กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6886)

เถรี 20-01-2020 21:53

ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๒
 
(หลังจากกรรมฐานเช้ามืดและทำวัตรเช้า) หลายท่านรักษากำลังใจได้ดี แต่ไม่ดีจริง เพราะว่าไม่สามารถที่จะสวดมนต์ได้ สวดแล้วสมาธิจะหลุด ต้องพยายามหัดปรับกำลังใจขึ้นลงให้มีความคล่องตัว เข้าออกได้ตามที่เราต้องการ

ให้พยายามประคองอารมณ์เอาไว้ ดูว่าจะอยู่กับเราได้นานเท่าไร ซักซ้อมบ่อย ๆ ระยะเวลาที่ประคองไว้ได้ก็จะนานขึ้น..นานขึ้น ได้เป็นวัน ได้เป็นอาทิตย์ ได้เป็นเดือน สภาพจิตยิ่งสงบเท่าไร โอกาสที่เราจะชนะกิเลสก็มีมากเท่านั้น ยกเว้นอย่างเดียวว่าไปติดอยู่แค่ความสงบ แล้วไม่คิดจะดิ้นรนทำอย่างอื่น

เถรี 20-01-2020 21:56

พระพุทธเจ้าแบ่งคนเป็น ๔ ประเภท

ประเภทที่ ๑ อุคฆฏิตัญญู ฟังหัวข้อธรรมก็บรรลุเลย กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา เราฟังแล้วได้แค่ ธัมมา คำเดียว แต่พรหมเทวดาท่านจะรู้ว่า ธรรมที่เป็นกุศลประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ธรรมที่เป็นอกุศลประกอบด้วยอะไรบ้าง ธรรมที่เป็นกลางประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ท่านฟังแล้วเข้าใจ น้อมใจว่าเราจะปฏิบัติตาม ก็บรรลุเลย
ประเภทที่ ๒ วิปจิตัญญู อธิบายขยายข้อความ ถึงจะเข้าใจ
ประเภทที่ ๓ เนยยะ ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน
ประเภทที่ ๔ ปทปรมะ ฉลาดเกินไป ไม่ยอมรับความคิดคนอื่น พูดอะไรเถียงทุกเรื่อง ทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว เติมเท่าไรก็เติมไม่ลง อะไร ๆ ก็ของตัวเองดีที่สุด กลายเป็นอัตตวาทุปาทาน..การยึดมั่นในวาทะและตัวตน

เถรี 20-01-2020 21:56

แต่ทหารเขาไม่ได้แบ่งแบบนั้น ทหารเขาแบ่งเป็นประเภท

ฉลาดแล้วขยัน..ส่งไปอยู่แนวหน้า ให้ทำงาน
พวกฉลาดแล้วขี้เกียจ..ให้อยู่แนวหลัง คอยวางแผนให้พวกฉลาดแล้วขยันไปทำ
พวกโง่แล้วขี้เกียจ..ให้เอาไปไว้กับพวกฉลาดแล้วขยัน เขาลากจนไปด้วยกันได้
ส่วนพวกโง่แล้วขยัน..บอกว่าให้ยิงทิ้งให้หมด มีแต่จะทำให้หน่วยงานพังเสียหาย

เพราะฉะนั้น..พวกเรากรุณาอย่าเป็นประเภทสุดท้าย ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำอะไรเลย แต่ทำอะไรต้องดูกาลเทศะ กาละคือเวลาที่เหมาะสม เทศะคือสถานที่ที่เหมาะสม

เถรี 20-01-2020 21:58

ทำอะไรดูกาละเทศะ พูดอะไรดูกาละเทศะ คิดทุกอย่างที่จะพูดจะทำ แต่อย่าทำทุกอย่างที่เราคิดไว้ ดูความเหมาะสมด้วย ปัญญาไม่ถึงก็ถาม ถ้าปัญญาถึง ตรองดีแล้วว่าใช่แน่ ก็ทำเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วคนไทยเราไม่มีความกล้า ปราศจากภาวะผู้นำ โดยเฉพาะขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยจะถาม

ถ้าขาดความมั่นใจในตนเอง ขอให้รู้ว่าเราขาดสมาธิอย่างมาก อิสลามกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าเรียกร้องทุกอย่าง เพราะว่าสมาธิเขาดีกว่าเรา ที่วัดท่าขนุนนี่ทำวัตรวันละ ๓ รอบ แต่อิสลามละหมาดวันละ ๕ รอบ แค่นี้เขาก็กินเราขาดแล้ว เมื่อสมาธิดี มีความมั่นใจในตัวเอง ความกล้าก็จะเกิด พอพวกเขากล้า เขาก็เรียกร้องเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ส่วนพวกเราสมาธิก็สู้ไม่ได้ สามัคคีก็สู้ไม่ได้ แพ้เขาตั้งแต่อยู่ในมุ้ง

เถรี 20-01-2020 22:00

เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น คนอิสลามสุมหัวรวมกัน ปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไร พอผู้นำบอกอย่างไร ทุกคนทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้น..ถึงแม้คนของเขาเพิ่งฆ่าคนตาย วิ่งเข้ามา พวกเขาก็จะยืนยันว่าคนนี้อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่เคยไปไหน ทั้งหมู่บ้านพูดเหมือนกันหมด พยานบุคคลเขาจึงเหนือกว่า

อาตมาตีกับพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ซาบซึ้งดี พอถึงเวลาเขาไปทั้งหมู่บ้าน ไปยืนยันว่าคนของเขาไม่ผิด อาตมากับน้องสองคนไปรุมรังแกพวกเขาสามสิบกว่าคนนั่นเอง..!

เถรี 20-01-2020 22:05

ส่วนคนไทยของเรา เวลาเกิดอะไรขึ้น ยืนดูห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ถ่ายคลิปไว้ก่อน ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง ก็แยกย้ายกันไป เห็นหรือยังว่าข้อบกพร่องอยู่ตรงไหน ?

วันก่อนฟังอิสลามพูด วิเคราะห์ได้ถึงแก่นมาก เขาบอกว่าที่มาประชุมวันนี้ เพื่อที่จะบอกพี่น้องอิสลามทุกคนว่า โลกยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่โลกของอิสลามเหมือนเมื่อก่อนนี้แล้ว สมัยก่อนความรู้ทุกอย่างเกิดจากโลกอาหรับ แม้กระทั่งคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาการที่ทางโลกตะวันตกยกย่องอย่างมาก ตัวเลขอารบิกก็มาจากอาหรับ ดาราศาสตร์ก็อาหรับ ภูมิศาสตร์ก็อาหรับ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีอะไรที่คนอิสลามคิดขึ้นมาแล้วเป็นประโยชน์แก่โลกเหมือนสมัยก่อน ในเมื่อโลกยุคนี้ไม่ใช่ยุคของอิสลามแล้ว เราจะทำอย่างไรถึงจะยืนหยัดอยู่ได้ ? แล้วเขาก็บอก
มาเป็นข้อ ๆ

เถรี 20-01-2020 22:06

ส่วนพวกเรา ศาสนาพุทธ ๒,๖๐๐ กว่าปี มีการวิเคราะห์วิจัยแบบนี้บ้างไหม ? ของเขาเอาพวกที่จบด็อกเตอร์ ๗๐๐ คนประชุมรวมกัน เปลี่ยนยุทธศาสตร์ทุกอาทิตย์ เราไล่เขาไม่ทันหรอก เพราะว่าเราไม่มีความสามัคคีเหมือนเขา พวกเรารักตัวเองมากกว่าส่วนรวม ส่วนใหญ่กล้าคิด กล้าแค้น แต่ไม่กล้าทำ...ก็จบกันแค่นั้น

เถรี 20-01-2020 22:06

ถ้าเป็นนักปฏิบัติจริง ๆ ตั้งใจตื่นเวลาไหนก็จะทำได้ ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก ไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน ถ้าตั้งใจตื่นก็จะตื่นได้ตรงเวลา เพราะว่าเราสั่งตัวเราเองได้

เถรี 20-01-2020 22:07

พระพุทธเจ้าท่านสอนศีล สมาธิ ปัญญา แต่จริง ๆ แล้วก็คือ ปัญญา ศีล สมาธิ แปลว่าทุกอย่างต้องขึ้นด้วยปัญญา ต้องรู้คิด รู้พิจารณา

นักปฏิบัติในปัจจุบันโอกาสที่จะพินิจพิจารณาวิปัสสนามีน้อยมาก พวกเราถนัดแต่จับลมหายใจเข้าออก แทนที่จะสะเทินน้ำสะเทินบก ก็ได้แต่น้ำหรือบกอย่างเดียว จึงแย่ตรงที่ถ้าเราเป็นปลาในน้ำ แล้วเต่ามาเล่าว่าบนบกมีอะไร ปลาจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร เพราะฉะนั้น..ควรที่จะทำตัวให้สะเทินน้ำสะเทินบกให้ได้



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ ๒๕๖๓ ณ วัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเลและนาทาม)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:27


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว