กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6480)

เถรี 17-02-2019 08:32

ถาม : อย่างคำว่าเกจิ ของไทยเราจะหมายถึงว่าพระท่านโดดเด่นในเรื่องของการปลุกเสกอะไรทำนองนี้ แต่ของบาลีคืออาจารย์บางพวก ไปคนละทางเลย ?
ตอบ : ความหมายเพี้ยนไป เขาถึงได้ต้องมีบาลี เพราะว่าบาลีกี่ปีกี่ชาติก็แปลอย่างนั้น แต่ว่าภาษาทั่ว ๆ ไปเขาเปลี่ยนไปเรื่อย

เถรี 17-02-2019 08:51

ถาม : หนูเห็นเวลาเด็กผู้ชายคนหนึ่งมากราบหลวงพ่อ ท่าทางเวลาเข้าไปหาหลวงพ่อเหมือนกับเข้าเฝ้าเลย ไม่ใช่แค่คลานเข่าธรรมดา แสดงว่าติดมาจากชาติที่แล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่แน่ ถ้าอย่างท่านอาจารย์กระโจมทองนั้นติดจากชาตินี้ เพราะว่าท่านเป็นพระเอกลิเกมาก่อน ท่านอาจารย์กระโจมทอง วัดเขาสามชั้น กับท่านอาจารย์บูรพา วัดถ้ำเสือดาว เล่นลิเกวงเดียวกันมา ท่านอาจารย์กระโจมทองเป็นตัวเอก ท่านอาจารย์บูรพาเป็นตัวโกง แล้วไม่รู้นึกอย่างไร ท้ายสุดก็ไปบวชทั้งคู่ แล้วก็กลายเป็นเจ้าอาวาสทั้งคู่ แต่ท่านอาจารย์กระโจมทองติดเป็นนิสัย พอเจอหน้าผู้บังคับบัญชา ท่านจะถวายบังคมก่อนเลย ถามท่านว่ากราบธรรมดาได้ไหม ? ท่านว่า “ชินแบบนี้ครับ” ถึงได้บอกว่าไม่แน่ว่าจะเป็นของเก่า อาจจะเป็นของใหม่ก็ได้

ท่านอาจารย์บูรพาท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อวัดท่ามะขาม เป็นฐานานุกรมคู่กันกับอาตมา ท่านเป็นพระครูวินัยธร อาตมาเป็นพระครูธรรมธร เป็นสัญญาบัตรก็เป็นปีเดียวกัน แล้วราชทินนามก็สลับกันด้วย เพราะว่าของท่านฉายา กาญจนธโร ก็คือพระครูวิลาศกาญจนธรรม ของอาตมาฉายา สุธมฺมปญฺโญ คือพระครูสุธรรมกาญจนาภรณ์ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่เขาทำราชทินนามสลับกัน ก็เลยกลายเป็นว่า คู่นี้มีเวรมีกรรมผูกพันกันมาแต่ชาติไหนก็ไม่รู้..!?

เจ้าหน้าที่เขามาขอโทษ เขาบอกว่า “พระอาจารย์ ไม่ได้ผิดแค่คู่นี้หรอก ผิดหลายคู่ด้วย” ถามว่าทำไม ? เขาบอก “ขนของหนีน้ำ ข้อมูลก็เลยสลับกันมั่วไปหมด” เพราะว่าไปรับ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นรุ่นน้ำท่วม

เถรี 17-02-2019 08:55

ถาม : สมมติถ้ามีเพื่อนยืมเงินเราระหว่างที่เป็นพระด้วยกัน ไม่ได้มีเจตนาที่จะโกง แต่เขามีเหตุให้สึกไป แล้วเกิดเปลี่ยนใจภายหลังไม่คืนเรา จะปรับอาบัติปาราชิกได้ไหมครับ ?
ตอบ : ปรับไม่ได้ ปาราชิกนั้นเถยยจิตต้องเกิดก่อน ตอนนั้นจิตเขาไม่เกิด เขาไม่ได้คิดที่จะทำ ก็กลายเป็นฉ้อโกงตอนฆราวาสแทน ท่านบอกแล้วว่า มีเถยยจิตคิดจะขโมย

ถาม : แล้วฉ้อโกงตอนฆราวาส กับตอนเป็นพระอันไหนหนักกว่ากันคะ ?
ตอบ : ทำในขณะเป็นผู้บริสุทธิ์ก็บาปหนักกว่าอยู่แล้ว

เถรี 17-02-2019 09:09

ถาม : ช่วงนี้จะรำคาญเสียงค่ะ ?
ตอบ : รำคาญเสียงก็อุดหูสิ ทรงสมาธิไว้ ถ้าสติสมาธิอยู่กับลมหายใจตรงหน้า จะไม่รำคาญอะไรสักอย่างหนึ่ง ถ้าหลุดออกไปเมื่อไรก็รำคาญ

ถาม : การที่กายเรา ..(ไม่ชัด).. ?
ตอบ : ก็อยู่ที่ว่าเรายึดว่าเป็นเราหรือเปล่า

ถาม : บางครั้งแยกไม่ออกว่าเป็นจิตหรือเป็นกาย ?
ตอบ : จิตเป็นตัวรู้ ดังนั้น..ส่วนใหญ่แล้วเขาแสดงอาการรับรู้โดยผ่านทางร่างกายคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คราวนี้พอตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นของร่างกาย เราก็พลอยไปยึดว่าเป็นเราไปด้วย ต้องแยกให้ออก ร่างกายส่วนร่างกาย ใจส่วนใจ ไม่ได้เกี่ยวกัน

เถรี 17-02-2019 09:10

ถาม : หนูพยายามถือศีล ๘ แต่ก็ชอบดูหนัง ถ้าเราดูหนังแล้วพิจารณา ?
ตอบ : ถ้าไม่ไหวก็ถือเป็นเวลา ตอนดูหนังก็กองไว้ชั่วคราวเหลือ ๗ ข้อ

ถาม : ทำไมเวลาถือศีล ๕ แล้วไม่สบาย แต่พอกลับไปถือศีล ๘ แล้วหายเป็นปกติ ?
ตอบ : แสดงว่าเหมาะกับเรามากกว่า เพราะฉะนั้น..เลิกดูหนังได้แล้ว..!

เถรี 17-02-2019 09:17

ถาม : ช่วงนี้จับภาพพระแล้วบางทีก็สลับกับภาพคนที่หนูไม่ชอบหน้า ?
ตอบ : ถึงเวลาก็นึกถึงพระแทน ก็คือพวกนี้เขาลักษณะเป็นกสิณโทษหรือไม่ก็ความฟุ้งซ่านของเรา ลักษณะเหมือนกับขันธมารหรือกิเลสมารเขาตั้งใจมากวน ดังนั้น..ถึงเวลาถ้าภาพเขามาก็นึกพระ เดี๋ยวกำลังเราสูงกว่าก็จะนึกถึงพระได้ตลอดไปเอง

ถาม : แล้วสลับกับคนที่ตอนนี้หนูไม่ค่อยถูกชะตาด้วย ?
ตอบ : ก็นั่นแหละ บอกแล้วว่าพยายามนึกถึงพระเอาไว้ ถึงเวลาก็เปลี่ยนมานึกถึงพระแทน

เถรี 17-02-2019 09:28

ถาม : เทวดาวันหนึ่ง ๆ ท่านทำอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : เยอะแยะไปหมด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ของท่านมีความประณีต ละเอียดกว่าเรานับเท่าไม่ได้ แค่เพลินอยู่กับความสุขพวกนั้นก็หมดวันแล้ว ส่วนบรรดาท่านที่มีหน้าที่ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไป บางชั้นอย่างเช่น ชั้นยามาท่านก็นั่งสมาธิไป สวดมนต์ของตัวเองไป ไม่ได้อยู่ว่าง ๆ เหมือนกับเราหรอก..!

เถรี 17-02-2019 09:31

ถาม : ตอนสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ เวลาสวดแล้วรู้สึกว่า ๒๔ ชั่วโมง การรับรู้ตัวเหมือนกับว่าเวลาหายไป ?
ตอบ : ถ้าหากว่าสติสมาธิเราอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า ไม่ใช่แต่เวลาอย่างเดียว บางทีภาพและเสียงก็หายไปด้วย เพราะว่าเราไม่ได้สนใจ ยิ่งสมาธิลึกเท่าไร เวลา
จะผ่านไปโดยที่เราไม่รู้ตัว เราจะรู้สึกว่าพักเดียวทำไมนานแท้ บางทีเรารู้สึกว่าเดี๋ยวเดียว อย่างอาตมาสวดจบหนึ่งใช้เวลา ๒ ชั่วโมงครึ่ง

ถาม : เวลามานั่งช่วงกรรมฐาน เมื่อก่อนรู้สึกว่านาน ?
ตอบ : ถ้าเราไม่ได้ใส่ใจ เวลาจะผ่านไปไม่รู้ตัว ถึงนานก็รู้สึกเหมือนกับครู่เดียว

เถรี 17-02-2019 10:10

ถาม : ทำงานเป็นนักจิตวิทยา มีผู้มารับบริการบอกว่าเขาย้อนอดีตไปได้ตั้งแต่ตอนคลอด อาการเหมือนกับถูกเบ่งคลอดออกมา แล้วเขาบอกว่าย้อนไปได้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว โยมเลยตกใจค่ะ ?
ตอบ : มีอะไรน่าตกใจ ให้เขาเล่ามาเราก็บันทึกไว้ ถึงเวลาก็เก็บไว้เป็นตัวอย่าง เป็นเรื่องปกติ

ถาม : กลัวค่ะ ?
ตอบ : มีอะไรกลัว เจ้าของเรื่องเขายังไม่กลัวเลย

เป็นเรื่องที่ถ้าหากว่าใคร ๆ ทำถึงก็ได้ทุกคนแหละ จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องธรรมดาเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าคนที่ทำได้มีน้อย ก็เลยกลายเป็นเรื่องแปลก


ถาม : แปลว่าเขาทำได้จริงใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จริงหรือไม่จริงก็บันทึกเอาไว้ ถึงเวลาจะได้เปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ เขาได้

เจอเรื่องแบบนี้ก็คือแหล่งข้อมูลชั้นดี โดดใส่ไปเลย ถามเขาไปสิ อดีตอยู่ที่ไหน ใครเป็นพ่อ ใครเป็นแม่ มีญาติพี่น้องกี่คน แต่งงานมีครอบครัวหรือเปล่า มีลูกกี่คน ก่อนตายตายอายุเท่าไร ถึงเวลามีโอกาสก็ลองไปสืบหาดู ถ้าหากว่าใช่ก็แปลว่าจริง ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไป

ใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ก็จะทำให้เห็นว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องจริง ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของเราก็จะมีมากขึ้น ไม่ใช่ว่าถึงเวลาเขาเล่าให้ฟังเราก็ไปตกใจกลัว น่ากลัวตรงไหน ? ตัวเองยังตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ดันไปกลัวเรื่องของคนอื่น

ถาม : จำได้ว่า หลวงพ่อเคยแนะนำให้ผนวกเอาพระพุทธศาสนากับจิตวิทยาเข้าด้วยกัน ?
ตอบ : ของพระพุทธศาสนาจริง ๆ เป็นเรื่องของจิตเกือบทั้งหมด อย่าลืมว่าสมาธิและปัญญาก็คือส่วนของจิต มีแต่ศีลเท่านั้นที่เป็นเบื้องต้น แต่ก็ต้องอาศัยจิตไปควบคุมอยู่ดี

เถรี 18-02-2019 08:21

ถาม : เมื่อก่อนผมไม่สนใจพระพุทธศาสนาเท่าไร มาเจอแม่ชีทศพร ท่านสอนเรื่องละความชั่ว สร้างความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ผมจึงลองเลิกความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ตามที่ท่านบอก ปรากฏว่าชีวิตดีขึ้นจริง ๆ ถูกหวย นอนอยู่ก็เห็นเลขสามตัวตรง ๆ เอาไปใช้หนี้ได้หมด ชีวิตเปลี่ยนเลย ผมเลยรักพระพุทธศาสนามากขึ้น เวลามีคนมาถามว่าทำไมชีวิตดีขึ้น ผมเลยบอกให้เขาละความชั่ว สร้างความดี แต่ว่าเวลาบอกไปเขาก็ไม่ค่อยทำตามกัน ผมเลยเข้าใจที่แม่ชีเคยบอกว่า หนึ่งพันคน ขอคนดีแค่คนเดียว ยากมากเลยครับที่จะไปสอนคนให้เป็นแบบนี้ ?
ตอบ : ทำตัวเราให้ดีก่อน พอตัวเรามีการเปลี่ยนแปลงทาง กาย วาจา ใจ อย่างชัดเจน คนอื่นที่สนใจเขาจะมาเอง อย่าไปยัดเยียดให้เขา การไปยัดเยียดให้เขา ถ้าเขาทำตามก็เสมอตัว ถ้าเขาปรามาสขึ้นมา โทษใหญ่จะเกิดขึ้นกับเขาด้วย ดังนั้น..ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ หนึ่งพันคนขอคนเดียว ส่วนคนที่หนึ่งพันนี้จะมาเมื่อไรก็เรื่องของเขา

ถาม : ผมยกตัวอย่างให้เขาดูว่า ผมทำแบบนี้มาแล้วมีผล เปลี่ยนชีวิตผมได้ขนาดไหน ?
ตอบ : บางคนวาระเขายังมาไม่ถึง ยังเสียดาย กลัวความชั่วจะเศร้าหมอง ขอทำต่ออีกหน่อย ก็ปล่อยเขาไปเถอะ..!

เรามีเมตตา มีกรุณาแล้ว อุตส่าห์แนะนำแล้ว ถ้าเขาไม่ทำตามเราก็อุเบกขา รอคนที่หนึ่งพัน ก็แปลว่าแนะนำไป ๙๙๙ คน ถ้าเขาไม่สนใจ เราก็แนะนำคนที่หนึ่งพันต่อไป


ถาม : แนวทางการทำให้ชีวิตดีขึ้น โดยการละความชั่ว สร้างความดี รักษาศีล แบบนี้ถูกต้องแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำได้จริง ๆ ก็ทำอย่างพระอรหันต์ เพียงแต่ว่าเราทำได้ดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น

เถรี 18-02-2019 08:30

ถาม : ถ้าเรามีรายได้เพิ่มขึ้นเยอะ สมมติว่าจากห้าหมื่นบาทเป็นแปดแสนบาทต่อเดือน ถ้าเราได้ทุกเดือนจะเหมือนเป็นการดึงบุญในสต็อก คลังสินค้าของเราจะหมด แล้วต้องรีบเติม แบบนี้ไหมครับ ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน แต่ว่าบุญเป็นสินค้าหมุนเวียน ถ้าของเก่าไม่ออกไป ของใหม่ก็ไม่มา เพราะฉะนั้น..ต้องมีการหมุนเวียน จ่ายออก รับเข้า คนที่ฉลาดเขาถึงได้มีการต่อบุญอยู่เสมอ

ถาม : เคยเห็นเพื่อนเขาทำธุรกิจแล้วไหว้แม่ตานี เอากล้วยแม่ตานีมาไหว้หน้าบริษัท ผมเลยคิดว่าเขาขอแม่ตานีอย่างเดียว แม่ตานียังเอาตัวไม่รอด แล้วถ้าหมดขึ้นมา ไม่มีบุญเสริมมาต่อ ต้องหมดลู่ทางแน่ ๆ เลย เพราะแม่ตานีคงจะช่วยไม่ได้ตลอดไป ?
ตอบ : ก็เหมือนกับคนที่รับเงินเดือนมาแล้วใช้ไปเรื่อยเปื่อย ไม่ทำงานเพิ่มแล้วจะเอาอะไรมากิน ?

ถาม : ต้องเติมบุญอยู่ตลอด ?
ตอบ : ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ยิ่งให้ยิ่งได้ อย่างที่หลวงพ่อคูณท่านบอกนั่นแหละ

เถรี 18-02-2019 08:33

ถาม : ที่บ้านไม่จำเป็นต้องมีศาลพระภูมิก็ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถามว่าไม่จำเป็นใช่ไหม ? ไม่ใช่....ควรจะมี เราเผลอได้แต่ว่าเทวดาท่านไม่เผลอ ถ้าหากเราให้ความเคารพ ถึงเวลาก็สามารถที่จะได้รับการสงเคราะห์จากท่าน ถ้าใช้แต่กำลังของเราเอง เดี๋ยวสักวันหนึ่งก็เดี้ยง..!

เถรี 18-02-2019 08:41

ถาม : ถ้าเราเอามวลสารไปพุทธาภิเษก แล้วเราก็เอามวลสารมาทำเป็นพระ หรืออะไรก็แล้วแต่ ความศักดิ์สิทธิ์นี่ ต้องเสกอีกรอบหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วใช้ได้เลย ยกเว้นอย่างเดียวคือพวกที่เป็นโลหะ พวกโลหะถ้าหลอมแล้วก็ต้องเสกใหม่

ถาม : แต่ถ้าเป็นมวลสารโลหะก็ได้อยู่ ?
ตอบ : ได้

เถรี 18-02-2019 08:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "สงสัยว่ารองเท้าพม่าเขาทำด้วยอะไร ? พื้นรองเท้าแข็งดีแท้ ตอนแรกอาตมาก็ไม่รู้ เห็นก็ไปซื้อใส่ พระพม่าเห็นก็หัวเราะ บอกว่านี่รองเท้าผู้หญิง อาตมาก็สงสัยว่าต่างกันตรงไหน ? เขาชี้ให้ดูหัวรองเท้า รองเท้าผู้หญิงหัวจะลีบเข้ามาหน่อย รองเท้าผู้ชายหัวจะบาน อาตมาก็ว่าหน้าตาเหมือนกันหมดทุกอย่าง ใส่ได้พอดีก็ซื้อมาใส่ แต่ถ้าเราไม่ใช่คนพม่า จะรู้ไหมว่าอันไหนของผู้หญิง อันไหนของผู้ชาย ?

พื้นรองเท้าก็เป็นหนังธรรมดานี่แหละ แต่แข็งแรงมากเลย ใส่เดินธุดงค์เป็นปีก็ยังไม่พัง อาตมาก็ว่าพระพม่าท่านเดินกันมาก เขาก็เลยทำรองเท้าแข็งแรงทนทานออกมา บ้านเรานี่ลงน้ำหน่อยก็พื้นหลุด เพราะของบ้านเราใช้อัดกาว ลงน้ำพื้นหลุด พอแห้งขึ้นมาก็กัดอีก หนัง
พอโดนน้ำแล้วแห้งนี่กัดเท้าสะเด็ดเลย

ไป ๆ มา ๆ ท้ายสุด มีคนแนะนำรองเท้าธุดงค์ ๒ ยี่ห้อ ถ้าไม่นันยางก็ตราช้างดาว จะขึ้นเขาลงห้วยได้หมด รองเท้ายี่ห้ออื่นไปก็พังกระจาย มีบางเที่ยวนี่อาตมาเดินเท้าเปล่าเป็นครึ่งค่อนเดือน กว่าจะหลุดออกมาเจอบ้านคนแล้วซื้อรองเท้าได้"


เถรี 18-02-2019 09:01

"เรื่องของรองเท้า ในบาลีมีอยู่ ๒ ประเภท ก็คือ ปาทุกา รองเท้าพื้นบาง กับอุปาหนา รองเท้าพื้นหนา บางคนเขาบอกรองเท้าพื้นหนาน่าจะเป็นพวกเกี๊ยะ แต่คราวนี้ถ้ามาดูอีกที พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ปัจจันตประเทศใช้รองเท้าพื้นหลายชั้นได้ ปัจจันตประเทศก็คือบรรดาบ้านนอกไกล ๆ ถนนหนทางไม่ดี ใช้รองเท้าพื้นบางจะพังง่าย ก็เลยสงสัยว่าอุปาหนานี่น่าจะเป็นรองเท้าพื้นหลายชั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ประมาณว่าเสริมพื้นเสริมส้น"

เถรี 18-02-2019 09:07

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนที่แล้วมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ก็คือคุณนรินทร์ อัครโชติกวนิชย์ ที่ไปโดนพระปลอมฟันตาย อาตมากำลังวิ่งลงใต้ขึ้นเหนืออยู่อุตลุด จึงไม่ได้ไปงานศพ เขารู้ว่าเป็นพระปลอมแล้วไปตามถ่ายคลิป จึงโดนเขาฟันตาย

นักท่องเที่ยวฝรั่งที่เข้าไปช่วยด้วยเจตนาดี แต่ไม่มีความรู้ทางกายวิภาค ถ้าเขาไม่ไปอุดที่หัวแล้วไปอุดที่คอ ยังอาจจะรอด เขาโดนฟัน ๒ ที่ โดนฟันหัวกับคอ ก็คือบริเวณเส้นเลือดใหญ่ที่คอ ถ้าอุดข้างล่างเลือดจะไม่เสียมากขนาดนั้น เขาไปอุดที่หัวเพราะว่าเห็นแผลใหญ่ที่หัว ต้องบอกว่าความตายมาถึงเราแน่ ๆ แต่ไม่บอกเลยว่าจะมาตอนไหน ใครจะไปคิดว่าหนุ่ม ๆ อย่างนั้นก็ตายได้

นรินทร์จะว่าไปแล้วก็ตั้งใจสร้างบุญสร้างกุศล คงประเภทเห็นของปลอมแล้วทนไม่ได้ ไปตามถ่ายคลิป กะว่าจะแจ้งตำรวจ เขารู้ตัวก็เลยเจอของมีคมเข้าไป แต่ก็ดี..ส่งพระปลอมเข้าคุกไปเลย..หมดเรื่อง"


เถรี 20-02-2019 22:00

พระอาจารย์กล่าวกับพระใหม่ “ทำอะไรให้ทำตามระเบียบวินัยเอาไว้ เรายังไม่ได้ ๕ พรรษา แล้วเราไปอยู่ที่อื่น เท่ากับอาบัติติดตัวอยู่ทุกวัน เพราะเราฝืนคำสั่งพระพุทธเจ้า ผมเองไม่ใช่ว่าจะหวงพวกคุณเอาไว้หรอก ผมเองก็ ๘ พรรษาถึงจะออกมา เรื่องของพระวินัยเราอย่าไปเห็นว่าเป็นอาบัติเล็กน้อย ถ้าเราเห็นอย่างนั้นแสดงว่าสภาพจิตของเราหยาบ ไม่ควรแก่ธรรมะ”

เถรี 20-02-2019 22:33

พระอาจารย์เล่าว่า “อาตมาเจ็บตัวตอนไปเชียงราย ยังดีว่าได้น้ำมันมะพร้าวของพระอาจารย์บ๊ะ ไม่อย่างนั้นก็ซวยไม่รู้จบ

ตอนนั้นคนที่นั่งข้างหลังเขาขยับเบาะไม่เข้าที่ อาตมาก็เลยช่วยเขาขยับ มือก็ยังจับประตูค้างอยู่ แล้วเขาก็ปิดประตูปัง...! นิ้วหนึ่งมี ๓ ร่องตามแนวประตูเลย อาตมาก็ “โอ๊ย” ก็ยังไม่มีใครรู้อีก นึกว่าล้อเล่น จนต้องบอกว่า “เปิดประตูก่อน”

พอดีเขามีน้ำมันของพระอาจารย์บ๊ะอยู่ก็เลยทาให้ ตอนแรกก็ยังรู้สึกตึง ๆ หน่อย พอตอนเย็นก็ยุบเกือบหมดแล้ว เหลือสัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ รุ่งขึ้นทาซ้ำอีกทีก็หาย ไม่มีเจ็บไม่มีอะไร ก็ต้องบอกว่าโชคดีนะที่ไม่แตก นิ้วหนึ่ง มี ๓ ร่องตามรูปประตูเลย เคยโดนหนีบทีหนึ่งเจ็บไปตั้งหลายวัน แสดงว่าน้ำมันของท่านดีจริง”

เถรี 20-02-2019 22:51

ถาม : ลูกชายจะไปบวชที่วัดท่าขนุน ต้องทำอย่างไรบ้างครับ
ตอบ : ก็ดูตามกำหนดการที่ประกาศไว้ในเว็บเป็นระยะ เราก็ลงชื่อสมัครแล้วก็ไปตามกำหนด บอกเขาด้วยว่าวัดท่าขนุนเข้มงวดนะ แต่ไม่ว่าจะเข้มงวดแค่ไหน พอเจ้าอาวาสไม่อยู่ก็ตัวใครตัวมัน ว่าไปหลายครั้งแล้วว่า ต่อหน้าและลับหลังให้ทำเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็ “แล้ว ๆ กันไป”

เขาคิดว่าอาตมาไม่รู้จริง วันก่อนก็เพิ่งจะเตือนบางท่านไป พอเวลาเข้าแถวบิณฑบาต ท่านมาแล้วก็มุดหาที่ตัวเองไม่เจอ ก็เลยถามไปว่า เวลาผมไม่อยู่แล้วคุณไม่บิณฑบาตใช่ไหม ? เขาก็ทำหน้างง ๆ ถึงได้บอกว่า ส่วนใหญ่พวกคุณไม่เชื่อว่าผมรู้ เพียงแต่ว่ารู้แล้ว ถ้าเรื่องไหนไม่เสียหายถึงส่วนรวมผมก็ปล่อยไป ตัวคุณไม่เอาดีก็เป็นเรื่องของคุณ อะไรที่เสียหายถึงส่วนรวมก็จะว่ากล่าวลงโทษ

ส่วนใหญ่แล้วท่านจะให้ครูบาอาจารย์จ้ำจี้จ้ำไช ว่าเขาตรง ๆ เรื่องเดียวคนเดียว ลักษณะนั้นเป็นไปไม่ได้


เถรี 20-02-2019 23:11

ถาม : เอาพระกรุสมเด็จพระนางพญามาถวาย มีกำไลสำริดมาถวายด้วย ว่าจะถวายเข้าพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนครับ รอหลวงพี่เปิดไหดูครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเปิดหรอก พวกนี้เขาเรียกว่าผียัดกรุ สมัยนั้นจะมีแต่ดินเผา ไม่มีไหเคลือบเผาหรอก ไหพวกนี้เป็นไหหูแล้วเคลือบ ซึ่งผิดยุค

ถาม : (เครื่องสำริดโบราณ)
ตอบ : ไอ้นี่จริง ๆ เป็นแกนปั่นด้ายของเขา เขาจะเอาแกนไม้ใส่ตรงกลางแล้วปั่น คนไม่รู้จะไปนึกว่าเป็นประคำ เรื่องพระกรุนี่พวกเซียนปลอมกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แล้วก็ยัดกรุ หลายปีค่อยขุดขึ้นมา เขาก็เล่นเป็นกรุวังมะสะ ถ้าเล่นพวกนี้อย่าไปฟัง พวกนี้เขาเรียกว่านิทาน เขาจะเล่านิทานจนเราฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส แล้วควักสตางค์ให้เขา อีกอย่างคือปูนสมัยนั้นเป็นปูนเปลือกหอยตำ แต่นี่เป็นปูนซีเมนต์

เล่นวัตถุมงคล "เซียนแท้" เขาบอกว่าต้องเล่นด้วยตา อย่าเล่นด้วยหู คือต้องดูให้เป็น คุณเอาไว้แจกญาติโยมเวลามาทำบุญก็แล้วกัน

เถรี 20-02-2019 23:44

ถาม : ขอเอาไปเข้าพิธีเสาร์ห้านะครับ ?
ตอบ : ได้...ไหหู รู้ไหมว่าทำไมต้องมีหู ? เพราะว่าเขาเอาไว้บรรจุของหนัก อย่างเช่นพวกน้ำปลา น้ำมัน กระเทียมดอง เพราะฉะนั้น..ใบหนึ่งจึงสูงเกือบเท่าเอวของเรา แล้วคุณคิดว่าไหใบแค่นี้จำเป็นต้องใช้หูไหม ? เขาพยายามจะปลอมกันแต่ลืมไปว่าไหหูต้องใบใหญ่ ใบเล็ก ๆ ไม่ต้องมีหูหรอก ถึงเวลาเขาร้อยเชือกแล้วเอาไม้คานสอดแล้วหามไป บรรจุพวกน้ำมันตังอิ๊วบ้าง น้ำปลาบ้าง เต้าหู้ยี้บ้าง แล้วก็พวกกระเทียมดอง มีน้ำมีเนื้อต้องแบกกันหลังแอ่น ก็เลยต้องทำหูเอาไว้หามแทน

แล้วที่ว่าผิดยุคเพราะว่ายุคนั้นยังไม่มีไหเคลือบ มีแต่ดินเผา หลาย ๆ จุดพอรวมกันเข้ามา ก็ฟันธงได้เลยว่าพวกเซียนทำปลอม บางที่เขาพาไปขุดให้เห็นเลยนะ

แต่พวกกำไลสำริดที่เอามานี่ใช้ได้ เพราะว่าบ้านเก่าเป็นชุมชนโบราณมาก่อน แล้วพวกสำริดอายุบอกได้ชัดเจน แต่เรื่องของพระเครื่องนี่ลำบาก ถ้าเราไม่เคยชินจะมองดูไม่รู้ แบบเดียวกับโยมเมื่อวานเดินมา ถามโยมว่าขาเป็นอะไรมา ? โยมบอกว่าโดนรถชน คนอื่นยังไม่รู้เลยว่าท่าเดินของเขาเหมือนใครที่ไหน เป๋ไปข้างหนึ่ง มองนิดเดียวก็สังเกตออก เรื่องอย่างอื่นละเอียดกว่าตั้งเยอะ เขาเรียกว่าการประมวลผลแบบเชอร์ล็อกโฮม ...(หัวเราะ)...


เถรี 22-02-2019 19:19

พระอาจารย์กล่าวว่า “ใส่หน้ากากมาเป็นหวัดหรือเปล่าจ๊ะ ? ไม่ต้องไปใส่กันฝุ่นหรอก ฝุ่นมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ถ้าฝุ่นจะทำให้เราตายก็คงจะตายกันหมดแล้ว ฝุ่นจะมีผลเฉพาะเด็กอ่อนกับคนที่แก่จนหมดสภาพ

ร่างกายของเรามีระบบป้องกันแก้ไขฝุ่นอยู่แล้ว ส่วนหยาบก็ติดอยู่ที่จมูก ส่วนละเอียดที่เข้าไปข้างในก็มีพวกเมือกพวกเสมหะคอยดักจับ ถ้าพวกที่ละเอียดเกินกว่าเมือกในร่างกายจะจับได้ ก็แปลว่าต้องหลุดออกมาพร้อมกับลมหายใจนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นบรรพบุรุษของเราก็ตายกันหมดแล้ว

ที่เขาปั่นเรื่องขึ้นมาเพราะว่าจะขายหน้ากาก อาตมายืนยันเพราะว่าตัวเองเคยทำสีรถมา ๘ ปีไม่ได้กันอะไร วันไหนพ่นรถสีไหน สั่งน้ำมูกออกมาเป็นสีนั้นเลย

ส่วนใหญ่แล้วบ้านเราพอมีอะไรก็ฮือตามกันไปแบบขาดสติ
ไม่เห็นหรือที่เขาลือกันว่าจะเกิดภัยพิบัติ ? เข้าไปตามห้าง บรรดาชั้นวางของว่างเปล่าเลย ซื้อกันจนไม่มีอะไรเหลือ แล้วยังมีบรรดาพวกที่ไปซื้อที่สร้างบ้านไว้ตามภาคเหนือ จังหวัดที่เหนือกว่านครสวรรค์ไป ตอนนี้ก็สาหัส ป่านนี้ผ่อนที่หมดหรือยังก็ไม่รู้ ? วันก่อนก็มีโยมถามว่าแผ่นดินไหวที่กาญจนบุรีเป็นอย่างไรบ้าง ? บอกว่าเพลินดี ตื่นอยู่ก็เหมือนกับนอนเปล...!"

เถรี 22-02-2019 19:42

พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ว่า “รางวัลเป็นแค่ของแถม จะมีหรือไม่มีรางวัลเราก็ตั้งใจทำงานของเราไป”

เถรี 22-02-2019 19:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "ฝรั่งส่วนใหญ่แล้วเขาเน้นเอาผลการปฏิบัติ เขาไม่ได้เอาเปลือกนอกอย่างพวกเรา พวกเราส่วนใหญ่ติดอยู่แค่พิธีกรรม ที่วัตถุมงคล ไม่ได้ไปไกลเกินกว่านั้น

ต้องบอกว่าบารมีไม่เท่าเขา อาตมาสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อต้องการไประดับภาวนา ของพวกเราก็ยังไปแค่ทาน แค่ศีลอยู่เลย แบบเดียวกับหลวงพ่อสุเมโธ มีคนไปถามหลวงพ่อว่าอาชีพก็ดี การงานก็ดี อยู่ในประเทศใหญ่ประเทศเจริญ ทำไมถึงมาบวชในเมืองไทย ท่านบอกว่า “อเมริกามีซูเปอร์ไฮเวย์ แต่ไม่มีทางไปพระนิพพาน” เจอหลวงพ่อสุเมโธทุบจมดินไปเลย

เสียดายว่าคนไทยเราส่วนใหญ่อยู่กับของดีแล้วไม่รู้จักของดี เดี๋ยวนี้ทุกมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรหมด ยิ่งอังกฤษนี่หนัก อังกฤษก่อนประชุมรัฐสภาต้องนั่งสมาธิก่อน ๒๐ นาที เพราะว่าเขาเห็นประโยชน์จริง ๆ ว่าสมาธิทำให้คุมอารมณ์ได้

มหาดเล็กราชวัลลภ ๔,๐๐๐ คนของเจ้าฟ้าชายชาร์ล โดนบังคับฝึก Meditation หมด ทหารเขายืนยันว่าเวลาฝึกสมาธิแล้ว หน้าที่การงานทุกอย่างของเขาละเอียดรอบคอบขึ้น"


เถรี 22-02-2019 20:08

"เสียดายว่าบ้านเราหลักสูตรดี ๆ โดนเอาออกหมด ตั้งแต่สมัยนายแพทย์บุญสม มาร์ติน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเป็นคริสต์ เขาก็เอาหลักสูตรหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมออกไป ระยะหลังพวกคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ วันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา มีอำนาจขึ้นมาก็ตัดออกเลย เหลือแต่จริยธรรม

ปัจจุบันนี้มีอิสลามศึกษาแล้ว เพราะว่าพวกนี้ฉลาด เขาเล่นใช้กฎหมายบังคับ ถ้าเราไม่ทำก็ผิดกฎหมาย ในเมื่อเป็นหลักสูตรของกระทรวงผ่านมาก็ต้องเรียน ตั้งแต่ประถมก็มีอิสลามศึกษาแล้ว พุทธศาสนาโดนเขี่ยออก เอาอิสลามศึกษาเข้ามาแทน"

เถรี 22-02-2019 22:09

"เราเสียรู้เขามาตลอด แต่ว่าตอนนี้ดีใจอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ว่าพอหลวงหว่างตาย ก็ปลุกให้คนไทยตื่นขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ที่อาตมาไม่ต้องเอากฐินลงไป เพราะว่าปิดยอดบริจาคที่ ๑๑,๒๔๕,๒๖๕ บาท ๙๔ สตางค์ มีหนี้อยู่เก้าแสนกว่าไปได้ ๑๑ ล้านกว่าบาท ก็เลยตั้งใจซื้อที่ขยายวัดออกไปอีก พอขึ้นถึงสี่ล้านอาตมาก็สั่งยุบขบวนรถไฟ คืนเขาไปเถอะ ไม่ต้องไปแล้ว

ถ้าเราไม่แสดงออกซึ่งความสามัคคีเหนียวแน่นกันแบบนี้ ก็โดนเขาตีตาย เพราะว่าแนวปฏิบัติของเราก็สู้เขาไม่ได้ เอาแค่พระเณรของเรามีวัดไหนบ้างที่สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นทุกวัน น้อยมากนะ อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิใหม่ ๆ ปี ๒๕๓๒ เขาสวดมนต์ทำวัตรกันเฉพาะในช่วงเข้าพรรษา ลงปาฏิโมกข์กันเฉพาะช่วงเข้าพรรษา

อาตมาก็เลยดุไปเพราะว่าตัวเองอาวุโสกว่า บอกว่า “นี่คุณจะลองฉันข้าวเฉพาะช่วงเข้าพรรษาไหม ? ถ้าคิดว่าฉันข้าวเฉพาะช่วงเข้าพรรษาแล้วอยู่ได้ทั้งปีก็เอา” ท้ายสุดก็เลยฟื้นการทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็นขึ้นมา ฟื้นการลงปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือนตามพระธรรมวินัยขึ้นมา แล้วเราสู้เขาได้ไหม ? อิสลามเขาละหมาดวันละ ๕ เวลา ของเราแค่เช้าเย็นก็ยังน้อยกว่าเขาอีก ๓ เวลา

สามัคคีเราก็สู้เขาไม่ได้ สมาธิกำลังใจเราก็สู้เขาไม่ได้ เพราะว่าการซักซ้อมเราไม่มี ยังไม่ค่อยจะสำนึกกันเลย ถึงเวลาลำบากหน่อยก็ตะกายไปอยู่ที่อื่น บอกว่าวัดท่าขนุนบ้า ทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นทั้งปี"

เถรี 22-02-2019 22:13

ถาม : ในกรุงเทพฯ ที่เจอมาก็มีวัดสระเกศฯ ?
ตอบ : ถ้าวัดที่เจ้าอาวาสเข้มงวดจะเป็นอย่างนี้ และที่สำคัญก็คือวัดสระเกศฯ นั้น หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านลงทำวัตรเอง ถ้าเจ้าอาวาสไม่ลงก็ไม่มีประโยชน์

วัดท่าขนุนที่ทำวัตร ๓ เวลาจริง ๆ แล้วรอบหกโมงเย็นไม่ใช่เวลาทำวัตรหรอก แต่เดิมตั้งแต่สมัยหลวงปู่สาย เป็นเวลาที่ท่านกำหนดให้พระใหม่ไปซ้อมสวดมนต์ แต่คราวนี้ลำพังถ้าพระใหม่ไปซ้อมอยู่ แล้วใครจะนำจังหวะให้ ก็ได้แต่มั่วกันไป

อาตมาอยู่ก็ไปนั่งเฝ้า พอไปนั่งเฝ้าเจ้าอาวาสเขาอาวุโสน้อยกว่า เห็นว่าพระอาจารย์มาก็เลยต้องมาด้วย พอเจ้าอาวาสมา บรรดาแม่ชีก็มาด้วย ท้ายสุดก็เลยเล่นกันอย่างเป็นทางการไปเลย หมดเรื่องหมดราว ก็เลยกลายเป็นทำวัตรเย็น ๒ รอบ

สมัยหลวงปู่สายท่านถึงขนาดลงมาคุมเอง ถึงเวลาให้พระสวดมนต์ให้ฟังทีละบทเลย ถ้าสวดไม่ได้ก็เจอเขกกบาล ถ้าปลงอาบัติกับหลวงปู่ไม่ได้ก็เตรียมตัวไว้เถอะ ท่านเขกหัวเอาจริง ๆ ถึงได้บอกกับพระใหม่ว่า ผมให้เวลาตั้ง ๓ วัน หลวงปู่ท่านให้วันเดียวเอง


เถรี 25-02-2019 21:59

ถาม : เขาจะออกกฎหมายให้ศาลอิสลาม ?
ตอบ : ใครทำความผิด ถ้าคู่กรณีเป็นอิสลาม ก็
ต้องขึ้นศาลอิสลามไป แปลว่าถ้าใครมาอยู่ประเทศไทยและเป็นอิสลาม ก็จะไม่อยู่ในกฎหมายไทย แต่คราวนี้เรามักจะไม่ทันเขา เพราะว่าในส่วนกลางหรือระดับบริหาร ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่คนของเขาก็คือคนที่เขาเลี้ยงไว้ เราเผลอเมื่อไรเขาก็จะออกมาเป็นกฎหมาย

เดี๋ยวนี้เวลาลงไปใต้ที่สนามบินภูเก็ต พนักงาน
นี่แทบจะเป็นอิสลามล้วน ๆ เลย เวลาเดินผ่านแล้วเครื่องดัง ไม่มีใครมาค้นตัวเพราะว่าเป็นผู้หญิงล้วน ๆ ถ้าไม่ค้นอาตมาก็ไปแล้วนะ เจ้าหน้าที่ข้างนอกเป็นผู้หญิงหมด เหมือนกับเขาตั้งใจโชว์ว่าที่นี่เป็นเขตของอิสลาม เพราะว่าผู้หญิงอิสลามเขาจะแต่งตัวเด่นชัดมาก

เถรี 25-02-2019 22:16

ถาม : ใช่ลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่...น่าจะเป็นพวกที่คัดลอกตำราต่อไปจากอาตมาอีกที ลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุงประเภทเขียนแล้วต้องเดา ถึงเวลาเล็งแล้วต้องเดาอีกต่างหาก

มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านก็เขียนส่งมา บอกว่า “เล็ก..ไปตามมาซิ” อาตมาก็ดูรายชื่อ วัชรชัย อาจินต์ สุรจิตร ไล่โทรเรียกทีละคน หลวงตาวัชรชัยมาถึงก็ตูดร้อน ผุดลุกผุดนั่ง “เฮ้ย..เล็ก...พ่อมีอะไรวะ ?” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ท่านให้ตาม” พอถึงเวลาท่านออกมาก็กราบท่านเสร็จ ท่านก็มองหน้าแล้วถาม“อ้าว...เอ็งมาทำอะไร ?” หลวงตาก็ทำท่าโล่งใจ รอดตายไปที หลวงพ่อท่านบอกว่า “ไอ้คนที่ดูแลเรื่องประปาน่ะ” “อ๋อ...ธวัชชัยครับ” “เออ..นั่นแหละ” กราบเรียนว่า "เห็นหลวงพ่อเขียนวัชรชัยผมก็ตามมาเลย" เล่นหลวงตาเอา
เกือบจะหัวใจวาย

ถาม : ลายมือหลวงพี่อาจินต์ก็เหมือนกันครับ อ่านยาก ?
ตอบ : สถิติสูงสุดคือท่านฝากซื้อของ แล้วผมก็อ่านตามทีละรายการ ไปเจอตัวที่อ่านไม่ออก ก็เลยถามว่า “พี่..อันนี้คืออะไร ?” ท่านดันบอกว่า “ไม่รู้..ผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน” แล้วกูจะรู้ไหมวะ ? ขำที่สุดก็คือตัวเองอ่านไม่ออกนี่แหละ ผมก็กลัวว่าจะซื้อของผิด ก็เลยพยายามอ่านทวนก่อน ไปถามท่านท่านดันอ่านไม่ออกเองด้วย

ความจริงลายมือหลวงพ่อวัดท่าซุงผมเก็บไว้เยอะนะ แต่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ไหน เวลาท่านเขียนสั่งงานอะไรมาผมก็เก็บไว้

เถรี 26-02-2019 00:16

พระอาจารย์กล่าวว่า “ด้านหลังเหรียญพุทธบารมีรุ่นนี้ ไม่ใช่ยันต์ทำน้ำมนต์โดยตรง แต่ว่าเป็นยันต์สุริยันทรงกลด ที่หมายถึง ความยิ่งใหญ่ ความรุ่งเรือง ความยั่งยืน”

เถรี 26-02-2019 21:59

พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกเราเองเข้าใจคำว่า เพล แต่ที่มาที่ไปไม่ค่อยจะรู้

สมัยก่อนเขาจะมีการแบ่งเวลาเป็นช่วง ๆ เช้า สาย เพล เที่ยง บ่าย เย็น ค่ำ คราวนี้พวกเราส่วนใหญ่แล้วพอนาน ๆ ไปลืมว่าเขาแบ่งกันอย่างไร ช่วงเช้าถ้าภาษาเก่าเขาเรียก งาย ช่วงเย็นเขาเรียก แลง ปัจจุบันนี้อีสานยังใช้คำว่ากินข้าวงาย กินข้าวแลง กันอยู่ ส่วนภาคกลางลืมกันหมดแล้ว

ถึงเวลาพระตีกลอง เพื่อที่จะประกาศบอกชาวบ้านว่าได้เวลากินมื้อสุดท้ายของวันแล้ว เวลาช่วงนั้นจึงเรียกว่าพระตีกลองเพล ก็เลยกลายมาเป็นพระฉันเพล ถ้ามื้อเช้าเขาเรียกว่าฉันจังหัน จังหันที่ภาคอีสานก็ยังใช้อยู่ ส่วนภาคกลางไม่ได้ใช้แล้ว เรียกฉันเช้าฉันเพลกันหมด

บางทีก็ถามพ่อออกแม่ออกว่า 'ไปไสล่ะ ?' 'ไปจังหัน' ก็คือเอาอาหารเช้าไปส่งพระ ทางอีสานส่วนใหญ่ตอนบิณฑบาตเขาจะใส่แต่ข้าว ส่วนกับข้าวที่เรียกว่าจังหันจะใส่ปิ่นโตไปถวายต่างหาก”

เถรี 26-02-2019 22:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมไม่ต้องซื้อหน้ากากมาฝากพระนะ ตอนนี้อาตมามีพอเปิดร้านขายได้แล้ว โดยเฉพาะอาตมาไม่กลัวฝุ่น เพราะว่าตอนเช้า ๆ ก็อาราธนาพระและยันต์เกราะเพชรกันไว้ก่อน ไม่ตายเพราะฝุ่นแน่นอน..รับประกันได้"

เถรี 26-02-2019 22:23

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องรถชนข้างฝาพังว่า "ใครสามารถชนข้างฝาศาลา ๑๐๐ ปี วัดท่าขนุนให้พังได้นี่ต้องระดับรถถังนะ เพราะว่าข้างฝาของศาลา ๑๐๐ ปี วัดท่าขนุนหนาเกือบเมตร ๘๐ เซนติเมตร ใช้อิฐมอญก้อนใหญ่พิเศษเรียงขวาง ไม่ได้เรียงตามยาวนะ...เรียงขวาง

โรงงานเขาบอกว่าตั้งแต่ผลิตอิฐรุ่นนี้มา เพิ่งจะมีวัดท่าขนุนที่สั่งมากที่สุดในประเทศไทย โรงงานผลิตอยู่อ่างทอง วิ่งไปส่งที่วัดท่าขนุนเขาไม่คิดค่าส่ง เพราะว่าสั่งมาก"

เถรี 26-02-2019 22:26

พระอาจารย์เล่าว่า "เห็นวัดจีนในประเทศอื่น ๆ หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็ดี เขามีการบูชาพระพุทธรูปประจำตระกูลหรือประจำตัวเอง แล้วก็มีการถวายไฟเป็นพุทธบูชา ถึงเวลาทางวัดแต่ละวัดก็จะทำผนังเป็นช่องเล็ก ๆ สำหรับตั้งพระพุทธรูปหน้าตัก ๓ นิ้วได้ เต็มที่ก็ ๕ นิ้ว หรือไม่ถ้าเป็นพระพุทธรูปยืนก็สูงประมาณศอกหนึ่ง แล้วก็มีไฟอยู่ ๑ ดวง เปิดบูชาทั้งวันทั้งคืน เพื่อความรุ่งโรจน์ของชีวิตและวงศ์ตระกูล

แล้วก็ไปเจอวัดร่องขุ่นของท่านอาจารย์เฉลิมชัย ให้บูชาใบโพธิ์ ใบละ ๓๐ บาท จารึกชื่อ-นามสกุล แล้วก็ไปแขวนถวายเป็นพุทธบูชาไว้ เอาเงินที่ได้ไปสร้างวัด แขวนไว้เป็นแสน ๆ ใบ เห็นว่าเป็นวิธีหาเงินที่ดีอย่างหนึ่ง

แต่ถ้าให้อาตมาไปทำอย่างนั้นก็ไม่ทำ เหตุที่ไม่ทำก็เพราะว่า เรื่องของพิธีกรรมเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของศาสนาเท่านั้น อาตมาต้องการกำลังใจที่สูงกว่านั้น เมื่อต้องการกำลังใจที่สูงกว่านั้น เรื่องพวกนี้ก็ต้องลดลงให้เหลือน้อยที่สุด ถึงเวลาก็ตั้งใจให้เขาไปปฏิบัติธรรมกัน"

เถรี 26-02-2019 22:28

"ระยะหลังมีฝรั่งหลายคนที่บางทีก็มาอยู่ไทย ๓ เดือน ๖ เดือน แล้วก็หาเงินใช้ด้วยการรับจ้างสอนภาษาอังกฤษ พวกนี้ทำตัวกลมกลืนกับคนไทยเร็วมาก มีการไปวัด มีการไปทำบุญ มีการนั่งสมาธิ เห็นแล้วเสียดายแทนคนไทย เพราะว่าคนไทยเราแทบจะทำบุญอย่างเดียว โอกาสที่จะไปเจริญกรรมฐาน นั่งสมาธิภาวนาน้อยมาก

ตอนนี้ที่วัดท่าขนุนมีขาประจำอยู่ไม่กี่คนที่มาสวดมนต์ทำวัตรทุกวัน แล้วก็ยังมีขาประจำวันพระ ก็คือมาเฉพาะวันพระเท่านั้น พวกนี้นาน ๆ ไปก็จะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น

ที่บอกว่าเสียดายเพราะว่าเป็นคนไทย แต่ว่าสละเวลามาเข้าวัดไม่ได้ ขณะที่ฝรั่งเดินเข้าวัดเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะบางคนใช้ภาษาไทยดีมาก
ช่วง ๕ โมงกว่าก่อน ๖ โมงเย็น ซึ่งก็ปิดศาลาใหญ่แล้ว อาตมาเห็นไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ ที่หน้าประตู ก็เดินเข้าไปบอกเขาว่าเปิดเข้าไปข้างในเพื่อกราบพระได้ เขาตอบเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วว่า เข้าไปแล้วครับ ตอนนี้ยืนรอเพื่อนอยู่"

เถรี 26-02-2019 22:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัพเพ สัตตา อาหารัฏฐิติกา สัตว์ทั้งหลายจะอยู่ได้ด้วยอาหาร ถ้าขาดอาหารตายแน่

ถามว่าอาหารมีอะไรบ้าง ? กวฬิงการาหาร อาหารทั่ว ๆ ไปอย่างข้าว น้ำ ขนม เป็นต้น ผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก ต้นไม้ก็ต้องหายใจ...ใช่ไหม ? คนก็ต้องหายใจ สัตว์ก็ต้องหายใจ วิญญาณาหาร อาหารก็คือรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส ธรรมารมณ์ ที่เข้าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจ ไม่มีนี่บางคนเฉาตายเลยนะ ลองเอาคนไปขังคุกมืดดูสิ"

เถรี 26-02-2019 22:36

"สมัยก่อนของอินเดีย พวกนักปราชญ์เขาจะมีการโต้วาทีตรรกวิภาษ โต้กันว่าใครความรู้สูงกว่า แบบสัจจกนิครนถ์ ถึงขนาดต้องเอาเหล็กมาขึงคาดพุงเอาไว้ กลัวว่าความรู้มากจนพุงจะแตก แต่ความจริงแล้วท่านอ้วนมากต่างหาก

ปัญหาหนึ่งที่เขาถามกันประจำ ก็คือ เอกัง นาม กิง ? อะไรชื่อว่าหนึ่ง สิ่งที่จะเป็นหนึ่งได้ ก็คือทุกคนต้องการเหมือนกันหมด ต้องตอบว่าอาหาร

คราวนี้ไปดูในโสปากสูตร พระพุทธเจ้าท่านตรัสพยากรณ์ปัญหาอะไรชื่อว่าหนึ่ง ๑ อะไรชื่อว่า ๒ ไล่ยาวไปเลย โสปากสามเณร เป็นเณรเล็ก ๆ อายุ ๗ ขวบ ตอบได้ทุกข้อ พระพุทธเจ้าก็เลยยกให้เป็นพระเลย เรียกว่าพระเถระ ทำพิธีบวชที่เรียกว่า ปัญหาพยากรณูปสัมปทา อุปสมบทด้วยการตอบปัญหา เป็นวิธีการบวชประหลาด ๆ หนึ่งในไม่กี่อย่าง เด็ก ๗ ขวบฉลาดขนาดตอบปัญหาพระพุทธเจ้าได้ทุกข้อนี่น่ากลัวมาก"

เถรี 26-02-2019 22:42

"สามเณรที่มีชื่อปรากฏในพระไตรปิฎกมีไม่กี่รูป เริ่มต้นก็ราหุลสามเณร โสปากสามเณร ปัณฑิตสามเณร สมัยนั้นจะกลุ่มสามเณรตัวเล็ก ๆ เรียกว่า สัตตรสวัคคีย์ สามเณร ๑๗ รูป โดนพระแกล้งอยู่เรื่อย จนกระทั่งไปแกล้งเอาพระลกุณฏกภัททิยเถระเข้า เพราะเห็นว่าท่านตัวเล็ก ไม่ได้คิดว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ นึกว่าท่านเป็นเณร พระพุทธเจ้าถึงต้องตรัสห้าม แล้วก็มีศีลพระบางข้อว่าห้ามพระภิกษุแกล้งทำผีหลอก ไม่เช่นนั้นจะโดนอาบัติปาจิตตีย์ เพราะว่าไปหลอกเณรจนร้องห่มร้องไห้

สัตตรสแปลว่า ๑๗ ปัณณรสก็ ๑๕ โสฬสก็ ๑๖ อัฏฐรส ๑๘ ไม่มีนวรส มีแต่เอกูนวีสติ แปลว่า ๒๐ หย่อนหนึ่ง บาลีนี่ค่อนข้างบ้า มี ๑๙ ไม่ใช้ บอกว่า ๒๐ หย่อนหนึ่ง ขาดไปหนึ่งก็คือ ๑๙

แทนจะมีอัฏฐวีสติ ๒๘ แล้วนววีสติ ๒๙ ไปเลย เขาไม่เอา ไปเอาเอกูนัตติงส สามสิบหย่อนหนึ่ง เจอบาลีเข้าถ้าเราเขียนเพลินก็ผิดไปเลย"

เถรี 26-02-2019 22:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาการของออฟฟิศซินโดรม จะมีลมไปอั้นอยู่เป็นก้อนแข็ง เกิดจากธาตุลมมากเกินไป ถ้าธาตุไหนมากหรือน้อยเกินไปก็จะป่วย ที่เขาบอกว่าลมกำเริบก็คือเป็นลมนั่นแหละ

พวกเราส่วนใหญ่ที่เส้นเอ็นตึง เกิดจากการนอนห้องปรับอากาศ พอโดนเครื่องปรับอากาศหนาว ๆ เส้นเอ็นจะหดตัวอัตโนมัติ บางทีนวดมาดี ๆ คืนเดียวเจ๊งหมดเลย เพราะว่าเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นมาก มีบางบ้านเล่น ๑๘ องศา อาตมาจะหนาวตาย"

เถรี 27-02-2019 19:20

สนทนากับพระ เรื่องการที่ไม่ค่อยไปงานที่วัดท่าซุง "อาตมาเบื่อคนเยอะ ๆ ไปแล้วคนมาหามากกว่าเจ้าอาวาส ลองนึกดูสิว่าภาพจะสวยไหม ? ถ้าเป็นสมัยโบราณเขาถือว่ามีคุณูปการเหนือฮ่องเต้ ต้องโดนประหารชีวิต ถึงเวลาเขานิมนต์ก็เลยไม่ค่อยไป ไปแล้วไปแย่งซีนเขา

โดยส่วนตัวแล้ว ไม่มีอะไรกัน แต่คราวนี้ญาติโยมมักจะเรื่องมาก พอเห็นแล้วก็ไปวิพากษ์วิจารณ์กัน มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ เราไม่ไปเสียก็หมดเรื่อง

ถ้าอ่านในพระไตรปิฎก เราจะเห็นว่าพระมหากัจจายนะพาพระมากราบพระพุทธเจ้า มากันทีสองสามร้อย พระพุทธเจ้าก็ประทานสาธุการ ตรัสชมว่าพระมหากัจจายนะเป็นพระเถระที่เพียบพร้อมด้วยสีลาจารวัตร สามารถฝึกสอนลูกศิษย์ได้ดี สร้างความเลื่อมใสในพระศาสนาได้มาก หรือว่าพระมหากัสสปะพาคณะออกธุดงค์มากราบลา พระไปกันทีเป็นร้อย ท่านก็ประทานสาธุการ เอ่ยคำชม แนะนำวิธีให้

ถ้าเราดูจะเห็นว่า เรื่องแบบนี้พระพุทธเจ้าท่านนอกจากจะไม่อิจฉาริษยาแล้วยังยินดีด้วย เพราะว่าพระองค์ท่านหมดกิเลสจริง ๆ แต่คราวนี้คนทั่วไปไม่ได้หมดกิเลส ในเมื่อคนทั่วไปไม่หมดกิเลส ถึงเวลาก็นินทาว่าร้ายของเขาไปเรื่อยเปื่อย จะเกิดโทษมากกว่า จึงไม่ไปเสียเลย"



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:12


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว