กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=107)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7934)

ตัวเล็ก 24-08-2021 21:12

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔



เถรี 24-08-2021 22:18

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ สำหรับท่านที่ติดตามในเฟซบุ๊ก ก็คงนับไม่ไหวว่าผมออกไปกี่งาน..! ถ้าเป็นงานที่ไปแล้วได้เงินก็น่าจะดี นี่มีแต่เสียเงินทั้งนั้น แต่ก็ต้องว่ากันไปตามหน้าที่

แต่ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งขณะที่นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กำลังกล่าวขอบคุณทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ที่ให้สถานที่ในการจัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ของอำเภอพนมทวน ผมพูดกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ จะพูดคำว่า "รับรอง" กลายเป็นคำว่า "ปกครอง" แต่ยังดีที่ไม่ชัดเจน ก็เลยพูดซ้ำใหม่ได้

ไปนึกถึงตอนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกว่า เวลาท่านเหนื่อยมาก ๆ บางทีก็บังคับลิ้นไม่ได้ จึงมานึกว่า เออหนอ..เราเริ่มเจอแบบเดียวกันแล้ว ก็คือสมองสั่งอย่างหนึ่ง แต่ลิ้นพูดอีกอย่างหนึ่ง

สถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้น ตอนสมัยที่ยังเรียนนักเรียนนายสิบอยู่ แล้วมีการฝึก "ปัญหา ๕ วัน" ก็คือตลอดทั้ง ๕ วัน ๕ คืน จะมีข้าศึกสมมติเป็นชุด ๆ ไล่ตามตีเราอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวเราเองก็ต้องเดินไปตามแผนที่เข็มทิศที่กำหนดไว้ เพื่อไปรับภารกิจ หรือว่าทำภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย ถ้าเป็นเด็กเล่นเกมสมัยนี้ก็คือ "ทำเควส" ปรากฏว่าพอวันที่ ๔ กำลังจะขึ้นวันที่ ๕ กระผม/อาตมภาพเองที่แบกปืนกล เอ็ม. ๖๐ เดินอยู่ เห็นว่าถนนโค้ง สมองก็สั่งให้เลี้ยวไปตามโค้ง แต่ขากลับไม่ฟัง เดินแหกโค้งตกถนนไปเลย..!

ถ้าบางทีในช่วงที่มีการฝึกยุทธวิธีเวลากลางคืนแทบทุกคืน เมื่อมาฝึกท่าอาวุธตอนกลางวัน ครูฝึกสั่งเรียบอาวุธ พอกระแทกปืนเข้าร่องไหล่แล้วหลับ..! ไม่น่าเชื่อ..หลับแบบหายไปจากโลกนี้เลย..! ถึงได้เข้าใจว่า คำว่า "หลับใน" เป็นอย่างนี้เอง ก็คือยืนอยู่ตาใส ๆ แต่ข้างในดับหมดเกลี้ยงเลย จนได้ยินเสียงครูฝึกตวาดว่า "เฮ้ย..อย่าเหม่อสิวะ..!" ถึงได้สะดุ้งเฮือก แล้วก็ลดปืนลงในท่าระวังตรง แสดงว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราจริง ๆ เมื่อถึงเวลาก็บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะว่ามีการรวนไปตามสภาพ

เถรี 24-08-2021 22:23

ที่เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง ก็เผื่อว่าถ้าพวกเราเจอเข้าจะได้รู้ว่าเป็นเรื่องปกติ คำว่าเป็นเรื่องปกติ ก็คือ เวลาเหนื่อยมาก ๆ เราบังคับร่างกายได้ยากมาก เห็นชัด ๆ เลยว่าเป็นอนัตตา

ศัพท์คำว่า อนัตตา อะ คือ ไม่ อนะคือ ไม่มี อัตตา คือ ตัวตน ไม่ว่าจะเป็น อะ หรือ อนะ ก็ตาม เมื่อระบุชัดว่า "ไม่" ขึ้นมา นอกจากแปลว่าไม่ใช่ตัวตน หรือที่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านแปลง่าย ๆ ว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราแล้ว ยังสามารถที่จะแปลเป็นใจความว่า บังคับบัญชาไม่ได้ ถึงเวลาเป็นไปตามสภาพของตนเอง

แต่ด้วยความที่อาตมภาพเป็นคนดื้อ โดยเฉพาะดื้อกับกิเลส ไม่ค่อยทำตามกิเลส ดื้อกับร่างกาย ไม่ค่อยจะฟังร่างกาย แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นแบบนี้ ก็คือ "ถ้างานยังไม่จบ เอ็งก็จงทำไปจนกว่างานจะจบ..!"

อย่างเช่นอีกสักครู่ ยังต้องออกไปงานศพท่านอาจารย์ลี ปญฺญาวชิโร อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยสมจิตร แต่ถ้าหลังงานนั้นแล้วก็จะรู้ว่าสภาพของตัวเองเป็นอย่างไร เพราะว่าพอกำลังใจคลายออก ส่วนมากก็หงายผลึ่ง..หมดสภาพไปเลย..! ดังนั้น..ใครก็ตามที่บอกว่านอนไม่หลับ กระผม/อาตมภาพกลับอยู่ในอาการนอนไม่ค่อยอยากจะตื่น รู้สึกว่าเพิ่งจะนอนได้เดี๋ยวเดียว ร่างกายยังไม่ทันจะฟื้นเลย..หมดเวลาอีกแล้ว

ตรงจุดนี้ที่เล่าให้ฟัง ไม่ได้มาคร่ำครวญขอความเห็นใจจากใคร แต่ให้รู้ไว้ว่า ลักษณะของการทำหน้าที่ของตนในวันนี้ให้ดีที่สุดเป็นอย่างไร ในเมื่อเราทำหน้าที่ของเราได้ดีที่สุดแล้ว ทำเต็มที่แล้ว ต่อให้สำเร็จหรือว่าไม่สำเร็จ ถือว่าเราตอบตัวเองได้แล้ว

เถรี 24-08-2021 22:29

ดังนั้น..ในส่วนนี้ถ้าหากว่าไม่มีกำลังใจที่สละชีวิตเพื่องาน สละชีวิตเพื่อธรรม เราไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะว่าเราจะกลัวตาย แต่สำหรับผู้ที่พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่องาน สละชีวิตเพื่อหลักธรรม ไม่มีความกลัวตรงนี้ ไม่ได้ท้าทายความตาย ไม่ได้อยากตาย แต่พร้อมที่จะตาย ตรงนี้ต้องฟังให้ดี ๆ

หลายท่านปฏิบัติธรรมแล้ว คิดว่าอยากตายเป็นระดับที่ใช้ได้แล้ว กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าเป็นระดับที่ห่วยแตกมาก..! เพราะว่าความอยากตายทำให้จิตใจเศร้าหมอง ตายตอนนั้น ดีไม่ดีก็ลงอบายภูมิไปเลย..! ฟังใหม่อีกทีว่า ไม่ได้อยากตาย แต่พร้อมที่จะตายอยู่เสมอ

คนที่พร้อมที่จะตายอยู่เสมอ ต้องประกอบไปด้วยมรณานุสติ การระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก อย่างแย่ ๆ ก็คือ เรามีวันนี้วันเดียว ถ้าอย่างดีก็คือ เรามีชีวิตอยู่แค่ชั่วลมหายใจเดียว..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อยู่คนเขาก็เกรงใจ ไปคนเขาคิดถึง แหงนหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน เพราะว่าเราเต็มที่กับทุกอย่างแล้ว พยายามสร้างกำลังใจแบบนี้ให้อยู่ในใจของพวกเรา ถ้าไม่สามารถทำตรงนี้ได้ เราเองก็ยังเป็นบุคคลที่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบเพื่อนฝูง เอาเปรียบส่วนรวม บางท่านอาจจะถามกลับว่า แล้วถ้าเพื่อนฝูงเอาเปรียบเรา ? ตรงนั้นเราไม่คิด เราคิดอยู่อย่างเดียวก็คือ "ทำอย่างไรที่จะสละออกได้ในทุกสิ่ง..?"

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถามหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เกี่ยวกับเรื่องของจาคะ เมื่อได้รับคำอธิบายแล้ว พระองค์ท่านก็แสดงทัศนะเพิ่มเติมว่า จาคะถ้าแปลว่า "เสียสละ" คนรู้สึกว่าต้องเสีย ก็ไม่ค่อยอยากจะสละ เพราะฉะนั้น...ต้องตัดคำว่า "เสีย" ทิ้งไป ให้เหลือแค่ "สละ" ถ้าอย่างนั้นเราก็สามารถที่จะให้ผู้อื่นได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ลดคำว่า "สละ" เหลือแต่คำว่า "ละ" คำเดียว เราก็สามารถให้ทุกอย่างได้แม้แต่ชีวิต..!

เราจะเห็นว่าองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นธรรมราชาอย่างแท้จริง หลักธรรมทุกอย่าง พระองค์ท่านเมื่ออธิบายขยายความแล้วจะลึกซึ้งมาก

ตรงส่วนนี้ ฝากเป็นการบ้านให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยม ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่หรือที่บ้าน จะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ เก็บเอาไปคิดว่า "เราพร้อมที่จะมอบกายถวายชีวิตให้กับพระรัตนตรัยและพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง ?" ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว