กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=105)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7719)

ตัวเล็ก 18-06-2021 20:30

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔



เถรี 18-06-2021 22:51

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตอนนี้นับว่าพระเณรของเราได้รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ กันครบถ้วนแล้ว ก็ต้องขอบพระคุณท่านโจ้ (พระปฏิวัติ ฐิตเมโธ) และเจริญพรขอบคุณคณะบุญเพื่อพระนิพพาน ที่ช่วยดำเนินการตรงนี้จนเสร็จเรียบร้อย หลังจากนี้ก็รอการรับวัคซีนเข็มที่ ๒ กันต่อไป

แต่คราวนี้อยากจะแจ้งให้กับญาติโยมที่อยู่ทางสงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ถ้าหากว่าฟังรายการนี้อยู่ ให้รีบขวนขวายฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าพวกท่านอยู่ในรอยต่อของการแพร่ระบาด ทั้งจากทางด้านบนลงไป และจากทางด้านมาเลเซียขึ้นมา มีโอกาสที่จะติดเชื้อกันสูงมาก..!

ถ้าหากว่าใครมีใบนัดแล้ว ก็ไปฉีดตามที่หมอนัดเอาไว้ ใครที่ยังไม่มี ให้รีบสมัครหมอพร้อม หรือไม่ก็แจ้งแก่ อสม.หรือโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุด สอบถามว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ถึงจะได้รับวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ แล้วก็ทำตามที่ทาง อสม.หรือว่าแพทย์พยาบาลแนะนำมา

เพราะว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของปักษ์ใต้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ยิ่งท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศจะเปิดประเทศในช่วง ๑๒๐ วัน ก็ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะว่าบุคคลที่รับวัคซีนครบ ๒ เข็มแล้วยังติดเชื้อได้ มีตัวอย่างให้เห็น
กันมากมายที่ต่างประเทศ

อย่างสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ก็ประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ถ้าเจอการระบาดอีกสักครั้งหนึ่ง ก็ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี เพราะว่าคนของสหรัฐอเมริกานั้น ถือสิทธิส่วนบุคคลมากจนเกินไป ไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้าหากว่าเป็นคำสั่งจากทางฝ่ายปกครองให้ทำโน่นทำนี่ เขาถือว่ามาบังคับกัน เขาไม่ยอมรับ เรื่องนี้ทำให้สหรัฐอเมริกามีคนตายจากเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ถึง ๖๐๐,๐๐๐ กว่ารายเข้าไปแล้ว..!

เถรี 18-06-2021 22:53

ดังนั้น..ในส่วนนี้นอกจากญาติโยมที่อยู่ ๕ จังหวัดปักษ์ใต้ที่อาตมภาพกล่าวถึงมา ญาติโยมที่อยู่ต่างประเทศก็ต้องระมัดระวังให้หนัก ถึงรับวัคซีนไปแล้ว ก็ต้องเว้นระยะ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ต่อไปอีกอย่างน้อย ๒ ปี และโดยเฉพาะถ้าหากว่ารับวัคซีนถึง ๖ เดือนไปแล้ว ก็ควรที่จะไปฉีดรอบใหม่ ก็แปลว่าอย่างน้อย ๆ ท่านต้องรับวัคซีนสัก ๔ ครั้ง

เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ แม้ว่าจะเกิดจากกรรมเก่า แต่บางอย่าง
ถ้าไม่ประมาท เราก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบา และผ่อนเบาให้เป็นหายได้ คราวนี้ความไม่ประมาทนั้นต้องอาศัยสติ สมาธิ และปัญญาเป็นอย่างสูง เผลอสติเมื่อไรเราก็จะเผลอตัว อย่างเช่นว่า ลืมใส่หน้ากาก ลืมล้างมือ หรือว่าเผลอเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด เป็นต้น

น่าเสียดายที่บ้านเรา ซึ่งก่อนหน้านี้มีวัฒนธรรมที่เด็กอ่อนน้อมถ่อมตนและเชื่อฟังผู้ใหญ่ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศของเราได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ ได้รับการศึกษามามาก โดยเฉพาะการศึกษาแบบฝรั่ง ทำให้ตั้งคำถามกับทุกเรื่อง ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้ว ถือว่าท่านหาสิ่งที่มาขวางการปฏิบัติของตนเอง ก็คือ มีวิจิกิจฉา ลังเลสงสัยไปทุกเรื่อง กำลังใจไม่ได้มุ่งมั่นต่อสิ่งที่ตนเองทำ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงมีน้อยมาก

เถรี 18-06-2021 22:55

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะเห็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปีของเราว่า

พันปีแรก จะมากไปด้วยพระที่ทรงปฏิสัมภิทาญาณ

พันปีที่สอง มากด้วยพระที่ทรงอภิญญา ๖

พันปีที่สาม ช่วงที่เราอยู่ มากด้วยพระที่ทรงวิชชา ๓

พันปีที่สี่ จะมากด้วยพระสุกขวิปัสสโก

พันปีที่ห้า จะมากด้วยพระอนาคามี

เราจะเห็นถึงความถดถอย เพราะว่าสัญญาและปัญญาของคนเราทรามลงจากการที่ตั้งข้อสงสัยกับทุกสิ่งทุกอย่าง เนื่องจากว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราสงสัยเมื่อไรเท่ากับเราสร้างอุปสรรคมาขวางตนเอง

เราจะเห็นว่าโบราณาจารย์ บางทีบัญญัติพระคาถาบางบทขึ้นมา ฟังไม่ได้ศัพท์เลย บางทีก็เป็นถ้อยคำที่หยาบ ๆ คาย ๆ ค่อนไปทางลามกเสียด้วยซ้ำไป แต่ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติแล้วได้ผลที่ชัดเจนมาก พอมาถึงสมัยนี้แล้ว หาคนที่ปฏิบัติแล้วประสบความสำเร็จอย่างนั้นได้น้อย ก็เพราะว่าคนรุ่นหลังส่วนใหญ่แล้วไปตั้งข้อสงสัย ขาดศรัทธาอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะศาสนาพุทธของเรา ถ้าขาดตถาคตโพธิสัทธา คือความศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจว่าพระองค์ท่านรู้จริงรู้รอบในทุกเรื่อง เราก็จะลังเลสงสัย ในเมื่อลังเลสงสัย โอกาสที่ปฏิบัติแล้วได้มรรคได้ผลก็น้อย บุคคลสมัยนี้จึงไม่สามารถที่จะใช้พระคาถาให้เกิดผลอย่างแท้จริง ไม่สามารถที่จะใช้วัตถุมงคลให้เกิดผลอย่างแท้จริง เพราะว่าสงสัย แล้วทำให้ขาดศรัทธา ศาสนาทุกศาสนาต้องเริ่มต้นด้วยศรัทธาทั้งนั้น ถ้าไม่ศรัทธาคนก็จะไม่เข้าหาศาสนานั้น ๆ

เถรี 18-06-2021 22:57

ดังนั้น..ตรงจุดนี้เมื่อเราทราบแล้วว่าจุดบกพร่องของเราอยู่ตรงไหน ก็ต้องพยายามแก้ไข การมีปัญญารู้จักสงสัยเป็นเรื่องดี แต่ต้องควบคุมให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม ก็คือก่อนปฏิบัติธรรมจะลังเลสงสัยเท่าไรก็ได้ แต่ตอนที่ท่านปฏิบัติธรรมต้องลืมให้หมด แล้วตั้งหน้าตั้งตาภาวนาเท่านั้น

และยังมีอีกหลายท่าน ที่ต้องบอกว่าปัญญาน้อยเกินหรือปัญญามากเกินไปก็ไม่ทราบ อย่างเช่นสงสัยว่า ในเมื่อหลวงพ่อสอนว่าไม่ให้ยึดลมหายใจเข้าออก แต่พอตนเองปฏิบัติไประยะหนึ่ง กำลังใจกลับเกาะติดอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ยอมปล่อย แล้วอย่างนี้ทำอย่างไรถึงจะก้าวหน้าได้ ?

ตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นพวกฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด...! เพราะว่าการปฏิบัติตั้งแต่แรกเริ่มก็คือ เราต้องพยายามอยู่กับลมหายใจเข้าออก จนกำลังใจแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจเข้าออก คือเกาะติดชนิดไม่ยอมปล่อย

แต่ในส่วนที่ไม่ให้สนใจลมหายใจเข้าออกก็คือ เมื่อกำลังใจเริ่มเข้าสู่ภาวะของทุติยฌาน เป็นอัปปนาสมาธิขั้นที่ ๒ ลมหายใจจะเบาลงบ้าง หายไปบ้าง คำภาวนาจะหายไปบ้าง เราค่อยปล่อยวาง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับลมหายใจ แค่รับรู้เฉย ๆ ว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างนั้น ไม่ดิ้นรนเพื่อให้เข้าถึงอาการอย่างนั้น และไม่พยายามกลับมาหายใจใหม่ ก็คือไม่ต้องไปใส่ใจกับลมหายใจแล้ว

เถรี 18-06-2021 23:00

ท่านที่จับแพะชนแกะ แล้วแถมยังชนผิดด้วย ก็คือข้ามขั้นตอนไป แทนที่จะเริ่ม ก.ไก่ ข.ไข่ ก็ไป บวก ลบ คูณ หาร กันเลย แล้วก็สงสัยว่า ทำไมเราจะ บวก ลบ คูณ หาร แล้วต้องเขียนเลข ๑ ถึง ๐ ได้ครบถ้วนก่อน ? ทำไมเราต้องศึกษาว่าเลขแต่ละตัวมีผลต่างกันอย่างไร ? ทำไมเราต้องเข้าใจว่าการบวกคือการเพิ่มขึ้น การลบคือการลดลง การคูณก็คือการเพิ่มขึ้นแบบทวีจำนวน การหารก็คือการแบ่งส่วนที่เท่า ๆ กัน ? ก็เพราะว่าท่านตีความเกินจากสิ่งที่ตนเองทำอยู่ในปัจจุบันไปมาก

ดังนั้น..ครูบาอาจารย์ท่านถึงสอนเราอย่างชัดเจนว่า เรื่องของตำรายึดมากไปก็ไม่ดี ไม่ยึดเลยก็อาจจะเกิดผลเสีย พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า กัลยาณมิตรเป็นเกือบทั้งหมดของการปฏิบัติธรรม คำว่ากัลยาณมิตรในที่นี้ พระองค์ท่านหมายถึงครูบาอาจารย์ หรือบุคคลที่มีความเข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง อาจจะอธิบายให้เราเข้าใจอย่างชัดเจนได้

ดังนั้น..ในวันนี้ที่เรียนถวายต่อพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยม ทั้งในที่นี้และที่ฟังอยู่ทางบ้าน ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คือ อย่าได้ประมาทต่อเชื้อโรคร้ายที่คิดว่าเราจะชนะได้ ไม่มีอะไรสามารถชนะแรงกรรมได้ โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากกรรมเก่าที่เราทำไว้ ถ้าทรงความไม่ประมาท ก็สามารถที่จะผ่อนหนักเป็นเบา ทำเบาให้เป็นหาย

และขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเชื่อฟังข้อแนะนำของทางแพทย์พยาบาล หรือถ้าในประเทศไทยก็อย่างเช่น ศบค. ก็จะทำให้ท่านสามารถที่จะเอาตัวรอดจากเชื้อไวรัสนี้ไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าไม่เชื่อฟัง ตั้งข้อสงสัย ไม่ปฏิบัติตาม อย่าว่าแต่เอาตัวรอดจากเชื้อโรคเลย แม้แต่การปฏิบัติธรรมของท่านก็เอาตัวไม่รอดด้วย..!

จึงขอเรียนถวายทุกท่าน และเจริญพรให้แก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:36


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว