กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=104)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7577)

ตัวเล็ก 09-05-2021 20:48

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔



เถรี 10-05-2021 00:06

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้ทาง ผอ.นุ้ย (พญ.นวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ มาตรวจความพร้อม แล้วก็ทดสอบทิศทางลมของโรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน ที่ต้องทดสอบทิศทางลม ก็เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙

ส่วนทางด้านชุมชนนั้น ก็แบ่งสันปันส่วนกันตามที่ผมมอบหมายให้ ก็คือ ๓ ชุมชนจะส่งคนมาช่วยกันทำอาหาร เพื่อไปมอบให้กับทางโรงพยาบาล อสม. แล้วก็ด่านตรวจ ทุกวันจันทร์ พุธ แล้วก็ศุกร์ ความจริงก็อยากจะทำให้ทุกวัน แต่กลัวว่าเขาจะเบื่อเสียก่อน ก็เลยปล่อยให้ไปหากินเองบ้าง เกิดอยากกินก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ขึ้นมา แล้วดันไปเจอผัดกะเพราไข่ดาวก็จะหมดอารมณ์

โรงทานต้านภัยโควิด-๑๙ ตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราชของวัดท่าขนุนก็จะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ ในส่วนอื่น ๆ นั้น ถ้าหากว่า
พวกเรามีอะไรพอที่จะสนับสนุนได้ ก็ให้ช่วยกันทำ ช่วยกันดูแล

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึง คือ ระยะนี้ถ้าหากว่าใครนั่งใกล้ผม ก็จะเห็นว่าเวลาเจริญกรรมฐาน ทำวัตร หรือว่าฉันเช้า ฉันเพล ผมจะนั่งขัดสมาธิอย่างเดียว ก็เพราะว่าเดือนก่อนอาการปวดหลังร้าวลงไปที่สะโพก ไปหาหมอกายภาพบำบัด หมอบอกว่าเกิดจากการที่ผมนั่งพับเพียบมา ๔๐ กว่าปี ทำให้กล้ามเนื้อยึดตึงไปข้างหนึ่ง เพราะว่าเวลาเรานั่งพับเพียบ ก้นกบจะลอยด้านหนึ่ง หลังจากซ่อมแซมมาแล้ว ก็เลยต้องนั่งขัดสมาธิ เพื่อให้ก้นกบเสมอกัน หรือไม่ก็นั่งเก้าอี้ห้อยขาแบบนี้ก็ได้

เถรี 10-05-2021 00:08

คราวนี้ในส่วนที่ผมนั่งพับเพียบมาตลอด ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึงอายุ ๖๒ ปี ก็เพราะว่าเห็นครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านตำหนิญาติโยมที่นั่งขัดสมาธิต่อหน้าท่าน แล้วก็ดุเอาแรง ๆ ด้วย ผมก็เกิดความสงสัย จนกระทั่งมาฝึกมโนมยิทธิได้ ถึงได้เข้าใจว่า เวลาพระพุทธเจ้าท่านเสด็จ เราควรจะอยู่ในท่าที่ให้ความเคารพมากที่สุด ซึ่งการนั่งพับเพียบย่อมดูว่า ให้ความเคารพมากกว่าการนั่งขัดสมาธิอยู่แล้ว

ในเมื่อกำหนดภาพพระเป็นปกติ ก็เท่ากับว่าอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ผมก็เลยเคยชินกับการนั่งพับเพียบ ก็ไม่นึกว่านานไปจะทำให้ร่างกายชำรุดได้ขนาดนี้ ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่าก่อน ๆ หน้านี้ บางทีผมต้องจะใช้มือดันเอวตัวเอง เพราะจะขัดไปด้านหนึ่ง พอดันเข้าที่ก็หายชั่วคราว แล้วเดี๋ยวก็เป็นอีก โดยเฉพาะเวลานั่งนาน ๆ

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าพวกเรายังเข้าไม่ถึงการเคารพในคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ก็จะไม่เข้าใจว่าเราต้องทรมานทรกรรมร่างกายขนาดนั้นเชียวหรือ ? ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ ความเคารพความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่ออกมาจากใจ กาย วาจา ใจ ของเราจะไม่ล่วงเกินต่อคุณพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง ถ้าใครทำมาถึงตรงนี้ จะเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพูดหมายถึงอะไร พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้แต่ชีวิตก็สละเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชาได้ แล้วทำไมแค่นั่งพับเพียบจะทำไม่ได้ ?

เถรี 10-05-2021 00:14

เมื่อ ๓-๔ วันก่อน พวกท่านจะเห็นว่า ผมปฏิเสธฎีกานิมนต์พระทางวัดใหม่ศรีสุทธาวาส จังหวัดนครสวรรค์ ที่มานิมนต์ผมไปงานพุทธาภิเษก แล้วให้ผมเป็นผู้กำหนดวันเองด้วยว่าสะดวกวันไหน เหตุที่ผมปฏิเสธไป เพราะว่าผมเคยกำหนดไปให้แล้วครั้งหนึ่ง ก็คือวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ แต่ปรากฏว่าพอมีเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ทางวัดก็ยกเลิกงานไปหน้าตาเฉย

ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการกระทำที่ถูก แต่เป็นการกระทำที่นึกถึงแต่ตัวเอง..ไม่ใช่ลืมนึกถึงผม แต่ลืมนึกถึงพระพุทธเจ้า เพราะว่าท่านให้ผมเป็นคนกำหนดเวลาในการทำพิธีพุทธาภิเษก ผมก็ต้องกราบอาราธนาพระพุทธเจ้า เพื่อขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ คุณบอกวันเวลามาชัดเจน แล้วอยู่ ๆ ยกเลิกไป ไอ้ที่บรรลัยก็คือผมเอง..!

สมมติว่าพวกคุณสามารถทูลอัญเชิญในหลวงเสด็จมาวัดได้ พอใกล้เวลาเสด็จคุณก็บอกว่ายกเลิก แล้วจะให้พระองค์ท่านกำหนดวันเวลาเพื่อที่จะเสด็จมาใหม่ พวกคุณลองคิดดูว่าหัวจะขาดไหม ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมถึงได้ปฏิเสธไป ก็คืออย่าหวังอีกเลยว่าผมจะกำหนดกฎเกณฑ์วันเวลาอะไรให้อีก เพราะว่าช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นว่าผมเสียหายมากที่สุดจากการกระทำแบบมักง่ายของท่าน..!

ถ้าโทรปรึกษาหารือผมสักนิดเดียว ผมก็จะแนะนำให้ทำพิธีแบบเล็ก ๆ ก็คือนอกจากพระเกจิอาจารย์ที่นิมนต์แล้ว พยายามควบคุมคนอย่าให้เกิน ๕๐ คน แล้วมีการเว้นระยะ เพราะว่าตอนนั้น ศบค.ยังไม่ได้ประกาศในเรื่องของการควบคุมไม่ให้เกิน ๒๐ คน ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างจะจบลงด้วยดี งานของท่านก็ได้ วัตถุมงคลพุทธาภิเษกแล้วก็ส่งให้ผู้จองได้ ผมเองก็ไม่เสียหายที่กราบอาราธนาพระให้แล้วโดนยกเลิก

ในเมื่อความเคารพในพระรัตนตรัยต่างกันขนาดนี้ ผมก็เลยเห็นว่าถึงสงเคราะห์ไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะท่านคงไม่เข้าใจและเข้าไม่ถึง จึงได้ปฏิเสธไป

เถรี 10-05-2021 00:16

บางอย่างไม่ใช่การเล่นตัวนะครับ อย่างเช่นโยมถามว่า "จะมีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไร ?" แล้วผมบอกว่า "ไม่รู้" ก็เพราะว่าไม่รู้จริง ๆ เนื่องจากว่าการเป่ายันต์เกราะเพชร ตามสายของพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ต้องให้พระพุทธเจ้าอนุญาตเท่านั้น ถ้าพระองค์ไม่ได้อนุญาต เราพยายามทำพิธีอย่างไรก็ไร้ผล เพราะว่ายันต์เกราะเพชรก็คือบารมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งสงเคราะห์ต่อคนหมู่มากที่มีจิตศรัทธา

หลวงพ่อวัดท่าซุงเตือนนักเตือนหนาในวันที่ครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรว่า อย่าใช้กำลังของตัวเองอย่างเด็ดขาด ต่อให้มีความคล่องตัวในอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ขนาดไหนก็ตาม จะได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของพระท่าน เมื่อทำไปแล้วสงเคราะห์คนได้ไม่ทั่วถึง ถ้าหากว่าเขาเป็นอะไรไป ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นแก่ส่วนรวม ไม่ใช่แค่เรา เพราะเขาจะเหมาหมดว่าพระพุทธศาสนาหาดีไม่ได้

ที่กล่าวถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายอยู่นานไป อาจจะต้องไปเป็นเจ้าอาวาส อาจจะต้องไปเป็นครูบาอาจารย์แนะนำลูกศิษย์ หรือว่าญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่ทางบ้าน หรือว่าอยู่ต่างประเทศ นานไปเมื่อเราปฏิบัติจนมีความชำนาญมากขึ้น ก็อาจจะต้องแนะนำคนอื่นเขาต่อ สิ่งแรกเลยที่จะลืมไม่ได้ก็คือ ความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าจุดนี้ทำไม่ได้ การเข้าถึงมรรคผลส่วนอื่นก็ไม่ต้องหวัง เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาข้อแรก ในการเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้น

เถรี 10-05-2021 00:17

ในส่วนนี้ ถ้าหากว่าญาติโยมท่านใด ถึงเวลาฟังพระเทศน์ ถึงเวลาสวดมนต์ไหว้พระ แล้วยังนั่งขัดสมาธิเอาตามสบายอยู่ ก็ขอให้รู้ว่าสภาพจิตของท่านยังหยาบอยู่มาก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นการปรามาสในคุณพระรัตนตรัย ซึ่งจะปิดกั้นหนทางที่จะเข้าถึงมรรคผลของเรา

ต้องระมัดระวังกาย วาจา ใจ ของตนเอง ขัดเกลาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป พูดง่าย ๆ ก็คือยิ่งทำต้องยิ่งละเอียด ไม่ใช่ไม่ทันจะทำอะไรก็ทำตัวอย่างไรก็ได้ อย่างไรก็ได้นั้นสำหรับผู้ที่เข้าถึงจนมั่นคงแล้ว แต่ส่วนมากท่านก็ยังไม่ทิ้งแนวการปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะว่ามักจะมีผู้ปฏิบัติเลียนแบบทำตาม จึงต้องทำเป็นเนติ เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ที่เขาจะทำตาม

ดังนั้น..ในส่วนของพระภิกษุสามเณรหรือว่าญาติโยม เราจึงต้องขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้ละเอียดขึ้นเรื่อย ๆ ให้รู้เท่าทันกิเลสมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าให้เขาหลอกเราจนเดินทางผิด หรือว่าทำในสิ่งที่ผิด ซึ่งจะทำให้หนทางเข้าสู่มรรคผลของเราช้าลงโดยใช่เหตุ แล้วถ้าเกิดพลาดพลั้งลงอบายภูมิไป ก็จะเป็นการเสียเวลาครั้งใหญ่ในการที่จะฝ่าฟันให้พ้นจากห้วงวัฏสงสาร

วันนี้ก็ขออนุญาตฝากข้อคิดให้แก่พระภิกษุสามเณร และเจริญพรแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว