กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4240)

เถรี 12-11-2014 16:27

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗
 
ถาม : ในกรณีที่กระผมไม่นิยมสวมแหวน กระผมสามารถที่จะถอดเฉพาะเพชรของแหวนจักรพรรดิ โดยนำไปบรรจุและอัดกรอบพร้อมกับตะกรุดกำลังพระแม่ธรณี ซึ่งจะรวมกันอยู่ภายในกรอบเดียวกัน เหมือนลักษณะการเลี่ยมพระพุทธปฏิมาลอยองค์ได้หรือไม่ ? และถือเป็นการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อวัตถุมงคล และจิตทิพย์กายทิพย์ผู้ดูแลรักษาวัตถุมงคลทั้งสองหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ดูที่วัสดุ ถ้าสมมติว่าของเก่าเป็นเรือนทองคำหรือทองคำขาว แต่เราถอดไปใส่หลอดพลาสติกนี่ไม่สมควรแน่นอน เพราะฉะนั้น..ดูที่วัสดุก็แล้วกัน

ถาม : หากท่านชี้แนะว่าสามารถกระทำได้ กระผมขอคำชี้แนะจากท่านว่า กระผมควรสั่งให้ช่างจัดวางตำแหน่งของวัตถุมงคลทั้งสองอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด ? และเพราะสาเหตุใดครับ ?
ตอบ : ไม่สามารถที่จะชี้แนะได้ เพราะเพชรไม่สามารถที่จะบรรจุไปในตะกรุดแม่ธรณีได้อยู่แล้ว ตะกรุดนิดเดียวจะไปบรรจุอะไรได้ ?

ถาม : แล้วถ้าเขาเลี่ยมรวมกันควรจะไว้ด้านล่างหรือบนของตะกรุดคะ ?
ตอบ : แล้วแต่ชอบใจ

ถาม : ไม่ปรามาสใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ากลัวเรื่องปรามาส ควรจะกลัวตั้งแต่คิดทำแล้ว

เถรี 12-11-2014 16:33

ถาม : อานิสงส์การถวายพระพุทธรูปกับพระบรมสารีริกธาตุต่างกันหรือไม่ครับ ? เช่น การถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๑ องค์มีอานิสงส์เทียบเท่ากับการถวายพระพุทธรูป ๑ องค์หรือไม่ครับ ? ถ้าไม่เท่ากัน กราบขอเมตตาพระอาจารย์สงเคราะห์ บอกอานิสงส์การถวายพระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุด้วยครับ ?
ตอบ : การถวายพระพุทธรูปเราได้อานิสงส์พุทธบูชา ถ้าหากว่าเกิดเป็นพรหมหรือเทวดาก็มีรัศมีกายสว่างมากกว่าผู้อื่น แต่การถวายพระบรมสารีริกธาตุยังไม่เคยมีตัวอย่างปรากฏมาก่อน ถ้าเราถือในลักษณะของการถวายเป็นพุทธบูชาควรที่จะทำให้สมพระเกียรติที่สุด

สมัยก่อนเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุ เป็นวัตถุที่หายากมาก ๆ เราจะเห็นว่าบางที่บางแห่ง มีพระบรมสารีริกธาตุ ๑ องค์บ้าง ๒ องค์บ้าง หรือ ๓ องค์บ้าง แต่ว่ามีการสร้างเจดีย์ใหญ่โตมหึมาเพื่อบรรจุ แล้วมีการสละทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทอง บรรจุลงไปจนนับไม่ถ้วน อย่างกรุวัดราชบูรณะที่อยุธยา เฉพาะพลอยดิบอย่างเดียวเขาบอกว่าหลายสิบกระสอบ ฉะนั้น..ถ้าคิดจะเอาอานิสงส์ตรงนี้โปรดทราบว่า ทำให้สมกับพระเกียรติยศขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะเจอการปรามาสพระรัตนตรัยไป อย่างเช่นว่าใส่ซองพลาสติกแล้วไปไล่ยื่นแจกให้คนอื่นเขา
..!

ถาม : ที่ถูกต้องคือควรอัญเชิญใส่ผอบไปใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้ดีกว่านั้นก็ยิ่งดี

ถาม : แล้วการที่เราบรรจุพระบรมสารีริกธาตุตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น พระเจดีย์ ญาติโยมที่นำวัตถุมีค่า เช่น เพชรพลอยหรือทองคำไปร่วมถวาย จะได้อานิสงส์อะไรเจ้าคะ ?
ตอบ : ก็อานิสงส์พุทธบูชาเช่นกัน แต่ว่าควรจะบรรจุให้ถูกพิธีกรรมและรูปแบบด้วย อย่างเช่นว่า ชั้นแรกควรจะปูด้วยผ้าขาวแล้วก็พรมน้ำหอมทับลงไป ชั้นที่สองปูด้วยผ้าขาวพรมน้ำหอมทับลงไป ไล่ขึ้นมาจนถึงชั้น ๔ ก็ใส่แก้วแหวนเงินทอง ปูผ้าขาวชั้นที่ ๕ แล้วก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หลังจากนั้นก็คลุมด้วยผ้าขาวอีกชั้นหนึ่ง ใส่แก้วแหวนเงินทอง แล้วที่เหลือก็เป็นการพรมน้ำหอมหรือลงเครื่องบูชาสลับกับผ้าขาวไปจนกว่าจะครบ ๙ ชั้น รู้สึกว่าจะเหลือคนรู้ตำราน้อยมากแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยทำตัวอย่างให้ดู แต่ก็ไม่ค่อยมีใครจำ

อาตมาไปบรรจุให้ถูกต้องตามแบบแผนอย่างนี้ครั้งหนึ่ง ที่วัดหนองบัว ประเทศพม่า ตอนนั้นญาติโยมทางกรุงเทพฯ ถวายทองคำไปจำนวนมาก ประมาณครึ่งย่ามเห็นจะได้ แล้วก็ยังมีเพชรพลอยอีกราว ๆ เกือบขันหนึ่ง เพราะว่าทางพม่าเพชรพลอยเขาหาง่าย บรรดาพระผู้ใหญ่ได้ถวายเป็นพุทธบูชากันคนละกำสองกำ..ปีติสนุกสนานกันใหญ่

เถรี 12-11-2014 16:41

ถาม : ทรัพย์ที่ขุดในดิน ต้องอาบัติปาราชิกใช่หรือไม่ ? ในพระวินัยถือว่าเป็นการลักขโมยหรือไม่ ? เพราะว่าอยู่ในดิน (ในวัด)
ตอบ : ถ้าอยู่ในวัดของตัวเอง ควรจะให้เจ้าของอนุญาตก่อน ถ้าถามว่าเจ้าของคือใคร ? ทรัพย์ทุกแห่งมีผู้เฝ้าอยู่ โดยเฉพาะลูกศิษย์ของท้าวมหาราช ถ้าเจ้าของไม่อนุญาตแล้วเราไปแตะเข้า เขาจะปรับอาบัติปาราชิกเอาง่าย ๆ อย่าไปคิดว่าเราเป็นเจ้าอาวาส มีอำนาจตามกฎหมาย ตาม พรบ.คณะสงฆ์ นั่นเป็นเรื่องของทางโลก เรื่องของทางธรรมเขามีผู้ที่เฝ้าอยู่ เขาไม่ให้แล้วเราขืนไปเอา ถ้าเขาไม่ลงไม้ลงมือกับเราจนอานไปเลย เราก็โดนอาบัติปาราชิกแน่ ๆ

ถาม : สรุปคือถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ควรไปแตะ ?
ตอบ : ถึงรู้ก็ไม่ควรไปแตะ..!

เถรี 12-11-2014 16:42

ถาม : ถ้าพระสงฆ์จะมีสบงและอังสะอีก ชุดนอกเหนือไปจากไตรจีวร เพื่อไว้สำหรับทำงาน อย่างกวาดลานวัด ถูพื้น ขัดห้องน้ำ สามารถอธิษฐานเป็นบริขารโจลได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่สมควรเพราะเป็นผ้าชิ้นใหญ่ ควรจะวิกัปเป็น ๒ เจ้าของมากกว่า บริขารโจลต้องประเภทชิ้นเล็ก ๆ อย่างเช่นว่า ผ้าปิดแผล ผ้าเช็ดหน้า อย่างนี้เป็นต้น

เถรี 12-11-2014 16:44

ถาม : ศีล ๕ และศีล ๘ เราอธิษฐานเอาเองได้ ไม่ต้องสมาทานกับพระ ส่วนศีล ๑๐ คือศีลของสามเณร เราอธิษฐานเอาเองได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นฆราวาสสามารถทำได้ ในพระไตรปิฎกก็มีตัวอย่างอุบาสกที่รักษาศีล ๑๐ แต่ถ้าเป็นสามเณรต้องรับศีล ๑๐ จากปัพพัชชาจารย์ถึงจะเป็นเณรได้ เพราะว่าพิธีกรรมในการบรรพชามีต่างหากไป ไม่ใช่แบบคนทั่วไปอย่างอุบาสกอุบาสิกา

เถรี 12-11-2014 16:45

ถาม : หนูมีความตั้งใจว่า อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นพระโสดาบันในชาตินี้ให้จงได้ จึงอยากเรียนถามว่า บิดาหนูได้เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว ถ้าภายในชาตินี้หนูได้เป็นพระโสดาบันขึ้นมาจริง ๆ ไม่ว่าบิดาหนูจะอยู่ในภพภูมิไหน ท่านจะได้ผลจากอานิสงส์นี้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ควรจะห่วงตัวเองมากว่า ดันไปห่วงคนตาย..! ถ้าหากว่าตั้งใจอุทิศไปแล้วท่านอยู่ในเขตที่โมทนาได้ ย่อมได้อานิสงส์นั้นอยู่แล้ว ถ้าอยู่ในเขตที่โมทนาไม่ได้ก็ต้องรอ พ้นออกมาเมื่อไรถึงค่อยได้รับ

เถรี 12-11-2014 16:46

ถาม : ตอนเปิดร้านใหม่ ได้เปิดในวันที่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์บอกว่าเป็นวันที่ไม่ค่อยดี ถ้าต้องการแก้ไขโดยการทำบุญบ้าน โดยเลือกเอาวันที่ดีมาก อย่างวันอมฤตโชคเป็นวันทำบุญบ้าน ไม่ทราบว่าผลนั้นจะเป็นอย่างไรครับ ? ดวงชะตาเจ้าของร้านจะดีขึ้นมาตามผลของการทำบุญบ้านใหม่ในวันอมฤตโชคหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้ายังกังวลกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ แก้ไขอย่างไรไปก็เท่านั้น เพราะเดี๋ยวใครพูดมาให้รู้สึกไม่ดีก็ไปกังวลอีก วิธีที่ดีที่สุดก็คือปิดป้ายว่า “เจ๊งแล้วจ้า” แล้วก็ปิดร้านไปสัก ๑๐ วันหรือครึ่งเดือน หลังจากนั้นค่อยหาฤกษ์ดีเปิดร้านใหม่ ทำบุญเลี้ยงพระในลักษณะการขึ้นบ้านใหม่

เถรี 12-11-2014 16:48

ถาม : เมื่อก่อนปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อ ผมพอทำได้กับเขาอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าแย่ลงกว่าเดิมมากครับ ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ กำลังใจในการปฏิบัติหายไปไหน มารู้ตัวอีกทีตอนศีลข้อ ๕ ขาดแล้วกู่ไม่กลับ ตอนนี้กำลังพยายามคลานเข้าขอบเขตความดีกับเขาอยู่ครับ แต่ยังอายตัวเอง อายที่แค่ศีลข้อเดียวก็รักษาไม่ได้ อายที่ดีแต่ปาก อายที่ได้สมาธินิด ๆ หน่อย ๆ ก็หลงตัวเอง อายจนแม้แต่อาจารย์ของตัวเองยังไม่กล้าไปเยี่ยมท่าน เหมือนตัวเองเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล ทรมานมากครับ ผมอยากขอหนทางแก้ไข และแนวปฏิบัติครับ ?
ตอบ : ขายส้มตำหรือเปล่า ? ถ้าไม่ได้ขายส้มตำก็ไม่ใช่คนมือถือสากหรอก..! เรื่องของการผิดศีลเป็นเรื่องปกติ ปุถุชนที่สติยังไม่สมบูรณ์ โอกาสที่จะผิดพลาดต้องเรียกว่ามี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่คราวนี้อย่าเศร้าหมองอยู่กับความผิดพลาดนั้นนาน ถ้ารู้ตัวเมื่อไรให้ตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาประคับประคองรักษาของเราต่อไป

อาตมาเคยบอกว่า ถ้ากำลังใจเสียควรจะรีบไปหาพระ หาครูบาอาจารย์ เพื่อที่ท่านจะได้ช่วยประคับประคองให้ ไม่ใช่ว่าอับอายขายหน้า รอจนรักษากำลังใจดีได้ค่อยมา ตอนดีแล้วมาทำไม ? ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย พระท่านไม่ได้ดูว่าเราชั่วอย่างไร แต่ว่าพระจริง ๆ ท่านดูว่า จะช่วยให้เราพ้นจากความชั่วได้อย่างไร

เถรี 12-11-2014 16:50

ถาม : กำลังคิดว่าจะฝากลูกเข้าโรงเรียนเพื่อเรียน ป.๑ ค่ะ โรงเรียนนี้มีคนอยากเข้ามาก ถ้าเราใช้เส้นเพื่อฝากลูกเข้าเรียน ทำให้คนอื่นเสียประโยชน์หรือไม่คะ ? จะมีวิบากกรรมอะไรหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าคนอื่นใช้เส้นทำให้เราเสียประโยชน์หรือไม่ ? ก็คำตอบเดียวกันนั่นแหละ ฉะนั้น..ถ้าจะให้ลูกเข้าเรียนก็อย่าคิดเรื่องอื่น รีบ ๆ ยัดเข้าไปเถอะ..!

เถรี 12-11-2014 16:52

ถาม : ถ้าเราสร้างพระเครื่องเพื่อเก็บไว้บูชาเอง พอดีว่าง ๆ ครับ เลยเอาอิฐแดงมาแกะเป็นรูปพระเครื่องหลายพิมพ์เลย แล้วเก็บไว้เอง ไม่มีจุดประสงค์เพื่อหลอกลวงใคร ว่าอันนี้ของเก่าหรือว่าเอาไปขายที่ไหน จะมีอานิสงส์เท่าการสร้างพระพุทธรูปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ได้อานิสงส์สร้างพระพุทธรูปเต็ม ๆ ขอโมทนาล่วงหน้า ขอบคุณที่บอก อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปต้องดูหลวงพ่อ ๒ องค์ คือหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน กับ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว เป็นพระที่อยู่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีทั้งคู่ แล้ววัดในปัจจุบันนี้ก็ไม่ห่างกัน สมัยก่อนอาจจะห่างกันนิดหนึ่ง เพราะการคมนาคมไปยาก ทั้งสองท่านนี้สร้างพระชนิดไม่ต้องนับกันเลย

หลวงพ่อโหน่งอยู่ในระดับครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เพราะว่าเป็นศิษย์รุ่นพี่ที่อาวุโสกว่ามาก แต่หลวงพ่อโหน่งสร้างพระแล้วทำไมไม่ดังเหมือนหลวงพ่อปาน ? เพราะว่าหลวงพ่อโหน่งสร้างมากชนิดที่คนไปขอแล้วท่านไม่ได้ให้ทีละองค์ ท่านให้ทีละลำเรือ..!


ถาม : แล้วของวัดท่าขนุนนี่จะสร้างเยอะไหมคะ ?
ตอบ : รุ่นที่สร้างมากที่สุดก็คือแสนกว่าองค์ หมดไปแล้ว ราคาเริ่มแพงแล้ว คือสมเด็จศรีอินทราทิตย์ ตั้งใจจะสร้างแค่ ๘๔,๐๐๐ องค์ ให้งบเขาไป ช่างเขาบอกว่างบเหลือก็สร้างไปเรื่อยตามงบ ปาเข้าไปแสนกว่าองค์

ถาม : แล้วมีวัตถุมงคลรุ่นไหนของวัดท่าขนุนที่กันรังสีได้บ้างไหมคะ ?
ตอบ : ยังไม่ได้คิดจะกัน เพราะปกติอาตมาไปหาหมอบ่อย ขืนกันรังสีเดี๋ยวเอ็กซเรย์หาโรคไม่เจอ..!

เถรี 13-11-2014 05:38

ถาม : ภรรยาผมเป็นสถาปนิก ถูกจ้างให้ออกแบบสถานเริงรมย์ ที่สามารถรองรับกิจอบายมุขทุกรูปแบบ อีกทั้งปฏิเสธและหลีกเลี่ยงการรับงานไม่ได้ทุกกรณี จึงขอเรียนถามว่า สถาปนิกผู้ออกแบบมีความผิดศีล ๕ โดยตรง และร้ายแรงเทียบเท่าผู้ว่าจ้างหรือไม่ประการใด ?
ตอบ : ความจริงไม่มีโทษเลย แต่ถ้าอยากมีโทษก็มีได้ คือพยายามคิดไว้ว่าเราสนับสนุนให้เขาชั่ว อยากออกแบบก็ออกแบบไปสิ เรามีหน้าที่ออกแบบ เราไม่ได้บอกว่าให้เขาเอาไปใช้ทำความชั่ว

เถรี 13-11-2014 05:39

ถาม : กระผมขอกราบเรียนถามข้อสงสัย ในกรณีของการบูรณะพระพุทธปฏิมา ด้วยการปิดทองคำเปลวแท้ ๑๐๐% กับทองคำเปลววิทยาศาสตร์นั้น ในผลแห่งอานิสงส์จะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? หากการวางกำลังใจนั้นเสมอกัน คือการบูรณะและปิดทองคำเปลวเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาครับ ?
ตอบ : ปิดทองแท้ได้เบญจกัลยาณี ปิดทองวิทยาศาสตร์สวยด้วยยันฮี..! งามเหมือนกันนั่นแหละ สมัยนี้ขนาดผู้ชายยังสวยจนน่ากลัวเลย..!

ถาม : แล้วกรณีเจ้าภาพบอกบุญว่าจะปิดทองพระพุทธปฏิมากร แต่ไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นทองแท้หรือทองวิทยาศาสตร์ อานิสงส์ของผู้ร่วมบุญจะได้สมบูรณ์ไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ความตั้งใจของเขา ถ้าเขาเข้าใจว่าปิดทองคำแท้เขาก็ได้อานิสงส์ของทองคำแท้ ถ้าเขาเข้าใจว่าปิดด้วยทองวิทยาศาสตร์ก็ได้อานิสงส์แบบยันฮี

ถาม : แล้วกรณีสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ที่บอกว่า ถ้าจะได้อานิสงส์ร่วมกันต้องปิดทอง จะเป็นทองวิทยาศาสตร์จะได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าจะชำระหนี้สงฆ์ บังคับว่าต้องเป็นทองคำแท้เท่านั้น

เถรี 13-11-2014 05:40

ถาม : ผมเห็นลูกค้าผมมีอาการสั่นหัว ตัวแกว่งเป็นประจำ ขณะนั่งสมาธิหรือเวลาที่ทำงานที่เขาตั้งใจ จะสั่นเป็นประจำ เป็นแบบนี้มาสิบปีได้แล้ว อายคนอื่น เลยไม่กล้าที่จะไปฝึกกรรมฐานแบบหมู่คณะ กลัวคนอื่นจะมองตัวเขาเองไม่ดี ตัวเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เวลาไปในสถานที่อื่น ๆ เช่น เรียนหนังสือ ตัวเขาเองก็โดนอาจารย์ต่อว่า ว่ารบกวนเวลาสอน เวลาไปประชุมงานก็สั่น อายคู่ค้ามาก จะแก้ไขอาการสั่นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ปล่อยให้สั่นเต็มที่ไปเลยแล้วจะหาย ถ้ามัวแต่อายแล้วไปรั้งเอาไว้ ถึงเวลาจิตเริ่มเป็นสมาธิก็จะสั่นอีก อย่างเช่นว่าตั้งใจฟังครู จิตเริ่มเป็นสมาธิก็สั่น ตั้งใจฟังการประชุมจิตเริ่มเป็นสมาธิก็สั่น ถ้าอยากหายต้องปล่อยให้เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องอายใคร ขึ้นเต็มที่แล้วจะหายไปเอง

เถรี 13-11-2014 05:42

ถาม : ตามที่เพิ่งได้กราบฟังเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงมา หลวงพ่อว่าบุคคลประเภทเนยยะนั้น ไม่สามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยะได้ เข้าถึงได้เพียงไตรสรณคมน์ จึงขอกราบเรียนถามว่าบุคคล ๔ ประเภท คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ และปทปรมะนั้น เป็นการแบ่งตามกรรมที่ทำมา คือ เป็นประเภทนั้น ๆ ตั้งแต่เกิดไปตลอดอายุขัย หรือเป็นตามกำลังใจของคนในขณะใดขณะหนึ่ง ? และคนสามารถพัฒนาปรับกำลังใจตนเองให้ไปสู่ประเภทที่สูงขึ้นไปได้หรือไม่ ?
ตอบ : จากประสบการณ์ของตนเองที่ผ่านมา การปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา จะช่วยพัฒนาระดับบารมีของเราให้สูงขึ้นได้เรื่อย ๆ แต่ว่าในจุดนี้ไม่ยืนยัน เพราะไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันหรือไม่

ให้คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทุกคนสามารถพัฒนาภูมิจิตภูมิธรรมของตนเองขึ้นไปได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ได้พบกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเว้นประเภทเดียวคือปทปรมะ เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้นฉลาดเกินไป จนไม่ยอมรับความเห็นของคนอื่น

เถรี 13-11-2014 05:43

ถาม : บุคคลประเภทเนยยะ หากไม่สามารถปรับขึ้นเป็นวิปจิตัญญู หรืออุคฆฏิตัญญูได้ในชาติปัจจุบัน หมายถึงว่า การจะเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน มีโอกาสเพียงขณะที่จะหมดลมหายใจเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าปรับไม่ได้ ตอนหมดลมหายใจก็หมดสิทธิ์เหมือนกัน ฉะนั้น..ขอให้มั่นใจก่อนว่าปรับได้ ต่อให้เขาบอกว่าไม่ได้ก็ต้องเอาให้ได้ เพราะว่าบุคคลที่หวังไปพระนิพพาน กำลังใจต้องเกินคน อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ต้องบ้าเกินคนอื่นหลายเท่า

เถรี 13-11-2014 05:45

ถาม : ตามที่ปฏิทินจันทรคติไทยปี ๒๕๕๗ ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป กำหนดวันขึ้น-แรม ไม่ถูกต้องตามที่เป็นอธิกวาร (กล่าวคือ ไม่เพิ่มวันแรม ๑๕ ค่ำอีก ๑ วัน ในเดือน ๗ ซึ่งเป็นเดือนขาด) หากจะปรับปฏิทินให้ถูกต้องในปีถัด ๆ ไป จะสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่าปฏิทินสากลที่เขาใช้กันทั่วไปในประเทศเขาปรับหรือเปล่า ? ถ้าเขาไม่ปรับเราก็ปรับตามเขาไปก็แล้วกัน

ถาม : หากบุคคลทั่วไปยอมรับปฏิทินที่ใช้กันผิดอยู่นี้ ต่อไปเรื่อย ๆ กันทั้งหมด ฤกษ์ยามต่าง ๆ จะปรับตามไปหรือไม่ หรือจะยิ่งกลับกลายเป็นผิดเพี้ยนขนานใหญ่ ?
ตอบ : ถ้านับตั้งแต่เริ่มมีปฏิทินมา ก็คงไม่มีใครมั่นใจว่าตัวเองคำนวณถูกแต่แรก ก็ถือว่าผิดมาเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน เราก็ใช้กันไปแบบผิด ๆ นี่แหละ สำคัญที่กำลังใจของเราเอง ถ้ามัวแต่คิดว่าไม่ถูก ๆ เป็นอันว่าไม่ต้องทำอะไรกันพอดี

ถาม : หากจะปรับปฏิทิน คล้ายการลบศักราช สามารถทำได้หรือไม่ ? อย่างไร ? และต้องกระทำการลบศักราชโดยผู้มีบารมี เช่น พระนางจามเทวีหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าประกาศขึ้นมาแล้วทั่วโลกต้องยอมรับ ก็ลองดูว่าใครจะยอมบ้าง ? ถ้าบารมีระดับนั้นก็ลบศักราชได้ ปัจจุบันนี้แม้แต่พุทธศักราชก็ยังนับไม่ตรงกัน อย่างลังกากับพม่าตอนนี้เป็น พ.ศ.๒๕๕๘ ของเขานับศักราชตั้งแต่วันแรกที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน ของเรามานับศักราชตอนครบรอบ ๑ ปีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน แม้กระทั่งเถรวาทด้วยกันเรายังนับศักราชไม่ตรงกันเลย

แล้วก็ยังมีจุลศักราชที่เกิดจากพระเจ้าอนุรุทมหาราช หรือพระเจ้าอโนรธาของทางด้านพม่าเป็นผู้ลบมหาศักราชแล้วประกาศขึ้นมาใหม่ แล้วยังมีคริสตศักราช นับตั้งแต่วันเกิดของพระเยซูเป็นต้นมา แล้วมีฮิจเราะห์ศักราช นับตั้งแต่วันที่นบีมูฮัมหมัดรวบรวมอาณาจักรอิสลามเข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็แปลว่าต่างคนต่างนับอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..ปลง ๆ ไปเถอะ ไม่มีของใครถูกจริงสักอันหรอก


ถาม : ผู้ที่ทำการลบศักราชได้ เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเช่นไร ?
ตอบ : บอกไปแล้วว่า ถ้าประกาศไปแล้วทั่วโลกส่วนใหญ่ต้องยอมรับ

เถรี 13-11-2014 05:46

ถาม : การนั่งสมาธิในรถยนต์ที่จอดอยู่ประมาณ ๒-๔ นาทีต่อวัน ในช่วงเช้า โดยที่จิตสงบ เราจะได้บุญเพียงพอที่จะอุทิศให้ใครไหมคะ ?
ตอบ : โอ้พระเจ้า..มหาศาลเลย อานิสงส์แค่ช้างกระดิกหูหรือแค่งูแลบลิ้น ท่านบอกว่ายังเป็นปัจจัยให้เข้าสู่พระนิพพานได้ในอนาคต นั่นตั้ง ๒-๔ นาทีแถมยังใจสงบด้วย ต้องบอกว่าได้เยอะมาก ๆ ฉะนั้น..รีบอุทิศไปเถอะ

เถรี 13-11-2014 05:47

ถาม : ทำไมเวลาที่หนูมีเงิน หนูจะต้องถูกเบียดเบียนเป็นค่ารักษาพยาบาลของคุณแม่เกือบทั้งหมด ในขณะที่ลูกคนอื่น ๆ เขาไม่เคยสนใจ มีแต่จะขอเงินคุณแม่ไปใช้แล้วก็ไม่เคยคืน แต่พวกเขาก็มีความสุข มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันละเป็นล้าน มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี มีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นของตัวเอง ในขณะที่หนูมีแต่หนี้สินเยอะมาก และก็โดนเอาเปรียบจากนายและเพื่อนร่วมงานตลอด เป็นเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : กรรมเก่าที่เราทำมา แต่ชาตินี้เรามีบุญมหาศาล ที่ได้ทำในสิ่งที่ลูก ๆ คนอื่นไม่ได้ทำ ตอนนี้เราอาจจะคิดว่าลำบาก ทุกข์ยาก แต่ถ้าสิ้นคุณแม่ไปเมื่อไร เราจะเกิดความภูมิใจว่า ในส่วนที่ควรจะกตัญญูกตเวทิตาต่อพ่อแม่ เราได้ทำแล้ว ขณะที่ลูกคนอื่นไม่ได้ทำเลย

เถรี 13-11-2014 05:48

ถาม : ในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นนี้ ท่านว่าให้ถือศีลอย่างน้อยศีล ๕ ให้บริบูรณ์ แล้วการมีภรรยา ธรรมดาคนเราต้องมีอะไรกัน จะถือว่าผมทำไม่ถูกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เป็นประเภทแอบฉุดเขามา หรือว่าพาหนีมาก็ไม่เป็นไรหรอก แต่งงานแต่งการให้ถูกต้อง เพราะศีล ๕ ไม่ได้งดเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าห้ามไปผิดลูกผิดเมียเขาเท่านั้นเอง

ถาม : แล้วอย่างนี้จะขัดขวางการก้าวหน้าในการปฏิบัติของผมหรือเปล่าครับ?
ตอบ : ถ้ามีกำลังใจแค่นี้ก็ขวาง แต่ถ้าหน้าด้านหน่อยก็ไม่มีปัญหา..!

ถาม : จะเป็นการหมกมุ่นในกามตัณหาหรือเปล่าครับ?
ตอบ : ก็อย่าให้ถึงกับหัวไม่วางหางไม่เว้นสิวะ..! อย่างน้อย ๆ วันโกนให้ละวันพระให้เว้นไว้บ้าง

ถาม : จะเป็นการขัดต่อเรื่องการตัดนิวรณ์หรือเปล่าครับ?
ตอบ : ถ้าหากว่านับเป็นนิวรณ์ก็เป็น แต่อย่าลืมว่าบุคคลที่ได้อภิญญาโลกีย์ก็มีมากมาย เขาก็แค่งดเว้นในช่วงการปฏิบัติของเขาเท่านั้น เวลาอื่นก็ไม่ได้เว้น

เถรี 13-11-2014 05:50

ถาม : ครอบครัวระดับรากหญ้าหาเช้ากินค่ำ หัวหน้าครอบครัวมีรายได้ แต่สมาชิกในครอบครัวยังไม่สามารถหารายได้เองได้ ถ้าสมมติว่าทุกคนในครอบครัวนั้นร่วมทำบุญรวมแล้ว ๕๐ บาท คือหัวหน้าครอบครัวเป็นคนควักเงินคนเดียว เพราะคนอื่นยังหารายได้เองไม่ได้ แบบนี้ทุกคนในครอบครัวจะได้อานิสงส์เท่ากันหมดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : คำถามนี้น่าสงสัย เขาบอกว่าคนอื่นไม่มีรายได้ แต่ใช้คำว่าร่วมทำบุญ แล้วบอกว่าพ่อควักเงินทำคนเดียว ถ้าอย่างนั้นอานิสงส์จะเป็นของพ่อ คนอื่นได้โมทนาตาม ก็จะได้ในส่วนของปัตตานุโมทนามัยไป ไม่ได้หมายความต้องควักเงินแล้วถึงได้ คนอื่นควักร้อยหนึ่ง เรายกมือสาธุได้ตั้ง ๘๐ กำไรกว่าตั้งเยอะ

เถรี 14-11-2014 09:30

ถาม : กระผมขอกราบเรียนถามข้อสงสัยเกี่ยวกับพลอยเสาร์ห้าว่าเป็นวัตถุธาตุประเภทใด ? และมีพุทธานุภาพอย่างไรครับ ?
ตอบ : พลอยเสาร์ห้าไปเอามาจากไหนละ ? อยู่ ๆ ถามขึ้นมาเฉย ๆ แล้วจะรู้ไหม ?

ถาม : น่าจะเป็นที่พระอาจารย์เคยแจกสมัยอยู่บ้านอนุสาวรีย์หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็บอกให้ชัด นึกว่าเป็นพลอยชนิดใหม่ ถามว่าพลอยเป็นวัตถุธาตุอะไร ก็เป็นพลอยนั่นแหละ เข้าพิธีเสาร์ห้ามา ต้องการอะไรก็อธิษฐานเอา

ถาม : หากนำพลอยธรรมชาติ พลอยสังเคราะห์ หรือแม้แต่พลอยที่เข้าพิธีเสาร์ห้า มาประดับบนวัตถุมงคล เฉกเช่นการปิดทองคำเปลวถวายพระพุทธปฏิมาลอยองค์ อาทิ พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๒ และ สมเด็จพระคำข้าว ฯลฯ ในลักษณะที่เชื่อกันว่าจะเป็นการเร่งลาภผลนั้น สิ่งที่กระผมอยากทราบ คือ การประดับพลอยถวายนี้ มีจุดประสงค์หรือความเชื่อในด้านอานิสงส์อย่างไร ? และจะส่งผลถึงเทวานุภาพที่มากขึ้นของจิตทิพย์กายทิพย์ผู้ดูแลรักษาองค์พระพุทธปฏิมาด้วยหรือไม่? และอย่างไรครับ ?
ตอบ : คำถามนี้ก็เหลวไหลพอกัน เขาถามว่ามีความเชื่ออย่างไร ? แต่ตอนต้นบอกว่าเร่งลาภ ก็เท่ากับเชื่อว่าเร่งลาภได้ แต่ขอโทษ..ไม่มีอานิสงส์ตรงนี้ เราจะได้อานิสงส์พุทธบูชาแทน เพราะว่าวัตถุมงคลที่ทำมาให้ พระท่านสงเคราะห์แค่ไหนก็ได้แค่นั้นแหละ

เถรี 14-11-2014 09:31

ถาม : ห้องนอนอยู่ชั้นบน ตรงกับห้องพระซึ่งอยู่ชั้นล่าง จะเข้าข่ายปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ปกติถ้าคนละชั้นแยกส่วนกันแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ว่าพวกเราก็มักจะคิดมาก ฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็สลับห้องพระไปอยู่ชั้นบนแล้วกัน

เถรี 14-11-2014 09:33

ถาม : เมื่อสมัยที่ยังเรียนมัธยม ตามนิสัยวัยรุ่นที่คิดไม่เป็น ผมชอบสะสมของ เช่น ช้อนจากร้านอาหาร แก้วที่มีสัญลักษณ์ของร้านจากร้านอาหาร เพื่อความภูมิใจว่าเราได้ไปกินที่นั่นมาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลับตัวกลับใจแล้ว จะนำของทั้งหมดเหล่านั้นไปทำบุญ คือไปให้เป็นของสาธารณะ เผื่อคนอื่นจะได้ใช้ประโยชน์จากของเหล่านั้น แทนที่ผมจะเก็บไว้กับตัว อย่างนี้ถือเป็นการทำทานไหม ? แล้วนำไปถวายพระไปจะบาปไหม ? เพราะได้มาโดยไม่สุจริต?
ตอบ : การทำทานถ้าจะได้อานิสงส์เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านบอกว่า ๑.เจตนาบริสุทธิ์ ก็คือให้เพื่อเป็นการสละออกตัดความโลภจริง ๆ ๒.วัตถุทานบริสุทธิ์ ได้มาโดยถูกต้องตามศีลตามธรรม ๓.ผู้ให้คือตัวเรามีศีลบริสุทธิ์ ๔.ผู้รับเป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ ถ้าอย่างนี้จะได้อานิสงส์เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ของคุณเองดูท่าจะได้สักสลึงหรือเฟื้องหนึ่ง เพราะว่า ๓ อย่างแรกไม่บริสุทธิ์แน่นอน อย่างสุดท้ายยังไม่แน่อีกต่างหาก ไม่รู้ว่าจะได้ผู้รับที่บริสุทธิ์หรือไม่ ?

ถาม : แล้วถ้าเขานำไปถวายพระจะบาปไหมคะ ?
ตอบ : ถวายพระไม่บาป แต่ก็อย่างที่บอกว่า ได้อานิสงส์น้อยมาก

เถรี 14-11-2014 09:33

ถาม : เพราะกรรมอะไรครับ ถึงต้องเกิดมาเป็นแฟนเบอร์สอง แบบที่คนเบอร์หนึ่งเขารับรู้และเต็มใจนะครับ?
ตอบ : โห..คงสร้างบุญมามหาศาลเลย ปกติเบอร์หนึ่งนี่เป็นตายก็ไม่ยอมรับ นี่เขายอมรับและเต็มใจด้วย ขอถามหน่อยว่าทำบุญอะไรมา ? จะได้ไปทำบ้าง..!

เถรี 14-11-2014 09:34

ถาม : เวลานอนเหมือนร่างกายเกร็งหนัก แขนขาขยับไม่ได้ บางคืนเป็นแทบไม่ได้นอน ตื่นมาตาโหลเลย เคยอาราธนาพระท่านให้ช่วย ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนแข่งว่า "ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย..!" แล้วก็หัวเราะร่า เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า "ใกล้จะบ้าแล้ว..!" ผมเลยเถียงว่า "ทุกวันนี้ก็บ้าอยู่แล้ว" อย่างนี้เรียกผีอำเปล่าครับ ? มีวิธีแก้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าบ้าไม่ต้องแก้ แต่ถ้ายังไม่บ้าก็ให้ภาวนาต่อไปเรื่อย ๆ อาการทั้งหลายเหล่านี้เป็นทั้งขันธมาร คือร่างกายเราเองขัดขวางการปฏิบัติความดี เป็นทั้งเทวปุตตมาร คือผีหรือเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิเขามาขัดขวางการปฏิบัติของเรา ต้องตั้งใจสู้กันไประยะหนึ่ง ถ้ากำลังใจเราเข้มแข็งมากกว่า ก็จะก้าวพ้นไปได้เอง

ถาม : ทุกวันนี้คืนไหนไม่มาอำวันนั้นเหงาเลย ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องแก้ไข ปล่อยให้สนุกสนานกันต่อไป

เถรี 14-11-2014 09:36

ถาม : เมื่อผมเริ่มจับลมหายใจเข้าและออก จะพิจารณาดูที่อารมณ์ไปด้วย บางครั้งรู้สึกเครียดเกินไปก็จะตั้งอารมณ์ใหม่ ค่อย ๆ ผ่อนอารมณ์ให้เบาลง พออารมณ์ใจเริ่มเบาสบายก็จะพิจารณาภาพโครงกระดูกภายในร่างกาย พร้อมทั้งรู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วย พอรู้สึกว่าเครียดหรือเริ่มตึงเกินไป ก็จะผ่อนอารมณ์ใจลงอีก สลับไปมาอย่างนี้ ขอเรียนถามว่าผมปฏิบัติถูกหรือผิด ? หรือต้องมีข้อแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไรบ้างครับ?
ตอบ : ถูกแค่ตอนนี้ ถ้าทำต่อไปจะมีถูกยิ่งกว่านี้ ตอนนี้ให้ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ต่อไปอารมณ์ใจจะทรงตัวมากขึ้น ถึงเวลานั้นพยายามซักซ้อมการที่เข้าถึงอารมณ์นั้นให้เร็วขึ้น จนกระทั่งสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา นึกอยากจะออกเมื่อไรก็ได้ตลอดเวลา หรือจะสลับอารมณ์ขึ้นลงหนักเบาได้อย่างใจของตน ถึงเวลานั้นแล้วจึงจะสามารถใช้ผลของสมาธิได้จริง ๆ

เถรี 14-11-2014 18:33

ถาม : การที่เราได้ไปทำการสะเดาะเคราะห์ที่วัดท่าซุง ในช่วงวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นแบบพิธีรับพระเสวยอายุนั้น ระยะเวลาของการรับพระเสวยอายุเข้ามา มีการคิดคำนวณอย่างไร ?
ตอบ : ไปเปิดดูในตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์ เอาอายุปัจจุบันเป็นเกณฑ์ แล้วก็ดูว่าพระเคราะห์อะไรเสวยอายุ ก็รับเฉพาะพระเคราะห์นั้น เพราะว่าการเสวยอายุ อย่างเช่นว่าถ้าเราเกิดวันอาทิตย์ อายุ ๑-๖ ปีพระอาทิตย์เสวยอายุ แต่ว่าระยะระหว่างนั้นจะมีพระเคราะห์จรเข้ามาเป็นระยะ ๆ เขาคำนวณเอาไว้แล้ว ไม่ใช่ว่าอายุ ๑-๖ ปีพระอาทิตย์จะเสวยอายุตลอด แต่มีพระเคราะห์จรที่แทรกเข้ามาด้วย ฉะนั้น..เราต้องดูพระเคราะห์จรตอนช่วงอายุปัจจุบันของเรา ไปดูพรหมชาติฉบับราษฎร์จะมีรายละเอียดบอกเอาไว้ทั้งหมด

เถรี 14-11-2014 18:34

ถาม : การที่เราสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อนำไปเข้าพิธีเสาร์ห้า แล้วเราได้สลักคำว่า "วัดท่าขนุน" ลงบนวัตถุมงคลโดยมีเจตนาเพื่อเพิ่มกำลังใจให้แก่ตัวเองและผู้อื่นที่ได้ไปบูชา และบอกแก่ผู้รับชัดเจนว่าเป็นของที่ทำขึ้นเองไม่ใช่ของวัด จะเป็นการสมควรหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจจะทำเป็นของตนเอง ไม่ใช่ของวัด ก็ไม่ควรที่จะใส่ชื่อวัดลงไป การใส่ชื่อวัดลงไป ไม่ว่าเจตนาจะบริสุทธิ์ขนาดไหนก็ตาม คนจะมองว่าเป็นการตั้งใจหลอกลวงเขา จะกลายเป็นโทษกับตัวเองเสียเปล่า ๆ

เถรี 14-11-2014 18:35

ถาม : พระพุทธรูปมีความศักดิ์สิทธิ์และพุทธานุภาพทุกพระองค์ เพราะเหตุใดเวลาขอพรอธิษฐานแล้ว ผลที่ได้จึงมีความต่างกัน บางทีได้มาก บางทีได้น้อย ยกตัวอย่างหลวงพ่อโสธร พระพุทธชินราช พระเจ้าทันใจ พระเจ้าดอยคำ ที่มีผู้คนไปกราบสักการะขอพรและสำเร็จเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงทำให้เป็นเช่นนั้นคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับเทวดาที่ท่านรักษา ถ้าเทวดาที่รักษามีพื้นฐานทานบารมีมาก ก็จะมีลาภผลมาก ถ้าท่านมีพื้นฐานมากจากการสร้างบารมีอื่น ๆ ก็จะดีในด้านอื่นแทน

เถรี 14-11-2014 18:35

ถาม : การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ตามความเข้าใจ จะต้องสร้างพระหน้าตัก ๔ ศอกขึ้นไปถูกต้องหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถูกต้อง แต่ถ้าสร้างแล้วไม่ปิดทอง จะได้อานิสงส์คนเดียว ถ้าต้องการอานิสงส์เป็นหมู่คณะให้ปิดทองคำแท้ด้วย

เถรี 14-11-2014 18:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "ดูจากคำถาม คนตั้งปัญหาเองก็สับสนกับชีวิต อีกหลายปัญหาก็เป็นปัญหาที่ไม่ควรจะถามเลย เพราะว่าตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ใช้วิธีที่ฝรั่งเขาเรียกว่า "เมคชัวร์" มาถามซ้ำ เรียกง่าย ๆ ว่า "จับอาตมาเป็นตัวประกัน" ให้เป็นคนรับรองว่าถูกหรือผิด เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะทำเช่นนั้น"

เถรี 14-11-2014 18:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่ทำบุญเขียนหน้าซองมาว่า "สร้างพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ นิ้ว" มาเอาเงินคืนไปด้วย ใหญ่กว่าที่อาตมาสร้างตั้งเยอะแยะ เอากลับไปสร้างเองเถอะ..!

(หลังจากโยมรับไปแก้ไขมาแล้ว) นี่ยังดีนะ งวดก่อนเขาทำบุญสร้างพระพุทธรูปทองคำ ๕๐ ศอก คุณไปสร้างเองเถอะ..! ต้องเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั่นแหละถึงจะทำได้ สำหรับพระ..เวลาโยมตั้งเจตนาไว้แล้ว จะเอาไปทำผิดจากเจตนาของเขาไม่ได้ ถ้าทำผิดนี่โดนปรับโทษเท่ากับย้ายเจดีย์เลย

เจดีย์เป็นเครื่องกราบไหว้ เป็นอนุสติ เป็นที่ระลึกของเขา เรายกย้ายไปเสียจากที่นั้น เขาก็ไม่มีที่กราบไหว้ที่ระลึกถึงความดี ทำให้เกิดโทษหนักขนาดไหน คนที่เอาเงินที่เขาตั้งเจตนาอย่างหนึ่งไปทำอีกอย่างหนึ่ง ก็จะมีโทษหนักประมาณนั้น ฉะนั้น..ได้โปรด ถ้าไม่มั่นใจอย่าลงขนาดมา ไม่อย่างนั้นอาตมาต้องไปสร้าง ๕๐ นิ้วอีกองค์แล้วยุ่งเลย

ระยะหลังการวัดขนาดหน้าตักพระเขามักจะวัดเป็นนิ้วกัน ขอให้ทราบว่าหน้าตัก ๔ ศอก คือ ๘๐ นิ้ว หรือ ๒ เมตร ถ้าสร้างพระ ๔ ศอกแล้วเขาไม่รู้ว่าเท่าไรให้บอกว่า ๘๐ นิ้ว ถ้า ๘๐ นิ้วยังไม่รู้เรื่องอีกก็ให้บอกว่า ๒ เมตร"

เถรี 14-11-2014 18:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครถือเงินดอลลาร์หรือเงินยูโรไว้มาก ๆ ให้แลกออกมาเป็นเงินเยนหรือเงินหยวนบ้าง ถ้าจะเอาอย่างใกล้ ๆ บ้านเราก็ดอลลาร์สิงคโปร์หรือฮ่องกงก็ได้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต อาตมาถือไว้แค่ ๑,๐๐๐ กว่าดอลลาร์ กับอีก ๒,๐๐๐ กว่ายูโร แลกหมดไปแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าเงินหยวนน่าตาน่ารักที่สุด

วันก่อนพอมีบริษัทจีนประมูลสร้างทางรถไฟที่บอสตันได้ อาตมาก็ว่าเศรษฐกิจอเมริกานี่จีนบีบก็ตาย จีนคลายก็รอด เพราะว่าจีนถือพันธบัตรอเมริกาอยู่เป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์ ขายคืนทีเดียวก็เศรษฐกิจล่มเลยนะ ช่วงที่เศรษฐกิจจีนรุ่งเรืองเป็นเลข ๒ ตัว เขาไปกว้านซื้อเอาไว้ คราวนี้นอกจากจะถือพันธบัตรเป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์แล้ว ทุนสำรองในประเทศของจีนก็ยังเป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์อีกด้วย พูดง่าย ๆ ว่าถ้าใครจะชนเรื่องการเงินในเวทีโลกนี่จีนเขาไม่หวั่น

เสียอยู่อย่างเดียวว่า ในประเทศจีนมีพวกไม่ค่อยจะเห็นแก่ประเทศชาติ ตั้งใจจะกอบโกยโกงกินเยอะเกินไป ก็เลยทำอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ค่อยจะดีต่อเศรษฐกิจอยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่นว่าปลอมสินค้าบ้าง เอาวัสดุไม่ได้คุณภาพมาสร้างบ้าง แต่ว่าอย่างยุโรปหรืออเมริกาเขาจะมีมาตรฐานของเขาอยู่ ถ้างานไม่ได้มาตรฐาน ก็ไม่มีทางที่จะประมูลงานได้อยู่แล้ว

ต้องบอกว่าเมื่อลมพัดหวน คำว่า "เมื่อลมพัดหวน" คือ สมัยก่อนเอเชียเราเป็นมหาอำนาจ อย่างของจีนนี่ไล่ไปตั้งแต่ยุคราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ฯลฯ มาทางด้านอินเดีย วัฒนธรรมเก่าของลุ่มแม่น้ำสินธุ คราวนี้ลมพัดไปทางด้านตะวันตก กลายเป็นอเมริกาขึ้นมาแทนอังกฤษแทนยุโรป คราวนี้พอถึงเวลาลมพัดหวน ความเจริญย้อนกลับมาเอเชียใหม่ แต่ว่าน่ากลัวอยู่ตรงภัยพิบัติธรรมชาติ เอเชียเราส่วนหนึ่งตั้งอยู่บนวงแหวนไฟแปซิฟิก ถ้าระเบิดขึ้นมานี่เป็นเรื่องเลย แล้วระยะนี้แผ่นดินไหวกับภูเขาไฟระเบิดก็ถี่มาก ใครพกวัตถุมงคลอะไรที่กันภัยธรรมชาติ กันนิวเคลียร์ กันรังสีได้ก็พก ๆ เอาไว้ด้วย"

เถรี 14-11-2014 19:02

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งพี่สะใภ้ทำต้มจืดหอมหัวใหญ่ใส่หมูสับให้ แล้วคนอื่นก็กินแต่หมูสับ ด้วยความที่อาตมาเป็นเทศบาล อะไรเหลือก็กวาดหมด เหมาหอมหัวใหญ่ไปเสียหมดเลย ปรากฏว่าวันนั้นนอนตัวเบาโหวง ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนกับจะลอยได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่ายังดี ถ้าไม่ใช่คนที่มีสติดีขนาดนั้นก็ล้มไปนานแล้ว ท่านบอกหอมหัวใหญ่ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดจนเกินไป จนทำให้ความดันต่ำมาก

เพราะฉะนั้น..ใครความดันสูงก็หาพวกประเภทนี้มากินบ้าง จะช่วยได้เหมือนกัน แต่อย่ากินเยอะเหมือนกับอาตมา แกงจืดชามโคมหนึ่ง หอมหัวใหญ่ก็น่าจะตก ๔-๕ หัวได้กระมัง ? รู้แต่ว่าเวลาเดินทำไมเหมือนกับจะลอยได้ มือตีนเบาไปหมด

พี่สะใภ้คนนี้ชอบทำกับข้าวขึ้นโต๊ะเยอะ แต่ว่าของบางอย่างคนอื่นเขาไม่กินกัน แบบเดียวกับสับปะรด เขาเลือกสับปะรดไม่เป็น ก็เอาที่ขาว ๆ ไม่ฉ่ำมา คราวนี้พอขึ้นโต๊ะ อาตมาเองไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็จิ้ม ๆ ใส่ปากไปจนหมด เขาดันไปนึกว่าอาตมาชอบ พรุ่งนี้เอามาอีก ช่างเป็นพี่สะใภ้ที่น่ารักจริง ๆ เลย

มีอยู่ระยะหนึ่งที่อาตมาไปเฝ้าไข้หลวงปู่มหาอำพันอยู่เดือนครึ่ง คราวนี้โยมเขาเอาของมาถวายเยอะ โดยเฉพาะพวกผลไม้สด พวกแอปเปิ้ลเก็บได้นาน เขาก็ใส่ ๆ เสียแน่นตู้เย็นไปหมด อาตมาเองก็มีหน้าที่กำจัด คราวนี้บางวันมีเยอะ ก็ฉันแทนข้าวไปเลย โยมก็ดันคิดว่าอาตมาชอบ ยิ่งซื้อมากันใหญ่ ทุกวันนี้อย่าได้ฉันอะไรให้โยมเห็น ฉันเมื่อไรเดี๋ยวได้เป็นกุรุส..!"

เถรี 14-11-2014 19:06

"ไปนึกถึงสมัยยังเป็นฆราวาส มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงต้องล้างท้องติด ๆ กัน แล้ว "ท่านแม่" ก็แนะนำให้ฉันน้ำเกลือแร่ อาตมาแวะไปกราบหลวงพ่อทีไรก็ซื้อไปทีละครึ่งโหล ตอนนี้รู้ตัวว่าตัวเองโดนคืนแล้ว ท่านไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนั้น ขวดสองขวดก็ไม่มีปัญญาจะฉันแล้ว เอาไปทีละครึ่งโหล มาสมัยนี้ตัวเองเจอแบบเดียวกันแล้ว ของบางอย่างต้องการชิ้นเดียว คนถวายมาเป็นคันรถ..!

มีอยู่ช่วงหนึ่ง "ท่านแม่" ให้หลวงพ่อบอกแม่ครัวทำผัดหมูสามชั้นแบบรวนเค็ม เอามาฉันกับข้าวต้มติดกันเป็นเดือนเลย ปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นพรวด ๆ ๑๐ กว่ากิโลกรัม “แม่แกบอกว่าร่างกายช่วงนี้จะแย่มาก ต้องกินให้มีกำลังเข้าไว้” แล้วให้ฉันอะไรไม่ฉัน ดันเป็นหมูสามชั้นรวนเค็ม นั่นก็เป็นงานเฉพาะกิจ ในเมื่อเป็นงานเฉพาะกิจ ถึงเวลาแล้วเราไปคิดว่าหลวงพ่อท่านชอบอย่างนั้นแล้วเอาไปอีก แต่เลยเวลาไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์

กับข้าวที่เห็นหลวงพ่อท่านฉันเป็นปกติเลยคือน้ำพริกปลาร้า มีอยู่เที่ยวหนึ่งไม่รู้ว่าโยมที่ไหน เขาเปิดโรงงานทำปลาร้ากระป๋อง เป็นปลาร้าอบแห้งใส่กระป๋อง คาดว่าสมัยนี้น่าจะมีขายทั่วไป เขาก็เอาไปถวาย วันนั้นหลวงพ่อท่านฉันเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ สมัยโน้นปลาร้าหายาก มาสมัยนี้หาง่ายแล้ว โดยเฉพาะอุทัยธานี ร้านจ่าเทืองผลิตปลาร้าอย่างเดียวเลย วิ่งรถไปทางร้านแก ห่างประมาณ ๒๐๐ เมตรก็ได้กลิ่นปลาร้าแล้ว จะมีทั้งที่เป็นน้ำพริก เป็นปลาร้าสับ ปลาร้าสดเป็นตัว ฯลฯ สั่งเป็นปีบเลยก็ได้ ตั้งร้านอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดปลาสดที่เอามาหมักปลาร้า

อาตมาถึงได้บอกว่าโบราณเราเก่ง ของเราเองถนอมอาหารด้วยการหมัก เนื้อสัตว์มากก็ทำเนื้อสัตว์หมัก ของคนจีนพลเมืองเยอะ แล้วเนื้อสัตว์ไม่ค่อยมี ก็ทำเป็นผักแห้ง อย่างพวกหัวผักกาดแห้ง ผักกาดดอง ของเกาหลีเขาทำกิมจิ เขาเอาไว้ตอนไม่มีจะกิน ส่วนของเราตอนนี้จะกินอะไรก็มี ดันไปซื้อกิมจิมาฝากกัน..! นึกแล้วก็ขำ ถ้ารู้ว่าแรกเริ่มมีที่มาอย่างไร ก็คือเขาไม่มีจะกินในฤดูหนาว เขาก็ต้องหมักผัก ตากผักเอาไว้กิน เรามีกินอุดมสมบูรณ์ก็ยังอุตส่าห์ตะกายไปหามากินกัน"

เถรี 14-11-2014 19:11

"วันก่อนดูสารคดีสุดยอดอาหารจีน คนที่ทำเต้าหู้หมัก ที่เขาเรียก "เต้าหู้เน่า" นั่นแหละ ถึงเวลาก็ไปทอดขายในตลาด เชื่อไหมว่าภรรยาเขาทำเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย นอกจากทำเต้าหู้หมักอย่างเดียว ตีสองตีสามก็ลุกขึ้นมาตักน้ำบ่อทำเต้าหู้ เสร็จแล้วก็หมัก ห่อ ตากแดด ต้องได้แดดกี่ชั่วโมงถึงจะได้ที่ ถึงเวลาต้องคอยพลิกคอยเก็บ เอาใส่กระด้งไม้ไผ่ตากไว้นับไม่ถ้วนเลย เต็มหลังคาไปหมด เขาบอกว่าที่เห็นนั่นพอขายแค่ ๒ วันเอง แสดงว่าคนกินกันเยอะมาก

ที่พูดถึงตรงนี้เพราะว่าบางคนไม่รู้ว่าจะค้าขายอะไร ขายอาหารดีที่สุด แต่ว่าต้องเลือกทำเลให้เป็น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ยังเป็นทหาร ใกล้ ๆ บ้านมีผัวหนุ่มเมียสาวเช่าบ้านอยู่ เขาเรียนรามฯ ด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็ขายก๋วยเตี๋ยวไปด้วย พอถึงเวลาก็ขี่รถซาเล้งมีตู้ก๋วยเตี๋ยว ตอนเช้า ๆ ก็ขายหน้าปากซอย คนเดินทางออกไปจากบ้านเพื่อที่จะไปรอขึ้นรถ กินก๋วยเตี๋ยวก่อนค่อยไปทำงาน ประมาณสัก ๑๐ โมงไปจะจอดรออยู่หน้าโรงงาน พอพักเที่ยงคนงานแห่กันออกมา คนงาน ๓๐๐ คน ตีเสียว่ากินก๋วยเตี๋ยวแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ก็พอ ขายได้อย่างน้อยก็ ๓๐-๔๐ ชาม

พอถึงเวลาตอนบ่ายเขาจะเข้าหมู่บ้านจัดสรร เคาะไม้ก๊อก ๆ ไป พวกที่อยู่ในหมู่บ้านนี่ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก มีก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาถึงหน้าบ้านก็สั่งซื้อกัน ยังไม่ทันจะ ๕ โมงเย็นก็ขายหมด กลับบ้าน จัดข้าวจัดของ เตรียมของวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อย ก็นอนกันแต่หัวค่ำ พอจบปริญญา รับจากสมเด็จพระเทพฯ ด้วยนะ ทั้งคู่จบปริญญาตรีปีเดียวกัน ปรากฏว่าขายก๋วยเตี๋ยวต่อ อาตมาก็ว่า “เฮ้ย...จบปริญญาตรีแล้วทำไมไม่ไปหางานอื่นทำ ?” เขาบอกว่า “งานอะไรก็ได้ไม่มากเท่ากับขายก๋วยเตี๋ยวหรอก” ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ค่าแรงงานขั้นต่ำอยู่ที่ ๕๔ บาทต่อวัน เดือนหนึ่งจะเท่าไร เขาบอกว่าเขา ๒ คนขายก๋วยเตี๋ยวเดือนหนึ่งได้เป็นหมื่นบาท..!

ไปนึกถึงตัวเองว่า ตอนนั้นอัตราเงินเดือนทะลุแรงงานขั้นต่ำไปเท่าตัว ของเราก็อยู่ได้ ส่วนเขาเองถ้าไปเริ่มต้นใหม่ ก็ต้องเริ่มจากอัตราต่ำสุด ดังนั้น..เขาตัดสินใจขายก๋วยเตี๋ยวต่อ ก็แบบเดียวกับสามีภรรยาที่หมักเต้าหู้เอาไปทอดขาย ภรรยาก็หมักเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า เช้าขึ้นสามีก็เข็นรถออกไปตลาด จะไปจอดอยู่ใกล้ ๆ พวกรถเข็นที่ขายน้ำเต้าหู้หรือขายเต้าฮวย เพราะว่าไปกันได้ พอถึงเวลาแขกนั่งโต๊ะก็ตะโกนสั่งของทางโน้นได้เหมือนกัน แล้วแขกนั่งโต๊ะทางโน้นก็ตะโกนสั่งของทางนี้ได้ เพราะฉะนั้น..การค้าขายจึงสำคัญตรงทำเล

เรื่องอาหาร..ถ้าฝีมือดี ทำเลดี อย่างไรก็สบาย คนต้องกินอยู่แล้ว ปัจจัยมี ๔ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค แต่คนเราไม่ได้ป่วยทุกวัน เปิดร้านขายยานี่ต้องมีทุนยาวมาก ส่วนที่อยู่อาศัยถ้าไม่ได้มีระดับเป็นพันล้าน จะไปสร้างแข่งกับใครไหว กู้กันตายเลย ก็เหลือแต่อาหารกับเครื่องนุ่งห่ม เครื่องนุ่งห่มก็ไม่ใช่จะซื้อกันได้ทุกวัน ราคาค่อนข้างสูง ก็เหลือแต่อาหาร ใครมีฝีมือ ก็หาทำเลตั้งร้านกันเอา สมัยนี้ข้างถนนแท้ ๆ ตั้งหาบปั๊บมีคนมาเก็บเงินปุ๊บ อาตมายังคิดว่า ตกลงว่าถนนเป็นของใคร ?"

เถรี 15-11-2014 15:24

ถาม : วิธีใช้เหรียญน้ำมนต์ ถ้าใส่ในแท็งก์น้ำ เวลาอธิษฐานขอต้องอธิษฐานครั้งเดียวหรือบ่อยแค่ไหนคะ ?
ตอบ : ปกติก็ครั้งเดียว แต่ถ้าเปิดน้ำลงไปใหม่ก็ต้องอธิษฐานใหม่ ต้องไปสวดอิติปิ โสฯ ๗ จบ นะมะพะทะ ๑๕ จบ แล้วอธิษฐานใหม่

เถรี 15-11-2014 15:32

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนงานวันบวชประมาณอาทิตย์หนึ่ง อาตมาไปเปิดบัญชีกองทุนหลวงปู่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) เพราะตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสมา ๖ ปี ก็ทยอยเอาเงินเข้าบัญชีให้หลวงปู่ได้ประมาณ ๗ ล้านบาทเศษ ก็คือเวลามีงานวัด อย่างเช่น มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา เข้าพรรษา ออกพรรษา สงกรานต์ ถ้ารับสังฆทานได้ไม่ถึงแสน ก็จะตัดเข้าบัญชีให้หลวงปู่แสนหนึ่ง ถึงเกินแสนก็ตัดให้แสนหนึ่งเหมือนกัน

ปรากฏว่า ๖ ปีกว่า รวมเงินกฐินด้วยก็มีเงิน ๗ ล้านกว่าบาท เมื่อฝากประจำ ตัวเลขก็ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จึงตัดสินใจฝากไป ๑๐ ล้านบาทเลย บอกว่า "ตอนนี้หลวงปู่เป็นหนี้ผมแล้วนะครับ" ปรากฏว่าวันบวชหมู่ถวายหลวงปู่ อาตมาจัดงานบวช ๓ วัน วันที่หนึ่งมีคนบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ ๔๐๐,๐๐๐ กว่าบาท วันที่สองมาอีก วันที่สามมาอีก สรุปแล้วพองานผ่านไป อาตมากลายเป็นหนี้หลวงปู่ ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท ถามหลวงปู่ว่า "ทำไมต้องรีบใช้ด้วย ?" ท่านบอกว่าท่านไม่ชอบเป็นหนี้ใคร เหลือเชื่อจริง ๆ คนก็ไปวัดแค่ไม่กี่คนเอง หลวงปู่ท่านเป็นหนี้อาตมาอยู่ ๒ ล้านกว่าบาท ท่านหาคืนได้ภายใน ๓ วัน..!"


ถาม : กองทุนหลวงปู่เอาไว้บูรณะวัดหรือครับ ?
ตอบ : เอาไว้ทั้งสร้างทั้งซ่อม ตอนนี้มีกองทุนรักษาพยาบาล เด็กวัดเบิกไปวันก่อน ๖,๐๐๐ กว่าบาท ให้ตายเถอะ..พระเบิกทีหนึ่ง ๓๐๐-๔๐๐ บาท เด็กวัดเบิกที ๖,๙๐๐ บาท ดันเป็นมาลาเรีย แล้วเป็นต่างด้าวไม่มีบัตรทองอีก ซวยไปสิ..รักษาเท่าไรก็อาจารย์เล็กจ่าย..!

เถรี 15-11-2014 15:36

พระอาจารย์เล่าว่า "บวชพระงวดนี้เนื่องจากว่าตั้งใจไว้เป็นปี ก็เลยกันเวลาตัวเองเอาไว้ สามารถที่จะอบรมพระได้เกือบทุกวัน ปรากฏว่ามีจำนวนมากเลยบอกว่า เคยไปบวชที่อื่นแล้วไม่มีใครบอกเรื่องพวกนี้เลย โดยเฉพาะศีลพระ โอ้..แสดงว่าท่านเฮงจริง ๆ เลย ในเมื่อไม่มีใครแนะนำก็ทำผิดทำพลาด บางอย่างก็แนะนำว่าตอนเป็นพระต้องทำอย่างไร ตอนเป็นฆราวาสต้องทำอย่างไร

มีอยู่จุดหนึ่งที่ขำดีเหมือนกันก็คือถามว่า “ใครสึกแล้วจะใส่หมวกบ้าง ?” โอ๊ย..ยกมือหลายคน “เอ็งจะใส่ไปทำไม ? อายหัวล้านใช่ไหม ? คนไปทำความดีมาต้องอายเขาด้วยหรือ ? ถ้าเป็นข้านะ..สึกแล้วจะไปโกนซ้ำ ให้รู้ ๆ กันไปเลยว่าเราไปทำความดีมา” ปรากฏว่าตอนลงไปปักษ์ใต้ไม่มีใครใส่หมวกสักคน กลายเป็นแก๊งมาเฟียไปเลย"

เถรี 15-11-2014 15:43

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่วัดท่าซุงมีงานทำบุญถวายหลวงพ่อ เขาเลื่อนงานมาเป็นอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยายน ซึ่งตรงกับงานครูบาวิฑูรย์ทุกปี อาตมาไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าไปงานครูบาวิฑูรย์ก็ล่ม เพราะประธานไม่มี เท่ากับเปิดโอกาสให้หลวงพี่องอาจเขาทำบุญของท่าน ซึ่งได้ทำตรงวัน ของวัดท่าซุงกลายเป็นทำไม่ตรงวัน

แต่จะว่าไปแล้วถ้าตามความเชื่อของอาตมา หลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพตั้งแต่ ๒๘ ตุลาคม แต่ว่าหมอเขารายงานผลจากเครื่องวันที่ ๓๐ ตุลาคม เพราะว่าอาตมาได้ยินก่อนหน้านั้น ๕ เดือนหรือ ๗ เดือน บอกว่าให้ระวัง ๒๘ ก็นึกว่าตัวเลขจะออก ตามดูหวยอยู่ตั้งหลายงวด ปรากฏว่าพอหลวงพ่อถูกหามเข้าโรงพยาบาล เพิ่งจะรู้ว่ามรณภาพ ๒๘ ตุลาคมนี่เอง ดันบอกทำไมตั้งแต่ต้นปี ? บางอย่างวาระกรรมมาบังก็โง่ตลอด กว่าจะรู้จริง ๆ ก็ตอนเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว