กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7262)

เถรี 21-10-2020 19:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ขะมักเขม้นค้นหาวัคซีน เพื่อที่จะเอาไว้กันไวรัสโควิด-๑๙ แต่มีจุดตายตรงที่ว่า โควิด-๑๙ มีอาการเหมือนโรคเอดส์กับโรคซาร์สร่วมมือกัน ก็คือทำลายปอดเหมือนกับโรคซาร์ส ทำลายภูมิคุ้มกันเหมือนกับโรคเอดส์ ก็เลยทำให้สร้างวัคซีนได้ยากมาก

คราวนี้มีคนเสนอว่า มีใครเห็นปลาฉลามป่วยตายบ้างไหม ? ในเมื่อไม่มี แสดงว่าเลือดปลาฉลามอาจจะใช้ในการสกัดสารออกมา เพื่อที่จะทำวัคซีนกันไวรัสโควิด-๑๙ ได้ ถ้าลักษณะอย่างนี้ละก็...ไม่ใช่แต่ฉลามที่จะซวย จระเข้ก็อาจจะซวยไปด้วย ถ้าหากว่าโยมสังเกต เวลาไปเที่ยวฟาร์มจระเข้ บ่อจระเข้สกปรกสาหัสเลย จระเข้มักจะกัดกันเป็นบาดแผลเยอะแยะไปหมด แล้วก็นอนแช่อยู่ในน้ำสกปรกนั่น แต่ไม่เห็นจะเป็นอะไร เขาว่าเลือดของจระเข้อาจจะมีสารต่อต้านพวกเชื้อโรคได้ดีเหมือนกัน"


เถรี 21-10-2020 20:05

"แต่ลักษณะนี้เป็นการคิดแบบมักง่าย อย่าลืมว่าฉลามกับจระเข้เป็นสัตว์ ทำไมไม่คิดค้นยาจากพืชกันบ้าง ถ้าเป็นอาตมาจะมองหาพืชชนิดไหนที่ตายยากตายเย็นที่สุด ตั้งแต่สมัยอาตมายังเด็กอยู่ก็โน่นเลย..หญ้าคา ตายยากสุด ๆ หญ้าคานี่ต้องขุดดินขึ้นมาเลย แล้วก็ดึงเอาราก ดึงเอาหน่อขึ้นมาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นต่อให้มีเหลืออยู่แม้แต่เส้นเดียว ก็ขึ้นเป็นต้นใหม่ได้

ปัจจุบันนี้ที่งอกงามได้ในทุกสถานที่คือไมยราบเลื้อย น่าจะลองหาวัคซีนจากพวกพืชมากกว่า แต่ถ้าจะใช้ลักษณะอย่างนี้ของเรา ต้องใช้ระบบอายุรเวชของอินเดีย แพทย์แผนโบราณของจีน แล้วก็แพทย์แผนโบราณของไทย เอามาวิเคราะห์รวมกันว่า มีสูตรยาอะไรที่รักษาเกี่ยวกับโรคปอด แล้วช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น

อย่างอาตมาก็ได้ยาผีบอก ว่าให้ใช้หนุมานประสานกายต้มน้ำกิน ไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง แต่ว่าบำรุงปอด คราวนี้หนุมานประสานกายเป็นด้านพืช ถ้าเป็นทางด้านสัตว์ ท่านให้ใช้รังนกนางแอ่น คราวนี้ก็เบียดเบียนสัตว์อีก นกนางแอ่นทะเลสร้างรังด้วยน้ำลาย แต่ก็มีนกนางแอ่นที่สร้างรังด้วยดินโคลน พวกที่สร้างรังด้วยน้ำลายนี่น่าสงสาร สร้างเสร็จก็โดนแซะเอารังไป แทบจะไม่มีโอกาสแพร่พันธุ์"

เถรี 21-10-2020 20:08

"รังนกชั้นหนึ่ง เขาบอกว่าสีขาวเหลืองใส รังนกชั้นสอง สีขาวเหลืองใสมีสิ่งเจือปนนิดหน่อย ส่วนรังนกชั้นสามนี่ดูไม่ได้ เพราะว่านกคายน้ำลายจนไม่เหลือแล้ว บางทีออกมาเป็นก้อนเลือดเลย..! ถ้าถึงระดับนั้นแล้วยังไปเก็บรังของเขาอีก ก็ต้องบอกว่าโหดเกินไป

ทางด้านแถววัดช่องลม มีชาวบ้านเขาเสียสละตึกให้เป็นที่อยู่ของนกนางแอ่น ตอนแรก ๆ ก็เป็นนกธัมมะธัมโม มายึดโบสถ์เลย ยึดโบสถ์เป็นที่สร้างรัง เวลานกเขาทำรังจะต้องดูว่าสถานที่นั้นปลอดภัยสำหรับเขา ที่ปลอดภัยที่สุดก็โบสถ์นั่นแหละ ก็เลยกลายเป็นนกเข้าโบสถ์ ถึงเวลาพระสวดมนต์ก็มีเสียงนกประท้วง

ที่เล่ามาตั้งเยอะตั้งแยะเพื่อที่จะบอกว่า วัคซีนกันไวรัสโควิด-๑๙ ยังอีกไกล แล้วตอนนี้ใบสั่งซื้อจากบรรดาประเทศมหาอำนาจ ประเทศที่มีเงิน สั่งซื้อมาเป็นพันล้านโดสแล้ว..!"

เถรี 21-10-2020 20:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมากำลังให้ ดร.แม่ชีกุลภรณ์ที่วัด ร่างโครงการอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและการท่องเที่ยว เพราะว่าส่งพระส่งแม่ชีจบปริญญาเอกหลายรูปแล้ว อยู่ว่าง ๆ เดี๋ยวจะคลุ้มคลั่ง ต้องหางานให้ทำ ก็เลยจะให้ช่วยสอนภาษาอังกฤษเด็ก ๆ แต่คราวนี้ถ้าสอนลักษณะการติวหนังสือจะยากมาก เพราะว่าเด็กหลายระดับชั้นเรียนด้วยกัน ก็เลยใช้เป็นโครงการอบรมในลักษณะของการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารและการท่องเที่ยว อย่างน้อย ๆ เขาจะได้คุยภาษาอังกฤษได้

คนไทยเราอ่อนภาษาอังกฤษ ในเมื่ออ่อนภาษาอังกฤษ ก็ต้องมีการอบรมกันเป็นพิเศษ เพราะว่าการไปเรียนต่างประเทศ มีทั้งสอบ TOEFL สอบ IELTS สอบ GIE สารพัด อาตมาเสียเงินให้ลูกเจนนี่ไปสอบ ๓ ยกแล้ว บอกว่าให้ไปหาประสบการณ์ ความจริงคะแนนเขาสูงพอที่จะยื่นเข้า MIT ตามที่ตั้งใจแล้ว แต่ว่าอาตมาให้ไปสอบใหม่ เอาประสบการณ์ บอกเขาว่าต่อให้ไม่ได้ใช้หรือสอบไม่ได้ ก็ต้องรู้ว่าข้อสอบของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ถึงเวลาจะได้บอกคนรุ่นต่อไปให้เตรียมตัวได้"

เถรี 21-10-2020 20:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "การปลุกเสกวัตถุมงคลแต่ละครั้ง ต้องแล้วแต่พระท่านเลย ถ้าพระพุทธเจ้ามีเวลา พระองค์ท่านก็เสด็จเอง ซึ่งปรากฏน้อยมาก

คราวนี้สายของหลวงพ่อวัดท่าซุงได้เปรียบตรงที่ว่าเรารู้จักพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นฆราวาสก็เหมือนสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรี สามารถที่จะเชิญกันได้ คราวนี้ถ้าพระองค์ท่านไม่ว่าง ก็จะมอบหมายให้พระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง หรือพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่งมาแทน และถ้าล้วนแล้วแต่ติดภารกิจสำคัญ มีบางครั้งนี่ไปกันเกลี้ยง สวรรค์จะร้างเอา ถ้าอย่างนั้นก็จะมอบหมายให้ท้าวสหัมบดีพรหม หรือไม่ก็ท่านปู่พระอินทร์ดูแลในงานแทน"

เถรี 21-10-2020 20:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ นี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ ๙๐ ของหลวงพ่อเจ้าคุณไพบูลย์ (พระธรรมคุณาภรณ์) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีเขาจัดทอดผ้าป่า ร่วมทุนการศึกษาและสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ญาติโยมร่วมกันบูชาวัตถุมงคลในเว็บวัดท่าขนุนไปห้าแสนกว่าบาท อาตมาเองก็เติมไปเป็นหกแสนบาทถ้วน

คราวนี้วันที่ ๕ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี นิมนต์ไปเสกเหรียญ ๙๐ ปีหลวงพ่อไพบูลย์ ก็ปรากฏว่าพอขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ท่านก็ให้หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว ลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้มมา กับหลวงพ่อสอน วัดทุ่งลาดหญ้า นั่นก็ลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้มเหมือนกัน มีการย้ำอีกด้วย บอกว่า "ให้เจ้าคุณไปเสกเหรียญเจ้าคุณ" จึงกราบเรียนว่า "ถ้าอย่างนั้นขอท่านเจ้าคุณพระมงคลสิทธิคุณด้วยครับ ไหน ๆ เมื่อลูกศิษย์มาแล้ว
ก็ขออาจารย์ปู่อีกสักท่านด้วยครับ" จึงขอได้หลวงปู่ยิ้มมาอีกรูปหนึ่ง ถึงได้บอกว่า บางทีเราต้องขอแล้วขออีกกว่าที่จะได้

แต่ว่าอย่างงานของพระครูบ่าวที่วัดท่ามะขามนั่น แทบจะไม่มีเครื่องบูชาอะไรเลย โห..พระเถระกาญจนบุรีแห่มากันหมดแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่คาดได้ แต่หวังไม่ได้ แล้วแต่ว่าพระท่านจะให้ใครมาช่วยสงเคราะห์"


เถรี 21-10-2020 21:01

ถาม : หลวงปู่สอนเป็นเจ้าคุณหรือครับ ?
ตอบ : เจ้าคุณพระกาญจนวัตรวิบูล เจ้าคุณสมัยโน้นราคาแพงมากนะ สมัยนี้เจ้าคุณได้กันง่าย สมัยโน้นทำงานกันหน้ามืดกว่าจะได้ หลวงปู่เหรียญก็เจ้าคุณพระโสภณสมาจารย์

เถรี 21-10-2020 21:25

โยมมากราบขอพร เนื่องในโอกาสที่จะแต่งงาน "ขอพร ? ขอให้ทนอยู่ได้นาน ๆ แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง..! ตอนนี้ก็ซ้อมหัดพูดคำว่า "ดีจ้ะ" "ได้จ้ะ" "ครับ ๆ" เอาไว้แค่นั้นก็พอ ตลอดชีวิตการแต่งงาน อย่าพูดอะไรมากกว่านี้ แล้วจะมีความสุขเอง"

เถรี 21-10-2020 21:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่ญาติโยมเห็นก็คือพระนักเรียนบาลีของทางวัดท่าขนุน ซึ่งตอนนี้ท่านที่อยู่ทางวัดปากน้ำก็หยุดการเรียนชั่วคราว เพราะว่าป่วยไข้ ที่อยู่ทางวัดสามพระยาก็โดนอาตมาดึงตัวไปเป็นเจ้าอาวาส ก็เหลืออยู่ที่วัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) จังหวัดกาญจนบุรี ปีที่แล้วสอบตก ไม่ติดแม้แต่ซ่อม ก็เหลืออยู่ทางด้านสหบาลีศึกษา จังหวัดนครปฐม ๘ รูป สูงสุดกำลังเรียนประโยค ๗ ต่ำสุดเรียนประโยค ๑ - ๒ เพราะว่าเพิ่งจะเข้าเรียนปีนี้เอง

ปีนี้วันที่ ๑๔ มีมหาไบรท์กับมหาเสริฐ จะไปรับพระราชทานพัดเปรียญธรรม ๖ ประโยค จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องบอกว่าเป็นเกียรติประวัติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล

ที่อาตมาขำมาก แต่ถ้าหัวเราะอาจจะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็คือพระมหาปัญญา ธมฺมวีโร เปรียญธรรม ๖ ประโยค เลขานุการเจ้าคณะอำเภอพนมทวน ท่านไปรับพัดประโยค ๖ เป็นพระรูปเดียวที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ต้องน้อมพระวรกายลงไปหา เนื่องจากว่าท่านสูงแค่ประมาณ ๑๒๐ เซนติเมตรเท่านั้น พวกเราก็เลยพูดกันขำ ๆ ว่า คนอื่นต้องทำความเคารพพระเจ้าแผ่นดิน ของคุณพระเจ้าแผ่นดินต้องน้อมพระวรกายลงมา เป็นอะไรที่พูดกันเล่น ๆ ว่า เออ...บารมีท่านสูง

เปรียญธรรม ๖ ถ้าหากว่ารับพระครู ก็ขึ้นด้วยคำว่า ศรี อย่างเช่น พระครูศรีธรรมวราภรณ์ พระครูศรีกิตติสุนทร
ประโยค ๓ พระครูปริยัติ เช่น พระครูปริยัติกาญจนโชติ พระครูปริยัติกาญจนโสภณ พระครูกาญจนปริยัติคุณ
ประโยค ๔ พระครูสุต เช่น พระครูดิลกสุตคุณ พระครูกาญจนสุตคุณ พระครูวิธานสุตาภิรม
ประโยค ๕ พระครูสิริ เช่น พระครูสิริปัญญาวิบูล พระครูสิริวรรณโสภิต พระครูสิริสารคุณ"

เถรี 21-10-2020 21:33

"การสอบเปรียญธรรม ประโยค ๗ เป็นประโยคที่ยากที่สุด ถ้าผ่านประโยค ๗ ไปได้ ประโยค ๘ สบายเลย ประโยค ๙ ก็อาจจะสบายไปด้วย เพราะว่าเรื่องฉันท์บาลีนั้นยากมาก เราแต่งฉันท์ภาษาไทยยังยากเลย เด็กรุ่นหลังไม่เป็นเลย ถึงเวลาก็ "หลวงพ่อช่วยหน่อย" อาตมาก็แต่งให้เขาไปเรื่อย เขายังไม่รู้เลยว่าอินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ต่างกันตรงไหน ในเมื่อไม่รู้ความต่าง แล้วจะไปแต่งได้อย่างไร เพราะว่ารูปแบบก็ยังไปไม่ได้ ครุ-ลหุ เป็นอย่างไร สัมผัสนอก สัมผัสใน ไม่ได้หมดเลย แต่ว่าเรื่องนี้ต้องยอมรับว่ายากจริง ๆ

หลวงพ่อเจ้าคุณสมบูรณ์ ตอนนี้เป็นพระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ประโยค ๙ อย่างเดียวท่านสอบอยู่ ๑๔ ปี ท่านสอบได้ตอนอายุเกือบ ๕๐ ปี ตอนนั้นท่านเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด งานทั้งจังหวัดมาลงที่ท่านหมด ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่มีเวลาเรียนหนังสือ ท่านก็อ่านเอง ทำเองอะไรไปเรื่อย

ถามท่านว่า "หลวงพ่อสอบได้อย่างไรครับ ?" ท่านว่า "เขาออกจนไม่มีอะไรจะออกแล้ว" มาออกซ้ำของเดิม ท่านเลยทำได้ แต่ก็ต้องรอจนผ่านไป ๑๔ ปี แต่จริง ๆ แล้วท่านพูดเล่น ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก สมมติว่าให้แต่งฉันท์เฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต่อให้คุณบอกว่าแต่งฉันท์ซ้ำของเดิม แต่ปีก็เปลี่ยนไป อายุก็เปลี่ยนไป ถ้าเขาระบุมาก็เรียบร้อย อย่างไรก็ไม่มีทางซ้ำของเดิมหรอก"

เถรี 21-10-2020 22:15

ถาม : บุคคลที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตร อานิสงส์จะต่างกับไม่เอาหรือไม่คะ ?
ตอบ : บางทีกำลังใจเขาจะดีถ้าได้เห็นใบอนุโมทนาบัตร ก็คือเกิดความรู้สึกว่าเราได้ทำบุญตรงนี้แล้ว เพราะฉะนั้น..กำลังใจต่างกันหรือไม่ต่างกันอยู่ที่ว่า คนนั้นเขายังยึดอยู่หรือเปล่า ? ถ้าเขายังยึดอยู่ว่าต้องมีใบอนุโมทนาบัตร ถ้าเขาได้ไป เขาก็จะรู้สึกดีกว่า

ถาม : ขึ้นอยู่กับเจตนาไหมคะ เจตนาเพื่อไปลดหย่อนภาษี ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเรียกว่า เจตนาขาดความบริสุทธิ์ไปนิดหนึ่ง อานิสงส์ลดไปหน่อย เพราะว่าการทำบุญต้องเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ คราวนี้เราเจตนาว่าเราทำแล้วจะเอาไปลดภาษี ก็ไม่ค่อยจะตรงไปตรงมา

ถาม : กรณีคนที่เขาทำอย่างนั้น...?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก ให้เขาทำไปเถอะ เพราะว่าอย่างน้อยเขาได้ทำบุญ ไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ได้สัก ๘๐ เปอร์เซ็นต์ก็ยังได้ทำ

ถาม : แต่ไม่รับก็ดีกว่าใช่ไหมคะ ?
ตอบ : รับไว้ก็ได้ แต่ไม่ใช่รับไว้เพื่อตั้งใจไปเอาคืนภาษี

เถรี 21-10-2020 22:24

พระอาจารย์กล่าวถามว่า "๑ บวก ๑ ได้เท่าไร ? โดยทั่วไปคำตอบคือ ๒ นั่นเป็นคณิตศาสตร์แบบเด็ก ๆ สมมติว่าเราเอาดิน ๑ กอง รวมกับดิน ๑ กอง จะได้กี่กอง ? นี่ ๑ บวก ๑ เป็น ๑ นะ

ขนมครก ๑ ฝา รวมกับขนมครกอีก ๑ ฝา รวมเป็นขนมครก ๑ คู่ ขึ้นอยู่กับบริบทเฉพาะหน้า คำตอบทุกอย่างไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์ จะได้ตายตัว ฉะนั้น...ทิดดอยก็เลยเครียด

การเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกจะเปิดวิธีคิดให้กับเรา แต่คราวนี้วิธีคิดทั้งหมด คิดแล้วไม่จบ วิธีคิดของพระพุทธเจ้าคิดแล้วจบ"

เถรี 21-10-2020 22:26

"ถ้าหากว่าใช้วิธีคิด ไม่ว่าจะแบบของฝรั่ง แบบของไทย คิดแบบตรรกะ คิดแบบหนึ่งชั้น สองชั้น สามชั้น คิดแบบแยกแยะ คิดแบบเอาเหตุเอาผล คิดด้วยมุมมองของคนภายนอก

ของพระพุทธเจ้าท่านให้มองตัวเอง ดูที่ใจของเรา แก้ที่ใจของเรา ใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีก็ขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้เข้ามา ใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้าไม่มี ก็ทำให้มีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้ว ก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ต่างกันอยู่แค่นี้เอง ก็คือ แนวคิดทางโลก คิดแล้วไม่จบ จะกว้างบานปลายไปเรื่อย ๆ แนวคิดทางธรรมคิดแล้วจบ เป็นการย้อนเข้าหาต้นน้ำ

สรุปว่าปฏิบัติธรรมทั้งชีวิต เอาแค่นั้นก็พอ หาความชั่วให้เจอ ละความชั่วให้ได้ สร้างความดีให้เกิด ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ดูแล้วงานปฏิบัติธรรมมีนิดเดียว แล้วทำไมทำกันยากเย็นนัก ? สำคัญตรงที่ว่าเราต้องทำจริง ดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง อย่าไปดูที่คนอื่น"

เถรี 21-10-2020 22:35

"เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลก เราแก้ไขโลกไม่ไหวหรอก โลกหนักเกิน ต้องแก้ไขที่ตัวเรา อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ดูว่าเรามีอะไรผิดพลาด ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เรื่องนี้ถึงได้เกิด เราทำอะไรถูกต้อง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เรื่องนี้ถึงได้เกิด แล้วก็เลือกเอาในส่วนที่ถูกต้องมาทำ ละในส่วนที่ไม่ถูกต้องไป

แรก ๆ ก็ต้องเกาะดีละชั่ว เกาะดีละชั่วไปเรื่อย ท้ายที่สุดก็ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว..จบ ต้องเกาะก่อนนะ อาตมาขอยืนยัน ใครว่าอาตมาสอนให้ยึดติด คนเราถ้าไม่เกาะแล้วจะเอาอะไรมาละ มาปล่อย ? ต้องเกาะก่อน ถึงจะปล่อยได้ ก็เลยให้เกาะดีไปเรื่อย เดี๋ยวพอดีเต็มที่ ก็เลิกเกาะดีไปเอง

คำว่า "เลิกดี" ไม่ได้เลิกทำ ยังคงทำอยู่ เพื่อความไม่ประมาท เพื่อเป็นเนติคือแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลัง ทำดีเพราะสิ่งนี้นักปราชญ์สรรเสริญว่าดีเราจึงทำ ละชั่วเพราะว่าสิ่งนี้นักปราชญ์ทั้งหลายมีความเห็นพ้องกันว่าเป็นความชั่วเราก็ละ แต่เราไม่ติดทั้งดีทั้งชั่วแล้ว ผ่ากลางตรงไปเลย มีช่องเล็ก ๆ อยู่นิดเดียว ไปผิดจังหวะ ก็ชนผนังหัวแตก ซ้ายก็ไม่ได้ ขวาก็ไม่ได้ มัชฌิมาปฏิปทา ตรงกลางเป๊ะเลย"

เถรี 21-10-2020 22:37

ถาม : ความอิจฉาริษยาที่ยังอยู่ในใจเรานั้นฝังรากลึกเหลือเกินเจ้าค่ะ มีธรรมะข้อไหนที่จะช่วยปลดเปลื้องออกไปได้มากที่สุดบ้างคะ ?
ตอบ : ไปนึกบ่อย ๆ ว่าเรามีชีวิตอยู่แค่ลมหายใจเดียว เราต้องตายแน่ ๆ ถ้าอิจฉาเขาแล้วตายลงไปนี่ลงข้างล่างแน่นอน..!

เถรี 21-10-2020 22:38

พระอาจารย์กล่าวว่า “บางคนทำบุญแล้วสบายใจ บางคนทำบุญแล้วไม่สบายใจ มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ปกติก็ใส่บาตรพระรูปเดียวทุกวัน เพราะว่ามีหลวงตาวัดเหนือเดินผ่านบ้านอยู่รูปเดียว ปรากฏว่าวันนั้นใส่บาตรเสร็จเข้าบ้านมา บ่นกับลูกสาวว่า “แม่ไม่สบายใจเลย วันนี้มีพระวัดใต้มาด้วยรูปหนึ่ง แต่แม่เตรียมขนมจีนเอาไว้ชุดเดียว” ลูกสาวเลยถามว่า “แล้วแม่ใส่วัดไหน ?” “แม่ก็ตัดสินใจใส่ทั้ง ๒ วัด เอาขนมจีนใส่ให้หลวงตาวัดเหนือ เอาน้ำยาใส่ให้หลวงพ่อวัดใต้” แล้วตัวเองก็เลยไปเครียดว่า ตกลงทำถูกไหม ?

ปรากฏว่าอีกไม่กี่วันก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันทั้งตลาดว่า หลวงตาวัดเหนือเป็นพระไม่มีน้ำยา ...(หัวเราะ)... เขาพูดเรื่องจริง แต่คนฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!”

เถรี 22-10-2020 19:50

ถาม : จะขอให้หลวงพ่อเมตตาจารครับ ?
ตอบ : ปกติไม่จารให้ใครอยู่แล้ว ถ้าตอนอยู่วัดแล้วคนเยอะ ๆ แค่จารให้คนเดียวเท่านั้นแหละ ที่เหลือมาหมดเลย ก็เลยต้องตัดใจไม่จารให้ใครไปเลย

สมัยนี้พอตัวเองได้แล้ว จะไปถ่ายภาพลงสื่อ คนต่อไปเห็นเข้าก็จะมา แล้วอาตมาก็จะตายในเวลาอันรวดเร็ว ...(หัวเราะ)...

เถรี 22-10-2020 19:51

พระอาจารย์กล่าวว่า “คราวหน้าคุณถ่ายรูปให้ดูฉากหลังด้วย มุมที่คุณถ่ายนั่นผู้หญิงอยู่บนตักพระ..! ต้องเบี่ยงไกลออกไปอีก เขาจะได้เห็นว่าห่างกันแค่ไหน ทำอะไรไม่ระมัดระวังพระจะเสียหายได้ พระไม่ได้รู้เรื่องหรอก นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ไหนได้...ถ่ายรูปออกมาแล้วผู้หญิงไปอยู่บนตักพระโน่น”

เถรี 22-10-2020 19:56

ถาม : ผมขอหลวงพ่อเมตตาให้พรน้องชายครับ น้องชายจะไปเป็นทหารเดือนหน้าครับ ?
ตอบ : ขอให้เก็บชีวิตกลับมาได้..! การเป็นทหารไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ทุกอย่างที่เขาสอนเราอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์ทั่วไปทำได้อยู่แล้ว ยกเว้นอย่างเดียวคือใจไม่สู้ ถ้าหากว่าใจสู้และเอาจริง การเรียนทหารจะสนุกที่สุด แล้วจะได้อะไรดี ๆ ติดตัวมาเยอะมาก

ใครจะด่าเราว่าเอาจริงเอาจังกับชีวิตขนาดไหนก็ช่างหัวมัน ถ้าไม่ฝึกให้ดีไว้ เมื่อเกิดศึกเกิดสงครามขึ้นมาจริง ๆ พวกนั้นก็เป็นได้แค่ปุ๋ย..!

เถรี 22-10-2020 20:07

พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงที่ให้การร่วมมืออยู่กับบ้าน เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ทำให้รู้ว่าพระพุทธเจ้านั้นกำหนดกฎเกณฑ์กติกาให้พระปฏิบัติตามโดยเหมาะสมกับทุกโอกาส เพราะว่าพระแทบจะไม่ได้พบกับความลำบากในการที่จะต้องกักตัวไม่ได้ไปไหน เนื่องจากอันดับแรก...พระองค์ท่านสอนให้พระปลีกวิเวก หลีกออกจากหมู่ ประการที่สอง...เรื่องของการฉัน เป็นการฉันอาสนะเดียว ก็คือลงฉันมื้อเดียวแล้วจบเลยก็มี แต่ถึงจะเป็นสองมื้อ ก็ไม่ได้ไปตั้งวงกินกันอย่างชาวบ้านเขา

อีกประการหนึ่งที่เห็นชัดที่สุดก็คือ พอญาติโยมไม่ได้ออกไปไหนสัก ๒-๓ เดือน ส่วนที่บ่นว่ารำคาญที่สุดคือผมยาว ตรงนี้พระไม่มีปัญหา โดยเฉพาะท่านที่บวชหลาย ๆ พรรษาโกนหัวกันเองแทบทุกรูป ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยช่างเลย

การกินถ้าฉันมื้อเดียวจบเลย ก็ปลอดภัยกว่า แต่ถ้าหากว่าวัดไหนฉันสองมื้อ โอกาสที่จะอยู่ใกล้แต่ไม่ถึงขนาดชิดกันก็จะมีมากขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แล้วโอกาสที่จะได้พบปะญาติโยมจริง ๆ มีอยู่อย่างเดียวคือตอนบิณฑบาต ซึ่งทั้งโยมทั้งพระก็ใส่หน้ากากกันอยู่แล้ว”



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:42


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว