปลัดขิก ไม่ว่าจะของหลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ ตลอดจนกระทั่งรุ่นต่อ ๆ มาอย่างหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก เหล่านี้เป็นต้น

ถ้าหากว่ามาด้านมหาอุดคงกระพัน ก็ต้องตระกูลตะกรุดคู่ชีวิต ซึ่งเริ่มต้นด้วยหลวงปู่โพธิ์ วัดวังหมาเน่า ถ่ายทอดมาถึงหลวงปู่เงิน วัดบางคลาน แล้วลูกศิษย์หลวงปู่เงิน วัดบางคลานที่ทำให้ตะกรุดคู่ชีวิตดังระเบิดเถิดเทิงเลย ก็คือหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง หลวงพ่อภู วัดท่าฬ่อ และหลวงพ่อทบ วัดชนแดน เป็นต้น

หรือถ้าจะเอาทางภาคกลาง ก็หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ตะกรุดพอกครั่งของท่านสามารถลองยิงได้ทุกดอก

หรือถ้าหากว่าเป็นมหาอุดสายใต้ก็ต้องสายเขาอ้อ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ หลวงพ่อเอียด วัดดอนศาลา หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ หรือว่าหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนก็ตาม

เถรี 15-03-2025 23:46

แต่ถ้าหากว่าต้องการในด้านมหาอำนาจ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปทางเครื่องราง โดยเฉพาะเขี้ยวเสือ ซึ่งต้นตำรับโด่งดังที่สุดก็คือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย รองลงมาลูกศิษย์ในวัดก็คือหลวงปู่เรือน วัดบางเหี้ย หลวงปู่สาย วัดบางเหี้ยก็ดี หรือไปที่หลวงพ่อนก วัดสังกะสี แล้วออกไปไกลที่หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาสก็ตาม

หรือว่าจะเป็นการสร้างเสือสร้างสิงห์ของตำราอื่น ๆ หรือพระเกจิอาจารย์ด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสือมหาอำนาจ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เสือมหาอำนาจ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หรือว่าสิงห์งาแกะ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ตลอดจนกระทั่ง เสือ สิงห์ กิเลน หลวงพ่อเฮง วัดเขาดิน หรือจะมาทางด้านของสิงห์ตาพลอย หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก สิงห์หลวงปู่มุ่ย วัดดอนไร่ เหล่านี้เป็นต้น

ถ้าหากว่าต้องการด้านความเจริญก้าวหน้าในทุกด้านก็ต้องตะกรุดโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ซึ่งสืบทอดลงมา ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง ท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง หลวงพ่อทองสุข หลวงปู่วาส วัดสะพานสูงก็ตาม

หรือตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช ซึ่งไม่ว่าจะเป็นของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช หรือว่าท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสจอมขมังเวทย์ก็ดี

ถ้าต้องการในด้านป้องกันภัยก็ต้องตะกรุดมหาระงับ ซึ่งที่เด่น ๆ มาก ๆ เลยก็หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม มาถึงรุ่นลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็น
หลวงปู่รุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ หรือว่า หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช เหล่านี้ก็ได้

ถ้าหากว่าด้านนะจังงัง หรือว่าสะกดทัพหลับไหล ก็ต้องตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน

เถรี 15-03-2025 23:54

ไปด้านป้องกันไสยศาสตร์นี่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นยันต์เกราะเพชร ตามตำราพระร่วง ซึ่งเริ่มต้นที่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มาหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

หรือว่ามีดหมอ ที่โด่งดังที่สุด คือมีดหมอเทพศาสตรา หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ รองลงมาก็หลวงปู่กัน วัดเขาแก้ว หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เป็นต้น หรือถ้าหากว่ามาถึงมีดหมอ ภปร.- สก. (มีดหมอดาบฟ้าฟื้น) หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ก็ได้

ในด้านป้องกันภัย คุ้มบ้าน คุ้มภัย คุ้มคน คุ้มรถ ก็ต้องประเภทวัวธนู ควายธนู วัวธนูที่โด่งดังมาก ๆ ก็หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง หรือว่าทางด้านเหนือ ซึ่งตำราคล้ายคลึงกันมากเลย ก็จะมีทางด้านครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ หรือแม้กระทั่งรุ่นหลังอย่างครูบาชุ่ม วัดวังมุย หรือว่าหลวงปู่ครูบาคำแสน วัดดอนมูล เหล่านี้ก็ตาม พวกวัวธนู ควายธนู แมลงภู่คำเหล่านี้เอาไว้ป้องกันได้ดีนัก

ถ้าด้านเสริมดวง พลิกชีวิต ก็ต้องพระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ หรือว่าลูกอมเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ตลอดจนกระทั่งพระราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง หรือว่าบรรดา ๑๒ นักษัตรของหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เหล่านี้เป็นต้น

ถ้าต้องการด้านรักษาโรค ที่โด่งดังที่สุดก็คือพระกริ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้ที่จับไม่ติดเลยก็คือพระกริ่งปวเรศ รองลงไปก็พระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช (ติสฺสเทวมหาเถร) วัดสุทัศนเทพวราราม เหล่านี้เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเฉพาะด้าน ก็คือครูบาอาจารย์ท่านเด่นด้านไหน ถนัดด้านไหน ก็ทำมาอย่างนั้น ที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ในวงการพระเครื่องหรือว่าเครื่องรางเท่านั้น ถ้าจะให้กล่าวแตกแยกออกไปอีก ว่ากันเป็นชั่วโมงก็ไม่หมด..!

เถรี 16-03-2025 00:04

แต่ว่าบางท่านเองสร้างพระเครื่องหรือวัตถุมงคลออกมา ในลักษณะของการครอบจักรวาล ก็คือดีไปทุกด้าน ซึ่งประกอบไปด้วยพระสมเด็จวัดระฆัง ของ หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หรือว่าพระ ๖ กษัตริย์ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค พระสมเด็จของขวัญ หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือแม้กระทั่งมารุ่นหลัง ๆ อย่างสมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ถ้าประเภทนี้ของท่านก็พกองค์เดียวเที่ยวทั่วโลกได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปพกพาอะไรมากมาย

แต่ว่าความรักความชอบของแต่ละคนต่างกันไป ท่านไหนที่ถนัดด้านบู๊ ต้องการคงกระพัน มหาอุดก็แสวงหาครูบาอาจารย์ที่ตนเองมั่นใจ อย่างเช่นว่าตะกรุดหลวงปู่ภู วัดดอนรัก ซึ่งหลวงปู่ภู วัดดอนรักนี้ต้องบอกว่าสุดยอดมหาอุดจริง ๆ ก็คือคนอื่นยิงเราก็ไม่ออก เราจะยิงคนอื่นก็ไม่ออกอีกด้วย..!

กระผม/อาตมภาพเจอวัตถุมงคลแบบนี้ก็ "หัวร่อไม่ออก ร่ำไห้ไม่ได้" เพราะว่าทำอะไรเขาก็ทำไม่ได้ เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าอุดอย่างเดียวจริง ๆ หรือไม่ก็เอาประเภทเหนียวสะเด็ดยาด แมลงวันไม่ได้กินเลือด อย่างหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ก็ไม่ว่ากัน

ดังนั้น..ท่านที่ถามว่าจะพกพระเครื่องหรือว่าเครื่องรางดี ก็ขึ้นอยู่กับจริตนิสัยของแต่ละคน กระผม/อาตมภาพนั้นมีความรักชอบในเครื่องรางเป็นอย่างมาก แต่ว่าอะไรก็ตาม ต้องอาศัยคุณพระนำหน้า จึงต้องพกพระติดองค์ไปด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็ดี หรือว่าพระ ๒๕ พุทธศตวรรษ เนื้ออะไรก็ตามถ้าอยู่ใกล้มือ เหล่านี้เป็นต้น

ส่วนเครื่องรางอื่น ๆ ก็พกไปตามแต่ว่าจะใช้ในเหตุการณ์ใด ๆ แต่ที่ติดรถติดตัวอยู่เป็นประจำเลยก็ต้องมีเบี้ยแก้ และมีดหมอ เผื่อเอาไว้ฉุกเฉิน ก็คือนอกจากป้องกันอันตรายสำหรับตนเองแล้ว ก็ยังสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นเขาได้อีกด้วย

เนื่องเพราะว่าการพกวัตถุมงคล บางทีก็เหมือนอย่างกับตำรวจ ทหาร ที่มีอาวุธติดตัว บุคคลอื่นเห็นก็ต้องเกรงใจเป็นธรรมดา ถ้าเราคิดว่าสมาธิดี สภาพจิตเข้มแข็ง คาถาเข้มขลัง เราจะไม่พกอะไรเลยก็ได้ แต่หลวงพ่อฤๅษีฯ เคยเตือนกระผม/อาตมภาพว่า "แกประมาทจนเกินไป เพราะว่าคนเราสติไม่ได้สมบูรณ์ โอกาสที่จะเผลอย่อมมี"

ดังนั้น..ทางที่ดีให้หาวัตถุมงคลที่ปลุกเสกโดยอาศัยบารมีของพระ ของพรหม ของเทวดา ท่านสงเคราะห์ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีวันเผลออยู่แล้ว เมื่อเราอาราธนาแล้ว ต่อให้เราลืม ท่านก็คุ้มครองให้ ดังนี้เป็นต้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ตัดสินให้ไม่ได้ว่าจะพกพาอะไรบ้าง ยกให้เป็นความรักชอบส่วนตัวของแต่ละคนไปก็แล้วกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว