กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4469)

เถรี 08-06-2015 11:31

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘
 
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อตอนบ่ายมีหน่วยกล้าตาย มาถามว่าเปิดเฟซบุ๊กจำหน่ายวัตถุมงคลอยู่ แล้วก็มีคำสั่งของอาตมาแจ้งไปว่า การทำอย่างนั้นเป็นการแอบอ้างชื่ออาตมาไปขาย ก็เลยต้องหยุด ต้องการจะทราบว่าดำเนินการอย่างไรถึงจะถูกต้อง ?

อาตมาขอบอกว่า "โคตรพ่อโคตรแม่มึ...จะดำเนินการอย่างไรก็ทำไปเถอะ ที่มีคำสั่งไปนั้นเพราะเสือกบอกว่าอาตมาอนุญาตให้ทำ ถ้าจะเอาชัด ๆ เลยก็คือพาดหัวเฟซบุ๊กไปเลยว่าดำเนินการกันเองโดยพลการ วัดและพระอาจารย์ไม่เกี่ยว เปิดมาเพราะหวังรวย อะไรก็ว่าไป"

มีพวกหัวหมอแต่อ่านหนังสือไม่แตก ถามว่า “จำหน่ายวัตถุมงคลวัดท่าขนุนของพระครูวิลาศกาญจนธรรม ถ้าเป็นการแอบอ้าง ผมจำหน่ายสมเด็จวัดระฆังผมก็แอบอ้างสมเด็จฯ โตสิ ?” อาตมาบอกไปว่า “แล้วโคตรแม่มึ..บอกหรือเปล่าว่าสมเด็จฯ โตอนุญาตให้มึงทำ ? ถ้าบอกว่าท่านอนุญาต ก็แปลว่าเอ็งแอบอ้างเหมือนกัน”

อาตมาบอกตั้งแต่แรกที่มีคนนำวัตถุมงคลไปจำหน่ายในเว็บแล้วว่า ใครทำได้ถือเป็นความสามารถ จะทำมาหากินอย่างไรก็เชิญ เพราะว่าคุณบูชาไปก็เป็นสิทธิ์ของคุณแล้ว แต่อย่าไปอ้างว่าทางวัดอนุญาตให้ทำ เพราะทางวัดไม่เคยมีส่วนร่วมได้เสียกับคุณด้วย"

เถรี 08-06-2015 12:17

มีโยมถวายชานหมากหลวงปู่ทิม วัดพระขาว พระอาจารย์จึงให้คุณตัวเล็กนำไปขึ้นบัญชีกระทู้วัตถุมงคล "วันก่อนเห็นมีคนตามหาชานหมากหลวงปู่ทิมอยู่ ส่วนชิ้นนี้รอยเท้าหลวงปู่ครูบาผัด นี่ก็ตะกรุดหนังช้าง เขาถวายมา อาตมาก็มีหน้าที่เอาออกให้บูชาจนหมด เพื่อเอาปัจจัยเข้าร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำ"

เถรี 08-06-2015 12:38

พระอาจารย์กล่าวกับคุณตัวเล็กว่า "พระกริ่งล้มลุกในเว็บ ถ้าไม่มีใครเอาให้เก็บขึ้นมาด้วยนะ ก่อนหน้านี้อาตมาตั้งใจจะเลี่ยมทองเอาไว้ใช้เอง อุตส่าห์เลี่ยมกันน้ำไว้อย่างดี

ต้นตำรับพระกริ่งล้มลุก เป็นของหลวงปู่มา วัดสามปลื้ม ตำแหน่งพระพุฒาจารย์ ไม่มีคำว่าสมเด็จนำหน้า

พุฒา , พฤฒา แปลว่าแบบอย่าง ความประพฤติ , พระพุฒาจารย์ คือ อาจารย์ผู้เป็นแบบอย่างอันประเสริฐ เพราะมีคำว่าพระอยู่ด้วย

หลวงปู่มา วัดสามปลื้ม เรียกง่าย ๆ ว่าจักรวรรดิราชาวาส ท่านมีชื่อเสียงทางพระกริ่งล้มลุก ใครมีวัตถุมงคลของท่านอยู่ รับประกันได้ ต่อให้ชั่วเจ็ดทีก็ต้องดีเกินเจ็ดหน เพราะว่าของท่านล้มแล้วต้องลุกได้"

เถรี 08-06-2015 13:44

ถาม : หากบริษัทส่งพนักงานไปอบรมที่โรงแรมหรือสถานที่จัดอบรม แล้วทางเจ้าของสถานที่หรือโครงการ จัดเตรียมสิ่งของและอาหารว่างพร้อมเครื่องดื่มไว้บริการ โดยให้เราบริการตนเอง การที่เราหยิบของที่วางไว้บริการในปริมาณมาก เช่น หยิบปากกาเกิน ๑ ด้าม หรือ หยิบกาแฟซองกลับมาเพื่อบริโภคที่บ้านเรา (เกินกว่าปริมาณที่เราบริโภคที่สถานที่นั้น) จัดว่าผิดศีลข้อ ๒ ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระเขาเรียกว่า ฉายาปาราชิก มีแนวโน้มว่าจะขาดความเป็นพระแน่ในกาลข้างหน้า เพราะสิ่งที่เขาจัดไว้ให้ไม่ได้หมายความว่าเราจะเอาไปอย่างเหลือเฟือ เขาจัดไว้ให้แค่พอใช้งาน อย่างเช่นคนละชิ้น เป็นต้น

ดังนั้น ถือว่าเบียดบังแล้วยักยอกเสียด้วยซ้ำไป ถ้าหากเป็นพระแล้วทำอย่างนั้น โอกาสขาดจากความเป็นพระมีสูงมาก โปรดระมัดระวังไว้ด้วย


ถาม : แล้วกรณีเป็นโยมละคะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าเท่ากับยักยอกเขา

เถรี 08-06-2015 13:46

ถาม : กระผมได้บูชา ตะกรุดมหาสะท้อน รุ่น ๕ และในขณะเดียวกันตัวผมเองนั้นก็มีพระปิดตารุ่น ๑ เนื้อเงินอยู่แล้ว ด้วยข้อจำกัดเรื่องสร้อยคอ ผมจำเป็นต้องเลือกห้อยระหว่างวัตถุมงคลสองสิ่งนี้
อยากถามพระอาจารย์ ว่า

๑. การห้อยพระปิดตาเนื้อเงิน รุ่น ๑ จะมีอานุภาพความเป็นมหาสะท้อนเข้มข้นเท่าตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ ไหมครับ ?

๒. การห้อยพระปิดตาเนื้อเงิน รุ่น ๑ จะต้องท่องคาถามหาสะท้อน เพื่ออาราธนาก่อนสวมสร้อยทุกครั้งไหมครับ หรือใช้คาถาปลุกพระ อิทธิ ฤทธิ ฯ ก็เพียงพอแล้วครับ ?

ตอบ : เอาเป็นว่า ถ้ายุ่งยากนักก็ถวายวัดไปอย่างหนึ่ง

เถรี 08-06-2015 13:47

ถาม : ถ้าคลี่ตะกรุดมหาสะท้อนออก เพื่อดูอักขระยันต์ด้านใน ไม่ทราบว่าตะกรุดจะเสื่อมอานุภาพหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ตะกรุดไม่เสื่อมหรอก แต่ว่าคนคลี่ออกมาดูคงจะขาดความมั่นใจไปเอง ก็ขี้สงสัยถึงขนาดทำอย่างนั้น ก็คงจะสงสัยต่อไปว่าตะกรุดจะศักดิ์สิทธิ์อีกไหม ?

เถรี 08-06-2015 13:49

ถาม : แขวนตะกรุดมหาสะท้อน ๑๐ ดอก กับแขวนเพียง ๑ ดอก จะมีผลหรืออานุภาพแตกต่างกันหรือไม่ ? อย่างไรครับ ?
ตอบ : แขวน ๑๐ ดอกมีผลทำให้สตางค์หมดมากกว่า..!

ถาม : เรื่องนี้เกี่ยวกับการวางกำลังใจไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าใครแขวน ๑๐ ดอกได้แสดงว่ากำลังใจต้องบ้าพอ..!

เถรี 08-06-2015 13:51

ถาม : พระคาถาและวิชาการต่าง ๆ ที่เผยแพร่ในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ ถ้าบรรดาผู้อ่านชอบใจหัวข้อไหน จะขอนำไปใช้ไปปฏิบัติ ต้องแต่งขันครูไปขอกับหลวงพ่อใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเผยแพร่เป็นสาธารณะ แปลว่าเราสามารถนำไปใช้ได้เลย ถ้าจะทำให้ถูกต้อง ก็คือ เอาดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาพระที่หน้าหิ้งพระ กราบขอบารมีพระ ตลอดจนครูบาอาจารย์ สงเคราะห์ให้เราใช้พระคาถานั้นให้ได้ผลเต็มที่ด้วย เสร็จแล้วก็หมั่นภาวนาของเราไป

เถรี 08-06-2015 14:01

ถาม : การเก็บรูปพระพุทธรูป หรือรูปพระสงฆ์ที่เราเคารพไว้ในโทรศัพท์ เพื่อไว้ดูเป็นอนุสติ แต่เราพกไว้ที่กระเป๋ากางเกงจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่ครับ ? ผมเป็นตำรวจชายแดน เวลาอยู่ป่าหรือในเมืองนึกภาพพระไม่ออก เลยเก็บภาพไว้ในมือถือ เอาไว้เปิดดู แต่เวลาพกจะพกต่ำกว่าเอวครับ กลัวปรามาสพระรัตนตรัยครับ ?
ตอบ : ถ้าเจอข้าศึกก็ตายเปล่า เพราะขาดความมั่นใจ เวลาเราพกโทรศัพท์อยู่ โทรศัพท์จะปิดตัวเองอยู่แล้วนี่ ปัจจุบันก็มีเซฟโหมดทุกเครื่องใช่ไหม ? พอเราล้วงออกมากดเปิด ภาพพระถึงจะปรากฏ พอเครื่องปิดหน้าจอเองเราค่อยเอาใส่กระเป๋ากางเกง ดังนั้น..ก็พกไปเถอะ

เถรี 08-06-2015 14:03

ถาม : ผมขอถามในตอนที่ผมภาวนากรรมฐาน นะมะพะธะ แล้วกลายเป็นภาวนาพระคาถาเงินล้านเอง ผมควรดึงจิตกลับมาภาวนา นะมะพะธะ หรือไม่ ? หรือให้ภาวนาคาถาเงินล้านไปเลยครับ ?
ตอบ : ให้ดูเจตนาตอนแรกของเรา ถ้าต้องการฝึกมโนมยิทธิ ภาวนานะมะพะธะอยู่ ก็ให้กลับมาภาวนาใหม่ แต่ถ้าเราภาวนาเพื่อความสงบ กำลังใจเกาะพระคาถาไหนถนัดกว่า ถึงเวลาเลื่อนไปใช้พระคาถานั้นเอง เราก็สามารถภาวนาต่อไปเลยได้

ถาม : ถ้าฝึกมโนมยิทธิ ครูฝึกให้ภาวนา นะมะพะธะ แล้วเราภาวนาคาถาเงินล้านได้เลยไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไปพระนิพพานได้ คาถาอะไรก็ใช้ได้ อาตมาเองก็ภาวนานะมะพะธะแค่ไม่กี่ครั้ง เพราะหลังจากนั้นไม่ทันภาวนาก็ไปแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองใช้พระคาถาอะไร

เถรี 08-06-2015 14:11

ถาม : จับลมที่จมูกแล้วเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ รู้สึกว่าเราบังคับลมให้แรงให้เบา ผมเลยจะจับที่ท้องจุดเดียว โดยจับอาการท้องพองออกภาวนาพุท ท้องยุบภาวนาโธ ทำแบบนี้ได้หรือไม่ครับ ? แล้วการทำแบบนี้ จะเป็นการปฏิบัติแบบอานาปานสติ หรือสติปัฏฐานครับ ?
ตอบ : การที่เราภาวนา จะจับลมกี่จุดก็ได้ จับไว้ตรงส่วนไหนของร่างกายก็ได้ ฟังดี ๆ นะ จับไว้ตรงส่วนไหนของร่างกายก็ได้ เพราะถ้ามีความชำนาญจริง ๆ เราสามารถใช้ร่ายกายทุกส่วนหายใจได้ การที่เราจับจุดเดียวที่ท้องก็ต้องดูด้วยว่า เราจับลมหายใจเข้าออกหรือว่าจับอาการพองยุบ ถ้าจับลมหายใจเข้าออกคืออานาปานสติ แต่ถ้าหากว่าจับอาการพองยุบก็เป็นการกำหนดสติแบบมหาสติอย่างที่สายนั้นเขาว่ามา

เถรี 08-06-2015 14:16

ถาม : ในการอุปสมบทจะต้องมีพระอันดับไม่น้อยกว่ากี่รูป การอุปสมบทถึงจะสมบูรณ์ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าอนุญาตว่า ในปัจจันตชนบท ใช้พระสงฆ์ปัญจวรรค คือ ๕ รูปก็เพียงพอ แต่คราวนี้ปัจจันตชนบทในสมัยโน้น หมายถึงส่วนอื่นที่ไม่ใช่ภาคกลางของอินเดีย ถ้าหมายเอาประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ก็จัดว่าเป็นปัจจันตชนบทได้ แต่พระมหาเถระหลายรูปกล่าวว่า “คำว่าปัจจันตชนบท ควรจะแปลว่าบ้านนอก ประเภทไกลปืนเที่ยงไปเลย”

ดังนั้น..
เราจะไปอ้างว่าประเทศเราเป็นปัจจันตชนบทก็ไม่ชัดเจน เนื่องจากว่าสมัยนั้นประเทศไทยยังไม่มี ถ้าเป็นในเมืองของบ้านเรา ถึงจะเป็นต่างจังหวัดก็ตาม ก็ควรจะมีสงฆ์อย่างน้อย ๑๐ รูปขึ้นไป เรียกว่า ทสวรรค

เถรี 08-06-2015 14:19

ถาม : ถ้าทำสมาธิในวันที่ดื่มกาแฟ ฤทธิ์ของกาแฟที่ดื่มไปจะทำให้จิตสร้างอารมณ์สมาธิที่ปลอมขึ้นมาในสมาธิระดับต้น ๆ ซึ่งไม่ใช่อารมณ์สมาธิที่แท้จริงของจิตใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : รู้ขนาดนั้นเชียวหรือ ? สมาธิที่เกิดขึ้นจัดเป็นสมาธิที่แท้จริง แต่เนื่องจากว่าได้รับสารกระตุ้นจากภายนอกเข้ามาช่วยด้วย จึงไม่ยั่งยืน พอถึงเวลาขาดสารกระตุ้นก็เหี่ยว ดังนั้น..ควรที่จะภาวนาให้เกิดความมั่นคงขึ้นมา โดยที่ไม่ต้องใช้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาช่วยมากกว่า

เถรี 08-06-2015 14:20

ถาม : เมื่อก่อนเคยสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นไว้ ตอนนี้พยายามทำความดี แต่ก็มีเรื่องเดือดร้อนที่คนอื่นก่อให้ อาจจะเป็นเพราะผลกรรมที่เคยทำไว้ อยากถามว่า กรรมที่เราได้สร้างไว้สามารถส่งผลเลยในชาตินี้หรือไม่ ? และเมื่อชดใช้กรรมไปเรื่อย ๆ จะมีวันหมดไหมคะ ? จะติดตัวไปถึงภพภูมิหน้าหรือเปล่า ?
ตอบ : กรรมที่ให้ผลในปัจจุบันส่วนใหญ่เกิดจากอดีตชาติ แสดงว่ารายนี้สันดานเดิมก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ดังนั้น..ถึงได้สร้างเรื่องเดือดร้อนให้กับคนอื่นอยู่เนือง ๆ ต่อให้ชาตินี้ตั้งใจที่จะละเว้นแล้ว กรรมเก่าที่เคยทำมาก็ยังส่งผลอยู่ดี ถ้าใช้ไม่หมดก็ติดตัวไปอีกหลายชาติ

เถรี 08-06-2015 14:22

ถาม : ถ้าเรามีพระธาตุของพระอรหันต์ เช่น พระสีวลี ได้มาจากต่างที่กัน สามารถบรรจุรวมในผอบเดียวกันได้หรือไม่ หรือควรที่จะแบ่งแยกของแต่ละองค์ไป จึงจะเหมาะสมกว่าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเราสามารถรู้ได้ชัดเจนว่าพระธาตุแบบไหนเป็นขององค์ไหน แยกและติดชื่อท่านให้ชัดเจนได้จะเป็นการดี เพื่ออนุเคราะห์แก่คนที่เขาบูชาต่อไป

เถรี 08-06-2015 14:24

ถาม : ถ้าเราเป็นนักเขียน แต่งนิยายรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่ทราบว่าจะสุ่มเสี่ยงต่อการขัดธรรมะของพระพุทธองค์หรือไม่ ? ถ้ามีบทเลิฟซีนจะเป็นการยั่วยุกิเลสตัณหาของผู้อ่านหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องเรียกว่ามีเจตนาเลย ถ้าไม่เจตนาจะเขียนไปทำไม ?

ถาม : ถ้าผมนำเนื้อหาบางส่วนของพระไตรปิฎก หรือธรรมะของพระอาจารย์มาใส่ลงในหนังสือที่ผมเขียนด้วย จะเป็นการปรามาสด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจที่จะใช้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น สั่งสอนบุคคลที่มาอ่านโดยผ่านตัวละคร ก็ถือว่าเป็นเจตนาที่ดี ไม่ได้มีกรรมชั่วอะไร แต่ถ้าสักแต่ใส่เอาไว้เท่ ๆ ก็อาจจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยเหมือนกัน

ถาม : การที่มีคนเขียนหนังสือมากมาย โดยคัดลอกเนื้อหาในพระไตรปิฎกมา แบบนี้ผิดไหมครับ ? เพราะนำเนื้อหาในพระไตรปิฎกมาหาเงินดำรงชีพครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจขายเพื่อให้ได้เงินก็มีสิทธิ์ แต่ถ้าตั้งใจทำเพื่อเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้าให้กว้างไกลยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็เป็นบุญในส่วนของธรรมทาน

เถรี 08-06-2015 14:25

ถาม : ปีนี้จะมีการเป่ายันต์เกราะเพชรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ตอนนี้ยังไม่มี..ต้องรอคำสั่งก่อน

เถรี 08-06-2015 14:26

ถาม : ตอนที่เราถวายสังฆทาน เรานึกน้อมเกล้าฯ ถวายกุศลที่เราทำในครั้งนี้แด่พ่อหลวงแม่หลวงของประเทศเรา โดยนึกถึงพระพักตร์ของพระองค์ท่าน จะเป็นการสมควรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สมควรที่จะทำบ่อย ๆ

เถรี 08-06-2015 14:28

ถาม : หากอยากร่วมบุญกับพระอาจารย์ โดยนำวัตถุมงคลมาถวายเพื่อร่วมบุญ จะได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นสมเด็จวัดระฆังของแท้ให้รีบเอามา..!

เถรี 08-06-2015 14:30

ถาม : ตอนนั่งสมาธิรู้สึกว่าจิตใจสงบ แต่จิตใจดิ่งไปในที่โล่งกว้างสีดำไร้ขอบเขต ล่องลอยไป อาการแบบนี้กระผมปฏิบัติถูกต้องไหมครับ ? แล้วควรวางกำลังใจอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : ถ้าไปสนใจอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ถือว่าทำผิด ถ้าต้องการทำให้ถูก ก็คือ ดึงความรู้สึกกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกและการภาวนาของเรา ตามดู ตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเกิดขึ้นอย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ

และเป็นเรื่องแปลกที่ว่า ยิ่งเราไม่สนใจ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นการวัดใจกันว่า เราจะมั่นคงต่อการกระทำของเราดี หรือว่าจะไหลตามสิ่งที่มายั่วอยู่ตรงหน้าดี ไหลตามแปลว่าแพ้เขา ถ้ารักษาลมหายใจเข้าออกกับการภาวนาไว้ได้ ก็แปลว่ากำลังใจของเราเข้มแข็งพอ

เถรี 08-06-2015 17:09

ถาม : ที่มีการนำพุทธประวัติมาทำเป็นซีรีย์ ละคร ภาพยนตร์ ควรจะดูอย่างไรให้มีประโยชน์เจ้าคะ ?
ตอบ : ดูแบบที่เห็นว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกัน แล้วเราจะรอดไปได้อย่างไร ? พระองค์ท่านไปพระนิพพานพ้นทุกข์ไปแล้ว แต่เราตายแล้วเราอาจจะทุกข์อีกนับชาติไม่ถ้วน เราควรที่จะพอแล้วหรือยัง ?

เถรี 08-06-2015 17:39

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนสั่งแก้ไขระบบเสียงสะท้อนในศาลาใหญ่ บริษัทคิดค่าใช้จ่าย ๑,๘๙๐,๐๐๐ บาท เขายืนยันว่าทันวันที่ ๒๐ มิถุนายนนี้ ตอนนี้กำลังติดตั้งกันอุตลุด แล้วก็ทำหนังสือสวดมนต์เล่มใหม่ ปรากฏว่าโชคดี พระครูปลัดปิงติดต่อให้ เขาลดให้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ราคายัง ๕ แสนกว่าบาทอยู่ แต่ได้ลดเยอะ แล้วก็จ่ายค่าหน้าต่างบานเลื่อนเรือนไทยชั้นบนทั้งหมด เผลอ ๒ วัน ช่างทำเสร็จแล้ว พวกนี้ แหม..ทำงานน่ารวยจริง ๆ อาตมาไม่อยู่ ๒ วัน พอกลับไปเขาทำเสร็จแล้วส่งใบเสร็จเก็บเงิน อะไรวะ..ทำเร็วขนาดนี้เลย ?

บรรดาช่างที่ทำงานจนอยู่มือก็มักจะวัยเลยเกษียณแล้วทั้งนั้น ช่างทำมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำเขามีแนวคิดว่า จะขอฝากผลงานไว้ในแผ่นดิน ถ้าลักษณะนี้เขาจะรับผิดชอบงานดี เพราะว่างานที่ทำชิ้นหนึ่งจะเรียกลูกค้าเพิ่มได้เอง แต่ก็ต้องเจอลูกค้าบวม ๆ อย่างอาตมา ประเภทไม่กลัวของแพงด้วย กำลังรอว่า ถ้างานนี้เสร็จแล้วจะเอาธรรมาสน์อีกสักหลังหนึ่ง เพราะว่าธรรมาสน์เก่าของรัชกาลที่ ๗ ถ้าเอาไปตั้งข้างในศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย จะน้ำหนักเอียงไปข้างเดียว ต้องทำอีกข้างหนึ่งเพื่อความสมดุล ต้องยอมเสียเงินอีกหลายล้าน เพื่อที่จะอวดธรรมาสน์ของในหลวงรัชกาลที่ ๗"

เถรี 08-06-2015 17:43

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปงานฉลองพระอารามหลวง ๒๓๒ ปี วัดสระเกศ ไปถึงทั้งโยมทั้งพระก็แห่กันมากราบ ทำให้งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ตกลงคนเขารู้จักอาตมาเยอะขนาดนี้เลยหรือ ? บรรดาพระที่รับนิมนต์ไป สารพัดท่านเจ้าคุณ แต่คนไม่รู้จัก มารู้จักพระอาจารย์เล็ก พระต่างจังหวัด บ้านนอกอีกต่างหาก"

เถรี 08-06-2015 17:59

ถาม : การมีชื่อเสียงกับการดำรงตำแหน่งชั้นสูง เป็นคนละอานิสงส์หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าคนละอานิสงส์กัน การมีชื่อเสียงเพราะสร้างคุณความดีไว้แต่เดิม ส่วนดำรงตำแหน่งชั้นสูงเพราะอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นปกติ เป็นผู้มีศีลเป็นปกติ

มีศีลเป็นปกติพระบาลีท่านว่า กิตติสัทโท ชื่อเสียงจะโด่งดังขจรไปไกล อสัมมุฬโห แม้ตายก็ไม่หลง คำว่าหลงก็คือไปอบายภูมินั่นแหละ ถ้าขาดสติก็จะลงอบายภูมิ

เถรี 09-06-2015 12:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “ความจริงตามตำราที่ศึกษามา มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ให้สร้างตะกรุดชุด ๑๐๘ ดอก คราวนี้เขาให้ทำเป็นดอกเล็ก ๆ อาตมาได้ยินคำถามเกี่ยวกับการแขวนตะกรุดมหาสะท้อน ๑๐ ดอก ก็เลยคิดว่าถ้าเขาสามารถบูชาได้ครบ ๑๐๘ ดอกก็น่าจะลองทำตะกรุดชุดดู..!”

เถรี 09-06-2015 12:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของวัตถุมงคล เจตนาอันดับแรก ก็คือ เป็นเครื่องระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะเป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตาม ลำดับที่สอง ก็คือ สร้างศีลและการภาวนาให้เกิดแก่เรา เพราะว่าการที่เราจะใช้วัตถุมงคลให้ได้ผล ถ้าตัวเรายิ่งมีศีลบริสุทธิ์เท่าไร ก็จะได้รับผลมากขึ้นเท่านั้น และขณะเดียวกันก็มีคำภาวนาที่เป็นคำอาราธนาหรือการปลุกวัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งก็คือการภาวนา ส่วนผลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้วต้องเรียกว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้น แต่พวกเรามักจะลืมว่าเจตนาในการที่เราสร้างวัตถุมงคลขึ้นมานั้นคืออะไร แล้วก็ไปสนใจแต่ผลพลอยได้ซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

การใช้วัตถุมงคลให้ได้ผลนั้น นอกจากศีลต้องบริสุทธิ์แล้ว อารมณ์ใจยังต้องทรงตัวตั้งมั่นด้วย ยิ่งมีความศรัทธาแน่นแฟ้น กำลังใจทรงตัวตั้งมั่นมากเท่าไร อานุภาพวัตถุมงคลก็จะเกิดขึ้นมากเท่านั้น แต่พวกเราทั้งหลายมักจะเกิดความลังเล ขณะเดียวกันก็ขี้สงสัย อาจจะมีการรื้อตะกรุดดูอย่างที่กล่าวมา ถ้าหากถึงขนาดรื้อดู เพื่อที่จะศึกษาและทำตามก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากรื้อดูด้วยความลังเลสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่ ? จริงหรือปลอม ? ท้ายที่สุดต่อให้อานุภาพของวัตถุมงคลยังมีเหมือนเดิม แต่กำลังใจของเราอาจจะไม่เหมือนเดิม ก็เท่ากับว่าเราเองทำให้วัตถุมงคลนั้นเสื่อมเอง ก็คือใจเราไม่ได้เคารพนับถือแน่นแฟ้นเหมือนเดิมแล้ว

ฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ พวกเรายังขาดศรัทธาที่มั่นคง ศาสนาทุกศาสนาเกิดขึ้นจากศรัทธา ถ้าศรัทธาไม่มั่นคง โอกาสที่จะก้าวเข้าไปสู่หลักธรรมชั้นสูงก็เป็นไปได้ยาก"

เถรี 09-06-2015 13:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างพระกริ่งปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ก็คือตั้งใจเอากฐินปลดหนี้ไปให้ที่วัดมุนิวิหาร ที่เมืองภักตรปุระ (ปักตะปูร์) ประเทศเนปาล รับปากเขาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ถึงปีนี้โดนแผ่นดินไหวทลายราบไปเลย อาตมาจะนำเอาพระกริ่งรุ่นนี้เข้าพิธีวันที่ ๒๐ มิถุนายนนี้

ทำเป็นพระกริ่งเนื้อเงิน ลักษณะแบบพระพุทธรูปเนปาล ไว้มีโอกาสจะนำรูปลงหน้าเว็บวัดท่าขนุนให้ชม ท่านใดต้องการพกเงินไป ๕,๐๐๐ บาท ไปจองที่วัดท่าขนุน ต้องเรียกว่าบูชาเลยไม่ใช่จอง เพราะว่าอาตมารับปากว่าจะถวายปัจจัยร่วมซื้อที่สร้างวัดให้เขา ๒๐๐ ตารางวา ซึ่งคิดเป็นเงินสิบล้านเนปาล ถ้าคิดเป็นเงินไทยประมาณสี่ล้านบาท ถ้าปัจจัยเหลือจากสี่ล้านบาท ซึ่งคาดว่าต้องเกิน เพราะตั้งใจจะซื้อเป็นดอลลาร์ไปให้เขา สี่ล้านเป๊ะ ๆ คงไม่ลงตัวแน่ ก็คงจะเกินสักเล็กน้อย ส่วนที่เหลือก็จะเอาลงร่วมในการหล่อพระพุทธรูปทองคำต่อไป

พระกริ่งเนื้อเงิน สร้างแค่ ๒,๐๐๐ องค์ ใครมีความสามารถจะบูชาหมดทั้ง ๒,๐๐๐ องค์อาตมาก็ยินดี..! คาดว่าวันงานมีโยมหลายท่านไม่ได้หันหน้าไปทางพระ แต่หันหน้าไปเข้าแถวรอบูชากันเลย ซึ่งเป็นอย่างนั้นมาตลอด

วัดของเขาประสบเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสกว่าที่คิด แม้ว่าตัววัดจะไม่มีอะไรชำรุดเสียหายจากแผ่นดินไหว เนื่องจากว่าเป็นอาคารสร้างแบบใหม่ แต่เมืองทั้งเมืองรอบข้างพังทลาย ชาวบ้านไปอาศัยวัดจนวัดไม่มีที่ให้นอน ต้องกางเต็นท์กันรอบ ๆ วัด ฉะนั้น..ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องห้องส้วมกับน้ำกินน้ำใช้ เพราะว่าในเนปาล
หาน้ำยากมาก บ่อที่เขาขุดไว้แต่ละบ่อลึกอย่างน้อย ๗-๘ เมตร แล้วก็มีน้ำอยู่หน่อยเดียว ถึงเวลาต้องหย่อนถังผูกเชือกลงไปตัก ได้มานิดหน่อยก็เทใส่หม้อทองเหลืองไว้ แล้วก็นั่งรอตักต่อไป

ถึงได้เข้าใจที่ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงนางภุมภทาสี ซึ่งมีหน้าที่ตักน้ำใส่หม้อเพื่อเอาไปให้กับเจ้านาย ก็คงอยู่ในลักษณะเดียวกัน เพราะเห็นเขาไปเข้าแถวรุมล้อมเพื่อรอตักน้ำกันทั้งวัน ทางบ้านเขาคนรวยจะให้ทานด้วยน้ำ จะมีลักษณะเหมือนอย่างกับเป็นอ่างน้ำสาธารณะ คนรวยซื้อน้ำแล้วไปเทใส่ คนจนก็ไปเปิดใช้เอา บ้านเรายังไม่ลำบากถึงขนาดนั้น ได้โปรดทราบว่าเราเกิดมาโชคดีมากแล้ว ลองคิดดูว่าในสภาพปกติของเขายังหาน้ำยากขนาดนั้น ถ้าเกิดอุบัติภัยขึ้นมา อย่างเช่นแผ่นดินไหว เครื่องอำนวยความสะดวกทั้งหมดพังทลายลง สูญหายไป สิ่งที่หายากอยู่แล้วจะยิ่งหายากขึ้นอีกกี่เท่าก็ไม่ทราบได้

อาตมาเองก็แค่เตรียมการเตรียมปัจจัยเอาไว้ กะว่าจะซื้อเป็นเงินดอลลาร์สักแสนสองหมื่นดอลลาร์ เพื่อที่จะเอาไปร่วมซื้อที่ดินให้เขา แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทางวัดจะได้ซื้อที่ดินเลยหรือเปล่า ถ้าต้องไปทำอย่างอื่นก่อนก็ไม่เป็นไร เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะช่วยเขา คำแนะนำของอาตมาก็คือฝาก ๆ กันไปบูชาสักคนละ ๑๐-๒๐ องค์ จะได้ไม่ต้องไปเข้าแถวกันยาวยืด"

เถรี 09-06-2015 13:06

ถาม : ติดธรรมศาสตร์ ๒ คณะไม่ทราบว่าจะเลือกคณะอะไรดี ?
ตอบ : ตัดสินใจไม่ถูกก็หลับตาจิ้มเอา ได้เยอะไปก็อย่างนี้แหละ ไม่เหมือนกับเจนนี่ลูกสาวอาตมา ติด ๔ คณะทั้งจุฬาและธรรมศาสตร์ เขาฟันธงโชะเลย เอาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬา (อินเตอร์) คนตัดสินใจเด็ดขาดแสดงว่ากำลังใจสูง

เถรี 09-06-2015 13:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทุกวันนี้ที่อาตมาติดนิสัยเขียนบันทึกประจำวัน ก็เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำไว้ว่า เป็นการทบทวนอตีตังสญาณได้ นึกย้อนไปในอดีต เกิดเหตุอะไรขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่เช้ามาเราทำอะไร เสร็จแล้วถ้าจะเอามากกว่านั้นก็คือ ก่อนตื่น ก่อนนอน ไล่ไปเรื่อยก็ข้ามไปถึงวันที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔"

ถาม : แล้วถ้าตอนนอนเราไม่มีความจำนั้นไว้ ?
ตอบ : ก็จะข้ามไปตรงก่อนนอน แต่ถ้านอนแบบมีสติตอนนอนก็จะได้ด้วย

เถรี 09-06-2015 14:04


พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นพระงาช้างที่ลงในกระทู้ของตัวเล็กไหม ? มีคนเขากลัวโดนปรับ ๓ ล้านบาท เขาเลยเอาไปทิ้งไว้ที่วัดท่าขนุน พระทุกรูปบอกว่าเป็นพระเรซิ่น อาตมาไปพลิกซ้ายพลิกขวา เห็นลายงา "เฮ้ย..ไม่ใช่เรซิ่น" ๓ องค์นี้คาดว่าจะแกะจากขนาย คืองาช้างตัวเมีย หรือไม่ก็งาช้างสีดอที่บางตัวมีงาเล็ก ๆ เพราะว่าด้านข้างไม่มีลาย ต้องพลิกตะแคงดู มองย้อนขึ้นถึงจะเห็นลายงา ช่างเขาแกะไม่พ้นผิวงา พอไม่พ้นผิวงาก็ไม่เห็นลาย ทีนี้พอตะแคงดูจากด้านพระบาทขึ้นไป "อ๋อ..ลายงาอยู่นี่เอง"

ที่เซียนที่สุดก็ต้องพระครูปลัดปิง ท่านเลือกจองวันพุธเลย อาตมาก็ว่าทำไมต้องวันพุธ ดูไปดูมา อ๋อ..พระท่านอุ้มบาตร น้ำหนักจึงมากกว่าองค์อื่น สงสารเจ้าของเขา น่าจะกลัวมากจนเกินเหตุ ก็เลยเอามาทิ้งไว้ที่วัด

ด้วยความที่ไม่มี ๓ ล้านให้ปรับ เขาก็เลยต้องเอามาทิ้งไว้ในวัด เอาไปไว้ที่ฐานสมเด็จองค์ปฐม ๘ ศอกบนยอดเขาโน่น พระท่านขึ้นไปเห็นก็ถ่ายรูปมาให้ดู ท่านดูไม่รู้เรื่อง อาตมาบอกว่า "คุณช่วยเอาลงมาให้ผมดูก็แล้วกัน" ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นงา เพราะเขาเอาวางทิ้งไว้อย่างนั้น พระทุกรูปบอกว่าเป็นเรซิ่น ปลัดตั้มกับท่านเบสต์พนันกัน ปลัดตั้มบอกว่า “ถ้าหากว่าเป็นเรซิ่น คุณห้ามสึกนะ แต่ถ้าเป็นงาช้าง ผมจะไม่สึก” พออาตมาบอกว่างาแท้ พวกหันไปมอง
ปลัดตั้มกันเป็นตาเดียว “ไม่มีสิทธิ์สึกแล้วเอ็ง..!”

พอท่านเอาลงมา อันดับแรกอาตมาก็เอายาสีฟันพอกก่อน เสร็จแล้วก็เอาแปรงขัด งาก็คือฟัน เพราะฉะนั้น..ต้องอาศัยยาสีฟันช่วย พอเห็นว่าเป็นงาแท้ อาตมาก็เลยเอา ๓ องค์เล็กมาร่วมบุญสร้างพระทองคำให้กับเจ้าของเดิมเขา ส่วนองค์ใหญ่เก็บไว้เอง องค์ใหญ่นั่นกระทั่งฐานไม้ยังแกะเสียละเอียดยิบเลย คาดว่าองค์ใหญ่องค์เดียวน้ำหนักก็น่าจะเกิน ๓๐๐ กรัมแล้ว บวกองค์เล็กไปอีก เกินครึ่งกิโลกรัมแน่ ๆ เจ้าของเขากลัวก็เลยต้องเอาออกจากบ้าน

คนที่กลัวเขาก็กลัวจริง ๆ ถ้าเป็นอาตมาหรือ ? ถ้าเจ้าหน้าที่มาก็ "เอาหมายค้นมาก่อน" หมายค้นมีแล้วก็ "ขอดูบัตรด้วย" ดูกันทีละคน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์ค้นบ้านเรา เพราะเจ้าหน้าที่นี่ระเบียบบังคับเลยว่าต้องพกบัตรประจำตัว ถ้าไม่พกบัตรมาก็ขู่ได้แค่ชาวบ้านที่เขากลัวเท่านั้น"

เถรี 09-06-2015 16:46

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนงานศพหลวงปู่มหาอำพันปี ๒๕๓๒ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็ไปงาน คราวนี้ท่านเดินลากเท้าไปกับพื้น แล้วช่วงที่ตั้งศพเป็นชั้นสูงขึ้นมา อาตมาเห็นว่าไม่มีใครดูแลท่านเลยก็ปราดไปจับแขนท่าน “พระเดชพระคุณครับ ตรงนี้เป็นขั้นอยู่ขั้นหนึ่ง ต้องก้าวขึ้นนิดหนึ่งครับ ท่านก็บอกว่า “ขอบใจนะ” แล้วก็จับแขนอาตมาก้าวขึ้นไป พอส่งท่านเสร็จสรรพเรียบร้อยกราบท่านแล้วก็กลับที่นั่ง

มีเสียงพระท่านถามว่า “พระรูปนั้นมาจากวัดไหน ? ไม่เห็นกลัวสมเด็จฯ ท่านเลย” อาตมาไม่เห็นท่านเป็นสมเด็จฯ แต่เห็นท่านเป็นหลวงปู่หลวงตาที่ต้องอนุเคราะห์ เพราะว่าท่านก็คือคนแก่ แต่คนอื่นเห็นท่านเป็นสมเด็จฯ ก็กลัวกันหมด ไม่กล้าทำอะไรกันเลย จนทุกวันนี้อาตมาก็ยังติดนิสัย พอถึงเวลาเห็นพระแก่ก็ต้องช่วยไว้ก่อน อานิสงส์นี้พอถึงเวลาตัวเองแก่คงจะมีคนช่วยดูแลบ้าง

บางคนเขาไม่ชอบดูแลคนแก่เพราะรำคาญ คนแก่ทำอะไรช้า เขาคงไม่ได้นึกว่าถึงเวลาตัวเองก็จะเป็นอย่างนั้น อย่างหลวงพ่อราชรัตนวิมล เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวานนี้อาตมาก็ประคองท่านไปถึงที่นั่ง ท่านอายุ ๗๙ ปีแล้ว และก็เป็นอัมพฤกษ์ซีกหนึ่ง เดินไม่ถนัด คนไปเห็นท่านช้าก็ไม่ไปยุ่งกับท่าน ส่วนอาตมากลัวว่าท่านจะล้ม ถึงเวลาก็ต้องให้ท่านเกาะแขนประคองไป"

เถรี 09-06-2015 17:18

ถาม : ถ้าเอาตะกรุดไปแขวนที่กางเกง ?
ตอบ : เอาเป็นว่าอย่าให้ต่ำกว่าเอวก็แล้วกัน ใช้คลิปเหน็บกับกระเป๋าเสื้อก็ได้ ผู้หญิงหลาย ๆ คนเหน็บกับยกทรงไปเลย

เถรี 09-06-2015 17:19

ถาม : เทวดาหรือพรหมจะพิจารณาตัดอย่างไรคะ ?
ตอบ : พิจารณาตามปกตินี่แหละ เทวดาหรือพรหมมีขันธ์เป็นขันธ์ทิพย์ ความละเอียดของจิตมีมาก เห็นธรรมได้ชัดกว่า แต่ว่าสภาพจิตที่จะยอมรับในเรื่องของการตัดละก็ยากขึ้น เพราะในความเป็นทิพย์ ความสุขมีมากกว่า ก็มักจะติดสุขได้ง่าย

เถรี 09-06-2015 17:44

ถาม : มีคนญี่ปุ่นเขาวาดการ์ตูน วาดพระพุทธเจ้าว่าเป็นเพื่อนกับพระเยซู ลางานจากสวรรค์ลงมา วาดพระพุทธเจ้าใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เขาบอกว่าถ้าเราทำการ์ตูนพุทธประวัติทั่วไป แลดูน่าเบื่อ จึงต้องแหวกแนวออกไป เป็นการปรามาสหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เต็ม ๆ..!

ถาม : แล้วคนที่เห็นด้วย ?
ตอบ : โมทนากับเขาด้วยก็ซวยไปด้วย..!

เถรี 10-06-2015 17:58

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๐-๒๑ มิถุนายนนี้ ใครไปวัดก็จะเห็นสมเด็จองค์ปฐมประธานในศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ประดับเพชรเสร็จเรียบร้อย เหลืองอร่ามงามตา สิ่งที่ไม่อยากทำเลย แต่ต้องทำก็คือต้องสร้างห้องกระจก เพราะว่าเวลาเราสร้างห้องกระจกจะมีรอยต่อ แล้วก็จะไปบังองค์พระ ถ่ายรูปอย่างไรก็ไม่สวย แต่ไม่สร้างก็ไม่ได้ เพราะถ้าฝุ่นเกาะก็เรียบร้อย เดี๋ยวปัดฝุ่นไปปัดฝุ่นมาทองก็ลอกหมด สร้างห้องกระจกมาก็มีภาระให้คนทำความสะอาดอีก ปีนขึ้นปีนลง ความสูง ๘ เมตรนี่ตกลงมามีสิทธิ์เดี้ยงเลย

การยกพระเข้าที่ตอนแรกใช้แผ่นอะลูมิเนียมแบบที่เขาปูสนามบินรองรับ แล้วค่อย ๆ ไป ค่อย ๆ ไป กว่าจะเอาฐานขึ้นได้ก็เพลพอดี เพราะว่าฐานอย่างเดียวหนัก ๓ ตัน คราวนี้พอพระไปฉันเพล ที่เหลือคนงานเขาทำกันเองก็มักง่าย เขาบอกว่าองค์พระเบากว่าตั้งเยอะ เข็นไปเลย เข็นไปก็กระเบื้องแตกเปรี๊ยะ ๆ ไป น่าจะถึง ๒๐ แผ่น ไอ้พวกมักง่าย..! ประเภทโง่แล้วขยันนี่ ถ้าเป็นสมัยก่อนโดนประหารทิ้งหมด..!

องค์พระน่าจะเกินตัน เขาเห็นว่าเบากว่าฐาน แต่ลืมไปว่าฐานไปบนแผ่นอะลูมิเนียม เฉลี่ยน้ำหนักได้ เหล็กฉากที่หนาประมาณ ๒ หุนครึ่ง ที่เขาทำเป็นรถเข็น โดนกดเสียแอ่นไปเลย แล้วคิดดูว่าพื้นจะรับได้อย่างไร ? แทนที่จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิด กลับบอกว่า “ไอ้คนปูกระเบื้องมันปูไม่ดี” คงต้องเสียเวลาให้ช่างเขาซ่อมอีกสัก ๒ วัน ข้างล่างคงซ่อมได้ แต่ข้างบนตรงฐานพระคงซ่อมไม่ได้ เพราะว่าฐานพระท่านหนักตั้ง ๓ ตัน ยกกันไม่ไหว

ราคายังไม่รวมค่าปิดทองประดับเพชรหมดไป ๕ ล้านบาทแล้ว ตอนนี้ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย
ยอดค่าใช้จ่ายจะ ๗๐ ล้านบาทแล้ว ช่วงนี้กำลังรอชั้นบนที่เขากรุฝ้าอยู่ เป็นฝ้าไม้ซึ่งจะแพงมาก ยังไม่รู้ว่าเสร็จงานแล้วจะเบิกอีกกี่ล้าน แล้วก็จะตามมาด้วยค่าวัสดุซับเสียงอีก ๙ แสนกว่าบาท"

เถรี 10-06-2015 18:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณ (พระครูปลัดปิง) เป็นเจ้าภาพผ้าไตรไทยธรรมวันที่ ๒๐ มิถุนายนนี้ ๖๐ ชุด ไม่แพงหรอก ชุดละ ๑,๐๕๐ บาทเท่านั้นเอง..! ว่าที่เจ้าคุณท่านสร้างบุญใหญ่ เดี๋ยวพอขึ้นเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสเมื่อไรก็เป็นเจ้าคุณได้เลย ตอนนี้ที่ยังเป็นไม่ได้เพราะว่างานยังไม่ครบ ๖ ด้าน

ผลงานคณะสงฆ์ต้องมีด้านการปกครอง การศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การสาธารณสงเคราะห์ และการศึกษาสงเคราะห์ คราวนี้ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส งานด้านการปกครองจะไม่มี ก็เลยจำเป็นต้องมีตำแหน่งก่อน"

เถรี 10-06-2015 18:07

พระอาจารย์กล่าวสอนว่า "พวกเราพออยู่ใกล้พระกิเลสหงอยไปหน่อย ก็รู้สึกว่าสบายดี แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ต้องดูว่าเราทำอะไร คิดอะไร พูดอะไร อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน ถ้าคิดแบบนั้น พูดแบบนั้น ทำแบบนั้น อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น โอกาสที่จะชนะกิเลสก็มี

ส่วนใหญ่ของพวกเรานั้นมักจะปล่อยตามเวรตามกรรม ได้มาก็คว้าไว้ ไม่ได้มาก็หาไม่เป็น เหมือนกับอยู่ในร่มเย็นสบาย พอร่มหายไปก็ร้อนอีก สร้างร่มของตัวเองขึ้นมาสิ เอาอันใหญ่ ๆ ไปเลย"

เถรี 10-06-2015 18:08


พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาแกล้งขู่ไว้ว่า ตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ นี้ ถ้าไม่มีสติ๊กเกอร์ก็เป็นของปลอม พวกเอาไปเลี่ยมยังอุตส่าห์เอาสติ๊กเกอร์ใส่เข้าไปด้วย..!"

เถรี 10-06-2015 18:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามีตุ๊กตาอินเดีย เป็นตุ๊กตาดินเผา ๓๐ กว่าตัว เดี๋ยวค่อยเอาให้ตัวเล็กไปลงเว็บ หลวงปู่มหาอำพันท่านซื้อมาฝากลูกศิษย์ตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ ไปอินเดียกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ๓๐ กว่าปีแล้ว หลวงปู่ท่านไปไหนไม่เคยลืมลูกศิษย์เลย ลูกศิษย์คนไหนเคยอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิด ถึงเวลาท่านก็อุตส่าห์หาของฝากมาให้ เป็นตุ๊กตาอินเดียผู้หญิงผู้ชาย แต่งตัวแบบเผ่าต่าง ๆ"

เถรี 10-06-2015 18:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมถามว่าต้นบัญญัติที่พระพุทธเจ้าห้ามรับเงินรับทอง เกิดจากอะไร ? เกิดจากพระอุปนันทศากยบุตร ท่านมีโยมอุปัฏฐากที่ท่านต้องไปรับบาตรทุกวัน วันนั้นไปถึง โยมบอกว่าไม่มีอาหาร เพราะเมื่อวานเตรียมเนื้อเอาไว้ทำอาหารใส่บาตรตอนเช้า ปรากฏว่าลูกร้องจะกิน จะเป็นจะตายขึ้นมา ก็เลยต้องให้ลูกกินไปก่อน ถ้าพระคุณเจ้าไม่รังเกียจก็ให้รับกหาปณะนี้ไปแทน แล้วเอาเงินถวายแทน

เมื่อพระอุปนันทศากยบุตรรับเอาเงินนั้นมา บาลีท่านว่ามนุษย์ทั้งหลายติเตียนเป็นอันมาก แปลว่าชาวบ้านรู้ดีกว่าพระ บอกว่าพระต้องเสียภาษี เอ๊ย..ไม่ใช่ คนละเรื่องกัน ชาวบ้านก็ช่วยกันติ ช่วยกันโพนทะนาจนเรื่องไปถึงพระพุทธเจ้า สอบถามแล้วว่าเป็นเรื่องจริง พระองค์ท่านก็ตำหนิว่า ”ดูกร..โมฆบุรุษ สิ่งที่เธอทำนั้นไม่ได้ช่วยให้กิเลสลดลงเลย มีแต่ช่วยให้อาสวะนั้นเจริญขึ้น” ท่านก็ว่าของท่านไป แล้วก็บัญญัติห้ามภิกษุรับเงินหรือทองที่ผู้มีจิตศรัทธาถวาย

พระอุปนันทศากยบุตรถือว่าเป็นตระกูลใกล้ชิดพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เป็นต้นบัญญัติสิกขาบทหลายต่อหลายข้อ แล้วก็มีภิกษุฉัพพัคคีย์ ก็คือพวกหก มีพระปัณฑุกะและพระโลหิตกะ เป็นต้น แล้วก็ยังมีประเภทสุดยอดเลย ก็คือพระโลลุทายี ท่านโลลุทายีนี่ต้องบอกว่า สังฆาทิเสส ๑๓ ข้อ ท่านโลลุทายีเหมาคนเดียวเกือบหมด ประเภทโดนแล้วขาดความเป็นพระแทบทั้งนั้น"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว