กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=51)
-   -   การพิจารณาวงจรปฏิจจสมุปบาท (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=10457)

ลลิตา 28-08-2024 15:22

การพิจารณาวงจรปฏิจจสมุปบาท
 
กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพ

ลูกปรารถนานิพพาน ขอพึ่งหลวงพ่อสั่งสอนเจ้าค่ะ

กรณีที่ ๑
ลูกได้กลิ่นอาหารแล้วดูเวทนาไม่ทัน แต่เห็นว่ามีตัณหาเกิดความอยากรับประทานขึ้น แล้วพอคิดเรื่องอื่นความอยากก็หายไป

เรียนถามหลวงพ่อดังนี้

๑. พอเห็นอนิจจังของตัณหา หรือเห็นไตรลักษณ์ของขันธ์อื่น ๆ แล้วต้องทำอย่างไรต่อเจ้าคะ

๒. ลูกเข้าใจว่า ตัณหาเกิดต่อมาจากเวทนาซึ่งมาจากผัสสะอีกที เพราะผัสสะเปลี่ยนมาเป็นธรรมารมณ์กระทบใจ ตัณหาความอยากอาหารเลยหายไปตามผัสสะที่เปลี่ยนไป

ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่ และเป็นแบบนี้กับทุกกรณีเลยหรือไม่ และเมื่อเข้าใจแบบนี้แล้วเราจะไปต่ออย่างไร

กรณีที่ ๒

บางครั้งลูกเห็นทันที่เวทนาเกิด และเห็นไตรลักษณ์ของเวทนา จึงยังไม่ทันเกิดตัณหา เช่น ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกเฉย ๆ

เรียนถามหลวงพ่อ ดังนี้

๑. ตอนที่รู้สึกเฉย ๆ นั้น เป็นอทุกขมสุขเวทนา ที่ไม่เกิดตัณหาต่อ ใช่หรือไม่

๒. การเกิดอทุกขมสุขเวทนา จะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอวิชชานุสัย

๓. ถ้าต้องเกิดอวิชชานุสัยอยู่แล้ว เพราะเวทนาก็มีแค่ ๓ อย่าง จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เป็นการเห็นอย่างไม่ยินดียินร้าย จะได้ไม่เกิดอวิชชานุสัยจากอทุกขมสุขเวทนา

๔. การเห็นแล้วเกิดอทุกขมสุขเวทนา ใช่การมองด้วยอุเบกขาหรือไม่

๕. ทำอย่างไรจะตัดตรงที่ผัสสะได้เจ้าคะ เพราะปัจจุบันทำได้มากที่สุดแค่เห็นที่เวทนา

น้อมกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงเจ้าค่ะ

สุธรรม 17-09-2024 03:03

ถาม : ลูกได้กลิ่นอาหารแล้วดูเวทนาไม่ทัน แต่เห็นว่ามีตัณหาเกิดความอยากรับประทานขึ้น แล้วพอคิดเรื่องอื่นความอยากก็หายไป

เรียนถามหลวงพ่อดังนี้

๑. พอเห็นอนิจจังของตัณหา หรือเห็นไตรลักษณ์ของขันธ์อื่น ๆ แล้วต้องทำอย่างไรต่อเจ้าคะ ?

๒. ลูกเข้าใจว่า ตัณหาเกิดต่อมาจากเวทนาซึ่งมาจากผัสสะอีกที เพราะผัสสะเปลี่ยนมาเป็นธรรมารมณ์กระทบใจ ตัณหาความอยากอาหารเลยหายไปตามผัสสะที่เปลี่ยนไป

ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่ และเป็นแบบนี้กับทุกกรณีเลยหรือไม่ และเมื่อเข้าใจแบบนี้แล้วเราจะไปต่ออย่างไร ?

กรณีที่ ๒

บางครั้งลูกเห็นทันที่เวทนาเกิด และเห็นไตรลักษณ์ของเวทนา จึงยังไม่ทันเกิดตัณหา เช่น ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกเฉย ๆ

เรียนถามหลวงพ่อ ดังนี้

๑. ตอนที่รู้สึกเฉย ๆ นั้น เป็นอทุกขมสุขเวทนา ที่ไม่เกิดตัณหาต่อ ใช่หรือไม่ ?

๒. การเกิดอทุกขมสุขเวทนา จะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอวิชชานุสัย ?

๓. ถ้าต้องเกิดอวิชชานุสัยอยู่แล้ว เพราะเวทนาก็มีแค่ ๓ อย่าง จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เป็นการเห็นอย่างไม่ยินดียินร้าย จะได้ไม่เกิดอวิชชานุสัยจากอทุกขมสุขเวทนา ?

๔. การเห็นแล้วเกิดอทุกขมสุขเวทนา ใช่การมองด้วยอุเบกขาหรือไม่ ?

๕. ทำอย่างไรจะตัดตรงที่ผัสสะได้เจ้าคะ เพราะปัจจุบันทำได้มากที่สุดแค่เห็นที่เวทนา ?
ตอบ : ทุกข้อที่ถามมา แค่อยู่กับลมหายใจตรงหน้า ไม่หลุดออกไปไหน ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลารู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ? สิ่งนั้นเรียกว่าอะไร ?


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว