กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9021)

ตัวเล็ก 23-10-2022 20:50

ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๕
 
ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๕



เถรี 24-10-2022 00:43

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ทุกเย็นวันอาทิตย์ กระผม/อาตมภาพต้องไปร่วมรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ตอนนี้ก็เปิดระบบซูม ทิ้งรูปตัวเองไว้ให้เขาดูหน้าก่อน เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้แล้วถึงจะไป

คราวนี้สิ่งที่พวกเราทำกันก็คือทำวัตร จะเป็นทำวัตรเช้าหรือทำวัตรค่ำ ทำวัตรเป็นภาษาพระ ภาษาพระก็คือราชาศัพท์ อย่างเช่น กิน ใช้คำว่า ฉัน นอน ใช้คำว่า จำวัด เชิญ ใช้คำว่า นิมนต์ เป็นต้น

ถามว่าทำไมถึงเป็นราชาศัพท์ ? ก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดในตระกูลกษัตริย์ ซ้ำยังเป็นว่าที่พระเจ้าจักรพรรดิด้วย เมื่อพระองค์ท่านมาบวช จนกระทั่งตั้งศาสนาขึ้นมาได้ พระภิกษุทั้งหลายจึงเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เท่ากับเป็นลูกของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าเป็นราชกุมาร เป็นเจ้าชาย เป็นว่าที่กษัตริย์ เป็นว่าที่พระเจ้าจักรพรรดิ คนก็เลยให้เกียรติลูกของพระพุทธเจ้าด้วยการใช้ราชาศัพท์ด้วย แต่เป็นราชาศัพท์หมวดพิเศษที่ใช้เฉพาะกับนักบวชเท่านั้น

การสวดมนต์ทำวัตร ไม่ว่าจะเป็นทำวัตรเช้า ทำวัตรค่ำ มีประโยชน์มหาศาล ส่วนใหญ่แล้วพวกเราบางคนอาจจะรำคาญ ไม่รู้จะสวดไปทำอะไร ภาวนาไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ? ถ้าวันไหนกำลังใจของเราฟุ้งซ่าน ไม่ยอมลงให้กับการภาวนา ลองนึกดูว่าถ้าเราสวดมนต์จะช่วยได้ไหม ?

ที่บอกว่าการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมหาศาล ก็เพราะว่าอันดับแรกเลย เป็นการสร้างสมาธิ ถ้าสมาธิไม่ดี จิตใจวอกแวกเมื่อไร จะสวดผิดทันที

ประการที่สอง ถ้าเป็นนักภาวนา ทุกคำที่สวดมนต์คือคำภาวนา เพียงแต่เป็นคำภาวนาที่ค่อนข้างจะยาวอยู่สักหน่อย

ดังนั้น..ถ้าจะให้มีความคล่องตัว ก็ควรที่จะใช้เป็นคำภาวนาที่ไม่กำหนดฐานกระทบของลม ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราไม่คล่อง ไม่เก่ง ก็จะมัวแต่ไปกังวลว่าลมหายใจจะผ่านฐานที่ได้กำหนดเอาไว้หรือเปล่า ?

เถรี 24-10-2022 00:45

ข้อที่สาม ถ้ามีความคล่องตัวจริง ๆ สามารถทรงฌานใช้งานได้ เนื่องเพราะว่าเวลาสวดมนต์ เราต้องเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะปาก ถ้าทรงอัปปนาสมาธิ คือฌานปกติทั่วไปแล้ว เราจะเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ แต่บุคคลที่ซักซ้อมจนมีความคล่องตัวแล้ว สามารถทรงฌานในขณะที่เคลื่อนไหวได้ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านใช้คำว่า "ฌานใช้งาน" ก็คือเคลื่อนไหวอยู่ก็ทรงฌานได้

ลำดับที่สี่ ถ้าหากว่ามีความสามารถพอ ยกจิตขึ้นไปสวดมนต์ถวายพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ถ้าตายตอนนั้นก็อยู่บนพระนิพพานไปเลย

ประการที่ห้า ถ้าสามารถแปลได้ คำสวดมนต์ส่วนใหญ่จะเป็นอนุสติให้เราระลึกถึงความดีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ถ้าหากว่าเป็นเนื้อหาธรรมะในพระสูตรหรือพระปริตรต่าง ๆ แล้วเราแปลได้ ก็นำไปใช้งานได้เลย เท่ากับว่าเป็นพระพุทธวจนะจากพระโอษฐ์ ก็คือรับคำสอนจากพระพุทธเจ้าโดยตรง เพราะว่าเป็นเนื้อแท้ ไม่ผ่านการดัดแปลงแก้ไข เพื่อให้เกิดความง่ายจากครูบาอาจารย์

คราวนี้เห็นหรือยังว่า แค่สวดมนต์ที่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไร หรือไม่ค่อยจะได้อะไร คำว่า "แค่สวดมนต์" ตอนนี้ไปไม่ไกลเท่าไร ยันนิพพานเท่านั้นเอง สำคัญอยู่ที่ว่าเราทำได้แค่ไหน ยิ่งถ้าสามารถบังคับตัวเองให้นึกถึงการสวดมนต์ทำวัตรได้ทุกครั้ง ก็แปลว่าท่านทรงฌานในการทำความดีนั้นแล้ว

อีกประการหนึ่งก็คือ เรื่องของการสวดมนต์ไหว้พระ บรรดาท่านที่อยู่ในภพภูมิอื่นที่ต้องการจะปรับเลื่อนภพภูมิของตัวเอง แต่โอกาสสร้างความดีมีน้อยมาก ชอบฟังการสวดมนต์ เพราะว่าเขาฟังออกว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ต่อให้ทำไม่ได้ น้อมใจฟังด้วยความเคารพก็ได้อนุสติ ไม่ว่าจะเป็นพุทธานุสติ นั่นคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมา ธัมมานุสติ เสียงสวดนั้นเป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า สังฆานุสติ ผู้สวดคือพระสงฆ์ เหล่านี้เป็นต้น

ช่วงที่กระผม/อาตมภาพออกธุดงค์ใหม่ ๆ บางทีเจอท่านทั้งหลายเหล่านี้มาขอให้แสดงพระธรรมเทศนาให้ฟัง ก็บอกกับพวกเขาไปว่า ยังเป็นพระที่บวชได้ไม่นาน จะให้เทศน์ก็ขาดความมั่นใจในตัวเอง ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นสวดพระสูตรใดพระสูตรหนึ่งให้ฟังแทนก็ได้ จะว่าไปแล้ว นั่นเล่นของแท้จากพระโอษฐ์เลย ก็ต้องสวดให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นไป

เถรี 24-10-2022 00:48

ส่วนใหญ่เมื่อเขาอนุโมทนาแล้ว มีรัศมีกายที่สว่างขึ้นกว่าเดิมมากเลย แล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความกตัญญูมาก ได้ดีเพราะเราช่วยเหลือ เขาก็เต็มใจที่จะช่วยตอบ แต่บางรายก็ต้องขับไล่กัน ถามว่าทำไมต้องไล่ ? ก็แม่คุณเป็นสาวสวยพริ้งยิ่งกว่านางงามจักรวาล ดันมานั่งเฝ้าพระตอนกำลังนอน แม้เขาจะยืนยันว่ามีท่านเห็นอยู่คนเดียว กระผม/อาตมภาพก็ไม่เอาด้วย ไปไกล ๆ เลย เผื่อมีคนตาดีเห็นเข้าแล้วน่าเกลียดมาก..!

ประการต่อไป ในเรื่องของการสวดมนต์จัดเป็นพลังงานในด้านที่ดี กระแสพลังที่ส่งออกไปนั้นมีผลมหาศาล ถึงขนาดสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ร้ายให้กลายเป็นดีได้ เพียงแต่เราจะเข้าถึงตรงนี้ได้เท่าไรเท่านั้นเอง

เพียงแต่ว่าการสวดมนต์นั้น ก็ควรจะใช้ในลักษณะสำเนียงอย่างเช่นที่กระผม/อาตมภาพกำลังพูดอยู่ ซึ่งโบราณเขาเรียกว่า ทำนองธรรมวัตร ตอนหลังเรียกสั้น ๆ ว่าทำวัตร เพราะว่าจะเป็นกระแสที่ค่อนข้างจะอ่อนโยน ก่อประโยชน์ได้ง่าย ไม่ทำให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง กำเริบ บางท่านสวดมนต์เราฟังแล้วเหนื่อย ก็เพราะว่ากระแสเสียงนั้นไม่ได้จังหวะจะโคน ไม่ได้สำเนียง หรือดังเกินเหตุ

คราวนี้ถ้ายิ่งเราตั้งใจว่าการสวดมนต์ครั้งนี้ขอให้เกิดประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า ท่านใดที่ตกอยู่ในกองทุกข์ ขอให้เขาทั้งหลายจงล่วงพ้นจากความทุกข์ ท่านใดที่อยู่ดีมีสุข ขอให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าอย่างนี้จะยิ่งเป็นประโยชน์โดยตรงแก่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น

เพราะฉะนั้น...ต่อไปอย่าได้คิดว่า "แค่สวดมนต์" สำคัญที่ว่าเราทำได้จริงและเรารู้จริงแค่ไหน แค่สวดมนต์สามารถพาเราไปสู่พระนิพพานได้ จะไปหาที่ไหนอีก

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมก่อนทำวัตรค่ำ
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:42


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว