กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=132)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9364)

พิชวัฒน์ 27-03-2023 19:59

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖



เถรี 27-03-2023 23:41

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ มีพระของเรามาขอไปอยู่ปริวาสกรรม ๑ เดือน คราวนี้ท่านบวชมาแค่ ๒๐ วัน ถ้าขอไปอยู่ปริวาสกรรม ๑ เดือน ก็แปลว่าโดนอาบัติตั้งแต่วันแรกที่บวชเลย..!

เรื่องพวกนี้เราต้องระวังไว้ให้มาก เพราะว่าอาบัติปาราชิก ๔ ข้อ ถ้าต้องอาบัติแล้วจะขาดความเป็นพระไปเลย ส่วนอาบัติสังฆาทิเสส ๑๓ ข้อ ต้องแล้วขาดความเป็นพระ แต่สามารถแก้ไขได้ แต่จะยากเย็นอยู่สักหน่อยหนึ่ง

คราวนี้ในส่วนที่พวกเราทั้งหลายพลาด ถ้าหากว่าเกิดจากสติสัมปชัญญะไม่เพียงพอทั่วไปก็ยังพอให้อภัย แต่บางท่านไม่รู้ว่าตัวเองพลาดเพราะอะไร กระผม/อาตมภาพเคยเห็นบางท่านพลาด เพราะว่าไปพกวัตถุมงคลสายเสน่ห์ไว้ แล้วไม่รู้ว่าส่งผลขนาดไหน..!

วัตถุมงคลบางชิ้นส่งอำนาจเกี่ยวกับด้านเสน่หารุนแรงมาก ถ้ายกเป็นตัวอย่างก็ตะกรุดหรือผ้ายันต์ม้าเสพนางของครูบาวัง วัดบ้านเด่น พระเณรรูปไหนมีก็เตรียมซวยได้เลย ถ้ากำลังใจไม่มั่นคงจริง ๆ เจ๊งทุกราย..!

สาลิกาจับปากโลง หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย เอาเฉพาะเนื้อผงนะ เนื้อโลหะไม่ได้อย่างนั้น

สีผึ้งเขียว หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง

ปลัดขิกนางครวญ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส

แล้วก็ปลัดขิกสาลิกา ท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์

ของพวกนี้ถ้าหากว่าคนใช้สมาธิไม่ทรงตัว กำลังไม่เพียงพอที่จะต่อต้าน ก็จะโดนกำลังของวัตถุพวกนี้ดึงไปเลย ก็แปลว่าถ้าเป็นพระเป็นเณรก็อยู่ไม่ได้แล้ว

เรื่องพวกนี้บางทีพวกเรายังขาดประสบการณ์อยู่ก็เลยไม่รู้ ว่าวัตถุมงคลบางอย่าง ก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เราคิดฟุ้งซ่าน โดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไมภาวนาเท่าไรก็ "เอาไม่อยู่" เสียที ดังนั้น..ถ้าหากว่าเป็นไปได้พวกท่านก็พยายามละเว้นสักหน่อย โดยเฉพาะบางท่าน กระผม/อาตมภาพเห็นพกปลัดขิกทีหนึ่ง ๗ - ๘ ตัว แล้วท่านก็สึกไป ๓ รอบแล้ว พวกเราเรียกท่านว่า "อาจารย์ม่า" ชื่อจริงอะไรก็ช่างท่านเถอะ..!

เถรี 27-03-2023 23:49

ถ้าหากว่าต้องการวัตถุมงคลทางด้านเมตตามหานิยมอะไรเหล่านี้ ควรจะเลือกที่เบาลงมาหน่อย เพราะว่าจะมีออกไปทางเมตตาค้าขายอยู่ด้วย

อันดับหนึ่งเลยก็ต้องพระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ปั้นหรือพิมพ์หลังแบบก็ตาม อย่าลืมว่าของทั้งหลายเหล่านี้เวลาใช้ ครูบาอาจารย์ท่านกำชับไว้เลยว่า ได้เสียกับใครต้องเลี้ยงดูเขาให้เป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่ไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่อย่างนั้นของมันจะเข้าตัวเอง

พระปิดตาทุกรุ่นของหลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เมตตามหานิยม ค้าขายดีสุด ๆ ไปหาคำอาราธนากันเอาเอง

ลูกอมหรือวัตถุมงคลที่สร้างจากผงวิเศษ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ หลวงพ่อสงวนท่านถึงขนาดบอกว่า "ใช้วัตถุมงคลของกู ต่อให้กะหรี่แก่ ๆ ปลดระวางแล้วก็ยังหาผัวได้" ขนาดนั้นเลย..! แต่คราวนี้ของท่านไม่ได้ให้ไปใช้ส่งเดช ของท่านเองไม่ถึงขนาดลากเราลงต่ำอย่างเดียว หากแต่ว่าช่วยเหลือในเรื่องการทำมาหากิน ในเรื่องของครอบครัว เพราะถ้าหากว่าครอบครัวรักใคร่สามัคคีกันดี ก็จะเป็นปึกแผ่นร่มเย็น ยิ่งช่วยกันทำมาหากินก็ยิ่งเจริญ

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้บางทีพวกเราเองก็ใช้กันให้มั่วไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร บางท่านก็ถึงขนาดจัดชุดเอาไว้เลย ถึงเวลาจะเอาเหนียวต้องชุดนี้ ถึงเวลาต้องการเสน่ห์ต้องชุดนี้

ความจริงครูบาอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ท่านสร้างวัตถุมงคล อย่างเช่นตะกรุดมหารูด ก็ใช้ได้ทุกทางเลยนะ เพียงแต่ว่ามีเคล็ดลับในการใช้ "อย่างเข้าหาผู้หญิงเอาไว้ข้างซ้าย เข้าหาผู้ชายเอาไว้ข้างขวา เข้าหาผู้ใหญ่เอาไว้ข้างหน้า ถ้าหากว่าหนีก็เอาข้างหลัง" เขาถึงได้เรียกว่ามหารูด เพราะผูกเอวแล้วก็รูดไปรอบตัว คาถากำกับแต่ละบทก็แตกต่างกันไป

คราวนี้เมื่อขาดความชำนาญแล้วใช้มั่วไปหมด อย่าลืมว่าวัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่ง ส่งกำลังอยู่ตลอดเวลา เราเองต่อให้เครื่องรับห่วยแตกขนาดไหน ถ้าหากว่าอยู่ติดตัวก็ต้องมีผลบ้าง ยิ่งถ้าไปเจอของแรง ๆ เข้าด้วยก็ยิ่งเจ๊งหนักเลย..!

เถรี 27-03-2023 23:56

นี่ยังพูดถึงสายเสน่ห์ทั่ว ๆ ไปนะ ถ้าไปเจอพวกไสยดำ สายเสน่ห์ด้วย อย่างพวกอีเป๋อ งั่ง อิ้น อะไรพวกนั้น ก็ตัวใครตัวมันละครับ พวกนั้นเกิดผลแรงมาก ฉับพลันทันที แต่ว่าโทษก็มีหนักตามไปด้วย เพราะว่าฝืนกฎของกรรมมากเกินไป ข้อห้ามอะไรก็ไม่มีอีกต่างหาก

ไสยะ แปลว่า หลับ พุทธะ แปลว่า ตื่น ของสองอย่างนี้เป็นของคู่กันมา เหมือนกับเหรียญสองหน้า มีเหรียญติดตัวเมื่อไร ก็ต้องพลิกไปสักหน้าหนึ่ง ใครพลิกไปด้านพุทธะก็แล้วไป ถ้าพลิกไปด้านไสยะ ก็ต้องดูอีกว่าเป็นไสยขาวหรือว่าไสยดำ

ส่วนใหญ่ไสยขาว เขาศึกษาเรียนรู้เอาไว้เพื่อช่วยแก้ไข แล้วขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือสงเคราะห์บุคคลที่ตัวเองรัก ถ้าเป็นไสยดำ ก็อาศัยทำมาหากินไปเลย รับจ้างทำร้ายคนอื่นถึงขนาดเอาชีวิตเขาก็มี..!

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านมีปฏิปทาอยู่อย่างหนึ่ง ท่านบอกว่า "แกจะขอคาถาของข้า คาถาอะไรก็มีให้ แต่ถ้าหากว่ามาขอเรื่องเสน่ห์เล่ห์กล เมตตามหานิยม ข้าไม่มี" ท่านบอกว่าท่านเกลียดมาตั้งแต่เด็ก เจอคาถาพวกนี้ที่ไหนฉีกทิ้งหมด ท่านบอกว่า ถ้าอยากเป็นคนมีเสน่ห์ แค่ คิดดี พูดดี ทำดี กับคนอื่น ก็จบแล้ว ต้องใช้วิชาอะไรเหล่านี้ไปทำไม ?

โดยเฉพาะท่านบอกว่า เมื่อบวชมาแล้วศึกษาพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบอกว่าวิธีทำเสน่ห์ที่ดีที่สุดก็คือ สังคหวัตถุ ๔ มีทาน รู้จักแบ่งกันให้กับผู้อื่นเขา ปิยวาจา พูดดีกับคนอื่น อัตถจริยา ทำตนเป็นประโยชน์แก่คนอื่น สมานัตตตา รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เลือกทำเฉพาะในสิ่งที่ดีที่ควรกับคนอื่นเขา เท่านี้ก็เป็นมหาเสน่ห์ ทำให้คนเขาหลงรักเราแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปทำไสยศาสตร์อะไรกับใคร ไม่ต้องเสียเวลาไปภาวนาคาถาให้เหนื่อย

ในเมื่อท่านเองมีปฏิปทาแบบนี้ เรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพเอง เวลาจะศึกษาก็ต้องไปศึกษาจากสายอื่น แต่ก็แค่เรียนรู้เอาไว้เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำเลยเหมือนกัน
โดยเฉพาะพวกการสร้างปลัดขิก คาถากำกับหลายสำนักหยาบคายจนฟังไม่ได้ เป็นการวัดกันตรง ๆ เลยว่าลูกศิษย์มีวิจิกิจฉาหรือเปล่า ? ถ้ายังลังเลสงสัยในตัวครูบาอาจารย์อยู่ ได้ยินคาถาเสกปลัดขิกแล้วรับไม่ได้ ถึงทำไปก็ไม่เกิดผล

เถรี 27-03-2023 23:59

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านไปกราบหลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ ที่บางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี หลวงพ่อเรื่องเปิดสำนักเรียนบาลี พระภิกษุสามเณรเรียนอยู่หลายร้อย คราวนี้พออยู่กันมาก ข้าวปลาอาหารมักจะขาดแคลนบ่อย พอทางโรงครัวบอกว่าข้าวปลาอาหารไม่พอ หลวงพ่อเรื่องท่านก็ขึ้นกุฏิ จุดธูปไหว้พระ ๓ ดอก แล้วก็ด่าโขมงโฉงเฉงลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน..! พักเดียวเท่านั้น ชาวบ้านก็หาบข้าวปลาอาหารมาถวายเป็นหาบ ๆ เลย..!

หลวงพ่อฤๅษีฯ ถามท่านว่า "ทำไมต้องด่าหยาบคายขนาดนั้นด้วย ?" หลวงพ่อเรื่องท่านบอกว่า "คาถามันเป็นอย่างนั้นเอง" ก็แปลว่าถ้าเราไม่มีวิจิกิจฉาในครูบาอาจารย์ ไม่ลังเลสงสัย ท่านบอกอะไรเราถือเป็นประกาศิต ทำตามอย่างเดียว โอกาสที่จะได้ดีก็มีสูงมาก

แบบเดียวกับที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านใช้คำว่า "เรียนกรรมฐานกับข้า แกต้องทำแบบคนโง่ ๆ สั่งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็โง่ไปถนัดใจ แค่ปฐมฌานอย่างเดียวคลำอยู่ ๓ ปี พอเข้าใจแล้ว ๓ วินาทีก็เข้าได้แล้ว..! แต่ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ในเมื่อเสียเวลานาน ก็รู้ชัดเจนว่าแต่ละขั้นตอนนั้นเป็นอย่างไร

ดังนั้น..เรื่องนี้ความผิดพลาดถ้าเป็นเพราะสติสัมปชัญญะของเราไม่สมบูรณ์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าความผิดพลาดเกิดขึ้นเพราะทะลึ่งไปพกวัตถุมงคลสายเสน่ห์ไว้ก็สมน้ำหน้า ควรที่จะ "ตื้บ" ซ้ำ..!

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:05


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว