กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7520)

เถรี 06-04-2021 07:36

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๔
 
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เมื่อช่วงเช้าได้ทำการตอบปัญหาธรรม แล้วก็มีบางคำถามที่น่าสนใจ อย่างเช่นว่า มีโยมผู้หญิงท่านหนึ่งสอบถามว่า จะกินอาหารอะไรถึงจะช่วยลดกามราคะลงได้ เพราะว่ารบกวนในเวลาปฏิบัติมากเหลือเกิน

ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องพวกนี้ยังมีคนเข้าใจผิดกันอยู่มากมาย ว่าอาหารนั้นเป็นส่วนที่กระตุ้นให้กามราคะกำเริบ แต่อาตมาเองขอยืนยันว่า ในส่วนที่ทำให้กามราคะกำเริบนั้นไม่ใช่อาหาร แต่เป็นการนึกคิดปรุงแต่ง ที่ใช้คำว่า จิตสังขาร คือการปรุงแต่งของใจ

ซึ่งตรงจุดนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านเองก็อยากรู้ว่าในเรื่องของราคะนั้นเกี่ยวข้องกับอาหารหรือเปล่า ? ก็อุตส่าห์ผ่อนอาหารบ้าง ฉันแต่อาหารเจที่เป็นผักอย่างเดียวบ้าง แต่ไม่ได้บอกใคร ถ้าไปที่ไหนเขาไม่มีอาหารเจให้ ก็เลือกเอาแต่พวกผักมาฉัน ท่านบอกว่าบางวันไม่มีอาหารอะไรที่พอฉันได้ ก็เอาหัวหอมจิ้มน้ำปลาฉันกับข้าว ผ่านไป ๓ ปี กามราคะยังงอกงามเหมือนเดิม

ส่วนตัวของอาตมาเองมาทดสอบเอาตอนแก่นี่เอง คือช่วงเดือนที่แล้วสังขารร่างกายทรุดโทรมเสื่อมหนักจากอาการป่วย ก็มีญาติโยมนำเอายาบำรุงที่เรียกว่า พระกระโดดกำแพง มาให้ฉันต่อเนื่องกัน ๕ วัน สรุปว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยังคงหมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนเดิม..!

เถรี 06-04-2021 07:39

ก็แปลว่าในส่วนของอาหารนั้นมีส่วนน้อยมาก ส่วนใหญ่เกิดจากสภาพจิตที่นึกคิดปรุงแต่งมากกว่า ถ้าหากว่าเราสามารถหยุดความคิดได้ ไม่ว่าจะเป็น ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ก็สงบ หมดสภาพไปเอง เพราะว่าขาดการปรุงแต่ง อาตมาเคยเปรียบเทียบว่าเหมือนกับเราลวกก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำเปล่า ก็ไม่มีใครอยากกิน แต่คราวนี้การที่เราไปปรุง ใส่หมูสับ ใส่กุ้งแห้ง ใส่ลูกชิ้น ใส่ตั้งฉาย ใส่ต้นหอม ใส่ผักชี ใส่น้ำส้ม ใส่น้ำปลา ใส่แม้กระทั่งถั่วลิสงคั่ว ยิ่งปรุงมากก็ยิ่งอร่อยมาก จึงทำให้อยากกินมากขึ้น

ลักษณะสภาพใจของเราก็แบบเดียวกัน ก็แปลว่าท่านผู้ถามนั้นไม่สามารถจะหยุดความคิดทั้งหมดให้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกได้ ถ้าเราดึงเอาความคิดทั้งหมดมาอยู่ที่ลมหายใจ หายใจเข้าให้ความรู้สึกแนบชิดกับลมหายใจ...ไหลตามเข้าไปจนสุด...หายใจออกให้เอาความรู้สึกทั้งหมดแนบชิดติดกับลมหายใจ ไหลออกมาจนสุด

ถ้ากำลังใจของเราอยู่แค่นี้ รัก โลภ โกรธ หลง อะไรก็กินเราไม่ได้ เพียงแต่ว่าบางท่านพยายามแล้วพยายามอีก กำลังของกิเลสก็ยังเหนือกว่า ถ้าลักษณะอย่างนั้นต้องหางานอื่นทำ เพื่อที่จะให้เผลอลืมไปเลย

อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านใช้วิธีวิ่งอยู่ในป่าช้า วิ่งจนกระทั่งโดนกำนันเถา กำนันตำบลบางนมโค ไปฟ้องหลวงปู่ปานว่า "พระของท่านไม่สำรวม วิ่งกันโครม ๆ ไม่ได้อยู่ในสมณวิสัยที่สมควร" หลวงปู่ปานท่านก็ถามกลับไปว่า "กำนันไปเห็นพระของฉันไปวิ่งกันที่ไหน ?" กำนันเถาก็ตอบว่าวิ่งกันอยู่ในป่าช้า หลวงปู่ปานก็เลยถามไปอีกประโยคว่า "เขาอุตส่าห์หลบไปวิ่งในป่าช้า แล้วกำนันเสือกตามไปดูทำไม !!?"

เถรี 07-04-2021 07:45

ลักษณะอย่างนั้นก็เช่นเดียวกัน ก็คือหางานให้จิตทำ เพื่อที่จะได้เบี่ยงเบนออกจาก รัก โลภ โกรธ หลง ที่จิตกำลังปรุงแต่งครุ่นคิดอยู่ โดยเฉพาะหลวงพ่อกับเพื่อนทั้ง ๓ องค์นั้น ท่านใช้วิธีวิ่งพร้อมกับภาวนา โดยมีการขีดเส้นเอาไว้ กำหนดว่าถ้าวิ่งถึงตรงนี้จะต้องทรงฌานนี้ได้ วิ่งถึงตรงนั้นต้องทรงฌานนั้นได้ นอกจากจะเป็นการซักซ้อมความคล่องตัวในการเข้าออกฌานสมาบัติแล้ว ยังเป็นการเบี่ยงเบนความคิดไม่ให้ปรุงแต่งไปในด้านของ รัก โลก โกรธ หลง ให้จิตมีงานทำอยู่เฉพาะหน้าอีกด้วย

เมื่อวิ่งจนเหนื่อยแล้ว สภาพจิตพอเหนื่อย ความกลัวตายจะเกิดขึ้นโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว ความกลัวตายในที่นี้ก็ทำให้สภาพจิตจะรีบกลับเข้ามานิ่งอยู่ในร่าง เพราะกลัวว่าตายแล้วจะหลุดพ้นจากร่างกายนี้ไป เมื่อสภาพจิตยอมกลับมานิ่งอยู่ในร่างเมื่อไร ก็ฉวยโอกาสนี้เร่งการภาวนา จับลมหายใจเข้าออกให้มั่นคง จนกระทั่งสามารถทรงอารมณ์ให้แนบแน่นเป็นอัปปนาสมาธิได้ รัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหลายก็จะโดนกดดับชั่วคราวไปเอง

ดังที่ได้กล่าวมา ญาติโยมทั้งหลายคงพอที่จะรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าอารมณ์ใจไปปรุงแต่งอยู่กับ รัก โลภ โกรธ หลง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๔

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว