กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=155)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=10713)

ตัวเล็ก 25-12-2024 17:54

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๗



เถรี 26-12-2024 00:39

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลถวายพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ. ๘) อดีตเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้มรณภาพลงที่ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ โดยมีพระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร เป็นประธานสงฆ์ในงานนี้

เมื่อเจอหน้า พระเดชพระคุณพระพรหมดิลกก็เมตตาทักทายว่า "เล็ก..ข้าว่าจะหาเวลาไปวัดท่าขนุน ยังปลีกตัวไม่ได้สักที" กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายว่า "ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนอุณหภูมิอยู่ที่ ๑๐ กว่าองศาเซลเซียสเท่านั้น ถ้าหากว่าหลวงพ่อจะเดินทางไปตากอากาศพักผ่อนเมื่อไร ให้เลขานุการติดต่อผมได้ทุกเวลาเลยครับ" เมื่อถึงเวลาตามพิธี พระเดชพระคุณท่านก็เป็นประธานในการนำบูชาพระรัตนตรัย ส่วนกระผม/อาตมภาพเป็นหนึ่งในพระเถระผู้ร่วมสวดพระพุทธมนต์ในงานนี้

เรื่องของหลวงพ่อไพบูลย์นั้น พวกเราทั้งหลายแทบจะลืมไปแล้วว่าท่านเป็นเจ้าคุณชั้นธรรม ซึ่งในยุคนั้นสมัยนั้นต้องถือว่าเป็นพระราชาคณะระดับสูงมาก แต่ว่าพระเดชพระคุณท่านไม่ได้มีความถือเนื้อถือตัวอะไรเลย ย้ำอยู่เสมอว่าท่านเป็นเด็กบ้านนอก โดยเฉพาะกับพระภิกษุสามเณรแล้ว ท่านให้ความเมตตาในทุกด้าน เวลาออกเดินทางตรวจการณ์คณะสงฆ์ ถ้าหากว่าเจอพระภิกษุสามเณรเดินอยู่ข้างทาง ท่านก็จะสอบถามว่า "จะไปทางไหน ?" ถ้าหากว่าเป็นเส้นทางเดียวกัน ท่านก็จะเมตตารับขึ้นรถแล้วไปส่งให้ทุกวัด..!

กระผม/อาตมภาพอยากจะเชื่อว่า "หลวงพ่อไพบูลย์" ที่พวกเราเรียกกันติดปาก จนลืมสมณศักดิ์ของท่านไปนั้น เป็นเจ้าคณะจังหวัดเพียงรูปเดียว ที่ไปจนทั่วทุกวัดภายในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ว่าจะอยู่ลึกในป่าในดงขนาดไหน ท่านก็ล้วนแล้วแต่ไปถึงทั้งสิ้น จนกระทั่งไปทะเลาะกับ "เจ้าพ่อเขาเหล็ก" มาแล้ว

เหตุเพราะว่าท่านไปค้างคืนที่ศาลาการเปรียญวัดเขาเหล็ก อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นดงกะเหรี่ยง แล้วตอนกลางคืนก็มีผี คือเจ้าพ่อเขาเหล็กมาขับไล่ท่านไม่ให้นอนที่นั่น บอกว่าเป็นสถานที่ของตน หลวงพ่อไพบูลย์ถามว่า "มึงเป็นเจ้าพ่อที่นี่ใช่ไหม ?" อีกฝ่ายหนึ่งตอบว่า "ใช่" ท่านถามต่อไปว่า "มึงเป็นใหญ่ในตำบลนี้ใช่ไหม ?" อีกฝ่ายก็ตอบว่า "ใช่" พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "มึงเป็นใหญ่แค่ตำบลนี้ แต่ดันไม่รู้จักกูที่เป็นเจ้านาย กูเป็นเจ้าคณะจังหวัด ในจังหวัดนี้ไม่มีใครใหญ่กว่ากูอีกแล้ว ขนาดเจ้านายมึงยังไม่รู้จัก เดี๋ยวกูก็เล่นซะเลย..!" เจ้าพ่อเขาเหล็กพอได้ยินดังนั้น ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา..!

เถรี 26-12-2024 00:42

พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเล่าให้พวกเราฟังแล้วก็หัวเราะ บอกว่า "เรื่องของผีพวกมึงอย่าไปยอมมัน เราเป็นคน..เราต้องอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่ามันแน่นอน" กระผม/อาตมภาพอยากจะเรียนถวายว่า "ก็คงจะมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นแหละครับ ที่ผียอมกลัว เพราะว่าบารมีของท่านครอบคลุมไปทั่วจังหวัด จนบางคนเรียกท่านว่า "เทพเจ้าแห่งกาญจนบุรี" ถ้าหากว่าเป็นอย่างพวกกระผมแล้ว ก็มีหวังโดนเหยียบแบนคาศาลาอยู่ตรงนั้นแหละ..!"

พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านให้ความเมตตาต่องานคณะสงฆ์ และทุ่มเทให้กับงานคณะสงฆ์อย่างชนิดที่เรียกว่ามอบกายถวายชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของการอบรมบาลี หรือว่าการสอบบาลี สอบนักธรรม ทุกงานจะเห็นหลวงพ่อไพบูลย์ไปอยู่เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ

ถ้าหากว่าเป็นที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็จะขนเอาพืชผักไปให้เป็นคันรถ ๆ เพื่อที่จะได้ประกอบอาหารเลี้ยงผู้เข้าอบรมบาลีก่อนสอบทุกครั้ง ในการตรวจข้อสอบของกองงานอบรมบาลีก่อนสอบ ไม่ว่าจะเป็น ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม เที่ยงคืน ก็จะเห็นหลวงพ่อไพบูลย์เอาผ้าอาบพาดบ่า เดินคุยเสียงดังให้กำลังใจกับทุกคน จนกว่างานจะเลิก..!

ท่านทำตัวแบบนี้สม่ำเสมอมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ตั้งแต่ยังเป็นพระมหาไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาตามลำดับเป็นเจ้าคุณชั้นสามัญที่พระวิสุทธิรังษี เจ้าคุณชั้นราชที่พระราชปัญญาสุธี เจ้าคุณชั้นเทพที่พระเทพปัญญาสุธี และเจ้าคุณชั้นธรรมที่พระธรรมคุณาภรณ์ ไม่มีเลยในงานไหนที่จะไม่เห็นเงาหลวงพ่อไพบูลย์ไปคอยให้กำลังใจลูกน้องในที่นั่น..!

เถรี 26-12-2024 00:45

แม้กระทั่งทางวัดท่าขนุน ตอนนั้นประมาณปี ๒๕๔๓ หรือว่า ๒๕๔๔ พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ๆ ไม่กล้าที่จะเข้าหน้าเจ้าคณะจังหวัด เพราะใคร ๆ ก็ลือว่า "หลวงพ่อไพบูลย์ท่านดุมาก..!" ความจริงหลวงพ่อไพบูลย์ท่านไม่ได้ดุ แต่เป็นคนที่เด็ดขาด และพูดจาไม่มีหางเสียงตามประสาเด็กบ้านนอก โดยเฉพาะท่านพูดกับพวกเราจะใช้คำประเภท "มึง..กู" อยู่เสมอ แต่ขอให้รู้ว่าท่านพูดในลักษณะเมตตามาก

เมื่อถึงเวลา พระสมุห์สมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รูปก่อนกระผม/อาตมภาพ จะตั้งสำนักเรียนบาลี ได้ชวนกระผม/อาตมภาพไปกราบขออนุญาตต่อหลวงพ่อไพบูลย์ ตอนนั้นท่านติดงานศพอยู่ที่ฌาปนสถานวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)

เมื่อกระผม/อาตมภาพเล็งเห็นว่าท่านว่างจากญาติโยมชั่วขณะหนึ่ง จึงได้ดึงพระสมุห์สมพงษ์เข้าไปกราบตรงหน้า เรียนถวายท่านว่า "ทางวัดท่าขนุนต้องการจะเปิดสำนักสอนบาลี ถ้าหากว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ขัด กระผม/อาตมภาพจะได้ทำหนังสือมาถวายอย่างเป็นทางการครับ" ท่านบอกว่า "ไม่ต้องเสียเวลาทำหนังสือ พวกมึงกลับไปเปิดได้เลย ขาดเหลืออะไรให้บอก เดี๋ยวกูจะช่วย..!" นี่คือกำลังใจของหลวงพ่อไพบูลย์ ที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทุกคนรักนักรักหนา

แม้กระทั่งโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ที่อำเภอพนมทวน บ้านเกิดของท่านนั้น ก็เกิดจากการที่พวกกระผม/อาตมภาพเล็งเห็นว่า หลวงพ่อท่านขี่รถเก่า ๆ ไม่สมกับเจ้าคณะจังหวัดชั้นเทพ ซึ่งตอนนั้นดูแล้วยิ่งใหญ่มาก เพราะว่าเจ้าคณะจังหวัดอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่แค่ชั้นราชเท่านั้น โอกาสที่จะขึ้นชั้นเทพยังน้อยมาก เนื่องจากว่าไม่ได้มีผลงานท่วมฟ้าท่วมดินเหมือนกับหลวงพ่อไพบูลย์ ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคุณพระเทพปัญญาสุธีอยู่

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจึงได้ปรึกษาหารือกัน แล้วก็ตกลงกันว่า พระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสทุกวัด ให้พร้อมใจกันสละปัจจัยรูปละ ๒,๐๐๐ บาท เพื่อเอาไปถวายในวันเกิด ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านซื้อรถคันใหม่

ทันทีที่ทราบเจตนารมณ์ของพวกเราในวันเกิดปีนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็บอกว่า "ขอบใจมากที่พวกมึงเห็นใจ รถของกูยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ลูกหลานกูที่พนมทวนยังไม่มีโรงพยาบาลดี ๆ ไว้รักษาตัวเอง เมื่อถึงเวลาก็ต้องเดินทางไกล ๆ กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลพหลฯ ในตัวเมืองก็เสียเวลามาก บางคนอาการหนักก็เสียชีวิตไปเลย กูขอเอาเงินก้อนนี้ไปตั้งต้นสร้างโรงพยาบาลดีกว่า" ว่าแล้วท่านก็ลงมือทำเลย

โดยเฉพาะเมื่อว่างจากงานสงฆ์ ท่านก็จะไปร่วมผสมปูน หิ้วถังปูน
เทปูน บัญชาการ โดยที่ใส่เฉพาะสบง อังสะ มีผ้าอาบเคียนศีรษะอยู่ผืนเดียว ช่วยหิ้วปูน เทปูน กระทุ้งปูน อยู่กับพวกเราทุกวันจนตัวดำปี๋ ท้ายที่สุดโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์อุปถัมภ์ที่อำเภอพนมทวนก็สำเร็จเรียบร้อย หลวงพ่อท่านยังเมตตาหาเงินให้ช่วยซื้อเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ จนกระทั่งในที่สุดโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์อุปถัมภ์ ก็สำเร็จลงสมเจตนารมณ์ทุกประการ ในเมื่อมีผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเรารักท่านได้อย่างไร ?

เถรี 26-12-2024 00:48

แม้กระทั่งวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ซึ่งมาสำเร็จลงในยุคที่กระผม/อาตมภาพเข้ามาเป็นประธานจัดหาทุนสร้างให้นั้น ก็เกิดจากปรารภของหลวงพ่อเจ้าคุณไพบูลย์นี่เอง ท่านปรารภว่า "กูอยากให้ลูกหลานชาวจังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียนจบปริญญาตรีกันทุกคน ถ้าเป็นไปได้ กูจะสร้างมหาวิทยาลัยให้ลูกหลานกูได้เรียนฟรี..!" นี่เป็นปณิธานที่ท่านไม่สามารถจะทำได้สำเร็จ

พวกกระผม/อาตมภาพซึ่งนำโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปปัจจุบัน ซึ่งเป็น "เด็กหน้าห้อง" "เด็กในคาถา" ที่หลวงพ่อไพบูลย์ท่านเมตตาบวชเณรให้ และส่งเรียนจนกระทั่งจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค และจบปริญญาโทจากประเทศอินเดีย ได้ปรึกษาหารือกับพวกกระผม/อาตมภาพ แล้วช่วยกันสร้างฝันของหลวงพ่อไพบูลย์ให้เป็นจริงในยุคสมัยนี้จนได้

พระเดชพระคุณหลวงพ่อไพบูลย์ท่านมีกิจวัตรประจำปีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือต้องเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียทุกปี เมื่อเจอพระภิกษุสามเณรชาวไทยซึ่งไปศึกษาอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นวัดใดในประเทศไทยก็ตาม ท่านจะถวายปัจจัยให้พระภิกษุสามเณรเหล่านั้นรูปละ ๒๐๐ ดอลลาร์ บอกว่า "กูให้มึงเอาไว้ใช้ในการศึกษา จะได้ไม่ต้องไปรบกวนหลวงพ่อของพวกมึงให้มากนัก" บรรดาพระภิกษุสามเณรรุ่นเก่า ๆ จึงได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อท่านอย่างสม่ำเสมอทุกปี

แต่ด้วยความที่พระเดชพระคุณท่านกรำงานหนักมาตลอดชีวิต ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม
พุทธศักราช ๒๕๔๕ ขณะที่ท่านเองกำลังบัญชาการให้บรรดาพ่อครัวแม่ครัว ทำอาหารถวายพระที่ร่วมเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ นั้น อยู่ ๆ ท่านก็ล้มลง เนื่องเพราะว่าเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แล้วก็มรณภาพที่ประเทศอินเดียนั่นเอง..!

ทำให้ชาวกาญจนบุรีอย่างพวกเราเศร้าโศกเสียใจกันทั้งจังหวัดยังไม่พอ บรรดาพระเถระเจ้าคณะปกครองทุกรูป ต่างก็เสียดายพระสังฆาธิการระดับสูง ที่ให้ใจกับงานคณะสงฆ์อย่างชนิดเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์อยู่เสมอ

ดังนั้น..ในงานครบรอบวันมรณภาพของท่านทุกปี จึงมีผู้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง จึงขอกล่าวถึงหลวงพ่อไพบูลย์ที่กระผม/อาตมภาพได้สัมผัสมาด้วยตนเอง เอาไว้เพื่อเป็นที่รำลึกถึงในวันครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๒๒ ของท่านมา ณ ที่นี้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:52


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว