เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๔
ถาม : กระผมพยายามภาวนาคาถาเงินล้านให้ได้หนึ่งร้อยแปดจบทุกวัน แต่ปัญหาคือระหว่างวันที่ภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้นก็จะมีการคิดปรามาสพระรัตนตรัยอยู่บ่อย ๆ บางทีก็เป็นภาพลามกที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งการปรามาสนี้กระผมเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น แต่มันเหมือนเกิดขึ้นมาเองโดยเราไม่ได้ตั้งใจและยับยั้งไม่ทัน
คำถามคือถ้าเกิดระหว่างวันที่สวดภาวนาพระคาถาเงินล้าน เกิดการปรามาสพระรัตนตรัยขึ้นมา และยังไม่ได้มีการขอขมาพระรัตนตรัย การที่เราสวดมนต์ภาวนาพระคาถาเงินล้านต่อไปหลังจากเกิดการปรามาสพระรัตนตรัยแล้วนั้น เรายังจะได้อานิสงส์เกี่ยวกับเรื่องความคล่องตัวและเงินทองจากการสวดภาวนาพระคาถาเงินล้านอยู่ไหมครับ ? ตอบ : อานิสงส์การภาวนานั้น นับในขณะที่ทรงอารมณ์ความดีได้ ช่วงที่โดนความชั่วเข้ามาแทรกก็เท่ากับทำงานฟรี |
ถาม : หากทำอาชีพขายหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระเกจิอาจารย์ แบบนี้ถือว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยไหมครับ ? แล้วจะมีโทษหรือบาปประการใดไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจัดวางในสถานที่เหมาะสม ไม่แสดงการล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็ไม่มีโทษ ถ้าปรามาสด้วยความตั้งใจก็มีอเวจีเป็นที่ไปเท่านั้น..! |
ถาม : ถ้าเราภาวนาคาถาเงินล้าน โดยนึกภาพตัวอักษรเป็นภาษาที่เรากำลังเรียนอยู่ เช่น ภาษาเวียดนาม ภาษาเกาหลี อย่างนี้เป็นต้นให้ตัวอักษรไหลไปตามคำภาวนาซึ่งไม่ใช่ภาษาไทย เพื่อเป็นการฝึกภาษาด้วย อย่างนี้เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่เป็น ถ้านึกเป็นภาษากูโบ๊ส หรือ กูต๊าบ ได้ จะมีอานิสงส์มากยิ่งขึ้น..! |
ถาม : ศาลพระภูมิที่บ้านเช่าที่อเมริกาล้มและมีชิ้นส่วนหักเพราะลมแรง เนื่องจากเช่าอยู่เลยไม่ได้ตั้งศาลพระภูมิถาวร เป็นเพียงศาลไม้ที่ติดกาวอยู่กับฐานปูนนอกชาน และมีความตั้งใจว่าจะย้ายกลับเมืองไทยปีหน้า ควรจะทำอย่างไรดีคะ ระหว่างที่ยังไม่ย้ายควรจะทากาวซ่อมติดกลับไปเหมือนเดิม หรือศาลหักลงมาแล้วควรจะเอาไปไว้ที่วัดคะ ถ้าไม่ควรซ่อมติดกาวสามารถบอกกล่าวและขอขมาพระภูมิว่าไม่สามารถตั้งศาลใหม่ให้ได้เพราะมีความตั้งใจว่าจะย้ายกลับบ้านได้ไหมคะ ถ้าถึงเวลาย้ายบ้านต้องทำพิธีถอนศาลหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใหม่ได้จะดีมาก ถ้าตั้งใหม่ไม่ได้ก็ควรที่จะซ่อมขึ้นมา ไม่เช่นนั้นในระหว่างนั้นเท่ากับเราไม่มี "ยาม" คอยดูแลรักษา ถ้าย้ายบ้านก็ไม่ต้องทำอะไร เป็นภาระของคนที่มาอยู่ใหม่ไปดำเนินการเอง |
ถาม : ผมฝันว่าพบหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ได้สนทนากับท่าน ความฝันเหมือนจริงมาก เมื่อสนทนาจบความรู้สึกในฝันจนถึงลืมตาดูเหมือนต่อเนื่องกัน ความฝันนี้คือผมได้คุยกับท่าน หรือท่านอื่นแต่มาในรูปท่าน จริงหรือฝันฟุ้งซ่านไปเองครับ ?
ตอบ : เป็นไปได้ทั้ง ๓ อย่าง ต้องหัดสังเกตเอง เมื่อเจอเข้าบ่อย ๆ ก็จะรู้ว่าจัดอยู่ในข้อใด ถาม : หากจริงสิ่งที่สนทนาในฝันเชื่อถือได้หรือไม่ครับ ? ตอบ : ทุกเรื่องจะน้อมใจเชื่อเลยไม่ได้ ต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถาม : คนละคราวกับข้างต้น ผมฝันว่าเป็นพระ บวชในเทศกาลหนึ่งในวัดแห่งหนึ่ง ครบกำหนดที่จะต้องสึก แล้วผมเดินไปตามพระที่ท่านจะทำพิธีสึก ฝันแบบนี้มีความหมายทางโลกทางธรรมอย่างไรบ้างครับ ? ตอบ : อย่าไปเอาสาระกับความฝัน ฝันดีก็เก็บเอาไว้เป็นกำลังใจ ฝันไม่ดีก็ให้ลืมไปเลย |
ถาม : ผมภาวนา จับภาพพระปัจเจกพุทธเจ้า เนื้อเงิน นั่งได้สักพัก ก็ได้กลิ่นหอม คล้ายกลิ่นดอกไม้ ?
ตอบ : ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง |
"พัง..!" ... "ตี๊ดด..ตี๊ดด..ตี๊ดด.." "ดี" ... "ตี๊ด" ... ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า..! ระยะนี้เก็บกด โดนยกเลิกงานไปหลายสิบงาน ไม่มีอะไรจะทำ จึงมาแกล้งเครื่องวัดอุณหภูมิเล่น..! ตอนแรกก็ยังไม่รู้ ไปเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันคณะของท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งมาตรวจยกห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงครามขึ้นเป็นวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี |
เดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิของร้านอาหารคีรีมันตรา ตี๊ดด..ตี๊ดด..ตี๊ดด..!
เครื่องเออเร่อครับ ขออนุญาตปิดแล้วเปิดใหม่ครับ พนักงานในร้านรีบวิ่งมาแก้ไข แล้วให้อาตมาวัดอุณหภูมิใหม่ ตี๊ดด..ตี๊ดด..ตี๊ดด..! ยังคงเจ๊งกระบ๊งเหมือนเดิม..! วัดไม่ได้อาตมาก็ไปละนะ ว่าแล้วก็เดินเข้าร้านไปโดยล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์อย่างเดียว ถ้าติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ มา มีหวังได้แพร่กระจายก็วันนี้แหละ..! |
"เป็นเพราะท่านไม่ได้คลายสมาธิออกมาครับ" เสียงของ "วัชระ" (เจ้าแสบ ๑) บอก อาตมาจึงนึกขึ้นมาได้ ว่าปกติถ้าเดินผ่านเครื่อง X - Ray ของสนามบิน ถ้ามีของที่ไม่ต้องการให้ตรวจเจอ ก็จะอธิษฐานภาพพระคลุมตัวเอาไว้ แล้วเดินผ่านไปแบบไร้ปัญหา..!
"ตี๊ดด..ตี๊ดด..ตี๊ดด..!" "เครื่องเออเร่อครับ" ท่านซ้วง (พระศิระ จิตฺตสุโภ) ซึ่งเป็นเวรรับสังฆทานประจำวัน รีบวิ่งมาแก้ไขเครื่องวัดอุณหภูมิประจำศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน แต่อาตมามั่นใจแล้วว่า ถ้าไม่คลายสมาธิออกมา ก็เออเร่อทุกเครื่องนั่นแหละ..! |
"นะจังงัง นะบังตัง นะบังจิตตัง นะกาโร โหติ สัมภะโว" "ตี๊ดด..ตี๊ดด..ตี๊ดด..!"... ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า..!:54bd3bbb: |
หลวงพี่...หลวงพี่นี่เป็นคนอย่างไรวะ ? ขอเงินก็ไม่ให้ ขอให้โฆษณาก็ไม่ช่วย !? พระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม) รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี โวยใส่ทันทีที่เห็นหน้า ในงานปลุกเสกเหรียญและพระกริ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ อนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี วะ..ไอ้นี่..! ผมก็สร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีอยู่เหมือนกันนะโว้ย..! เอาเงินให้คุณแล้วผมจะเหลืออะไรวะ ? แล้วเรื่องโฆษณา ถ้ายังไม่ทำพิธีปลุกเสก ผมจะเอาอะไรมาพูดวะ ? จะต่อว่าอะไรก็เอาหัวแม่เท้าคิดบ้างซีโว้ย..! |
เหตุที่มึงวาพาโวยใส่กันได้ เพราะว่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอกันมานาน เรียนระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท มาด้วยกัน จนถึงปริญญาเอกท่านติดภารกิจของห้องเรียน มจร. วัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี จึงแยกออกไปเรียนในมหาวิทยาลัยอื่น บริหารงานจนได้เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรี ทางคณะสงฆ์ก็เป็นถึงรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี
งานนี้ท่านมุ่งมั่นมาก ในเมื่อหาเงินจากคณะสงฆ์ยากนัก ก็มาเอาจากญาติโยมดีกว่า กำชับนักหนาว่าจะต้องมาเสกให้ท่านให้ได้ ทั้งที่ในงานนิมนต์ทั้งหลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วน หลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะ หลวงปู่หวั่น วัดคลองคูณ เจ้าคุณสุรศักดิ์ วัดประดู่ เจ้าคุณชำนาญ วัดชินวราราม ฯลฯ อาตมาผู้น้อยก็ต้องมาตามคำขอร้องแกมบังคับของเพื่อนแต่โดยดี... |
เมื่อเริ่มพิธีอาตมาก็กราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ตามที่ศึกษามา ขอให้ทุกท่านทุกองค์เมตตา ประสิทธิ์ประสาทให้วัตถุมงคลทุกชิ้นเปี่ยมด้วยอานุภาพ เห็นภาพนิมิตองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเจ้าพระยาไชยานุภาพ ยืนตระหง่านค้ำฟ้า...
เข้าสมาบัติเต็มที่แล้วว่าพระคาถานี้ จนกว่าจะบอกให้เลิก ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมที่ก่อนสิ้นชีวิตเป็นพระแท้ ๆ แต่ถนัดบทบู๊ยิ่งกว่า จา พนม สั่ง..! |
"สุกิตติมา สุภาจาโร สุสีละวา สุปากะโต ยัสสะสิมา วะเจธะโร เกสะโรวา อะสัมภิโต" รอบข้างทั้งภายนอกภายในมีอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจแล้ว จนกระทั่ง "พระองค์ดำ" ฟาดพระแสงของ้าวแสนพลพ่ายลงมากลางพิธี คลื่นพลังแผ่กระจายครอบคลุมประหนึ่งเกิดแผ่นดินไหว ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมจึงให้ถอนสมาธิ เลิกการปลุกเสกได้... "ใช้พระคาถานี้เป็นการอาราธนาวัตถุมงคลชุดนี้ก็ได้ อานุภาพเป็นมหาอำนาจ ชนะศัตรู เทวดารักษา อมนุษย์มิกล้ากล้ำกราย" ขอบพระคุณครับท่านปู่... |
"พ่อชื่อธนเสฏฐะ จำไว้ให้ดีนะลูก" ระหว่างที่ทุ่มเทสรรพกำลังพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน เพื่ออัญเชิญพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน ซึ่งหล่อจากเม็ดเงิน ๖๐๐ กิโลกรัมเข้าที่ประทับ พระองค์ท่านก็เมตตาบอกพระนามให้ทราบ... พระรูปพระโฉมของพระองค์ท่าน ปรากฏสว่างไสวไปทั้งท้องฟ้า ประหนึ่งพระจันทร์วันเพ็ญที่ประกอบด้วยรัศมีทรงกลด รุ่งเรืองสดใสยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบปาน..! |
ขออนุโมทนา ที่ลูกทุกคนช่วยกันสร้างรูปเปรียบของพ่อขึ้นมาไว้บูชา โดยเฉพาะสร้างขึ้นจากเงินแท้ ซึ่งนับแล้วเป็นโอทาตกสิณ สามารถใช้ดวงจันทร์แทนดวงกสิณได้ ตรงกันข้ามกับปีตกกสิณ ที่ใช้ดวงอาทิตย์เป็นดวงกสิณ ขอให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่คล่องตัว มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการเทอญ
|
ตั้งแต่ยุคหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ศึกษาพระคาถา พระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ มาจากพ่อปู่ครูผึ้ง ชาวนครศรีธรรมราช เจ้าของฉายา ผึ้งบุญ หรือ ผึ้งผู้ใจบุญ มาจนถึงสมัยหลวงปู่เล็ก วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ก็ไม่มีการเปิดเผยพระนามของพระองค์ท่านแต่ประการใด
อาตมาเข้าใจดีว่า การถามพระนามของพระระดับนั้น ไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำอย่างเด็ดขาด จึงไม่เคยสงสัยไต่ถามมาก่อนเลย จนกระทั่งมีพระเมตตาประทานมาให้เองในวาระนี้ |
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เวลากราบขอบารมีพระ ......ฯลฯ...... พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ มีสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้านเป็นประธาน สมเด็จพระพุทธอุปริฏฐปัจเจกพุทธเจ้าเป็นที่สุด ......ฯลฯ...... อาตมาจะตั้งใจเช่นนี้ตลอดมา
|
ไม่ตายเพราะโควิดหรอกครับ แต่จะตายเพราะท้องร่วงแทน..! เฮ้ย..ก็ตูกำลังล้างมืออยู่นี่ นั่นแหละครับ..ฟองน้ำแช่ค้างคืนอยู่ในน้ำยาเก่า เพาะเชื้อโรคเป็นล้าน ๆ เลย..! |
ตายห่..ใครจะไปรู้วะ !? เอา...นกเอ๋ยนกกระจาบครับ |
"นกเอ๋ย..นกกระจาบ..................เห็นใบพงลงคาบค่อยเพียรขน มาสอดสอยด้วยจะงอยปากของตน...ราวกับคนช่างพินิจคิดทำรัง ช่างละเอียดเสียดสลับออกซับซ้อน...อยู่พักร้อนนอนร่มได้สมหวัง แม้นทำงานหมั่นพินิจคิดระวัง..........ให้ได้ดังนกกระจาบไม่หยาบเอย" |
กว่าจะล้างเสร็จแทบมือถลอกปอกเปิก นี่ตูมี "บริวาร" หรือ "ครูไหวใจร้าย" กันแน่วะ ? คอยดูนะ..งานหน้าพ่อจะแต่งกลอนดอกสร้อย "แมงเอ๋ย..แมงภู่คำ" ให้แทน..!
|
ถาม : พระอาจารย์ที่สอนในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในวิชาพระวินัยบอกว่า การมีเพศสัมพันธ์กับตุ๊กตายางไม่ต้องอาบัติปาราชิก เพราะว่าไม่ใช่ผู้หญิง จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เรื่องนี้ต้องตอบแยกเป็น ๒ ประเด็น คือ |
๑. การต้องอาบัติปาราชิกโดยตรง สมัยนั้นยังไม่มีตุ๊กตายาง จะปรับอาบัติโดยตรงไม่ได้ แต่เราต้องมาคิดว่า การต้องอาบัติปาราชิกนั้น พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้อย่างไรบ้าง ?
ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง พอห้ามไว้ก็ไปมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย พอห้ามไว้ก็ออกไปหาบัณเฑาะว์ ผู้ชาย ซากศพ ห้ามอวัยวะเพศก็ไปทวารหนัก ไปทวารปาก ไปกระทั่งรอยแผลบนซากศพ ฯลฯ คราวนี้ซากศพต่างจากตุ๊กตายางตรงไหน ? เพราะว่าไม่มีชีวิตเหมือนกัน ถ้าห้ามกระทั่งรอยแผลบนซากศพ แล้วตุ๊กตายางไม่แย่กว่าศพหลายเท่าหรือ ? สมัยนี้จับนั่งดี ๆ แทบจะดูไม่ออกว่าเป็นหุ่น แถมบางรุ่นยังเคลื่อนไหวได้ ส่งเสียงได้อีกต่างหาก พอที่จะต้องอาบัติปาราชิกหรือยัง ? |
๒. ในเมื่อสมัยนั้นไม่มีตุ๊กตายาง ก็ต้องอาศัยมหาปเทส ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงให้ไว้ในการตัดสินพระธรรมวินัย สิ่งที่ไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร แค่นี้คุณก็จะเห็นว่า พระอาจารย์ของคุณนั้น น่าจะโดนอาบัติปาราชิกได้อย่างง่าย ๆ เลย..!
|
"รู้ว่าไม่ไหวก็อย่าไปฝืนเลยลูก" หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เมตตาบอก หลังจากที่อาตมาอาราธนาบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ครอบลงมาทั้งประเทศไทย เพื่อช่วยป้องกันไวรัส "ห่าลงปอด" ในงานปลุกเสกวัตถุมงคลของวัดพุทธพรหมยาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ แต่..พยายามถึงสามครั้งแล้วก็ไม่สำเร็จ...
"อะไรที่เป็นวาระกรรมของคนหมู่มาก เกินกำลังของเราที่จะรับไหว ก็ต้องปล่อยวางบ้าง ความเป็นพุทธภูมิของแกมีมากเกินไป ถึงลาแล้วก็ยังอดไปยุ่งกับวาระกรรมของคนอื่นไม่ได้อยู่ดี" หลวงพ่อฤๅษีฯ เสริมขึ้น ผมก็แค่คิดว่าบารมีพระย่อมไร้เทียมทานเท่านั้นครับ แฮ่..! |
เอาอย่างนี้สิลูก ท่านย่าเอ่ย แกไปขอกับพระท่านโดยตรง ดีกว่าแอบเอาเงินในกระเป๋าของพระองค์ท่าน มาทำตัวเป็นเศรษฐีจ่ายไม่อั้นแบบนี้ แฮะ..แฮะ..ขอยืดหน่อยก็ไม่ได้...
เมื่อกราบลงแทบพระบาท ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก พระองค์ท่านก็เมตตาตรัสว่า โกมารภัจจ์ ไปช่วยลูกหลานเขาหน่อย ทำเอาอาตมากราบลงอีกรอบแบบไม่ทันจะตั้งตัว..! |
รูปพระวิสุทธิเทพจางลง กลับกลายเป็น "ปู่หมอ" ในชุดขาว โอบแขนผนึกเอา "พลัง" ทั้งหมดที่ทุกท่านทุกองค์เมตตา พุ่งลงไปยังกองวัตถุมงคลจนสว่างเจิดจ้าไปทั้งศาลา...
เนิ่นนานกว่าที่ "ปู่หมอ" จะเอ่ยปากว่า "เสร็จแล้ว..เสกให้ทั้งศาลาเลย วัตถุมงคลทุกชนิดในที่นี้ สามารถป้องกันโรค "ห่าลงปอด" ได้ ให้อาราธนาด้วยพระคาถา "สัพพะโรคา วินาสสันติ โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เม" เพราะว่าเผื่อด้านลาภผลให้ด้วย" |
กราบขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ แล้วแบบนี้ไม่เป็นการฝืนกฎของกรรมหรือครับ ?
ถ้าใครได้ไป แปลว่าวาระบุญของเขายังพอที่จะผ่านพ้นภัยอันตรายตรงนี้ได้ จำไว้ว่า ป้องกัน นะ ไม่ใช่ รักษา ต้องอาราธนาไว้ทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น ก็ยิ่งดี ถ้าใครไม่มีก็มาจุดธูปขอน้ำมนต์กับองค์พระในศาลานี้ไปใช้แทน |
ทีของผมเองพ่อปู่ไม่เห็นให้แบบนี้บ้าง นั่น..มีต่อว่าด้วย
เจ้าคิดว่า พุทโธ อัปปมาโณ ยังไม่พอใช่ไหม ? ความจริงวัตถุมงคลชุดล่าสุดที่เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ใช้แบบนี้ได้ทุกชิ้น เจ้าไม่รีบเอาออกมากระจายให้พวกเขาเองต่างหาก ผมเห็นว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ก็เลยไม่อยากไป รีดเลือดกับปู ครับ ก็ขายถูกลงหน่อยซีโว้ย..! หลวงพ่อฤๅษีฯ ไม่ได้มาแค่เสียง แต่มาพร้อมกับไม้เท้าที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน ? ทำเอาอาตมาต้องเผ่นชนิดกราบลาพระแทบไม่ทัน..! |
ถาม : จุลโสดาบันคืออะไรครับ ?
ตอบ : คำนี้จะพบในสายการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ แบบพองยุบ เมื่อโยคีบุคคลผ่านญาณ ๑๖ ตั้งแต่นามรูปปริจเฉทญาณ ไปจนถึงผลญาณแล้ว สายนี้เชื่อว่าได้เป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ถ้าไม่ถึงพระโสดาบัน ก็จะเทียบได้กับจุลโสดาบัน |
คำว่า "จุล" แปลว่า "เล็ก" ประมาณว่าเป็นพระโสดาปฏิมรรค แต่อันตรายตรงที่ว่า ปัจจุบันนี้ครูบาอาจารย์สายนี้ที่เก่งจริงหาได้ยากมาก พอลูกศิษย์ไป "ส่งอารมณ์" ถ้ามีอาการในญาณใดญาณหนึ่งแม้เพียงนิดหน่อย พระวิปัสสนาจารย์ผู้ควบคุมการปฏิบัติ ก็จะฟันธงว่าผ่านญาณนั้น ๆ แล้ว..!
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็อาจจะพาให้โยคีบุคคลผู้เข้าปฏิบัติในสายนี้ หลงทางเตลิดเปิดเปิง ออกทะเลหาฝั่งไม่เจอ เหมือน "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" มีสิทธิ์ที่จะพากันไปตกเหวตายได้ทุกเวลา ทำให้เสียดายแทนท่านที่เป็นเช่นนั้น ซึ่งอาจจะเป็นถึงระดับมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเป็นชอบไปเลย..! |
ถาม : หลวงพ่อครับ พระสมเด็จวัดระฆังดูอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไปหาหนังสือในห้องสมุดของผมชื่อ "พระพันตา" เอามาดูก่อน จำพิมพ์ จำเนื้อให้แม่น แล้วจำเอกลักษณ์ก้อนขาว จุดแดง ก้านดำ รอยปูไต่ ฯลฯ อะไรประมาณนี้ให้ได้ จากนั้นค่อยไปขอส่ององค์จริงจากท่านที่มี ในวงการเขามีสโลแกนว่า "เล่นพระสมเด็จ..เสร็จทุกราย" ถ้าไปโลภมาก เห็นแก่ของราคาถูก ตาไม่ถึง เอาแต่ฟังนิทานประกอบ มีแต่ตายกับตาย..! ยิ่งพระ "ลาวตกรถ" หรือสมัยหลังเรียกว่า "ตกควาย" ไม่ใช่ตกปลา โปรดทราบว่า "ควาย" ที่เขาตกก็คือคุณนั่นแหละ..! ถาม : ถ้าอย่างนั้นก็ให้หลวงพ่อจับพลัง ? ตอบ : การจับพลังใช้ไม่ได้ ไม่เป็นสากล ยิ่งถ้าเป็นผมจับ องค์ไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น..! จำไว้ว่า "ของดีราคาถูก" หาได้ยากในโลก อย่าไปหวังฟลุก ไม่อย่างนั้น "ค่าหน่วยกิต" แพงมาก..! |
"ฝีมือนายยอดเยี่ยมขึ้นทุกวันเลยนะ" "ขอบคุณที่ชม..ยอดฝีมือก็ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย "น้ำนิ่งก็คือน้ำเน่า" ครับ" อีกฝ่ายนั่งไขว่ห้างกระดิกขา แคะฟันเล่นแบบ "ชิล" มาก... "สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งประเทศ จนรัฐบาลไม่มีเวลามาสนใจเรื่องโควิด ๑๙ พอถึงเวลาก็ทิ้งบอมบ์ตูมลงมา จนติดเชื้อกันกระจาย ทำเอารัฐบาลปั่นป่วนจนรับมือไม่ถูก แล้วนายยังมีอะไรอีก ?" อาตมาถามดื้อ ๆ แบบไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตอบ... |
"ตอนนี้ก็ซ้ำด้วยอบายมุข ยาเสพติด ความหนาว ต่อไปก็ความอดอยาก แห้งแล้ง กระตุ้นให้คนไม่พอใจมากยิ่งขึ้น แค่นี้ก็คงปวดหัวพอแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง นี่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยครับ"
ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล" รบกันเป็นส่วนตัวก็ยังพอไหว แต่รบเพื่อคนหมู่มากที่ไม่มีกำลังใจจะต่อสู้นี่ แทบจะมืดแปดด้าน มองหาทาง "ชนะ" ไม่เจอ... "อย่างน้อยท่านก็ยังมี "ไทยชนะ" กับ "หมอชนะ" ละน่า.." ทำไมกลายเป็น "มาร" มาปลอบใจ "พระ" ไปได้วะ ? |
"หลวงพ่อครับ...หลวงพ่อมีนัดกับทางโรงพยาบาล ๐๙.๓๐ น. นะครับ" เลขาฯ พัฒน์ (พระพัฒน์ ฐิตาจาโร) เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน มาเคาะประตูสำนักงานแจ้งให้ทราบ...
เฮ้อ..อากาศ ๑๓.๓ องศาเซลเซียส กำลังน่า "เลื้อย" เป็นที่สุด หลังฉันเช้าเสร็จ มาทำบัญชีรายชื่อเด็กนักเรียนรับทุนเพิ่งจะเสร็จ งานต่อไปก็มารออีกแล้ว... |
ทั้งงัดทั้งแงะ "น้องเล็ก" ที่ไข้จับจนลุกไม่ขึ้นออกจากที่นอน ให้ขับรถที่ยืมมาจาก "ช่างยศ" ไปส่งที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ เจอหมอนุ้ย (แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ พร้อมกับคณะแพทย์ พยาบาล มารออยู่แล้ว...
หมอนุ้ยน่าจะเป็นตัวอย่างของหญิงผู้เป็นเบญจกัลยาณีได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่มารับตำแหน่งผู้อำนวยการจนป่านนี้ สิบกว่าปีผ่านไปหน้าตาก็ยังเหมือนเด็กไม่เปลี่ยนแปลง รู้จักกันใหม่ ๆ อาตมาเรียกว่า "ผอ.เด็กน้อย" ไปยืนคู่กับเด็กเพิ่งเรียนจบได้สบายเลย... |
ในจำนวน "หมวก" เกือบสามสิบใบที่อาตมาสวมอยู่นั้น มีอยู่ใบหนึ่งคือ ประธานคณะกรรมการโครงการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ ที่อาตมาเรียกว่า "ตำแหน่งจ่ายเงิน" ซึ่งงานนี้ทางโรงพยาบาลทองผาภูมิเปิดห้องผ่าตัด (OPD) แต่ว่าเครื่องมือบางอย่างแพงมาก กระทรวงยังไม่มีงบประมาณให้ ต้องวิ่งไปหยิบยืมจากโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาในตัวเมืองกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ห่างออกไป ๑๔๐ กิโลเมตร..!
อาตมาเองเพิ่งสร้างหน่วยไตเทียม ซึ่งประกอบด้วยเครื่องมือฟอกไต ๑๒ ยูนิตให้กับทางโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพิ่งหาเครื่องฟอกไตให้กับทางโรงพยาบาลได้ ๗ ยูนิตเท่านั้น หมอนุ้ยไม่กล้ารบกวน แต่การวิ่งไปกลับครั้งละเกือบ ๓๐๐ กิโลเมตร เพื่อยืมและคืนเครื่องมือ ทำให้อาตมาที่ได้ทราบเรื่องแล้วทนไม่ได้... |
จึงหอบวัตถุมงคลมาให้ "ไอ้ตัวเล็ก" เปิดกระทู้ร่วมบุญซื้อเครื่องมือแพทย์ในเว็บวัดท่าขนุน ซึ่งได้รับการตอบรับจากญาติโยมอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เมื่อเป็นเช่นนั้นหมอนุ้ยก็เลยขอเพิ่มเครื่องมืออีกหนึ่งตัว จากยอดเดิม ๓ ล้าน ๘ แสนบาท จึงกระโดดไปเป็น ๔ ล้าน ๑ แสนบาท..!
อย่าคิดว่าจะท้อ ในเมื่อมีพระคาถาเงินล้านอยู่กับตัวจะไปกลัวอะไร อาตมาจึงตอบรับทันที และวันนี้ก็ต้องมาทำพิธีมอบเงินจำนวน ๔ ล้าน ๑ แสนบาทกันที่หน้าห้องผ่าตัดเลย..! |
เมื่อมอบเงินและรับเกียรติบัตรเสร็จ อาตมาก็ลากลับวัดท่าขนุน จากนั้นทุกเวลาในการทำวัตรเช้าเย็น ต่อหน้าพระรูปของสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งหล่อจากเม็ดเงิน ๖๐๐ กิโลกรัม อาตมาก็ต้องภาวนาพระคาถาเงินล้านถวายและเผื่อแผ่ให้แก่ญาติโยมผู้ร่วมบุญด้วยทุกท่านเป็นปกติ...
"นาสังสิโม พรัหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะลายันติ ฯลฯ" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:21 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.