กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   งานหล่อหลวงพ่อนาก วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6085)

เถรี 16-03-2018 00:19

งานหล่อหลวงพ่อนาก วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
 
สำหรับญาติโยมทั้งหลายที่เดินทางมา โดยเฉพาะท่านที่บ้านไกลอยู่ถึงปักษ์ใต้ ไม่ว่าจะฝั่งอันดามันหรือฝั่งอ่าวไทยก็ตาม ต้องบอกว่ากำลังใจของท่านทั้งหลายนั้นมีมากมายเหลือล้น เพราะว่ากว่าจะเดินทางมาถึงไม่ใช่ระยะใกล้ ๆ ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายก็สูง แต่ว่าท่านทั้งหลายก็ยังตั้งใจที่จะเดินทางมาหล่อพระร่วมกัน

เถรี 16-03-2018 00:19

การหล่อพระพุทธรูปของทางวัดท่าขนุนนั้น แต่เดิมอาตมาตั้งใจหล่อพระทองคำองค์เดียว แต่ปรากฏว่าเมื่อสร้างมณฑปขึ้นมา ตั้งใจนำพระพุทธรูปซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้กับทางวัดท่าขนุน ๒ องค์ มาประกบคู่กับหลวงพ่อทองคำก็ไปกันไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธรูปเก่านั้นลงรักปิดทองมา สีสันค่อนข้างจะกระดำกระด่าง ก็เลยทำให้ไม่สามารถที่จะวางให้เข้ากันได้ จึงตั้งใจหล่อพระเนื้อนากกับเนื้อเงินเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อจะได้ดูแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ในส่วนของพระเนื้อนากกับพระเนื้อเงินที่หล่อเพิ่มเติมขึ้นมา ก็เพราะว่าในส่วนของพระพุทธรูปทองคำนั้น พระท่านให้หล่อปี ๒๕๖๒ ก็คือปีหน้า เป็นการทำโครงการล่วงหน้าถึง ๗ ปีด้วยกัน ในเมื่อมีการหล่อพระเนื้อเงินและเนื้อนากขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเป็นการคั่นกลางในระหว่างที่ยังไม่ได้หล่อหลวงพ่อทองคำ

อีกประการหนึ่งก็คือ จังหวัดกาญจนบุรีนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศมากันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศแม้แต่องค์เดียว

พระพุทธรูปสำคัญที่มีอยู่อย่างเช่นหลวงพ่อพระพุทธนวราชบพิตรก็ดี หรือว่าหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอนก็ตาม หลวงพ่อพระพุทธนวราชบพิตรเก็บอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี อาตมามาเป็นลูกเมืองกาญจน์นี้ ๒๕ ปีเต็ม ๆ แล้ว เพิ่งได้เห็นครั้งเดียว เพราะว่าถ้าไม่มีงานสำคัญเขาก็ไม่เอาออกมาให้กราบไหว้กัน ส่วนหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอนนั้น ท่านก็ดังเฉพาะในพื้นที่ ไปจังหวัดอื่นเขาก็ไม่รู้จัก อาตมาเองเป็นคนประเภทที่ว่า ในเมื่อไม่มีเราก็ทำเองเสียเลย

เถรี 16-03-2018 20:58

ตอนแรกคำนวณออกมาแล้วว่า จะต้องใช้ทองคำจำนวนกี่กิโลกรัม คิดเป็นเงินแล้วตกประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท คิดว่าไม่เกินความสามารถที่จะทำได้ คราวนี้มีหลวงพ่อเงินกับหลวงพ่อนากคั่นกลางขึ้นมา ก็ยิ่งมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นั้น ผลิตโดยกลุ่มช่างซึ่งไปสร้างพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โยมจะเห็นว่าเขาทำได้สวยงามมาก เฉพาะมณฑปอย่างเดียวราคา ๑๒ ล้าน ๕ แสนบาท สรุปว่าถ้าสร้างพระพุทธรูป ๓ กษัตริย์ ทองคำ นาก เงินเสร็จสรรพเรียบร้อย ภายในศาลานี้ก็จะประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

มีญาติโยมถามว่าไม่กลัวของหายใช่ไหม ? อาตมายืนยันว่าไม่หาย เพราะว่าพระพุทธรูปน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัม ไม่มีใครแบกไปได้หรอก ยกเว้นว่าพระทั้งวัดตายหมดแล้ว...! อาตมาเองเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่พอต้องไปแบกทองคำน้ำหนักแค่ ๓๐ กว่ากิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักถ่วงลงจุดเดียว ยังเกือบจะยกไม่ขึ้น ดังนั้น...ถ้าทองคำน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัมแล้วถ่วงลงจุดเดียว อาตมาไม่เชื่อว่าในโลกนี้มีใครยกขึ้น ต่อให้ยกขึ้นก็คาดว่าน่าจะหกคะเมนตีลังกาลงมาจากมณฑป มากกว่าที่จะได้ลงมาดี ๆ

โดยเฉพาะว่าวัดนี้ติดกล้องวงจรปิดไว้เป็นจำนวนมาก เฉพาะรอบ ๆ ศาลาแห่งนี้ก็มีถึง ๑๖ ตัวด้วยกัน แต่โยมมองไม่เห็น เพราะว่ากล้องสมัยนี้ซ่อนไว้มิดชิดมาก บางคนไปยืนทำลิงทำค่างอยู่หน้ากล้องยังไม่รู้ตัวเลยว่ากล้องอยู่ที่ไหน และใช้ในการจับขโมยได้ไป ๒ ครั้งแล้ว ภาพชัดเจนกว่าตาเราเห็นอีก เพียงแต่อาตมาสงสัยอยู่อย่างเดียวว่า อาตมาติดกล้องวงจรปิดไป ๕๐ ตัว จ่ายเงินแค่ประมาณ​สี่แสนบาทเศษ แล้วคิดว่ากล้องของทางด้านทำเนียบรัฐบาลคุณภาพก็คงไม่ดีไปกว่าของอาตมา แต่ทำไมของเขาตัวละแสนกว่าบาท...!

เถรี 16-03-2018 21:01

ส่วนหนึ่งของการหล่อพระพุทธรูปนั้น อานิสงส์ก็คือ ต้องการที่จะช่วยสถานการณ์ประเทศชาติที่ไม่ค่อยจะมั่นคง ให้มีความเจริญมั่นคงขึ้นมา แต่ในส่วนนี้เป็นส่วนที่บอกกล่าวกันไปแล้วก็ยากที่จะเชื่อถือ เพราะว่าไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปธรรม นอกจากคำที่บอกเล่าสืบ ๆ กันมา

อาตมาก็ยังแปลกใจว่าตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ ที่ได้รับคำสั่งและเริ่มดำเนินโครงการในปี ๒๕๕๖ กราบเรียนถามพระท่านว่า ถ้าได้ทองคำครบแล้วจะหล่อเลยได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ ต้องหล่อตามเวลา ก็คือปี ๒๕๖๒ ญาติโยมก็ต้องนึกว่า ช่วงนั้นห่างกันถึง ๗ ปี กราบเรียนถามว่าทำไมถึงต้องเป็นปี ๒๕๖๒ ? ท่านบอกว่าพระองค์นี้ถ้าหล่อเสร็จ สถานการณ์ประเทศชาติทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะว่ารัฐบาล คสช.เข้ามา ได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมาก ดีอกดีใจเหลือเกินที่ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศใหม่ ปรากฏว่าลากยาวมาจนป่านนี้ยังไม่สามารถที่จะเลือกตั้งใหม่ได้

ก็ต้องยอมรับว่าในสิ่งที่พระท่านบอกเอาไว้นั้นถูกต้อง เพราะว่าถ้ายังไม่มีรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นที่เชื่อถือและยอมรับของนานาประเทศ สถานการณ์บ้านเมืองของเราก็ยากที่จะดีขึ้นได้

เถรี 16-03-2018 21:06

ในปัจจุบันนี้ดูเหมือนกับว่าสถานการณ์บ้านเมืองของเราดีขึ้น เพราะว่าค่าเงินบาทแข็งตัว แต่ต้องบอกว่าเกิดจากสหรัฐฯ เดินสะดุดเท้าตัวเองล้ม ไม่ใช่ว่าคนไทยบริหารเก่งแล้วค่าเงินแข็งตัวขึ้น และในปัจจุบันนี้ นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ก็ยังมีรัสเซียกับประเทศจีน ที่เป็นคู่แข่งใหญ่กันในโลก สหรัฐฯ ซึ่งมีทีท่าว่าจะเพลี่ยงพล้ำให้แก่จีนและรัสเซีย ก็พยายามที่จะดิ้นรนแสดงความสำคัญของตนเอง โดยเฉพาะในการที่จะก่อสงครามเพื่อแสดงแสนยานุภาพ ซึ่งในตรงนี้ปัจจุบันก็เป็นที่ยอมรับได้ยากของชาวโลก ไม่ใช่ว่าจะทำไปแล้วมีคนยอมรับกัน จึงกลายเป็นทำลายความน่าเชื่อถือของตนเอง ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เองทำท่าจะซบเซาลง เพราะว่าประธานาธิบดีสหรัฐ ไปดำเนินนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน

อเมริกาเป็นประเทศใหญ่ มีทรัพยากรไม่เพียงพอจะหล่อเลี้ยงประเทศตัวเอง ในเมื่อปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมรับทรัพยากรจากประเทศอื่น ก็กลายเป็นลำบากเอง เหมือนอย่างกับคนไม่มีอะไรจะทำ ไปยกหินทุ่มตีนตัวเอง ก็เลยกลายเป็นขาเป๋เดินไม่ถนัด

ขณะที่จีนกับรัสเซียก็มีทีท่าว่าจะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ปัจจุบันนี้หลายประเทศค้าขายด้วยเงินหยวน ขณะเดียวกันใครจะซื้อก๊าซจากรัสเซียก็ต้องจ่ายเป็นเงินรูเบิล โดยไม่รับดอลลาร์อีกแล้ว เงินดอลลาร์มีแนวโน้มจะตกลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอาจจะหมดค่าไปเอง เพราะว่าดอลลาร์พิมพ์ขึ้นมาเองโดยไม่มีกองทุนหนุนอยู่ข้างหลังเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ดอลลาร์พิมพ์ขึ้นมาเพราะมั่นใจว่า ในโลกนี้ใคร ๆ ก็ใช้เงินดอลลาร์ จึงไม่มีทองคำเป็นทุนสำรองเอาไว้ เผื่อว่าถ้ามีใครขอแลกเงินดอลลาร์คืนพร้อม ๆ กัน จะได้มีเงินเพียงพอที่จะให้เขาแลกได้

ในส่วนนี้ถ้าประเทศจีนซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ไม่ถือแนวประนีประนอมกันต่อไป สหรัฐฯ จะตายอย่างเดียว เพราะว่าประเทศจีนถือพันธบัตรที่เป็นเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ ไว้เป็นแสน ๆ ล้าน ไม่ใช่แสน ๆ ล้านบาท แต่เป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์ แค่ขายพันธบัตรคืนอย่างเดียว สหรัฐฯ ก็ต้องขายประเทศให้กับประเทศจีนไปแล้ว

ฉะนั้น..ทุกวันนี้ที่โลกเรายังอยู่ได้ ไม่ถึงกับพังบรรลัยวายวอดไปหมด ก็เพราะว่าจีนยังทำตัวสมกับเป็นพี่ใหญ่ ก็คือดูสถานการณ์โลกเป็นหลัก แต่สหรัฐฯ นั้นทำตัวเหมือนกับเด็กเจ้าปัญหา พอถึงเวลาไม่ได้อย่างใจก็อาละวาดเองบ้าง สะกิดให้ลูกน้องในสังกัดไปอาละวาดบ้าง กลายเป็นทำลายความน่าเชื่อถือในเวทีโลกลงไปทุกวัน

เถรี 16-03-2018 21:09

ในส่วนนี้ประเทศไทยของเราก็มีผลกระทบ เพราะว่าการส่งออกของไทยนั้น เน้นไปที่สหรัฐฯ เป็นหลัก ในเมื่อสหรัฐฯ ประกาศนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน การค้าขายต่าง ๆ ของเราก็สะดุดหยุดยั้งลง ไม่สามารถที่จะมีความคล่องตัวเหมือนอย่างกับในช่วงก่อน ซึ่งถ้ารัฐบาลของเราขยับตัวเร็ว มีการไปผูกสัมพันธไมตรีกับจีนหรือรัสเซียเอาไว้ก่อน ก็ถือว่ารอดตัวไป แต่ถ้าขยับตัวช้า เล่นเกมระหว่างประเทศไม่เป็น สร้างสมดุลระหว่างประเทศไม่เป็น สภาพการณ์ก็น่าจะอนาถกว่านี้

โดยเฉพาะบ้านเรา ภัยธรรมชาติต่าง ๆ หนักขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็เกิดจากการกระทำของคนเรา แต่ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะว่าในบางส่วนของการที่เราจะยับยั้งไม่ให้อันตรายต่าง ๆ เกิดขึ้น ก็ยังเป็นไปได้อยู่ แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในศีลในธรรม และกระทำให้สม่ำเสมอ ถ้าสามารถทำได้สม่ำเสมอ มีความมั่นคง ก็จะช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น และขณะเดียวกัน พวกเราซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านในเมือง ก็จะได้ลืมตาอ้าปากได้

อาตมาเองแทบจะเร่งวันเร่งคืนว่า เมื่อไรจะถึงปีหน้าให้พวกเราได้หล่อพระเสียที เพราะว่าเห็นใจญาติโยมทั้งหลายที่ลำบากอยู่ ปัจจุบันศาสนาบางศาสนาก็พยายามที่จะวางแผนทำลายศาสนาพุทธให้หมดไปจากประเทศไทย โดยอาศัยคำพูดประเภทที่ว่า ถ้าเราว่าร้ายเขาเมื่อไร เขาก็บอกว่าสร้างความแตกแยก แต่ถ้าเขาว่าร้ายเราเมื่อไร เป็นการกระทำที่ชอบธรรมเพื่อชำระศาสนาให้บริสุทธิ์ ซึ่งลักษณะคำพูดประมาณนี้เราจะได้ยินอยู่บ่อย ๆ และจะได้เห็นชัดเจนว่า ใครเป็นตัวกลางหรือเป็นแนวร่วมในการทำลายพระพุทธศาสนาของเรา

เถรี 17-03-2018 21:15

ในส่วนที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ถ้าศาสนาพุทธของเราไม่มีจุดอ่อนให้เขาโจมตี เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเราได้ และอาตมายืนยันว่าศาสนาพุทธของเราไม่มีใครทำลายได้ เพราะว่าเป็นของแท้ แต่ผู้ที่ทำลายศาสนาพุทธได้ ก็คือพุทธบริษัททั้ง ๔ นั่นเอง อย่างที่โบราณเขาว่ากัน สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน ในเมื่อภายในเน่า ภายนอกจะให้ดีย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ย่อมมีจับไข้ กลัดหนอง เจ็บปวดอยู่บ้าง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องอาศัยพวกเราร่วมด้วยช่วยกัน เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝากอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ แต่ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นว่า ปล่อยทิ้งให้เป็นภาระของพระเท่านั้น แล้วพระทั้งหลายทั้งปวงในปัจจุบันนี้ เมื่อบวชมาแล้วก็หาครูบาอาจารย์ที่เข้มงวดได้ยาก จึงประพฤติปฏิบัติตามใจของตนเอง โดยไม่ได้สนใจว่าจะทำลายศาสนาให้เสียหายขนาดไหน

ถ้าเราไปคิดถึงต้นไม้ก็ต้องมีหนอน มีแมลงมาบ่อนเบียนกัดกินอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันนี้หนอนแมลงมีมาก จึงทำให้ศาสนาของเราเสียหายมากไปด้วย

บรรดาพุทธบริษัทหญิงชายทั้งหลายที่อยู่ในส่วนของอุบาสกและอุบาสิกาบริษัท จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการแสดงออกให้ชัดเจน การแสดงออกที่ชัดเจนนั้นไม่ใช่ไปด่าว่า ไม่ใช่ไปแนะนำ ไม่ใช่ไปสั่งสอน เพราะว่าเพศพระเณรเป็นอุดมเพศ เป็นบุคคลที่พึงจะต้องรู้ว่าตนเองควรจะปฏิบัติอย่างไร แต่การที่เราจะช่วยเหลือได้ก็คือ เคารพยกย่องพระภิกษุสามเณรที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ให้เป็นที่ปรากฏแก่สังคมทั่วไป บรรดาท่านทั้งหลายที่ไม่ได้รับการยอมรับก็จะอยู่ไม่ได้ไปเอง

และอีกส่วนหนึ่งก็คือ พยายามปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนกระทั่งเกิดผลดีอย่างแท้จริงแก่ตนเอง เมื่อถึงเวลามีคนอื่นมาจาบจ้วงกล่าวร้ายพระพุทธศาสนา เราจะได้แก้ไขคำกล่าวร้ายของเขา สามารถบอกกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ทำแล้วก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร


ถ้าตราบใดที่ท่านทั้งหลายยังไม่สามารถปฏิบัติธรรม จนก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัว ตลอดจนกระทั่งประเทศชาติบ้านเมืองและพระศาสนาได้ ถึงเวลาเราจะไปบอกกล่าวแก่คนอื่นเท่าไร เขาก็ยากที่จะเชื่อถือ เพราะว่าสิ่งที่เราทำนั้นยังไม่ปรากฏผลแก่ตัวเราเอง เมื่อตัวเรายังไม่ปรากฏผล จะไปบอกกล่าวให้คนอื่นเชื่อถือก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราทำได้เองแล้ว บอกกับใครก็ศักดิ์สิทธิ์ บอกกับใครก็น่าเชื่อถือ เพราะว่ามีตัวเราเป็นเครื่องพิสูจน์

เถรี 17-03-2018 21:24

ดังนั้น...ญาติโยมทั้งหลายที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากภาระของพระพุทธศาสนาเอาไว้ อย่าได้ลืมหน้าที่ของตนเองว่า พุทธบริษัทที่ดีต้องทำอย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระของหลวงปู่ หลวงตาแค่ไม่กี่รูปทั่วประเทศไทย เราลองนึกดูว่า ถ้ารถลากมีคนมาพ่วงมาก ๆ เข้า จะลากไหวไหม ? จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสำรวมและสำนึกถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเรา ในการรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้จนกว่าจะครบ ๕,๐๐๐ ปี ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งอายุพระศาสนาไว้

การที่เรามาหล่อพระในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ เพราะว่าได้สร้างถาวรวัตถุ โดยเฉพาะรูปเคารพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อสร้างด้วยวัสดุมีค่ามีราคา ซึ่งญาติโยมทั้งหลายต้องสละข้าวของเงินทอง เพื่อร่วมใจกันหล่อหลอมขึ้นมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในส่วนนี้ก็ทำให้พวกเรามีกำลังใจที่ผูกพันอยู่ในพุทธานุสติ ถ้าสามารถรักษาให้มั่นคงได้ ก็จะมีสุคติเป็นที่ไป และในขณะเดียวกัน ผู้อื่นเห็นเกิดความชื่นชมยินดีอนุโมทนาด้วย บุญกุศลก็เป็นของเขาทั้งหลายเหล่านั้นด้วย

เถรี 17-03-2018 21:28

ในเรื่องของการรักษาพระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งก็คือศากยบุตรพุทธชิโนรสของเรา ต้องประกอบไปด้วยความรู้ความสามารถที่แท้จริง ต้องบอกว่ามีความสามารถทั้งทางด้านปริยัติ คือการศึกษาเล่าเรียนและในการปฏิบัติ

อาตมาเองจึงส่งพระภิกษุสามเณรทุกรูป ตลอดจนกระทั่งแม่ชีและเด็กวัดไปเรียน มีปัญญาตั้งใจจะเรียนถึงระดับไหนให้บอกมา สามารถส่งได้หมดทุกระดับ ความภูมิใจในปัจจุบันนี้ก็คือ ส่งพระจบปริญญาเอกไป ๒ รูป แม่ชี ๑ รูป ปัจจุบันนี้มีพระกำลังจะจบปริญญาเอกอีก ๒ รูป แม่ชีอีก ๑ รูป ส่วนปริญญาโทนั้นจบมาเกิน ๒๐​ รูปแล้ว ปริญญาตรีถ้าไม่นับที่สึกไปด้วยก็ใกล้เคียงกัน และปัจจุบันนี้เด็กวัดกำลังจะจบปริญญาโท ต่อไปมาอยู่วัดนี้ไม่มีความรู้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าจะคุยกับเด็กวัดไม่รู้เรื่อง...!

ในส่วนนี้ที่เห็นประโยชน์ก็คือ ถ้าพระภิกษุของเรามีความรู้ในพระพุทธศาสนา ก็จะสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดีขึ้น มีความคล่องตัวขึ้น เป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ทำให้พระพุทธศาสนาของเราสามารถเจริญยั่งยืนต่อไปได้

เถรี 18-03-2018 23:00

ในส่วนนี้จะว่าไปแล้วก็ต้องโทษญาติโยมทั้งหลายเอง คือไม่เชื่อถือในเรื่องของการปฏิบัติ เพราะว่าญาติโยมไม่มีความสามารถที่จะวัดได้ จึงไปวัดเอาที่ความรู้ทางโลก ๆ

อาตมาบวชใหม่ ๆ ๗ - ๘ พรรษา เขานิมนต์พระอาจารย์เล็กไปบรรยาย บอกว่าจบนักธรรมชั้นเอก คนก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่พอกระทรวงศึกษาธิการเทียบวุฒิให้ว่า นักธรรมชั้นเอกมีวุฒิเทียบเท่าชั้นมัธยมปีที่ ๓ พระทั้งประเทศราคาตกฮวบ เพราะโยมถือว่ามีความรู้นิดเดียว จึงต้องมีการบังคับให้เรียนต่อ พออาตมาจบปริญญาตรีมา ได้เกียรตินิยมอันดับ ๑ เวลาเขาประกาศคนก็หูผึ่ง ท่านต้องมีความรู้แน่ ปัจจุบันจบปริญญาเอก มีคำว่าด็อกเตอร์ห้อยท้าย ไปไหนกลับค่อนข้างจะกดดัน

อย่างเช่นว่าตอนช่วงไปสอบพระอุปัชฌาย์ ไม่ว่าจะระดับจังหวัดหรือระดับภาค เป็นด็อกเตอร์จบปริญญาเอกอยู่คนเดียว กดดันมาก ๆ เพราะว่าทำคะแนนน้อยกว่าคนอื่นไม่ได้ จนกระทั่งไปสอบระดับหน ๒๓ จังหวัดรวมกัน มีครูบาอาจารย์ ๒ ท่านที่เคยสอนอาตมามา แล้วก็มีเพื่อนอีก ๒ ท่านที่จบปริญญาเอกรุ่นเดียวกันมา ความกดดัน
ค่อยลดน้อยลงหน่อย ไปตกอยู่ที่ครูบาอาจารย์แทน เพราะว่าถ้าทำคะแนนได้น้อยกว่าอาตมา ครูบาอาจารย์ท่านก็จะขายหน้าเอง และขายหน้าไปเรียบร้อยแล้ว..!

ฉะนั้น...ในส่วนของความรู้ทางโลกนั้น แค่เสริมความน่าเชื่อถือทางโลก ๆ เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า ท่านทั้งหลายจะมีคุณธรรมความดีเหมือนอย่างกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

เถรี 18-03-2018 23:02

คุณธรรมความดีนั้น จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์วัดกันได้ มีแต่เครื่องมือทางจิต ซึ่งเครื่องมือทั้งหลายเหล่านี้ถ้าไม่ใช่เที่ยงตรงจริง ๆ ก็จะเพี้ยนสาหัส

อย่างปัจจุบันบางสำนักสำเร็จพระโสดาบันเป็นร้อย ๆ สำเร็จพระอนาคามี พระอรหันต์ก็มี แต่ได้ยินว่าเสื่อมแล้ว ซึ่งอาตมาก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะคำว่า อริยะ แปลว่า ผู้เจริญโดยส่วนเดียว ไม่มีการตกต่ำ แต่สำนักนั้น พระอริยะของเขาสามารถที่จะเสื่อมได้ สามารถที่จะทรยศครูบาอาจารย์ได้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปเอามาจากตำราเล่มไหน ?

ฉะนั้น...เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาให้รู้ยิ่งเห็นจริง เพื่อที่เราทั้งหลายจะได้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องและตรวจสอบคนอื่นได้ เมื่อถึงเวลาจะได้ตรวจสอบได้ว่า เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนปฏิบัติดีจริงหรือเปล่า ถึงเวลาจะได้ตรวจสอบได้ว่า หลวงปู่หลวงพ่อรูปนั้นรูปนี้ที่มีชื่อเสียงนั้น เป็นของแท้หรือของเทียม

เพราะว่าปัจจุบันนี้ เรื่องของการตลาดเข้ามามีส่วนร่วมในหลายสถานที่ ที่เห็นพังไปคาตาก็คือหลวงปู่เณรคำ ใช้ระบบสร้างกันขึ้นมาอย่างเป็นกระบวนการ ทันทีที่เพื่อนพระท่านบอกกับอาตมาว่า กฐินของเขาเฉพาะรถเบนซ์คันเดียว เราก็ไม่มีปัญญาแล้วนะ ความรู้สึกแรกที่อาตมาบอกขึ้นมาก็คือ รถเบนซ์คันนั้นแหละที่จะพาเจ๊ง แล้วท้ายสุดก็เจ๊งจริงอย่างที่ว่า แต่ก็มีแค่เพื่อนพระไม่กี่คนที่รู้ เพราะว่าปรารภถึงกัน ก่อนหน้านั้นก็ไม่มีใครรู้

ถ้าท่านทั้งหลายอยากจะรู้เรื่องแบบนี้ ก็ต้องปฏิบัติในแนวของวิชชาสาม อภิญญาหก ตลอดจนปฏิสัมภิทาญาณสี่ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจะสามารถรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้

เถรี 18-03-2018 23:05

ในสมัยที่ท่านอาจารย์ยันตระยังเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาอยู่ ท่านเดินทางไปวัดท่าซุง พระวัดท่าซุงทั้งหมดบอกว่า ไม่ต้อนรับ อาตมาคัดค้านกลางที่ประชุมสงฆ์ว่า คุณไม่ต้อนรับเพราะว่าเขาไม่ดีใช่ไหม ? ทุกคนก็บอกว่าใช่ แล้วสิ่งที่เขาไม่ดีมีใครรู้บ้างไหมนอกจากพวกคุณ ? ในสายตาของญาติโยมคือท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นพระอรหันต์ ให้ความเคารพนับถือสุด ๆ แล้วท่านแห่มาวัดเราด้วยรถบัส ๒๒ คัน ถ้าเราไม่ต้อนรับ แค่โยมไปพูดกันคนละคำ วัดเราก็เละแล้ว

ท้ายสุดทางกรรมการสงฆ์ก็เลยมอบหมายให้อาตมาเป็นผู้ต้อนรับเอง ก็นำพาท่านไปชมวัด อธิบายให้ทราบว่าแต่ละอย่างสร้างขึ้นมาเมื่อไร สร้างขึ้นด้วยเหตุผลอะไร ก่อนกลับท่านก็ระดมลูกศิษย์ทำบุญมาสี่แสนกว่าบาท แต่คราวนี้คณะสงฆ์ไม่ยักจะให้อาตมารับ ต้อนรับไม่ต้อนรับ แต่เงินกลับเอา...!

ดังนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้รู้ไปก็พูดไม่ได้ จนกว่าความเป็นจริงจะปรากฏขึ้นมา โดยเฉพาะในส่วนของพระภิกษุสงฆ์ของเรา ถ้าบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแก่อนุปสัมบัน คือบุคคลที่มีศีลน้อยกว่า ต้องอาบัติหนักเลย เพราะว่าถ้าพระเรายังไม่มีการสอบสวนและตัดสินความ แล้วเราไปบอกแก่ญาติโยมก่อน เราจะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา สร้างความมัวหมองให้เกิดขึ้นแก่พระพุทธศาสนา

แต่ถ้าทางคณะสงฆ์มีการตัดสินคดีแล้ว เรื่องราวปรากฏชัดแก่สาธารณชนแล้วถึงสามารถที่จะพูดได้ จึงอยากจะให้ญาติโยมทั้งหลายพยายามศึกษา จนกระทั่งเกิดความสามารถที่แท้จริง สามารถพิสูจน์ได้ว่า พระภิกษุสามเณรหรือฆราวาสท่านใด ประพฤติปฏิบัติดีจริงหรือเปล่า ในเมื่อเราสามารถพิสูจน์ได้ ก็เท่ากับว่าเรามีการคัดกรองบุคคลที่เราจะร่วมบุญร่วมกุศลด้วย

ในเมื่อท่านทั้งหลายรู้ว่าใครเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ร่วมบุญกุศลเฉพาะผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งท่านเป็นเนื้อนาบุญ บรรดาของปลอมก็อยู่ไม่ได้ ท้ายสุดก็เปรียบเสมือนกับซากศพที่โดนคลื่นทะเลซัดขึ้นฝั่งไปเสมอ

เถรี 19-03-2018 22:17

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ไว้ในปหาราทสูตร กล่าวถึงจอมอสูรที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร ชื่อ ปหาราทสูร ทูลถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงความดีของท้องทะเลหลายข้อด้วยกัน อย่างเช่นว่า ทะเลเป็นที่รวมของแม่น้ำทุกสาย ทะเลเป็นที่รวมของแม่น้ำมากเท่าไรก็ไม่เคยล้นฝั่ง ทะเลลาดลุ่มลึกลงไปตามลำดับ มีความน่าอภิรมย์อยู่ในทุกที่ ทะเลประกอบไปด้วยหมู่มัจฉาใหญ่ ๆ น้อย ๆ จำนวนมากมายมหาศาล ทะเลมีรัตนะคือแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ทะเลมีรสเดียวคือรสเค็ม เป็นต้น

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า พระพุทธศาสนานี้ก็เช่นเดียวกับท้องทะเล เป็นที่อาศัยของบุคคลจากทุกชั้นวรรณะเหมือนทะเลที่รองรับแม่น้ำน้อยใหญ่ทุกสาย และขณะเดียวกันก็เหมือนกับทะเลตรงที่ว่า ถึงจะรองรับบุคคลทุกชั้นวรรณะมากมายเท่าไรก็ไม่เคยเต็ม พระพุทธศาสนาประกอบไปด้วยพระอริยบุคคลที่เปรียบเหมือนอย่างกับปลาใหญ่ในท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ หลักธรรมในพระพุทธศาสนาลุ่มลึกลงไปตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา

พระพุทธศาสนาประกอบไปด้วยรัตนะ คือหลักธรรมคำสอนอันสำคัญ ๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอิทธิบาท ๔ สัมมัปปธาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ หรือมรรค ๘ เป็นต้น

พระพุทธศาสนามีรสเดียว ได้แก่ วิมุตติรส คือ รสชาติแห่งความหลุดพ้น เช่นเดียวกับทะเลที่มีรสเดียวคือรสเค็ม

เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถนำเอาหลักธรรมดัดแปลงเข้ากับทุกสถานที่ ทุกตัวบุคคลและทุกชั้นวรรณะ นี่คือความรู้ยิ่งเห็นจริงที่บรรดาสาวก คือ พวกเราทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเอาไว้บ้าง

พระพุทธศาสนาไม่ได้คัดค้านศาสนาใด แต่จะนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าให้เขาเสมอ ดังนั้น...ความพิเศษของพุทธศาสนาก็คือ บุคคลที่เป็นส่วนเกิน เปรียบเสมือนขยะในท้องทะเล ไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ได้ ไม่ช้าก็เร็วก็จะโดนคลื่น คือกระแสความดีความงามซัดขึ้นสู่ฝั่ง เปรียบเสมือนอย่างกับซากศพที่ลอยน้ำ ท้ายสุดก็ต้องโดนซัดขึ้นฝั่ง

เถรี 19-03-2018 22:22

การศึกษาในปัจจุบันของเราทั้งหลาย อย่าศึกษาในลักษณะหลับหูหลับตาปฏิบัติตามอย่างเดียว ให้พยายามศึกษาเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกว่า ผู้สอนนั้นสอนนอกเหนือจากพระไตรปิฎกหรือไม่ ? ไม่ใช่เขาอ้างว่าสอนตรงกับพระไตรปิฎกแล้วเราก็เชื่อเลย ถ้าเห็นว่าพระไตรปิฎก ๔ - ๕ เล่มอ่านยากมาก โดยเฉพาะฉบับอรรถกถามหามกุฎราชวิทยาลัย มีถึง ๙๑ เล่มด้วยกัน เราก็ไปอ่านวิสุทธิมรรคแทน

วิสุทธิมรรคมีอยู่ทั้งหมด ๓ นิเทส คือ สีลนิเทส สมาธินิเทสและปัญญานิเทส ถ้ายังเห็นว่าวิสุทธิมรรคเล่มหนามหึมาใช้แทนหมอนหนุนหัวได้ อ่านยาก เนื้อหายังมากอยู่ ก็ไปอ่านคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐานของหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุง นั่นคือวิสุทธิมรรรคฉบับย่อ สอบสวนทวนความดู ถ้าสิ่งทั้งหลายที่สอนมาเนื้อหาไม่ผิดเพี้ยนไปจากนั้น ก็เชื่อได้ว่าสอนตรงตามพระไตรปิฎก แต่ให้ดูด้วยว่าตัวผู้สอนประพฤติตนอย่างไร

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ยถาการี ตถาวาที พระองค์ท่านทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ยถาวาที ตถาการี พระองค์ท่านตรัสอย่างไรก็ทำอย่างนั้น แปลว่าไม่มีเบื้องหลังให้คนอื่นขุดคุ้ยได้ เพราะว่าทรงทำเหมือนกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ถ้าอยู่ในลักษณะทำอย่างหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง หรือว่าพูดอย่างหนึ่งแล้วทำอีกอย่างหนึ่ง ขอให้เข้าใจไว้ก่อนว่ายังไม่ดีจริง

ดังนั้น หลักธรรมในพุทธศาสนาของเรา นอกจากประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของตนเองแล้ว ถ้าหากว่าเราพร้อมใจกันทำจำนวนมาก ๆ ด้วยกัน ก็จะสร้างความเข้มแข็งมั่นคงให้แก่ประเทศชาติและพระศาสนาของเราด้วย

เถรี 19-03-2018 22:25

พระพุทธศาสนาของเรานั้น ต้องบอกว่าเป็นหลักที่สำคัญที่สุดในหลักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ให้ความอุปถัมถ์ต่อพระพุทธศาสนา ประชาชนชาวพุทธทั้งหลายถึงได้ให้การสนับสนุนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อประชาชนทั้งหลายให้การสนับสนุนเป็นอันหนึ่งอันเดียว มีความกลมเกลียวสมานฉันท์กัน ความเป็นชาติก็ปรากฏเป็นปึกแผ่นขึ้นมา

ฉะนั้น...เราจะเห็นได้ว่าสถาบันเหล่านี้ ความจริงแล้วต้องเรียงจากศาสนา พระมหากษัตริย์ แล้วค่อยเป็นชาติ แต่ปัจจุบันเราเรียงจากชาติ ศาสนา แล้วเป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าหากว่าพระพุทธศาสนาหมดสิ้นไปจากเมืองไทย หรือว่าโดนอีกฝ่ายหนึ่งทำลายล้างจนตั้งอยู่ไม่ได้ ประเทศของเราจะเดือดร้อนมาก เพราะว่าพระพุทธศาสนาเป็นของจริง เป็นของแท้ ให้ความร่มเย็นแก่ผู้ปฏิบัติทุกคน ให้ประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติทุกคน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกชาติ ศาสนา

ปัจจุบันนี้ฝรั่งจำนวนมากด้วยกัน พยายามที่จะประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพราะว่าเห็นประโยชน์อย่างแท้จริง ตัวเราเองซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของศาสนา ถ้าไม่สามารถจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนเป็นที่น่าเชื่อถือ หรือจนสามารถบอกกล่าวให้แก่ผู้ที่สนใจจะปฏิบัติเข้ามาได้ ก็ต้องถือว่าเสียชาติเกิด เหมือนกับหนูที่ตกอยู่บนถังข้าวสาร แต่ไม่รู้จักกินให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง มีแต่จะปล่อยปละละเลย จนกระทั่งข้าวสารกลายเป็นมอดไปเอง

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ขอให้ญาติโยมทดลองกลับไปทบทวนดูว่า ปัจจุบันนี้ท่านทั้งหลายได้วางตัวเองอยู่ในจุดไหนของพระพุทธศาสนา เราจะพึ่งพระพุทธศาสนาโดยส่วนเดียว หรือว่าเราจะให้พระพุทธศาสนาพึ่งเราบ้าง ?

เถรี 19-03-2018 22:28

ส่วนใหญ่แล้วคนไทยของเราห่างพระศาสนามาก ถ้าโยมสังเกตดู พี่น้องมอญพม่าที่เข้ามาทำบุญที่วัดนี้ ระดับ ๗๐ - ๘๐ ปีหอบหิ้วจูงกันมา นั่งรถเข็นกันมาก็มี ระดับ ๕๐​ - ๖๐ ปีก็มี ระดับ ๓๐ - ๔๐ ปีก็มี ระดับ ๒๐ กว่าปีก็มี ระดับ ๑๐ กว่าปีก็มี เด็กที่ไม่ถึง ๑๐​ ขวบก็มี ส่วนที่พ่อแม่หอบมา อุ้มมา จูงมา ขวบหนึ่ง สองขวบก็มี ยังแบเบาะอยู่ก็มี

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะเห็นว่า พวกเขานั้นในทุกระดับอายุ ในทุกระดับชั้นของญาติ เขาได้กระทำการส่งต่อวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างเข้มข้นและเข้มแข็ง เพราะว่าเขาทำแบบนี้ให้ลูกให้หลานเห็นตั้งแต่ลืมตาดูโลก บางคนเกิดมา ๒ วัน ๓ วัน ยังคอพับคออ่อน พ่อแม่ก็อุ้มเข้าวัดมาแล้ว

แต่ขณะเดียวกัน คนไทยไม่ได้มีตัวอย่างเหล่านี้ให้ลูกหลานได้เห็น ส่วนใหญ่ก็คือใส่บาตรในวันเกิดปีละครั้งเดียว ในเมื่อลูกหลานไม่มีตัวอย่างให้ดู ไม่มีคนนำในการทำความดี ก็ย่อมไม่สามารถที่จะทำได้ด้วยตนเอง เพราะว่ารู้สึกแปลกแยกจากสังคม นั่นก็แปลว่า พ่อแม่ไม่ได้วางรากฐานให้ ปู่ย่าตาทวดไม่ได้วางรากฐานให้ จะให้เด็กใฝ่ดีด้วยตนเองก็เกรงว่าผู้ใหญ่จะไม่เห็นด้วย กลายเป็นการทำลายอนาคตของเด็กไปอย่างน่าเสียดาย

ในเมื่อเราเห็นว่าพี่น้องมอญพม่ามีการส่งผ่านวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น แล้วเกิดความเข้มแข็งขึ้นเพียงไร ก็สมควรที่เราจะได้เลียนแบบและทำตามบ้าง การเลียนแบบและทำตามในสิ่งที่ดีไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย เพราะว่าการทำสิ่งที่ดีที่งามนั้น ทำเมื่อไรก็ดีเมื่อนั้น

อย่างที่ในบาลีบอกว่า กัลยาณการี กัลยาณัง ทำดีได้ดี แต่ว่าคำนี้อาตมาอยากบอกว่า ทำดีเมื่อไรก็ดี แต่ถ้าหากว่า ปาปการี จะ ปาปกัง ทำชั่วได้ชั่ว อาตมาก็อยากจะเปลี่ยนว่า ทำชั่วเมื่อไรก็ชั่ว เพราะว่าไม่อย่างนั้นแล้ว เราก็จะไปมองในแง่ที่ว่าทำแล้วต้องได้ โดยที่ตัวเราเองไม่ได้สังเกตว่าการทำความดี สิ่งแรกที่เราได้คือ ความปีติ ความสุขที่เกิดขึ้นในใจ

ปีติสุขนี้ท่านบอกว่าเกิดขึ้นเมื่อตั้งใจจะทำความดี เกิดขึ้นในระหว่างที่ทำความดี เมื่อทำความดีแล้วระลึกถึงเมื่อไรก็เกิดปีติขึ้นเมื่อนั้น นี่คือกำลังใจของคนที่ทำความดีอย่างแท้จริง โดยเฉพาะหลายคนที่ทำบุญตรงนี้ แม้ว่าจะมีวัตถุมงคลให้เป็นของตอบแทน แต่หลายท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ ขอให้ได้ทำบุญเท่านั้น

เถรี 19-03-2018 22:41

(โยมเอาทองเหลืองมาถวายร่วมหล่อพระ) ทองเหลืองที่ให้มา หล่อพระไม่ได้ ใครจะฝากมาก็หล่อไม่ได้ เพราะว่าเป็นทองเหลือง

ส่วนใหญ่ญาติโยมพอเห็นว่าหล่อพระ ก็ขนเอาทองเหลืองมาก่อนเลย บางท่านก็ถวายขันลงหินมาทั้งลูก มีคนหนึ่งเอาเฟืองจักรขนาดมหึมา ไม่ทราบว่าเป็นของเครื่องจักรอะไร ดูลักษณะว่าน่าจะเป็นประมาณเรือเดินทะเล เพื่อมาให้หล่อพระ อาตมาก็ยังสงสัยอยู่ว่า ต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะหลอมให้ละลายได้ ?

เถรี 19-03-2018 22:42

โยมบางทีก็ถวายมาเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ดูว่าเป็นอะไร บางชิ้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นสแตนเลส หลอมเป็นชั่วโมงก็ไม่ละลาย เพราะว่าอุณหภูมิไม่ถึง

ส่วนท่านที่ให้แหวนมาเป็นหัวอัญมณี ก็ไม่สามารถเอาลงเตาหลอมได้ เพราะว่าลงแล้วจะระเบิด

ทองคำขาวก็ไม่ละลาย ต้องอุณหภูมิถึง ๖,๐๐๐ องศา เตาหลอมทั่วไปไฟร้อนไม่ถึง

เถรี 21-03-2018 10:00

การหล่อพระวัดท่าขนุน ได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์สุชาติ ช่วยปั้นให้ตั้งแต่พระประธานด้านหลังของอาตมานี่ หลวงพ่อเงินที่อยู่บนมณฑป ถ้าโยมหันหน้าเข้าหาก็คือทางด้านซ้ายมือ หลวงพ่อนากที่เป็นหุ่นกำลังรอการเทในช่วงเที่ยงครึ่งโดยประมาณของวันนี้ แล้วก็หลวงพ่อทองคำ แล้วยังมีพระอีก ๒ องค์ที่จะประดิษฐานอยู่ในมณฑป ซ้ายขวาข้างพระประธานนี้

ขณะเดียวกัน คณะช่างไม่ว่าจะเป็นช่างตุ้ม ช่างปั้น ช่างหนึ่งที่ทำงานร่วมกับทางด้านวัดท่าขนุนมา ต้องบอกว่าติดใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าการหล่อพระวัดท่าขนุนไม่เคยมีปัญหาเลย ถ้าโยมไม่ได้สังเกตก็ไม่รู้ว่า พระประธานด้านหลังของอาตมานั้น แม้แต่ฐานก็หล่อโลหะ น้ำหนักประมาณ ๓ ตันครึ่ง กว่าจะเอาขึ้นด้านหลังได้นี่เกือบตาย พระเณรทั้งวัดช่วยกันงัด ช่วยกันแงะ ช่วยกันผลัก ช่วยกันดัน กว่าจะเข้าที่เกือบครึ่งวัน

การหล่อโลหะชิ้นใหญ่ขนาดนี้ปกติแล้วก็ต้องมีแหว่ง ติดไม่เต็มบ้าง หรือไม่ก็มีอุปสรรคต่าง ๆ เกิดขึ้นบ้าง แต่ปรากฏว่าของวัดท่าขนุนไม่เคยมี หล่อพระเมื่อไรแทบไม่ต้องแต่งอะไรมากมายเลย แค่ตัดชนวนออกแล้วก็ขัดเรียบเท่านั้น

ขณะเดียวกัน มีบางวัดใช้ฤกษ์หล่อเดียวกัน ช่างคนเดียวกัน ปรากฏว่าพังแล้วพังอีก ๓ รอบ ๕ รอบ หล่อไม่สำเร็จ บางคนก็สงสัยว่าเขาหล่อสมเด็จองค์ปฐมเหมือนกัน ทำไมของวัดท่าขนุนหล่อได้สำเร็จโดยไม่มีอุปสรรคอะไร เสร็จสรรพเรียบร้อยงดงามสมบูรณ์ ขณะที่ของวัดอื่นต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก ต้องปั้นแบบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า สิ้นเปลืองทรัพย์สินเงินทองและเวลาไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร

อาตมาก็แค่ถามกลับประโยคเดียวว่า "ท่านรู้จักสมเด็จองค์ปฐมดีแล้วหรือ ?" การจะสร้างรูปของท่านไม่ใช่ไปสร้างส่งเดช ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ แต่ต้องมีการบวงสรวงบอกกล่าว ขออนุญาตกันอย่างเป็นทางการ และขณะเดียวกัน ขั้นตอนทุกอย่างก็ต้องกระทำด้วยความเคารพจริง ๆ

ในเมื่อบรรดาช่างทำงานกับทางวัดท่าขนุนหลายครั้งไม่เคยมีปัญหาก็อยากทำอีก ไม่ต้องมากมายอะไรหรอก แค่งานก่อสร้างวัดท่าขนุนนี่แหละ ช่างชุดเดียวกันไปทำให้หลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโต ปรากฏว่าเครนล่ม ทับคนงานตายไป ๒ คน วัดท่าขนุนทำมาหลายปีไม่เคยมีอุบัติเหตุ แล้วที่น่าขำก็คือ พอช่างไปทำงานที่อื่น แค่อาทิตย์เดียวก็เดี้ยงไปเลย ไปตกจากที่สูงลงมา

เถรี 21-03-2018 10:03

ในเรื่องของหลวงพ่อกวย ส่วนใหญ่แล้วที่ท่านสร้างเป็นเครื่องราง เราต้องเข้าใจว่าเครื่องรางกับพระเครื่องนี่คนละเรื่องกันเลย ส่วนใหญ่เครื่องรางก็เป็นพวกตะกรุด พิสมร ลูกอม ผ้าประเจียด ผ้ายันต์ กุมารทอง ลิงค่างบ่างชะนี เสือสิงห์กระทิงแรด ครูบาอาจารย์ท่านมีตำราอะไรดีท่านก็สร้างออกมา

ญาติโยมอาจจะสงสัยว่า ทำไมอาตมาชอบเครื่องรางมากกว่าพระเครื่อง ? อาตมาขอยืนยันว่าอาตมาชอบพระเครื่องมากกว่าเครื่องราง แต่ที่นิยมเครื่องรางเพราะว่า ถ้าเราศึกษาเกี่ยวกับโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ จะรู้ว่าในรอบ ๗ วันของแต่ละคน จะมีวันตายอยู่หนึ่ง
วัน ซึ่งวันนี้บางตำราบอกว่าพระคุ้มไม่ได้ อาตมาว่าไม่จริง ถ้าหากว่าเป็นพระที่เสกโดยวิธีไสยศาสตร์ก็คุ้มไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าพระที่เสกโดยพุทธศาสตร์ แล้วเรามีศรัทธาปสาทะแน่นแฟ้นจริง ๆ อาตมาขอยืนยันว่าคุ้มได้

แต่ว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านรักและเป็นห่วงลูกศิษย์ ท่านสร้างเครื่องรางขึ้นมาเพื่อปิดจุดอ่อนตรงนี้ โดยเฉพาะหลวงพ่อกวย สร้างเครื่องรางแล้วเสกวันละ ๗ เวลา เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าเวรกรรมมาเวลาไหนก็ตามก็กันได้ ในเมื่อเครื่องรางมีเพื่อปิดจุดอ่อนทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราไม่มีความมั่นใจว่าตัวเรามั่นคงในคุณพระรัตนตรัยจริง ๆ เกรงว่าจะมีจุดอ่อน ก็ต้องไปแสวงหาเครื่องรางกัน

เครื่องรางบางอย่างก็เป็นเครื่องรางในตำนาน ชนิดที่ได้ยินแต่คนบอกกล่าวไม่มีโอกาสได้เห็น อย่างเช่นว่า ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน จังหวัดเพชรบุรี เคยเป็นตะกรุดอันดับหนึ่งของเมืองไทยมาเนิ่นนาน แต่เนื่องจากว่าแต่ละคนที่มีนั้นหวงสุด ๆ ไม่มีของหมุนเวียนในท้องตลาด ก็เลยตกอันดับไป กลายเป็นตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี ขึ้นมาเป็นตะกรุดอันดับหนึ่งแทน ฟังดูแล้วไม่ยุติธรรมนะ แต่คราวนี้ในท้องตลาดเขาถือว่า ของหลวงปู่เอี่ยมยังมีหมุนเวียนในท้องตลาดให้พอเปลี่ยนมือกันบ้าง


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:53


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว