กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6756)

เถรี 22-09-2019 20:36

"ระยะหลังมีการเทศน์ของพระที่เทศน์ลักษณะเดียวกัน คือถ้าโยมไม่ติดกัณฑ์เทศน์เพิ่ม ก็ว่าไปเรื่อย ไม่เข้าเนื้อหาสักที สรุปแล้วเทศน์พวกนี้ ส่วนใหญ่ไปเทศน์ที่ไหนไม่เคยจบ เพราะว่าหมดเวลาก่อน

ก็เลยมีสังฆาณัติ คือคำสั่งคณะสงฆ์ ตั้งแต่ยุคพระราชบัญญัติปกครองสงฆ์ ฉบับปีพุทธศักราช ๒๔๘๔ สมัยรัชกาลที่ ๘ สังฆาณัติออกกฎห้ามไว้ ห้ามเทศน์ตลกคะนอง ห้ามเทศน์หยาบโลน สารพัดห้าม ยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพราะว่ายังไม่ได้ยกเลิก ก็แบบเดียวกับที่เมื่อเดือนก่อนที่มีการจับพระสึก เพราะว่าไปปลุกเสกบรรดาลูกเทพกุมารอะไรพวกนั้น ก็ใช้คำสั่งเก่านี้แหละให้ท่านสึก

ก็ต้องแล้วแต่ว่าใครจะเป็นที่หมั่นไส้และความซวยมาถึง ถ้าทั่ว ๆ ไปก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าเป็นที่หมั่นไส้เมื่อไรก็โดน อาตมาเองก็คงจะไม่แคล้ว เพราะว่าบรรดาญาติโยมบางคนเอาไปลงจนเว่อร์วังอลังการ ขนาดอาตมาไม่พูดยังบอกว่าพูด บอกว่า บูชาสมเด็จองค์ปฐม ท่านให้พรเอาไว้ว่า ถ้าตั้งใจสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ทุกวันเพื่อบูชาท่าน ใครคิดร้ายจะแพ้ภัยไปเอง ก็ไปขยายความว่า คำว่าใครในที่นี้ หมายถึงเทวดา มาร พรหมด้วย โคตรเก่งเลย...! ไอ้พวกทำมาหารับประทานกับวัดท่าขนุน เดี๋ยวจะจัดการสักวัน ไม่รู้จะทำอะไรก็ให้ตกหลุม ตกร่อง แข้งขาบวมก็ยังดี...!

เป็นพระทำอะไรมากไม่ได้ เราต้องมีเมตตา เอาแค่ไม่ถึงตาย ขึ้นอยู่กับอารมณ์ว่าจะหมั่นไส้เมื่อไร..!"

เถรี 22-09-2019 20:40

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง อาตมาก็รบราฆ่าฟันกับพวกเรือหาปลา ถึงเวลาก็ยืม เอ็ม. ๑๖ ของทหารมายิงจริง ๆ พวกทหารเขาก็ตกใจ "หลวงพี่ยิงไปอย่างนั้นไม่กลัวเขาตายหรือ ?" "ข้าตั้งใจยิงเรือโว้ย..!" เพราะว่าช่วงนั้นฝึกวิชากระสุนคด ที่ฝึกอยู่ก็มีหลวงตาวัชรชัยกับอาตมา

กระสุนคดยิงไปทางไหนก็ต้องโดนเป้าได้ เป้าอยู่ข้างหลังยิงไปข้างหน้าก็ต้องโดนได้ แรก ๆ ที่ฝึกนี่หมดเงินกันเยอะ จ้างเด็กปั้นลูกกระสุนถังละร้อย ถังละ ๒๐ ลิตร เสร็จแล้วก็ยิงภาวนา กำหนดเป้าแล้วยิงกันไป ยิงแล้วก็หาย พอตอนหลังฉลาดขึ้น หลวงตาวัชรชัยชวนกันเอากระสอบ ๔ ใบมาเย็บติด กางไว้ข้างหลังเป้า ยิงเสร็จแล้วกระสุนไปติดอยู่ที่กระสอบ พอเก็บคืนได้บ้าง"


เถรี 22-09-2019 20:45

"วิชานี้ถ้าฝึกสำเร็จเราตั้งใจให้โดนตรงไหน จะโดนตรงนั้น ฉะนั้น..อาตมากราดด้วย เอ็ม.๑๖ ทั้งแม็ก ไม่ได้กลัวว่าจะโดนคนเลย เพราะว่ามั่นใจ หลวงน้าสุนทรตอนนั้นยังแข็งแรงอยู่ ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ใกล้จะมรณภาพแล้ว ไปขอดูเรือที่โดนยิง กลับมาบอกว่า "โฮ่...หลวงพี่ รูขนาดนี้เลย" บอกท่านว่า "กระสุนเล็กนิดเดียวนะหลวงน้า" "ก็หลวงพี่เล่นไปผสมวิชาเข้าไปด้วยก็เลยหนัก" ก็คือพอใช้อำนาจจิตใช้อะไรเข้าไปด้วย กลายเป็นว่ากระสุนเล็กนิดเดียวแทนที่จะเจาะไม้เป็นรูเล็ก ๆ กลายเป็นรูโตเท่ากำปั้น เรือจมไปเลย

ของพวกนี้สมัยหนุ่ม ๆ ยังเฮี้ยนอยู่ก็เลยฝึกไปเรื่อย สมัยนี้แก่แล้วไม่ค่อยได้ใช้งาน หมั่นไส้ใครแล้วค่อยยิง อยู่วัดถึงเวลาถือหนังสติ๊กออกมา พระเขาก็ลุ้นว่าหมาอยู่ไกลขนาดนั้นจะยิงถูกไหม ? รับรองว่าถูก ว่าแล้วก็ใส่ซะร้องเอ๋งไปเลย บางทีกัดกันไม่เลิก ก็ต้องมีกรรมการคอยห้าม"

เถรี 22-09-2019 20:50

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “นามสกุลนี้บรรพบุรุษมาจากเวียงจันทน์ แล้วเป็นเชื้อเจ้าด้วย “โพธิสารชัย” คราวนี้พอเขียนไปเขียนมา ร.เรือ หาย เหลือแต่ “โพธิสา” บรรพบุรุษเป็นกษัตริย์ครองกรุงล้านช้าง ชื่อพระเจ้าโพธิสาร ยุคสมัยนั้นประเทศชาติสงบร่มเย็น พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก

ประเทศไทยกับลาวก่อนหน้านี้ไม่ได้แยกประเทศ ก็คือเป็นชาติเดียวกัน คราวนี้พอมีการขีดเส้นแบ่งประเทศกันขึ้นมา ถึงได้ยุ่งกันตายชักถึงทุกวันนี้ แบ่งเส้นกั้นประเทศไทยกับลาวคือแม่น้ำโขง ฝั่งซ้ายเป็นลาว ฝั่งขวาเป็นไทย ถามว่านับอย่างไรเป็นฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา ? โดยมาตรฐานโลกเลย เขาให้หันหน้าลงทะเล คือน้ำส่วนใหญ่ในโลกนี้จะไหลลงทะเล หันหน้าตามกระแสน้ำไหล ซ้ายมือจะเป็นประเทศลาว ขวามือก็เป็นประเทศไทย

คราวนี้พอมีการแบ่งประเทศชาติกันขึ้นมา ก็เกิดความยึดมั่นในตัวกูของกู เขาบอกว่า “ลาวไทยใช่อื่นไกล..พี่น้องกัน” ก็จะมีพวกรีบถามขึ้นมาเชียว “ใครเป็นพี่..ใครเป็นน้อง ?” เราจะเห็นว่าความยึดมั่นถือมั่นมีมากเป็นพิเศษ หลังจากนั้นพอถึงเวลาบ้านเราข้ามไปฝั่งโน้น เขาจะเรียกว่าพวกไทย บ้านเขาข้ามมาเราก็เรียกว่าพวกลาว ที่น่าสงสารที่สุดกลายเป็นคนอีสาน ถ้าคนอีสานมากรุงเทพฯ เขาเรียกว่าพวกลาว คนอีสานข้ามแม่น้ำโขงไป เขาเรียกว่าพวกไทย ตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่ ? นั่นก็คือการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นทีหลัง บวกกับสักกายทิฏฐิ ตัวกูของกูเข้าไป กลายเป็นยึดมั่นถือมั่น จะฆ่ากันตายอยู่ทุกวัน”

เถรี 22-09-2019 20:52

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ทางเด็กนักเรียนที่วาดพระพุทธเจ้าปางอุลตร้าแมน ไปขอขมาหลวงพ่อพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาแล้ว บอกว่าที่วาดแบบนั้นเพราะต้องการจะสื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ปกป้องโลก พระพุทธศาสนาสามารถช่วยโลกได้ แบบเดียวกับยอดมนุษย์

ก็ต้องบอกว่าคิดได้ แต่ว่าบางอย่างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และกระทบกระทั่งกำลังใจของคนส่วนใหญ่ จะทำอะไรก็ต้องรอบคอบระมัดระวัง แต่ด้วยความที่เธอเป็นเด็ก จึงทำอะไรไม่รอบคอบ แต่ว่ายังดีที่ขอขมา ซึ่งการขอขมานั้น ขอขมาต่อพระสงฆ์ไม่มีประโยชน์ ควรที่จะขอขมาตรงต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเราใช้พระพุทธรูปเป็นตัวแทน

คราวนี้อีกส่วนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ บรรดาคนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น หลายคนแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ว่า “ไม่ได้ฆ่าใครตาย..ทำไปเถอะ” หลายคนก็แสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ว่า “เพราะมีแต่พวกหัวเก่า ยึดมั่นถือมั่นนี่แหละ บ้านเราถึงได้ไม่เจริญ” แสดงให้เห็นชัดว่า กำลังใจของคนในปัจจุบันนี้ เรื่องการรักและปกป้องพระพุทธศาสนาแทบจะไม่มีเลย ทุกคนรู้สึกเป็นกันเองและไม่เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา จะทำอย่างไรกับพระพุทธศาสนาก็ได้ เพราะว่าไม่ได้ฆ่าใครตาย..!

อาตมารู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะว่าคนรุ่นใหม่ ๆ เล่นสื่อโซเชียลกันเยอะ ซึ่งตรงนี้จะกลายเป็นการสืบทอดแนวคิดอุบาทว์ออกไป และทำให้คนส่วนใหญ่มีความคิดไปในแนวเดียวกัน ซึ่งเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาอย่างมาก"

เถรี 22-09-2019 20:54

"แล้วก็เป็นเรื่องแปลก อย่างที่เขาเคยกล่าวกันว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีต้องเสียเงิน” ก็คือเรื่องดี ๆ ในพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้น เราไม่ค่อยจะแชร์กัน แต่ถ้าเรื่องไหนทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย ทำให้ภาพพจน์ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสียหายนี่..แชร์กันแหลกลาญ แสดงความคิดเห็นซ้ำเติมกันอย่างชนิดที่เรียกว่ารุมกระทืบ..!

ดังนั้น..ถ้าพระพุทธศาสนาบ้านเรามีอันจะต้องสูญไป แล้วศาสนาอื่นขึ้นมาแทนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะว่าพวกเราส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาแต่ทะเบียนบ้านบ้าง นับถือพระพุทธศาสนาแต่ปากบ้าง เกิดมาปู่ย่าตาทวดลงว่านับถือพระพุทธศาสนาบ้าง อันตรายใหญ่ก็จะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาได้ง่าย

จริง ๆ แล้วต้องขอบคุณน้องผู้หญิงที่วาดรูปลักษณะนี้ออกมา ทำให้เราเห็นชัดเจนว่า สังคมของเราเลวร้ายมาก การกระทำสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นการปรามาส เป็นการล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความผิด ขอขมาแล้วก็จบกัน"

เถรี 22-09-2019 20:58

"เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง และอยากจะฝากให้ญาติโยมทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันดู ว่าสิ่งที่อาตมาพูดไปนั้น พระพุทธศาสนาปัจจุบันของเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ? และโดยเฉพาะในส่วนของบรรดานักบวชของเรา มีทั้งนักบวชจริง มีทั้งนักบวชปลอม ส่วนใหญ่ทำความดีแทบตาย..คนไม่เห็น ส่วนน้อยทำความชั่วนิดเดียว..ส่วนใหญ่โดนเหมารวมผิดไปทั้งหมด จะทำให้บุคคลที่ตั้งใจทำความดีเกิดการท้อถอยบ้างหรือไม่ อาตมาก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าสำหรับตัวของอาตมาเองแล้ว เคยทำอย่างไรก็ยังคงทำอย่างนั้นต่อไป เพราะว่าเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เห็นความดีของพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง

หลายต่อหลายท่านก็แสดงความเห็นว่า “แต่เดิมไม่มีรูปเคารพของพระพุทธเจ้า เราสร้างขึ้นมาแล้วไปยึดมั่นถือมั่นเอง” โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ว่าสิ่งที่เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดอนุสติ คือการตามระลึกถึงในสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธ พระธรรม หรือว่าพระสงฆ์ก็ตาม ก็เลยทำให้มองเห็นว่า การศึกษาในปัจจุบันนี้ คนเราเรียนมากขึ้น มีการศึกษาสูงขึ้น แต่การเรียนรู้และนำเอาความรู้ในพระพุทธศาสนาไปใช้ประโยชน์ได้จริงมีน้อยลง และส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหรือเข้าใจเพียงผิวเผินเท่านั้น ต้องบอกว่าเสียชาติเกิดจริง ๆ..!”

เถรี 22-09-2019 21:00

พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงระดมทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ว่าจะจ่ายงวดแรกให้เขาวันที่ ๖ ตุลาคม ตอนนี้อาคารสำนักงานกับห้องน้ำจวนจะเสร็จแล้ว ตัวอาคารหลักก็ลงตอม่อเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น..ช่วงนี้อาตมามีอะไรก็ขนออกมาขายหมด เพื่อหาเงินให้ได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ ..(หัวเราะ)..”

วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีที่สร้างอยู่ วางแผนไว้หลายแผน แผนแรกก็คือ ถ้านักศึกษาน้อยลงก็ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด แผนต่อไปก็คือ พวกบาลีศึกษาหรือปริยัติสามัญอาจจะโยกไปรวมกันที่นั่น ให้ครูบาอาจารย์กับนักเรียนมีที่พักอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย”


เถรี 22-09-2019 21:01

พระอาจารย์กล่าวว่า จ่าบี (นิวัฒน์ จำรัส) อยู่ทางเหนือ เคยเจอผ้ายันต์หรือตะกรุดม้าเสพนางของครูบาวัง วัดบ้านเด่นบ้างไหม ? (เคยเจอที่บ้านท่านอาจารย์วิลักษณ์ครับ) ของท่านอาจารย์วิลักษณ์มีแน่นอน เพราะว่าท่านเองเล่นเรื่องนี้มานาน แต่สำหรับคนทั่ว ๆ ไปเขาหวงกันสุด ๆ ..(หัวเราะ).. ในความรู้สึกของอาตมา ตอนจัดกลุ่มตะกรุดให้เขาลงทะเบียน จะมีตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอน ที่หายากเพราะว่าญาติโยมเขาหวงกัน ของครูบาวัง วัดบ้านเด่นนี่ใกล้เคียงกันเลย ประเภทตกทอดกันตามตระกูลอย่างเดียว ไม่มีหลุดไปถึงคนอื่นเลย

ไม่เป็นไร..เดี๋ยวพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนจะมีให้ดู ให้คนน้ำลายหกเล่น ..(หัวเราะ).. แล้วมีอีกอย่างหนึ่งที่เขาเรียกว่า พญาเขาคำ อาตมามีอยู่ ๒ องค์ แต่ตะกรุดครูบาวังมีแค่ดอกเดียว"

เถรี 22-09-2019 21:02

"ส่วนใหญ่พวกนี้มาสายเสน่ห์ คนเห็นคนรัก คนเห็นคนชม ผู้ใหญ่เกลียดขี้หน้าขนาดไหน พกเข้าไปนี่มืออ่อนตีนอ่อน ทำอะไรไม่ถูกเลย ..(หัวเราะ).. ไม่นึกว่าท่านจะทำได้ขนาดนั้นนะ แต่ถ้าดูจากรูปนี่ติดเรตอาร์เลยนะ ..(หัวเราะ).. (ตอนเด็ก ๆ ผมเห็นแล้วอายมาก..ไม่กล้าดู แต่เดี๋ยวนี้หาไม่ได้เลยครับ)

อาจารย์วิลักษณ์ท่านสะสมของเก่า แล้วก็เลือกเอาพวกนี้มาไว้เยอะ ไปที่บ้านของท่านนะ เจ้าประคุณเอ๋ย..เฉพาะสร้อยพันเอวที่ทำด้วยฟันม้า มีเป็นร้อย ๆ เส้นเลย ถามว่า “ท่านอาจารย์เอามาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้ ?” “ข้ามไปฝั่งพม่า ไปขอซื้อเขาทีละเส้นสองเส้น ใครยอมขายก็ซื้อไว้” คือเป็นเครื่องประดับของพวกชนเผ่าเขา ใช้ฟันม้าร้อยเป็นสายสร้อยคาดเอว”

เถรี 22-09-2019 21:03

ถาม : ท่านอาจารย์วิลักษณ์ไปเที่ยวเมืองจีน ล่าสุดเห็นมีกะโหลกท่านลามะมาด้วยครับ ?
ตอบ : พวกนั้นเขาเรียกว่า “กะปาละ” ส่วนใหญ่เอาไว้ให้หมอยา หมอยาเขาจะใช้ฝนยา ก็คือยิ่งถ้าเป็นผู้ที่ทรงความดี อย่างเป็นพระเจ้าพระสงฆ์ เขาว่าพลังของท่านมีมากอยู่แล้ว จะช่วยให้การรักษาดีขึ้น

“กะปาละ” มาจากภาษาบาลี ที่คนไทยเรียกว่า “กบาล” ก็คือกะโหลกของเรานี่แหละ ถึงเวลาเขาจะใช้เขี้ยวหรืองา ที่เป็นของสัตว์มีอำนาจ นำไปฝนแล้วก็เสก ทำเป็นยาคุณพระ ใช้รักษาโรคที่รักษาไม่ได้

ต้องบอกว่าทางด้านล้านนาของเรานั้น ภูมิความรู้พื้นบ้านหายากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่รู้จริงอย่างท่านอาจารย์วิลักษณ์ ท่านอาจารย์มาลา คำจันทร์ ก็แก่ลงไปทุกวัน อาจารย์มาลาจริง ๆ ชื่อ เจริญ มาลาโรจน์ แต่คนไปรู้จักนามปากกามากกว่า เคยได้คุยกันหลายทีอยู่เหมือนกัน

เถรี 22-09-2019 21:04

พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครเคยดูการ์ตูนสุดขั้วยุทธภพบ้าง ? ในเรื่องเขามีอยู่คนหนึ่งอ้วนมาก ฝึกวิชาลูกยางพยัคฆ์ฟ้า คนอ้วนแต่ต้องไวเพราะว่าฝึกวิชาของเสือ อาตมานึกถึงหงจินเป่า นั่นเขาอ้วนจนกลมเลย แต่ไวจนดูไม่ทันเหมือนกัน ..(หัวเราะ)..

เพราะฉะนั้น..อย่ารังเกียจความอ้วนนะ ขอให้แข็งแรงเท่านั้นแหละ อ้วนไปเถอะ อาตมาวิ่งหาความอ้วนมา ๖๐ ปีแล้ว ยังไม่สำเร็จเลย..!”

เถรี 22-09-2019 21:06

พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้อาตมาหัวหมุนอยู่กับคนป่วยและคนตาย เดี๋ยวพ่อคนโน้นป่วย แม่คนนี้ตาย ให้ยุ่งไปหมด พยายามไปแค่ที่ไปได้ เมื่อเช้าลูกน้ำบอกว่า “นิมนต์หลวงพ่อไปฉันเพลที่บ้าน” บอกลูกไปว่า “ไม่ไปหรอก กว่าจะได้กินมื้อหนึ่งวิ่ง ๓๐๐-๔๐๐ กิโลเมตร เหนื่อยตายห่.. ซื้อข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อกินง่ายกว่า..!”

ขนาดอาตมาไม่รับนิมนต์ส่วนตัว ยังไม่มีเวลาจะหายใจเลย ขืนไปรับเข้า ใคร ๆ ก็อยากให้ไป ก็ไม่ต้องไปไหนกันพอดี เมื่อ ๑-๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางด้านคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ขอให้ท่านนายกฯ จิรชัย ที่อยู่ในพื้นที่ท่าขนุนวิ่งมานิมนต์ บอกว่า “โยมแก่แล้ว ไปบ้านเติมบุญไม่ไหว ช่วยไปหาโยมที่บ้านสักครั้งหนึ่งเถิด”

คุณหญิงฝากคนมาทำบุญทุกเดือน แต่ว่าตัวเองมาไม่ไหว เป็นภรรยาของพลตำรวจเอกพจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ ท่านไปวัดท่าซุงประจำ พอไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ไปวัดท่าซุงไม่ไหว อยู่ตรงนี้ใกล้บ้านหน่อยก็ฝากเขามา บอกว่า “ช่วยไปให้เป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของโยมสักทีหนึ่งเถิด” ก็บอกท่านไปว่า “บ้านโยมรถติดตายชัก อาตมาไม่ไปหรอก” ท่านบอกว่า “ขอให้บอกว่าจะไปวันไหน เดี๋ยวให้เขาส่งรถนำมารับ” ดีเหมือนกันนะ ไปแล้วต้องใช้บัตรเบ่ง กลัวรถติด ต้องเอารถฉลามบกนำหน้า ..(หัวเราะ)..”


เถรี 22-09-2019 21:07

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ถ้าไม่อยากเป็นหวัดอีก อย่าเปิดพัดลมใส่ตัวตรง ๆ ต้องบอกว่าป่วยเพราะความประพฤติตัวเอง คนเราเวลาหลับ เลือดลมจะเดินน้อย พอโดนเย็นเข้าไปแล้วสู้ความเย็นไม่ได้ ก็กลายเป็นหวัด

บางทีโยมเขาก็สงสัยว่าทำอะไรอยู่ที่บ้าน หลวงพ่อก็พูดไปเรื่อย..! เพราะว่าถ้าไม่บอกเดี๋ยวก็เป็นอีก แล้วไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเพราะอะไร”


เถรี 22-09-2019 21:08

พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาต้องบอกว่าเป็นคนรุ่นเก่า ทั้ง ๆ ที่กลางเก่ากลางใหม่นี่แหละ ฝึกกรรมฐานตามแบบโบราณ คือหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสอนไว้ว่า “อุชุง กายัง” ตั้งกายให้ตรง ก็เลยเคยชิน ถึงเวลาก็นั่งท่ากรรมฐานอย่างนี้แหละ จะอยู่ท่าไหนก็เป็นท่ากรรมฐานไปในตัว บางคนก็บอกว่า อายุ ๖๐ ปีแล้วทำไมหลังยังตรงอยู่ ? ก็นั่งจนชิน หลวงปู่พูล วัดไผ่ล้อม อายุ ๙๐ กว่า นั่งหลังตรงเป๊ะ ก็คือฝึกมาแบบโบราณเหมือนกัน”

เถรี 22-09-2019 21:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้กำลังฮิตการใช้กัญชารักษาโรค แต่ปรากฏว่าไปไกลเกิน คือวิธีการต่าง ๆ ที่ทำมาเพื่อให้ได้ยารักษาโรคจากกัญชา ทำให้แพงขึ้นโดยใช่เหตุ อาตมายืนยันว่ากัญชาสดดีที่สุด แต่ก็ยังผิดกฎหมายอยู่ ถ้าเขาอนุญาตให้ปลูกบ้านละ ๖ ต้นเมื่อไรค่อยว่ากัน ไม่ต้องเสียเวลาสกัด ไม่ต้องเสียเวลาไปทำน้ำมัน กินสด ๆ ไปเลย

แล้วกัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ ของทุกอย่างถ้าพอดีจึงจะเกิดประโยชน์ มากเกินไปหรือน้อยเกินไปนอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ก็อาจจะเกิดโทษขึ้นมาอีก แล้วคนไทยเราส่วนใหญ่ไม่รู้จักบันยะบันยัง ไม่กลัวยา เพื่อนพระรุ่นพี่ของอาตมาคือท่านโมเช่ เป็นกะเหรี่ยง นิสัยกลัวยามาก แล้วก็รอบคอบมาก ยาทุกอย่างที่เอาไปฝาก ท่านจะถามแล้วถามอีกว่ารักษาโรคอะไร ? กินแบบไหน ? กินเท่าไร ? จดรายละเอียดไว้หมดเลย แต่คนไทยเราไม่กลัวยา"

เถรี 22-09-2019 21:15

"อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ สงสารชาวบ้านที่ต้องเดินทางเข้าออก กว่าจะไปหาหมอหายาได้...ลำบากมาก จึงซื้อยาไปทิ้งไว้ที่สำนักงานป่าไม้ ถึงเวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะได้มากินกันเอง ปรากฏว่าซื้อพาราเซตามอลกระปุกใหญ่ ๑,๐๐๐ เม็ด ไป ๓ วันหมด..! ถามว่ากินแทนข้าวเลยหรืออย่างไรวะ ? เจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกว่าพวกนี้นะ กินแล้วไปทำงาน คือก่อนทำงานกิน ๒ เม็ด ตอนทำงานไม่รู้สึกปวดไม่รู้สึกเมื่อยเพราะว่ายาออกฤทธิ์ ตอนเย็นเลิกงานกินอีก ๒ เม็ด น่าตายไหม ?

พวกที่ตับพัง ไตพัง ไตวาย ไปฟอกไตกันอยู่ทุกวัน จริง ๆ แล้วเป็นเพราะว่าเราทำร้ายตัวเอง โดยเฉพาะกินพวกสารสกัดต่าง ๆ เข้าไปมาก ยาเคมีทุกอย่างที่สกัดจนหาความเป็นธรรมชาติไม่ได้แล้ว...อันตรายมาก ลงไปแล้วร่างกายเราต้องใช้พลังงานในการแก้ไข ทำลาย หรือไม่ก็ขับออกจากร่างกายมาก ในเมื่อใช้งานมาก ร่างกายก็ชำรุดทรุดโทรมเร็ว เท่ากับว่าเรากินยาพิษเข้าไปทุกวัน

เพราะฉะนั้น..กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ ไม่ต้องเอามาถวายพระบ่อยหรอก ทุกครั้งที่มีอะไรก็ตามฮือฮาขึ้นมา พระจะกลายเป็นหนูลองยาทุกครั้ง ไม่ต้องเมตตาอาตมามาก อาตมาไม่ค่อยกินยาหรอก"

เถรี 22-09-2019 21:16

"ยาที่กินมากที่สุดในชีวิตก็พวกยาหม้อ คือยาที่คนเขาไม่ค่อยจะกินกัน ยาหม้อกินเข้าไปเถอะ กินเป็นปีก็ไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไร เพราะว่าส่วนเกินร่างกายขับออกมาได้หมด เห็นบางคนกินวิตามิน โดยเฉพาะเพื่อนพระที่อายุเริ่มมาก กินทุกวัน วันหนึ่ง ๔-๕ เม็ด บางคนก็เป็นกำเลย

ถ้าอย่างนั้นไม่ได้กินแล้วดีขึ้น กินแล้วจะตายเอา เพราะว่าวิตามินที่เหลือแล้วขับออกจากร่างกายได้ มีอย่างเดียวคือวิตามินซี เพราะว่าวิตามินซีละลายในน้ำ ส่วนวิตามินอื่น ๆ ส่วนใหญ่ละลายในไขมัน กินเกินมีโทษ..ไม่ใช่มีประโยชน์ ถึงเวลาบำรุงมากไป การเจริญเติบโตของร่างกายและเนื้อเยื่อก็ผิดปกติ มะเร็งจะรับประทานเอา..!"

เถรี 22-09-2019 21:18

"เห็นดาราสมัยนี้ชอบกันมาก กินวิตามินบอกว่าทำให้ผิวพรรณดี มีเรี่ยวแรง รับงานได้ เหมือนกับพลังงานที่เข้าไปกระตุ้นพลังงานสำรองของเราออกมาหมด พอถึงเวลาก็หมดแล้วหมดเลย หามเข้าโรงพยาบาลไปให้น้ำเกลือกัน ขนาดนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพราะอะไร เห็นลงข่าวว่าโหมงานหนัก แต่จริง ๆ แล้วก่อนที่จะงานหนักก็คือ กินพวกสารกระตุ้นนี้ไปเยอะ เพื่อให้รับงานได้ คราวนี้พอไปกระตุ้นพลังงานสำรองในร่างกายจนหมดก็เป็นเรื่อง

ดังนั้น..สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือมัชฌิมาปฏิปทาสำคัญที่สุด พอเหมาะพอดีจะเกิดประโยชน์ มากเกินไปก็เป็นโทษ อาตมาเห็นเพื่อนพระบางรูปฉันซุปไก่สกัด เช้า กลางวัน เย็น ที่ฉัน เช้า กลางวัน เย็น เพราะว่าเขาถวายไว้เยอะ โดยเฉพาะมาถึงบั้นปลายอย่างพวกอาตมา อายุ ๖๐ ขึ้น ฉันแล้วมีประโยชน์อะไร ? ร่างกายสร้างเซลล์ต่าง ๆ น้อยลง ได้แต่นึกในใจว่าท่านกำลังเลี้ยงมะเร็ง เพราะว่าร่างกายสร้างน้อย ฉันเข้าไปพยายามกระตุ้นให้สร้าง เมื่อสร้างขึ้นมาก็ผิดที่ผิดทาง กลายเป็นมะเร็ง

โยมบางคนนี่รู้จักรักษาสุขภาพมาก ขับรถไม่กินกาแฟ ไม่กินเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ไปกินซุปไก่สกัดแทน บอกว่าให้พลังงานดีพอ ๆ กับเครื่องดื่มชูกำลัง ก็น่าจะใช่นะ แต่อะไรที่เกินนี่ลำบากร่างกาย ซุปไก่สกัดเข้มข้นก็คือโปรตีนเข้มข้น ร่างกายเราต้องการวันละนิดเดียว ถ้าหากว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ คิดเป็นปริมาณเนื้อก็ประมาณราว ๆ สเต็กชิ้นเล็ก ๆ ต่อทั้งวัน ไม่ใช่มื้อละ... แล้วคุณตะบี้ตะบันซดซุปไก่เข้าไปทุกครั้งที่ขับรถ ในเมื่อเกินร่างกายก็ต้องขับออก ไตทำงานหนัก ท้ายสุดหน่วยไตพัง ก็ต้องไปฟอกไต"

เถรี 22-09-2019 21:20

"ก็แปลว่าพวกเราบอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธไทย อยู่ในประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นประชากรส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าในการดำเนินชีวิตเลย ทำอะไรถ้าไม่เกินก็ขาด ที่ทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะขาด ๆ เกิน ๆ นี่แหละ ถ้าพอดีก็หมดเรื่องไปนานแล้ว

จึงขอเตือนสติญาติโยมให้ทราบว่า อะไรที่พอดีจึงจะเกิดประโยชน์ ถ้ามากไปก็เป็นโทษ ท่านอาจารย์เตชะ พระธรรมทูตพม่าที่มาอาศัยจำพรรษาอยู่วัดท่าขนุน ไปต่างประเทศกลับมาทุกครั้ง จะซื้อพวกยาบำรุงพวกวิตามินมาถวายอาตมา ขวดใหญ่ ๕๐๐ เม็ด อาตมาก็ส่งต่อหลวงตาอายุ ๗๘ ปีฉันเข้าไป คนแก่จะได้ประโยชน์ อาตมา ๖๐ ยังแก่ไม่พอ ดีมากเลยยาของเขา ฉันไปแล้วหลวงตาอยู่นิ่งไม่ได้ เดินพล่านทั้งวัน...! เดินตรวจวัด เดินจับผิดพระลูกพระหลาน ฟ้องฉิบหายวายป่วงไปหมด...ดี...! อาตมาไม่ต้องทำหน้าที่ไปสอดส่องดูแล มีคนทำแทนแล้ว..!

ท่านอาจารย์เตชะกับอาตมาเกิดปีเดียวกัน อายุต่างกันประมาณ ๑ เดือน ท่านเองใช้ยาอยู่ตลอดเวลา สภาพร่างกายทรุดโทรมกว่ามาก อาตมาเองทั้ง ๆ ที่โรคภัยไข้เจ็บกินมาตลอด ยังดูโทรมน้อยกว่าท่าน ก็เพราะว่าท่านไปใช้เกิน พวกวิตามินรวมต่าง ๆ หรือมัลติวิตามินนี่ตัวอันตรายเลย ถ้ากินสักเดือนละครั้งก็พอเกิดประโยชน์ นี่เขาเล่นบอกให้ทุกวัน วันละ ๑ หรือ ๒ เม็ด สมควรตาย...! เอ้า...บ่นมากก็ไม่ดี เดี๋ยวหลวงตาท่านรู้ตัวเข้า คราวหน้ายกให้จะไม่กินอีก..!"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:20


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว