กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3589)

เถรี 12-11-2012 10:15

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
 
ถาม : พระเจ้านั่งดินเขาว่าถ้าใครยกท่านขึ้นแท่นจะถูกฟ้าผ่า..?
ตอบ : ลองสิ..ถ้ายังไม่ได้ลองอย่าเพิ่งเชื่อ อย่างที่มัสยิดกรือเซะเขาลองจนกระทั่งต้องเชื่อ เขาบอกว่าเป็นคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ว่าถ้าพี่ชายไม่ยอมกลับไปหาพ่อแม่ที่เมืองจีน ก็ขออย่าให้ทำมัสยิดนั้นสำเร็จ

เนื่องจากพี่ชายไปแต่งกับลูกสาวเจ้าเมืองปัตตานีที่เป็นอิสลาม พี่ชายก็เลยต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามไปด้วย พอน้องสาวเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้กลับไม่ได้ อ้อนวอนแล้วไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจผูกคอตาย ก่อนตายก็แช่งเอาไว้ให้สร้างสุเหร่าไม่สำเร็จ ปรากฏว่าสร้างสุเหร่าไม่สำเร็จจริง ๆ พอขึ้นโดมเมื่อไรก็ฟ้าผ่าเมื่อนั้น ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องบอกว่าสุเหร่าคงจะอยู่ที่โล่ง แล้วยอดโดมที่เป็นรูปเดือนโอบดาวก็มักจะเป็นโลหะ เป็นสายล่อฟ้าอย่างดี

แต่พอสิ้นลิ้มโต๊ะเคี่ยมไป คนอื่น ๆ อยากจะทำให้เสร็จ มาทำก็โดนฟ้าผ่าอีก ๒-๓ รอบ เขาก็เลยเข็ด ไม่กล้าทำกันต่อ นั่นเขาลองแล้ว เพราะฉะนั้นพระเจ้านั่งดินของเรา ถ้าใครอยากย้ายท่านขึ้นแท่นแล้วโดนฟ้าผ่า ก็ลองย้ายสัก ๓ ครั้งดู..!

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ แบบเดียวกับพระที่วัดท่าขนุน มีพระพุทธรูปหยกอยู่องค์หนึ่ง แกะจากหยกขาวตันทั้งแท่ง หน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้ว พร้อมฐานบัว ลองนึกดูว่าน้ำหนักเท่าไร ? ปกติต้องใช้รถยกกัน แต่ตอนนั้นวัดท่าขนุนไม่มีรถยก ก็เลยต้องใช้วิธีอธิษฐานขอท่าน แล้วเอาพระจำนวน ๘ รูปยกท่านไป แต่พอตั้งเสร็จแล้วยกไม่ขึ้น เพราะว่าหยกก็คือหิน หินน้ำหนักเป็นตัน ๆ ปกติแค่ ๘ คนก็ยกไม่ไหวอยู่แล้ว แต่นี่ยกไหว ตั้งเข้าที่เสร็จสรรพเรียบแล้วจนป่านนี้ยังไม่มีใครขยับท่านได้เลย คาดว่าการย้ายครั้งใหม่คงต้องอาศัยบารมีรถยก..!

เถรี 12-11-2012 10:24

ความจริงแล้วพระหยกองค์นี้เขาจะเอาไปถวายวัดวังก์วิเวการาม ของหลวงพ่ออุตตมะ เจตนาของผู้สร้างก็คือ ถวายไว้เป็นพระที่รักษาประเทศไทยทั้ง ๔ ทิศ ทางทิศตะวันตกเขาตั้งใจไปถวายไว้ที่วัดหลวงพ่ออุตตมะ แต่พอมาถึงวัดท่าขนุน อยู่ ๆ ก็เลี้ยวเข้ามาเฉยเลย สอบถามไปสอบถามมา เจอสังขารหลวงปู่สายมรณภาพแล้วไม่เน่าด้วย เขาจึงตัดสินใจถวายไว้ที่วัดท่าขนุน

ทางทิศใต้อาตมาลงไปเจอแล้ว อยู่ที่วัดตุยง (วัดมุจลินทวาปีวิหาร) ของหลวงปู่ดำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่ของทางเหนือกับอีสานไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เพราะยังไม่เจอ

แต่พระหยกองค์ของวัดท่าขนุนใหญ่กว่าเป็นครึ่งเลย องค์อื่นเขาแกะเป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน หน้าตักอยู่ที่ ๑๕ - ๑๖ นิ้วเท่านั้น ส่วนของท่าขนุนหน้าตัก ๓๐ นิ้ว แล้วนึกดูว่าฐานต้องใหญ่เท่าไร ? ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของวัด ก็เลยอัญเชิญท่านตั้งเอาไว้ให้คนกราบไหว้ในศาลเจ้าที่

เถรี 12-11-2012 10:36

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยแนะนำว่า การสร้างศาลเจ้าที่อย่าสร้างให้เสียประโยชน์เปล่า ๆ สร้างให้หลังใหญ่เข้าไว้ พออัญเชิญเจ้าที่ท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขออนุญาตใช้เป็นกุฏิพระไปด้วย โดยเฉพาะในศาลเจ้าที่ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้าไปตั้ง โดยตั้งใจว่าทุกครั้งที่เรากราบพระ เท่ากับเราแสดงความเคารพเจ้าที่ไปด้วย ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย เราเองก็ได้กราบพระเป็นอนุสติ เจ้าที่ท่านก็พอใจที่เราแสดงความเคารพ

อาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีก็สร้างศาล ๘ เหลี่ยมหลังเบ้อเร่อ พอไปอยู่ที่วัดท่าขนุนก็สร้างศาลเป็นกุฏิ เพราะฉะนั้นเรื่องบางอย่าง ถ้ามีครูบาอาจารย์ท่านสอนให้เราจัดการ ของยากก็กลายเป็นของง่าย ทำแล้วก็ได้ประโยชน์มากด้วย

เถรี 12-11-2012 11:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในส่วนของการสร้างพระพุทธรูปทองคำต้องวางโครงการระยะยาว เพราะว่าถ้าไปรอตอนนั้นบางทีอาจจะทำไม่ไหว ต้องดำเนินการล่วงหน้าจะได้ไม่เครียด

ทองคำที่หล่อพระต้องใช้ประมาณ ๔๐ กิโลกรัม ทอง ๔๐ กิโลกรัมนี่เททิ้งไปเป็นครึ่ง เพราะว่าเขาต้องต่อท่อชนวน เพื่อจะให้น้ำทองแล่นถึงกันให้ทั่ว ถ้าไม่มีชนวนก็จะเป็นฟองอากาศ กลวงโบ๋อยู่ข้างใน ทองส่วนที่เททิ้งไปนั่นแหละเยอะมาก ก็เลยกลายเป็นว่าต้องใช้เงินเป็น ๑๐ ล้านบาท เรามีเวลาดำเนินการแค่ ๖ ปี ได้เงินปีละล้านยังไม่พอใช้จ่ายเลย อาตมาไม่ค่อยชอบเสี่ยงอะไร เพราะแก่แล้ว..เหนื่อย..เอาแบบประกันความเสี่ยงดีกว่า ค่อย ๆ เก็บสะสมไปก็แล้วกัน

สมัยหลวงปู่พุก อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านก็มีพระพุทธรูปรัชกาล ๒ องค์ กับธรรมาสน์ทรงบุษบกฝีมือช่างหลวง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้ เป็นผลงานที่อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ ถ้าเราจัดพิพิธภัณฑ์ก็ต้องบันทึกไว้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๗ ถวายแก่หลวงปู่พุก

สมัยหลวงปู่เต๊อะเน็งท่านร่วมกับหลวงพ่ออุตตะมะ สร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง มาชำรุดหมดสภาพสมัยท่านอาจารย์สมเด็จ อาตมาเพิ่งบูรณะขึ้นมาใหม่ นี่ก็เป็นผลงานคู่วัดของท่าน

พอมาถึงสมัยหลวงปู่สาย ท่านสร้างเจดีย์พระพุทธเจติยคีรี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเขา เป็นเจดีย์ที่คนทั้งอำเภอต้องมาไหว้ แล้วก็สร้างสะพานแขวนหลังวัด นั่นก็เป็นผลงานชั่วฟ้าดินสลายของท่านเหมือนกัน"

เถรี 12-11-2012 11:33

"พอมารุ่นของท่านอาจารย์สมเด็จฯ สร้างพระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ สมัยท่านอาจารย์สมพงษ์ ก็ร่วมมือกับท่านป๊อบช่วยกันสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๘ ศอกบนยอดเขา ถึงแม้จะไม่สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทำให้อาตมาต้องควักจ่ายไปหลายแสนถึงจะเสร็จก็ตาม แต่ถือว่าเป็นผลงานในยุคของท่าน

พอมาถึงรุ่นของอาตมา ต้องมาปรับปรุงของเก่า ของใหม่ที่จะทำก็ต้องดูสถานที่ เพราะบางวัดสร้างถาวรวัตถุแล้วไม่ได้ดูสถานที่ ทำจนรกรุงรังไปหมด ท้ายสุดก็เลยคิดว่า ถ้าอยู่ถึง ๖๐ ปีก็หล่อพระทองคำสักองค์หนึ่งไว้ให้เขาบูชาตลอดไป ให้เป็นพระสำคัญคู่วัดท่าขนุนอีกหนึ่งองค์

ผลงานของอาตมาอย่างน้อย ๆ สมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกนี่มีแล้วแน่ ๆ ใครอยากไหว้องค์ใหญ่ก็ข้างหน้าถนน อยากไหว้องค์เล็กก็เข้าไปในวัด จบแค่นั้น บูรณะเสร็จสรรพทุกอย่างเรียบร้อยก็นอนตีพุงได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีโอกาสตีพุงเสียที ทำแต่งานจนพุงหายหมด..!"

เถรี 12-11-2012 11:51

ถาม : ไปหาพระอาจารย์ขอลาสึก พระอาจารย์ไม่ยอมให้สึก เลยมาบ่นกับเพื่อนว่าอยากจะสึก แล้วก็กล่าวคำขอลาสึกเป็นภาษาบาลี อย่างนี้ถือว่าขาดความเป็นพระแล้วหรือยัง ?
ตอบ :
อย่างนี้ถือว่ายังไม่ขาด เหตุที่ถือว่ายังเพราะว่าเป็นแค่การปรารภว่าจะสึก ถ้าอยากจะสึกจริง ๆ ต้องบอกกับเพื่อนไปให้ชัดเจนเลยว่า “ผมจะสึกแล้ว คุณช่วยเป็นพยานให้ผมหน่อย” ถ้าอย่างนั้นก็ขาดแน่

แต่ถ้าแค่บ่นน้อยใจครูบาอาจารย์ ก็บ่นไปเถอะ บ่นไปอีกหลายชาติก็ไม่ขาดความเป็นพระหรอก

เถรี 12-11-2012 12:03

พระอาจารย์เล่าว่า "วันที่ ๓๑ ตุลาคม ตอนช่วงเช้ามีตักบาตรเทโวฯ ญาติโยมที่มาแต่ละคนแขวนเหรียญหลวงปู่สายมาทั้งนั้นเลย พวกรุ่นเก่า ๆ อายุ ๗๐ - ๘๐ ปีห้อยเหรียญรุ่น ๑ เลี่ยมทองฝังเพชรอย่างดี พวกรุ่นหลัง ๆ ก็ห้อยเหรียญข้าวหลามตัดฉลองพระเจดีย์ แบบเดียวกับที่เอาออกมาให้บูชาในเว็บ เลี่ยมทองบ้าง เลี่ยมเงินบ้าง ใส่มาอวดกัน

อาตมายังแหย่เขาเล่น ๆ ว่า “ของที่ใส่บาตรไม่อยากได้หรอก อยากได้ที่แขวนคอนั่น ไม่ใส่มาบ้างหรือ ?” ชาวบ้านเขาอยากเห็นงานตักบาตรเทโวฯ เพราะเป็นงานเดียวที่พระอาจารย์จะคุยเล่นด้วย ปกติพระอาจารย์เอาแต่ด่าอย่างเดียว..!

อาตมาจะไม่คุยกับเขาก็ไม่ได้ เพราะแดดร้อนขนาดนั้น แล้วเขารอกันเป็นชั่วโมง ๆ กว่าจะลงมาถึง อย่างน้อย ๆ สอบถามสารทุกข์สุกดิบก็ยังดี ไม่ใช่ว่ามายืนรอเป็นชั่วโมงแล้วพระอาจารย์ยังหน้าบูดเป็นตูดลิงอีก..! เพราะฉะนั้นตักบาตรเทโวฯ จะเป็นงานเดียวที่เขาจะได้เห็นพระอาจารย์ใจดี"

เถรี 12-11-2012 12:09

ถาม : พระพุทธรูปทองคำที่จะหล่อ ?
ตอบ : เป็นโครงการอีก ๖ ปีข้างหน้า ค่อย ๆ สะสมทองไปเรื่อย อาตมากำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะหล่อเป็นพระยืนหรือพระนั่ง ? ถ้าพระยืนก็เป็นปางลีลาแบบพุทธมณฑล ถ้าพระนั่งก็คาดว่าจะเป็นแบบพระพุทธชินราช ไม่แน่เหมือนกัน...อีกตั้ง ๖ ปี อาจจะเปลี่ยนใจเมื่อไรก็ได้ ถ้าเปลี่ยนใจแล้วองค์ใหญ่ขึ้นก็เฮงอีก..!

เถรี 12-11-2012 12:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการเมืองบ้านเราไม่ดีตรงที่ว่า หักโค่นกันชนิดจะฆ่ากันให้ตาย เราลองมาดูอย่างอเมริกาที่จะเลือกตั้งอยู่อีก ๑ - ๒ วันนี้ ประธานาธิบดีโอบามา กับมิตต์ รอมนีย์ เขาอยู่คนละพรรค เป็นคู่แข่งกัน แต่เขาจะหักโค่นกันเฉพาะในช่วงหาเสียงเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ทำงานร่วมกัน

อย่างรัฐบาลที่แล้ว คู่แข่งเขาก็คือฮิลลารี คลินตัน พอโอบามาขึ้นเป็นประธานาธิบดี ก็ตั้งฮิลลารีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เขาทำงานร่วมกันได้ แต่บ้านเราไม่ได้ แล้วที่ไม่ได้นี่เพิ่งจะไม่ได้ในระยะไม่กี่ปีนี้เท่านั้น

ก่อนหน้านี้เราจะเห็นแต่พวกปลาไหลใส่สะเก็ต ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ตีกันจะตาย ด่ากันอยู่ในสภาชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ แต่ออกมาข้างนอกก็จับมือดีกัน ไปกินข้าวด้วยกัน ไปคุยกันได้ ถึงเวลาตั้งรัฐบาลใหม่ก็ผสมพันธุ์กันได้ ลักษณะนี้จริง ๆ เป็นการแสดงออกถึงความเจริญทางจิตใจมากกว่า แม้ว่าในสายตาชาวบ้านจะเห็นว่าไม่อยู่กับร่องกับรอยก็ตาม

แต่ระยะนี้ไม่ได้เลย ตั้งแต่เขาแบ่งสีนี่แทบจะฆ่ากันตาย กลายเป็นศัตรูถาวรไปเลย ทำให้บ้านเราเมืองเราติดหล่ม อย่างที่ ศ.ดร.กฤษณ์ เพิ่มทันจิตต์ บอกว่า "หล่มแห่งความทุกข์" ท่านว่าเอาไว้ ๖ - ๗ หล่ม พอมาติดหล่มแล้วก้าวข้ามไม่ได้ ประเทศชาติก็เจริญไม่ได้สักที

เราจะเห็นว่าสารพัดโครงการโดนยื่นตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ทำให้การบริหารช้า การตรวจสอบนั้นดีอยู่ ช่วยทำให้โปร่งใส แต่หลายอย่างเหมือนกับตั้งใจจะขัดคอ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปโดยยาก แทนที่ชาวบ้านจะได้รับประโยชน์เร็ว ๆ ก็ต้องมานั่งรอแล้วรอเล่า"

เถรี 12-11-2012 12:51

ถาม : หนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของพระอาจารย์ ?
ตอบ : ความจริงหนังสือเล่มนี้ถ้าได้ฟังเสียงจะดีที่สุด เพราะเป็นการนำปฏิบัติจริง ๆ แล้วเขาถอดเสียงมา ช่วงนั้นอาตมาไปบูรณะวัดทองผาภูมิ พระเณรก็อุตส่าห์ตามไปตกระกำลำบากด้วย ไม่รู้ว่าจะตอบแทนพวกเขาอย่างไร ตอนเช้า ๆ ช่วงตี ๔ ก็เลยเทศน์สอนสักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยเข้าสู่การปฏิบัติและทำวัตรเช้า มีเท่าไรก็เทหมดกระเป๋า โดยเฉพาะ ๓ - ๔ บทแรก ๆ ถ้าคนอ่านแล้วสังเกตจะเห็นว่า เป็นการรวมกรรมฐาน ๔๐ อยู่ใน ๓๐ นาที ซึ่ง ๓๐ นาทีนั้น ๔๐ หัวข้อมีเกือบครบ..!

แต่น่าเสียดายว่า ๓ วันแรกเขาไม่ได้บันทึกไว้ มาเริ่มบันทึกวันที่ ๔ เขาคงคิดว่าอาจารย์จะสอนแค่ ๑ - ๒ วันเหมือนเดิม แล้วก็ไม่มีเวลาสอนอีก


ถาม : หาโหลดฟังได้ที่ไหนคะ ?
ตอบ : สามารถโหลดไฟล์เสียงได้ที่เว็บพลังจิต

เถรี 12-11-2012 18:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "กฐินวัดท่าขนุนปีนี้ได้ยอด ๑,๗๐๐,๐๐๐ กว่าบาท แบ่ง ๓ วัดแล้วได้ ๕๗๕,๐๐๐ กว่าบาทต่อวัด ปกติวัดท่าขนุนจะมียอดเงินกฐินสูงกว่าวัดอื่น เพราะจะมีบางท่านระบุเจาะจงว่าทำบุญเฉพาะวัดท่าขนุน แต่ปีนี้เจ้าหน้าที่ดูแลเงินเป็นมือใหม่หัดขับ แกะซองรวมกันหมดเลย แถมยังทิ้งซองไปแล้วด้วย สรุปก็คือต้องเอา ๓ หาร ได้ไปเท่า ๆ กัน..
ยุติธรรมดีมาก..!

กฐินวัดท่าขนุนได้เงินล้านหรือเกินล้านให้เขาอิจฉาเล่น ๆ ไปอย่างนั้นแหละ เพราะว่าต้องแบ่งกันหลายวัด พอแบ่งกันแล้วก็เหลือไม่มาก ปีที่แล้วยังแบ่ง ๔ วัดอยู่เลย ปีนี้
ถ้าแบ่ง ๔ วัดเหมือนเดิมจะได้วัดละ ๔ แสนนิด ๆ แต่คราวนี้พระครูแสงท่านยกวัดถ้ำทะลุให้คนอื่นไปบริหารดูแล ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เข้ามาหา ไม่ได้มาขอความช่วยเหลืออะไร ก็เลยปล่อยให้ท่านทำหน้าที่ของท่านไปกันเอง

แต่ท่านรื้อป่าที่อาตมารักษาเอาไว้เสียโล่งไปเลย ตอนนี้ใครไปก็บ่นว่าร้อน ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะว่านโยบายของเจ้าอาวาสแต่ละท่านไม่เหมือนกัน"

เถรี 12-11-2012 18:46

"คุณหมอทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส.จังหวัดแพร่ ๓ สมัย บอกว่าพอเป็น ส.ส. เข้าไปในบางวัดแล้ว เพิ่งจะรู้ว่านรกมีจริง “ท่านเทคอนกรีตหมดเลย ร้อนเสียจนไม่มีที่จะหลบ” ไปงานศพญาติ อยู่ในอาคารศาลาตั้งศพที่ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ ถึงเวลาลมพัดเข้ามาร้อนผ่าวเลย

วัดท่าขนุนตอนนี้ ถ้าขึ้นยอดเขามองลงมาแล้วจะซึมไปเลย เพราะมีสีเขียวแค่ขอบวัดจริง ๆ นอกขอบวัดไปนั้นล้านเลี่ยนเตียนโล่งหมดแล้ว สรุปว่าพื้นที่สีเขียวยังมีอยู่บริเวณวัดเท่านั้น ตรงไหนเขียว ๆ ตรงนั้นเป็นวัด พ้นวัดไปก็หมด ชาวบ้านรื้อกันราบ..!"

เถรี 12-11-2012 19:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนลืมกุญแจ บัตรโรงพยาบาล บัตรบิ๊กซี ทิ้งไว้ที่นี่ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ตระกูลที่มั่งคั่งจักตั้งอยู่ไม่นาน ด้วยเหตุ ๔ ประการคือ หนึ่ง..ของหายไม่หา สอง..ของคร่ำคร่าไม่บูรณะ สาม..ใช้สอยโภคทรัพย์แบบไม่มีประมาณ สี่..ตั้งผู้ทุศีลเป็นใหญ่ในเรือน ถ้าแบบนี้เจ๊งแน่นอน..!

นี่ขนาดประกาศหาเจ้าของอยู่ทุกเดือน ยังหาไม่เจอ สงสัยไปทำกุญแจใหม่เรียบร้อยแล้ว"

เถรี 12-11-2012 19:21

ถาม : คู่บารมีของเรา....(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : คุณไม่ต้องไปสนใจหรอก ตบมือข้างเดียวดังเสียเมื่อไร ยกเว้นคุณดันยื่นหน้าไปให้เขาตบ..! เรื่องของคู่บารมี จะมีวาระของเขาอยู่ ถ้าเราสามารถตื๊อจนเลยวาระไปได้ เขาก็จะหมดอิทธิพลไปเอง ก่อนหน้านี้ประเภทเห็นแล้วทนอยู่ไม่ได้ ต่อไปจะเห็นแล้วตายด้าน

มีแค่ช่วงวาระกรรมนั้นเท่านั้น ถ้าวาระกรรมที่เนื่องกันมาผ่านไปก็จบเลย อาตมาเจอมาหลายคู่เต็มทีแล้ว ยังเอาไปไม่ได้สักคน อาตมาไม่ได้เก่งหรอก เพียงแต่ว่าเป็นประเภทอย่างไรก็ไม่ไป ปากแข็งแล้วใจต้องแข็งด้วย ถ้าปากแข็งแล้วใจอ่อนก็เจ๊ง

เถรี 12-11-2012 19:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้บ้านเมืองเราก็คงวุ่นวายนิดหน่อย เกิดจากคนกลัวว่าประเทศเราจะเจริญเกินไป ประเภทมือไม่พายแล้วยังเอาตัวราน้ำ ตีนราน้ำยังเล็กไป ก็ถือว่าวาระกรรมของประเทศยังหนักอยู่

ที่สำคัญที่สุดคือในหลวง การสร้างพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว ปัจจัยที่ได้ก็นำไปสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ถวายเป็นพระราชกุศลไปแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ กำลังบุญที่ได้มาเมื่ออุทิศถวายไปแล้ว เพียงพอที่จะค้ำให้พระองค์ท่านอยู่ถึง ๙๐ หรือเปล่า ? ตอนนี้หลักชัยไกลเหลือเกิน คนแก่อายุ ๘๕ สุขภาพชำรุด หวังจะให้อยู่ถึง ๙๐ ปี ต้องหวังกันแค่วันต่อวันเท่านั้น ถ้าถึงวาระนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรเพื่อที่จะค้ำให้พระองค์ท่านอยู่ต่อไป ต้องแล้วแต่พระท่านจะเมตตาสงเคราะห์

แต่ว่างานนี้คณะทำงานพระขรรค์โสฬสฯ เดี้ยงกันทุกคน ฝ่ายตรงข้ามเขาไม่ยอม ฝ่ายเรามีพรหมเทวดาสนับสนุน ฝ่ายเขาก็มีพรหมเทวดาสนับสนุน อยู่ในลักษณะว่าเทวดาประจำตัวของใครของมัน เมื่อส่วนกุศลที่ส่งผลให้พวกเขายังมีอยู่ เราพยายามฝ่าอกุศลที่กำลังต้านอยู่ เราก็ต้องรับเละไปเอง..!

อาตมาเองต้องไปโดนผ่าตัด เสียเลือดเสียเนื้อส่งท้ายปีเก่าเอาดื้อ ๆ ไม่ได้คิดว่าจะโดนก็โดน แต่ก็ดีใจว่างานที่แทบจะยากเข็ญที่สุดก็สามารถเข็นจนผ่านไปได้"

เถรี 12-11-2012 20:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนหลับแล้วฝันไปว่า เกมการเมืองในบ้านเราจะรุนแรงถึงขนาดต้องฆ่าบุคคลสำคัญบางคนเพื่อใส่ความอีกฝ่ายหนึ่งก็จะทำ ถ้าเป็นอย่างในฝันนี่น่าเกลียดมาก

อีกอย่างหนึ่งก็ดาวพฤหัสบดีโดนดาวบาปเคราะห์ตรึงอยู่ ดาวพฤหัสบดีส่วนใหญ่เขาหมายถึงพระผู้ใหญ่ คาดว่าพระผู้ใหญ่สำคัญ ๆ ในบ้านเมืองของเรา ปีหน้าจะถึงวาระของท่านแล้ว..!"

เถรี 12-11-2012 20:05

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "บวชหมดเลยทั้งผู้หญิงผู้ชายใช่ไหม ? น่าคิดเหมือนกันนะ บวชเสร็จแล้วถ้าคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว พร้อม ๆ กันนี่สาหัสเลย ควบคุมยากนะ..โดยเฉพาะความคิด เราอยู่ในสภาพนักบวช การทำดีทำชั่วด้วย กาย วาจา ใจ ผลจะคูณเป็นแสนของคนทั่วไป ถ้าเราไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในด้านดีได้นี่ก็สาหัสเลย..!"

เถรี 14-11-2012 09:06

ถาม : ลูกสาว ๖ กับ ๙ ขวบ ทุกวันนี้นั่งสมาธิ ทำแต่สมถภาวนา ถ้าจะให้เริ่มวิปัสสนาจะเร็วไปไหมคะ ?
ตอบ : ก็บอกเขาไปสิ "ให้หนูคิดว่าเราต้องตายแน่ ๆ ในเมื่อเราจะตาย เราก็ต้องรีบเกาะพระเอาไว้" นั่นแหละวิปัสสนา เอาตายไว้ก่อน ให้คุ้นกับความตายไว้ก่อน พอคุ้นแล้วโตไปหน่อยเริ่มติดสวยติดงาม ก็ค่อยเอาเรื่องของความสกปรกมาให้ดู

เถรี 14-11-2012 09:29

ถาม : ในฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ตั้งศาลใช้ฤกษ์เดียวกับขึ้นบ้านใหม่เลยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ตั้งศาลใช้วันพฤหัสบดี ถ้าขึ้นบ้านใหม่ใช้วันศุกร์ เพียงแต่ว่าเป็นฤกษ์เดือนคู่ข้างขึ้นเหมือนกัน

ถาม : ต้องแยกวันกันหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าจำเป็นก็ทำวันเดียวไปเลย พฤหัสบดีข้างขึ้นเดือนคู่ เช่น เดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือนแปดข้างขึ้น และเดือน ๑๒ เดือนคู่เขาไม่นิยมใช้เดือน ๘ ข้างแรมและเดือน ๑๐ เพราะอยู่ในพรรษา ช่วงเข้าพรรษานี่ต้องงดตั้งศาลโดยเด็ดขาด เพราะเทวดาไปจำศีล โดยเฉพาะท่านที่ไปจำศีลที่เมืองบาดาล ถึงเวลาขึ้นมา อยากให้เขาโมทนาก็ปรากฏแสงให้เขาเห็น คนก็ดันไปเรียกท่านว่า บั้งไฟพญานาค

วิทยาศาสตร์บอกว่าเป็นซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันจนเป็นแก๊ส พอถึงเวลากระทบออกซิเจนก็เลยติดเป็นไฟ แต่เขาสงสัยว่าแก๊สรู้ได้อย่างไร ว่าวันไหนเป็นวันออกพรรษา ? นี่เป็นปัญหาที่วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้ พยายามเอาหลักวิทยาศาสตร์ไปอธิบาย แต่ตัวเองเข้าไม่ถึง ก็เลยอธิบายแล้วมีข้อให้ถกเถียงได้

ในเมื่อมีข้อให้ถกเถียงได้ก็ยังตั้งเป็นทฤษฎีไม่ได้ ถึงตั้งเป็นทฤษฎีได้ แต่ถ้ามีข้อพิสูจน์ว่าไม่ถูกต้อง ก็สามารถล้มเลิกได้

เถรี 14-11-2012 09:33

พระพุทธเจ้าของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นสุดยอดตรงที่คำสอนของพระองค์ท่านไม่ใช่ทฤษฎี ไม่ใช่ปรัชญา ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน คำสอนของพระองค์ท่านเป็นอริยสัจ เป็นความจริงแท้ ๆ พิสูจน์เมื่อไรก็ใช่เลย เพราะฉะนั้น..ทำตามอย่างเดียว มัวแต่ไปนั่งเถียงกันอยู่ก็ไร้ประโยชน์

เทคโนโลยีนั้นดี แต่เนื่องจากของดีก็เลยก้าวหน้าเร็ว อย่างของบางอย่างเพิ่งจะซื้อก็ตกรุ่นไป ๔ รุ่นแล้ว เพิ่งเอาออกมาขายแท้ ๆ นั่นแหละ สมมติตอนนี้ iPhone ๕ ของจริงออกไปถึงรุ่น ๙ แล้ว แต่เขาเพิ่งปล่อยรุ่น ๕ มาขาย ถ้าเขาขายรุ่น ๙ เลย รุ่น ๕-๖-๗-๘ ก็ขายไม่ได้ เขาจึงเลยต้องใช้วิธีขายทีละรุ่น แต่ออกแบบล่วงหน้าไว้ ๔ รุ่นแล้ว เรายังไม่ทันซื้อก็ตกรุ่นไปแล้ว

อะไรที่ออกใหม่ ๆ อย่าไปใจร้อนรีบซื้อ ปล่อยไปสัก ๔ - ๖ เดือน เดี๋ยวราคาก็ลดเหลือไม่ถึงครึ่ง ปล่อยให้เขาไปเห่อกัน ให้คนอื่นเป็นหนูทดลองไปก่อน ว่าเครื่องสมบูรณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่สมบูรณ์ มีข้อบกพร่องอะไร เขาแก้ไขมาเราค่อยใช้ของที่แก้ไขแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยอมกันไม่ได้ สักกายทิฐิสูง “กูต้องได้ก่อน” ไปเข้าคิวจองกันยาวเป็นกิโลเมตรเลย

เถรี 14-11-2012 10:16

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "ครอบครัว ณ ระนอง เป็นครอบครัวอายุยืน แต่ละคนอยู่ถึงเลข ๙ ทั้งนั้น คนเราอายุยืนเพราะปาณาติบาตน้อย บุคคลที่จิตใจประกอบด้วยเมตตาย่อมทรงศีลได้อัตโนมัติ ในเมื่อมีศีล การที่จะไปเบียดเบียนฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยอื่น ๆ ตลอดจนฆ่าสัตว์ใหญ่หรือฆ่าคนก็ไม่มี จึงอายุยืน"

ถาม : ที่เขานิยมอวยพรให้มีอายุยืนนานถึง ๑๒๐ ปีนี่มีที่มาจากไหนหรือคะ ?
ตอบ : ปกติเขาแค่นิยมให้มีอายุยืนนาน บาลีว่า อายุวัฑฒโก แม้กระทั่งทุกวันนี้ในลังกาเวลาเจอหน้ากัน เวลาทักทายก็บอกว่า “อายุบวร” คือเจริญด้วยอายุ

สมัยพระพุทธเจ้า เกณฑ์อายุ ๑๒๐ ปีเป็นเรื่องปกติ ก็เหมือนกับยุคเรา เกณฑ์อายุเหลือแค่ ๗๔-๗๕ ปี แต่คนที่อายุถึง ๘๐-๙๐ ยังมีอยู่ สมัยก่อนเกณฑ์อายุ ๑๐๐ ปี ท่านที่สร้างปาณาติบาตมาน้อย อายุถึง ๑๒๐ ปีก็มีเป็นปกติ อย่างพระน้านางปชาบดีโคตมี ๑๒๐ ปี พระมหากัสปเถระ ๑๒๐ ปี
พระอานนท์เถระ ๑๒๐ ปี

แต่ที่สุดยอดจริง ๆ ก็คือ พระพากุลเถระอยู่จนถึงอายุ ๑๕๐ ปี เบื่อเต็มทีแล้ว ตัดสินใจเข้าสมาบัติไปเลยดีกว่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม เกิดมาไม่เคยป่วย แม้กระทั่งสมอสักชิ้นจะฉันเพื่อรักษาโรคก็ไม่เคยแตะต้อง เพราะสุขภาพแข็งแรงมาตลอด ในอดีตชาติท่านเคยสร้างเว็จกุฎี คือสร้างส้วมถวายวัด ในเมื่อปลดทุกข์ให้คนอื่น ตัวเองก็เลยไม่ค่อยจะมีทุกข์กับใคร

เถรี 14-11-2012 11:33

ถาม : ทำบุญกับท่านเป็นบุญใหญ่ ?
ตอบ : ถ้าบุญใหญ่นี่ต้องอุบาสิกาเพียงเดือน เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณยายแม่ชีเพียงเดือนโทรศัพท์มา “โอ๊ยท่านคะ ที่ขออนุญาตเชื่อมสายบุญของท่าน หวังจะอาศัยทานบารมี พอรับไปพระท่านบอกเดี๋ยวรวยกว่าบิล เกตต์ ตอนนี้ดิฉันรวยกว่าจริง ๆ เจ้าค่ะ” อาตมาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

"อยู่ ๆ ไม่ทราบว่าเทวดาที่ไหนสงเคราะห์ เอาพระพุทธรูปบลูไดมอนด์มาให้ ๑ องค์ น้ำหนัก ๙,๐๐๐ กว่ากะรัต"
พอเอาไปให้เขาตรวจสอบ สืบราคามาเสร็จสรรพกะรัตละ ๕๐ ล้านบาท ตอนนี้เท่ากับคุณยายแม่ชีถือเงินในมือเกือบ ๕ แสนล้านบาทแล้ว..!

เถรี 15-11-2012 07:05

ถาม : ลูกจะไปสอบเข้าโรงเรียนใหม่ ?
ตอบ : ถ้ารู้จักคาถาท่านปู่พระอินทร์แล้วใช้เป็นก็ได้แน่จ้ะ ลองไปหาดู แต่บางที่ก็มีพิเศษเหมือนกัน วันก่อนตุ๊กตาบอกว่าลูกใบบุญจะสอบเข้าอัสสัมชัญศรีราชา ให้ช่วยสงเคราะห์หน่อย

อาตมาตั้งใจนึกถึงเจ้าที่ ปรากฏว่าเจ้าที่โผล่มาเป็นบาทหลวง พูดไทยได้ด้วยชื่อเทโอฟาน เขาบอกว่าเคยเป็นอธิการบดีอยู่ที่นั่น ด้วยความที่ตัวเองตั้งใจสงเคราะห์เด็กด้วยความเมตตา กำลังบุญจึงสูง ตายแล้วก็เลยยังดูแลรักษาที่นั่นอยู่ อาตมาเลยฝากเขาเอาไว้ บอกว่าเดี๋ยวให้โยมถวายสังฆทานให้ ปรากฏว่าลูกของตุ๊กตาสอบได้จริง ๆ ฝากกับอดีตอธิการบดี เส้นอธิการบดีเก่า

ตุ๊กตาเขาเครียดมาก เนื่องจากสอบแข่งกับเขาก็ไม่แน่ว่าจะชนะ เส้นสายก็ไม่มี จ่ายเงินก็น้อยกว่าเขาอีก แต่ปรากฏว่าได้ เขาก็เลยมาถวายสังฆทานให้ท่านบาทหลวง ฉะนั้นจำชื่อนี้ไว้ดี ๆ ท่านบาทหลวงเทโอฟาน ถ้าใครจะเข้าอัสสัมชัญศรีราชา ก็ถวายสังฆทานให้ท่านล่วงหน้าไปเลย บอกว่าขอมาเรียนกับท่านด้วย ช่วยสงเคราะห์ลูกหลานให้เข้าได้ด้วยเถิด อาตมาไม่เคยไปอัสสัมชัญศรีราชา ไม่รู้ว่าเขามีอดีตอธิการบดีชื่อนี้หรือเปล่า ? แต่คาดว่าต้องมี เพราะผีไม่โกหกเราอยู่แล้ว

เถรี 15-11-2012 07:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้าเรื่องของการเมืองไม่น่ากลัวหรอก วุ่นวายแค่ไหนก็ไม่น่ากลัว กลัวเรื่องของดินฟ้าอากาศนี่แหละ ดูอย่างสหรัฐ อยู่ ๆ พายุเฮอริเคนแซนดี้ไปเยี่ยมถึงมุ้งเลย ยังโชคดีที่โยมเขามารายงานเมื่อวานนี้ ว่าลูกชายอยู่ในเหตุการณ์ บ้านเรือนพังยับหมด แต่ตัวไม่เป็นอะไรเลย บอกแล้วว่าสมเด็จศรีอินทราทิตย์ป้องกันในเรื่องของภัยที่เกิดจากการแปรปรวนของธาตุ ๔ ได้ เพราะทำมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ

ได้ย้ำกับโยมว่าตั้งใจสวดมนต์ทุกวัน ถ้าใจเรายึดมั่นพระรัตนตรัยอยู่ อย่างไรเสียก็ปลอดภัย คนรอบข้างเขาไม่มีอะไรเกาะ เรามีหลักใหญ่เกาะอยู่ ไม่รอดก็ให้มันรู้ไป คนส่วนใหญ่เหล่านั้นพอฉุกเฉินขึ้นมาจึงจะนึกถึงพระเจ้า นาน ๆ คิดถึงที สนิมกินหมดแล้ว คนไทยเรายังดีหน่อย ห่างบ้านห่างเมืองเมื่อไร ก็ไหว้พระสวดมนต์ แต่อยู่บ้านไม่ค่อยจะทำหรอก"

เถรี 15-11-2012 07:37

ถาม : หมอดูอีทีที่พม่า ?
ตอบ : เรื่องของการรู้เห็น หรือทำนาย หรือคำพยากรณ์ เขาเอาปัจจุบันเป็นหลัก ถ้าอนาคตข้างหน้ามีสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง คำพยากรณ์นั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย อย่างที่เคยยกตัวอย่างว่า ถ้าเราขับรถ เหยียบ ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา ๘ ชั่วโมงเราจะไปถึงเชียงใหม่ ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้นเราจะถึงก่อน ถ้าลดความเร็วลงเราจะถึงทีหลัง ฉะนั้น..ตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงเข้ามาระหว่างกลางก่อนจะถึงเชียงใหม่นั่นแหละ คือก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ทำให้ผลการพยากรณ์ไม่เป็นไปตามนั้น

ถ้ามีปัจจัยอื่นเข้ามาทำให้เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนได้ คำทำนายนั้นก็จะผิด ฉะนั้น..คำทำนาย เขาทำนายกันแค่ปัจจุบันว่า ถ้าเหตุอย่างนี้ ผลจะเป็นอย่างนี้นี้ ถ้าเหตุเปลี่ยน ผลของคำทำนายก็จะเปลี่ยนไปด้วย ไม่ใช่แต่คุณอีที ทุกคนก็เหมือนกัน เพราะว่าทำนายในขณะปัจจุบัน

ถ้าเป็นหมอดูอย่าทำนายอนาคตประเทศไทยยาว ๆ ประเทศไทยเรามีตัวแปรเยอะมาก เมื่อตัวแปรเข้ามาเหตุการณ์จะเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะตัวแปรหลัก ๆ ของเราเลยก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหลวงปู่หลวงพ่อที่พร้อมจะทิ้งขันธ์เพื่อตัดเคราะห์ตัดกรรมประเทศชาติ เจอเข้าไป ๒ ตัวหลัก ๆ ทายให้ตายอย่างไรก็ผิด..!

เถรี 15-11-2012 08:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีหน้าใครเล่นหุ้นให้ถือยาวอย่างเดียว ถ้าซื้อขายสั้นเจ๊งไม่รู้ด้วยนะ ซื้อวันนี้พรุ่งนี้อาจจะรูดไปกองกับพื้น ถือยาวรอปันผล ถ้าขึ้นเราขาย ถ้าไม่ขึ้นเรารอปันผลสิ้นปี เล่นหุ้นต้องซื้อแบบลุงวอร์เรน บัฟเฟตต์ เขาไม่ตื่นเต้นกับใครหรอก ใครเห่ออะไรลุงไม่เห่อด้วย ท้ายสุดลุงเป็นมหาเศรษฐี เพราะเป็นคนใจแข็ง ไม่ไหลตามกระแส มั่นใจหุ้นตัวไหนซื้อแล้วถือยาวเลย ได้กำไรขาย ไม่ได้กำไรรอปันผล"

ถาม : แล้วท่านมั่นใจหุ้นตัวไหนครับ ?
ตอบ : ไม่เคยเล่น ในเมื่อไม่เคยเล่นเลยไม่รู้ เพียงแต่เตือนให้รู้ไว้ว่าปีหน้าหุ้นแกว่งพอ ๆ กับกราฟหัวใจเลย เมื่อตอนบ่ายใครเขาถามไม่รู้ อาตมาบอกว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น เล่นแล้วจนเท่ากัน..!

เถรี 15-11-2012 08:40

ถาม : ยันต์มหาพิชัยสงครามที่หลวงพ่อบอกว่าห้ามปลุก หมายถึง ห้ามปลุกเพื่อลอง ?
ตอบ : ห้ามปลุกเพื่อลอง เพราะการทดลองนั้นหมิ่นเหม่มาก ถ้าวางกำลังใจผิดเมื่อไร จะกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย และธงมหาพิชัยสงครามท่านทำไว้กำลังสูงมาก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเตือนไว้ว่า ถ้าทานไม่ไหวเดี๋ยวคนปลุกถึงตาย ถ้าใครไม่เชื่อทดสอบได้ เผื่อจะไปพระนิพพานเร็วขึ้น..!

ถาม : เวลานำไปใช้ต้องปลุกหรือเปล่าครับ หรือนำไปใช้ได้เลย ?
ตอบ : ปลุกตามปกติ ไม่ใช่ปลุกเพื่อลองของ ธงมหาพิชัยสงครามมีคาถาปลุกเฉพาะ คือ พุท ธะ สัง มิ ไม่ได้ใช้บทอิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ฯ เหมือนกับวัตถุมงคลอื่น

เถรี 15-11-2012 09:16

ถาม : การตั้งโต๊ะหมู่บูชา ตั้งในห้องนอน สมควรไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีที่อื่น ในห้องนอนก็ตั้งได้ โดยเฉพาะอาตมา ถ้าตั้งโต๊ะหมู่จะเลือกห้องนอนก่อนที่อื่น เพราะนอนอยู่เราได้เห็นพระตลอด จะกราบ จะไหว้ ตื่นนอน ก่อนนอน สะดวกไปหมด

ถาม : ในห้องนอน เรานอนท่าไม่สวย จะเป็นปรามาส ไม่เกรงใจพระหรือเปล่า ?
ตอบ : อย่านอนหันเท้าไปทางพระก็พอ

จะว่าไปแล้วอย่านอนตรงหน้าหิ้งพระเลย เพราะเวลาดึก ๆ พรหมหรือเทวดาที่รักษาเขตนั้น ท่านจะลงมาไหว้พระ ถ้าเราไปนอนขวางอยู่ท่านก็ขาดความสะดวก บางท่านที่ไม่เกรงใจก็บรรจงเขี่ยเราออกไปห่าง ๆ เราก็จะแปลกใจว่าเรานอนดิ้นไกลขนาดนั้นเลยหรือ ? เพราะฉะนั้น..หาที่นอนที่ห่างออกไปจากหน้าหิ้งพระ ยิ่งถ้าเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ยิ่งต้องเว้นให้ไกลเลย


ถาม : เพราะอะไรครับ ?
ตอบ : เพราะพรหมเทวดาท่านมาแน่ ๆ ถ้าเป็นโต๊ะหมู่เล็ก ๆ ท่านก็ไปหาองค์ใหญ่ ๆ บริเวณนั้นแทน

ถาม : ถ้าไปนอนที่วัด ตามหน้าองค์พระประธานนี่ไม่ควรเลย ?
ตอบ : โปรดระวังไว้ ถ้าตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองนอนไปไกล ก็รู้ไว้ว่าท่านเมตตาเขี่ยให้แล้ว..!

เถรี 15-11-2012 09:29

ถาม : มีดโต้ชาตรีเล่มเล็ก ๆ รุ่นที่เขียนว่า มีดหมอชาตรี ด้านหนึ่ง และวัดท่าซุง ๒๖ ก.ค. ๓๔ อีกด้านหนึ่ง เป็นลายมือของหลวงพี่เล็กใช่ไหมครับ ? จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีลายมืออาตมาไม่มากหรอก ส่วนใหญ่เป็นของหลวงพี่ประทีป แต่ลายมือหลวงพี่ประทีปดูง่าย คำว่าชาตรี ตัวสระอีของท่านจะสะบัดหางมาเหมือนกับเป็นเครื่องหมายบวก สระอีลายมืออาตมาจะตรง ๆ แต่หายากมาก ถ้าได้ถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาไปนั่งจารให้เขา ส่วนใหญ่แล้วจะหลบไปภาวนามากกว่า

ถาม : สมัยนั้นจารอยู่สองรูปหรือครับ ?
ตอบ : มีอีกท่านคือท่านสมนึก แต่ท่านสมนึกไม่ได้จาร ท่านมักจะใช้วิธีตอกเป็นตัวอักษร จะใช้กับมีดที่เป็นด้ามงาฝักงามากกว่า

เถรี 15-11-2012 10:01

ถาม : โยมได้ใส่บาตรเป็นรถของเด็กเล่นคันเล็ก ๆ มาให้ ตอนโยมใส่มาให้ผมไม่ได้สังเกตจึงไม่เห็น เพราะโยมใส่รวมกับของอื่นมาในถุง ผมไม่รู้จุดประสงค์ที่โยมใส่รถของเด็กเล่นมาให้ ผมจึงอุทิศกุศลผลบุญให้แก่โยมที่ใส่บิณฑบาต และผู้อื่นที่โยมอาจจะอุทิศกุศลผลบุญไปให้ จะเป็นวิญญาณผู้ล่วงลับไป หรือผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ การที่ผมได้อุทิศกุศลผลบุญไปอย่างนี้ ถูกต้องและสมควรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ถ้าคนใส่บาตรเป็นของเด็ก เป็นเสื้อผ้าเด็กมา ส่วนมากเขาจะเจาะจงให้กับคนตาย เพราะฉะนั้นอุทิศส่วนกุศลให้ไปถือว่าถูกต้องแล้ว แต่มีบางท่านเชื่อว่า เราต้องใช้ของนั้นคนตายถึงได้รับบุญ ถ้าเป็นอย่างนั้นช่วยเล่นรถเด็กให้เขาหน่อยแล้วกัน เอาไปไส ๆ เล่นสักทีสองทีก็ได้

ถาม : ของเล่นนี้ถือเป็นสังฆทานไหมครับ ?
ตอบ : เป็นหรือไม่เป็นเขาก็ใส่บาตรมาแล้ว ที่แน่ ๆ คือ ปาฏิบุคลิกทานได้แน่ ถ้าไม่แน่ใจก็ถวายเณรไป เดี๋ยวเณรจัดการให้เอง

ถาม : แล้ววิญญาณเด็กจะได้รับเป็นของเล่นไหมครับ ?
ตอบ : ต้องถามเขา ส่วนใหญ่คนตายไปถึงไหนแล้วไม่รู้ คนทำมัวแต่พะวงอยู่

ถาม : เขาได้อานิสงส์ตรงนั้นไปก่อนแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ที่เขาได้ เป็นอานิสงส์ที่เขาตั้งใจถวายสิ่งของอื่นกับพระ ของเด็กเล่นก็รวมมาด้วยอุปาทานของคนถวายว่าเด็กต้องมีของเล่น อาตมาก็เคยรับน้ำแดงมาเป็นขวด ๆ เขาถวายให้เด็กที่ถูกทำแท้ง..!

เถรี 15-11-2012 10:31

ถาม : การที่ภิกษุใช้ผ้าขนหนูนุ่งแทนผ้าอาบหรือสบงตอนอาบน้ำเสร็จ ผ้าขนหนูที่ภิกษุใช้นุ่งแทนผ้าอาบหรือสบงตอนอาบน้ำเสร็จนั้นจะอธิษฐานเป็นบริขารได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : อธิษฐานเป็นบริขารโจล โจละ แปลว่าบริขารที่เกินมา ถ้าจะใช้จำเป็นต้องอธิษฐานก่อน แต่อาตมาไม่เห็นประโยชน์ ถ้านุ่งผ้าขนหนูอาบน้ำนี่หนักบรรลัย ผ้าอาบสบายกว่าตั้งเยอะ ใช้ อิมัง ปะริกขาระโจลัง อะธิฏฐามิ ก็จบแล้ว

ถาม : ภิกษุไม่ได้อธิษฐานผ้าขนหนูที่ใช้นุ่งแทนผ้าอาบหรือสบงเป็นบริขาร ภิกษุอยู่ปราศจากผ้า ๓ ผืนเพียงระยะชั่วคราว ต้องอาบัติอะไรครับ ?
ตอบ : อาบัติปาจิตตีย์ แต่ถ้าปราศจากผ้า ๓ ผืนจนได้อรุณ ต้องนิสสัคคิย์ปาจิตตีย์ ต้องสละของทิ้งก่อนแล้วค่อยแสดงคืนอาบัติได้ เขาบอกว่าชั่วคราวนี่ ในเมื่อชั่วคราวอาจจะไม่ทันสว่างก็ได้ รีบนุ่งคืนไป แต่ถ้าได้อรุณแล้ว ต้องอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ต้องสละของทิ้งก่อนแล้วค่อยแสดงคืน โทษฐานที่ไม่ดูแลรักษาบริขาร

ถาม : ทำไมพระต้องรักษาผ้าไว้ถึงเช้า ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วต้องรักษาตลอดชีวิต ไม่ใช่รักษาแค่เช้า เพียงแต่ช่วงก่อนสว่างจะเป็นช่วงที่เผลอหลับง่ายที่สุด สมัยก่อนเขาจะขโมยกันตอนนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า อยู่วัดประยูรฯ ตากผ้าแล้วหันหลังให้เท่านั้นเขากระตุกผ้าไปเลย เพราะช่วงสงครามโลกผ้าหายาก

หลวงพ่อบอกว่า มีอยู่วันหนึ่งไปเทศน์ ดีใจมากเพราะเขาถวายผ้าไตรใหม่เอี่ยมเลย โดยธรรมเนียมก็คือ ถ้าเขาถวายผ้าใหม่มา ต้องห่มผ้าใหม่ขึ้นเทศน์ เพื่อให้อานิสงส์แก่เจ้าของ ท่านบอกว่าห่มเสร็จสรรพ ขึ้นธรรมาสน์เพิ่งจะคุกเข่าลง พอย่อตัวลงเสียงดังแควก..! ตูดขาดยาวเป็นคืบเลย เขาไปเอาผ้าเก่ามาซัก เย็บย้อมเสียใหม่เอี่ยมเลย แต่จริง ๆ เป็นผ้าที่เก่าจนหมดสภาพแล้วเหมือนกัน

เถรี 15-11-2012 10:39

ถาม : พระออกบิณฑบาตเวลา ๐๕.๔๐ น.ตามมติสงฆ์ในวัด แต่เวลา ๐๕.๔๐ น.อรุณยังไม่ขึ้น พระรูปที่ออกบิณฑบาตเวลานี้จะขาดพรรษาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เท่ากับออกจากวัดก่อนสว่าง ถ้ากลับมาไม่ทัน ขาดพรรษาเรียบ..! ยกเว้นว่าออกไปได้สองนาทีแล้วรีบกลับมา ก็ไม่ขาดพรรษาหรอก..!

ถาม : ออกไปได้แต่ต้องกลับมาให้ทัน ?
ตอบ : กลับมาให้ทันก่อนสว่าง แต่มีครูบาอาจารย์บางท่านแนะนำว่า ถ้ามีธุระจำเป็นออกนอกวัดในช่วงพรรษา กลับมาแล้วเข้าวัดไม่ทัน อาจจะเป็นเพราะเขาปิดประตูไปแล้ว ท่านบอกว่าให้เอาชุดครองโยนเข้ามาในรั้ว จะได้ไม่ขาดพรรษา นั่นอย่าไปเชื่อเชียวนะ..เพราะถ้าทำอย่างนั้น ตัวขาดพรรษา ขาดผ้าครอง โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย สอนกันมาได้ แล้วก็ดันมีคนเชื่อเสียด้วย..!

เถรี 22-11-2012 12:15

ถาม : บริเวณทางเข้าบ้าน มักจะมีกบออกมานั่งขวางทางนับสิบตัว เวลากลับมาดึก ๆ ต้องจอดรถลงมาไล่อยู่ตลอด แต่หลายครั้งไล่แล้ว พอเช้ามาก็เห็นกบถูกทับตายอยู่ แถวนั้นก็มีรถผมคนเดียวที่ผ่าน ก็เลยเอากบออกนอกทาง เอาใบไม้กลบ แล้วใส่บาตรแผ่กุศลให้ อยากจะเรียนถามว่าผมจะทำอะไรเผื่อเขาได้มากกว่านี้อีกไหม ? และเป็นบาปติดตัวไปไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ควรจะผัดกะเพราแล้วไปใส่บาตร จะได้อุทิศส่วนกุศลไปให้เขาตรง ๆ เลย เสียดาย..ดันไปทิ้งซะได้ (ฮา..!)

บางอย่างเราทำดีที่สุดแล้ว แต่เราช่วยเหลือเขาได้แค่นั้น ต้องวางอุเบกขาบ้าง ถ้าใครเคยไปอินเดียจะรู้ว่าคนที่นั่นถึงขนาดอดตาย แต่นักเรียนไทยที่ไปอินเดียเจอกบตัวใหญ่กว่าสองฝ่ามืออีก มีเต็มไปหมดเลย คนอินเดียไม่กินกบ เพราะส่วนใหญ่เขาถือมังสวิรัติ

ตอนท่านอาจารย์วศินไปเรียนปริญญาเอก ท่านบอกว่า "มองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นคนก็หวดกบ ยัดใส่ย่าม ไอ้ห่..ตัวใหญ่ฉิบหา.. ขาดันยื่นออกมาอีก ต้องรีบยัดใส่เข้าไปใหม่" ถ้าคนฮินดูมาเห็นเดี๋ยวถูกเขาตีตาย เพราะพวกเขาถือมังวิรัติเคร่งครัดจริง ๆ วัวเดินเกลื่อนกลาดไปหมด เวลาฝนตกกบตัวใหญ่ออกมากินแมลงเต็มไปหมด เขาก็ปล่อยไปอย่างนั้นแหละ ตัวเองยอมอดตาย..!

เถรี 22-11-2012 12:30

ถาม : ผมใส่บาตรตอนเช้า จะมีภิกษุรูปหนึ่งมีกิริยาเดินวนไปวนมาอยู่แถวร้านข้าวแกง ไป ๆ กลับ ๆ ดูไม่ค่อยสำรวม สายตาล่อกแล่กไปมา ผมควรวางกำลังใจอย่างไรดีครับ ? ควรใส่ให้ท่านตามปกติ หรือผมควรใส่บาตรต่อพระที่น่าเลื่อมใสมากกว่า จะได้อานิสงส์สูงสุดครับ ?
ตอบ : ถ้าทำใจใส่บาตรท่านได้ จะได้รับอานิสงส์จะสูงสุด เพราะต้องปล่อยวางได้จริง ๆ เรายังเลือกที่รักมักที่ชัง วางอุเบกขาไม่เป็น ถ้าสามารถตัดกำลังใจใส่บาตรให้ท่านได้ แสดงว่ากำลังใจคุณสุดยอดแล้ว จะได้อานิสงส์มากที่สุด

ถาม : อดไม่ได้ครับ มีแนวทางในการพิจารณาไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ถูกใจเราก็ไปหาใส่ที่รูปถูกใจ พอหาใส่ที่ถูกใจก็เป็นปาฏิบุคลิกทานไปแล้ว อานิสงส์ลดน้อยไป ๙๙,๙๙๙ ส่วน

ถาม : จะเอาอานิสงส์แสนส่วนครับทำอย่างไร ?
ตอบ : ต้องใส่ทุกรูปที่มา เพราะถ้าเราใส่โดยไม่เลือก ต่อให้ไม่ครบสี่รูปก็เป็นสังฆทาน แต่ถ้าเราเลือกเจาะจง ก็ต้องใส่ให้ได้อย่างน้อยสี่รูป

เถรี 22-11-2012 21:57

ถาม : เคยได้ยินคนเล่าว่า มีกษัตริย์บางพระองค์มาเกิดเป็นพระอริยสงฆ์ซึ่งได้มรณภาพไปแล้ว แต่ระหว่างที่พระสงฆ์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้ทรงวิญญาณกษัตริย์นั้นตลอด เป็นไปได้ไหมครับว่า กษัตริย์มาเกิดเป็นพระแล้ว แต่ก็ยังช่วยผู้คนในร่างทรงด้วยสัญญาที่เป็นกษัตริย์ ?
ตอบ : ถ้าอยากได้คำตอบที่แท้จริงให้ไปถามคนสามคน คนแรกคือพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น คนที่สองคือหลวงพ่อท่านนั้น คนที่สามคือร่างทรงร่างนั้น ถ้าถามครบสามคนจะได้ของจริงแน่นอน ถามอาตมาไม่ได้หรอก..!

เถรี 22-11-2012 22:04

ถาม : นิพพานและปรินิพพานเหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : นิพพาน แปลว่า ดับ ปรินิพพาน แปลว่า ดับทั่ว , ดับรอบ ขอให้ดับได้ก็แล้วกัน ไม่ต้องคิดมาก
แต่ส่วนใหญ่ คำว่าปรินิพพานเขาหมายเอาพระพุทธเจ้า ถ้านิพพานหมายเอาสาวกทั่ว ๆ ไป แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นคำเดียวกัน

ถาม : ปริ แปลว่าอะไรครับ ?
ตอบ : แปลว่า ทั่ว , รอบ

เถรี 23-11-2012 18:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงที่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ยังไม่เข้าโรงพยาบาลประจำอย่างทุกวันนี้ อาตมาจะไปกราบท่านอยู่บ่อย ๆ อย่างน้อยต้องไปให้ได้เดือนละครั้ง หรือไม่ก็ทุกครั้งที่ผ่านไปก็จะแวะกราบท่านก่อน

บางทีกราบเรียนถามท่านว่า “หลวงพ่อสุขภาพเป็นอย่างไรบ้างครับ ?” ท่านบอกว่า “เออ...ดีแบบคนแก่อายุ ๘๐” พอจะเห็นภาพไหม ? สุขภาพดีเหมือนกันนะ ดีแบบคนแก่อายุ ๘๐ ปี ปีนี้ท่าน ๘๕ แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดท่านอีกแล้ว"

เถรี 23-11-2012 18:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "ชีวิตที่ท่องไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเป็นกำไรชีวิตมาก เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักฉวยเอามาใช้งานได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ประสบการณ์พวกนี้อยู่ในทำนองเดียวกับที่คนจีนเขาบอกว่า “เดินทางหมื่นลี้ ดีกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม” เพราะเป็นของจริงล้วน ๆ ไม่ใช่ไปจินตนาการเอาว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้"

เถรี 23-11-2012 18:57

ถาม : ช่วงเวลาตั้งศาลต้องประมาณกี่โมงคะ ?
ตอบ : อย่าให้เกิน ๙ โมงครึ่ง ที่ไม่ให้เกิน ๙ โมงครึ่งเพื่อให้มีอากาศเทวดาท่านสงเคราะห์ด้วย ถ้าเกิน ๙ โมงครึ่งแล้วท่านเข้าเทวสภากันหมด เหลือแต่พระภูมิเจ้าที่อย่างเดียวทำตาปริบ ๆ อาจจะบ่นว่า “เวรกรรมเจ้าของบ้านมันหนัก แล้วผมจะแบกไหวไหมนี่”..(หัวเราะ)..

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก สักกายทิฐิตัวกูของกู ถึงเวลาก็บ้านกูจะต้องทำให้ดี เพราะเป็นบ้านของกูชัด ๆ เป็นเรื่องของกิเลสที่หลอกเราอยู่ เพราะฉะนั้น..ถ้าเราแยกสมมติออกจากปรมัตถธรรมไม่ได้ พัวพันกันอยู่เราก็ดิ้นไม่หลุด เพราะสมมติก็มีความจริงแบบสมมติ แต่เป็นสมมติสัจจะ แต่ว่าปรมัตสัจจะนี่จริงแท้ ถ้าอยู่ในระหว่างที่เหยียบเรือสองแคมอยู่ ก็ยังมีโอกาสที่จะพลาดได้ ก้าวข้ามไปเสียเลยก็หมดเรื่องหมดราว

เถรี 23-11-2012 19:08

หลายต่อหลายสำนักตำหนิในเรื่องของพิธีกรรมต่าง ๆ โดยที่ไม่ได้ดูถึงภูมิปัญญาคนโบราณว่า เขาแฝงการกระทำความดีไว้ในทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กเพิ่งจะหัดเดินไปบอกว่าให้อ่าน ก.ไก่ ข.ไข่ อยู่ทำไม ? ไปเรียนปริญญาเอกเลย..ดีที่สุด..เด็กยังไม่ทันจะเข้าอนุบาลจะเรียนได้ไหม ?

พระพุทธเจ้าท่านเปรียบกำลังใจของคนไว้ว่ามี ๔ ระดับ ระยะหลัง ๆ นี่ระดับเนยยะมีมาก ในเมื่อเนยยะมีมาก เราก็ต้องเอื้ออาทรเขาหน่อย ช่วยกันสงเคราะห์เขาหน่อย

ต้องบอกว่าท่านที่ปรารถนาในปรมัตถธรรมส่วนเดียว โดยที่ยังตำหนิในเรื่องของสมมติอยู่ ยังเข้าถึงธรรมไม่จริง ถ้าเข้าถึงธรรมจริง ๆ จะมองเห็นทั้ง ๒ ฝั่ง ไม่ไปตำหนิเขาว่าไปอยู่ฝั่งนั้นทำไม ถ้าเขาชอบเสื้อเหลืองก็ให้เขาอยู่ไป หรือถ้าเขาชอบเสื้อแดงก็หุบปาก อย่าไปทะเลาะกับเขาสิ หรือไม่ก็เอาเหลืองกับแดงมาผสมกันเป็นสีส้ม ได้สีเดียวกับจีวรพระก็จบแล้ว..!


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว