กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=120)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8644)

ตัวเล็ก 05-06-2022 19:20

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๕
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๕



เถรี 05-06-2022 22:33

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อเช้าตอนจัดงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน พระท่านสั่งว่า "งานครั้งหน้าให้เอาข้าวสุกมาเข้าพิธีด้วย" คือเรื่องนี้กระผม/อาตมภาพพยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่ดูท่าว่าจะไม่พ้น ก็คือพระท่านสั่งให้ทำพระคำข้าว แต่กระผม/อาตมภาพขอผลัดผ่อนไปก่อน เพราะว่าถ้าทำออกมา คนรุ่นใหม่ ๆ จะไม่รู้จักพระคำข้าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง แต่จะมาเอาของวัดท่าขนุนแทน

เรื่องนี้
กระผม/อาตมภาพได้ปรารภกับท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ไปแล้วด้วย ว่าอย่างไรก็ยังไม่ทำ จนกระทั่งภายหลังกลายเป็นว่าต้องมานั่งลบผง สร้างพระยอดขุนพลกาญจนบุรีแทน แต่ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่พระท่านสั่ง ก็แปลว่าต้องทำผงพระคำข้าวเตรียมเอาไว้ เมื่อถึงวาระที่เหมาะสม ก็คงจะต้องสร้างจนได้

เรื่องของการสร้างพระคำข้าวนั้น เป็นวิชาเดียวที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ถ้าแกถามว่าสร้างอย่างไร ? ข้าก็ตอบไม่ถูก" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าโดยปกติแล้ว ตั้งแต่สมัยหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ที่ท่านสร้างพระสมเด็จวัดระฆังลือลั่นสนั่นเมืองมาจนทุกวันนี้ ที่ราคาแพงจนจับไม่ติด

ถ้าองค์สวย ๆ อย่างที่กระผม/อาตมภาพถวายหลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี วัดปทุมคงคาไป ๔๐ - ๕๐ ล้านขายได้แน่นอน แต่ด้วยความที่รู้จักมักคุ้นกับท่านมานาน ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคายังอยู่ แล้วท่านปรารภว่า "ในชีวิตอยากได้พระเบญจภาคีไว้บูชาติดตัวบ้าง แต่เท่าที่มีคนถวายมาเป็นร้อย ๆ องค์ เอาไปให้เขาเช็คแล้ว..ปลอมหมด..!"

ด้วยความสงสารว่าท่านได้ของมามากแต่ก็ปลอมทั้งนั้น กระผม/อาตมภาพก็เลยรับปากท่านว่า "เดี๋ยวเจอหน้าครั้งต่อไป จะเอามาถวายหลวงพ่อองค์หนึ่ง" เมื่อเอาไปถวายท่านแล้ว เจอหน้ากันอีกครั้ง ท่านบอกว่า "เช็คแล้ว..แท้แน่นอน..ขอบคุณมาก" ทุกวันนี้เจอหน้าเมื่อไร ก็ตบหน้าอกให้ดู บอกว่า "ใช้ติดตัวอยู่นะ"

แต่คราวนี้พอวิชานี้สืบสายมาถึงหลวงปู่เนียม วัดน้อย ไม่ทราบว่าท่านได้สร้างพระคำข้าวไว้บ้างหรือเปล่า ? เพราะว่าในประวัติไม่ได้มีบอกกล่าวเอาไว้ แต่พอมาถึงหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านสร้างเป็นพระพุทธรูป หน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว ก็คือสร้างองค์เดียว

เถรี 05-06-2022 22:38

พอมายุคของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านสร้างไว้ ๒ รุ่น รุ่นแรก ๑๐๐,๐๐๐ องค์ รุ่นที่สอง ๕,๐๐๐,๐๐๐ องค์ ทุกวันนี้ราคาของวัดอยู่ที่องค์ละ ๑,๖๐๐ บาท แต่ถ้าหากว่าสวย ๆ แถมมีเส้นเกศาด้วย เขาสู้กันราคาองค์ละเป็นหมื่นเหมือนกัน

เมื่อเดือนที่แล้วกระผม/อาตมภาพไปขอแบ่งให้ท่านพระครูโสภณกาญจนพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยสะพาน ที่ท่านเคารพหลวงพ่อฤๅษีฯ แบบสุดจิตสุดใจ บอกว่า "อาจารย์..ช่วยหาพระสมเด็จคำข้าวให้ผมหน่อย" ถามว่าทำไม ? "สงครามจะเกิดแล้ว ผมจำได้แม่นที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลังจากนี้ ๓๐ ปี สงครามใหญ่จะเกิด ถึงเวลาแล้วพระสมเด็จคำข้าว พระสมเด็จหางหมาก ราคาจะแพงมาก"

กระผม/อาตมภาพก็เลยหาให้ท่านไป โดยเลือกที่มั่นใจเลย ก็คือบรรจุในถุงเก่าสมัยนั้นไปด้วย คิดราคาท่านมาตรฐานวัดท่าซุง คือ องค์ละ ๑,๖๐๐ บาท ท่านบูชาไป ๑๐๐ องค์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเก็บเอาไว้คู่วัด หรือว่าจะแจกจ่ายให้กับญาติโยมของท่าน

คราวนี้จากที่ปรารภกับท่านพระครูปลัดสมนึก ก็คือว่า ถ้าหากว่าทางวัดท่าขนุนสร้าง คนยุคนี้ก็จะเอาแต่ของวัดท่าขนุน ของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่เป็นของดีที่ท่านตั้งใจทำอย่างยิ่ง ราคาก็จะไป
ได้ไม่ไกล

โดยเฉพาะการสร้างพระสมเด็จคำข้าว เป็นวิชาการที่ไม่มีในตำรา ตั้งแต่สมัยหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดระฆังโฆสิตาราม ก็คือ ฉันอาหารคำไหนอร่อย ก็คายออกเก็บไว้ เป็นการห้ามตนเองไม่ให้ติดรสอาหารอย่างหนึ่ง เมื่อถึงเวลาก็ไปตากแห้ง ทำเป็นผงสร้างพระ สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็ทำลักษณะเดียวกัน

แต่มาสมัยของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น รุ่นแรกท่านก็ใช้วิธีเสกข้าวจากคำข้าวที่อร่อยเหมือนกัน แต่พอมาถึงรุ่นที่ ๒ พระท่านให้ใช้วิธีลัด ตักข้าวใส่ถ้วย โดยเฉพาะต้องเป็นข้าวปากหม้อ แล้วก็เอาไปเสก

เถรี 05-06-2022 22:41

คราวนี้ที่ท่านบอกว่า "ถ้าแกถามว่าสร้างอย่างไร ? ข้าก็บอกไม่ถูก" ก็เพราะว่าในแต่ละวัน เมื่อตักข้าวมาจะเสก พระท่านก็มากำกับเองว่าวันนี้ใช้คาถาบทไหน บางทีก็บทเดียวกัน ๗ วันรวด บางทีวันนี้บทหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกบทหนึ่ง มะรืนอีกบทหนึ่ง เปลี่ยนไปเรื่อย ท่านถึงได้บอกว่า ไม่สามารถที่จะบอกได้

พวกกระผม/อาตมภาพก็ยังกราบเรียนหลวงพ่อว่า "ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ หลวงพ่อสร้างเอาไว้เยอะ ๆ ถึงเวลาสิ้นหลวงพ่อแล้ว พวกผมก็ขุดกรุมาขาย..!" แต่ปรากฏว่าหลังสิ้นหลวงพ่อแล้ว ของขึ้นราคา คนแย่งกันซื้อ แย่งกันบูชา กระผมที่มีอยู่เป็นพัน ๆ องค์ก็ไม่เหลือสักองค์..!

เพราะว่าสมัยนั้น
กระผม/อาตมภาพออกกิจนิมนต์ได้เงินมา ก็เก็บเอาไว้ร่วมบุญกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน ใครทำบุญ ๑๐ บาทก็ได้พระองค์หนึ่ง กระผม/อาตมภาพทำบุญแต่ละครั้งก็ได้เป็นร้อยองค์ จนกระทั่งพระพี่พระน้องก็ยังบ่นว่า "จะเก็บไปทำอะไรหนักหนา ของมีตั้งเยอะตั้งแยะ บ้าหรือเปล่า ?"

เจตนาแรกเลยก็คือ ได้ช่วยแบ่งเบาภาระการก่อสร้างให้กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เจตนาที่สองก็คือ เมื่อได้วัตถุมงคลมาก็เก็บเอาไว้ เผื่อที่จะต้องใช้งานในโอกาสข้างหน้า

กระผม/อาตมภาพอาจจะเป็นคนที่รู้มาก รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในวัดท่าซุงตลอดไป ออกจากวัดเมื่อไร ถ้าไปแบบมือเปล่า ไม่มีข้าวของอะไรติดไปเลย ถ้าต้องไปก่อสร้างที่อื่น ก็คงจะไม่มีปัญญาหาเงิน ตั้งใจว่าถ้ามีวัตถุมงคลครูบาอาจารย์อยู่ ก็จะได้จำหน่าย หาเงินสร้างวัดได้ แต่พอสิ้นหลวงพ่อลงไป วัตถุมงคลขึ้นราคาจากองค์ละ ๑๐ บาทเป็น ๑๐๐ บาท ไอ้พวกที่ว่า
กระผม/อาตมภาพบ้าหรือเปล่านั่นแหละ มากวาดไปเรียบเลย ให้องค์ละ ๑๐ บาท น่าตายมาก..!

ทุกวันนี้ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงบางคนมีเป็นหมื่นองค์ แล้วเป็นคนที่กระผม/อาตมภาพรู้จักมักคุ้นด้วย ถึงขนาดว่าถ้าออกปากก็ขอแบ่งกันได้ แต่ก็เกรงใจเขา เพราะว่าเขาบูชามาในช่วงองค์ละ ๑,๖๐๐ บาท ลองนึกดูว่าองค์ละ ๑,๖๐๐ บาท แล้วบูชาเป็นหมื่นองค์ คิดเป็นเงินเท่าไร ?

เถรี 05-06-2022 22:47

ดังนั้น...ถ้าหากว่าเป็นการจัดภาวนาพระคาถาเงินล้านครั้งหน้า ก็น่าจะเป็นช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ถ้ากระผม/อาตมภาพลืม ก็อย่าลืมเตือนด้วย ก็คือต้องใช้ข้าวปากหม้อมาเข้าพิธีด้วย แปลว่าหุงเสร็จแล้วต้องตักออกมาเลย งานต่อ ๆ ไปก็แล้วแต่ท่านว่าจะสั่งอีกเมื่อไร

แต่ว่าหลังจากเข้าพิธีเสร็จแล้ว ก็คงจะต้องตากแห้ง ซึ่งระยะหลังสบายหน่อย เพราะว่าแม้กระทั่งช่วงที่หลวงพ่อท่านสร้างพระคำข้าวรุ่นที่ ๒ ครูนนทากับครูยุ้ย ก็ยังใช้วิธีเอาข้าวปลาอาหารไปอบในเตาไมโครเวฟ แห้งกรอบดีแท้ แห้งจนไหม้เลยก็มี เพราะว่าเผลอตั้งเวลานานไปหน่อย ของเราเองก็คงไม่มีปัญหา แม้เป็นหน้าฝนก็ใช้ไมโครเวฟอบแห้งได้

สำหรับรูปแบบ ก็ตั้งใจว่าจะสร้างสัก ๓ ขนาด ก็คือขนาดมาตรฐานของครูบาอาจารย์ แต่คราวนี้ครูบาอาจารย์มี ๓ ขนาดมาตรฐาน ก็เลยว่าจะว่าตามทั้ง ๓ องค์ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำเมื่อไร แต่พระท่านสั่งให้ทำผงแล้ว

เรื่องพวกนี้ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เกรงใจต้นสังกัด แต่ขณะเดียวกันคำสั่งพระ คำสั่งครูบาอาจารย์ก็เป็นสิ่งที่ฝืนไม่ได้ ขนาดเบี่ยงเบนไป จนกระทั่งมาสร้างพระยอดขุนพลกาญจนบุรี ก็นึกว่าจะพ้นแล้ว ยังคงไม่พ้น ท่านตามมาสั่งเพิ่มจนได้ ก็คงจะทำตามที่พระองค์ท่านได้บอก ได้กล่าว ได้สั่งเอาไว้ ส่วนที่ว่าจะต้องเสกด้วยอะไรนั้น คงไม่ต้องไปเสียเวลาคิด เพราะถึงเวลาท่านก็จะมาบอกด้วยพระองค์เอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:10


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว