กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6903)

เถรี 17-02-2020 19:15

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยก่อนพระไตรปิฎกต้องเสียเวลาหาตู้ใส่ สมัยนี้พระไตรปิฎกมาแผ่นเล็ก ๆ แผ่นเดียว ...(หัวเราะ)... ยุคสมัยเปลี่ยนไป แล้วมีท่านผู้มีจิตศรัทธาช่วยสงเคราะห์บรรดาผู้พิการทางสายตา หรือท่านที่ไม่มีเวลาจะอ่าน อ่านแล้วบันทึกเสียงให้ฟัง ต้องบอกว่าเป็นความเพียรที่ควรแก่การโมทนาเป็นอย่างยิ่ง”

เถรี 17-02-2020 19:16

โยมนำน้ำมันมะกอกมาถวาย “ไม่ใช่หาง่าย ๆ นะ แถวบ้านเรา สมัยก่อนประเทศไหนปลูกมะกอกเยอะ ๆ นี่เป็นมหาอำนาจ ส่งน้ำมันมะกอกออกไปขาย สมัยยุคอาณาจักรโรมันโน่น น้ำมันมะกอกกับเหล้าองุ่น ถ้าประเทศไหนทำได้ดี ดีไม่ดีก็จะพาศึกเสือเหนือใต้เข้ามาอีก เขาจะยึดประเทศเอาด้วย

ส่วนสมัยนี้เขาถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ใช้น้ำมันมะกอกทำกับข้าว อาตมาตอนเด็ก ๆ ใช้น้ำมันหมู ตอนหลังทางด้านอเมริกาอยากจะขายถั่วเหลือง ก็ไปให้นักวิชาการไร้จรรยาบรรณช่วยกันเขียนผลงานวิจัย ว่าน้ำมันหมูมีโทษอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็ให้กินน้ำมันถั่วเหลืองแทน มีการสกัดถั่วเหลืองเป็นน้ำมัน ยุคแรก ๆ เขาเรียกว่าน้ำมันบัว อาตมาเองฟังแล้วก็งง ๆ ว่าบัวมีน้ำมันด้วยหรือ ?”

เถรี 17-02-2020 19:18

“สมัยโน้นเขาใส่ปีบมา ถึงเวลาก็ตักชั่งกิโลขายกัน ต้องการกี่ขีด ต้องการกี่กิโลก็แบ่งใส่ถุงไป บางคนก็เอาหม้อเขียวมาจากบ้าน ตักใส่หม้อเอาไว้ใช้งาน อาตมากินแล้วไม่ประทับใจ เพราะว่ารสชาติไม่อร่อยเหมือนน้ำมันหมูแต่เดิม น้ำมันหมูถึงเวลายังมีกากหมูให้ด้วย ...(หัวเราะ)...

ต่อมาก็มีการแข่งขันกัน มีน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันรำข้าว สารพัดเลย ตอนนี้งานวิจัยรุ่นใหม่ นักวิชาการไม่ตกเป็นทาสของผู้อยู่ในอำนาจ ไม่ตกเป็นทาสของเงิน ผลการวิจัยระบุออกมาว่า บรรดาน้ำมันพืชต่าง ๆ ถึงเวลาโดนความร้อนแล้วส่วนใหญ่กลายเป็นไขมันทรานส์ มีโทษมากกว่าประโยชน์ ยิ่งตอนหลังมาสนับสนุนให้มีน้ำมันปาล์มขึ้นมา ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เขาบอกว่าอัตราป่วยเป็นโรคหัวใจหรือเส้นเลือดอุดตันเพิ่มขึ้นเป็น ๓๐๐-๔๐๐ เท่า

เราจะเห็นว่า ถึงเวลาแล้วบรรดาบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ก็มีอิทธิพลต่อผู้ครองอำนาจ ให้รัฐบาลใช้อำนาจบีบให้ผลงานวิจัยออกไปตามที่ตัวเองต้องการ”

เถรี 17-02-2020 19:19

พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็ก ๆ เรียนหนังสือใช้สมองมาก ตอนที่เริ่มขึ้น ม.๑ ก็คือมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ของสมัยก่อน เขาเรียกว่า ม.ศ. ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.๔ อาตมาไปเรียน ป.๕ ป.๖ ป.๗ สามปี แล้วก็เริ่มขึ้น ม.๑ เป็นปีที่สี่ เพื่อนที่ออกตั้งแต่ ป.๔ แต่งงานกันเกือบหมดแล้ว พวกเขาที่ไม่ได้เรียนต่อ ตัวใหญ่กว่าสองเท่าได้ มาเข้าใจทีหลังว่า การใช้สมองในการศึกษาและจดจำมาก ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า พวกที่เขาไม่ได้เรียน ประมาณอายุ ๑๔-๑๕ ปีก็โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว อาตมาเองยังผอมกะหร่องตัวแค่เดิม

แล้วที่รู้ว่าต้องใช้พลังงานสมองมาก เพราะว่ากลับจากโรงเรียนมาบ้านนี่หิวไส้ขาดเลย คว้าอะไรได้ก็ใส่ปากไว้ก่อน แม่ก็จะเอากล้วยแขวนไว้เป็นเครือ เข้าบ้านก็ลูกหนึ่ง ออกบ้านก็ลูกหนึ่ง กล้วยเครือหนึ่งไม่กี่วันก็เกลี้ยงไม่มีเหลือ”

เถรี 17-02-2020 19:20

พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้นอกจากหมอมีคนไข้มากขึ้น ร้านขายยาก็มีลูกค้ามากขึ้น จากที่ไม่ค่อยสนใจสุขภาพตัวเอง ด้วยความกลัวจะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ถึงเวลาไอนิดไอหน่อยก็วิ่งหายากินเองแล้ว แล้วที่แน่ ๆ บริษัทผลิตหน้ากากน่าจะรวย..!

ที่บ้านเราเป็นกันน้อย ทั้ง ๆ ที่น่าจะระบาดเยอะกว่านี้ เพราะว่าของเราป้องกันไว้ก่อนแล้ว เนื่องจากฝุ่นบ่ายสองครึ่ง (PM 2.5) นั่นแหละ พอเราใส่หน้ากากอยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยจะติดเชื้อกัน”

เถรี 18-02-2020 08:57

ถาม : ท้าวเวสสุวรรณท่านขอเรื่องลาภผลได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ได้..ทำไมจะไม่ได้ ชื่อหนึ่งของท่านคือธนบดี เจ้าแห่งทรัพย์ เพราะว่าท่านดูแลขุมทรัพย์ทั้งโลก

เถรี 18-02-2020 08:59

ถาม : มีดนี้ใช่ของหลวงพ่อกวยไหมครับ แน่นมาก ?
ตอบ : อย่าไปดึงบ่อย..เดี๋ยวหลุด ส่วนใหญ่มีดรุ่นนี้เป็นรุ่นที่คนไปบนกับหลวงพ่อท่าน พอสำเร็จแล้วแทนที่จะไปแก้บนกับหลวงพ่อ ก็แก้บนด้วยการมาทำสวยให้กับวัตถุมงคลแทน ...(หัวเราะ)... ช่างของวัดก็ต้องลำบากไปทำให้เขา

เถรี 18-02-2020 09:14

ถาม : หนูสงสัยว่าเรื่องของความกตัญญูนั้น เกิดขึ้นด้วยการสั่งสอนหรือด้วยจิตเดิมที่เขามีมาคะ ?
ตอบ : สองอย่างรวมกัน อย่างแรกก็คือว่า จิตสำนึกของตนเองใฝ่ดีเป็นปกติอยู่แล้ว อย่างที่สองคือ ได้รับการอบรมสั่งสอนมา ถ้าสองอย่างรวมกันก็จะยิ่งง่ายขึ้น

ถาม : ถ้าของเดิมไม่มีแล้วสามารถสั่งสอนให้มีได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้

ถาม : ถ้าจิตเดิมเขามีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ถูกสั่งสอน จะมีวันหมดไปไหมคะ ?
ตอบ : ก็คงไม่หมดไปไหนหรอก ยกเว้นบางวาระที่อกุศลกรรมมาแทรกก็อาจจะห่างไป พอถึงเวลากุศลกรรมกลับคืนมาก็กลับเข้ามาใหม่

ถาม : ถ้าอย่างบางคนที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป ว่าเขามีความกตัญญูกับพ่อแม่ แต่เขาเบียดเบียนคนที่มีพระคุณกับเขาเพื่อพ่อแม่ ถือว่าเขายังมีความกตัญญูไหมคะ ?
ตอบ : ก็ยังมีอยู่ แต่ว่าส่วนอื่นบกพร่องไป

หลักธรรมนั้นมีหลายอย่าง ในเมื่อเบียดเบียนผู้อื่นแต่ยังกตัญญูต่อพ่อแม่ ตัวกตัญญูกตเวทิตาธรรมก็ยังคงมีเป็นปกติ แต่ว่าในเรื่องของเมตตาธรรมย่อมบกพร่อง เพราะว่าไปเบียดเบียนผู้อื่นเขา

เถรี 18-02-2020 09:18

ถาม : ลูกสาวของผมมีปัญหาหนี้สิน เกิดจากกรรมหรือเปล่า ? ทางออกต้องรักษาศีลหรือทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : หนี้สินเกิดจากการใช้เงินอย่างไม่มีวินัย ต้องแก้ไขไปตามสภาพ ถ้าอยากมีความคล่องตัวต้องภาวนาคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ

ถาม : แล้วเรื่องหนี้สินเกี่ยวกับกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็เป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบันเราแก้ไขให้ดีก็จบแล้ว

เถรี 18-02-2020 09:21

ถาม : ป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่ไม่อยากไปหาหมอค่ะ ?
ตอบ : ลองไปกินสับปะรดดู จะเป็นสับปะรดสด ๆ ก็ได้ น้ำก็ได้ กินสักอาทิตย์หนึ่ง ๒-๓ ครั้ง จะช่วยละลายพวกก้อนนิ่วได้

ถาม : ไม่ต้องกินตลอดไปใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหายแล้วจะกินอีกทำไม ?

ถาม : จะหายใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใครเขารับรองได้เล่า ให้ไปลองทำดู

สมัยนี้เรื่องของนิ่วแทบจะไม่ต้องผ่ากันแล้ว เขาใช้ระบบอัลตร้าซาวด์เข้าไปสั่นสะเทือนให้นิ่วละลายได้


เถรี 18-02-2020 09:22

พระอาจารย์มอบวัตถุมงคลหลวงปู่บุดดาไปลงกระทู้สร้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ “ต้องบอกว่าเป็นของดีราคาถูก คนส่วนใหญ่แล้วไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ไม่รู้ว่าหลวงปู่บุดดาท่านสุดยอดขนาดไหน อาตมามีโอกาสอยู่ใกล้ชิดหลายปี แค่คิดอะไรท่านพูดออกมาหมดเลย แต่นั่นหมายถึงว่าในเรื่องของเราที่ตั้งใจปฏิบัติความดีเพื่อความหลุดพ้นด้วย ไม่ใช่ว่าเรื่องนอกทุ่งนอกท่าแล้วท่านจะไปสนใจ”

เถรี 18-02-2020 09:23

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง หลวงน้ามีชัย สุนฺทโร ขยันสวดมนต์ไหว้พระมาก นอกจากทำวัตรเช้าเย็นตามปกติแล้ว พอกลับถึงกุฏิท่านยังสวดมนต์ต่อเป็นชั่วโมง ๆ ส่วนอาตมาไม่ค่อยได้สวดมนต์ เพราะเอาแต่ภาวนา หลวงน้าท่านหวังดีท่านก็มาเตือน บอกว่าให้สวดมนต์มาก ๆ สิ่งที่เราทำไว้ ถึงเวลาญาติโยมเขาเห็นเราเป็นเนื้อนาบุญ เท่ากับว่าเขามากอบโกยเอาความดีที่เราทำไป ถ้าเราทำเอาไว้น้อย เจอโยมเขาโกยแค่ไม่กี่ทีก็หมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วเราจะขาดทุน

จะว่าไปแล้วหลักการของท่านก็ดี ก็คือสำนึกในความเป็นพระภิกษุสามเณรของตนว่าเป็นเนื้อนาบุญ แต่อาตมาถือหลักที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ ก็คือสวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ท่านบอกว่ายาทานั้นหายจากโรคช้า ต้องยากินถึงจะหายเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของการภาวนานั้น ท้ายสุดต้องพิจารณาด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังในการภาวนาของเราไม่มีที่ไป ก็จะเอาไปฟุ้งซ่านแทน

แต่แม้ว่าท่านจะดูเคร่งครัด ท้ายสุดก็อยู่ไม่ได้ ต้องสึกหาลาเพศไป ส่วนคนที่ไม่เคร่งครัดอย่างอาตมา เพราะว่าเอาแต่ภาวนาไม่ค่อยจะสวดมนต์ ก็ยังอยู่มาจนวันนี้ ความจริงยังคิดถึงท่านอยู่ เพราะว่าตอนที่ท่านสึก ท่านอายุ ๗๒ ปีแล้ว ถ้าหากว่าถึงวันนี้ก็อายุ ๑๐๐ ปีพอดี ท่านเป็นคนแข็งแรง ร่างกายสูงใหญ่ สง่า ถึงอายุ ๗๒ ปีก็ยังดูเหมือนกับหนุ่ม ๆ เลย”

เถรี 18-02-2020 09:24

ถาม : ถ้าเราภาวนาแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนว่ายน้ำมานาน ๆ เราควรหยุดภาวนาหรือสามารถภาวนาต่อไปได้ครับ ?
ตอบ : ภาวนาไปเลย ไม่ต้องสนใจลมหายใจเข้าออก ลมละเอียดขึ้น เบาลง เราดันไปตั้งหน้าตั้งตาที่จะจับให้แรงเท่าเดิม เราก็เหนื่อยเท่านั้นเอง

เถรี 18-02-2020 09:24

ถาม : หนูจะทำโลโก้ชมรมใหม่ แล้วหนูวาดรูปเป็นพระพุทธเจ้า อยากจะปรึกษาว่าควรปรับแก้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ตัดสินใจแล้วก็ทำเลย อย่าถามคนอื่น

เถรี 18-02-2020 09:25

ถาม : ถ้าเราขับรถอยู่ แล้วภาวนาจนรู้สึกว่าไม่มีลมหายใจ เราไม่รู้ว่าเรางงไปเองว่าเราไม่ได้หายใจ หรือว่าจะต้องกลับมาโฟกัสกับลมหายใจเข้าออก ?
ตอบ : มี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือเลิกภาวนาให้มาตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างเดียว อีกอย่างก็คือซ้อมการเข้าออกสมาธิขึ้นลงให้ได้ตามที่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นเราจะบังคับได้ว่าจะให้อยู่ในระดับไหน

ถาม : เบญจเพสคือ ๒๔ เต็มย่าง ๒๕ หรือ ๒๕ เต็มย่าง ๒๖ ครับ ?
ตอบ : ๒๔ เต็มขึ้น ๒๕

ถาม : แล้วมีความอันตรายมากขึ้นจริงไหมครับ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าปกติหรอก

เถรี 18-02-2020 09:27

ถาม : เวลาที่เราภาวนาจับลมหายใจแล้วรู้สึกว่าเฝือ ควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : คลายสมาธิออกมาแล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณแทน

ถาม : ถ้าเราไม่อยากวิปัสสนา เราสามารถที่จะเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เช่น เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนกอง ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าใจไม่รับแล้วก็ไม่รับทุกกองนั่นแหละ ต้องเปลี่ยนไปพิจารณาแทนเลย

ถาม : รู้สึกว่าฝืนได้ แต่แปลก ๆ ?
ตอบ : ฝืนได้ก็ไม่ได้อะไร เพราะว่าสมาธิไม่เกินนั้นแล้ว มีทางเดียวคือมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ พอถึงเวลากำลังในการที่เราทำได้ใช้ไปกับการวิปัสสนาจนหมด ก็สามารถที่จะภาวนาใหม่ได้

ถาม : ถ้าเรายังฝืนภาวนาต่อไปแล้วเราจะได้บุญเพิ่มไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่หงุดหงิดก็ได้ แต่ถ้าหงุดหงิดแล้วเครียดหรือโกรธขึ้นมาก็ไม่ได้อะไร

เถรี 18-02-2020 22:35

ถาม : เมื่อเช้าสวดคาถาเงินล้านได้นาทีละ ๗ จบ สวดเร็วกว่านี้ได้ไหมครับ เร็วสุดเป็น ๑๐๐ จบได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...แต่จะไปเร่งทำไม ?

ถาม : ผมแค่รู้สึกว่าทำไมยิ่งสวดยิ่งเร็ว ผมจำที่หลวงพ่อสอนได้ว่า สองจบสองชั่วโมง ผมก็พยายามสองจบสองชั่วโมง ?
ตอบ : อันนั้นเป็นสมาธิลึก ถ้าสมาธิตื้นเขาต้องการที่จะเร่งเพื่อที่จะใช้กำลังสมาธิ อย่างโบราณท่านสอนไว้ หนึ่งชั่วลมหายใจให้ภาวนา ๑๐๘ คาบ

ถาม : อย่างไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ก็อยู่ที่การใช้งาน อยากได้ผลระยะสั้นก็เอาเร็ว อยากได้ผลระยะยาวก็เอาช้า ๆ

เถรี 18-02-2020 22:41

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนเวลาไปกราบหลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน คุยไปเรื่อย คราวนี้พระปฏิบัติเวลาคุยท่านก็จะภาวนาไปด้วย สำหรับท่านยิ่งดึกสมาธิยิ่งดี ส่วนพวกเรายิ่งดึกก็ยิ่งแย่ จะหัวทิ่มพื้นอยู่แล้ว หลวงพ่อท่านก็ยังคุยไม่เลิก จนต้องกราบเรียนว่า “หลวงพ่อครับ...พวกผมยังต้องเดินทางอีกไกล ขออนุญาตกราบลาก่อนครับ” ท่านรู้สึกว่าคุยหน่อยเดียว ที่ไหนได้..ตั้งหลายชั่วโมง

โดยปกติแล้วถ้าเป็นคำถามเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติ ท่านคุยได้เป็นวันเป็นคืน แต่ถ้าถามเรื่องทำมาหากิน เรื่องลูก เรื่องผัว เรื่องเมีย ฯลฯ บางทีท่านไม่คุยด้วยเลย ต้องไปให้ถูกท่าถูกจังหวะ กราบเรียนถามว่า “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อธุดงค์มามาก เคยโดนผีหลอกไหมครับ ?” ท่านก็ชะงักนิดหนึ่ง “เดี๋ยว...ขอผมคิดก่อน มันเป็นอุตริมนุสธรรม” “หลวงพ่อครับ อันนั้นเขาอวดชาวบ้านครับ ไม่ใช่พระด้วยกัน” “อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นได้”

ท่านก็เลยเล่า ท่านบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เจอนั่นใช่ผีหรือเปล่า นั่งเล่าไปเถอะ..เป็นสิบ ๆ เรื่อง...ผีทั้งนั้น แต่ท่านก็ออกตัวก่อน..ไม่รู้ว่าผีหรือเปล่า”

เถรี 18-02-2020 22:52

"รายแรกที่ท่านเจอ เป็นโยมทายกที่รู้จักกัน เขาตายตอนเย็น เวลา ๔ ทุ่มกว่า ๕ ทุ่มท่านเดินจงกรมอยู่ในป่า ท่านบอกว่าเขาเดินมาหา "ครั้งแรกผมก็คิดว่าคนดี ๆ รูปร่างหน้าตาก็ยังเหมือนเดิมก่อนตาย แต่พอมองไปข้างหลังแล้ว หลอดไฟที่ติดอยู่ที่ศาลาไกล ๆ ส่องมองทะลุตัวไปเห็นได้ อ๋อ...ไอ้นี่ผีแน่ ๆ"

ท่านธุดงค์ไปในป่า ท่านบอกว่าตอนเย็นสรงน้ำเสร็จ แต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ไหว้พระสวดมนต์แล้วก็นั่งภาวนา มีเสียงวี้ดมาแต่ไกล แล้วก็มาเกาะต้นยางใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่ปักกลด ท่านก็ไม่สนใจ ภาวนาไปเรื่อย เจ้านั่นก็พุ่งจากยอดยางลงมาในลำธารตรงข้างหน้า เสียงดังโครม...! ท่านก็ไม่สนใจ..ภาวนาไปเรื่อย เจ้านั่นก็ตะกายปีนต้นยาง
กลับขึ้นไปข้างบน แล้วก็พุ่งลงมาอีก เหมือนเด็กโดดน้ำเล่น กระโดดอยู่ครึ่งค่อนคืน

ไปนึกถึงที่ตัวเองเจอมาก็คล้าย ๆ กัน เวลาเขาลองก็ลองเป็นครึ่งค่อนคืน อาตมาไปปักกลดที่ด่านช้าง เป็นกระต๊อบเล็ก ๆ สำหรับคนงาน เวลาตัดอ้อยจะได้เอาไว้นอน สักประมาณ ๒ ทุ่มกว่า ๓ ทุ่ม มีเสียงเหมือนหนูตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามา ตึก ๆ ๆ ๆ แล้วก็เงียบไปเฉย ๆ อีกสักพักวิ่งใหม่ ตึก ๆ ๆ ๆ อ้าว...แล้วทำไมมาทิศนี้วะ ? เหมือนวิ่งเป็นกากบาท แต่ตอนที่อ้อมไปทำไมเราไม่ได้ยิน ? ก็ไม่ได้ใส่ใจ...ภาวนาไปเรื่อย

สักพักหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นอีก ไม่ใช่หนูแล้ว น่าจะใหญ่ประมาณแมว วิ่งตึง ๆ ๆ ๆ อาตมาไม่สนใจ..ภาวนาไปเรื่อย เจ้านั่นก็ตึง ๆ ๆ ๆ พอภาวนาไป ๆ เห็นว่าอาตมาไม่สนใจแน่ ๆ คราวนี้อย่างกับหมาทั้งฝูงไปกัดกันอยู่บนหลังคา ตึงตังโครมคราม อาตมาก็...เรื่องของมึง ภาวนาจนครบสบายใจตามที่ต้องการก็ชักจีวรคลุมหัว กูนอนแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกทีตี ๒ กว่า เงียบไปตอนไหนไม่รู้ เออ...ไม่เก่งจริงนี่หว่า ถ้าเก่งจริงต้องหลอกได้ยันสว่าง...!"

เถรี 18-02-2020 22:59

"อีกที่หนึ่งเป็นพื้นที่ด่านช้างต่อกับศรีสวัสดิ์ของกาญจนบุรี ตื่นขึ้นมาภาวนาตอนตี ๒ กว่า เสียงเจ้าที่ตะโกนว่า “ระวังผี...!” ไม่ทันแล้ว...มือผีมาถึงคอแล้ว รู้สึกว่าผียืนอยู่ข้างหลังเอามือรวบคอ มือเย็นเจี๊ยบเลย อาตมาก็พุทโธ ๆ ไป ‘ตายตอนนี้ก็ไปพระนิพพานละวะ’ พอพุทโธ ผีก็คลายมือออกหน่อยหนึ่ง พอหยุดภาวนาจะหันไปสนใจ มือก็รวบบีบเข้ามาอีก ลักษณะแบบนั้นแหละ..เท่ากับบังคับให้ภาวนา เพราะว่าจะหยุดหันไปคุยด้วย หยุดทีไรโดนบีบคอทุกที ท้ายสุดตอนตี ๕ ครึ่งจะ ๖ โมงก็เลยบอกว่า “พอ ๆ ๆ ต่างคนต่างไป เดี๋ยวจะไปสรงน้ำเตรียมบิณฑบาตแล้ว” ผีก็ไป ว่าง่ายดีเหมือนกัน

เรื่องพวกนี้เวลาเล่าให้คนอื่นฟังก็สนุก แต่ถ้าเจอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังใจคนอื่นจะเป็นอย่างไร อาตมาเองเลิกกลัวของพวกนี้ไปนานแล้ว แต่เวลาเจอรู้สึกสันหลังเย็นวาบ ๆ พยายามดูใจตัวเอง อ๋อ...ที่แท้ก็ยังกลัวอยู่ แต่กลัวแล้วไม่หนีเท่านั้นเอง"

เถรี 18-02-2020 23:07

"ไปที่ป่าศรีสัชนาลัยเขตต่อลำปาง ภาวนาอยู่ประมาณ ๕ ทุ่มกว่า มีเสียงเด็กโดดน้ำโครม..! อาตมาปักกลดอยู่ไม่ห่างจากลำห้วยเท่าไร...ลืมคิดไป คือพอได้ยินเสียงดังโครมแล้วเห็นเด็กคว่ำหน้าลอยตุ๊บป่อง ๆ อยู่ในน้ำ ก็รีบวิ่งพรวดพราดลงไปคว้าคอเสื้อดึงขึ้นมา ตั้งใจจะช่วยแต่ลืมไปว่า..อันดับแรก อาตมาปักกลดอยู่ห่างจากลำห้วยตั้งไกล แล้วเวลา ๕ ทุ่มกว่า มืดจนมองนิ้วตัวเองไม่เห็น แล้วเห็นเด็กชัดขนาดนั้นได้อย่างไร ? ตอนนั้นคิดที่จะช่วยอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น

พอคว้าขึ้นมา เด็กหันหน้ามานี่...โล้นเลี่ยนไปหมดทั้งหน้า มีแต่ตาใหญ่ ๆ อยู่ ๒ ดวง จมูกปากอะไรก็ไม่มี พอเห็นก็ "อ๋อ...มึงหลอกกู" ตั้งใจจะหากระบอกไม้ หาขวด หาอะไรมาสักใบ ยัดแล้วสะกดไว้สัก ๑๐๐ - ๒๐๐ ปี เอาให้เข็ด..! ปรากฏว่าหาไม่ได้ พอหาไม่ได้ก็เลยทุ่มลงน้ำไป พอตกตูมลงไปในน้ำ ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา..!

คราวนี้ไอ้ที่เห็นสว่าง ๆ ก็มืดตามปกติ ต้องควานหาทางกลับกลด นั่งคิดอยู่นั่นแหละ กลดของกูอยู่ทางด้านไหนวะ ? ตอนวิ่งมากูมาทางไหน ? พยายามงมกลับไปที่เดิม กว่าจะถึงก็ครึ่งค่อนชั่วโมง จนต้องจำไว้ขึ้นใจ
เลยว่า ต่อไปถ้าผีหลอกนี่ต้องหิ้วไปให้ถึงกลดก่อน ไม่อย่างนั้นเสียเวลางมหาทาง คือเวลาเขามานี่จะเห็นเหมือนอย่างกับกลางวันสว่าง ๆ แต่ตอนไปแล้วดันมืดเหมือนเดิมสิ กว่าจะงมกลับได้ถึงกับล้มลุกคลุกคลาน

นั่นแหละ...โดนลักษณะอย่างนั้นบ่อย ๆ แล้วจะรู้ว่า จริง ๆ ไม่มีอะไรเกินคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เลย ใจก็จะเกาะพระแน่นขึ้นไปเรื่อย ๆ"

เถรี 18-02-2020 23:09

"แรก ๆ เวลาฝึกใหม่ ๆ ก็กลัวผี กลัวอย่างชนิดเหงื่อแตกพลั่ก แต่พอนานไป ๆ สภาพจิตก็เริ่มยอมรับ พอมาทีหลังก็รู้ว่าผีก็ไม่ได้หลอก ส่วนใหญ่ต้องการความช่วยเหลือจากเราเขาถึงมา ไม่รู้ว่าหายกลัวตอนไหน บอกไม่ถูก

พอไปรู้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือเขาถึงมา ก็เลยทำให้เห็นว่า ในเมื่อเขามาหาแล้วเราช่วยเขาได้ เหมือนกับเราเป็นคนรวย คนจนเขามาขอความช่วยเหลือ ไม่จำเป็นต้องไปกลัว จึงไม่รู้ว่าหายกลัวไปตอนไหน"

เถรี 19-02-2020 21:38

ถาม : วัชรธาตุที่เขาแขวน จริงไหมครับ ?
ตอบ : จริง "ของเขา" คราวนี้พอจริงของเขาเราจะไปเถียงอะไรเขา อย่าลืมว่าของทุกอย่างไม่มีอะไรเกินกว่าคุณพระรัตนตรัย ถ้าจะเอามาสร้างพระสร้างอะไรก็ว่าไป ถ้าจะเอามาเป็นที่พึ่งที่ระลึกนี่ขอแนะนำว่าแขวนพระดีกว่า

เถรี 19-02-2020 21:42

ถาม : มีสองเหตุการณ์ครับ เหตุการณ์หนึ่งโยมมาบอกว่าถูกรังแก ผมก็เลยให้แผ่นยันต์เกราะเพชรไป ผ่านไปเดือนหนึ่งคนที่รังแกโดนไล่ออกจากองค์กรครับ อีกกรณีหนึ่งคือผีเข้าโยม ก็เลยเอาธูปเสาร์ห้ามาจี้ ผีออกเลยครับ ใช้แทนมีดหมอได้จริง ๆ ครับ
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพูดอะไรต้องตามนั้น หลวงพ่อท่านยืนยันว่า "ธูปเทียนในงานเป่ายันต์เกราะเพชรใช้แทนมีดหมอได้เลย" คราวนี้ส่วนใหญ่พอไปรับยันต์ที่วัดท่าขนุนแล้ว มีส่วนหนึ่งเขาเอามาถวายให้อาตมา คือพอเข้าพิธีเสร็จแล้วเหมือนกับว่าเขาเอามาคืน อาตมาก็รีบรวบเอาไว้ด้วยความดีใจ เอ็งเอามาคืนข้าจะได้ใช้งาน แต่ไม่ได้เอาไปทำมีดหมออะไรกับเขาหรอก ส่วนใหญ่ถึงเวลาจะขออะไรจากพระท่านก็จุดเลย ถือว่าเข้าพิธีมาแล้วนี่ สื่อกันได้ง่ายขึ้น

เถรี 19-02-2020 21:53

หลังจากที่โดนไป ๒ - ๓ ราย ระยะหลังพวกเล่นไสยศาสตร์ไม่ค่อยจะมากัน..เข็ด ไม่อย่างนั้นแรก ๆ นี่ร้องกันลั่นทั้งศาลา ก็เตือนแล้วว่าถ้าหวง กลัวของตัวเองจะเสียหายก็ต้องไปให้พ้นพิธี เขาก็ไม่ฟัง ถึงเวลากำลังของพระท่านกดลงมา..ทานไม่ได้ ก็ร้องเสียลั่นไปหมด แล้วเจ้าพวกนี้ไม่ดีตรงที่ว่า เอาไปลือกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ ? อาตมากลายเป็นหมอผีไปเลย ถึงเวลาคนโน้นญาติโดนไสยศาสตร์ คนนี้ก็พี่น้องโดนผีเข้า เอามาให้หลวงพ่อช่วยรักษา

ก็บอกกับเขาไปว่า "โยม...อาตมารักษาไม่เป็นหรอก ที่เห็นว่าเก่งนี่อาตมาเก่งเฉพาะในงานเท่านั้น พ้นจากงานมาแล้วอาตมาทำอะไรไม่เป็นหรอก" ตอนในงานพระท่านสงเคราะห์ก็ทำได้ พ้นจากงานแล้วแย่กว่าชาวบ้านทั่วไปอีก ทำอะไรไม่ได้ ชาวบ้านเองเขามีวัตถุมงคลอาจจะเล่นงานผีได้ ส่วนอาตมาเป็นพระเบียดเบียนเขาไม่ได้ ส่วนใหญ่ต้องเสียเวลาไปคุยไปตกลงกัน

เถรี 19-02-2020 22:06

ถาม : ถือว่าเรารังแกผีไหมครับ ?
ตอบ : บางทีเขามีเวรมีกรรมกันมา เพราะฉะนั้น..ส่วนใหญ่แล้วอาตมาจะใช้วิธีคุยกันก่อนว่าเขาจะมาทำอะไร ? ต้องการอะไร ? ถ้าไม่เกินวิสัยก็ทำให้เขา แต่เมื่อได้ตามนั้นแล้วก็ขอให้เขาออกไปเท่านั้น บางคนไปไม่เป็นจริง ๆ เพราะว่ามืดไปหมด มองหาทางไปไม่เจอ

ต้องบอกเขาว่า ให้ตั้งใจนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ บางคนว่าพุทธัง ยังไม่ทันสะระณัง คัจฉามิ เขาบอกว่าเห็นแสงสว่างแล้ว ก็บอกว่าให้ไปทางนั้นแหละ...เขาก็ไป ร่างนั้นก็หงายตึงลงไปเลย

บางทีเขาหาทางไปไม่เจอ ในเมื่อเขาหาทางไปไม่เจอ พอเจอคนที่มีกรรมเนื่องกันมาก็สิงเลย พอเจอประสบการณ์มากเข้า ๆ สงสารเขาอาตมาก็เลิกไล่แล้ว ใช้วิธีคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ถ้าไม่เกินวิสัยก็ช่วยเขาหน่อย

เถรี 19-02-2020 22:12

ถาม : ผมยังสงสัยว่า ผีที่มาเปิดตู้ได้ หรือมาหมุนก๊อกน้ำได้อะไรแบบนี้ มีจริง ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : มี...อันนั้นถือว่าน้อยนะ เพราะว่าพลังงานของเขาที่ใช้ได้ยังแค่จำกัด ถ้าพวกที่มีพลังงานมาก ๆ มาเป็นตัว ๆ เลย เวลาเราจับนี่เนื้อเหมือนของเราเลย แล้วพวกแบบนี้ผมโดนอัดน่วมมาแล้ว เขาเรียกผีระดับด็อกเตอร์ ถ้าพวกที่แค่มาเปิดข้าวของ เปิดประตูหน้าต่าง ไอ้นั่นเรื่องเล็ก

เถรี 19-02-2020 22:18

ถาม : โดนอัดนี่นานหรือยังครับ ?
ตอบ : ประมาณพรรษาแรก ๆ โดนอยู่ ๒ - ๓ ปีติดกัน โดนทุกวัน คือคนอื่นเขาโดนนิดโดนหน่อย เขาก็ตัดใจได้ "กูตายก็ไปพระนิพพานละวะ" ส่วนอาตมานี่ "มึงมารังแกกูสู้อย่างเดียว" ไม่เคยคิดจะให้ใครช่วยเลย ไม่ว่าจะเป็นพระ เป็นครูบาอาจารย์ เป็นอะไรไม่เรียกทั้งนั้น กูไหว..กูสู้ได้ ลุยอย่างเดียว

เขาตีอยู่เป็นปี ๆ จนกระทั่งคงระอาใจว่า ไอ้นี่ไม่เอาอะไรแน่แล้ว นอกจากสู้อย่างเดียว เขาถึงได้ไป แสดงว่าสันดานเดิมของอาตมารบมาจนเคย ในเมื่อรบมาจนเคย ถึงเวลาก็สู้อย่างเดียว ไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย

เถรี 21-02-2020 00:02

ถาม : อย่างผีเขาโดนล่ามมาเลย ไม่ปล่อยก็ไม่ได้ พอเราปล่อย หมอผีเขาก็ส่งมาอีก อย่างนี้จะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ปล่อยไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หมดไปเอง มีอยู่รายหนึ่งอาตมาปล่อยไป ๓๐ กว่าตน เล่นเอาเขาหมดเนื้อหมดตัวเลย ส่งมาดีนัก ถามผีว่าอยากลำบากไหม ? ถ้าอยากลำบากเอ็งก็ทำงานให้เขาต่อ ถ้าเอ็งไม่อยากลำบากข้าก็จะปล่อยให้

แต่ส่วนใหญ่พวกเรามีข้อเสียตรงที่เราไปกลัว ถ้าเราไปกลัว..กำลังใจไม่มั่นคง ถ้าหมอผีเขาสมาธิดีหน่อยบางทีเราแย่เลย เพราะว่าผีส่วนใหญ่โดนกำกับมาด้วยคาถา คนที่ใช้ผี ถ้าสมาธิดีหน่อยแล้วเราไปกลัวนี่..บางทีเราก็สู้เขาไม่ได้


ถาม : เขาส่งผีที่เก่งกว่ามาเรื่อย ๆ เราไม่ได้เก่งอะไร ?
ตอบ : ไม่มีใครเก่งเกินพระพุทธเจ้า ยึดพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ถ้าเก่งเกินพระพุทธเจ้า กูจะยอมไหว้มึง..! คราวนี้พวกเรากำลังใจยังไม่ถึงจุดนั้น ก็คือยังไม่เชื่อมั่นในองค์พระแบบมอบกายถวายชีวิต ก็เลยทำให้เราลำบาก สู้ผีไม่ได้..อายเขา

ถาม : ยกกำลังใจเฉพาะหน้าอย่างไรคะ ?
ตอบ : กำลังใจเฉพาะหน้าเป็นของแท้ คือกำลังใจจริง ๆ ของเรา แนะนำกันไม่ได้ กำลังใจจริง ๆ ของเราได้แค่ไหน เวลาฉุกเฉินก็ทำได้แค่นั้น

ถาม : ต้องฉุกเฉินจริง ๆ ถึงจะมา ไม่ฉุกเฉินก็ยังไม่มา ?
ตอบ : นั่นแหละ ต้องเอาแบบใกล้ตายเมื่อไร เออ...ต้องใช้แล้ว

ถาม : ต้องเข้าสู่จุดอับหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : พวกเราพอถึงจุดอับแล้วก็ตายคาจุดอับ ไม่ใช่เข้าสู่จุดอับแล้วพลิกฟื้นชีวิตใหม่ ที่พระเขาออกธุดงค์ก็เพราะต้องการกำลังใจอย่างนี้ ผจญกับผี ผจญกับสัตว์ร้ายมาก
เข้า จะเกิดความมั่นคงต่อพระรัตนตรัย เพราะว่าไม่มีอะไรเหนือกว่านี้อีกแล้ว

เถรี 21-02-2020 00:09

พระอาจารย์เล่าว่า "นักศึกษาจีนออกมาวิจารณ์เมืองไทย “อยู่เรียนหนังสือเมืองไทยมา ๓ เทอม เห็นแล้วตกใจมากเลย คนไทยกินน้ำแข็งด้วย” สำหรับคนจีนนี่กินน้ำแข็งเท่ากับคุณหาเรื่องป่วย แต่คนไทยกินเป็นว่าเล่น คนจีนเห็นแล้วตกใจ"

ถาม : เขาไม่กินไอศกรีมหรือครับ ?
ตอบ : อะไรที่ทำให้ร่างกายเย็น เขาไม่แตะเลย

ถาม : อย่างนี้ไปหากินไอศกรีมที่เมืองจีนก็ยากสิครับ ?
ตอบ : ที่อาตมาเพิ่งไปมาล่าสุดนี่ ในคณะไปสั่งชานมไข่มุก แต่ได้ชานมไข่มุกร้อนมา ได้ไปกินน้ำแข็งตอนไปย่าติง ที่อุทยานย่าติงขาลงมาข้างล่างมีร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ และที่
ร้านจะมีน้ำอัดลมด้วย จึงสั่งแบบใส่น้ำแข็งมา ไม่อย่างนั้นไม่ได้เจอน้ำแข็งหรอก ลงมาโยมมีความสุขกระดี๊กระด๊ากันมาก เพราะว่ามีน้ำอัดลมมีน้ำแข็ง บางคนไม่กินเบอร์เกอร์หรอก ไปสั่งแต่น้ำอัดลมกับน้ำแข็งมานั่งซดกัน เอาให้คุ้มกับที่อดมาหลายวัน..อยากกินมาก

เถรี 21-02-2020 00:14

ตามหลักแพทย์จีนที่เขาปฏิบัติมาจนกระทั่งฝังอยู่ในดีเอ็นเอแล้วก็คือ อะไรที่เป็นธาตุเย็นอย่าไปยุ่ง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวว่าใช้ในการรักษาโรค ส่วนพวกเรานี่อยู่ดี ๆ ก็ไปกินของเย็น เท่ากับหาเรื่องป่วย

เถรี 21-02-2020 00:19

ถาม : วันก่อนคุยกับหลวงตาวัชรชัย ท่านว่าตอนท่านอยู่วัดท่าซุงพรรคพวกเยอะมาก ส่วนหลวงพ่อเล็กอ่านแต่นิยายกำลังภายใน ไม่ได้รับแขกเท่าไร พอออกจากวัดท่าซุง หลวงพ่อเล็กคนเยอะที่สุด ด่าก็แล้วอะไรก็แล้ว ก็ไม่ยอมไป สงสัยหลวงตาต้องด่าบ้าง คนจะได้มา คนเก่า ๆ ก็ไม่ได้มาหาหลวงตา ?
ตอบ : ถ้าทำตัวเข้าถึงยากคนก็เบื่อ คราวนี้บางทีเราก็ไม่ได้อยากทำตัวเข้าถึงยาก อย่างหลวงตาไม่สบาย ไปโดนรถชนมา ต้องตัดตับไตไส้พุงออกไปตั้งหลายส่วน จึงต้องรับแขกเป็นเวลา ลูกศิษย์ลูกหาก็อยากให้ท่านได้พัก จึงกำหนดกฎเกณฑ์อะไรไว้เยอะแยะไปหมด คนไปหาไม่สะดวกก็เบื่อ

เถรี 21-02-2020 00:29

ถาม : วันก่อนมีถ่ายไลฟ์สดหลวงตา ผมก็เลยบอกว่า อย่าไปถ่ายแช่ไว้เกินนาทีนะ ไม่อย่างนั้นท่านจะขยับทำอะไรลำบาก ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าคนถ่ายน่าจะมีจิตสำนึกบ้าง แล้วอีกอย่างเวลาถ่ายทำก็ให้เห็นบรรยากาศในงานบ้าง ไม่ใช่จ่ออยู่แต่หน้าท่านคนเดียว

เถรี 21-02-2020 00:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้ไข้หวัดเป็นกันนาน เหมือนกับเชื้อดื้อยา สมัยก่อนเป็นอย่างเก่งก็ ๒ - ๓ วัน สมัยนี้เป็นกันทีเป็นเดือน เมื่อเดือนที่แล้วหมอนวดเขามานวดให้ แล้วก็ทายาหม่อง ทั้ง ๆ ที่บอกแล้วบอกว่าอย่าทาเพราะว่าหนาว เขาบอกว่านี่เป็นสูตรร้อน สูตรร้อนเตี่ยเอ็งสิ...! ลงไปก็เย็นทั้งนั้นแหละ คราวนี้พอเย็นมาก ๆ เข้าก็มาลาเรียขึ้น จนต้องใช้กำลังใจกดไว้ ก็สั่นแหง็ก ๆ ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย เพราะว่ากดเอาไว้นาน พอโรคหลุดออกมาได้คราวนี้ก็เล่นมาตลอด อาการเหมือนกับไข้จับอยู่ทุกวัน"

เถรี 21-02-2020 00:46

พระอาจารย์ถามเด็ก "เป็นอย่างไรนะโม เป็นหวัดหรือยัง ? อ๋อ...แขวนท้าวเวสสุวรรณ จริง ๆ แล้วก็น่าจะดีนะ เพราะว่าเทวดาที่ดูแลเรื่องโรคระบาดเป็นลูกน้องของท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ เราแขวนรูปเจ้านายเอาไว้บอกว่าพวกเดียวกัน...อย่ามายุ่ง เสียดายเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณของวัดท่าขนุนหมดไปแล้ว"

เถรี 22-02-2020 20:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครติดตามข่าวคราวที่สาวตัดต่อหน้าตัวเองให้เป็นย่าโมบ้าง ? บอกว่าไปไหว้ตัวเองได้บุญกว่า ต้องบอกว่าบ้านเรานั้น การรู้กาลเทศะตลอดจนความเคารพในผู้ใหญ่ลดน้อยถอยลงไปมาก

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาสั่งล่าตัว ให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาหาทางเอาผิดให้ได้ นครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มี ๒๖ อำเภอ พอที่จะแยกเป็น ๓ จังหวัดได้ แต่คนนครราชสีมาไม่ยอมแยกเป็น ๓ จังหวัด เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เป็นลูกย่าโม แล้วลองคิดดูว่าคนเขาเคารพของเขาขนาดนั้น แล้วเราก็ไปตัดต่อเอาใบหน้าของเราใส่ลงไป แล้วบอกว่าอย่าไปไหว้อีโมโม่ ไปไหว้ตัวเองดีกว่า ถ้าประเภทนี้ไปเดินแถวโคราชก็ได้เฉาตีนตาย..!

ปรากฏว่าบรรดานักสืบโซเชียลจัดการขุดเป็นการใหญ่ แล้วก็ไปได้ของเก่ามา ว่ามีรายการลงรูปหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าว่า คนหนึ่งโม้ว่าเหยียบน้ำทะเลจืด อีกคนหนึ่งโม้ว่าแปลงร่างได้ ก็แค่คนแก่เพ้อเจ้อ ๒ คน แสดงว่าคำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่นั้นไม่ได้อยู่ในหัวเลย...!"

เถรี 22-02-2020 20:07

"โบราณท่านรู้ดีว่า โทษในการปรามาสพระรัตนตรัยนั้นหนัก ถึงได้ใช้คำว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ ก็คือจะดีจะชั่วอย่างไรก็ตามอย่าไปแตะต้อง ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนกับคนที่ลงนรก เพราะเห็นว่าพระละเมิดศีลแล้วไปด่า

ถามว่าพระละเมิดศีลแล้วผิดไหม ? ผิด...แต่เราเป็นฆราวาส เราเอาอะไรไปด่าท่าน ? ต่อให้ท่านผิดศีล ๕ ข้อ ท่านก็ยังเหลือ ๒๒๒ ข้อ ก็เลยกลายเป็นว่าบุคคลที่ล่วงเกิน ย่อมเกิดโทษใหญ่แก่ตัวเอง แล้วถ้าหากว่าลงทุคติ เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน บรรดากรรมเก่าก็มักจะมาสนองเสียทีเดียว แปลว่าถ้าคุณพลาดก็ได้ของแถมเยอะเลย

ช่วงที่ผ่านมามีสาวนักเที่ยวกลางคืน เช้าขึ้นมาค่อยโซเซกลับบ้าน เห็นพระบิณฑบาตเกิดศรัทธา จึงใส่บาตรก่อน ทีนี้ชุดของคุณเธอปิดข้างหน้าอยู่นิดเดียว แล้วเพื่อนก็ถ่ายรูปตอนนั่งรับพร พอไปโพสต์ลงโซเชียลก็โดนด่ากระจาย ถามว่าทำบุญแล้วได้บาปหรือเปล่า ? ถ้าจะว่าไปแล้วเรื่องของบุญส่วนบุญ เรื่องของบาปส่วนบาป อย่างน้อยมีโอกาสทำบุญในลักษณะอย่างนั้นก็ดีกว่าไม่ได้ทำเลย เพราะว่าถ้าเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ อานิสงส์ก็จะเต็มร้อยส่วน ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง ก็ขาดพร่องไปตามส่วนนั้น ๆ

ก็แปลว่าถ้าได้ลงมือทำ จะมากจะน้อยก็ได้ เพียงแต่ว่าขาดกาลเทศะไปหน่อย ความจริงถ้าทำบุญก็ไม่มีปัญหาหรอก จบแค่นั้น ดันไปถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงเฟซฯ ไปเป็นเรื่องตอนที่มีคนไปส่อง"

เถรี 22-02-2020 20:11

"สมัยนี้เป็นยุคคนดีเพราะว่าเรามีคนดีเป็นรัฐบาล ถึงเวลาคนอื่นทำอะไรผิดนิดหน่อย บรรดาคนดีก็จะช่วยกันกระหน่ำ แทนที่จะเห็นว่าเขาทำบุญ ทั้ง ๆ ที่เมาสุนัขไม่รับประทานยังอุตส่าห์ใส่บาตร ก็กลายเป็นว่าไปช่วยกันด่า ฉะนั้น...โลกยุคคนดีนี่เป็นโลกที่น่ากลัว

เพราะว่าตั้งแต่คนดีเป็นรัฐบาลมา ทั้งฝุ่น PM 2.5 ทั้งไวรัสโคโรน่า แล้วก็สารพัดภัยแล้ง จะไปอ้างว่าเป็นผลพวงจากรัฐบาลที่แล้วก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านอยู่ในอำนาจมา ๕ ปีกว่าแล้ว ในเมื่อไม่มีที่ให้ไปก็ยอมรับเสียดี ๆ เมื่อมีไวรัสโคโรน่าระบาด อุตส่าห์มีคนไปขุดของเก่า สมัยอดีตนายกทักษิณกินไก่โชว์ในเรื่องของการป้องกันไข้หวัดนก ก็คงหวังจะเบี่ยงประเด็น แต่บังเอิญว่ากลายเป็นกระสุนด้าน เพราะคนเขารู้ว่าเป็นคนละวาระ คนละเหตุการณ์กันแล้ว

ตอนนี้เขาให้หลีกเลี่ยงสถานที่ซึ่งมีคนชุมนุมกันมาก ๆ ตอนนี้กระแอมที ไอที มีแต่คนมองหน้า ถามว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเชื้อโรคหรือ ? ก็มี...เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะเห่อกันเป็นพัก ๆ พอมีอะไรเกิดขึ้นมาหน่อยหนึ่งก็แตกตื่นกัน
จริง ๆ จะว่าไปแล้ว ควรที่จะชมประเทศไทย ผู้ติดเชื้อรักษาหายเกือบทุกราย ที่ใช้คำว่าเกือบทุกราย ก็เพราะว่าคนที่เพิ่งมาถึงก็ยังรักษาอยู่ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหายทุกราย แต่ว่าพบผู้ติดเชื้อ ๑๙ คนแล้ว และก่อนที่จะตรวจเจอแพร่ไปอีกเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ จึงอยู่ที่พวกเราต้องป้องกันตัวกันเอง"

เถรี 22-02-2020 20:15

"ทางคณะสงฆ์ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดให้ช่วยกันดูแล และแจ้งให้พระระมัดระวังป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แต่ละข้อที่สาธยายมาก็คือที่ออกตามสื่อทั้งนั้น พระท่านรู้กันหมดแล้ว เพียงแต่ว่าที่สำนักงานพุทธฯ ต้องทำเพราะว่าเป็นหน้าที่

สมัยนี้เชื้อโรคกระจายได้เร็วเพราะว่าการคมนาคมสะดวก สมัยก่อนกว่ากาฬโรคจะระบาด ก็ต้องรอจนกระทั่งมีเรือเทียบท่า หนูที่เป็นพาหะเชื้อกาฬโรคถึงจะขึ้นท่าเรือได้ เชื้อโรคถึงค่อย ๆ กระจายออกไป แต่การแพทย์สมัยโน้นยังไม่รวดเร็วและยังไม่มียาดีเหมือนสมัยนี้ ทำให้ตายกันเป็นล้าน ๆ มีไข้เหลืองระบาด ไข้ดำระบาด ไข้ดำคือกาฬโรค โรคหัดระบาดก็ตาย ไข้หวัดระบาดก็ตาย

สมัยนี้ไข้หวัดใหญ่ซื้อยากินเองยังหายเลย เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า ป่าไม้ลดน้อยถอยลงจนเกือบจะไม่มี พืชสมุนไพรที่เคยอยู่ในป่าในดงก็หาได้ยาก ยารักษาโรคที่โบราณอาศัยมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ก็เลยไม่สามารถที่จะแสดงผลอย่างชัดเจนได้ ก็คงต้องรอท่านปู่หมอชีวกฯ ลงมาสงเคราะห์ หาตัวยาอื่นมาทดแทน"

เถรี 22-02-2020 20:18

"สมัยนี้ยาที่ใช้พวกนอ เขี้ยว เขา งา หรือว่าซากสัตว์ ทำเป็นส่วนผสม กลายเป็นว่าผิดกฎหมายไปเกือบทั้งนั้น สมัยอาตมาเด็ก ๆ ยังมีการปิ้งตุ๊กแกกินแก้ตานขโมย มีการเอาคางคกเผาทั้งตัวแล้วมาป่นเป็นยาแก้ซาง สมัยนี้จะจิ้งจกตุ๊กแกก็กลายเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองไปเกือบทั้งหมดแล้ว

ความจริงในเรื่องของสัตว์ป่า ถ้าอนุญาตให้ทำเพื่อการค้าได้จะเป็นการขยายพันธุ์ที่ดีที่สุด เราจะเห็นว่าอย่างสวนเสือศรีราชา หรือวัดป่าหลวงตาบัว เพาะเสือทีหนึ่งเป็นร้อย ๆ ตัว ถ้าไม่อนุญาตให้ทำเป็นการค้าก็ไม่มีคนทำ ปล่อยให้อยู่กันเองตามธรรมชาติโอกาสที่จะสูญพันธุ์มีสูงมาก"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:42


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว