กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=113)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8326)

ตัวเล็ก 29-01-2022 20:06

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๕
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๕



เถรี 29-01-2022 21:21

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ หลายท่านก็คงจะงง ๆ ที่เห็นว่า วันนี้กระผม/อาตมภาพลงมานั่งรับสังฆทาน ซึ่งความจริงการรับสังฆทานที่นี่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสั่งเอาไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ แล้ว ท่านบอกว่า ถ้าศาลาหลังนี้เสร็จ (ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย) ก็ให้รับสังฆทานเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมด้วย

แต่กระผม/อาตมภาพก็ผัดผ่อนเรื่อยมา โดยอ้างว่ายังไม่เสร็จ เพราะว่าพิพิธภัณฑ์ยังไม่ได้ทำ ปรากฏว่าวันนี้ช่วงเช้าหลวงพ่อท่านดุว่าจะยื้อไปถึงไหน ? เพราะว่าคนที่เขามาไกล ต้องการจะพบ ถ้าหากว่าได้ถวายสังฆทานด้วย เกิดปีติขึ้นมา ก่อนตายนึกถึงผลบุญตรงนี้ได้ก็ไปสุคติเลย

เหตุผลตรงนี้กระผม/อาตมภาพเข้าใจดี แต่ที่เลี่ยงหนีมาตลอดก็เพราะว่าเบื่อคน แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเลิกรับโทรศัพท์นั่นแหละ ก็คือจะดึกดื่นค่อนคืนขนาดไหน ถ้าเขาไม่นอนก็คิดว่าคนอื่นไม่นอนด้วย ก็โทรไป แล้วกระผม/อาตมภาพเป็นคนที่มีนิสัยว่า ถ้าตื่นแล้วตื่นเลย จะไม่นอนอีก ก็แปลว่าบางทีสี่ทุ่ม ห้าทุ่ม เที่ยงคืนก็ต้องตื่นเพราะโทรศัพท์ ท้ายสุดก็ตัดสินใจเลิกรับโทรศัพท์ไปเลย..!

ส่วนการรับสังฆทานที่นี่นั้นมีปัญหามากกว่านั้น ประการแรกเลย คนที่มาหอบหิ้วเอาคนป่วยบ้าง คนที่ถูกผีเจ้าเข้าสิงเข้ามาบ้าง ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปเอาข่าวมาจากไหน ว่ากระผม/อาตมภาพรักษาเรื่องพวกนี้ได้ แล้วก็จะมายัดเยียดให้กระผม/อาตมภาพรักษาให้ ปฏิเสธไปก็น้อยอกน้อยใจว่าเขาเป็นคนจนบ้าง ไม่ใช่คนสำคัญบ้าง ไม่มีความเมตตาบ้าง คนไม่ใช่หมอจะให้เป็นหมอ บางรายก็ถึงขนาดด่าเสีย ๆ หาย ๆ มาเลย ถึงขนาดขึ้น "ไอ้เหี้_ ไอ้สัตว์"
กระผม/อาตมภาพเองก็รับเอาไว้เฉย ๆ บางรายก็มาขอหวย ไม่ให้ก็ไม่เลิก เป็นเรื่องที่น่าเบื่อสุด ๆ

แม้กระทั่งคนที่มาถวายสังฆทานก็เหมือนกัน เจตนาชัดเจนในการถวายสังฆทานนั้นมีน้อย ส่วนใหญ่ก็คือมาถ่ายรูปก่อน เพื่อที่จะได้ไปอัพลงเฟซบุ๊ก ต้องบอกว่าแบบนี้เสียเวลาทำงาน
กระผม/อาตมภาพก็พยายามหลบ พยายามเลี่ยงมาตลอด แล้วในที่สุดมาถึงวันนี้ก็เลี่ยงไม่ได้

เถรี 29-01-2022 21:28

เหตุที่เบื่อคน เพราะว่าความต้องการของคนไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ได้มีการคิดถึงผู้อื่นแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องการอะไรต้องได้อย่างนั้น แล้วพอไม่ได้ก็อย่างที่เห็นว่าบางรายก็ด่าเสีย ๆ หาย ๆ ไปเลย กลายเป็นว่าตัวกระผม/อาตมภาพเองทำให้คนอื่นลงนรกโดยใช่เหตุ ก็เลยเลิกรับสังฆทานไปโดยปริยาย

บุคคลอีกประเภทหนึ่งที่น่าเบื่อยิ่งกว่านั้นก็คือ มาขอความช่วยเหลือ การขอความช่วยเหลือทั่วไปนั้นให้ได้ แต่ในการขอความช่วยเหลือ เช่น การก่อสร้าง ก็บอกแล้วว่ากระผม/อาตมภาพช่วยแค่ปีละวัดเดียว ด้วยการนำกฐินปลดหนี้ไปให้ ไม่ใช่ว่าใครมาขอก็ช่วยเขาหมด เราต้องสืบดูก่อนด้วยว่าเขาทำงานนั้นจริงหรือเปล่า ?

เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยช่วยไปหลายวัด กลายเป็นว่าเขาเอาเงินก้อนที่เราช่วยไปนั้นเป็นตัวประกัน ก็คือมีเงินทำงานชิ้นนั้นแน่นอน แล้วตัวเขาก็ไปบอกบุญเรี่ยไรอีกต่างหาก กลายเป็นว่าเงินส่วนอื่นที่ทำบุญมาคือกำไรเข้ากระเป๋าของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าที่จะเกิดขึ้นในวงการคณะสงฆ์ของเรา แต่ก็เกิดเป็นประจำ แล้วโดยเฉพาะถ้าคุณไม่มีความสามารถพอ แล้วจะไปสร้างทำอะไร ? ดูแลของเก่าให้ดี รักษาความสะอาดเรียบร้อยของวัด ก็สามารถเรียกศรัทธาคนได้แล้ว จะต้องไปสร้างอะไรมากมายหนักหนา ?

อีกประเภทหนึ่งก็คือ มาขอวัตถุมงคล ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไม่ตั้งตู้จำหน่ายวัตถุมงคล ก็เพราะเห็นว่าคนเราจะไปยึดวัตถุมงคลมากกว่ายึดหลักธรรม จึงไม่ให้ตั้งตู้จำหน่าย เพิ่งจะมีเดือนนี้ (มกราคม ๒๕๖๕) ที่เริ่มให้ตั้งตู้จำหน่ายก็เพราะว่าเลิกการรับสังฆทานทางด้านบ้านเติมบุญแล้ว รายได้ส่วนอื่นที่จะมาช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายของวัดก็ไม่มี จึงจำเป็นที่จะต้องอนุญาตให้มีการตั้งตู้จำหน่ายวัตถุมงคล

แต่ก็จำหน่ายในสถานที่อันเหมาะสม ก็คือไม่ได้ไปเที่ยวต้อนชาวบ้านให้ไปซื้อหาแบบเดียวกับที่หลายวัดเขาทำกัน หลายแห่งที่กระผม/อาตมภาพไป ตั้งใจจะไปกราบพระ ตั้งใจจะไปไหว้สังขารครูบาอาจารย์ หรือว่าไปไหว้ครูบาอาจารย์ ไม่ได้พบหรอก เขาต้อนให้ไปบูชาวัตถุมงคลก่อน

เถรี 29-01-2022 21:33

อีกประเภทหนึ่งก็ประเภทมาขอให้เป็นเจ้าภาพสร้างวัตถุมงคลก็ดี เป็นประธานในการสร้างวัตถุมงคลก็ตาม ซึ่งความจริงเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้รังเกียจ แต่ปรากฏว่าพอทำไปแล้ว กลายเป็นว่าการสร้างวัตถุมงคลเพื่อโน่น เพื่อนี่ เป็นแค่ข้ออ้างบังหน้าเท่านั้น กลายเป็นว่าสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเขาและพวกพ้อง พอได้ไปครั้งหนึ่งก็จะมีครั้งที่สอง ได้ครั้งที่สองก็จะมีครั้งที่สาม ซึ่งมีแต่จะซ้ำเติมเขาให้ลงนรกหนักขึ้นไปทุกวัน เนื่องเพราะบอกชัดว่าจะเอาเงินไปทำอะไร แต่ไม่ได้เอาไปทำอย่างนั้น ไปเที่ยวซื้อหาทรัพย์สินสิ่งของมาเพื่อบำรุงบำเรอความสุขตัวเอง..!

เมื่อเจอหลาย ๆ ครั้งแบบนี้เข้า กระผม/อาตมภาพก็เลยยื้อกับหลวงพ่อท่านมาเรื่อย เพราะว่าตอนแรกท่านบอกว่า ถ้าศาลาหลังนี้เสร็จให้เริ่มรับสังฆทาน
กระผม/อาตมภาพก็ถือว่ายังไม่เสร็จ เพราะว่าส่วนของพิพิธภัณฑ์ยังไม่ได้เริ่มลงมือสร้าง ยื้อไปยื้อมาได้ ๙ ปี หัวจะแตก..! เพราะท่านบอกว่าคนที่เขามาดีจะเสียประโยชน์ วันนี้ก็เลยต้องลงมานั่งรับสังฆทาน

แต่ก็คิดว่าจะรับในลักษณะเดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำสมัยที่อยู่วัดท่าซุง ก็คือช่วงเช้าเป็นเวลาทำงานส่วนตัว เนื่องเพราะว่าตำแหน่งหน้าที่ ๓๐ กว่าตำแหน่ง เฉพาะเอกสารอย่างเดียวก็แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว ช่วงบ่ายโมงถึง ๔ โมงเย็นค่อยลงมารับสังฆทาน ตามแบบที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยทำ

ดังนั้น...ถ้าหากว่าวันนี้มีข่าวแพร่ไปว่ากระผม/อาตมภาพนั่งรับสังฆทาน แล้วจะแห่กันมา ก็ขอให้ทราบว่า ถ้ามาผิดเวลาก็ไม่เจอเหมือนเดิม เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนหวงเวลาส่วนตัวมาก นักปฏิบัติธรรมที่ดีควรจะทำเช่นนี้ทุกคน เพราะว่าเราสูญเสียครูบาอาจารย์ไปจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ก็เพราะไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง

เถรี 29-01-2022 21:38

ถ้าหากว่าเอ่ยชื่อก็อย่างเช่นท่านอาจารย์นิกร ท่านอาจารย์ยันตระ หลวงพ่อภาวนาพุทโธ เป็นต้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อปฏิบัติธรรมไปถึงระยะหนึ่ง ความสามารถพิเศษเริ่มปรากฏ ผู้คนก็เห็นเป็นอัศจรรย์ แห่กันไปหาหัวไม่วางหางไม่เว้น จนไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมเพื่อรักษาใจตัวเอง เมื่อถึงเวลากิเลสตีกลับ ก็เกิดสภาพอย่างที่เห็น

เรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้นมีอยู่ ๒ ประเภทด้วยกัน ก็คือประเภทแรก...สำเร็จแล้วสำเร็จเลย อีกประเภทหนึ่ง...อยู่ในลักษณะที่เพิ่งกดกิเลสเอาไว้ได้ ประเภทหลังนี่ส่วนใหญ่มาสายอภิญญา ความสามารถพิเศษต่าง ๆ เริ่มปรากฏขึ้น คนก็เห็นเป็นอัศจรรย์ แห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน ทำให้ท่านไม่มีเวลาปฏิบัติเพื่อกดกิเลสตัวเองต่อ เมื่อกิเลสตีกลับ เราก็สูญเสียครูบาอาจารย์ที่ดีไปอย่างที่เห็น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปนี้ถ้าหากว่าใครสอบถามให้บอกว่า ถ้าอยู่วัด กระผม/อาตมภาพจะลงรับญาติโยมตั้งแต่บ่ายโมงถึง ๔ โมงเย็น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าญาติโยมเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตอนช่วงเช้า ก็จะมาถึงระยะเวลาใกล้เคียงนั้นพอดี แล้ว
กระผม/อาตมภาพเองก็จะได้มีเวลาทำงานทำการอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบมากมายในช่วงเช้าไปก่อน

แล้วก็ไม่ต้องมาต่อว่า ไม่ต้องมาเรียกร้องว่ามาผิดเวลาแล้วไม่ได้พบ ถ้าหากว่าเป็นคนดีพอ รู้ระเบียบ รู้วินัย เขาจะมาตรงเวลาเอง ส่วนไอ้ที่ไม่รู้ระเบียบ ไม่รู้วินัย ก็ถือว่าความประพฤติยังไม่เพียงพอที่จะสงเคราะห์ ถ้าสวรรค์มีทางไม่รู้จักไป อยากจะด่าพระเพื่อให้ลงนรกก็เชิญ...!

วันนี้ก็ขออนุญาตบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา แล้วก็แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ได้รับทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:34


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว