กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6903)

เถรี 14-02-2020 00:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนที่ยังไม่ได้ถ่ายรูปตะกรุดพยัคฆราชเกราะเพชรไปให้ พวกเราก็ยังไม่เห็นว่า ๓ อย่างต่างกันตรงไหน พอถ่ายให้ดูแล้วถึงจะเห็นว่าต่าง แต่ว่าบางส่วนก็คล้ายกัน อย่างส่วนใบหน้า หรือไม่ก็บริเวณใกล้ท้องจะมีลาย ถ้าได้ส่วนนั้นไปบางคนก็สงสัยว่าเป็นอะไร แต่ถ้าเป็นส่วนลำตัวเราจะเห็นชัดเลย ใครได้ไปแล้วก็อย่าไปงง ตัวเองจองแบบไหนเอาไว้ก็เป็นแบบนั้นแหละ"

เถรี 14-02-2020 00:26

"ความจริงของพวกนี้อาตมาไม่ได้ไปแสวงหานะ พอดีมีลูกศิษย์ที่เป็นป่าไม้ เขาไปจับแล้วยึดของกลางมา บอกว่าถ้าส่งของกลางไปก็โดนเขาอมหมด ถ้าอย่างนั้นเอามาถวายพระอาจารย์ดีกว่า เรื่องนี้ก็เป็นอันว่ารู้กัน ห้ามเผยแพร่ต่อ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวทำงานยาก ในเมื่อสายครูบาอาจารย์เขามี ก็เอามาลองทำตามนั้นดู"

เถรี 14-02-2020 00:28

"เรื่องของพวกตะกรุดหนังเสือหรือตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ถ้าเอาดังที่สุดก็คือหลวงปู่นาค วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง หรือของท่านเจ้าคุณสว่าง วัดเทียนถวาย ก็ดังใกล้เคียงกัน คู่นี้ท่านเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน หลวงพ่อสว่างท่านทำแล้วเสก ๓ เสาร์ ๕ ถึงจะเอาออกให้บูชา ก็เลยกลายเป็นของทำยากหายากไป

ถัดไปที่มีชื่อเสียงคือของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก และที่ดูแล้วไม่เหมือนหนังหน้าผากเสือก็จะเป็นของหลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ เพราะว่าท่านเอาเฉพาะหนังหน้าผากเสือมาทำแล้วเหี่ยวย่นไม่คงรูป ท่านก็เลยจารตะกรุดม้วนเป็นแกนก่อน เอาหนังหน้าผากเสือพันทับไว้ แล้วค่อยถักเชือกอีกที ต้องช่างสังเกตถึงจะรู้ที่มาที่ไป ต้องเคยเห็นของจริงถึงจะดูออกว่า เป็นตะกรุดหนังเสือหรือเป็นตะกรุดธรรมดา

อีกรายหนึ่งก็หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ท่านทำแล้วพอกครั่ง แยกง่ายหน่อย แต่ก็มีตะกรุดใบลานพอกครั่งด้วย ต้องคอยสังเกตว่าใช่หน้าผากเสือหรือเปล่า"

เถรี 14-02-2020 08:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของโรคระบาดเกิดจากกรรมปาณาติบาตทั้งนั้น ถ้าเป็นพวกเต๋าเขาบอกว่าเกิดจากแรงพยาบาท ก็คือไปฆ่าสัตว์เอาไว้มาก ฆ่าคนเอาไว้มาก ยิ่งเขาตายแบบทุกข์ทรมานเท่าไร แรงพยาบาทก็มาก

แต่ถ้าพุทธของเรา ในเรื่องของกรรมก็ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ว่าเราเองจะใช้คำว่า "เข้าถึง" ได้มากกว่าก็ไม่ใช่ ต้องบอกว่าปล่อยวางได้มากกว่า พวกเราเห็นว่าเป็นกฎของกรรม เราทำเราก็ต้องรับ แต่ทางเต๋านั่นเขาไปรวบยอดเอาตั้งแต่ตอนต้น ว่าจิตของบุคคลที่โดนฆ่า หรือสัตว์ที่โดนฆ่าก็ย่อมโกรธแค้นอาฆาต ถึงเวลาก็มาอยู่ในลักษณะล้างแค้น ถ้าเป็นของศาสนาพุทธก็คือกรรมสนอง ก็ต้องมีเจ็บมีป่วยมีอะไรเป็นปกติ ถ้าทำเอาไว้มากก็ตาย"

เถรี 14-02-2020 08:52

"โรคระบาดสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วหมอเก่ง โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ คุณหมอปัญญาประดิษฐ์นี่เก่งมาก ดึงเอาข้อมูลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาประมวลภายในไม่กี่นาที ก็บอกได้ว่าควรจะรักษาอย่างไร ไม่เหมือนสมัยโบราณ ไข้หวัดระบาดทีหนึ่งตายกันเป็นล้าน ไข้เหลืองระบาด กาฬโรคระบาด อหิวาตกโรคระบาด ฯลฯ

อย่างที่เขาบอกว่าอาณาจักรอู่ทองล่มสลายไปเพราะว่ามีโรคระบาด แต่จริง ๆ แล้วโรคที่น่ากลัวที่สุดก็คือโรคอดอยาก เพราะว่าทางน้ำเปลี่ยน เมื่อทางน้ำเปลี่ยนไม่ไหลมาทางเมือง ก็ไม่สามารถที่จะเพาะปลูกได้ เกิดข้าวยากหมากแพง ลำบากขึ้นมาก็ต้องอพยพไปหาที่เหมาะสมใหม่ ถึงได้สร้างบ้านแปลงเมืองกันใหม่ ก็ไปสร้างเป็นอยุธยาขึ้นมา เพราะฉะนั้น..บางอย่างบอกว่าย้ายหนีเพราะโรคระบาด แต่อาตมาเห็นว่าอู่ทองย้ายหนีเพราะว่าแห้งแล้ง ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ ข้าวยากหมากแพง"

เถรี 14-02-2020 08:58

"วันก่อนไปพุทธาภิเษกและหล่อพระที่วัดสี่แยกเจริญพร หลวงพ่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมก็ไป ท่านบอกว่าปีนี้แล้งจริง ๆ อู่ทองบ้านผมน้ำใต้ดินยังไม่มีเลย เพราะว่าส่วนใหญ่พอถึงเวลาน้ำจากคลองชลประทานไปถึงก็แย่งกันสูบ แย่งกันดูด ทางด้านท้าย ๆ น้ำก็ไปไม่ถึง ไม่พอใช้ ก็ใช้วิธีดูดน้ำบาดาล พอดูดน้ำบาดาลมาก ๆ น้ำบาดาลหมด คราวนี้ใต้ดินกว่าที่จะสะสมน้ำได้ใช้เวลาเป็น ๑๐ เป็น ๑๐๐ ปี ไปดึงขึ้นมาใช้หมด น้ำใต้ดินไม่มี น้ำบนดินมาไม่ถึง ก็ลำบาก

ตอนนี้กาญจนบุรีประกาศเป็นเขตภัยพิบัติจากภัยแล้งไปแล้ว เพราะว่าทางด้านเลาขวัญ ห้วยกระเจา ฝนไม่ตกมา ๗-๘ เดือน ส่วนหนึ่งที่ฝนไม่ตกเกิดจากการระเบิดหิน เขาไม่รู้กัน ว่า พอระเบิดหินแรงที่ดันขึ้นไปข้างบนจะดันเมฆหนีหมด เมื่อดันเมฆหนีไปหมด แล้วจะเอาความชื้นที่ไหนมาตกเป็นฝน ?

ทางด้านของอู่ทอง ทางด้านด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เขามีการระเบิดหินกัน จนกระทั่งที่อู่ทองต้องหยุดระเบิด เพราะว่าทางด้านป่าไม้มีคำสั่งห้าม กรมทรัพยากรธรณีต้องงดออกประทานบัตร แล้วหลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล วัดป่าเลไลยก์ ก็เลยไปสร้างเป็นหลวงพ่ออู่ทองใหญ่ที่สุดในโลก ก็คือใช้พื้นที่ซึ่งเขาระเบิดหินนั่นแหละไปทำต่อ คราวนี้แรงระเบิดที่ดันออกไป ๆ พวกใกล้เคียงอย่างห้วยกระเจา เลาขวัญเดือดร้อนไปด้วย เพราะว่าทำให้ฝนไม่ตก"

เถรี 14-02-2020 20:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้อาตมานั่งลงบัญชีอยู่ข้างบน ก็เห็นว่าเรื่องของการถวายทองคำหล่อพระนั้น พวกเราบางทีก็ถวายไปเรื่อย ไม่เขียนชื่อมาบ้าง ส่งทางไปรษณีย์บ้าง

การส่งทองคำทางไปรษณีย์ต้องบอกว่ากล้าหาญมาก เพราะไม่รู้ว่าจะโดนล้วงไปตอนไหน บางทีไปรษณีย์มาส่งที่วัดเป็นกล่องพัสดุกล่องใหญ่ แกะเข้าไปข้างในมีแต่เศษกระดาษเป็นขยุ้ม ๆ ค้นไปค้นมาถึงก้นกล่อง เอาเทปใสแปะติดก้นกล่องไว้ เป็นทองคำครึ่งสลึง เขาก็ส่งมากันได้เหมือนกันนะ

สมัยนี้บางทีเขาสุ่มเอ็กซเรย์ดูเพื่อหาของผิดกฎหมาย ถ้าไปเจอเข้า คนอยากได้บางทีก็ล้วงไปเลย แล้วไปรษณีย์เขาก็มีระเบียบว่าคนลงทะเบียนแบบนี้ หรือทำประกันแบบนี้จะคืนให้เท่าไร ถ้าของราคาแพงส่งไปแล้วหายก็จะไม่คุ้มค่า"

เถรี 14-02-2020 21:07

สนทนากับพระ "ตอนนี้ผมไม่มีเวลาจะไปธุดงค์แล้ว กลายเป็นว่าเรื่องสนุก ๆ ที่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ เวลานอนในป่ามีความสุขมาก รู้สึกว่าตัวเราก็แค่นี้ ถ้าตายก็ไปอยู่กับพระดีกว่า อารมณ์ใจเหลืออยู่หน่อยเดียวเท่านั้น

บางเวลาพอกำลังใจรวมตัวเข้า ก็จะมุ่งไปทางเดียว ไม่เอาอย่างอื่นเลย แม้กระทั่งเรื่องไม่ดียังไม่อยากจะคิด พอนานไป ๆ ส่วนของอกุศลกรรมจะลดน้อยถอยลง กุศลกรรมมากขึ้น ๆ ทำให้เรามีความกล้าในการตัดสินใจ ในการคิด ในการพูด ในการทำ ก็จะมุ่งไปในด้านดีมากกว่า ถึงเวลานั้นอะไร ๆ ก็รั้งไม่อยู่แล้ว แบบเดียวกับพระพุทธเจ้าเสด็จออกบวช ขนาดลูกชายเพิ่งจะคลอดก็ทิ้งแล้ว ไปก่อน...เอาตัวให้รอดก่อน เดี๋ยวกลับมาจะได้ช่วยเขาให้รอดได้ไปด้วย"

เถรี 14-02-2020 21:12

ถาม : ตอนธุดงค์มีชาวบ้านพิเศษมาใส่บาตรไหมครับ ?
ตอบ : ก็มีนะ บางทีก็รู้เลย บางทีก็มาจับได้ทีหลัง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเตือนแล้วว่า เราต้องการแค่อาหาร ส่วนเขาจะเป็นใคร มาจากไหน ไม่ต้องไปสนใจเขา

ครั้งแรกก็ไม่ได้คิด เพราะกำหนดใจแค่ว่า วันนี้เราเดินบิณฑบาตจะมีใครใส่บาตรบ้าง ก็เห็นมีผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่ง ใส่เสื้อแขนยาวเก่า ๆ ใส่ผ้าถุงเก่า ๆ แล้วผมก็ไปตามปกติ พอเดินไปถึง เขามาดักใส่บาตร ก็ใส่ชุดเหมือนกับที่เห็นพอดี แต่คราวนี้ตอนที่ก้มลงเปิดบาตร แปลกใจว่าทำไมเสื้อผ้าของเขาเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ชั้นหนึ่ง เหมือนกับมองทะลุเข้าไปเห็นอีกชั้นหนึ่ง ก็เลยปิดบาตร บอกว่า “เดี๋ยว...คุยกันก่อน เธอเป็นใคร ? มาจากไหน ?”

เถรี 14-02-2020 21:14

เขาจึงทำให้ดูว่าเป็นรุกขเทวดาอยู่แถวนั้น บอกว่าบุญน้อย อยากจะใส่บาตรสร้างบุญให้กับตัวเอง อาตมาก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นผลบุญทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขอให้เธอโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เธอได้รับด้วย" เขาก็สาธุ สวยแพรวพราวเป็นระยับไปทั้งองค์ แล้วเขาก็ไปเลย อ้าว...แล้วกัน...! ไม่ใส่บาตรแล้ว จนต้องจำเป็นบทเรียนเลยว่า ต้องรอเขาใส่บาตรเสร็จก่อน

ตอนนั้นเขาตั้งท่าจะใส่บาตร ผมดันไปขี้สงสัย ด้วยความที่เห็นว่าเขาอยากจะได้บุญ ก็เลยอุทิศให้ไป ลืมไปว่าที่เขามาใส่บาตรเพราะว่าเขาต้องการบุญ พออุทิศให้เขาไม่จำเป็นต้องใส่บาตรแล้ว เขาก็ไปเลย นี่เป็นบทเรียนของพระธุดงค์มือใหม่ ต้องรอให้เขาใส่บาตรเสร็จก่อนแล้วค่อยอุทิศส่วนกุศลให้

เถรี 14-02-2020 21:19

ถาม : หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นท่านต้องนิ่งสักครู่ ?
ตอบ : อันนั้นสำหรับไปขอกับต้นไม้ แต่ถ้าไม่ได้ขอกับต้นไม้ ถ้าเขามาใส่ก็รับ ๆ ไปเลย เพียงแต่ว่าอย่าไปทำตัวขี้สงสัย ขืนไปขี้สงสัย เดี๋ยวเขาไม่สงเคราะห์ก็ซวยไป

ถาม : ถ้าพระที่ไปด้วยกัน เอ่ยถามขึ้นมาก็จะไม่ได้เลย ?
ตอบ : ส่วนใหญ่อาตมาไปไหนก็ไปคนเดียว ไม่ค่อยได้ไปกับใคร เพราะว่าเขาเดินกันไม่ไหว บางรายนี่อาตมาเดินไป ๔-๕ จังหวัดแล้ว ท่านเพิ่งขยับไปได้วัดเดียว จริตนิสัยไม่เหมือนกัน ท่านค่อย ๆ ไป ส่วนอาตมาเองเดินภาวนาไปเรื่อย บางวันไม่ทันรู้ตัว เดินข้ามจังหวัดไปเลย ก็คือเวลาเดินภาวนาแล้วไม่เหนื่อย ไปเรื่อย ๆ มารู้ตัวอีกที อ้าว...เมื่อเช้ายังอยู่อุ้มผาง จังหวัดตากเลย นี่ห้วยขาแข้ง อุทัยธานีนี่หว่า..!

ถาม : ป่าไม่มีหลักเขตหรือครับ ?
ตอบ : ไม่มี แต่จะมีจุดเด่นอยู่ที่เราจะรู้ว่าเป็นที่ไหน โผล่ไปถึง อ้าว...นี่ห้วยขาแข้งแล้วนี่ เพราะฉะนั้น..คนอื่นเขาเลยตามไม่ค่อยจะไหวกัน ระยะแรก ๆ ก็มีพระลูกศิษย์ตามไปบ้าง ตามไปตามมาถึงเวลาท่านเหนื่อยมาก ท่านก็ไม่ไปด้วย ตอนหลังก็ปล่อยให้ท่านไปกันเอง

เถรี 14-02-2020 21:27

เรื่องของการธุดงค์ต้องตั้งใจไปตาย ก็แปลว่าถ้าไม่ได้หลักธรรมที่ตัวเองต้องการ ถึงจะแลกด้วยชีวิตก็ต้องยอม คราวนี้พอไปแล้วก็จะเจอพวกคน พวกสัตว์ พวกภูตผีปิศาจ ฯลฯ พอเจอมากเข้า ๆ ทำให้เกิดความมั่นใจว่า ไม่มีอะไรเหนือกว่าคุณพระรัตนตรัยไปได้ ทำให้ใจของเรายึดมั่นในพระรัตนตรัยมากขึ้นไปเรื่อย จนกลายเป็นต้นทุนของความเป็นพระโสดาบัน เพราะว่าใจจะยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจริง ๆ ยึดจริงยึดจัง ยึดชนิดไม่ยอมปล่อย เพราะเห็นแล้วว่าเหนือกว่าทุกอย่าง มีคุณค่าที่สุด

คราวนี้พอเรายึดด้วยความเคารพนับถือจริง ๆ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กฎเกณฑ์กติกาความเป็นพระโสดาบันก็อยู่ใกล้นิดเดียว แค่ไปไล่กวดศีลของตัวเองให้บริสุทธิ์เท่านั้น

เพราะฉะนั้น..เรื่องของการธุดงค์ ถ้าไม่ใช่พิจารณาแล้วเข้าถึงธรรมจริง ๆ ผลประโยชน์ที่เห็นชัดก็คือตรงจุดที่ว่า คุณพระรัตนตรัยกำจัดทุกข์กำจัดภัยได้จริง ไม่มีอะไรเหนือกว่าคุณพระรัตนตรัยอีกแล้ว ทำให้ใจของเรายึดมั่น แล้วตอนหลังก็อาศัยเป็นบันไดให้เราก้าวไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้าขั้นต้น แต่ถ้าใครพิจารณาธรรมแล้วเข้าถึงระดับสูงกว่านั้น นั่นก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของท่านเอง

เถรี 14-02-2020 21:46

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ ไปบรรยายธรรมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเด็กถามว่า ต้องเรียนหนังสือ แต่อยากภาวนาทั้งวัน ทำอย่างไรถึงจะทำได้ ? จึงบอกเขาไปว่าให้เอาหนังสือเป็นคำภาวนา อ่านหนังสือก็เท่ากับว่าเราภาวนาไปด้วย เพียงแต่ว่าเป็นคำภาวนาที่ยาวมาก ตอนอ่านหนังสือให้กำหนดลมหายใจเข้าออกตามไปด้วย ตั้งใจกำหนดรู้ลมตามไปทุกคำ ทุกประโยค

ถ้าเราทำเรื่องพวกนี้ได้ โดยเฉพาะพระเณรที่เรียนบาลีจะได้เปรียบเขา พอถึงเวลาสมาธิดีก็จำแม่น สอบได้ หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน ท่านเคยเล่าให้ฟัง ท่านจะสอบประโยค ๔ กำลังท่องหนังสืออยู่ก็สงสัย ไอ้เราอยู่ที่นี่ แล้วไอ้ข้างล่างนั่นใครวะ ? มองไปมองมาก็ตัวเราเองนั่งอ่านหนังสืออยู่ แล้วตัวนี้มันคือใคร ? ลอยอยู่บนหลังคา มองลงไปเห็นตัวเองข้างล่าง

คือท่านตั้งใจท่องบาลี จนกายในหลุดออกไปไม่รู้ตัว งงอยู่เป็นนานกว่าจะแยกออกว่าอะไรเป็นอะไร ถึงได้บอกว่า เรื่องของการเรียน ถ้าใช้การเรียนเป็นคำภาวนาก็จะได้เปรียบคนอื่นมาก"

เถรี 17-02-2020 18:47

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้นาคกำลังฝึกขานนาคอยู่ที่วัด ๗ รูป เป็นทิดเก่าอยู่หนึ่งคน ถึงเวลาออกไปไม่ประสบความสำเร็จก็เลี้ยวมาใหม่ คือความจริงถ้าอยู่ยาวก็ได้ตั้งหลายพรรษาแล้ว แต่ก็สึกไปเรื่อย เขาบอกว่า “หลวงพ่อบวชฟรีปีหนึ่งตั้ง ๔ ครั้ง รู้สึกว่าไม่ไหวก็ยังกลับมาทัน” ก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ..!”

เถรี 17-02-2020 18:48

พระอาจารย์นำวัตถุมงคลออกให้บูชา “สมเด็จคะแนนหลวงปู่นาค วัดระฆัง คิดองค์ละสามพันถ้วนก็พอ ใช้แทนหลวงพ่อโต วัดระฆังได้เลย จะบอกว่าอาตมามีสมเด็จคะแนนหลวงปู่นาค วัดระฆัง มากที่สุดในโลกก็ใช่ เพราะว่าสมัยก่อนจ้องเก็บเฉพาะสมเด็จคะแนน..องค์เล็กดี

หลวงปู่นาค วัดระฆัง หรือท่านเจ้าคุณพระเทพประสิทธินายก หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเจอท่านอยู่กับพระพุทธเจ้าบนจุฬามณี กราบเรียนถามพระพุทธเจ้าว่าพระองค์นี้เป็นใคร ? พระองค์ท่านบอกว่านั่นคือท่านเจ้าคุณพระเทพประสิทธินายก วัดระฆัง เป็นพระอรหันต์มาหลายปีแล้ว ตอนนั้นหลวงพ่อท่านยังไม่ได้เป็นอะไร ...(หัวเราะ)...

คราวนี้หลวงปู่นาค วัดระฆัง นอกจากท่านจะรู้จักพระ ถึงเวลาทำพระเสกพระได้ อานุภาพเหมือนหลวงพ่อโต วัดระฆังเลย แล้วท่านยังเอาผงของหลวงพ่อโต วัดระฆัง ผสมลงไปอีกเยอะแยะ จัดว่าเป็นของดีราคาถูก ใช้แทนสมเด็จวัดระฆังได้แบบไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ เพราะว่าอย่างไรก็วัดระฆังด้วยกัน ถือว่าท่านเป็นศิษย์สายตรง”


เถรี 17-02-2020 18:53

เสียงโทรศัพท์ดัง พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เคยเจอ..อาตมาใช้คำว่าโทรจิก ผู้หญิงโทรหาผู้ชายประมาณทุก ๓ นาที ท้ายสุดก็ไม่ต้องโทรอีก เพราะว่าผู้ชายเครียดจนเป็นมะเร็งตาย..! ชีวิตในครอบครัวต้องบอกว่า อย่าไปบีบเค้นกันมาก ยิ่งบีบมากเขาก็ยิ่งพยายามที่จะเล็ดลอดไป

ว่าแล้วเขาก็เอาดินเหนียวใส่มือแล้วลองบีบให้ดู ดินเหนียวก็ทะลักผ่านง่ามมือมา ถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ ดินเหนียวก็ไม่ไปไหนหรอก เดี๋ยวก็กลับมาตายรัง เพราะฉะนั้น..ตำราขงเบ้งก็บอกแล้วว่า ถ้าแกล้งโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้ รู้ไปทุกเรื่องก็เครียดตายเลย เที่ยวไปไล่ส่องเฟซฯ ส่องไลน์ ดูสไกป์เขา ประสาทจะกินเอา

ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รับเรื่องภายนอกบ้าง อย่างลิง ๓ ตัว ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดตาไม่ดู ปิดหูสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง จะนั่งสบาย รู้อยู่นะ แต่ทำยาก..ใช่ไหม ? ...(หัวเราะ)...”

เถรี 17-02-2020 18:54

ถาม : แมวป่วยเป็นลูคีเมีย ...(ไม่ชัด)... เขาบอกว่าให้วางอุเบกขา เราก็ช่วยเต็มที่แล้ว ?
ตอบ : ก็ช่วยอย่างที่ช่วยนั่นแหละ มีโอกาสก็พาไปหาหมอ ถ้าพาไปหาจนหมดความสามารถแล้วยังจะตายอีก ก็ต้องยอมให้ตายแล้ว

จะได้เห็นที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปิยะโต ชายะเต โสโก ปิยะโต ชายะเต ภะยัง ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์โศก ขนาดแมวยังทุกข์ได้ขนาดนี้ มีอยู่ทางเดียวก็คือ พยายามช่วยเขาเต็มที่แล้วก็ปล่อยวาง ถึงเวลาเขาจะเป็นอะไรก็ต้องเป็นไปตามวาระของเขา เราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดแล้ว ได้แค่นี้ก็จบกัน

เถรี 17-02-2020 18:55

พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีใหม่สากลผ่านไป ปีใหม่จีนผ่านไป ปีใหม่ไทยก็ใกล้เข้ามา อาตมาเห็นแค่ว่าแต่ละปีผ่านไปเร็วมาก คราวนี้ถ้าหากว่าใครรอ ก็จะรู้สึกว่ามาช้า อาตมาไม่ได้รอ ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เหมือนอยู่ไปแค่วันหนึ่ง ๆ”

เถรี 17-02-2020 18:57

พระอาจารย์กล่าวว่า “ทางคณะสงฆ์ของเราช่วงนี้ก็ต้องบอกว่า สถานการณ์ค่อนข้างอึมครึม ไม่ชัดเจน เนื่องจากว่ามหาเถรสมาคมมีมติแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่และเจ้าคณะภาคแล้ว แต่ว่าสมเด็จพระสังฆราชไม่มีพระบัญชาออกตราตั้งให้ ก็เลยคาราคาซังมาจนทุกวันนี้

ส่วนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็รอแล้วรออีก ท้ายสุดแต่งตั้งให้คุณณรงค์ ทรงอารมณ์ รองผู้อำนวยการขึ้นเป็นผู้อำนวยการ แต่ว่าก่อนหน้านั้นก็ไปตั้งตำแหน่งให้คุณพงศ์พรที่ต้องบอกว่าเกษียณแล้ว เป็นตำแหน่งที่โน่นที่นี่ เรื่องนี้เป็นที่รู้กันว่ามีใบสั่ง เพราะว่าต้องการให้คนของตนเองไปอยู่ควบคุม ซึ่งตั้งแต่คุณพงศ์พรไปเป็นผู้อำนวยการสำนักก่อนโน้น ก็เล่นงานเสียจนกระทั่งพระเถระผู้ใหญ่ต้องคดีไปตาม ๆ กันทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิด ไม่มีการไต่สวน จับเข้าคุกเลย

ตอนนี้เรื่องคดีความต่าง ๆ ศาลก็กำลังจะตัดสิน ก็เหมือนกับมีการตั้งธงโดยการให้คุณพงศ์พรเข้ามามีอำนาจอยู่ในคณะรัฐมนตรี อยู่ในคณะผู้ดำเนินการเกี่ยวกับพระปริยัติธรรม ก็อาจจะทำให้มีการตัดสินไปในด้านที่เป็นผลร้ายต่อพระผู้ใหญ่

แต่เรื่องพวกนี้ก็ต้องค่อย ๆ ดูไป พระพุทธศาสนาสอนให้เราเชื่อกรรม โดยเฉพาะบุคคลที่สร้างกรรมกับผู้ไม่มีความโกรธเกลียดอาฆาตตอบ มักจะได้รับผลกรรมหนักทีหลังทุกรายไป

เถรี 17-02-2020 19:09

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยก่อนตอนที่อยู่วัดท่าซุง พอเวลามีงาน หลวงปู่ครูบาธรรมชัย หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ หลวงปู่มหาอำพันจะเป็นพระเถระที่หลัก ๆ แล้วไปเกือบทุกงาน ยกเว้นว่าถ้างานที่เป็นทางการก็มีหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา หลวงปู่สมเด็จฯ วัดราชผาติการาม แล้วก็หลวงปู่สมเด็จฯ วัดสระเกศที่ยังเป็นพระพรหมคุณาภรณ์อยู่ ไปร่วมงานด้วย และยังมีหลวงปู่เจ้าคุณพระราชอุทัยกวี หรือหลวงปู่พุฒ อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี วัดทุ่งแก้วที่มีชื่อเป็นทางการว่าวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม ก็ไปร่วมงาน

คราวนี้การอยู่ท่ามกลางพระสุปฏิปันโนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กระแสเย็นที่มาจากใจของท่าน ทำให้นั่งอยู่ได้เป็นวัน ๆ ไม่เบื่อไม่หน่าย แล้วนาน ๆ ครั้งอย่างหลวงพ่อมหาทองปอนด์ วัดม่อนธาตุ ก็จะไป น่าเสียดายว่าท่านทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ล่วงลับดับขันธ์กันไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วยุคนั้นสมัยนั้นก็ต้องบอกว่า เป็นนาทีทองที่คณะศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงได้มีโอกาสพบพระสุปฏิปันโน โดยเฉพาะหลวงปู่บุดดา ท่านอยู่ใกล้ที่สุด เพราะว่าอยู่แค่ชัยนาท แล้วตอนหลังถึงขยับไปสิงห์บุรี ก็ไปอยู่แค่บางระจันที่อยู่ติดกับชัยนาท”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:22


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว