กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6451)

เถรี 09-01-2019 21:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อปลายปีที่ผ่านมาจัดปฏิบัติธรรม ให้สิทธิ์ผู้ที่ลงชื่อบวชไว้ได้จองแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อทองคำ มีหลายท่านที่ไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย แต่ไม่ลงชื่อ ประมาณว่ามักน้อยสันโดษ ไม่จำเป็นต้องมีชื่อปรากฏก็ได้

แล้วก็มีคนมาถามว่า “อาจารย์...แล้วอย่างนี้ทำอย่างไร ?” “อ๋อ..ก็เรื่องของเขา มักน้อยสันโดษถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามากเกินไปกูถือว่าดัดจริต...!"

เถรี 09-01-2019 21:07

"ส่วนใหญ่พวกเราแยกไม่ออก ที่แยกไม่ออกก็คืออะไรที่ควรจะแสดงตน อะไรไม่ควรที่จะแสดงตน ถ้าเป็นเรื่องของหลักฐาน เรื่องของทะเบียน อย่างไรก็ต้องแสดงตน แต่ถ้าคุณจะปลีกวิเวก ไม่คลุกคลีกับหมู่คณะ ไม่มีใครว่าคุณ แสดงว่าตีความหลักธรรมผิด

ปวิเวกตา ปลีกตัวออกจากหมู่ ไม่ใช่ให้ทิ้งสังคม เพียงแต่ว่าอย่าไปยุ่งกับสังคมมากจนเสียการปฏิบัติ"

เถรี 09-01-2019 22:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันรัฐบาลเรามีความประพฤติที่เป็นสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด ก็คือพวกกูทำอะไรไม่ผิด ถ้าคนอื่นทำผิดหมด ขนาด ปปช.หน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่จะต้องบริสุทธิ์สะอาดและเป็นมาตรฐาน ยังตัดสินว่าการยืมนาฬิกาเพื่อน ๒๒ เรือนเป็นเรื่องปกติ ปัญญาอ่อนชัด ๆ...!

ในเมื่อหน่วยงานที่ควรจะบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุดยังกลายเป็นอย่างนี้เสียแล้ว ก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งใคร ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า คือ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ทำมาหากินของเราไป ไม่ต้องไปใส่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างไรเสียหลวงปู่เกลี้ยงก็นำหน้าไปแล้ว สถานการณ์ที่น่าจะย่ำแย่ถึงขีดสุดก็น่าจะเบาลงไปหน่อยหนึ่ง"

เถรี 09-01-2019 22:33

"อาตมามีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง คือ พระมหาฉลาด กิตฺติสมฺปนฺโน ป.ธ. ๖ ปกติท่านเรียนบาลีอยู่ พูดง่าย ๆ ว่าเตรียมตัวที่จะเป็นคุณมหาประโยค ๙ ตั้งแต่หนุ่ม ๆ ปรากฏว่าหลวงปู่เกลี้ยงถูกใจ ขอตัวไปศึกษาวิชาด้วย เรียนอยู่หลายปี ก็คาดว่าน่าจะสืบทอดอะไรต่อมิอะไรได้มาก เพราะว่าหลวงปู่รักและเมตตาเป็นพิเศษ

หลวงปู่เกลี้ยงมีความเหมือนหลวงปู่สำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่าอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือมีเทวดาคอยตามสงเคราะห์ ถึงเวลาใครเดือดร้อนมาถามหลวงปู่ เทวดาจะบอกว่าแก้ไขอย่างไร อาตมาบอกได้เพราะว่าหลวงปู่มรณภาพแล้ว ถ้าท่านยังอยู่ก็บอกไม่ได้"

เถรี 09-01-2019 22:35

"ครูบาอาจารย์ล่วงลับไปทุกวัน ๆ ตัวเราเองมีอะไรที่พอจะอวดเขาได้บ้างว่าเราปฏิบัติแล้วมีผล ? เราไม่ใช่หนูที่อยู่บนถังข้าวสารโดยที่ไม่ได้กินอะไรเลย เราไม่ใช่ทัพพีที่คาหม้อแกงอยู่โดยไม่รู้รสอะไรเลย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องตระหนักรู้ แล้วก็ตักเตือนตัวเอง ไม่เช่นนั้นปีแล้วปีเล่าผ่านไป เดี๋ยวจะตายเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการ แบบที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เหมือนคนรับจ้างเลี้ยงวัว แต่ไม่เคยได้ลิ้มปัญจโครสเลย

ปัญจโครสคือสิ่งของ ๕ อย่างจากวัวที่พอจะเอามาเป็นอาหารได้ มีเนยใส เนยข้น นมสด นมส้ม น้ำมันเปรียง น้ำมันเปรียงคือน้ำมันที่เคี่ยวจากวัว สมัยอาตมาเด็ก ๆ เห็นกินแต่น้ำมันหมูกัน หลังจากนั้นมาก็มีน้ำมันพืชแหกโค้งเข้ามาเขาเรียกน้ำมันบัว ใส่ปีบมาขาย ต่อมาก็มีการฮิตน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน และมายืนตายที่น้ำมันปาล์ม ยิ่งกินก็ยิ่งแย่"

เถรี 11-01-2019 00:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นหวัดคราวนี้ทำให้เชื่อที่ท่านอาจารย์บ๊ะท่านบอกว่า ถ้าไปต่างประเทศจะเป็นการเปลี่ยนดวง เพราะว่าจากดวงดี ๆ กลายเป็นเละเทะไปหมดเลย..! ...(หัวเราะ)..."

เถรี 11-01-2019 00:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "สีผึ้งหลวงพ่อทาบจะสีเขียวอมดำ เขียวอย่างเดียวไม่ได้ ดำอย่างเดียวก็ไม่ได้ ไม่ต้องไปดูเลยนะว่าตลับต้องหน้าตาอย่างนี้ เพราะท่านบอกว่าใครมีตลับอะไรก็เอามาใส่ เราก็แค่ดูตลับให้ได้ยุคได้สมัยหน่อยก็พอ แต่ถ้าใครไปเปลี่ยนตลับก็ซวยอีก นึกถึงคนสมัยก่อนเขาทำอะไรก็ประณีต ตลับสีผึ้งหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ประเภทวัตถุโบราณชัด ๆ เป็นตลับที่ปั๊มลายขึ้นดอกรุ่นแรก ๆ เลย

ส่วนสีผึ้งหลวงพ่อเดิมเป็นตลับฝากระจกตลับกลม ๆ น่าจะกว้างสัก ๒-๒.๕ นิ้ว ฝาเป็นกระจก เรียกว่า "ตลับคันฉ่อง" ใครเห็นตลับสีผึ้งเก่า ๆ ด้านหน้าเป็นกระจกมัว ๆ นี่รีบตะครุบเอาไว้ก่อนเลย ถ้าโชคดีเขี่ยดูข้างใน เจอสิงห์สามขวัญด้วยก็ถือว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

แต่ถ้าหากว่าเป็นของหลวงปู่จันทร์ วัดป่าข่อย ท่านจะเอาพระนางพญาหรือไม่ก็พระลีลาทุ่งเศรษฐีใส่ไว้ คนไปขอสีผึ้งหลวงปู่จันทร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากได้สีผึ้ง แต่อยากได้พระ ก็คือของแพงปานนั้น หลวงปู่ท่านมีท่านเอาใส่ตลับสีผึ้งเฉยเลย"


เถรี 11-01-2019 18:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปริญญาโทมีวิชา Insight Meditation ลูกศิษย์บอกว่าถ้าพระอาจารย์เล็กไม่สอน เขาก็ไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่เป็นวิชาสอนของอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ท่านเป็นดอกเตอร์ด้วย ประโยค ๙ ด้วย แต่ท่านไม่สามารถอธิบายให้ลูกศิษย์เข้าใจได้ เห็นชัด ๆ ว่าเรื่องของการปฏิบัติ ถ้าหากว่าไม่ได้ทำจริง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะพูดให้เขาเข้าใจได้ เพราะว่าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ

พอชั่วโมงแรกเดินเข้าห้องไปบรรดาลูกศิษย์ก็เฮ ถามว่า "มึงจะเฮกันทำไมวะ ?" อ๋อ...ดีใจที่พระอาจารย์มาสอน "เออ..หัดให้สำรวมกิริยาบ้าง นี่วิชากรรมฐาน ไม่ใช่เห็นหน้าอาจารย์แล้วก็เฮแบบนี้"


ถาม : เนื้อหาเกี่ยวกับอะไรครับ ?
ตอบ : เนื้อหาการปฏิบัติสมถวิปัสสนา Insight Meditation ไม่ใช่ยกย่างเหยียบ

จะว่าไปแล้วหลักสูตรเขาตั้งไว้ดี แต่หาพระสอนได้ยาก เพราะว่าส่วนที่เป็นปัตจัตตัง เวลาลูกศิษย์ซักถาม ถ้าตัวเองไม่ได้ปฏิบัติก็จนแต้ม อาตมาต้องไปคุมกรรมฐานให้เขา ๑๕ วัน แต่ว่ามีเวลาให้เขาจริง ๆ ประมาณ ๗-๘ วันเท่านั้น แต่ก็ยังดี เพราะว่าบางอย่างอาจารย์คนคุมเขาขาดมัชฌิมาปฏิปทา รู้ ๆ อยู่ว่านี่คือกรรมฐาน แต่ไม่รู้ว่ามัชฌิมาอยู่ตรงไหน นิสิตทุกคนไม่ได้ไปด้วยศรัทธา แต่ว่าไปเพราะหลักสูตรบังคับว่าจะต้องปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติคุณก็ไม่ผ่าน เมื่อไม่ได้มาด้วยศรัทธา เราก็ต้องรู้ว่าทำอย่างไรจะให้พอเหมาะพอดี

เถรี 11-01-2019 20:58

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมวันแรก บรรดาอาจารย์ก็แห่มา ๔-๕ คน ทั้งพระทั้งฆราวาส บอกว่า “ไม่ไหว นิสิตเขาต่อต้านทุกรูปแบบ เอาไม่อยู่ ถ้าอาจารย์ไม่มานี่พวกผมหนีแน่” อาจารย์ยังไม่ทันจะลุกเลย นิสิตปริญญาโท ๗-๘ คนล้อมอาจารย์มาอีกชั้นหนึ่ง ฟ้องซ้ำเข้ามาอีก นี่คือคู่กรณีนะ ระหว่างนิสิตกับอาจารย์

พอฟังเสร็จสรรพเรียบร้อยอาตมาก็บอก “ไป ๆ ๆ มีหน้าที่อะไรไปทำ เดี๋ยวจัดการให้” ปัญหาก็คือการขาดมัชฌิมาปฏิปทา นิสิตไปหาเจ้าภาพมาเลี้ยงอาหาร พอกลับมาแล้วโดนซ่อมเพราะว่าปฏิบัติธรรมไม่ครบ "คุณหายไประหว่างชั่วโมงปฏิบัติธรรม" เป็นกู..กูก็โกรธวะ อุตส่าห์ไปหาข้าวมาให้กิน เสือกซ่อมกูอีก แล้วต่อไปจะคุยกันรู้เรื่องไหม ? แล้วก็ไปบอกว่านิสิตดื้อ ต่อต้าน ไม่ยอมทำตาม ตกลงใครกันแน่ที่ผิด ?

แต่คราวนี้อาตมาในฐานะอาจารย์ผู้อยู่ตรงกลาง อาจารย์ก็ฟ้อง ลูกศิษย์ก็ฟ้อง แล้วตูจะทำอย่างไร ? ก็ต้องหาจุดพอเหมาะพอดีของเขาให้ได้ ก็เลยบอกว่า "ใครที่ขาดชั่วโมงปฏิบัติเดี๋ยวมาปฏิบัติกับอาจารย์เล็กตรงนี้ ส่วนของอาจารย์คุณจะทำอะไรของคุณทำไปเลย ตอนนี้ผมอยู่แล้ว" หายไปจากที่นั่ง ๒ ชั่วโมงไปนำเจ้าภาพเข้ามาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อมาเลี้ยงเพล กลับมาโดนซ่อม ๒ ชั่วโมง โปรดใช้หัวแม่เท้าตรองดูหน่อยแล้วกันว่าเขาไปทำอะไร ? ถ้าหนีการปฏิบัติก็ว่าไปอย่าง"

เถรี 11-01-2019 21:38

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาเพิ่งไปฝึกซ้อมภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์มา ชอบสุด ๆ สำเนียงสิงคโปร์ก็คือสำเนียงไทยแท้นั่นแหละ ขำที่สุดคือแท็กซี่ หน้ารถแท็กซี่ติดรูปท้าวมหาพรหม ติดหลวงปู่ทวด ติดพระสีวลี เขาบอกว่าต้องไปไหว้ท้าวมหาพรหมทุกปี แล้วก็ถวายนางรำละครชาตรีทุกครั้ง เขาบอกว่า “He makes my life easy and smooth.” เขาว่าช่วยเขาได้เยอะเลย ดำรงชีวิตทำมาหากินก็สะดวกง่ายดาย เขาเรียกว่า "อากง" ท้าวมหาพรหมตูกลายเป็นอากงเขาไปแล้ว"

เถรี 11-01-2019 22:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปสิงคโปร์คราวนี้ยอมรับเลยว่าสู้หนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะลูกสาวลูกชายขายาวเหลือเกิน เดิน ๒ ก้าวเท่ากับอาตมาเดิน ๓ ก้าว พักเดียวก็โดนทิ้งเสียลิบเลย ดีอยู่อย่างหนึ่งคือไปไหนก็ไม่หลง มองไปก็เห็นเพราะว่าเขาตัวสูง ส่วนอาตมาใส่จีวรเขามองมาก็เห็น ไปไหนไม่หลงหรอก ยกเว้นว่าขึ้นรถไม่ทัน พอเห็นว่าประตูจะปิดนี่อย่าไปเสี่ยง เดี๋ยวได้ไปแค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งของคณะไม่ได้ไปด้วย

รถไฟใต้ดินสิงคโปร์ไม่มีคนขับสักคัน ทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติหมด ถ้าถามว่ามีใครมาตรวจบัตรตรวจตั๋วอะไรไหม ? ไม่มี...ตั้งแต่ก่อนเราจะผ่านเข้าไปเขาตรวจเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากว่าบัตรเงินไม่พอเขาก็ไม่ปล่อยให้ผ่าน กลับไปเติมใหม่เสียดี ๆ

ไม่เหมือนประเทศจีน ประเทศจีนนี่อาตมาเห็นคาตาเลย คนหน้าแตะบัตรคนหลังผลักกระเด็นแล้วก็วิ่งตามเข้าไป เล่นวิธีง่าย ๆ ตอนออกก็ทำแบบเดียวกัน พอถึงเวลาก็เล็ง ผลักคนหน้าปลิวแล้วก็วิ่งพรวดผ่านไป ความซื่อสัตย์ต่างกันมาก

เราจะไปว่าสิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก ๆ ก็ไม่ใช่ คนร้อยพ่อพันแม่ แต่ความที่เขาเข้มงวดมานานก็เลยกลายเป็นความเคยชิน ทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม เป็นกฎที่ไม่ต้องเขียน รู้กันอยู่ว่าต้องทำอย่างนี้"


เถรี 11-01-2019 22:23

"ไปสิงคโปร์อย่าลืมเจ้าพ่อหลักเมืองนะ พลเรือเอก เซอร์โธมัส ฟิลลิปส์ สเปนเซอร์ มารับยันดอนเมืองเลย แถมมาแย่งข้าวกินด้วย เข้าร้านอาหารญี่ปุ่นนั่งอยู่ ท่านดึงถ้วยซุปไป อาตมาก็เฮ้ย...เดี๋ยวคนเขาแตกตื่น พอดีคุณชวงเห็นหัวเราะใหญ่เลย ถามว่าเป็นอะไรอยู่ ๆ ถ้วยวิ่งได้เอง อ๋อ...โดนผีแกล้ง

ไปที่นั่นคุณชวงอุตส่าห์ซื้อซิการ์ฮาวาน่าไปเลย เพราะว่าลูกสาวเรียนอยู่ที่นั่น เอาไปฝากฝัง แต่พอจุดซิการ์ให้ พ่อเจ้าประคุณเดินเป่าใส่หัวไปตลอดทาง แต่ละคนขนหัวตั้งเด่ คือกลิ่นซิการ์ตามอยู่ตลอด สิงคโปร์เขาจะไม่มีคนที่เดินสูบบุหรี่ ส่วนพวกเราเดินไปเถอะ ถึงเวลาหยุดจะข้ามถนน ประเภทกลิ่นซิการ์เป่าใส่หัวเลย"

เถรี 11-01-2019 22:26

"วันแรกไป หลวงปู่ใหญ่โลกอุดรมา ก็กราบท่าน ว่าจะเรียกท่านเซอร์ฯ มากราบหลวงปู่ มองไปอีกทีท่านเซอร์ฯ อยู่ชายทะเล บอกว่าไปทำอะไรไกลขนาดนั้น ? เขาบอกหลวงปู่ไม่ได้มาคนเดียว อ้าว...แล้วทำไมตูเห็นคนเดียว ? หลวงปู่ท่านบอกว่า โดยธรรมเนียมถ้าผู้ใหญ่อยู่ เด็ก ๆ ก็ไม่มาโผล่หน้าแข่งบารมีหรอก

บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อท่านมากันเยอะ ก็ไม่รู้ว่ามาทำอะไรถึงขนาดเต็มชายทะเลไปหมด ปรากฏว่ากลับมาเมืองไทยเพิ่งจะรู้...เกิดสึนามิ นี่ถ้าไม่มีท่านมีหวัง..! วันที่สึนามิเกิด พวกเราก็ไปอยู่ริมทะเลกันทั้งวัน"

เถรี 11-01-2019 22:27

ถาม : ชาผู่เอ๋อร์ค่ะ เห็นพระอาจารย์ฉันได้แต่น้ำร้อนกับน้ำชา เลยเอาชามาถวายค่ะ ?
ตอบ : ผู่เอ๋อร์เป็นชาเสีย คือสมัยก่อนเขาขนใส่พวกหลังล่อ หลังลา หลังม้าไปจำหน่าย ส่วนใหญ่ก็ออกไปจำหน่ายทางด้านมองโกเลีย โดนแดด โดนฝน โดนลม หีบห่อก็เสีย น้ำเข้าได้ ชาเลยอัดกลายเป็นก้อนไปเลย คราวนี้ก็อย่างว่านั่นแหละ พ่อค้าขนไปแล้วไม่อยากทิ้งก็ขายอย่างนั้น ปรากฏว่าพวกมองโกลเขาก็กินทั้งอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะว่าส่วนใหญ่เขาก็เอาไปต้มกับพวกนมเนย ก็เลยกลายเป็นว่าชาเสียของคนจีน แต่คนมองโกลกินกันเป็นปกติ ท้ายสุดกลายเป็นดี จึงต้องตั้งใจทำกันขึ้นมา

เถรี 11-01-2019 22:48

ถาม : ถวายเต่าบ้านสบายใจให้หลวงพ่อ หลวงพ่อจะได้อายุยืนแข็งแรง ?
ตอบ : จะให้ตูอายุยืนเป็นเต่า ? ตัวคนทำท่านยังไม่ยอมอยู่ด้วยเลย ตั้งท่าจะไปอย่างเดียว ทีอาตมาจะให้อยู่นาน ๆ

เถรี 11-01-2019 22:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนเขาหาฮวงจุ้ย ลักษณะที่ว่าหน้าติดเขา หลังติดน้ำ ซ้ายขวาถ้ามีเนินเขากระหนาบได้จะดี เพราะว่าพื้นที่ก็คือ ซ้ายพยัคฆ์ขาว ขวามังกรเขียว หน้าหงส์แดง หลังเต่าดำ"

เถรี 11-01-2019 23:34

ถาม : (มีคนมาเบิกวัตถุมงคล) เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก มีดหมอล้วน ๆ เลย ?
ตอบ : บางคนมีวิสัยนักรบเก่า เห็นมีดเห็นไม้แล้วชอบ

มีดของหลวงปู่จ้อย วัดศรีอุทุมพร ก็เริ่มแพงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดกว่ารุ่นหลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว

มีดหมอสายหลวงพ่อเดิมหลุดออกมาถึงยุคนี้แล้วเริ่มกลายเป็นของโหล ที่บอกว่าเป็นของโหลเพราะว่าสั่งผลิตเพื่อการพาณิชย์โดยตรง ความประณีตมีน้อยมาก รุ่นเก่า ๆ นี่ถ้าเราดูจะเห็นความต่างจากรุ่นใหม่อย่างชัดเจน รุ่นเก่าเขาถักแหมรัดปลอกมีดละเอียดยิบอย่างกับเส้นผม รุ่นใหม่ ๆ เส้นหยาบดูไม่ได้เลย

เถรี 11-01-2019 23:37

ถาม : ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ?
ตอบ : หาฤกษ์วันศุกร์ข้างขึ้นเดือนคู่ คู่คือเดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือน ๘ ข้างขึ้น ถ้าเดือน ๘ ข้างแรมกับเดือน ๑๐ เขาไม่ขึ้นบ้านใหม่กัน เพราะว่าอยู่ในพรรษา

เถรี 12-01-2019 09:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนที่แล้วอาตมาจ่ายค่าเทอมอ่วมอรทัยเลย คือช่วงนี้ค่าใช้จ่ายการศึกษาประมาณเดือนละ ๒ แสนบาท แต่ถ้าค่าเทอมออกนี่เป็นล้านบาทเลย แม้กระทั่งวิทยาลัยสงฆ์ตอนนี้ค่าเทอมก็แพงมาก สมัยอาตมาเรียนอยู่ปริญญาตรี บางเทอม ๒๔ หน่วยกิต ค่าเทอมแค่ ๑,๘๐๐ - ๑,๙๐๐ บาท สมัยนี้ค่าเทอม ๖,๐๐๐ - ๗,๐๐๐ บาท นี่ขนาดถูก ๆ แล้วนะ แตกต่างกับสมัยนั้นขนาดไหน ?

ปริญญาโทอาตมาเรียนเต็มที่ไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้ปริญญาโทเทอมหนึ่งปาไป ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท ปริญญาเอกตอนที่เรียนอยู่ ๓๕๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้เขาบอกว่า ๔๕๐,๐๐๐ บาท แล้วก็ได้โปรด...เป็นพระอยู่อย่าได้สึก เป็นฆราวาสอยู่กรุณาอย่าบวช ต้องเรียนให้จบก่อน เพราะว่าค่าเปลี่ยนชื่อ ๕,๐๐๐ บาท ก็คือถ้าบวชพระอยู่แล้วไปสึกเป็นฆราวาส จะเอาปริญญาบัตรเป็นนาย จ่ายมา ๕,๐๐๐ บาท หรือว่าเป็นนายอยู่ดี ๆ ดันทะลึ่งเป็นพระก็เตรียมไว้ ๕,๐๐๐ บาทเช่นกัน

เริ่มกลายเป็นระบบการค้าเต็มตัว ทำให้ห่างไกลจากวัตถุประสงค์ในการตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๕ พระองค์ท่านตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ กำหนดว่าเอาไว้ศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาสูง คราวนี้จากการเรียนในรุ่นก่อน ๆ ก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านสอนเพื่อสงเคราะห์พระเณรที่ไม่มีโอกาสเรียนทางโลก เพราะฉะนั้น..ค่าเทอมจึงต่ำมาก

มาระยะหลังนี้กฎเกณฑ์กติกาทุกอย่างกลายเป็นเตะสกัดพระเณรไม่ให้เรียน อย่างเช่นปริญญาโทต้องมีพื้นฐานคอมพิวเตอร์ ๑๗๐ คะแนน ต้องสอบ TOEFL ได้ ๓๐๐ คะแนนขึ้นไป ปริญญาเอกต้องมีพื้นฐานคอมพิวเตอร์ ๒๒๐ คะแนน ต้องสอบ TOEFL ได้ ๕๐๐ คะแนนขึ้นไป TOEFL ระดับนั้นต้องไปเรียนต่างประเทศ ไม่ใช่เรียนในบ้านเรา"

เถรี 12-01-2019 09:19

พระอาจารย์คืนของให้คนที่มารับแล้วกล่าวว่า "บางคนบอกว่าข้าวของหล่นเป็นลางร้ายอะไรหรือเปล่า ? อาตมาบอกว่าเป็นลางดี ถามว่าทำไม ? เพราะว่าหล่นแล้วยังเจอ ส่วนใหญ่ประเภทหล่นแล้วหาไม่เจอนี่ลำบากเลย"

เถรี 12-01-2019 19:24

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงงานประจำปีของวัดท่าขนุน อาตมาได้ขอให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ เอาวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่มาฉีดให้กับพระที่นิมนต์มา บอกว่าเอามา ๑๐๐ ชุด ผู้อำนวยการร้องโอ๊ย..! ถามว่าทำไม ? "ชุดละ ๗๐๐ บาทค่ะ" "อ๋อ...นั่นเป็นปัญหาของผู้อำนวยการ อาตมามีหน้าที่ขออย่างเดียว" ท้ายสุดท่านผู้อำนวยการไม่รู้ไปหาใครมาหารสอง จ่ายคนละครึ่ง ได้ทำบุญแบบโดนบังคับ ประมาณว่าถ้าไม่ทำก็เกรงว่าต่อไปวัดท่าขนุนจะไม่ช่วยทางโรงพยาบาลอีก ก็เลยต้องกัดฟันทำ

โดยปกติแล้วถ้าเป็นวัดอื่น ก็จะขอให้ช่วยนั่นช่วยนี่ เป็นประธานทำอย่างนั้น เป็นเจ้าภาพทำอย่างนี้ วัดท่าขนุนไม่เคยขอ อยู่ ๆ ก็ขอวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่ไปเลย คิดว่าเป็นเรื่องที่หมอพอจะสงเคราะห์ได้ แต่ปรากฏว่าสงเคราะห์ไม่ออก เพราะว่าเวลารับวัคซีนมาจากกระทรวงสาธารณสุข เขามียอดแน่นอน ฉีดให้ใครไปจะต้องมีชื่อปรากฏ ท้ายสุดหมอก็เลยต้องซื้อมาถวายเอง"

เถรี 12-01-2019 19:25

"ถามเพื่อนพระที่ฉีดยาไปว่า "ตกลงว่าวัคซีนกันไข้หวัดได้ไหม ?" ท่านบอกว่า "บางทีก็กันไม่ได้นะครับ" ทำไมต้องบางทีด้วย ? ก็คือเป็นหวัดแต่ไม่มีอาการ แต่ทำท่าจะตายเอา ท่านว่าอย่างนั้น

ท่านบอกรู้ว่าตัวเองเป็นหวัด แต่ไม่มีน้ำมูก แล้วก็ไม่ไอ แต่ตัวร้อน คอแห้ง ก็แปลว่าวัคซีนกันได้เฉพาะเชื้อบางตัว ส่วนตัวไหนกันไม่ได้ก็เป็นซะดี ๆ แต่เป็นแบบไม่ออกอาการมาก"

เถรี 12-01-2019 19:29

พระอาจารย์เล่าว่า "แม่ซื้อปลาสลิด ไลน์ไปบอกลูกว่า "ปลาสลิดอร่อย..บางบ่อ" ลูกก็ถามว่า "ไม่อร่อยทุกบ่อหรือแม่ ?" แสดงว่าไม่รู้จักของดี แม่โมโหเลยบอก "บางบ่อมีปลา บางบ่อมีตีน..!" สมัยก่อนอะไรที่ไหนเขามีชื่อเสียง ก็ปรากฏชื่อบ้านนามเมืองอยู่ ปลาสลิดอร่อยต้องบางบ่อ ปลาช่อนต้องแปดริ้ว ด้วยความที่ลูกไม่เคยได้ยิน ปลาสลิดบางบ่อรสชาติดี พอแม่บอกว่าอร่อยนะ..บางบ่อ ลูกเลยถามว่าไม่อร่อยทุกบ่อหรือ ?

"บาง" คือสถานที่ใกล้น้ำ เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงเรียกว่าบาง ที่น้ำท่วมไม่ถึงเรียกว่า "ดอน" ถ้าอีสานเรียกว่า "โคก" ที่ไหนน้ำขังเรียกว่า "หนอง" เรียกว่า "บึง" พวกเราอาจจะสงสัยว่ากรุงเทพฯ มีบึงทองหลาง สมัยนี้น้ำไม่ขังเฉพาะแถวนั้นแล้ว ขังทั้งกรุงเทพฯ เลย..!"


เถรี 12-01-2019 19:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "งวดนี้ที่ไม่สบายเกิดจากการไปสิงคโปร์ รู้อยู่ว่าตัวเองมีโรคประจำตัวคือมาลาเรียเรื้อรัง เป็นมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ จนป่านนี้ก็ ๓๘ ปีเข้าไปแล้ว ปกติจะพกเบี้ยแก้ติดตัวตลอด คราวนี้ไปสิงคโปร์เทคโนโลยีเขาสุดยอดมาก กลัวว่าตอนผ่านด่านจะมีปัญหา ก็เลยปลดอาวุธ จากที่พกเบี้ยแก้ ๔ ตัวก็ไม่เหลือสักตัวเดียว

เบี้ยแก้มีอานุภาพอย่างหนึ่งคือ ข่มไข้ป่าหรือมาลาเรียได้ ไปปลดอาวุธเสียเกลี้ยง เป็นสาเหตุแรกเลยที่ทำให้ป่วย สาเหตุที่สองก็คือเป็นมาลาเรียต้องพักผ่อนให้พอ ถ้าพักไม่พอเสร็จแน่ ๆ โดยปกติก็นอนเช้า นอนกลางวัน นอนเย็น อยู่สิงคโปร์นี่เดินเช้ายันเย็น"

เถรี 12-01-2019 19:51

"สาเหตุที่สามก็คือ ปกติจะฉันน้ำร้อนเพราะว่าถ้าโดนน้ำเย็นแล้วไข้จะขึ้น ปรากฏว่าไปที่นั่นไม่ได้พกกระบอกน้ำร้อนไป ก็ฉันได้แต่น้ำไม่ร้อน ก็คือไม่เย็นแต่ก็คือน้ำเย็น ฉันไปตลอด ๓ วันแล้วจะไปเหลืออะไร ส่วนสาเหตุประการสุดท้าย ปกติถ้านอนห้องปรับอากาศ อาตมาจะตั้งอุณหภูมิไว้ที่ ๒๗-๒๘ องศาเซลเซียส แล้วก็ใส่กันหนาวตัวหนึ่งห่มผ้านอน

ไปสิงคโปร์เขาบอกว่าร้อนกว่าบ้านเราอีก ไม่ต้องเอาเสื้อกันหนาวไปหรอก อาตมาก็ไม่เอาไป ปรากฏว่าไอ้ลูกชายนอนร่วมห้อง ปกติเปิดเครื่องปรับอากาศ ๒๐ องศาเซลเซียส ก็เลยพบกันครึ่งทาง เปิดที่ ๒๔ องศาเซลเซียส อาตมาก็นอนสั่นแหง็ก ๆ ทั้งคืน สรุปว่าไข้ขึ้น มาลาเรียซ้ำ เพราะฉะนั้น..โปรดจำเอาไว้ว่า ใครเป็นมาลาเรียโปรดรักษาตัวตามแนวที่อาตมาเป็นมาแล้ว ๓๐ กว่าปี พลาดเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้น"


เถรี 12-01-2019 20:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ศรีสะเกษ ท่านบอกว่าถ้าอายุท่านไม่ถึง ๑๐๐ ปี ท่านจะไม่ทำวัตถุมงคลให้ใครใช้ แล้วท่านก็ทำได้จริง ๆ เสียด้วย ก็คือ ๑๐๐ ปีไปแล้วถึงได้ทำ ถ้าเป็นอาตมานี่คาดว่าอยู่ไม่ถึงแน่นอน แค่ ๖๐ ปียังทำท่าจะไปแหล่ไม่ไปแหล่

เมื่อช่วงประมาณหนึ่งเดือนผ่านมา น่าจะเป็นหลวงปู่ทวนทางภาคตะวันออก อายุ ๑๐๓ ปี เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยมรณภาพ หมายความว่าถ้ารถไม่ชนเอ็งอย่าหวังเลยว่าข้าจะตาย ถ้าหลวงปู่ท่านยังอยู่จะถามท่านหน่อย ว่าหลวงปู่อยู่มาจนป่านนี้ไม่เบื่อบ้างหรือ ? อะไรจะบุญดีป่านนั้น ร้อยกับสามปี ถ้ารถไม่ชนก็ไม่ตาย"

เถรี 12-01-2019 20:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ ถวายโล่เชิดชูเกียรติ พร้อมกับทองคำ ๒ บาท บอกว่าเอาไปทำอะไรก็ได้ แล้วตูจะเอาไว้ทำอะไร ? ก็ต้องเอาไปหล่อพระ จะเอาไปหมั้นสาวก็แค่ ๒ บาท สรุปว่าสร้างโรงพยาบาลบ้าง อะไรบ้างไปหลายล้าน ได้โล่มา ๑ อัน"

เถรี 12-01-2019 20:19

ถาม : เพื่อนเขาเขียนดวงลงแผ่นทอง แล้วเอาไปหล่อ เขาจะมีความเชื่อเรื่องนี้ ?
ตอบ : ก็เขียนลงบนแผ่นทองแท้ ไม่มีปัญหา...หล่อได้ แต่ถ้าเขียนลงบนแผ่นทองเหลืองมาหล่อพระทองคำ ก็คงไม่มีใครเขาทำให้หรอก

ปกติสมัยโบราณเขาเขียนแผ่นดวงแล้วบรรจุไว้ในองค์พระ ไม่ใช่เขียนแล้วหล่อเหมือนสมัยนี้ สมัยนี้เขียนแล้วก็หลอมเป็นน้ำหมด แล้วจะเขียนไปทำอะไร ? หมายความว่าดวงแหลกลาญตามนั้นไปแล้วใช่ไหม ?

สมัยก่อนตามตำราพิชัยสงครามของหลวงพ่อพระมหาเถรคันฉ่อง หรือในสมณศักดิ์ของไทยคือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ท่านให้ใช้ไม้โพธิ์นิพพาน คือกิ่งโพธิ์ที่หักลงมาเอง ไปพลีเอามา แล้วมาตากแห้ง พอได้ที่ก็แกะเป็นพระพุทธรูป โดยเฉพาะเป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ซึ่งความเชื่อถือก็คือสามารถห้ามทุกข์โศกโรคภัยได้ทุกอย่าง แล้วก็เจาะฐานฝังสิ่งที่เป็นมงคล อย่างเช่นว่าพวกแผ่นเงิน แผ่นทอง

ใครมีงาช้างงอกก็ใส่ลงไปด้วย มีพระบรมสารีริกธาตุก็บรรจุลงไปด้วย โดยเฉพาะบรรจุดวงเจ้าของพระไว้ ถือว่าจะอยู่ภายใต้การปกปักรักษาด้วยบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน


เถรี 12-01-2019 20:29

พระที่แกะจากไม้โพธิ์นิพพานที่ดังที่สุดคือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ก็ไม่ได้มีมาก แต่ว่าท่านที่ได้ไปแล้วมีความเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ ท่านที่รอง ๆ ลงไปอย่างเช่นว่า หลวงปู่รอด วัดโคนอน หลวงพ่อโนรี วัดโพธิ์มอญ ของหลวงปู่รอดกับหลวงพ่อโนรีท่านทำเป็นพระปิดตา อีกท่านหนึ่งอยู่ในระดับอาจารย์ของหลวงปู่บุญเลย แต่ว่าหายากมาก ทำเป็นพระปิดตาเหมือนกัน คือหลวงพ่อเบี้ย วัดโคกพระเจดีย์ อาตมาเป็นลูกนครปฐมแท้ ๆ หาพระปิดตาของหลวงปู่เบี้ย วัดโคกพระเจดีย์ ทั้งชีวิตได้มาแค่ ๒ องค์

เถรี 12-01-2019 20:35

ถาม : วัดโคกพระเจดีย์อยู่แถวไหนครับ ?
ตอบ : ที่นครปฐมนั่นแหละ ใกล้ ๆ ดอนยายหอม สมัยก่อนมีโคกพระเจดีย์ มีโคกอีหอม ทีนี้พออยู่ไปอยู่มาอีหอมแก่ไปเรื่อย ๆ ก็เลยกลายเป็นยายหอม

ถาม : วัดเดียวกันหรือครับ ?
ตอบ : โคกอีหอมนั่นแหละก็คือดอนยายหอมปัจจุบันนี้ รุ่นสมัยหลวงพ่อเบี้ยนั่นก็คือหลวงพ่อรุ่ง วัดดอนยายหอม เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อเงินอีกทีหนึ่ง แล้วของหลวงพ่อรุ่งนี้ต้องตะกรุดไม้ไผ่ เหนียวสะเด็ดยาด หรือพระปิดตาก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่คนนครปฐมจริง ๆ จะไม่ค่อยรู้จักกัน

เถรี 12-01-2019 20:39

ถาม : หลวงพ่อวัดดอนยายหอม ศพท่านยังอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ยังอยู่ แต่ไม่ได้เปิดหรอก เป็นโลงทองทึบเก็บเอาไว้ ของหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมเขาก็เก็บ

ถาม : หลวงพ่อแช่ม รุ่นหลังหลวงพ่อเงินหรือครับ ?
ตอบ : รุ่นหลัง เป็นลูกศิษย์ ปัจจุบันก็หลวงพ่ออวยพร ลูกศิษย์หลวงพ่อแช่มอีกทีหนึ่ง ระยะหลังนี้ก็ออกพุทธาภิเษกพร้อม ๆ กันอยู่เรื่อย สงสารหลวงพ่ออวยพรเหมือนกัน ท่านมาดังตอนแก่...เหนื่อยตายชักเลย ถ้าดังตอนหนุ่ม ๆ ยังพอกรำงานไหว คิดดูแล้วกันว่าหลวงพ่ออวยพรท่านได้พระครูทีหลังอาตมา ๒ ปี อายุก็มากปานนั้นแล้ว

เถรี 12-01-2019 20:52

ถาม : วัดกลางบางแก้วอยู่ใกล้กับวัดตุ๊กตาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช่...อยู่ตรงข้ามวัดตุ๊กตา แค่ถนนกั้นอยู่เส้นเดียว ถนนกว้างกว่าพรมผืนนี้หน่อยเดียวเอง อยู่คนละฝั่งถนนกัน วัดตุ๊กตานั่นวัดหลวงปู่ปาน พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่บุญ

สมัยก่อนคนจะสร้างวัดอยู่ที่ศรัทธา ไม่เหมือนสมัยนี้กำหนดไว้ว่า ต้องห่างจากวัดเดิมอย่างน้อย ๒ กิโลเมตร แถว ๆ นั้นวัดรวมกันเป็นกระจุกเยอะแยะไปหมด

หลวงพ่อเพี้ยน วัดตุ๊กตาท่านก็แวะไปที่วัดท่าขนุนบ่อย ท่านบอกว่าแวะมาก็ไม่เจอ เจอทีไรก็เจอที่วัดของท่านเองนั่นแหละ ท่านก็เลยบ่น ถ้าขึ้นสังขละบุรีท่านจะแวะวัดท่าขนุน แวะไปก็ไม่ค่อยจะเจอกันหรอก

หลวงพ่อเพี้ยนก็จะ ๙๐ ปีแล้วกระมัง ท่านจัดงานหล่อรูปหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว อาตมาได้ยินก็ไปช่วยท่าน ปรากฏว่าไปเห็นมีญาติโยมอยู่ประมาณ ๓๐-๔๐ คน อาตมาก็ เออ...ครูบาอาจารย์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ จัดงานทีคนมา ๓๐-๔๐ คน ถ้าเป็นวัดท่าขนุนก็ประมาณว่ามีพระมากกว่าโยมอะไรประมาณนั้น

เถรี 12-01-2019 20:56

มีโยมเอาพระมาถวาย "สร้างพระถ้าทำไม่ถูกวิธีโบราณก็มีโทษมากกว่าประโยชน์ ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะประเภท “เฮี้ยน” อยากทำ รูปในหลวงยังต้องขอพระบรมราชานุญาตแทบเป็นแทบตาย แล้วพระพุทธเจ้านี่ในหลวงต้องกราบนะ อยากจะสร้างก็สร้าง เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงมากเลย เอาศรัทธาเป็นที่ตั้งอย่างเดียว ไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่นเลย ก็แปลว่ามีศรัทธาแต่ขาดปัญญา

โบราณของเราละเอียดอ่อน ทำอะไรทุกขั้นตอน มีพลี มีบวงสรวง มีบอกกล่าว สมัยนี้ของเราประเภททำไปเรื่อยเปื่อย โบราณเขาถึงได้บอกว่า ทำอะไรของเขาต้อง “ดีนอก ดีใน” ก็คือครบถ้วนทุกอย่าง ทั้งพิธีกรรม ทั้งพิธีการ ทั้งกำลังใจ สมัยนี้ประเภทนอกก็ไม่ดี ภายในก็ไม่ได้ พากันบรรลัยหมด

หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน ท่านจะสร้างพระต่อเมื่อพระท่านสั่งเท่านั้น หลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน สร้างพระนี่ ท่านเสกไม่เหมือนใคร พิมพ์พระเสร็จเอาเข้าเตาเผา แล้วเดินจงกรมภาวนารอบเตาเผานั่นแหละ จนกว่าจะเผาเสร็จ เผากันข้ามวันข้ามคืน เป็นพวกเราเดิน ๓ ชั่วโมงก็ลิ้นห้อยแล้ว"


เถรี 12-01-2019 21:30

ถาม : ...(ไม่ชัด)...
ตอบ : ยาก เหตุที่ยากมี ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือญาติโยมเป็นผู้ขาดศรัทธาในพระศาสนาเอง เพราะว่าเขาไม่เห็นประโยชน์ ไม่เห็นประโยชน์ว่าศาสนามีไปเพื่ออะไร ขนาดนั้นเลย สมัยก่อนเราบังคับเลย ลูกผู้ชายอย่างน้อยต้องบวชอย่างน้อย ๑ พรรษา สมัยนี้ยอมบวช
๗ วันก็ดีตายชักแล้ว

สมัยก่อนเรียกว่าบวชเรียน บวชเข้าไปแล้วต้องศึกษาเล่าเรียนจริง ๆ อย่างน้อยต้องมีวิชาอะไรสักอย่างหนึ่งติดตัวไว้ เพื่อรักษาตัวเอง เพื่อรักษาครอบครัว รักษาลูกเมีย ทำอะไรไม่เป็นอย่างน้อยก็ต้องทำน้ำมนต์สะเดาะให้ลูกคลอดง่าย จะต้องประเภทเสกกล้วย เสกดอกบัวให้เมียกินแล้วคลอดง่ายได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางได้แต่งหรอก สมัยนี้มีไหมเล่า ? ให้หมอผ่าอย่างเดียว..!

ถ้าสมัยอยุธยายิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ใครไม่บวชไม่ให้รับราชการ ในเมื่อเขาเห็นประโยชน์เขาถึงได้บวช แต่สมัยนี้ไม่ได้บังคับอะไรนี่ ถ้าหากว่าบริษัทใหญ่ ๆ อย่างซีพีหรือไม่ก็เบียร์สิงห์ประกาศดูสิ ถ้าไม่บวชมาก่อนนี่จะไม่รับเข้าทำงาน ดูจะวิ่งตีนพลิกเพื่อบวชกันไหม ? ก็เพราะว่าไม่มีกฎเกณฑ์กติกาเหมือนก่อนนี้ ลองประกาศว่าผู้หญิงไม่ผ่านการปฏิบัติธรรม ๓ เดือนที่มีวุฒิบัตรรับรอง ผู้ชายไม่ผ่านการบวช ๑ พรรษาไม่รับเข้าทำงาน รับรองว่าบวชกันวัดแตกเลย

ประการที่สองก็คือกระแสสังคมดึงคนไกลวัด แม้กระทั่งโครงการยกวัดมาไว้ที่เซเว่น ขนาดวัดยังไม่ค่อยจะเข้ากัน ยังยกไปไว้เซเว่นอีก แล้วจะเหลืออะไร ? คนไปเซเว่นเป็นปกติ แล้วยกวัดไปไว้เซเว่น เออดี...กูจะได้ไม่ต้องไปวัดเลย..!


เถรี 12-01-2019 21:39

ถาม : เขาเอาวัดไปเซเว่น เริ่มเมื่อไรครับ ?
ตอบ : เริ่มมาหลายปีแล้ว แล้วไม่ต้องมานิมนต์พระอาจารย์เล็กนะ ไม่ไปหรอก

ถาม : เขาทำพิธีกรรมอย่างไรครับ ?
ตอบ : นิมนต์พระไปเทศน์ที่เซเว่น ก็คือแทนที่จะช่วยกันดึงคนเข้าวัด ดันกลายเป็นช่วยกันดึงคนออกจากวัด จนกระทั่งทุกวันนี้แต่ละวัดจะต้องมีกลยุทธ์อะไรที่ดึงคนเข้าวัด ซึ่งส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้มีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกคือวัตถุมงคล อย่างที่สองคือหวย แต่ละวัดก็ต้องไปหาเรือเก่า ๆ หาตอตะเคียนเก่า ๆ มา เพื่อให้โยมเข้าวัดไปขูดหวยกัน แทบจะไม่เหลือบุคคลที่เข้าวัดด้วยศรัทธากันแล้ว ไปก็มีวัตถุประสงค์กันทั้งนั้น เพียงแต่วัตถุประสงค์ไกลวัด ใกล้วัดเท่าไร ?

พระครูปฐมสาธุวัฒน์ (อาจารย์เทพ) วัดสี่แยกเจริญพร ปีใหม่นี้ญาติโยมไปถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวันของท่าน ท่านก็มีรถการ์ตูนบ้าง รูปตัวการ์ตูนบ้าง ฯลฯ ไปให้เด็กเซลฟี่กัน ท่านบอกว่า “คนเข้าวัดดีมากเลยครับอาจารย์ วัน ๆ หนึ่ง ๗๐๐-๘๐๐ คน แต่ไม่มีใครทำบุญเลย มัวแต่เซลฟี่กันอยู่..!”

เถรี 12-01-2019 21:52

ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าศาสนาจะขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ตอบ : ขึ้นในช่วงของท่านนั่นแหละ นี่ก็เลยช่วงของท่านมาแล้ว

ถาม : ก็ไม่ต่อเนื่องถึง ๕,๐๐๐ ปีสิครับ ?
ตอบ : เราลองนึกถึงว่าพอถึงยอดเขาแล้วมีแต่ลงนะ ลงถึง ๕,๐๐๐ ปีไม่กลิ้งหลุดไปเสียก่อนก็นับว่าบุญแล้ว โดยเฉพาะปัจจุบันนี้แม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้าของเราก็ไหลตามกระแสโลกไปมาก อย่างของอาจารย์เทพ วัดสี่แยกเจริญพร ท่านก็ทำตามกระแส ก็คือคนชอบอย่างนั้น มีมาให้ถ่ายรูปอะไร แล้วท่านก็ต้องไปปลูกทานตะวันทีหนึ่งเป็นสิบ ๆ ไร่ เสร็จแล้วก็หาไอ้นั่นมาตั้ง หาไอ้นี่มาตั้งให้เขาไปถ่ายรูปกัน

จะว่าไปแล้วก็คือเป็นการดึงคนเข้าวัดอย่างหนึ่ง แต่เป็นงานที่ทำแล้วเหนื่อย ผลตอบแทนน้อย เพราะว่าคนที่มาเขาไม่ได้หวังศีลหวังธรรมอะไร เขาหวังแค่ได้รูปถ่าย ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้เราต้องยอมรับว่าศาสนาของเราอยู่ในขาลง

อีกประการหนึ่ง ปัจจุบันราชการก็ยื่นมือเข้ามามีบทบาทไปเสียทุกส่วน พอถึงเวลาก็ชี้นิ้วสั่งพระ กระดาษใบหนึ่งสั่งพระต้องทำอย่างนั้น พระต้องทำอย่างนี้ พอถึงเวลาต้องรายงานปีละกี่ครั้ง วันก่อนเพิ่งจะด่ากระจายไป "ถ้ายุ่งยากมากนักก็ไม่ต้องมายุ่งกับทางวัด เอาเงินมาถวายพระ ๕,๐๐๐ บาท แล้วต้องส่งรายงานปีละ ๔ เล่ม ค่าพิมพ์รายงานกูยังไม่พอเลย...!"


เถรี 13-01-2019 22:24

พูดถึงมีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว "เนื้อเหล็กใบมีดเป็นเอกลักษณ์หลวงปู่ยิ้มเลย ไม่รู้ว่าท่านผสมโลหะอย่างไร ตำราไหนก็ไม่เหมือน ของหลวงปู่บุญก็ไม่เหมือน เหมือนกับว่าอย่างไรสนิมก็กินไม่ได้ เป็นอะไรที่แปลกมาก มีดหมอของหลวงปู่บุญจะเป็นสนิมขุมหมดเลย แต่ของหลวงปู่ยิ้ม เนื้อจะออกเป็นสีเหมือนปีกแมงภู่ คือ สีเหลือบน้ำเงิน"

เถรี 13-01-2019 22:42

"วิธีผสมโลหะแบบหลวงปู่ยิ้ม น่าจะหมดไปตั้งแต่สมัยหลวงปู่เหรียญ เจ้าอาวาสรูปต่อมาก็ไม่ได้เรียนไว้ สงสัยอยู่อย่างเดียวว่าสารพัดโลหะที่เก็บมาก็เหมือน ๆ กัน แล้วทำไมท่านหลอมเนื้อนี้ได้ คนอื่นหลอมไม่ได้ ?

เขาบอกว่าหลวงปู่ยิ้มท่านทำ
ได้ทีละไม่กี่เล่ม ท่านคงต้องใช้เวลาเยอะในการหลอมแล้วหลอมอีก แต่ของท่านอื่นไม่ได้หลอมหลายรอบขนาดนั้น ขี้โลหะออกไม่หมด สนิมก็เลยยังกินได้อยู่

เคยไปอ่านตำราของจีน เขาบอกว่า โลหะ ๓๐๐ ชั่ง หลอมเหลือ ๓๐ ตำลึง หลอมเป็นปี ๆ เหลือไม่ถึง ๑ ใน ๑๐ เหลือแต่แก่นจริง ๆ ประเภทหลอมกันทีหนึ่งก็ไม้หมดเป็นป่าเลย"

เถรี 13-01-2019 22:52

พูดถึงงาช้าง "นี่คืองาเป็น ได้มาขณะที่เจ้าของงายังไม่ตาย งาเป็นจะมีพลังชีวิต ของอย่างนี้พอดูไปนาน ๆ แล้วจะชำนาญ มองดูจะรู้เลยว่าใช่หรือไม่ใช่"

เถรี 13-01-2019 23:07

พระอาจารย์กล่าวถึงแก้วน้ำค้าง "สมัยที่อยู่ชายแดน มีฐานที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านขึ้นไปแจกธงมหาพิชัยสงคราม ชื่อฐานเพชรน้ำค้าง ที่บริเวณฐานบนเนินเขาจะมีหินงอก เป็นลักษณะใส ๆ แต่งอกเติมขึ้นมาได้เรื่อย ๆ เหมือนดอกกะหล่ำ ซ้อนขึ้นมา ๆ เขาเรียกว่า เพชรน้ำค้าง น่าจะเป็นแก้วน้ำค้างที่ว่านี่แหละ เพราะว่าดูจากลักษณะแล้วเขาโตได้เรื่อย ๆ ส่วนแก้วน้ำหายคือจุยเจียของจีน

แก้วน้ำค้างน่าจะเป็นเพชรน้ำค้างที่อาตมาเคยเจอมา แต่ตอนนั้นที่ใหญ่ที่สุดก็เล็กกว่ากำปั้นหน่อย ยังโตไม่ได้ที่ แต่โตได้เรื่อย ๆ โตขึ้นมาเรื่อย มีเล็ก ๆ มีปานกลาง มีใหญ่หน่อย ทั้งเนินเขาลูกนั้น เป็นหมดทั้งเนินเลย น่าเสียดายว่าสมัยนี้น่าจะโดนรื้อทิ้งไปแล้ว"



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:38


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว