กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=43)
-   -   หลวงปู่บุดดา เมตตาสอนธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1222)

ลัก...ยิ้ม 27-10-2009 08:46

หลวงปู่บุดดา เมตตาสอนธรรม
 
หลวงปู่บุดดา เมตตามาสอนเรื่อง "การวางเฉย"
วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๖

ลูกในอดีตของท่าน ถามท่านว่า หากมีคนเขามุ่งประทุษร้ายควรจะปล่อยวางเฉย ๆ ได้หรือไม่ ท่านเมตตาสอนให้มีความสำคัญดังนี้

ก) "เฉยอย่างนั้นคนโง่นะ บางอย่างต้องต่อสู้ แก้ไขได้ต้องแก้ไขไป ไม่ใช่เขาใช้ให้ไปตาย ก็ยอมไปตาย สิ่งที่ให้วางเฉย ก็คือกิเลสที่มากระทบอายตนะ ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตัวธรรมล้วน ๆ คือ ไม่ปรุงแต่งในธรรมที่เข้ามากระทบสัมผัสนั้น ๆ อย่างใครเขาจะคิดร้ายก็ช่างเขา แต่ถ้าถึงขั้นเอาไม้หวดตีเราเข้าแล้ว ถ้าเรารู้จักเมตตาตัวเองก็ต้องหลบนะ เพราะถ้าให้เขาตีกายเรา จิตเราอาศัยมันอยู่ก็ต้องเจ็บไปด้วย แต่ถ้าเขาแค่คิด ยังไม่ได้ทำก็กรรมของเขา ถ้าเขาทำเราแล้วเราหลบ เราแก้ไขไม่ได้ต่อกร ก็กรรมของเขาอีกเช่นกัน คนละกรรมกันอย่าไปยุ่งให้จิตวุ่นวาย กรรมใครกรรมมันนะ อย่าลืม

ใครเขาอยากจะตี ให้เขาตีไปก็แล้วกัน เราหลบได้ เราหลบ หลบอยู่ในธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่มีตัวไม่มีตน หลบพ้นนะลูก ถ้าหลบไม่พ้นก็ให้รับอย่างพระโมคคัลลานะ รับอย่างคนฉลาด อย่ารับอย่างโง่ ๆ รับแล้วไปนิพพาน คือรับด้วยจิตผ่องใสบริสุทธิ์ ไม่ใช่รับด้วยความขัดข้องหมองใจ จิตไม่บริสุทธิ์การไปของจิตก็บริสุทธิ์ไม่ได้ อย่ารับอย่างคนโง่ เพราะมีอบายภูมิ ๔ เป็นที่ไป"

ข) "เรามันประกาศตัวเป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้ว ต้องเชื่อท่านนะ เชื่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ท่านว่าอย่างไร เราก็ว่าอย่างนั้นจึงจะได้ดี จึงจะไปนิพพานได้ตามท่าน"

ธรรมะหลวงพ่อ (ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๑ หน้า ๑๐๓ - ๑๐๔)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ลัก...ยิ้ม 27-10-2009 09:06

หลวงปู่บุดดาสอนลูกสาวของท่าน เรื่อง "อายตนะ"
วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๖

๑.
  • ตา มันทำหน้าที่ดู ก็ให้มันทำหน้าที่ไป จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันก็รู้อยู่แต่ปัจจุบัน จิตสงบไม่มีเรื่อง
  • หู ได้ยินก็ได้ยินไปตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันก็รู้ได้ยินอยู่แต่ปัจจุบัน จิตก็สงบไม่มีเรื่อง
  • จมูก ได้กลิ่น ก็ได้กลิ่นไปตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันได้กลิ่นได้รู้อยู่แต่ปัจจุบัน จิตก็สงบ ไม่มีเรื่อง
  • ลิ้น ได้ลิ้มรสตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันได้ลิ้มรสแต่ปัจจุบัน จิตก็สงบ ไม่มีเรื่อง
  • กาย ได้สัมผัส ก็ได้สัมผัสตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันได้สัมผัสทุกข์ สุข รู้อยู่แต่ปัจจุบัน จิตก็สงบไม่มีเรื่อง
  • ใจ หรือจิตสังขาร ได้สัมผัสธรรมารมณ์ตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม กระทบสัมผัสทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ไม่สุข จิตมันรู้อยู่แต่ในธรรมปัจจุบัน จิตก็สงบ ไม่มีเรื่อง
๒. "อายตนะ ๖ ต่างทำหน้าที่ของมันไปในธรรมปัจจุบัน ถ้าหากคุมอายตนะจิตได้ตัวเดียว การปรุงแต่งธรรมไปในอดีตกับอนาคตก็ไม่มี ตัวธรรมแท้ ๆ เกิดขึ้น สัมผัสอยู่ภายนอกและภายใน มีแต่ปัจจุบันธรรม สุข ทุกข์ ดี เลว ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ดี ไม่เลว มันก็เกิดอยู่แต่ในอารมณ์ธรรมปัจจุบันนี้ ถ้าใครรู้จักสงบระงับอารมณ์ให้อยู่แต่ในธรรมปัจจุบันนี้ไซร้แล้ว จิตจักเป็นสุขได้อย่างแท้จริง"

๓. "อายตนะจิตตัวเดียว มันชอบปรุงแต่งธรรมดี-เลว ออกมาอยู่เรื่อย ๆ ตามนิสัยเคยชินของโลกียชน มันร้อนเหมือนไฟไหม้ป่า ป่าอะไร? ก็ป่ากายป่าใจนะ เอ็งจงอย่าเอาไฟไปสุมจิตนะ ไม่ว่าจิตตนเองหรือจิตผู้อื่น หมั่นศึกษาไฟ ๓ กองเข้าไว้ จะโมหะ โทสะ ราคะก็ดี ล้วนเป็นไฟไหม้ป่าที่ร้อนแรงทั้งสิ้น ลักษณะของไฟจะอย่างไรก็มีความร้อน เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณไปได้"

๔. "ไอ้คนเรานี้ มันก็แปลกชอบเอาลมปากเผากัน เอาไฟกิเลส โมหะ โทสะ ราคะ เผากัน เผาตนเอง เผากายเผาใจตนเองยังไม่พอ ชอบเผื่อแผ่ไปเผาชาวบ้านชาวช่องเขาด้วย เผาจิตเผากายของเขา มันสนุกหรืออย่างไร วิสัยโลก ชอบนินทา-สรรเสริญ ไฟร้อนบวกไฟเย็น ก็เผาได้เผาดี"

๕. "ใครจะมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้วต้องหัดดับไฟ มิใช่เที่ยวไปจุดไฟลนก้นใครต่อใคร หรือจุดไฟเผาตนเอง ใช้ไม่ได้ เราต้องการเป็นคนพ้นวิสัยโลก คนในโลกชอบจุดไฟ วิสัยลูกพระพุทธเจ้าใฝ่โลกุตรธรรม ต้องหมั่นดับไฟ ๓ กองนี้เข้าไว้ จะทำอะไรก็ต้องคิดถอยหน้า ถอยหลัง ว่าทำอย่างนี้ พูดอย่างนี้ คิดอย่างนี้ มันเบียดเบียนตนเองหรือเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ คิดถอยหน้า ถอยหลังไป ถ้าไม่เบียดเบียน ไม่เป็นการเอาไฟไปสุมก้นใคร ก้นกูก็ไม่เอา ก็ทำไปได้เลย ถ้าไม่ใช่เป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตนเองและคนอื่น"

๖. "อย่างเอ็งนี่ต้องระวังให้มาก ๆ ใกล้พระอริยเจ้าหลาย ๆ องค์ จิตของท่านไม่ร้อนแล้ว เอ็งมันชอบจุดไฟเผาตนเอง แล้วพาลไปจ่อคบเพลิงคบไฟใกล้ท่านทั้งหลายเข้าให้อีก คุณภาพของไฟมันเผาไหม้อยู่ดี มีความร้อนอยู่ดี ใกล้กายใครก็ร้อน ใกล้จิตใครก็ร้อน พระอริยเจ้าท่านไม่ร้อนกับเอ็งไปด้วย ระวังเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นเอ็งจะแย่"

๗. "จำไว้นะ หมั่นดับไฟในอายตนะจิตตัวเดียว ไฟอื่น ๆ ที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ไม่มีความหมาย เชื้อไฟแท้ ๆ มันอยู่ที่อายตนะจิตตัวเดียว มันจะไฟเย็น-ไฟร้อน เผาเราไปสวรรค์-นรก ก็ตรงอายตนะจิตนะ หมั่นศึกษาจริต ๖ และเอาพระกรรมฐานควบคุมอายตนะจิตเอาไว้ให้ดี ๆ นะ"


ธรรมะหลวงพ่อ (ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๑ หน้า ๑๐๘ - ๑๐๙)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:21


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว