![]() |
ข้ออ้างของคนขี้เกียจ
กุสีตวัตถุ ๘ ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้จะต้องทำการงาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้องทำการงาน ก็เมื่อเราทำการงานอยู่ ร่างกายจักเหน็ดเหนื่อย ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่หนึ่ง ฯ ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้ทำการงานแล้ว ก็เมื่อเราทำการงานอยู่ ร่างกายเหน็ดเหนื่อยแล้ว ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่สอง ฯ ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุจะต้องเดินทาง เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้องเดินทาง ก็เมื่อเราเดินทางไปอยู่ ร่างกายจักเหน็ดเหนื่อย ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่สาม ฯ ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเดินทางไปถึงแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้เดินทางไปถึงแล้ว ก็เมื่อเราเดินทางอยู่ ร่างกายจักเหน็ดเหนื่อย ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่สี่ ฯ |
๕. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ไม่ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะที่เศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ไม่ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะที่เศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ ร่างกายของเรานั้นเหน็ดเหนื่อยไม่ควรแก่การงาน ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่ห้า ฯ
๖. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะที่เศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเที่ยวบิณฑบาตไปยังบ้านหรือนิคม ได้ความบริบูรณ์แห่งโภชนะที่เศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการแล้ว ร่างกายของเรานั้นเหน็ดเหนื่อย ไม่ควรแก่การงานเหมือนถั่วลาชมาศที่ชุ่มน้ำ ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่หก ฯ ๗. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก อาพาธเพียงเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า อาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่เราแล้ว ความสมควรเพื่อจะนอนมีอยู่ ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่เจ็ด ฯ ๘. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุหายจากไข้ หายจากความเป็นไข้ได้ไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราหายจากไข้ หายจากความเป็นไข้ได้ไม่นาน ร่างกายของเรานั้นยังอ่อนแอ ไม่ควรแก่การงาน ควรที่เราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุเพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังมิได้ทำให้แจ้ง นี้เป็นวัตถุแห่งความเกียจคร้านข้อที่แปด พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๕ อังคุตตรนิกาย > อัฏฐกนิบาต > วรรคที่ไม่สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์ > ยมกวรรค > กุสีตวัตถุสูตร |
"คนขี้เกียจอ่านแล้วละอายใจไหมครับ :154218d4:"
|
นึกถึงสมัยก่อน เวลาที่หลวงพี่ท่านสั่งให้ทำงานอะไร ใจมันก็มักจะคิดว่า "เดี๋ยวก่อนค่อยทำ ไว้แดดร่มหน่อยค่อยทำ ไว้หายอิ่มก่อนค่อยทำ ฯลฯ" แค่คิดในใจ หลวงพี่ท่านพูดขึ้นมาลอย ๆ พลางมองท้องฟ้า (เหมือนบอกกับเทวดา) ว่า
"บุคคลผู้เกียจคร้าน มักผลัดวันประกันพรุ่ง โดยกล่าวกับตนว่า หนาวเกินไปบ้าง ร้อนเกินไปบ้าง อิ่มเกินไปบ้าง หิวเกินไปบ้าง เช้าเกินไปบ้าง สายเกินไปบ้าง...ฯลฯ" "เอ่อ..เอ่อ ครับ ๆ พอเถอะครับหลวงพี่ ผมรับทราบแล้วครับ ผมจะรีบไปทำเดี๋ยวนี้แล้วครับ" หลวงพี่ลดสายตามองหน้า พลางหัวเราะและยิ้มด้วยความสะใจ แฝงนัยอันลี้ลับ "โธ่! หลวงพี่ครับ บอกผมตรง ๆ คงไม่เจ็บขนาดนี้ นี่ยกธรรมะขึ้นมาพูด แล้วผมจะเอาอะไรมาอ้างได้ละครับ:onion_no:" (ผมคิดในใจ พลางรีบไปทำงานที่ท่านสั่งในทันที) |
อ้างอิง:
"เอ๊ะ? ท่านว่าเราหรือเปล่าหว่า เอ๊ะ? หรือท่านไม่ได้พูดกับเรานะ เอ๊ะ? หรือท่านว่าลอย ๆ เอ๊ะ? หรือท่านว่าคนอื่น เอ๊ะ? ท่านพูดจริงหรือพูดเล่น เอ๊ะ? เราจะทำตามเลยดี หรือรอไว้ก่อนอย่างที่ตั้งใจดี" มันต้องมีการสอบสวนกันก่อน แต่พอได้ข้อสรุปแล้ว พบว่าแท้ที่จริงแล้วการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรไปจาก "ผมถูกคดีฆาตกรรมอำพรางนั่นเอง!" (เนียนแบบผมโดนไม่รู้ตัว) ๕๕๕ :msn_smilies-11::a471739513as2::conion-04::4412144b: |
อ้างอิง:
ดีว่าไม่ถูกฆาตกรรมในห้องปิดตาย:onion_eiei: |
แต่ก่อน ที่คุณโยมทิดตู่เล่ามาฟังแล้วคงไม่เข้าใจ ตอนนี้ ใบหน้าที่ว่า หัวเราะและยิ้มด้วยความสะใจ แฝงนัยอันลี้ลับ แจ่มแจ้ง คม ชัด ลึก ใสแจ๋ว เลย แต่คิดถึงเมื่อไหร่
ก็มีแต่ความอิ่มใจเมื่อนั้น |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:03 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.