กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6565)

เถรี 08-04-2019 08:33

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒
 
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้งานปลุกเสกวัตถุมงคลมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่หล่อหลวงพ่อทองคำเสร็จ ก็ต้องรีบวิ่งออกจากวัด ไปเสกหลวงพ่อแต้มที่วัดภาณุรังษี บางพลัด อันนั้นต้องถือว่าเป็นโชคของท่านอาจารย์พระมหาอุดร สุทฺธิญาโณ ป.ธ. ๙ มีด็อกเตอร์ห้อยท้าย เพราะว่าหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมท่านอยู่ด้วยตั้งแต่ก่อนหล่อพระ จนหล่อพระเสร็จ กระทั่งไปเสกพระท่านก็ยังไม่ไปไหน ถือว่าเป็นความเฮงของคนที่ได้วัตถุมงคลชุดนั้นไป

คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของเอ็นซีทัวร์ โวยมาในไลน์ บอกว่าหลวงพ่อไปวัดภาณุรังษี ทำไมไม่บอก ? จะได้มากราบทำบุญด้วย ก็อาตมาคิดว่าไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าตอนแรกอาจารย์ท่านบอกว่าวันที่ ๔ แล้วก็เลื่อนมาเป็นวันที่ ๑๐ ทีนี้วันที่ ๙ วัดเราหล่อพระเสร็จ ต้องรีบวิ่งเข้ามา ในเมื่อกลัวว่ามาทัน ก็ไม่กล้ายืนยันกำหนดการกับใคร เพราะว่ากลัวพลาด ไปก็ไปแบบไม่ให้ท่านอาจารย์ท่านรู้ ไปบอกตอนอยู่หน้าประตูวัดว่า "ผมมาแล้วครับ" อาจารย์ท่านดีใจแทบแย่

อาตมาเองเป็นนิสิตที่มีอาจารย์เป็นทั้งพระ เป็นทั้งฆราวาส พอสอนไปสอนมา ท่านอาจารย์ก็กลับมาเป็นลูกศิษย์อาตมาอีกทีหนึ่ง ก็เลยไปนึกถึงที่ท่านอาจารย์จักรกฤษณ์ จันทร์ดำ ท่านบอกว่า "พระอาจารย์เล็กควรที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยสงฆ์" ถามว่า "ทำไมครับ ?" ท่านบอกว่า "ด้วยศักยภาพของท่าน ไปเรียนที่ไหน ผมมั่นใจว่าไม่เกิน ๓ เดือน ต้องได้เขาเป็นลูกศิษย์หมดทั้งมหาวิทยาลัยเลย" ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านอาจารย์มองจากตรงไหน

แต่คราวนี้เนื่องจากว่าหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมท่านมาในงานหล่อพระ จนกระทั่งปลุกเสกท่านก็ยังไม่กลับ ซึ่งอาตมาอยากได้แบบนี้บ้าง แต่กลับต้องไปเสกให้วัดอื่น ที่วัดเราเวลาพุทธาภิเษกโดยปกตินี่ น้อยครั้งที่ท่านจะเสด็จมา"



เถรี 08-04-2019 09:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา วันเป่ายันต์เกราะเพชร สมเด็จองค์ปฐมท่านมาเสกเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดให้ ท่านขยายเหรียญเสียใหญ่เกือบจะเต็มศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย เห็นแล้วกลัวจะโดนล้มทับ

แต่ว่าวัตถุมงคลรุ่นนั้นก็ต้องบอกว่าทำน้อย ใครไหวตัวก็ได้ไป บางคนก็เกี่ยงว่าเหรียญใหญ่ ก็เขาให้ไว้ทำน้ำมนต์ โบราณเขาเสกน้ำล้างหน้ากันทุกวัน ที่บอกว่าตอนเช้าราศีอยู่ที่หน้า กลางวันราศีอยู่ที่อก ตอนเย็นราศีอยู่ที่เท้า มาจากตำนานสงกรานต์ ในเมื่อโบราณเขาเสกน้ำล้างหน้ากัน พระท่านสงเคราะห์ให้แล้ว ไม่ใช่ล้างหน้าอย่างเดียว อธิษฐานใช้ได้สารพัด อย่าลืมว่าสุริยันทรงกลดนี่ นอกจากยามเที่ยงแล้วยังมีรัศมีซ้อนอีกต่างหาก แทนความสำเร็จ แทนความเจริญรุ่งเรืองทุกอย่าง

เมื่อวานนี้มีโยมมา บอกว่าจะขออนุญาตเอายันต์สุริยันทรงกลดไปสักใส่หลังตัวเอง ก็เชิญตามสบาย ไม่ได้ห้าม เขาบอกว่าช่วยเขียนแบบให้หน่อยได้ไหม ? มึงมีอารมณ์...มึงก็มาเขียนเองสิ...! โห...กว่าจะได้แต่ละยันต์ เขียนกันเป็นเดือน ๆ

ยันต์สุริยันทรงกลดซ้อนอยู่ ๕ ชั้น ตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่รายล้อมรอบอยู่พร้อมกับคาถาหัวใจพระรัตนตรัย อิสวาสุ เข้ามาก็เป็นคุณพระสงฆ์ คุณพระธรรม คุณพระพุทธ แล้วก็หัวใจโลกธาตุตรงกลาง"

เถรี 08-04-2019 20:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อทองคำเป็นพระที่สวยสมบูรณ์มากจนแทบจะไม่ต้องแต่งเลย ตั้งแต่หล่อ จนกระทั่งเอาไปแต่ง แล้วยกกลับมาวัด อัญเชิญขึ้นมณฑป ใช้เวลา ๙ วันเท่านั้น แม้แต่อาตมาก็ยังงง ๆ ว่าเร็วขนาดนี้เลยหรือ ? ช่างเขาบอกว่าลวดลายทุกอย่างติดครบถ้วนสมบูรณ์ ที่เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือตัดเอารอยต่อกับชนวนออก แล้วค่อยขัดแต่งเท่านั้น จึงใช้เวลาน้อยมาก"

เถรี 09-04-2019 08:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้สามเณรอยู่ที่วัด ๘๐ กว่ารูป โดนตีทุกวัน แต่เณรบอกว่าทนได้ เพราะเดี๋ยววันที่ ๑๐ สึกแล้วจะได้เงิน ๒,๐๐๐ บาทเป็นทุนการศึกษา

ปกติเขามักจะไปบวชที่อื่นกัน ที่วัดท่าขนุนไม่ค่อยจะบวช เพราะว่าพระพี่เลี้ยงดุ ปีที่แล้วอาตมาให้ทุนการศึกษาหลังจบโครงการคนละ ๒,๐๐๐ บาท ปีนี้เลยแห่มาเสีย ๘๐ กว่าคน ให้ไปเป็นทุนการศึกษา แต่เขาบอกว่าจะเอาไปเล่นเกม มีการศึกษาวิดีโอเกมด้วยนะ..!

พระพี่เลี้ยงก็ใจดีเหลือเกิน ฉันเช้าเสร็จก็เดินจงกรม ๑ ชั่วโมง พอนั่งสมาธินี่...เณรนอนสมาธิกันเสียครึ่งหนึ่ง พระพี่เลี้ยงเขาบอกว่านอนได้แสดงว่าสมาธิดี...ปล่อยยาวเลย จริง ๆ แล้วก็เป็นตามนั้น ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวก็จะหลับไม่ได้ แต่ว่าเป็นสมาธิแบบหยาบมาก เป็นปฐมฌานอย่างหยาบ คราวนี้พี่เลี้ยงเขาเข้าใจจึงปล่อยเลย

ส่วนท่านที่ไม่หลับแสดงว่าทรงสมาธิไม่ได้ ก็ทนเดินจงกรมต่อไป แล้วก็มีพวกนุ่งขาวห่มขาว ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายอยู่ ๑๐ กว่าคน พวกนั้นเป็นเด็กที่ไปแก้ ร. ก็คือติดขัดส่งงานไม่ทันบ้าง ไม่ได้สอบเก็บคะแนนกลางภาคบ้าง อาจารย์บอกไปเลย ไปหาไม้เรียวหลวงพ่อวัดท่าขนุน ทนได้ ๑๐ วันกลับมาจะแก้ ร. ให้

ความจริงเด็กในกรุงเทพฯ น่าจะแก้ ร. ด้วยวิธีนี้บ้างนะ บังคับให้ไปแก้ ร. ที่วัดท่าขนุน เดินจงกรมภาวนาทั้งวันจนประสาทจะกินอยู่แล้ว..!"


เถรี 09-04-2019 23:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในจำนวนโลหะทั้งหมด ชินกับทองคำรับพลังงานได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลโบราณส่วนใหญ่จะใช้เนื้อชิน เพราะว่าหาง่าย ราคาไม่สูง

คำว่า ชิน หรือ ชินะ เป็นภาษาบาลี คนไทยเรียกว่าตะกั่ว อย่างเจ้าเมืองท่าตะกั่วที่ไทรโยค ตำแหน่งก็คือพระชินติฏฐบดี คำว่าชินก็คือตะกั่ว ที่คนไทยเรียกว่าชินดิษฐ์ ต้นตระกูลนามสกุลชินดิษฐ์ ติฏฐะแปลว่าตั้งอยู่ ชินะแปลว่าตะกั่ว ตั้งอยู่ที่ท่าตะกั่ว

คำว่า ติฏฐะ ตัวนี้ แปลได้อีกความหมายหนึ่งคือท่า อย่างเช่น ท่าน้ำ ท่ารถ ท่าเรือ ฯลฯ เพราะฉะนั้นชินดิษฐ์ หรือชินติฏฐะ ก็แปลว่าท่าตะกั่วตรง ๆ ก็ได้ โบราณเขาเก่ง เขาตั้งราชทินนามมาไพเราะ ทรงความหมายมาก"


เถรี 09-04-2019 23:47

พูดถึงงานหล่อหลวงพ่อทองคำ "อาตมานั่งรับเงินในวันงานตรงนั้นเกือบ ๕ ล้านบาทสำหรับซื้อทองคำ แล้วก็รับทองคำ ทั้งทองแท่ง ทองรูปพรรณ รับอยู่ตรงนั้น ๙ กิโลกรัมกว่า ๆ วันเดียวตอนช่วงเช้าที่หล่อพระ ต้องเรียกว่าไม่ถึงวัน เพราะว่านั่งรับประมาณตอน ๖ โมงครึ่ง เสร็จแล้วก็ไปหล่อพระตอนเกือบ ๙ โมงครึ่ง ราว ๆ ๓ ชั่วโมงเท่านั้น

รับเงินสดไป ๔ ล้านกว่าเกือบ ๕ ล้านบาท แล้วก็ทองคำอีก ๙ กิโลกรัมเศษ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือชนวนทองคำกับทองที่เหลือจากการหล่อ ซึ่งตอนนี้ช่างเขายอมแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว

ปกติพวกช่างหล่อนี่เขาจะคำนวณโลหะเก่งมาก แต่คำนวณของวัดท่าขนุนเป็นอันต้องเจ๊งทุกครั้งเลย ตอนหล่อหลวงพ่อเงินคำนวณอีท่าไหนไม่รู้ เหลือเนื้อเงินมา ๕๐ กว่ากิโลกรัม งานหล่อหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำนี่ ขนาดให้หล่อเนื้อเงินองค์ใช้งานจริงไปก่อน เพื่อจะได้คำนวณทองคำที่ต้องใช้ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าน้ำหนักองค์เงินคูณด้วย ๑.๘ จะเป็นน้ำหนักองค์ทองคำ ตัวเลขเป๊ะ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว ยังพลาดไปอีก ๒๐ กว่ากิโลกรัม

ต้องขอบคุณท่านทั้งหลายที่แอบมาหย่อนใส่เบ้า โดยที่ไม่รู้ว่าใครต่อใครบ้าง แต่ท่านอาจารย์บ๊ะหย่อนลงไป ๕ บาท...! ถ้าอยากรู้ว่าท่านไปตอนไหนแล้วไปถาม ท่านก็คงบอกว่า “กูก็ขี่ไม้กวาดไปสิวะ..!”"


เถรี 09-04-2019 23:49

"ที่แน่ ๆ ก็คือปกติแล้วเทวดาที่รักษาในงานของวัดท่าขนุน ถ้าไม่ ๘ องค์ ก็ ๑๒ องค์ งานนี้ไปจำนวนมหาศาลมาก อาตมาเห็นคนเยอะ รับปัจจัยเท่าไรคนก็ไม่หมดสักที ถามท่านว่ามากันเท่าไร ? ท่านบอกว่า "ประมาณ ๓,๐๐๐ ครับ"

“สามพันอะไรวะ ? รับเท่าไรไม่รู้จักหมด” ท่านบอกว่า “ไอ้ ๓,๐๐๐ นี่พวกผมมา ส่วนชาวบ้านมากันเป็นหมื่น” น่าเหยียบไหม ? อาตมาก็คิดว่าคนมา ๓,๐๐๐ คน ประกาศไปด้วยความมั่นใจมาก

จาก ๘ หรือ ๑๒ องค์ที่เคยมาดูแลเวลามีงาน กลายเป็น ๓,๐๐๐ องค์ เพราะว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านเสด็จมาเอง"

เถรี 10-04-2019 00:34

พระอาจารย์เล่าว่า "ท่านอาจารย์วันชาติ วัดป่าพระพุทธบาทเขาน้อย เห็นอาตมาช่วยท่านอาจารย์โนรี วัดหนองหญ้าปล้อง สร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๐ ศอก ท่านก็คิดว่า ‘เฮ้ย...เล็กไปหน่อย ถ้ากูสร้างนี่เอา ๕๐ ศอกเลย’ เสียงสาธุลั่นทั้งฟ้าเลย เทวดาโมทนา ฉิบหายแล้ว..! ท้ายสุดก็เลยต้องทำ

คนซวยกลายเป็นอาตมา ช่วยท่านอาจารย์โนรีสร้างหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๐ ศอกไป ๘ ล้านกว่าบาท ของท่านอาจารย์วันชาตินี่ทยอยให้ไปปีละล้าน ๆ ปาไป ๕ ล้านบาท บอกท่านว่าพอแล้ว ที่เหลือไปหาเองก็แล้วกัน เขาทำเองทำไมเดือดร้อนถึงอาตมาด้วยก็ไม่รู้ ?"

เถรี 10-04-2019 00:37

"ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก จริง ๆ แล้วเป็นความคิดของหลวงพ่อวิโรจน์ วัดสระพัง ท่านบอกว่า "เฮ้ย...ลงทุนประมาณ ๑๐ ล้านเท่านั้นเอง เดี๋ยวพวกเราหากันมาให้ได้ ๑๐ คน คนละล้านก็อยู่แล้ว" ก็ดึงคนโน้นมาบ้าง คนนี้มาบ้าง คนนั้นมาบ้าง โดยเฉพาะอาตมาซึ่งเขาถีบให้ออกนำเป็นหัวหน้า

อาตมาถวายไป ๑ ล้านบาท ท่านอื่นทั้งหมดรวมตัวกันถวายไป ๑ แสนบาท คราวนี้ก็บรรลัยสิ ๑ ล้านกับอีก ๑ แสนบาทอยู่ใต้พื้นดินหมดเลย เป็นแค่ฐานรากเท่านั้น ไม่มีโผล่พ้นดินขึ้นมาเลย ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องหากฐินหาผ้าป่าไปให้ รวม ๆ แล้วหมดไป ๘ ล้านกว่าบาท ได้องค์พระขึ้นมาเรียบร้อย

คราวหน้าถ้าพรรคพวกกลุ่มนี้ชวนอีก อาตมาบอกว่าอย่าไปเชื่อมัน เพราะว่าถึงเวลาก็ประเภทโดดร่มหนีกันหมด ปล่อยให้อาตมาเครื่องบินตกตายอยู่คนเดียว

อาตมามีนิสัยว่าถ้าทำอะไรต้องทำให้เสร็จ ไม่ใช่ทำแล้วครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะว่าผิดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การทำงานแล้วไม่คั่งค้างนั้นเป็นอุดมมงคล"

เถรี 10-04-2019 19:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกว่าจะเอาเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดเนื้อทองคำมาวางในตู้ให้คนดูเล่น ๆ แต่ปรากฏว่าโดนบูชาไปหมดเกลี้ยงแล้ว ทำไว้แค่ ๓ เหรียญ เหรียญละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ถามว่าทำไมเหรียญละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท ? ราคานี้เกือบจะไม่ได้อะไร เพราะว่าแต่ละเหรียญนี้น้ำหนักทองคำเกือบ ๒๐ บาท"

เถรี 10-04-2019 23:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้คุณสุรีย์ (ผู้รับเหมา) กำลังให้ช่างทำพื้นหินขัดหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกที่หน้าวัด เขากะว่างวดนี้ลงน้ำยากันซึมแบบไม่เสียดาย แล้วค่อยขัดหินอีกชั้นหนึ่ง ดูว่าจะรั่วอีกไหม ? เขายืนยันว่าเสร็จทันสงกรานต์ จะส่งงานวันที่ ๘ นี้ คราวนี้แต่วันที่ ๘ อาตมาไม่อยู่ ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์พอดี"

เถรี 10-04-2019 23:14

"อาตมาเกี่ยวข้องกับการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๐ ตอนนั้นเพิ่งจะได้พรรษาที่ ๒ หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นประธานสงฆ์ในการตักน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง บริเวณหน้าโรงเรียนพระสุธรรมยานเถรวิทยา เพราะว่าเป็นที่เกิดของสมเด็จพระปฐมบรมมราชชนก คือคุณพระพินิจอักษร (ทองดี) พระราชบิดาในรัชกาลที่ ๑ ช่วงนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นประธานอยู่

ครั้งที่ ๒ ปี ๒๕๕๔ เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว เสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตอน ๘๔ พรรษา ฉลองอายุ ๗ รอบของพระองค์ท่าน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ ๓ ในชีวิต สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีเพิ่งถวายฎีกามา นิมนต์ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐

ในชีวิตถ้าเกี่ยวข้องกับการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงก็ ๓ ครั้งด้วยกัน ตอนแรกสำนักพุทธฯ มาถวายฎีกา บอกว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีท่านนิมนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว เขาบอกไม่ได้ครับ เพราะว่า
ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของสำนักพุทธฯ เพราะฉะนั้นถึงจะรับฎีกาจากใครแล้วก็ตาม สำนักพุทธฯ ก็ต้องออกฎีกาอีก ๑ ฉบับ"

เถรี 10-04-2019 23:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ก็เลยเกี่ยวข้องอยู่กับของพวกทางวัฒนธรรม พวกการทอผ้ามือ วันก่อนก็เพิ่งจะมีงานวันรักการอ่านคนกาญจนบุรี สภาวัฒนธรรมของอาตมาก็เอาผ้ากะเหรี่ยงกับสินค้ามอญไปออกงาน สร้างอาคารเรือนกะเหรี่ยงหนึ่งหลัง เรือนมอญหนึ่งหลัง เอาของไปขาย คนทอผ้าก็ทอไม่ทัน สะสมสินค้ามาตั้งหลายเดือน แค่วันเดียวขายเกือบหมดแล้ว

สินค้าเขาใช้ภาษาง่าย ๆ ว่าทำมือ ก็คือทอด้วยมือ ทอด้วยกี่เอว กว่าจะได้แต่ละผืนก็ช้า ต้องอาศัยเครื่องทอเข้ามาช่วย ตอนนี้ทางด้านชาวมอญห้วยเขย่งขอกี่ทอผ้ามา ๑๐ ชุด ในงบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท อาตมาบอกเอาไป ๕ ชุดก่อน เพราะว่า ๕ ชุดนี้ก็คือ ขอดูว่าคุณเอาจริงแค่ไหน ? สัมฤทธิผลของงานเป็นอย่างไร ? ควรแก่การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ ? เพราะฉะนั้น..ปีนี้เอาไป ๕ ชุดก่อน ถ้าทำแล้วผลงานออกมาดี ปีหน้าจะเพิ่มให้อีก ๕ ชุด จะได้เป็นโครงการต่อเนื่องไปอีกปีหนึ่งด้วย อาตมาเองก็ไม่ต้องจ่ายทีเดียว ๒๐๐,๐๐๐ บาท เขาเองก็จะได้รู้ว่าเขาเอาจริงกันเท่าไร"

เถรี 10-04-2019 23:21

"ส่วนศูนย์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงบ้านไร่ป้าขอด้ายมา เพราะว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขามีกี่เอวกันเองอยู่แล้ว อาตมาก็มีหน้าที่ซื้อด้ายให้ พยายามบอกเขาแล้วว่าให้เปลี่ยนสีบ้าง ถ้าหากว่าเป็นสีทึบ ๆ คนซื้อไม่ค่อยอยากได้ ต้องสีสด ๆ อย่างแดง ฟ้า เขียวสด เหลืองสด ฯลฯ นักท่องเที่ยวเห็นก็แย่งกัน สีพวกนี้จะหมดก่อนเพื่อนเลย

แต่ที่น่าทึ่งที่สุดก็คือผ้ากะเหรี่ยง น้องเล็กเขาซื้อมาชุดหนึ่ง เอาไว้ใช้ในงานวัฒนธรรม เขาย้อมสีได้ดีมาก ซักแล้วสีไม่ตกเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขามีวิธีย้อมแบบไหน อยู่ยงคงทนมาก สีไม่ตกเลย"

เถรี 11-04-2019 22:42

"อาทิตย์ก่อนไปร่วมสัมมนากับทาง ศ.ศ.ป. คือศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ คณะของ ศ.ศ.ป. มาที่บ้านหนองเจริญของลุงโจ-ป้าลอน ซึ่งป้าลอนได้รับบันทึกชื่อเป็นครูศิลป์ของแผ่นดินในด้านงานจักสาน ที่เขาสัมภาษณ์มีอยู่จุดหนึ่งก็คือ ทางเรามีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมกี่แห่ง ? แล้วมีการประสานงานรวมเป็นเส้นทางวัฒนธรรมเดียวกันหรือเปล่า ? มีนักท่องเที่ยวมาประมาณเท่าไร ? มีคนมาดูงานเท่าไร ?

อาตมาบอกไปว่าโยมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า งานทางวัฒนธรรมเป็นงานที่คนต้องสนใจจริง ๆ ถึงจะมาดู นักท่องเที่ยวปัจจุบันนี้แบ่งเป็น ๓ พวกด้วยกัน พวกหนึ่งเที่ยววัด ก็จะมีเส้นทางไหว้พระ ๙ วัดกาญจนบุรี ซึ่งวัดท่าขนุนเป็นหนึ่งใน ๙ วัดนั้น อีกพวกหนึ่งเที่ยวธรรมชาติ ไปป่า ไปเขา ไปล่องแพ ไปขี่ช้าง ฯลฯ

ส่วนพวกสุดท้ายท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ที่น่าสงสารคือมีน้อยที่สุด ถ้าหากว่าเราเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมขึ้นมาแล้วมีนักท่องเที่ยวน้อย เขาก็จะขาดกำลังใจ ตอนช่วงนี้ต้องพ่วงอยู่ในชุมชนคุณธรรมที่มีวัดเป็นแกนนำ จะต้องหาทางเอาสินค้าทางวัฒนธรรมมาตั้งไว้ในวัด คนมาเที่ยววัดก็จะได้เจอสินค้าไปด้วย"

เถรี 11-04-2019 22:47

"คราวนี้อาตมาเองก็เพิ่งจะจัดงานตลาดชุมชน เอาสินค้าทางวัฒนธรรมมาลงตอนช่วงงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ทำให้เห็นข้อบกพร่องอยู่อย่างหนึ่งว่า สินค้าพวกนี้ต้องมีเวลาในการสะสม ก็คือให้เขาทอ ให้เขาจักสาน ให้เขาผลิต ถึงเวลาก็ต้องเว้นระยะ สะสมสินค้าพอแล้วถึงจะได้ไปออกจำหน่ายใหม่

เพราะฉะนั้น...งานต่อไปก็เลยเว้นไปออกวันที่ ๑๕-๑๗ มิถุนายน ซึ่งเป็นงานฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง ให้ชาวบ้านเขามีเวลาสะสมสินค้า งวดนี้ขายในวัด ไม่ขายหน้าวัดแล้ว หน้าวัดเอาไว้จอดรถ ขายในวัดอย่างไร ? เรามีซุ้มอยู่อย่างน้อย ๆ ก็ ๙ ซุ้ม แล้วกางเต็นท์เพิ่ม ก็น่าจะได้สัก ๑๐ กว่าร้าน ไม่ถึง ๒๐ ร้านก็ใกล้เคียง แล้วก็ให้แต่ละชุมชนเอาสินค้ามาลง ไม่รู้ว่าจะมีใครยืนระยะได้ครบ ๓ วันบ้าง เหตุที่ยืนระยะไม่ครบ ๓ วันเพราะว่าเวลาคนมา เห็นอะไรแล้วชอบใจก็มักจะกวาดทีเดียวหมด"

เถรี 11-04-2019 22:55

"บางทีเขาทอผ้าอยู่ตั้งหลายเดือนกว่าจะได้สัก ๕-๖ ตัว บางคนสั่งทีหนึ่ง ๓ ตัว แทบจะหมดเลย แต่ว่าพวกผ้าทอมือราคาจะแพงหน่อย ชุดหนึ่งราคาเป็นพัน ถ้าหากว่าทอเครื่องก็จะได้รูปแบบงานที่ดูดีกว่า สวยกว่า แล้วก็ทำได้เร็วกว่า แต่ว่าขาดความเป็นธรรมชาติ ก็คือผ้าทอมือจะมีพวกปมด้าย ที่ต้องต่อ ต้องมัด แล้วแต่เหตุการณ์ ซึ่งฝรั่งจะชอบมากกว่า เขาเห็นว่าเป็น Handmade จริง ๆ แต่ถ้าใช้เครื่องทอนี่เส้นด้ายไม่มีรอยต่อ บางทีเขาก็ไม่ชอบ ไปชอบของทำยาก...ถึงแพงก็สู้

ถ้าหากว่าทอมือบางทีตัวหนึ่ง ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ บาท แต่ทอเครื่องตัวหนึ่งอาจจะเหลือแค่ ๓๐๐-๔๐๐ บาท ทอกันแทบตายเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้สักตัวหนึ่ง โยมมาถึงใช้เวลา ๒ นาทีตัดสินใจซื้อไปแล้ว คนทอผ้าก็นั่งเคว้ง แล้วจะเอาอะไรมาขายอีก ?"

เถรี 11-04-2019 23:00

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาชอบเครื่องรางเพราะว่าทำยาก ส่วนอาจารย์บ๊ะท่านชอบเหรียญ อาตมาก็เลยผ่องถ่ายเหรียญไปให้ท่านอาจารย์บ๊ะ ไปนั่งส่องเอา ตัวเองก็เก็บเครื่องรางต่อไป"

เถรี 11-04-2019 23:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าหากว่าใจสบายร่างกายจะทรุดโทรมช้า ถ้านับเพื่อนร่วมรุ่นหรือรุ่นน้องที่ระดับ ๕๐-๖๐ ปีด้วยกัน อาตมาจะแก่ช้าหน่อย ที่แก่ช้าเพราะว่ามัวแต่ทำงาน...ลืมเวลา ไม่ได้ไปนั่งนึกถึงเวลาว่าผ่านไปกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ลืมนึกไป ในเมื่อลืมนึกไปก็เท่ากับว่า เวลาของเรายังไม่ทันจะผ่านไป ก็เลยแก่ช้าหน่อย ลองทำกันดูนะ..เผื่อว่าจะทำได้

หลวงพ่อเมียะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะพานลาว ท่านบอกว่า “อาจารย์เล็กเขาไม่แก่หรอก เขาไม่เครียด เขามีสตางค์” ปรากฏว่าหลวงพ่อชนะ วัดเสาหงส์บอกว่า “มีสตางค์นั่นแหละตัวเครียดเลย ไม่รู้ว่าจะโดนปล้นเมื่อไร” สรุปว่าคนอื่นมีสตางค์แล้วเครียดเพราะว่ากลัวโดนปล้น ส่วนวัดท่าขนุนมีสตางค์แล้วไม่เครียด เพราะว่าไปถึงก็ใช้หมด"


เถรี 11-04-2019 23:09

"ต้องขอบพระคุณอย่างยิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนลูกศิษย์ไม่ให้เก็บเงิน มีเท่าไรใช้ให้หมด ทำหนี้เอาไว้เยอะ ๆ ยิ่งดี เงินมาจะได้ไม่คิดว่าเป็นของเรา เออ...วิธีนี้เข้าท่า เพราะว่าตั้งแต่ทำมาพอไม่มีเงินเหลือเก็บแล้วสบายใจ ไม่ต้องเครียด มีเท่าไรใช้แค่หมด ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครปล้นหรือเปล่า"

เถรี 11-04-2019 23:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตัดผมไฟแล้วเสียของ เด็กถ้าหากว่าไม่ตัดผมไฟ ถึงเวลายังเป็นวัตถุอาถรรพ์ได้อยู่อย่างหนึ่ง คือผมสาวพรหมจารีที่ไม่ได้โกนผมไฟ เขาเอาไว้ทำบ่วงตัดเหล็กไหล เพราะฉะนั้น..โกนแล้วเสียของหมด

สมัยนี้อยากหาสาวพรหมจรรย์ต้องให้เจ้าแม่กวนอิมท่านตัดสิน งานแห่มังกรที่ปากน้ำโพ เขาจะหาสาวพรหมจรรย์มาเป็นร่างทรงของเจ้าแม่กวนอิม

วิธีหาของเขาก็คือ มีสาวสมัครมากี่คนก็จัดส้มคูณ ๒ ไป อย่างเช่นมีอยู่ปีหนึ่งมีผู้สมัครเป็นร่างเจ้าแม่กวนอิม ๒๔ คน เขาก็เอาส้ม ๔๘ ลูก เขียนหมายเลขหนึ่ง ๒ ใบ หมายเลขสอง ๒ ใบ ไล่ไปเรื่อยจนถึง ๒๔ แล้วใส่ไว้ในตะกร้าหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็เขียนใส่อีก ๗ ตะกร้า รวมแล้ว ๘ ตะกร้า แปลว่าร่างทรงเจ้าแม่กวนอิมจะต้องไปล้วงส้มแต่ละตะกร้า ตะกร้าละ ๒ ใบ รวมแล้วส้ม ๑๖ ใบต้องได้หมายเลขเดียวกันทั้งหมด มีโอกาสเป็นไปได้สักหนึ่งในล้านไหม ? แต่เขาก็ได้กันทุกปีนะ

ใครที่ได้เป็นร่างทรงเจ้าแม่กวนอิม เสร็จพิธีแล้วบรรดาเถ้าแก่วิ่งสู่ขอกันอุตลุด ไม่ต้องใช้แม่สื่อ ทุกคนมั่นใจว่าผ่านการรับรองจากเจ้าแม่กวนอิมแล้ว พวกเราล้วงตะกร้าหนึ่งจะให้ได้หมายเลขเดียวกัน ๒ ใบก็ยากแล้ว นี่ ๘ ตะกร้าต้องได้หมายเลขเดียวกันทั้ง ๑๖ ใบ ดูเหมือนจะยากกว่าออกเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่หนึ่งตั้งเยอะ"

เถรี 13-04-2019 20:24

พระอาจารย์เล่าว่า "ถ้าจำไม่ผิด...เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ไปงานประจำปีที่วัดท่าซุง หลังจากเจริญพุทธมนต์แล้ว รับไทยธรรมเสร็จก็มีการให้ญาติโยมใส่ย่ามพระ อาตมาเอาย่ามไปก็วางให้โยมเขาใส่ สักพักหนึ่งทางวัดก็เอาถุงผ้าโปร่งใส่พานมาให้โยมใส่แทน อาตมาเองในเมื่อวางย่ามแล้วก็ไม่เอาออก วางไว้อย่างนั้นแหละ โยมที่มาก็เลยใส่ถุงผ้าในพานแล้วก็ใส่ย่ามอีก กลายเป็น ๒ เด้ง ก็เลยรับมาเยอะกว่าชาวบ้านเขาหน่อย ถ้ามัวรอถุงผ้าของทางวัดก็จะได้เด้งเดียว เงินจำนวนนี้อาตมาเอาลงหล่อพระทองคำไปเรียบร้อยแล้ว"

เถรี 13-04-2019 20:34

"อาตมาไปประชุมสัมมนากับศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ พอแนะนำตัวว่าอาตมาคือพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ด็อกเตอร์ธาวิษ ถนอมจิตศ์ กระโดดเหยง “หลวงพ่อเล็กใช่ไหมครับ ?” “ใช่” “ผมเพิ่งจะโอนเงินไปร่วมหล่อพระกับหลวงพ่อเมื่อไม่นานมานี้เอง” แล้วเอ็งก็ไม่รู้จักข้าเลยนะ นั่งอยู่ติดกันแท้ ๆ ถ้าไม่แนะนำตัวจะรู้จักไหมนั่น ?

ท่านจบด็อกเตอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ พอดีว่าท่านจบจากนิด้า ส่วนอาตมามีอาจารย์ที่นิด้าหลายคน ก็เลยคุยกันถูกคอดี โดยเฉพาะอาจารย์ที่ลูกศิษย์ลงความเห็นว่าติ๊งต๊องอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์กฤษ เพิ่มทันจิตต์ คนไปว่าท่านติ๊งต๊องเพราะท่านมาถึงท่านจะบอกเลยว่า ในอดีตคุณเคยเป็นอะไร เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันมา ผมถึงต้องมาสอนคุณ เจออาจารย์แบบนี้เข้าลูกศิษย์บางคนรับไม่ได้ เลยว่าท่านอาจารย์ติ๊งต๊อง

ส่วนอาตมาท่านอาจารย์เจอหน้าก็บอกว่า “ท่าน...เราเคยทำงานร่วมกันภายใต้เศวตฉัตรของในหลวงรัชกาลที่ ๕” ท่านอาจารย์ก็แม่นนี่หว่า..! เจอหน้ากันครั้งแรกก็บอกเลย คนเขาเลยว่าอาจารย์กฤษเป็นอาจารย์ติ๊งต๊อง แต่ความจริงที่ท่านพูดมาใช่ทั้งนั้นแหละ ต้องบอกว่านิด้านั้นเป็นแหล่งซ่อนเสือซ่อนมังกร"

เถรี 13-04-2019 20:36

"อาจารย์อีกคนก็คือรองศาสตราจารย์ด็อกเตอร์สมพร แสงชัย ปัจจุบันนี้ท่านพกพระกริ่งพิชัยสงครามของวัดท่าขนุน ท่านบอกว่าท่านจับวัตถุมงคลมามากมายมหาศาล มีวัตถุมงคลชิ้นนี้พลังงานมากที่สุด อยากรู้ว่าใครเสก เพื่อนที่เอาพระกริ่งพิชัยสงครามไปให้ก็พามาเจอหน้าอาตมา ท่านอาจารย์ก็นั่งงง เพราะว่าสมัยที่ทำพระกริ่งพิชัยสงครามอาตมาเพิ่งจะอายุไม่เท่าไร

ตรงจุดนี้เป็นจุดได้เปรียบของลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะว่าเรารู้จักพระพุทธเจ้า พอถึงเวลาก็ขอบารมีท่านให้สงเคราะห์ ไม่ต้องเสกเอง ถ้าหากว่าคุณขอบารมีเป็น ทำได้ถูกต้อง ทำอะไรก็ขลัง เพราะฉะนั้น...ท่านอาจารย์จากนิด้า ๒ ท่านที่คุ้นเคยกัน ล้วนแต่มีความสามารถพิเศษแบบนี้ทั้งคู่

ตอนอาตมาเรียนปริญญาเอก ท่านอาจารย์สมพรเป็นอาจารย์พิเศษ เขาเชิญท่านมาสอน เจอหน้ากันท่านอาจารย์ก็ประกาศเลย บอกว่า "ผมเองมาเป็นอาจารย์ แต่ในจำนวนลูกศิษย์ทั้งหมดในที่นี้ มีพระอาจารย์ของผมอยู่ด้วย" สรุปว่าทั้งสองคนผลัดกันเป็นอาจารย์ ผลัดกันเป็นลูกศิษย์

เรื่องพวกนี้ทำให้เห็นชัดว่า ในส่วนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าอภิญญาจะปรากฏเป็นสาธารณะเริ่มชัดขึ้น แต่ว่าสำคัญตรงที่ว่า ท่านที่รู้ก็มักจะโดนควบคุมว่าพูดได้แค่ไหน แสดงออกได้แค่ไหน"

เถรี 13-04-2019 20:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา ขอให้ดำริของท่านจงเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ จันโท ปัณณะระโส ยะถา ประหนึ่งพระจันทร์ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ...ฟังยาก พวกเราฟังไม่ออก ซ้ำยังแปลไม่ได้อีกต่างหาก

ยะถาก็คือฉันนั้น ตะถาก็คือฉันใด ประหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำฉันนั้น ลงท้ายด้วยยะถาต้องแปลว่าฉันนั้น"

เถรี 13-04-2019 21:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับวัดท่าขนุนปีนี้ นักเรียนบาลีทำชื่อเสียงไว้มาก สอบประโยค ๕ ได้ ๒ รูป ประโยค ๑-๒ ได้ ๓ รูป ไปตกประโยค ๔ อยู่รูปเดียว ก็สู้ต่อไป

ปีนี้มีพระใหม่อาสาไปเรียนเพิ่มอีก ๒ ราย คือท่านอาจารย์พระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ เปรียญธรรม ๙ ประโยค รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปที่ ๒ ท่านทำโครงการ ๑ อำเภอ ๑ มหาเปรียญ ก็เลยบอกท่านว่า "ทองผาภูมิไม่ต้องทำหรอกครับ ทองผาภูมินี่มหาเปรียญจะท่วมวัดท่าขนุนตายอยู่แล้ว" แต่ว่าปีนี้ก็ส่งให้ท่านไปรูปหนึ่ง

ที่อัศจรรย์ก็คือหลวงพ่อมหาเอกชัย วัดหม่องกระแทะ ปีนี้สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ อัศจรรย์สุด ๆ คือว่าท่านอายุมาก การสอบประโยค ๙ ได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถามว่าทำไมไม่ใช่เรื่องง่าย ? เปรียญธรรม ๙ ประโยคในจังหวัดกาญจนบุรี ถ้ารวมท่านอาจารย์มหาเอกชัยก็เพิ่งจะนับได้ครบ ๒ มือ

การเรียนบาลีต้องใช้ความอดทนมาก ๆ สมัยอาตมาเรียนอยู่ หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เตือนอยู่เสมอ เจอหน้าเมื่อไรก็ “ท่านเล็ก...อย่าทิ้งสมาธินะ ทิ้งเมื่อไรจะท้อ สู้ไม่ไหวหรอก บาลีนั้นยาก” บาลีที่ยากเพราะว่าเขาบังคับให้เราจำอย่างเดียว โอกาสที่จะเข้าใจมีน้อยมาก ถ้าอยากจะเข้าใจบาลีจริง ๆ ต้องไปเรียนบาลีใหญ่ ที่เขาเรียกว่ามูลกัจจายน์ ทางโน้นเขาจะมีสูตรบอกให้รู้ว่าแต่ละอย่างมาจากไหน ที่มาที่ไปอย่างไร แล้วถ้าหากว่าเรียนบาลีทั่วไป เปรียญธรรม ๑-๒ ไม่ถึง ๙ ทน ๆ จำเอาก็แล้วกัน เป็นการวัดว่าสมองใครดีกว่า จำได้เยอะกว่า เขาไม่ได้วัดความเข้าใจ"

เถรี 15-04-2019 20:07

พูดถึงไม้ "เนื้อไม้มะเกลือกับไม้ชิงชันจะแน่นหนักชนิดไม่ลอยน้ำ โยนลงก็จมน้ำเลย ส่วนไม้อื่นนี่ยังลอยน้ำอยู่ ถ้าอยากรู้จักไม้มาก ๆ ก็ต้องเด็กบ้านนอกอย่างอาตมา เพราะว่าคลุกคลีตีโมงอยู่กับของพวกนี้ สมัยก่อนต้องตัดไม้มาทำบ้าน ทำศาลา ฯลฯ ถึงเวลาเขาเปิดปีกไม้ออกมา เนื้อข้างในเป็นอย่างไรก็จำเอาไว้

ตอนไปที่สังขละบุรี เจ้าของร้านเขาขายเฟอร์นิเจอร์ เป็นลูกกลึงที่เอาไว้นั่ง ๒ ลูก เห็นแล้วชอบใจมากเลย ถามเขาว่าราคาเท่าไร ? เจ้าของร้านบอกว่า ถ้าอาจารย์บอกถูกว่าไม้อะไรให้ฟรีเลย ก็เลยบอกแน่ใจนะ ? เขาบอกแน่ใจ อาตมาบอกว่า "ไม้ตะคึก เอามาเสียดี ๆ กูรู้จัก" ไม่อย่างนั้น ๒ ลูกนั้นต้องจ่ายเขาไม่ต่ำกว่า ๔,๐๐๐ บาท

พวกเราแค่คำว่า ตะคึก ยังไม่รู้จักเลยใช่ไหม ? ต้นตะคึกจริง ๆ แล้วใบอ่อนสามารถกินได้ แต่ต้องต้มหรือไม่ก็ต้องย่างไฟก่อน
จิ้มน้ำพริก เด็กบ้านนอกอย่างอาตมากินกระจายหมด ถึงเวลาถ้าไปกับคุณมงคลหรือพี่แดงของพวกเรา คุณแดงก็จะมองว่าต้นไหนขายได้ ส่วนอาตมาจะมองว่าต้นไหนกินได้ เดินผ่านป่าแต่ละทีต้นไม้เฉาเลย ไอ้นี่ก็จ้องจะกิน ไอ้นั่นก็จ้องจะขาย"

เถรี 15-04-2019 20:12

"ไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เขาใช้ไม้ชิงชันหรือไม้แดง แล้วก็ไม้จำปา ไม้มะม่วง แต่ร้านนั้นไม่รู้ว่าไปเอาไม้ตะคึกมาจากไหน ได้มาแต่แก่นล้วน ๆ เนื้อสีดำ สีสันออกคล้าย ๆ มะเกลือ เพียงแต่ว่ามะเกลือนี่ลายน้อย ตะคึกลายชัดกว่า คนที่เคยชินมองดูก็รู้ทันที

อย่างไม้พะยูงกับไม้ชิงชัน ถ้ากลึงติดกระพี้เหมือนกันจะดูไม่ออก ยกเว้นคนที่ชำนาญ ก็คือไม้พะยูงเนื้อจะละเอียดกว่า แล้วก็สีเข้มกว่า พอใช้ไปนาน ๆ ไม้พะยูงจะออกสีดำเลย แต่คนจีนเขาว่าสีม่วงดำ คนจีนเขาเรียกไม้จันทน์ม่วง เป็นไม้มงคลสูงสุดของจีน สำหรับคนจีนถ้าไม่ใช่แก่นต้นท้อ ไม้พะยูงเขาถือว่าเป็นไม้มงคลที่สุด ขายกันชนิดชั่งกิโลขาย ไม่ต้องสงสัยหรอก ในบ้านเราที่ขโมยตัดไม้พะยูงกันฉิบหายวายป่วง ก็ส่งไปจีนทั้งนั้นแหละ เพราะว่าราคาแพงมาก

บรรดาวัดทางภาคอีสาน
สมัยก่อนนี่ ส่วนใหญ่จะมีไม้พะยูงอยู่มาก แต่ละต้นก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น วันดีคืนดีดึก ๆ ก็มีรถกระบะวิ่งเข้ามาพร้อมกับเลื่อยเครื่อง...แล้วตัดเลย หลวงพ่อออกไปไล่ก็บอกว่า หลวงพ่อกลับไปจำวัดเถอะ ถ้ามายุ่งตรงนี้เดี๋ยวจะตายเสียเปล่า ๆ แล้วหลวงพ่อที่ไหนจะกล้าไปยุ่ง ? เขาไม่ได้สนใจว่าเป็นของสงฆ์ของวัด เขารู้อยู่อย่างเดียวว่าขายได้ราคาแพง"

เถรี 15-04-2019 20:13

"พระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชของวัดท่าขนุน ด้ามทำด้วยไม้พะยูง ตอนแรกอาตมาตั้งใจจะเอาฝักไม้พะยูงด้วย แต่ปรากฏว่าไม้ที่หามาเป็นไม้สด ก็คือเขาโค่นแล้วผ่ามาเลย ไม้สดนี่ถ้าไม่รอหลาย ๆ ปีจนกระทั่งอยู่ตัว ถึงเวลาพอทำเป็นฝักซึ่งเป็นไม้แผ่นบาง ๆ พอแห้งแล้วก็บิดตัว เสียไม้ไปเยอะ ก็เลยต้องเปลี่ยนฝักเป็นไม้สักทอง ด้ามเป็นไม้พะยูง เพราะว่าไม้สักทองนั้นอาตมามีไม้สักเก่าอยู่

ใครที่ได้พระขรรค์โสฬสไปลองพิจารณาให้ดี ๆ จะเห็นว่าด้ามเป็นไม้พะยูง ส่วนฝักเป็นไม้สักทอง ก็คงหาดูยากสักหน่อย เพราะว่าทำแค่ ๘๔ เล่ม ทำถวายกุศลในหลวงรัชกาลที่ ๙ สามารถยืดให้ท่านอยู่ได้มาอีก ๕ ปี ๘๙ แล้วถึงได้เสด็จสวรรคต ปีที่พระองค์ท่าน ๘๔ พรรษา อาตมาเองก็ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรปีนั้นพอดี ก็เลยเป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกที่มีชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมจารึกอยู่ ยังไม่รู้ว่าชิ้นต่อไปคืออะไร น่าจะเป็นบาตรน้ำมนต์ฉลอง ๖๐ ปีกระมัง ? ใครที่จองก็ถือว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นที่ ๒ ที่มีชื่อของอาตมาจารึกอยู่"

เถรี 15-04-2019 20:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณสว่าง เหมือนปอง ผู้ทรงคุณวุฒิสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เพิ่งจะแต่งเพลงและร้องเพลงหลวงพ่อทองคำวัดท่าขนุน บันทึกวีดีโอเสร็จ ถ้าใครอยากฟังเข้าไปใน Facebook ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนนะ

อาตมาเรียก “พี่หว่าง” โยมต้องเรียกปู่แล้ว อายุ ๗๐ กว่าแล้ว ได้ยินเสียงแล้วจะคิดว่าเด็กวัยรุ่น ถามว่าได้ดูแลร่างกายอะไรเป็นพิเศษบ้าง เขาบอกว่าไม่มีเลย กิน ๆ นอน ๆ ตามปกติ อาตมาเองก็แค่สนับสนุนข้อมูลแล้วก็สตางค์ ส่วนเนื้อเพลงกับคำร้องฝีมือพี่หว่างล้วน ๆ"


:4672615: ตามลิงค์นี้ค่ะ : https://www.youtube.com/watch?v=0u_w...ksAYDTVCNg-FvA

เถรี 15-04-2019 20:57

โยมมัวแต่ถ่ายรูป "จะรวยช้าก็ตอนถ่ายรูปนี่แหละ รีบยกมา...! ทำบุญ ทำให้ง่าย ทำให้ไว อย่าทำให้ยาก สมัยนี้เป็นธรรมเนียมนิยมใช่ไหม ? จะทำอะไรต้องลงโซเชียลให้ชาวบ้านเขารับรู้ก่อน

สักประมาณ ๓ เดือนที่แล้ว มีคลิปวีดีโอหนึ่งที่สาวกับหนุ่มเขาชอบกัน พอถามชื่อนามสกุลแล้วสาวค้นอะไรของหนุ่มคนนั้นไม่เจอสักอย่าง เพราะว่าเขาไม่เล่น facebook ความเครียดก็บังเกิด เพราะไม่รู้ว่าหนุ่มเป็นใคร ชอบอะไร มีการดำเนินชีวิตอย่างไร ท้ายสุดก็สรุปว่าผู้ชายน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาว ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็เป็นมนุษย์ต่างดาวมาตั้งนานแล้วเพราะว่าไม่เล่นเหมือนกัน

เหตุที่ไม่เล่น Facebook เพราะอะไรรู้ไหม ? อันดับแรก...เล่นยาก ยังไม่เคยมีใครบอกว่าเล่นอย่างไร อันดับที่สอง...เวลาไม่มี เรื่องจะไปส่อง Facebook นั่งเขี่ยกันเป็นวัน ๆ ไม่มี ก็เลยไม่เล่น แต่บรรดาเพื่อนอาจารย์เขาบอกว่า พระอาจารย์เล็กเป็นอาจารย์ที่ไม่เล่น Facebook แต่มีรูปลง Facebook มากที่สุดในโลก สรุปก็คือพอพวกเรามาทำบุญที่นี่แล้วถ่ายรูปไปลง ก็ติดอาตมาไปด้วย"

เถรี 15-04-2019 20:59

"Facebook เหมาะที่จะให้คนแก่อายุ ๖๐ ปีไปแล้วเล่น เพราะว่าตอนนั้นเกษียณอายุแล้วไม่มีอะไรทำ เพราะฉะนั้น..ใครมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายวัยเกษียณก็หาเฟซบุ๊ก หาไลน์ให้ท่านเล่น ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาหาให้ท่านเล่นแล้ว ท่านถามว่าจะให้ข้าสอนแกไหม ? เพราะว่าเล่นมานานแล้ว

เทคโนโลยีควรจะอำนวยความสะดวก
ให้กับเรา ถ้าทางโลกคืออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต ทางธรรมคืออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติธรรมของเรา แต่อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่อย่างนั้นถ้าขาดเมื่อไรท่านจะลงแดงตาย..!"

เถรี 15-04-2019 21:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา วันที่ ๓ เมษายน เสียงหม้อแปลงไฟฟ้าในวัดท่าขนุนระเบิด...ตูม...! ไฟดับเกือบทั้งวัด พระท่านก็ไปดูสาเหตุกัน สักพักหนึ่งก็ไลน์มาบอกว่า “หลวงพ่อ...บ่างบินไปเกาะฟิวส์สายไฟแรงสูง ก็เลยระเบิด” อาตมาออกไปดู ปรากฏว่าไม่ใช่บ่าง แต่เป็นกระรอกบิน จึงบอกพระท่านว่า ถ้าบ่างปีกจะกว้างกว่านี้ ขณะเดียวกันหางก็มีติ่งอยู่นิดเดียว แต่หางฟู ๆ แบน ๆ แบบนี้เขาเรียกว่ากระรอกบิน

เป็นความซวยของเขาเอง เพราะว่าบินอยู่ทุกวัน อาตมาขอให้เขาหุ้มสายไฟ เพราะว่าถึงเวลาหน้าฝนลมแรง ถ้ากิ่งไม้แกว่งไปกระทบสายไฟเปลือย ๆ จะช็อตเอา หุ้มสายไฟหมด มีตรงฟิวส์ที่หุ้มไม่ได้ ทุกวันกระรอกก็ลงถูกที่ แต่วันนี้ลงผิด ไปลงไปโดนฟิวส์พอดี เกรียมได้ที่กำลังกินเลย ประมาณ Medium...!

ที่พูดไม่ได้นึกถึงกระรอกบินปิ้งหรอก ที่พูดเพราะประมาณ ๓๐ นาทีที่ไฟดับ พระทั้งวัดออกมานอกกุฏิกันหมดเลย ไฟฟ้าดับไม่มีพัดลมใช้ มีแต่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนั่งทำงานหน้าตาเฉย เพราะว่าเปิดพัดลมใส่ตัวก็เป็นไข้ ถ้าเปิดแอร์ก็คัน ใช้อะไรไม่ได้สักอย่าง จึงเคยชินกับอากาศปกติ คนอื่นร้อนกันแทบตาย แต่อาตมาห่มผ้านอน..!"

เถรี 15-04-2019 21:09

"เพราะฉะนั้น..ถ้าเราปล่อยให้เทคโนโลยีหรือเครื่องอำนวยความสะดวกเป็นทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่ต้องอะไรหรอก แค่ไฟฟ้าดับเราก็แย่แล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว สำหรับอาตมา ถ้าไฟฟ้าดับ ไมโครเวฟใช้ไม่ได้ก็ช่างหัวมัน เตาไฟฟ้าใช้ไม่ได้ก็ช่างหัวมัน มีแก๊สก็หุงข้าวได้ ไม่มีแก๊สก็หุงด้วยถ่าน ไม่มีถ่านก็หุงด้วยฟืน ไม่มีหม้อ ไม่มีไห ก็หุงด้วยกระบอก ไม่มีกระบอกก็ห่อผ้าชุบน้ำฝังดิน เอาดินกลบแล้วก่อไฟเผาก็ได้กินเหมือนกัน

สรุปว่าถ้าโยมไปกับอาตมามีสิทธิ์ตาย เพราะทำอะไรไม่เป็น โบราณถึงบอกว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ความรู้ทุกประเภทถึงเวลาสามารถช่วยเราได้ ดังนั้น..พอมีงานอบรมแต่ละที ส่วนใหญ่แล้วอาตมาจะไปด้วยตัวเอง บางทีเขาถามว่า หลวงพ่อยังต้องมาด้วยตัวเองอีกหรือ ? ส่งตัวแทนมาก็ได้ ส่งตัวแทนไป พอเขียนรายงานมาก็ไม่ละเอียดเหมือนกับไปฟังเอง"

เถรี 15-04-2019 21:16

"ดังนั้นความรู้ต่าง ๆ หาใส่ตัวไว้ เขาเรียกว่า สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการศึกษาเรียนรู้ เรียนมาก ฟังมาก จำได้มาก หลังจากนั้นถ้าเอาไปขบคิดจนแตกฉาน นำไปใช้งานได้ เรียกว่า จินตมยปัญญา จำไว้นะ ไม่ใช่จินตา จินตานั้นบาลีผิด หลังจากนั้นถ้าหากเอาไปตรึกตรอง จนกระทั่งรู้เห็นตามความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ซึ่งเป็นหลักธรรมที่แท้จริง เรียกว่า ภาวนามยปัญญา ถ้าหากว่าได้ภาวนามยปัญญา สภาพจิตยอมรับนี่หากินได้ตลอดชาติ ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า และอีกหลายชาติด้วยถ้ายังเกิดอยู่

ถามว่าทำไม ? อย่างเช่นว่าเราเห็นว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ ธรรมดาร่างกายเราต้องแก่ ธรรมดาร่างกายเราต้องป่วย ธรรมดาต้องหิว ธรรมดาต้องกระหาย ธรรมดาต้องร้อน ธรรมดาต้องหนาว ถ้าเราเห็นธรรมดาก็ไม่ไปดิ้นรน ถ้าไม่เห็น ไปดิ้นรนก็ทุกข์ คราวนี้การที่เราจะไม่ดิ้นรน ไม่ได้แปลว่าปล่อยวางแบบไร้ปัญญา พยายามหาทุกช่องทางแล้ว ถ้าทำไม่ได้ถึงจะปล่อยวาง

สรุปว่ายังไม่ทันที่จะเริ่มปฏิบัติธรรมเลยก็ว่าไปยาวแล้ว เห็นเทคโนโลยีตัวเดียวจากการถ่ายรูปแค่นั้นก็บ่นไปครึ่งชั่วโมงแล้ว สรุปว่าฟังแล้วจำได้ไหมว่าเริ่มจากไหน ? ลืมไปแล้ว เอาประโยคสุดท้ายก็แล้วกัน การฟังต้องจับประเด็นให้ได้ว่าประเด็นหลักที่พูดคืออะไร แล้วแตกย่อยออกไปกี่สาขา"

เถรี 17-04-2019 21:26

ประกาศให้เลื่อนรถที่จอดขวางหน้าบ้าน "มาทำบุญแล้วชอบไปขวางชาวบ้านเขา ระวังไว้..ถ้าชีวิตเกิดอุปสรรค อย่าไปบ่นใครนะ ส่วนใหญ่เรามักจะมีความคิดอยู่สองแบบ แบบแรกก็คือเราทำบุญมาดีเหลือเกิน มาแล้วมีที่จอด แบบที่สองคือ กูจอดตรงนี้แหละ มักง่ายเข้าว่า ใครจะเดือดร้อนช่างหัวมัน ระวังอย่าไปเจอป้า..! ถ้าเจอป้าถือขวานด้วย อย่าได้ไปจอดเชียว...!

เขาเรียกว่ากาลเทศะ กาละคือเวลา เทศะคือสถานที่ คนเราถ้ารู้กาลเทศะก็ไม่ทำอะไรผิดพลาด ตัวเองและคนอื่นไม่เดือดร้อน ลองนึกถึงที่อนาถปิณฑิกเศรษฐีสอนลูกสาว จงนั่งให้เป็นสุข จงนอนให้เป็นสุข

นั่งให้เป็นสุขอย่างเช่นไม่นั่งขวางทางเดิน ใครจะเข้าใครจะออกก็ไม่ต้องขยับหลบเขา ถึงเวลานั่งก็เยื้อง ๆ อยู่ทางซ้ายหรือทางขวาของผู้ใหญ่ เวลาท่านเรียกหาอะไรจะได้ใช้ได้ง่าย

นอนให้เป็นสุข เขาบอกว่าดูแลคนอื่นให้เรียบร้อย เขาพักผ่อนนอนกันหมดแล้วเราค่อยนอน จะได้ไม่มีใครเรียกจนกวนเราให้ตื่น นั่นคือกาละ...เวลาที่เหมาะสม เทศะ...สถานที่อันเหมาะสม กาละอย่างเช่นการนอน เทศะอย่างเช่นการนั่ง ฉะนั้น...จอดรถก็ต้องดูกาลเทศะด้วย

ส่วนใหญ่พวกเรารู้จักกาลเทศะ แต่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ถึงได้บอกว่าอายมาก ท่านอาจารย์ฌอน ชยสาโร เป็นฝรั่ง แต่ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ส่วนพวกเรากาลเทศะแปลว่าอะไรยังไม่รู้ ฟังเข้าใจ แต่ไม่รู้หรอกว่าแปลว่าอะไร"


เถรี 17-04-2019 21:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีข่าวที่เป็นมงคลคือ พบช้างที่น่าจะเป็นช้างเผือกคู่บารมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้ว ก่อนพิธีบรมราชาภิเษกไม่กี่วัน ตอนนี้ชื่อเก่าคือพลายเอกชัย อายุ ๓๕ ปี น้ำหนักประมาณ ๓ ตัน งายาว ๒๘ นิ้ว งายาวมากนะ ถึง ๒ ฟุตกว่า

ตอนนี้เขาดูลักษณะแล้วเข้าเกณฑ์ช้างเผือกอยู่ ๗ ประการ ส่วนที่เหลือก็รอให้ทางกรมคชบาลส่งผู้เชี่ยวชาญไปตรวจซ้ำ ถ้าเป็นช้างเผือกประจำรัชกาล ช้างเผือกเชือกนี้จะสวยมาก เพราะรูปร่างลักษณะตลอดจนกระทั่งงาสมบูรณ์มาก ถ้าไม่ใช่ช้างเผือกเอกก็ต้องเป็นโท ไม่โทก็ต้องเป็นตรี เพราะเข้าลักษณะถึง ๗ อย่างแล้ว นับว่าเป็นข่าวดีที่เป็นมงคลของประชาชนคนไทยด้วยกัน ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ จะได้มีช้างเผือกคู่บารมีที่เกิดในรัชกาลของพระองค์ท่านเองจริง ๆ"

เถรี 17-04-2019 21:48

ถาม : ผมจะทำทอดผ้าป่าสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์ รวบรวมบุญมาที่วัด ?
ตอบ : ไม่ต้อง...ทางวัดไม่บอกบุญไม่เรี่ยไร ไม่ต้องไปทำ ประเภททอดผ้าป่าส่งเดชมาที่วัด โดนอาตมาไล่กระเจิงไปหลายรายแล้ว ทางวัดมีระเบียบห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร ดังนั้น...ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของวัดที่ดำเนินการอยู่ในเว็บวัดท่าขนุนแล้ว ที่เหลือให้คิดเอาไว้ก่อนว่าเป็นการหลอกลวงกัน

เถรี 17-04-2019 22:08

ถาม : (มีดหมอตีชื่อหลวงปู่ศุข) ของจริงหรือของปลอมครับ ?
ตอบ : ปลอม...จำไว้ว่าสมัยหลวงปู่ศุขสร้างวัตถุมงคล ยังไม่มีการลงชื่อของตัวเอง

เถรี 17-04-2019 23:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไม่ตายเสียก่อนวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๒ ชีวิตนี้ของอาตมาจะได้เข้าพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ ๓ รอบแล้ว ตอนในหลวง ๖๐ พรรษานั่นรอบหนึ่งที่วัดท่าซุง ตอน ๘๔ พรรษาที่วัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) อีกรอบหนึ่ง แล้วนี่มาพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เป็นครั้งที่ ๓ ถ้ามีอีกรอบหนึ่งจะดีกว่านี้

ไม่ได้ตั้งใจเลยนะ เพราะโดยฐานะของอาตมา ในชีวิตนี้ไม่มีทางคิดว่าตัวเองจะได้รับอัญเชิญเป็นพระเกจิอาจารย์ไปนั่งปลุกเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ สมัยอยู่วัดท่าซุงก็เข้าร่วมในฐานะพระวัดท่าซุงเท่านั้นเอง เพราะว่าองค์เสกจริง ๆ ก็คือหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ไหนได้...พออยู่ไปไม่รู้ว่าดังขึ้นมาอีท่าไหน อยู่ ๆ ปีนั้นเมืองกาญจน์ฯ นิมนต์มาเป็น ๑ ใน ๑๐ รูป มางวดนี้ไม่รู้เป็น ๑ ในเท่าไร เพราะว่าพระเกจิอาจารย์เก่า ๆ รุ่นนั้นก็มรณภาพไปหลายรูปแล้ว

แต่ว่างานนี้พิธีเขาระบุไว้เลยว่าให้ใช้พัดยศ พระเกจิอาจารย์พกพัดยศนี่ตลกนะ โดยปกติแล้วพระฝ่ายปฏิบัติเขาจะไม่สนใจเรื่องยศเรื่องตำแหน่ง อันนี้ไป ๆ มา ๆ โดนบังคับให้เป็น แต่ถ้านับอย่างสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ส่วนใหญ่พระที่ท่านตั้งเป็นพระสังฆาธิการ นั่นคือพระสายปฏิบัติทั้งนั้น อย่างหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านเป็นยันเจ้าคณะมณฑล ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือเจ้าคณะภาค"



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:43


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว