เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘
ถาม : ขอกราบเรียนถามข้อสงสัยถึงวิธีการและหนทางปฏิบัติที่พอจะทำให้เราสามารถทราบได้ว่าเราติดหนี้สงฆ์หรือโทษหนักอื่นใด เช่น โทษการย้ายเจดีย์ เป็นต้น เพื่อป้องกันหรือหาหนทางแก้ไขก่อนที่เราจะสิ้นลมหายใจในชาติปัจจุบัน หากในกรณีที่เรามิได้เป็นบุคคลผู้ทรงอภิญญาหรือญาณแปดใด ๆ กล่าวคือ เป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้สนใจเรื่องธรรมะหรือได้มโนมยิทธิใด ๆ ทั้งสิ้น
จึงขอเรียนถามข้อสงสัยสำหรับประเด็นดังกล่าวว่า พอจะมีทางอื่นใดบ้างที่เราสามารถทราบในเรื่องของกรรมดังกล่าวได้บ้างหรือไม่ ? และอย่างไรครับ ? ทั้งนี้เจตนาในการตั้งคำถามนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อบุคคลจำนวนมากที่อาจมิอาจทราบได้ถึงโทษจากกรรมหนักดังกล่าว ซึ่งจะได้ทราบเป็นวิทยาทานและแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีหากมีหนทางและโอกาสครับ ตอบ : ก็แปลว่าไม่ต้องรู้ ไม่ได้อะไรสักอย่างจะไปรู้ได้อย่างไรวะ ? ตั้งกติกาไม่ให้มีอะไรสักอย่างเดียวแต่อยากรู้ จะรู้ไปทำไม ? |
ถาม : ผมไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง ผลคือฝึกไม่ได้ครับ ครูฝึกบอกว่าเป็นสุกขวิปัสโก ผมจะมีโอกาสจะฝึกสำเร็จได้หรือไม่ครับ ? และการจับลมหายใจเข้าออก ผมควรจับที่จมูกฐานเดียว หรือจับสามฐานครับ ?
ตอบ : ถ้าเชื่อครูฝึกชาตินี้ก็ฝึกไม่ได้ แต่ถ้าไม่เชื่อครูฝึกโอกาสได้จะมีเยอะ เพราะบางทีครูฝึกโง่กว่า สอนลูกศิษย์ไม่เป็น ส่วนเรื่องการจับลมหายใจ จะฐานเดียว ๓ ฐาน ๗ ฐาน หรือว่ารู้ตลอดกองลมแล้วแต่ความถนัดของเรา ที่อาตมาใช้คำว่าครูฝึกโง่กว่าลูกศิษย์ เพราะว่าปัจจุบันนี้ครูฝึกส่วนใหญ่แล้วไม่รู้จริง มักจะสอนตามรูปแบบเดิม ๆ จนกระทั่งโดนลูกศิษย์หลอกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว การจะเป็นครูฝึกมโนมยิทธิต้องมีเจโตปริยญาณแจ่มใส รู้ว่าในขณะนั้นลูกศิษย์คิดอะไร ทำอะไรอยู่ ถึงสามารถที่จะสอนให้ถูกต้องได้ |
ถาม : ผมป่วยมาก อาการไม่ค่อยจะดีมาหลายปีแล้วครับ หาหมอหลายที่แล้วไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดลง กระเพาะอักเสบมานาน เลยทำให้ท้องแข็ง เป็นเถาดาน ท้องมาน บวม จุกแน่นชายโครงขวา หายใจลำบากเหมือนจะขาดใจหลายครั้งแล้ว และยังมีคุณไสยมาช่วยทำให้แย่ลง ขอหลวงพ่อเมตตาแนะนำยา หรือการปฏิบัติตนให้ผมคลายจากเวทนานี้ด้วย กราบขอบพระคุณหลวงพ่อครับ
ตอบ : เลิกหายใจ ถ้าเลิกหายใจวันไหนก็หายสนิท..! เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นกรรมเก่า ถ้าเราพิจารณาเห็นว่าสภาพร่างกายมีความป่วยไข้เช่นนี้เป็นปกติ ก็จะไม่ไปเครียด ไม่ไปกังวล ไม่ไปแบกไว้ เห็นว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐ ที่เราได้เห็นความทุกข์อย่างถนัดชัดเจน ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก เราต้องการจะไปพระนิพพาน เรียกว่าพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ฉวยโอกาสที่ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย นำมาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติของเรา เพราะฉะนั้น..ความเจ็บไข้ได้ป่วยต้องถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ |
ถาม : กระผมได้ศึกษาธรรมะตามแนวหลวงพ่อวัดท่าซุงมานานหลายปี และได้ทราบว่า มีสมเด็จองค์ปฐมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกสุดอยู่ จึงให้ความเคารพท่านมากเป็นที่สุด แต่พอช่วงหลังมานี้ ได้ศึกษาธรรมะตามแนวของหลวงพ่อสด คือวิชชาธรรมกาย จากทางวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จังหวัดราชบุรี ได้ศึกษาข้อมูลที่กล่าวไว้ว่า มี "พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมอยู่" ลูกศิษย์หลายท่านบอกว่า เป็นคนละพระองค์กับสมเด็จองค์ปฐมที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอน
กระผมอยากอาราธนาหลวงพ่อช่วยเมตตาอธิบายทีครับว่า เป็นพระองค์เดียวกันหรือไม่ ? ถ้าไม่ใช่ แล้วพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมคือท่านใดกันครับ ? ตอบ : ไปถามคนที่บอกว่าไม่ใช่..! |
ถาม : ผมได้ใส่บาตรพระรูปหนึ่งที่รับบาตรอยู่ช่วงเช้า พอท่านให้พรเสร็จ ขณะที่ผมกำลังจะไป จู่ ๆ ท่านใช้ให้ผมหยิบของในมือท่านและของที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ ผมเข้าใจว่าเป็นของที่คนนำมาใส่บาตรซึ่งมีหลายอย่างด้วยกัน ให้นำไปใส่ในกระสอบใส่ของที่วางอยู่ที่พื้น เข้าใจว่าท่านอาจจะเตรียมกระสอบมา
ผมมีความกังวลและไม่ทันตั้งตัว จึงได้หยิบของใส่ลงกระสอบให้ท่านไม่กี่อย่าง จู่ ๆ ท่านก็ลุกขึ้นมาหยิบของใส่กระสอบด้วยตัวท่านเอง ซึ่งผมช่วยจับกระสอบอยู่พักเดียว แล้วผมก็เดินปลีกตัวไป ปล่อยให้ท่านจัดการของท่านเอง โดยผมไม่ได้มีความเต็มใจที่อยากจะช่วย เนื่องจากกลัวผิด อยากทราบว่าผมมีความผิดอะไรหรือเปล่าครับ ? และควรแก้ไขอย่างไรครับ ? และหากเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก ผมควรทำอย่างไรครับ ? ตอบ : ถือว่ามีส่วนร่วมไปแล้ว ถ้าเป็นกุศลก็เป็นกุศลไปแล้ว ถ้าเป็นบาปก็เป็นไปแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาสงสัย ให้ตั้งหน้าตั้งตาตั้งปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนาของเราไป อะไรที่สงสัยก็ถอยห่างเอาไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องมาคิดให้ฟุ้งซ่านเศร้าหมองเหมือนอย่างปัจจุบันนี้ |
ถาม : เวลาที่คนสร้างกิจกรรมใดที่ให้คนลงชื่อเพื่อร่วมสนุกในการแจกของรางวัล โดยไม่ได้มีการเก็บเงินหรือว่าต้องให้คนร่วมสนุกซื้อของก่อน จัดเป็นการพนันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : การพนันคือการพนัน ถ้าหากว่าเป็นการชิงโชคก็แค่อยู่ในลักษณะของการชิงรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ พูดง่าย ๆ ว่าดูตามหลักกฎหมายแล้วกัน ถ้าสิ่งที่กฎหมายไม่ถือว่าเป็นการพนันก็ไม่ต้องไปถือว่าเป็นการพนัน ถาม : สโมสรกีฬาที่มีการซื้อขายตัวผู้เล่น จัดเป็นอาชีพค้ามนุษย์หรือไม่ครับ ? ตอบ : การค้ามนุษย์ส่วนใหญ่แล้วเขาค้าให้ไปเป็นทาส สโมสรกีฬาเขาค้าไปเป็นทาสหรือเปล่า ? ถาม : ผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงเด็กหรือคนชรา จัดเป็นอาชีพค้ามนุษย์หรือไม่ครับ ? ตอบ : เลี้ยง..ไม่ได้ขาย..! |
ถาม : ถ้ามีคนยืมเงินเราไป แล้วนำไปทำบุญ ภายหลังนำเงินมาใช้คืน เราสามารถนำเงินที่ได้รับคืนมาใช้จ่ายของเราเองได้หรือไม่และเป็นหนี้สงฆ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : แสดงว่าไม่เข้าใจคำว่าหนี้สงฆ์ แต่ไม่เป็นไร ให้เขาคิดว่าเป็นหนี้สงฆ์ไว้แหละดี ถ้าไม่ใช่..ใจเศร้าหมองจนลงข้างล่างไปเลย ก็คงจะระมัดระวังตัวมากขึ้น..! ถาม : ถ้ามีคนฝากเงินให้เราทำบุญ จำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องเป็นธนบัตรหรือเหรียญเดียวกันกับที่เจ้าของเงินให้มา เราสามารถใช้ธนบัตรหรือเหรียญอื่นที่มีมูลค่าเท่ากันทำแทนได้หรือไม่ครับ ? ตอบ : ทำด้วยมูลค่านั้น จะเป็นอะไรก็ได้ |
ถาม : ช่วงนี้ฝันหนักมาก จนถึงขนาดที่ตื่นมารู้สึกเพลียไปหมดทั้ง ๆ ที่นอนมาเกือบแปดชั่วโมง พอเจอเข้าติด ๆ กันหลายวัน ร่างกายเริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าพระอาจารย์มีวิธีไม่ให้ฝันไหมคะ ? แล้วการที่เราฝันเยอะ ๆ นี่หมายความว่ากำลังใจของเราฟุ้งซ่านไปในทางที่ไม่ดีหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ฝันแปลว่ากำลังใจไม่เป็นสมาธิจึงฟุ้งซ่าน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก่อนนอนก็พยายามแผ่เมตตา แล้วภาวนาให้กำลังใจทรงตัวก่อน |
ถาม : จากที่ทราบว่าอีกไม่นานนักจะเกิดสงครามใหญ่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศทางซีกโลกเหนือ และเนื่องด้วยกระผมต้องไปเรียนต่อต่างประเทศในอีกไม่นานเช่นกัน ขอเรียนถามพระอาจารย์ว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริง ประเทศในแถบซีกโลกใต้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จะรอดพ้นจากภัยสงครามหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ตกลงถามเองหรือว่ามั่วเอง ? เกิดสงครามใหญ่ที่ซีกโลกเหนือ..รู้ขนาดนั้นเลยหรือ ? แต่ทำไมไม่รู้ว่าซีกโลกใต้จะรอดหรือไม่รอด ต้องบอกว่าขอเชิญฟุ้งซ่านต่อไป เรื่องนี้เลยตายไปเยอะเลย |
ถาม : ถ้าผู้เป็นเจ้าของตะกรุดกระทำผิดอย่างชัดเจน เช่น ทำร้ายคนอื่น ลักขโมย นินทาว่าร้าย ฯลฯ บุคคลอื่นทราบเข้าจึงตำหนิการกระทำเหล่านั้น หรืออาจดำเนินคดีตามกฎหมาย บุคคลอื่นที่ตำหนิการกระทำของเจ้าของตะกรุด หรือนำตัวเจ้าของตะกรุดไปดำเนินคดีตามกฎหมาย จะโดนสะท้อนหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำชั่ว ตะกรุดก็ไม่คุ้มครองป้องกันอยู่แล้ว |
ถาม : ขณะทำพิธีอุปสมบท มีภิกษุบางรูปศีลไม่สมบูรณ์ หรือขาดจากความเป็นพระ และมีฆราวาสร่วมพิธีอยู่ในโบสถ์ ฯ เมื่อเสร็จพิธีผู้ขอบวชจะถือว่าได้เป็นสมมติสงฆ์โดยสมบูรณ์หรือเป็นได้เพียงแค่เณรครับ ?
ตอบ : ถ้าอยู่นอกเขตหัตถบาส คือมือเอื้อมไม่ถึง การบวชก็สมบูรณ์ แต่ถ้าอยู่ในเขตหัตถบาสคือเอื้อมมือแตะกันถึง คุณก็เป็นแค่เณร ในเรื่องของสังฆกรรม อย่างน้อย ๆ ต้องเว้นช่วงระยะหนึ่ง แต่ถ้าจะเอาให้บริสุทธิ์จริง ๆ ต้องอยู่นอกเขตสีมาไปเลย ถาม : หลังเสร็จพิธีอุปสมบท เราจะสามารถทราบได้อย่างไรว่าผู้ขอบวชได้เป็นสมมติสงฆ์โดยสมบูรณ์ หรือเป็นแค่เณร เพราะเราไม่ทราบเลยว่าในพิธีมีภิกษุที่ศีลไม่สมบูรณ์ร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ ? ตอบ : ถ้าไม่ทราบแล้วจะอยากรู้ไปทำไม ? |
ถาม : เมื่อตอนสมัยบวชพระ มีเพื่อนพระด้วยกันนำวัตถุมงคลที่อยู่ในวิหาร ฯ มาให้ดู หลังจากที่สอบถาม เพื่อนพระแจ้งว่าสามารถหยิบออกมาได้ เจ้าอาวาสท่านไม่ว่า จากนั้นจึงได้ขอวัตถุมงคล และให้เพื่อนพระไปหยิบวัตถุมงคลในวิหารมาให้บ้าง เพื่อนำไปบูชาในกุฏิส่วนตัวและแจกบางส่วนให้ฆราวาส แบบนี้ถือว่า "ปาราชิก" หรือไม่ ?
ตอบ : เสี่ยงต่อการปาราชิกมาก เพราะว่าเป็นความเห็นของเพื่อนคนนั้น ไม่ใช่ความเห็นของพระสงฆ์ทั้งวัดร่วมกัน การจะนำของสงฆ์ไปใช้สอยอย่างไรก็ตาม ควรที่จะได้รับการอนุญาตจากสงฆ์หรือผู้แทนสงฆ์ก่อน ไม่ใช่ถึงเวลาเขาว่าส่งเดชก็เชื่อตามเขา กลายเป็นว่าเอาอนาคตหรือไม่ก็ความเป็นพระของตนเอง ไปแลกกับสิ่งที่คนอื่นเขาพูดด้วยลมปากเท่านั้น มีโอกาสขาดทุนมหาศาลเลย ถาม : ขณะบิณฑบาตมีฆราวาสนำเงินใส่บาตรหรือย่าม หากเรานำเงินนั้นไปใช้ส่วนตัว เช่น ซื้อของให้แม่หรือฆราวาส อย่างนี้ถือว่า "ปาราชิก" หรือไม่ ? ตอบ : ถ้าซื้อของให้แม่ไม่เป็นไร เพราะท่านอนุญาตให้ภิกษุเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ แต่ท่านใช้คำว่าตามสมควร ไม่ใช่ประเภทซื้อเช้า ซื้อกลางวัน ซื้อเย็น แต่โดยปกติแล้ว ถ้าตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนมาก็คือ ปัจจัยทุกอย่างที่เขาถวายมา จะเป็นส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ตาม ให้นึกอยู่เสมอว่าเป็นของสงฆ์ |
ถาม : จะเป็นการสมควรหรือไม่ถ้าจะรักษาศีล ๘ ช่วงระยะเวลากลางคืนก่อนนอนของทุกวันจนถึงรุ่งเช้า เนื่องจากเป็นช่วงระหว่างวันทำงานบ่อยครั้ง มีเหตุปัจจัยที่ทำให้หลุดจากศีล ?
ตอบ : เรียกว่าขี้โกง..! หลังจากกินข้าวเย็นไปแล้วใคร ๆ ก็รักษาได้ ถาม : แล้วมีอานิสงส์ไหมคะ ? ตอบ : ถ้าตั้งใจจริง ๆ ก็มี แต่ถ้าตั้งใจโกงก็ไม่มี ถาม : แล้วจำเป็นต้องอาราธนาศีลทุกครั้งไหมคะ หรือว่าตั้งใจจะรักษาศีล ๘ เท่านั้นก็เพียงพอ ? ตอบ : การอาราธนาศีลเป็นการขอร้องให้พระท่านบอกว่าศีลมีอะไรบ้าง เมื่อท่านบอกมาเราก็สมาทาน คือศึกษาจดจำตามนั้น แล้วก็ยึดถือปฏิบัติไป ในเมื่อเรารู้แล้วว่ามีอะไร ก็ไม่ต้องเสียเวลาอาราธนา ไม่ต้องเสียเวลาสมาทาน ให้ตั้งใจปฏิบัติโดยการงดเว้นไปเลย |
ถาม : การสวดมนต์ในใจทั้งวันโดยไม่ได้กำหนดลมหายใจเข้าออก สามารถเข้าสู่พระนิพพานได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อนก็ไปไหนไม่รอด แต่ถ้าตั้งใจไว้ก่อนว่าสิ่งที่เราทั้งหมดนี่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน โอกาสที่จะไปก็มีมาก |
ถาม : ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เรารวมกันทำดี พูดคุยเรื่องคำสอน ธรรมะ การปฏิบัติ นี่คือบุญธรรมทานอย่างหนึ่งใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ดูด้วยว่าคุยถูกเรื่องหรือเปล่า ถ้าประเภทมั่วเอาโดย "อัตโนมติ" ไม่ใช่หลักธรรมที่แท้จริง มีสิทธิ์ลงอเวจีมหานรก ดีไม่ดีก็เลยไปถึงโลกันต์เลย ฉะนั้น..ในเรื่องธรรมสากัจฉา ต้องมีคนที่รู้จริงอยู่ด้วย ถึงเวลาถ้าคุยผิดต้องแก้ไขให้ถูกได้ ถาม : แล้วการที่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้จะมีอานิสงส์อะไรบ้างคะ ? ตอบ : ก็อยู่ที่ว่าตนเองตั้งใจอะไรเอาไว้ ถ้าตั้งใจเพื่อความหลุดพ้น สภาพจิตของตนเองเกาะความดีอยู่เสมอ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มี |
ถาม : ถ้ามีฉันทะแบบไฟไหม้ฟางต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็เลิกไหม้ฟาง หันไปไหม้ขอนแทน |
ญาติโยมจะเห็นว่า คำถามบางคำถามนั้น เป็นการกระทำไปโดยพาซื่อ อย่างเช่น เพื่อนพระบอกว่าของชิ้นนี้เอาไปได้ก็เอาไป แสดงว่าขาดการอบรมจากครูบาอาจารย์เป็นอย่างมาก เสี่ยงต่ออาบัติอย่างสูง ไม่ได้คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย จะหยิบจะจับอะไรของภิกษุเรา ถ้าเจ้าของไม่ได้อนุญาต เคลื่อนออกจากฐานแค่เส้นผมผ่า ๑๖ ก็โดนอาบัติปาราชิกไปเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น..เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ง่าย ๆ เลยว่าครูบาอาจารย์สมัยนี้ไม่ค่อยจะเข้มงวดกับลูกศิษย์
ปัญหาที่ต้องการให้ถาม ก็คือ เราปฏิบัติธรรมไปแล้วปัจจุบันเป็นอย่างไร ? ควรจะปฏิบัติต่ออย่างไร ? ไม่ใช่ถามเพื่อสนองกิเลสในเรื่องที่ตอบไปแล้วก็ไม่เจ็บไม่คัน พูดง่าย ๆ ก็คือรู้แล้วเอาไปอวดชาวบ้าน แล้วก็ทะเลาะกันต่อไป เพราะอีกคนหนึ่งอาจจะไม่เชื่อก็ได้ จะกลายเป็นว่า “อาจารย์ฉันบอกอย่างนี้” แล้วเอาคำของอาจารย์ไปกลายเป็นอาจริยวาท ไปก่อวิวาทะกันขึ้น ในเรื่องของคำถามขอให้พิจารณาให้ดี ๆ ว่าเกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมหรือไม่ ถ้าไม่เกิดประโยชน์แก่ตนและส่วนรวมก็อย่าเสียเวลาถามเลย |
ถาม : ที่มีข่าวว่าเขาสามารถผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะมนุษย์ย้ายไปร่างอื่นได้ แสดงว่าจิตอยู่ที่สมองหรือครับ ?
ตอบ : จิตอยู่ส่วนไหนของร่างกายก็ได้ ไม่ได้อยู่ที่สมอง แต่สมองเป็นศูนย์กลางในการสั่งให้ร่างกายทำงาน จิตต้องบังคับสมอง สมองบังคับร่างกาย แต่คราวนี้การที่จิตบังคับนั้นเป็นการบังคับที่เร็วมาก ต้องบอกว่าแค่คิด ดังนั้น..คนก็เลยคิดว่าการสั่งการเป็นส่วนของสมอง เรื่องของการที่ทำแล้วฝืนธรรมชาติมักรอดยาก ไม่อย่างนั้นคนก็ไม่ต้องตายกัน เมื่อเดือนที่แล้วมีข่าวว่าด็อกเตอร์ท่านหนึ่งแช่แข็งลูกสาวตัวเอง เพื่อรอให้เทคโนโลยีการแพทย์ดีกว่านี้แล้วจะละลายลูกสาวออกมา เพื่อจะรักษาให้หายหรือทำให้ฟื้นใหม่ ถ้าเขามีความเชื่อมั่นอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นความเชื่อของเขา ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ แต่ว่าถ้าในส่วนของการเป็นผู้ปฏิบัติธรรม นั่นคือการยึดติดอย่างน่ากลัว การยึดแค่ตัวกูของกูก็แย่แล้ว นี่ยังยึดคนอื่นเป็นของกูอีก กลายเป็นภาระ แบกภาระมากขึ้น โอกาสที่จะหลุดพ้นก็ไม่มี |
มนุษย์ใฝ่ฝันจะเอาชนะความตายมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งผู้ที่เป็นใหญ่เป็นโตมีอำนาจ ก็ยิ่งกลัวตาย ตัวอย่างคือฮ่องเต้ของจีนหลายท่านด้วยกัน พอมีอำนาจวาสนา มีศักดานุภาพแผ่ไพศาล สิ่งที่คิดก็คืออยากจะมีชีวิตเป็นอมตะ แบบเดียวกับเจงกีสข่าน ส่งกองทัพยึดผืนแผ่นดินทั้งเอเซียและยุโรปกว้างใหญ่ไพศาล ก็แสวงหาบุคคลที่จะทำให้ตนเองเป็นอมตะ
คิวชู่กีที่เป็นนักพรตลัทธิช้วนจิน มีฉายาว่าผู้อมตะ ชื่อเสียงโด่งดังมาก เจงกีสข่านส่งทูตมาเชิญให้ไปช่วยสอนวิธีทำให้เป็นอมตะ พอเจอหลักการปฏิบัติธรรมเข้าเจงกีสข่านก็ไปไม่รอด แต่เจงกีสข่านเป็นคนรู้จักของดี เมื่อเห็นว่าหลักปฏิบัติอย่างนี้เป็นไปได้จริง ก็เลยส่งเสริมลัทธิเต๋า โดยเฉพาะลัทธิช้วนจิน จนกระทั่งลัทธินี้เจริญรุ่งเรืองไปทั่วแผ่นดินจีนสมัยนั้น ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมลงไปมาก หลักการปฏิบัติหลัก ๆ ก็คืออานาปานสติ พูดง่าย ๆ ว่าสร้างอภิญญาให้เกิด แล้วใช้กำลังอภิญญาปรับธาตุปรับร่างกายตัวเอง แล้วจะอยู่ไปทำอะไร ? อยู่ไปวันหนึ่งก็ทุกข์เพิ่มขึ้นวันหนึ่ง มีวันไหนไม่ปวดท้องเข้าห้องน้ำห้องส้วมบ้างไหม ? มีวันไหนที่เราไม่หิวบ้าง ? ระยะนี้มีวันไหนที่ไม่ร้อนบ้าง ? แต่เขาก็ยังอยากจะอยู่กัน นึกถึงหลวงปู่มั่น ท่านพยายามไม่ให้ลูกศิษย์ยึดติดแม้แต่กายสังขารของท่าน ลูกศิษย์มรณภาพเผาเสร็จกระดูกเป็นพระธาตุ หลวงปู่มั่นเผาเสร็จกระดูกเป็นกระดูก ขี้เถ้าเป็นขี้เถ้า ผ่านไปเนิ่นนานหลายสิบปี ลูกศิษย์มรณภาพเผาแล้วเผาเล่า ท่านนั้นก็อัฐิเป็นพระธาตุ ท่านนี้ก็อัฐิเป็นพระธาตุ ของหลวงปู่มั่นเป็นขี้เถ้าเหมือนเดิม จนกระทั่งท้ายสุดคนลังเลสงสัยกันมาก ๓๐ กว่าปีผ่านไปอัฐิหลวงปู่มั่นถึงกลายเป็นพระธาตุ เพราะคนจะเริ่มปรามาสครูบาอาจารย์มากขึ้นแล้ว ท่านไม่ต้องการให้คนยึดติดกับสังขารร่างกายของท่าน จึงไม่ได้อธิษฐานทิ้งไว้ให้ การที่อัฐิเป็นพระธาตุนั้นเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือเจ้าของร่างกายอธิษฐานทิ้งไว้ให้ สาเหตุที่ ๒ คือพระท่านสงเคราะห์ให้ เพื่อรักษากำลังใจของคนส่วนใหญ่ ถามว่าทำไมกระดูกถึงเป็นพระธาตุ ? เหตุกระดูกเป็นพระธาตุได้เพราะว่าสภาพจิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายนี้ได้รับการขัดเกลาด้วยธรรมะจนสะอาดบริสุทธิ์ถึงที่สุด สภาพร่างกายซึ่งเป็นเครื่องอาศัยของจิต ก็เลยพลอยได้รับการขัดฟอกธาตุขันธ์ไปด้วย ถ้าเจ้าของไม่ได้ตั้งเจตนาเอาไว้ หรือเจตนาจะไม่ให้เป็น ก็จะไม่เป็นพระธาตุ |
เรื่องกายสังขาร ถ้าหากว่ามรณภาพแล้วไม่เน่า ยังไม่แน่ว่าจะใช่พระที่ปฏิบัติดีจนถึงที่สุดจริง ๆ เพราะการที่ร่างกายไม่เน่านั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ก็คือ ท่านที่ตั้งใจทิ้งกายสังขารเอาไว้เพื่อเป็นเครื่องยึดโยงกำลังใจของลูกศิษย์ อธิษฐานให้เป็นเช่นนั้น ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะบรรลุมรรคผลจริง ๆ
ส่วนที่สอง คือการกินว่านยาบางอย่าง ทำให้ร่างกายคงกระพัน ไม่เน่าได้ ส่วนที่สาม ใช้คาถาบางบทเสกข้าวกินเป็นประจำทุกวัน ตายแล้วจะไม่เน่า ง่าย ๆ ก็คือพระอภิธรรม ๗ บท แต่ว่าควรจะเสกก่อนกินข้าวสักครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นจะหิวเป็นลมไปก่อน เพราะนานกว่าจะเสกจบ ดังนั้น ถ้าเป็นเรื่องของกายสังขารยังไม่สามารถจะวัดได้ แต่ถ้าเรื่องอัฐิวัดได้ว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบจริงหรือไม่ เพราะท่านผ่านการฟอกธาตุขันธ์ไปจริง ๆ อัฐิมักจะแปรเป็นพระธาตุเอง ต้องบอกว่าโบราณเก่ง บางทีลูกหลานทำผิดแล้วผิดเล่า พ่อแม่โกรธจนด่า “ไอ้นี่ชั่วจนเข้ากระดูกดำ” ก็ขอให้ดูในมุมกลับว่า ถ้าดีจนถึงที่สุดก็กระดูกเป็นแก้วเหมือนกัน ท่านใดดูข่าวรูปหล่อโลหะมีโครงกระดูกพระอยู่ข้างในบ้าง ? ถ้าลักษณะอย่างนั้นเจ้าของตั้งใจเอง คนอื่นทำให้ไม่ได้ ขอบอกว่าถ้าได้กสิณ ๑๐ ก็เป็นเรื่องเล็ก ถ้าไม่ได้กสิณ ๑๐ ก็ทำไม่ได้ เอาตัวเองเข้าแทนโครงสร้างข้างใน |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:54 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.