กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=118)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8503)

ตัวเล็ก 09-04-2022 19:39

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๕
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๕



เถรี 09-04-2022 21:24

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพได้ออกไปทำพิธีบวงสรวง ขออนุญาตสร้างโบสถ์ให้กับพระอธิการธารธรรม วิสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดปากลำปิล็อก ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ที่เรียน มจร.วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีมา ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปัจจุบันนี้ก็เรียนปริญญาตรีปีที่ ๔ แล้ว

ฤกษ์ของการสร้างโบสถ์นั้น เมื่อว่ากันตามตำราโบราณ ถ้าหากว่าเป็นวันศุกร์ ให้ใช้วันขึ้นหรือแรม ๙ ค่ำ ถ้าเป็นวันเสาร์ ให้ใช้วันขึ้นหรือแรม ๘ ค่ำ ซึ่งฤกษ์นี้เป็นฤกษ์สำหรับสร้างโบสถ์อย่างเดียวเท่านั้น อย่าได้ไปสร้างอย่างอื่นแทนเป็นอันขาด

เนื่องเพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านพบมาตั้งแต่สมัยที่ยังหนุ่มอยู่ ก็คือมีโยมท่านหนึ่งอยู่ที่บ้านโพนางดำตก จังหวัดชัยนาท มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของฤกษ์ผานาทีอยู่ค่อนข้างมาก ก็เลยกำหนดวันลงเสาเอกบ้านตนเองในวันศุกร์ขึ้น ๙ ค่ำ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ได้รับนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนต์ ได้ทักท้วงท่านเจ้าของบ้านว่า "ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์สำหรับสร้างโบสถ์เท่านั้น อย่าได้สร้างบ้านเลย" ปรากฏว่าท่านผู้เป็นเจ้าของงานก็เถียงว่า "ในเมื่อฤกษ์ดีขนาดสร้างโบสถ์ได้ ทำไมจะสร้างบ้านไม่ได้ ?" ต้องบอกว่ามีความมั่นใจในความรู้ของตนเอง แต่ว่ายังรู้ไม่ทั่ว รู้ไม่ครบ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เล่าว่า เมื่อขึ้นเครื่องบน พวกเราคงเข้าใจว่าการสร้างบ้านสมัยก่อน ที่ส่วนใหญ่ก็คือบ้านไม้ ลงเสา วางคาน วางตง ปูพื้นเสร็จเรียบร้อย ก็ขึ้นเครื่องบน เตรียมมุงหลังคา ปรากฏว่าพอขึ้นเครื่องบน ก็มีลมพายุมา ประมาณพายุฤดูร้อนในสมัยนี้ พุ่งตรงมาที่บ้านนั้นช่องเดียว กวาดเอาบ้านที่ยังไม่มีหลังคาราบไปกับพื้น แล้วก็หายไปเฉย ๆ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดว่า สิ่งหนึ่งประการใดที่โบราณห้ามเอาไว้นั้นมีเหตุผล

คล้าย ๆ กับสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ มีบ้านของท่านข้าราชการท่านหนึ่ง สมัยก่อนนั้นเขาเป็นข้าราชการชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ไม่ได้แยกกันเป็นระดับที่เรียกว่า "ซี" อย่างสมัยนี้ ท่านเป็นผู้ที่รับราชการแล้วเจริญก้าวหน้า ได้ชั้นโทแล้ว มีทีท่าว่าจะได้เลื่อนเป็นชั้นเอกในเวลาอีกไม่นาน

อยู่ ๆ มีกอบัวงอกขึ้นบนหลังคาบ้าน ส่วนใหญ่บ้านสมัยนั้นก็มุงแฝก มุงจาก มุงใบตองตึง เมื่อสะสมไปนาน ๆ หลาย ๆ ปีเข้า ต้นไม้ใบหญ้าอะไรก็สามารถงอกได้ทั้งนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีนกไปกินเมล็ดบัว หรือคาบเมล็ดบัวมาทิ้งไว้หรือเปล่า ? ปรากฏว่ามีกอบัวงอกขึ้นบนหลังคาบ้าน งอกไม่งอกเปล่า แถมยังมีดอกบานอีกด้วย..!

เถรี 09-04-2022 21:49

ท่านก็รีบไปเรียนปรึกษาหลวงปู่อินทร์ที่อยู่ใกล้บ้านว่าจะทำอย่างไรดี ? หลวงปู่อินทร์บอกว่า "เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเกินบุญ ให้รีบทำสะเดาะเคราะห์ใหญ่ จะบังสุกุลตายบังสุกุลเป็นก็ได้ แล้วไปปล่อยชีวิตสัตว์ใหญ่ อย่างหมูหรือวัวควายที่จะโดนเขาฆ่า ก็จะสามารถพ้นเคราะห์จากตรงนี้ไปได้"

ท่านเองมีความเชื่อมั่นในความรู้ของครูบาอาจารย์ก็รีบทำตาม ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน ได้มีการปฏิวัติรัฐประหาร แล้วท่านอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่ว่าคนอื่นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามนั้น โดนจับติดคุกไปตาม ๆ กัน มีข้าราชการท่านนี้โดนปลดออกจากตำแหน่งเฉย ๆ ต้องถือว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นสามารถแก้ไขเคราะห์กรรม ผ่อนจากหนักให้เป็นเบาได้

เรื่องของฤกษ์ผานาที เราจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเอาไว้หลายครั้งแล้วว่า ฤกษ์ดีก็เหมือนกับเราข้ามถนนตอนปลอดรถยนต์ ก็คือปลอดภัยแน่นอน แต่ว่าคนเก่ง ๆ สามารถข้ามถนนทั้งที่มีรถจำนวนมากวิ่งอยู่ได้ เพียงแต่ว่าประมาทจนเกินไป วันไหนถ้าพลาดขึ้นมา ก็มีสิทธิ์บาดเจ็บล้มตายได้..!

ดังนั้น...ในเรื่องของฤกษ์ยาม ถ้าหากว่าไม่ยากลำบากมากก็ดูเสียนิดหนึ่ง แต่ว่าอย่าได้เชื่อชนิดหัวปักหัวปำ เหมือนอย่างที่กระผม/อาตมภาพข้ามไปฝั่งพม่า ทางด้านพม่านั้น เมื่อถึงเวลา เราไปหารถยนต์เพื่อที่จะเดินทาง ด้วยความที่เคยชินกับเมืองไทย
กระผม/อาตมภาพจึงกำหนดวันเวลาว่า ในระยะการเดินทาง ๒ วัน เราไปถึงเมืองไทยอย่างแน่นอน

ปรากฏว่าพอไปถึงท่ารถ ไม่มีรถคันไหนรับจ้างวิ่งเลย สอบถามแล้วได้ความว่า "วันนี้ฤกษ์ไม่ดี เป็นวันจม เขาไม่วิ่งรถกัน" ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็เป็นการเชื่อถือฤกษ์ยามกันจนเกินไป ทำให้เสียการเสียงานกันหมดทั้งประเทศ ดังนั้น...ถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากมาก เราก็ถือตามฤกษ์สักนิดหนึ่ง แต่ถ้าจะทำให้การงานอื่น ๆ ต้องเสียหาย เราก็ใช้ฤกษ์สะดวกไปเลย

เถรี 09-04-2022 21:52

ในคราวนี้กระผม/อาตมภาพได้ให้ข้อคิดเอาไว้ว่า "การสร้างโบสถ์ในระยะนี้ คุณกำลังหาเรื่องใส่ตัว" มีพระท่านถามว่า "สร้างโบสถ์ระยะนี้มีอะไรไม่ดีหรือครับ ?" ได้ยินแล้วอยากจะถอนใจ เพราะว่าสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ คุณจะสร้างโบสถ์ให้ครบเต็มหลังก็น่าจะเป็นเรื่องที่ยากอยู่สักหน่อย

ระยะเวลา ๒ ปีที่ผ่านมา คือ ปี ๒๕๖๓ กับปี ๒๕๖๔ นั้น บรรดาเจ้าภาพกฐินที่จองไว้ของแต่ละวัด บอกยกเลิกไปมากต่อมากด้วยกัน ทำให้วัดจำนวนมากไม่ได้รับกฐิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้กิจการงานต่าง ๆ เป็นไปโดยยาก ในเมื่อกิจการไปไม่ได้ เงินทองที่จะเอามาทำบุญก็ไม่มี บรรดาเจ้าภาพถึงได้ขอยกเลิก คืนการบอกรับกฐินจากแต่ละวัด ซึ่งพระสงฆ์ของเราก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน มีก็รับไป ไม่มีก็ทนเอา

ปีนี้สภาวะสงครามซ้ำเติมเข้ามาอีก โดยเฉพาะทางยุโรปและอเมริกา ช่วยกันเติมฟืนใส่ไฟอยู่ตลอดเวลา โดยหวังว่าจะขายอาวุธ จะขายข้าวปลาอาหาร จะขายน้ำมันเชื้อเพลิง โดยที่ไม่ได้สนใจว่าบ้านเมืองของผู้อื่นจะฉิบหายวายป่วงขนาดไหน แล้วโดยเฉพาะเจอผู้นำที่โลภมาก พยายามช่วยสุมฟืนใส่ไฟแก่ประเทศของตนเอง เพราะหวังค่า "คอมมิชชั่น" จากการค้าขายของคนอื่น แล้วชักศึกเข้าบ้าน ทำให้คนอื่นเขาถล่มบ้านเมืองตัวเองจนเละเทะ ไม่รู้ว่าอีก ๑๐ ปี ๒๐ ปี จะเพียงพอในการฟื้นฟูหรือไม่ ?

เมื่อสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระยะนี้ที่ยังหนักอยู่ ซ้ำเติมด้วยภาวะสงคราม ญาติโยมที่จะมีเงินทองคล่องตัวถึงขนาดมาช่วยสร้างวัด สร้างโบสถ์ทั้งหลัง ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก

แม้ว่าวันนี้กระผม/อาตมภาพได้ตัดสินใจ ที่จะเซ็นสัญญาจ้างผู้รับเหมาสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งเขาตีราคามาในเบื้องต้น ๑๖๑ ล้านเศษ แล้วตัดเหลือตัวเลขกลม ๆ ที่ ๑๖๐ ล้าน ทางที่ปรึกษาบอกว่าทางวัดไม่ได้ใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มไปขอลดหย่อนอะไรเลย เพราะฉะนั้น..ในส่วนของการก่อสร้าง ขอให้ช่วยลดหย่อนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ด้วย เพราะว่ารวมทั้งโครงการแล้ว แค่ภาษีมูลค่าเพิ่มก็เจอเข้าไป ๑๐ กว่าล้านบาทแล้ว..!

เมื่อคิดตัดเอาเฉพาะตัวเลขเรื่องการก่อสร้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องการซื้อวัสดุ ที่จำเป็นจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ปรากฏว่าสามารถลดหย่อนลงไปได้ประมาณ ๒ ล้านบาทเศษ กระผม/อาตมภาพก็เลยบอกให้ผู้รับเหมาไปร่างสัญญาจ้างมาใหม่ ให้ลงตัวเลขกลม ๆ ที่ ๑๕๘ ล้านบาท

เถรี 09-04-2022 22:04

ตรงจุดนี้ญาติโยมอาจจะสงสัยว่า กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเซ็นสัญญาจ้าง ในการสร้างตลาดชุมชนริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยไป ๑๔ ล้าน ๕ แสนบาท แล้วตอนนี้ยังเซ็นสัญญาจ้างสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนอีก ๑๕๘ ล้านบาท แล้วทำไมถึงไปว่าคนอื่นที่สร้างโบสถ์แค่หลังเดียว..!

ต้องบอกว่าตรงจุดนี้ผู้อื่นไม่เหมือนกับพวกเรา เพราะว่าพวกเรามีพระคาถาเงินล้าน ซึ่งถ้าหากว่า "ทำขึ้น ทำถึง ทำถูก" จริง ๆ ต้องการเงินเท่าไรก็มี เงินทองนั้นจะมาไม่ว่าด้วยวิธีใดก็วิธีหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่คนทั่ว ๆ ไปจะมีได้ ดังนั้น...กระผม/อาตมภาพจึงไม่มีความหนักใจในเรื่องของการว่าจ้างผู้รับเหมา

แต่ว่าท่านอื่น ๆ ถ้าเป็นไปได้ กรุณาเว้นการก่อสร้างไปสัก ๓ ปี ๕ ปีเลย พ้นจาก ๓ ปี ๕ ปีไปแล้ว เราค่อยมาเริ่มต้นสร้างใหม่ ตอนนี้อะไรพอที่จะใช้การได้ ก็ประทังใช้ไปก่อน รอจนกระทั่งสถานการณ์โลกดีขึ้นกว่านี้ เราจะทำงานได้คล่องตัวกว่านี้ แล้วค่อยมาสร้าง มาบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามกัน

สำหรับญาติโยมที่ลำบากด้วยการทำมาหากิน ด้วยภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง เพราะโรคระบาดและภาวะสงคราม ถ้าดูตัวอย่างเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแล้ว ก็ควรที่จะเร่งการภาวนาพระคาถาเงินล้านให้มากขึ้น ให้จริงจังขึ้น และให้ต่อเนื่องขึ้นมากกว่านี้ เพื่อที่ทุกท่านจะได้มีความสะดวกในการดำรงชีวิต หรือว่าอย่างแย่ที่สุด ไม่มีบุญอะไรมาหนุนเสริมเลย ขณะที่คนอื่นไปไม่ได้ เรายังพอมีช่องให้ดิ้นรนไปได้

วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:41


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว