กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=122)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8731)

ตัวเล็ก 09-07-2022 17:34

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕



เถรี 09-07-2022 22:33

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพไปปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับพระครูกาญจนธรรมโชติ (มนัส อุชุโชโต) เจ้าอาวาสวัดเขาตอง ถนนเลี่ยงเมือง ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี วัตถุมงคลที่ปลุกเสกนั้นก็คือ รูป/เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ด้านหลังท้าวเวสสุวรรณ เป็นเหรียญทรงจำปี

กระผม/อาตมภาพเห็นว่าระยะนี้ การสร้างวัตถุมงคลเหรียญท้าวเวสสุวรรณนั้น มีมากจนจะเกินความต้องการของชาวบ้านอยู่แล้ว โดยเฉพาะเหรียญทรงจำปี ซึ่งถ้าหากว่าไปนึกถึงปรากฏการณ์ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ เมื่อถึงเวลาออกอาการ "หมดโปร" ท่านใดก็ตามที่สร้างช้า ก็เกิดอาการ "เจ็บตัว" ไปตาม ๆ กัน

โดยเฉพาะในส่วนของเหรียญทรงจำปีนั้นก็คือปลัดขิกนั่นเอง ซึ่งไม่ควรที่จะเอาพระพุทธรูปหรือว่ารูปพระสงฆ์ไปปรากฏอยู่บนนั้น ครูบาอาจารย์บางท่านซึ่งสร้างปลัดขิกแล้วไม่ยอมจารอักขระอะไรเลย ก็ด้วยเหตุที่ว่าอักขระนั้น ส่วนใหญ่เป็นหัวใจพระธรรมต่าง ๆ ท่านเห็นว่าปลัดขิกนั้นเป็นของต่ำ ไม่ควรเป็นที่ประดิษฐานของพระธรรมอันสูงส่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงไม่ยอมที่จะจารอักขระลงไป ซึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นกำลังใจของท่านแล้ว ต้องยอมรับในความเคารพในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงของท่าน ที่ไม่ยอมจารอักขระเลขยันต์ลงไป

คราวนี้ในส่วนของเหรียญทรงจำปีนั้น ก็คือการที่แปลงรูปมาจากปลัดขิก ที่เราเรียกกันตลก ๆ อยู่ในระยะหนึ่งว่า เจ้าจำปี ถ้าหากว่าเป็นในสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ เขาเรียกกันว่า ขุนเพชรบ้าง คุณปลัดบ้าง ปลัดขิกบ้าง แต่พอมาถึงสมัยนี้กลายเป็นเจ้าจำปี ซึ่งจะว่าไปแล้วก็พอที่จะยอมรับได้ แต่ว่าก็ยังไม่สมควรอยู่ดี

เนื่องเพราะว่าในส่วนของปลัดขิกนั้นก็คือศิวลิงค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระอิศวรในศาสนาฮินดู ในส่วนนี้ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักระมัดระวังไว้ ก็จะเอาพระพุทธศาสนาไปปะปนกับศาสนาอื่น ๆ ในยุคของเรา รุ่นของเรา เราอาจจะแยกแยะออกไปได้ แต่พอนานไป สัญญาและปัญญาของคนทรามลง ก็จะทำให้แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร

เถรี 09-07-2022 22:38

กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเต็มตัวเมื่อ ๑๕ ปีก่อน สิ่งแรกที่ทำเลยก็คือ รื้อวิหารเจ้าแม่กวนอิมและพระพิฆเณศวร์ที่บริเวณหน้าวัดท่าขนุนออก ประกาศบอกว่า "ผู้ใดก็ตาม ถ้ามีความต้องการรูปเจ้าแม่กวนอิมและพระพิฆเณศวร์ ก็ให้มารับไปได้" ปรากฏว่าไม่ถึง ๒ ชั่วโมง ก็มีผู้มาขอไปจนหมด เหตุที่ทำเช่นนั้นก็เพราะว่า เจ้าแม่กวนอิมนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนามหายาน ส่วนพระพิฆเณศวร์นั้นเป็นเทพของศาสนาฮินดู

แม้ว่าในความเป็นจริงนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะสอนในเทวตานุสติ แต่ว่าคนฮินดูนั้นไม่ได้นับถือเทพเจ้าในลักษณะของเทวตานุสติ คือศึกษาว่าเทวดาแต่ละท่าน แต่ละองค์ มีความสามารถแบบไหน มีปฏิปทาใดที่ทำให้เข้าถึงความเป็นเทวดาเช่นนั้นบ้าง มีแต่จะร้องขออย่างเดียวว่าให้เทวดาท่านนั้นช่วยในเรื่องนั้น ให้เทวดาท่านนี้ช่วยในเรื่องนี้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ลักษณะของการที่ท่านทั้งหลายได้ไปจุดธูปไหว้วอนบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นท้าวมหาพรหมก็ดี ตรีมูรติก็ตาม จะเป็นในส่วนของศาสนาพราหมณ์ฮินดู ที่แทรกอยู่ในสังคมไทยอย่างสง่าผ่าเผย

ขณะเดียวกันก็มีวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งตั้งใจจะสร้างรูปของท้าวมหาพรหมและเจ้าแม่กวนอิมเพื่อเรียกแขก คำว่า "เรียกแขก" ในที่นี้ก็คือ บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง หรือแม้กระทั่งจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งคนทั้งหลายเหล่านี้นั้นมีจิตศรัทธาและมีกำลังเงินสูง มีความเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของท้าวมหาพรหมที่ข้างโรงแรมเอราวัณอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าวัดใดมีรูปจำลองของท้าวมหาพรหม ก็พากันเข้าไปกราบไหว้ขอพรได้ง่าย

ขณะเดียวกันเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน ซึ่งประเทศทั้งหลายเหล่านี้มีความเคารพนับถือเป็นปกติอยู่แล้ว ก็จะทำให้ดึงนักท่องเที่ยวเข้าวัดเข้าวาได้ง่าย

เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายทำในสิ่งที่ไม่ได้คำนึงถึงอนาคตของพระพุทธศาสนาข้างหน้า เป็นการนำเอาพระพุทธศาสนามหายานมาปนกับเถรวาท เป็นการนำเอาศาสนาฮินดูมาปนกับพระพุทธศาสนาเถรวาท ซึ่งบุคคลที่มีปัญญาน้อย หรือว่ามีความรู้น้อยก็ไม่สามารถที่จะแยกแยะออกได้

เถรี 09-07-2022 22:40

เมื่อกระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จึงตัดสินใจปฏิบัติการโดยเด็ดขาด ก็คือรื้อออกไปเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสงสัยกัน ถ้าหากว่านักท่องเที่ยวไม่มา ก็เป็นสิ่งที่ปรารถนา เพราะว่าพระภิกษุสามเณรจะได้ไม่ต้องมีบุคคลกล่นเกลื่อนมาคอยรบกวนความสงบ ในขณะเดียวกันเมื่อวัดวาสงบร่มเย็น ก็จะเป็นที่สัปปายะ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

บรรดาท่านทั้งหลายที่หาเงินเข้าวัดโดยไม่คำนึงถึงพระพุทธศาสนาของเรา จะว่าไปแล้วก็เป็นบุคคลที่น่าสงสาร เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสิ่งที่เรากระทำนั้นเป็นการบ่อนเซาะและทำลายพระพุทธศาสนาอย่างถึงรากถึงโคน โดยการนำเอาศาสนาอื่นแทรกเข้ามามากขึ้นไปเรื่อย ๆ

เหตุที่กล่าวว่าน่าสงสาร ก็เพราะว่าอันดับแรก ท่านไม่สามารถที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นพระพุทธศาสนา อะไรเป็นสิ่งที่แทรกที่เสริมเข้ามา

ประการที่สองก็คือ กำลังใจของท่านเกาะติดแต่ลาภผลเงินทองเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในกาลข้างหน้า

ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะเป็น ๑ ในพุทธบริษัท ๔ ซึ่งมีหน้าที่จะต้องค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยืนนานไปตราบเท่า ๕,๐๐๐ ปี แต่ว่าท่านทั้งหลายกลับทำตนบ่อนเบียนกัดเซาะพระพุทธศาสนาของเราเอง จนกระทั่งค่อย ๆ เอียง ในที่สุดก็อาจจะล้มหายไปก่อน ๕,๐๐๐ ปี ด้วยการกระทำที่ท่านทั้งหลายขาดสติ ขาดปัญญา มองเห็นแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้น

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือบรรดาพระสังฆาธิการส่วนหนึ่งในปัจจุบันนี้ที่ทุ่มเทช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ว่าเป็นการช่วยในลักษณะนำปลาไปให้ชาวบ้าน ในเมื่อเรานำปลาไปให้ชาวบ้าน ชาวบ้านกินปลาหมด ไม่รู้วิธีที่จะหาปลา ก็ทำให้เขาเหล่านั้นต้องเสียเวลามาพึ่งพาเราอีก การให้แบบไม่รู้จบในลักษณะนี้เป็นการให้ที่ไม่ยั่งยืน เนื่องเพราะว่าเมื่อสิ้นท่านไปแล้ว ถ้าไม่มีคนให้ต่อ ชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง

แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ทรงทำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดงานที่ชาวบ้านสามารถเลียนแบบทำตาม แล้วสร้างให้เกิดรายได้แก่ครอบครัวของตนเองขึ้นมาในลักษณะพึ่งพาตนเอง ยืนหยัดด้วยตนเอง ที่จะทำให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืน

เถรี 09-07-2022 22:43

แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพเองในปัจจุบันนี้ ก็ส่งเสริมในโครงการต่าง ๆ ที่ทำให้ชาวบ้านสามารถที่จะยืนหยัดด้วยตนเอง อย่างในช่วงเมื่อวานและวันนี้ก็ได้ทำการส่งเสริมโครงการทอผ้าพื้นเมือง ส่งเสริมโครงการฝึกอบรมพิธีกรและศาสนพิธีกร ส่งเสริมโครงการฝึกอบรมนาฏศิลป์เพื่ออนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อเป็นขึ้นมาแล้ว ก็จะก่อให้เกิดความยั่งยืน ในด้านการสืบสานวัฒนธรรมประเพณี และสามารถนำไปเป็นอาชีพส่วนตนได้

ถ้าเป็นในลักษณะนี้ ก็เหมือนอย่างที่องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สอนให้ชาวบ้านเรียนรู้ถึงวิธีการหาปลา เมื่อท่านรู้วิธีการหาปลาอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตกปลา การหว่านแห การดักด้วยตาข่าย หรือแม้กระทั่งการลงไปไล่สุ่มปลาเอาก็ตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ทำให้ท่านสามารถที่จะหาปลากินได้ไปตลอดชีวิต

ดังนั้น..ในส่วนของการนำเอาพระพุทธศาสนาไปปะปนกับศาสนาอื่น ซึ่งกลายเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยที่รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้างก็ดี ในส่วนที่ทุ่มเทช่วยเหลือประชาชน แต่เป็นการช่วยเหลือในลักษณะที่หาปลาไปให้ ไม่ได้สอนให้เขาจับปลาก็ตาม มีแต่จะสร้างความเสื่อมทรามให้กับพระพุทธศาสนาและประชาชน

เนื่องเพราะว่าจะทำให้ชาวบ้านรู้จักแต่งอมืองอเท้า รอรับการช่วยเหลืออย่างเดียว โดยไม่คิดที่จะพึ่งพาตนเอง ทำให้สังคมของเราอ่อนแอ และท้ายที่สุด เมื่อประชาชนอ่อนแอ ไม่สามารถที่จะสนับสนุนวัดวาอารามได้ พระพุทธศาสนาของเราก็จะอ่อนแอไปด้วย

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมไปพินิจพิจารณาว่า สิ่งที่กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวมาในวันนี้นั้น เราควรที่จะเลือกหยิบ เลือกจับ เลือกประพฤติอย่างไร ถึงจะสร้างความมั่นคงให้แก่พระพุทธศาสนาของเราต่อไปในกาลข้างหน้าได้ ?


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:53


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว