กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6480)

เถรี 06-02-2019 21:03

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมายังทำงานอยู่ ช่วงตรุษจีนกับสงกรานต์ กรุงเทพฯ เกือบจะเป็นเมืองร้าง ขึ้นรถแท็กซี่เขาบ่นเลย “พี่...ทำไมถึงน่ากลัวอย่างนี้” ถามว่า "น่ากลัวตรงไหน ?" เขาบอก "วังเวงมากเลย"

สมัยนั้นตรุษจีนเขานิยมหยุดกัน ๖ วัน ก็คือหยุดตั้งแต่ชิวอิดจนถึงชิวลัก หลัง ๆ ความบีบคั้นทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น การหยุดก็น้อยลง พอสองค่ำก็คือชิวยี่เปิดงานกันแล้ว พอมาระยะหลัง ๆ ก็ไม่หยุดด้วย ก็คือสมัยก่อนเจ้านายหรือเถ้าแก่ส่วนใหญ่เชื้อสายจีน การหยุดก็จะหยุดช่วงตรุษจีนเป็นหลัก มีการแจกโบนัสที่เรียกกันว่า "แต๊ะเอีย"

พอมาระยะหลัง ๆ เจ้าของกิจการมีมาก คนไทยมีมากขึ้น ไม่ได้ใส่ใจเรื่องแบบธรรมเนียมอย่างจีน เถ้าแก่รุ่นเก่า ๆ ก็ล้มหายตายจากไป ช่วงหลัง ๆ ไม่กี่ปีมานี้ความสำคัญของตรุษจีนก็หายไป รู้อยู่อย่างเดียวว่าพอถึงตรุษจีนก็จะมีซองแดงแจกกัน แต่ว่าเป็นการแจกตามธรรมเนียมเท่านั้น ไม่ใช่โบนัสเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกับสมัยก่อน

บางกงสีก็คือบริษัทใหญ่หน่อยก็แจกทองคำเลย สมัยนี้ก็ให้กันเพราะเป็นธรรมเนียม และไม่ได้หยุดมากมายเหมือนสมัยก่อน ตรุษจีนก็แทบจะไม่มีคนรู้สึกถึงความต่าง นอกจากว่าพอวันจ่าย - วันไหว้ก็รู้ว่าแถวเยาวราช จักรวรรดิ อย่าได้เข้าไปเพราะว่ารถติดมาก"

เถรี 06-02-2019 21:06

"สมัยนี้ก็เหลือความสำคัญอยู่ที่สงกรานต์ พอรัฐบาลประกาศให้สงกรานต์หยุดได้ ๓ วันติดกัน ถ้ามีคาบเกี่ยวเสาร์-อาทิตย์ด้วยก็ได้เกิน ๓ วัน ส่วนใหญ่แล้วตอนนี้บรรดาผู้ใช้แรงงานก็มักจะเป็นชาวอีสาน ซึ่งจะพากันกลับบ้านตอนช่วงสงกรานต์ จึงทำให้รถติดหนักตอนสงกรานต์

ส่วนประเพณีจีนที่ยังทำให้รถมีปัญหาก็คือเช็งเม้ง เพราะส่วนใหญ่บรรดาฮวงซุ้ยต่าง ๆ ที่เหมาะจะทำหลุมฝังศพบรรพบุรุษ มักจะอยู่แถวสระบุรี แถวชลบุรี สระบุรีนี่จะได้ภูเขา ชลบุรีนี่จะได้ทะเล แนวเขาทุกแนวเขาถือว่าเป็นมังกร ถ้าหากว่ามังกรลงทะเลได้ก็แปลว่าเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ก็เลยทำให้ถึงเวลาลูกหลานจีนไปไหว้ฮวงซุ้ย ซึ่งจริง ๆ ก็คือหลุมศพ

ฮวงซุ้ยหรือเฟิงสุ่ยของจีนจริง ๆ เป็นศาสตร์ในการดูภูมิประเทศว่า ที่ไหนดี ที่ไหนไม่ดี ซึ่งเรื่องอย่างนี้จะว่าไปแล้วก็มีในทุกชาติทุกภาษา เพียงแต่ว่าถือกันมากบ้างน้อยบ้าง ในเมื่อแห่กันไปพร้อม ๆ กัน ส่วนใหญ่ก็ลูกหลานเชื้อสายจีน แม้จะมีความเป็นไทยมากแล้ว ไล่ขึ้นไปก็ยังมีอากงอาม่ากันอยู่ดี ปีหนึ่งก็ถือว่าไปรวมญาติกันทีหนึ่ง ก็ไปไหว้สุสาน ทำให้รถราติดกันแหลกลาญ ไม่ว่าจะสายตะวันออกหรือว่าสายตะวันออกเฉียงเหนือ"

เถรี 06-02-2019 21:11

"บ้านเราเมืองเราคนต่างชาติต่างภาษาเข้ามาอาศัย ก็ได้รับความสุขความสบาย ทำมาหากินสะดวก เพราะว่าเจ้าของแผ่นดินไม่ได้รังเกียจ แต่มาระยะหลังนี้ที่มีปัญหาก็คือบรรดาอิสลามิกชน หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่ามุสลิม ซึ่งบรรดามุสลิมทั้งหลายไปอยู่ที่ไหนก็ตาม จะทำตัวแปลกแยกจากสังคมนั้น ไม่มีวันที่จะยอมเข้ากับเจ้าของพื้นที่เลย

ปัจจุบันนี้รัฐบาลของเราก็พยายามจะใช้ข้อมูลด้านพหุวัฒนธรรม เอามาเพื่อที่จะให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนสมัยก่อน แต่ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าส่วนใหญ่ก็ได้ไปรับการปลุกระดมแล้วก็ฝังหัวด้วยความเชื่อว่า แผ่นดินทุกตารางนิ้วในโลกนี้ พระอัลเลาะห์สร้างมาสำหรับมุสลิมเท่านั้น คนอื่นมาแย่งชิงทรัพยากรต่าง ๆ ที่พระเจ้าสร้างให้คนมุสลิม

เมื่อได้รับการปลูกฝังความเชื่อที่ผิด ๆ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นเขาเป็นคนไทยด้วยกัน แต่เขาเองไม่เคยเห็นว่าตัวเองเป็นคนไทย โดยเฉพาะบรรดา ๓ จังหวัด ๕ จังหวัดปักษ์ใต้ ได้รับการปลูกฝังแบบฝังหัวไว้เลยว่า ‘เราเป็นมาลายู คนอื่นเป็นซีแย’ ซีแยก็คือสยาม

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ก็ไม่มีวันที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบได้ โดยเฉพาะปัจจุบันมุสลิมทำตัวแปลกแยกจากสังคมเด่นชัด การแต่งตัวก็ต้องเป็นแบบของเขา ไม่ว่าสากลจะนิยมอย่างไรก็บังคับว่ามุสลิมต้องแต่งตัวแบบนี้ ขนาดปิดหน้าปิดตาจนไม่เห็นอะไรเลย ก็ยังอุตส่าห์ไปทำบัตรประจำตัว อุตส่าห์ไปทำหนังสือเดินทาง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าใต้ผ้าคลุมนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

อาหารการกินก็ต้องฮาลาลเท่านั้น สมัยก่อนคนไทยขายอาหารให้มุสลิมได้ มุสลิมขายอาหารให้คนไทยได้ ปัจจุบันนี้มีแต่มุสลิมขายให้คนไทย คนไทยขายให้มุสลิมไม่ได้แล้ว แม้กระทั่งกล้วยทอดข้างถนนยังจะเอาฮาลาล มึงบ้าหรือเปล่า ?"


เถรี 06-02-2019 21:14

"การเรียนหนังสือเขาก็ไม่ยอมเรียนหนังสือไทย ต้องเข้าปอเนาะ ต้องเข้าตาดีกา เรียนแต่หนังสือของเขา ก็แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามจะทำให้กลมกลืนกันในลักษณะของพหุวัฒนธรรม มุสลิมปฏิเสธเอง แต่พอถึงเวลามีปัญหาก็จะอ้างว่าต้องอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม

ดังนั้น...ในส่วนนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า มุสลิมทั้งหมดไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้กลมกลืนกับเราเลย เพราะว่าได้รับการปลูกฝังจนมีอคติต่อชนชาติอื่นทั้งหมด ตัวเองไม่ว่าจะไปอยู่อาศัยที่ไหนก็ตาม ก็พยายามที่จะขยายฐานอำนาจของตน โดยที่ไม่ได้ใส่ใจว่าจะกระทบกระทั่งกับเจ้าของพื้นที่เท่าไร

อาตมาฟันธงได้เลยว่า
ถ้ายังมีมุสลิมอยู่ ปัญหาที่ปักษ์ใต้ของเราจะไม่มีวันสงบอย่างเด็ดขาด เพราะว่าบุคคลที่ไม่ยอมสงบจริง ๆ ก็คือฝ่ายมุสลิมไม่ใช่คนไทย สรุปว่าทุกวันนี้คนไทยของเราไม่ว่าจะเป็นพระ หรือเป็นฆราวาส เป็นข้าราชการ เป็นฝ่ายโดนกระทำมาตลอด แต่พอทำทีไรมุสลิมก็จะอ้าปากโวยวายขึ้นมาเมื่อนั้น ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการรังเกียจกันทางชาติพันธุ์ ซึ่งตนเองเป็นฝ่ายทำเองแท้ ๆ แต่ไปโยนความผิดให้กับเจ้าของประเทศ..!

ก็ขอให้ทุกคนพิจารณาดูว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เราต้องการความรัก ความสามัคคี การอยู่ร่วมกันอย่างสงบ แต่ว่ามุสลิมทั้งหลายเคยต้องการความสงบ ต้องการความรักความสามัคคีกับคนไทยบ้างหรือเปล่า ?"

เถรี 06-02-2019 21:16

"ปัจจุบันนี้มีกระแสต่อต้านมุสลิมทั้งทางยุโรปและเอเชียบางส่วน ถ้าหากว่ามุสลิมยังทำตัวในลักษณะอย่างนี้ต่อไป นอกจากไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว อาจจะถึงขนาดมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันก็ได้

ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือมุสลิมโรฮิงญาในพม่า ทำตัวแปลกแยก ไม่ยอมเข้ากับเจ้าของพื้นที่ พอถึงเวลาขัดใจขึ้นมาก็ประท้วง ทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง พอโดนตอบโต้เขาก็โวยวายออกไปสู่โลกภายนอกว่า ตัวเองได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม บรรดาองค์กรมุสลิมต่าง ๆ ทั่วโลกก็ช่วยกันตีข่าว ทำให้พม่ากลายเป็นผู้ร้ายทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าของบ้าน แต่ว่ามีโจรเข้ามาทำตัวแปลกแยก เจ้าของบ้านขับไล่โจร กลับโวยวายว่าทำไมไม่ยอมให้เขาอยู่บ้านด้วย ?

ก็ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้พม่ากลายเป็นประเทศที่น่าสงสาร ก็คืออยู่ในลักษณะม้าอารีที่รู้ตัวแล้วว่าโดนมุสลิมรุกราน จึงพยายามต่อต้าน แต่ว่ามุสลิมทั้งโลกประสานเสียงกันเป็นเสียงเดียว กดดันองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ และประเทศที่มีอำนาจให้ช่วยกันคว่ำบาตรพม่า ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมาถึงเมืองไทยในไม่ช้า ถ้ารัฐบาลของเรายังคงโดนมุสลิมจูงจมูกอยู่ลักษณะอย่างนี้ คาดว่าอีกไม่นานบ้านเราจะมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ"

เถรี 06-02-2019 21:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีผลกระทบจากฝุ่นบ่ายสองครึ่งบ้าง ? เขาบอกว่า PM ๒.๕ อาตมาก็เลยเรียกบ่ายสองครึ่ง เพราะว่าถ้าเช้าก็ต้อง AM"

ถาม : ฝุ่นนี้เกิดจากอะไรคะ ?
ตอบ : ก็สารพัดอย่างที่ทำให้เกิดฝุ่น ทำไมต่างประเทศโดยเฉพาะทางยุโรปอากาศเขาดี ? เพราะว่าเขาล้างกระทั่งพื้นถนนทุกเช้า ตี ๔ อาตมาไปเดินดูขณะที่คนอื่นนอนอยู่ เห็นเขาล้างพื้นถนนกันแล้ว มีทั้งฉีดน้ำ มีทั้งใช้รถขัด พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เหลือฝุ่นเอาไว้ให้ปลิว แล้วรถขนข้าวของทุกอย่างจะต้องหุ้มผ้าใบมิดชิด ถ้าเข้าเขตเมืองก็ต้องล้างล้อก่อน

เรื่องของการปล่อยควันไอเสียต่าง ๆ ของเขาเองก็ไปถึงมาตรฐานยูโร ๕ ยูโร ๗ ส่วนของเราเองยังยูโร ๒ อยู่เลย พูดง่าย ๆ ว่าเครื่องยนต์บ้านเขาแทบจะไม่ปล่อยควันพิษออกมา ขณะนี้เขาก็พยายามปรับเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า คือเขามีจิตสำนึกเพื่อบ้านเกิดตัวเอง ฝรั่งตัวใหญ่กว่าเราเป็นเท่า แต่ยอมอัดเข้าไปอยู่ในรถไฟฟ้าคันเล็ก ๆ เพื่อให้อากาศสะอาด ลูกหลานจะได้อยู่กันอย่างสบาย อย่างมีความสุข แต่บ้านเราไม่ใช่...บ้านเรานี่ทำทุกอย่างเพื่อความสุขเฉพาะหน้าของตัวเอง จอดรถยังไม่ดับเครื่องเลย บอกว่าเดี๋ยวรถร้อน ติดเครื่องปล่อยไอเสียไปเรื่อย

เถรี 06-02-2019 21:45

ของเราต้องบังคับโดยเฉพาะพวกงานก่อสร้างต่าง ๆ ทำอย่างไรที่จะให้เขาลดฝุ่นละอองลง รถต่าง ๆ ต้องมีการจำกัด บอกแล้วว่าบ้านเราแก้ไขปัญหาจราจรไม่ได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วบริษัทรถยนต์มักจะเป็นผู้อุปถัมภ์หรือสนับสนุนพรรคการเมือง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องทำให้เขาขายรถให้ได้มากที่สุด ไม่มีการจำกัดจำนวนรถยนต์

ปัญหาหนักที่สุดก็คือรถยนต์ โรงงานก่อสร้าง การเผาป่าเผานาแบบไม่บันยะบันยัง การเผานาเป็นความมักง่าย สมัยก่อนเขาใช้วิธีไถ ไถดะ ไถแปร แล้วก็ตีเลนให้เป็นตมจะได้หว่านข้าว พวกตอซังข้าวต่าง ๆ ก็กลายเป็นปุ๋ยไป สมัยนี้ใช้เผาทิ้ง บางทีเผากันแต่ละทีควันขึ้นมาท่วมถนนจนมองทางไม่เห็น ทำให้รถชนกันอีก

เถรี 06-02-2019 21:49

ส่วนอีกพวกหนึ่งที่อุบาทว์ที่สุด ก็คือเผานาเพื่อที่จะกินปลาไหล..! พอถึงเวลาหน้าแล้งก็เผานา พอฝนมาก็พาน้ำขี้เถ้าลงไปในรู ปลาไหลก็ต้องเผ่นขึ้นมาอยู่ข้างบน เพราะว่าปลาไหลโดนน้ำขี้เถ้าไม่ได้ เมือกจะเสียหายหมด ถ้าเป็นคนก็เหมือนกับโดนลวกด้วยน้ำร้อน ขึ้นมาก็ไม่รอด เขาเก็บกันทีเป็นหาบ ๆ อาตมาเห็นมากับตายังสลดใจ กินล้างกินผลาญกันขนาดนี้ ตัวเล็กตัวน้อยขึ้นมาหมด บางทีก็เลือกเอาแต่ตัวใหญ่ ตัวเล็กก็ปล่อยให้ตายอยู่ในนาอย่างนั้น

หน้าแล้งบรรดาปลา กบ หอย จะคุดอยู่ในโพรง รักษาชีวิตให้รอดไปจนถึงฤดูฝนใหม่ กำลังคุดอยู่ในโพรงดี ๆ น้ำมา ต้องเรียกว่าน้ำกรด เพราะว่าน้ำขี้เถ้าโดนนี่ก็เหมือนกับเราโดนลวกด้วยน้ำร้อน ดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นมาเขาก็เก็บใส่หาบไป กลายเป็นผัดกระเพราบ้าง เป็นต้มเปรตบ้าง

บ้านเราใช้ทรัพยากรกันอย่างไม่ระมัดระวัง การเผาป่าเผานาบ่อย ๆ ดินจะแข็งลักษณะกลายเป็นอิฐ ซับน้ำไม่ได้ พอถึงเวลาน้ำมา ก็กลายเป็นว่าดินไม่สามารถจะดึงดูดน้ำเอาไว้ จึงเกิดน้ำท่วม

เถรี 06-02-2019 21:55

บรรดาฝุ่นละอองต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศส่วนมากเกิดจากการกระทำของพวกเราทั้งนั้น ถ้ามีสำนึกไม่ไปสร้างหรือกระทำให้เกิดผลในลักษณะอย่างนั้น หรือพยายามลดลงก็จะทำให้ฝุ่นน้อยลงได้

แต่ไม่ใช่ไปฉีดน้ำ ฉีดน้ำนั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบเด็กปัญญาอ่อน..! ฝุ่นอยู่ในชั้นบรรยากาศแล้วก็ลอยสูง พอกลางคืนอากาศเย็นถึงจะกดต่ำลงมา แต่ก็ไม่ต่ำพอที่คุณจะฉีดน้ำถึง

อาตมาก็สงสัยเหมือนกันว่าบรรดาเจ้าใหญ่นายโตบ้านเรา โดยเฉพาะเหล่ารัฐมนตรีมีปัญญาความคิดแค่นั้นหรืออย่างไร ? แล้วการที่จะไปจำกัดคน อย่างเช่นแท็กซี่นั่งคนเดียวไม่ได้ แล้วโชเฟอร์จะขับไปหาเงินอย่างไร ? ใช้หัวแม่เท้าข้างไหนตรองดูก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้...!

เถรี 06-02-2019 21:57

ก็แปลว่าเราต้องทำขนส่งสาธารณะให้พอเพียง ให้ถึงจุดหมายปลายทางตามเวลา และราคาอยู่ในระดับที่ชาวบ้านรับได้ ถ้าอย่างนั้นคุณจะจำกัดจำนวนรถชนิดไม่ให้เพิ่มเลยก็ไม่มีปัญหา

ต่างประเทศบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ถึงเวลาถ้าคุณจะซื้อรถใหม่ต้องเอาคันเก่าไปให้เขายุบเป็นเศษเหล็กก่อน แล้วเอาทะเบียนเก่าไปทำประวัติใหม่ หรือไม่ก็บางประเทศอย่างญี่ปุ่น ถ้าจะซื้อรถต้องมีที่จอด ถ้าไปจอดเกะกะแถวข้างทางเดี๋ยวบริษัทขายรถจะซวย เขาไม่เล่นงานคนซื้อนะ เขาเล่นคนขาย

ที่จอดรถที่ญี่ปุ่นนี่แพงหูดับ อาตมาไปดูมา ชั่วโมงแรก ๘๐๐ เยน จอดตลอดคืนชั่วโมงละ ๒๐๐ เยน ๒๐๐ เยนปาเข้าไป ๗๐ บาทไทย ชั่วโมงละ ๗๐ บาท คืนหนึ่งจอดกี่ชั่วโมง ? ตีเสียว่า ๘ ชั่วโมง คืนหนึ่งค่าจอดรถปาไป ๕๐๐ กว่าบาท มีปัญญาก็ซื้อรถไปสิ อาตมาจ้างรถไป พลขับเขาก็บอกว่า "รถยนต์ที่เห็นวิ่ง ๆ อยู่ ส่วนใหญ่เป็นของหน่วยราชการหรือบริษัทครับ น้อยคนที่จะใช้รถส่วนตัว เพราะว่ารถส่วนตัวไปช้า แต่ถ้าหากว่าไปรถไฟฟ้านี่ถึงตรงเวลาและเร็วมาก "

เขามีวลีเด็ดของเขาว่า ถ้าอยากเร็วให้ไปรถไฟฟ้า
ถ้าอยากช้าให้ไปรถส่วนตัว เนื่องจากว่าประเทศญี่ปุ่นจำกัดความเร็วไม่เกิน ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วต้องเว้นห่างจากคันหน้า ๒๕ เมตร ก็ต้องคลานตามกันไป ประเทศฮ่องกงไม่ห้าม อยากมีรถมีไป แต่เก็บค่าจอดรถโหดร้ายกว่าญี่ปุ่นอีก แน่จริงก็ซื้อรถมาเลย...!

เถรี 06-02-2019 21:58

การแก้ไขมลพิษทางอากาศต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ยุโรปเขาแก้ไขทั้งปัญหาเรื่องมลพิษในอากาศ เรื่องของอาหาร เรื่องของน้ำ เรื่องของป่า เขาแก้ไขพร้อมกันหมดทุกหน่วยงาน เขาก็เลยทำได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ...อยู่บ้านเขาก็ราคาแพง

โดยเฉพาะหลายประเทศเก็บภาษีระดับ ๖๐-๗๐% แปลว่าทำงานได้เงิน ๑๐๐ บาท ต้องจ่ายค่าภาษี ๖๐-๗๐ บาท แต่เขาก็คืนให้คุ้ม เพราะว่าไม่ว่าจะเรื่องการศึกษา เรื่องการรักษาพยาบาล เรื่องการช่วยเหลือเมื่อยามชรา เขามีให้เต็มที่ แต่ละปีมีตั๋วเครื่องบินให้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย แต่นั่นหมายความว่าต้องจ่ายภาษีอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา ๑๐ ปี ๒๐ ปี แล้วแต่กติกาที่เขากำหนด

ส่วนบ้านเราก็ยังเกรงใจอยู่ จ่ายภาษีร้อยละ ๗ ร้อยละ ๙ ปกติแล้วยิ่งคนรวยหาเงินได้มาก อัตราการจ่ายภาษีก็ต้องยิ่งทบทวีไป แต่บ้านเราไม่มี บ้านเราเกรงใจคนรวย

เถรี 07-02-2019 07:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดเรื่องของบ้านของเมืองแล้วก็ลำบาก ต้องบอกว่าคนของเราไม่ใช่ไม่มีวิสัยทัศน์ มี...แต่ไม่มีโอกาสทำงาน ส่วนคนที่มีโอกาสทำงานก็ทำเพื่อพวกพ้องและตัวกู ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ก็เลยทำให้บ้านเราพิกลพิการอย่างที่เห็น

แต่ละหน่วยงานเวลาทำงานไม่มีการมาประชุมปรึกษากันว่าใครมีโครงการจะทำอะไร ถึงเวลาไฟฟ้าขุดฝังท่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ประปามาขุดใหม่ ประปากลบเสร็จโทรศัพท์มาขุดต่อ...เจริญ..! ทำไมไม่ตั้งโต๊ะคุยกันว่าคุณมีโครงการที่จะทำอะไรตรงนี้ ถึงเวลาก็ทำพร้อม ๆ กัน ก็เพราะว่าถ้าทำพร้อมกันแล้วใช้งบประมาณน้อย เงินทอนก็น้อย ในเมื่อเงินทอนน้อยไม่พอกิน ก็เลยต้องต่างคนต่างทำ บ้านเราสามารถคอรัปชั่นได้ทุกหัวระแหง เป็นอะไรที่น่าเกลียดน่าชังมาก"

เถรี 07-02-2019 07:48

"แม้กระทั่งรัฐบาล คสช.ที่เข้ามา บอกว่าจะแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น จะสร้างจิตสำนึกให้เด็กโตไปไม่โกง ก็โกงกันตั้งแต่ต้นยันปลาย ในเมื่อตัวเองเป็นพ่อปูแม่ปูแล้วจะไปเดินตรงทางให้ลูกปูตามได้อย่างไร ? โดยเฉพาะจริยธรรมหรือสามัญสำนึกเพื่อส่วนรวมไม่มี เป็นรัฐมนตรีโดนด่าทั่วบ้านทั่วเมืองว่าไปสังกัดพรรค ถึงเวลาอาจจะใช้อำนาจหน้าที่อำนวยประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่ง ก็ไม่สนใจ อ้างว่าต้องทำงาน พอโดนเขาด่าไปทั่วโลกค่อยลาออก บอกว่าสร้างบรรทัดฐานให้กับคนอื่นเขา บรรทัดฐานบิด ๆ เบี้ยว ๆ แบบนี้จะไปอวดชาวบ้านเขาได้ที่ไหน ?

ต่างประเทศอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น เป็นเอเชียด้วยกัน ถึงเวลามีอะไรผิดพลาด รัฐมนตรีลาออก นายกรัฐมนตรีลาออก ผู้นำหน่วยงานลาออก ผู้จัดการบริษัทลาออก เพื่อรับผิดชอบ บ้านเราเคยเห็นใครลาออกบ้างไหม ? จนกระทั่งโดนด่าทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วค่อยขยับลาออก

เรื่องของคุณธรรมจริยธรรมต้องบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็ต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ แต่ปัจจุบันพ่อแม่ไม่สามารถที่จะดูแลลูกได้ อยู่ในลักษณะสถาบันครอบครัวล่มสลาย เพราะว่าพ่อก็ไปทำงาน แม่ก็ไปทำงาน ต้องเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์กับเงิน"

เถรี 07-02-2019 07:55

"อย่าฝากความหวังให้พระอบรมลูก เพราะว่าจากพ่อแม่ ๓ ขวบครึ่งก็เริ่มเข้าชั้นอนุบาล ก็เป็นหน้าที่ของครู กว่าจะพ้นเกณฑ์การเรียนตามที่รัฐบาลกำหนดก็คือ ๑๒ ปี ก็ต้องจบ ม. ๖ อายุเท่าไร ? เต็มที่ก็ไม่เกิน ๑๘ ปี ก็ยังไม่ถึงมือพระ เพราะว่ากว่าจะบวชได้ต้องอายุ ๒๐ ปี แล้วบวชได้เฉพาะผู้ชายอีก ถ้าคิดว่าเป็นหน้าที่พระนี่โปรดทราบว่าคิดผิด เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ก่อน ถัดไปก็คือครูบาอาจารย์ กว่าจะมาถึงมืออาตมานี่แก่เกินแกงแล้ว เป็นไม้แก่ดัดไม่ไหว

บางคนมาถึงก็ “หลวงพ่อเจ้าขา ลูกอิฉันเกเหลือเกิน บวชแล้วช่วยดัดสันดานมันให้เป็นคนดีกับเขาบ้างเถอะ” “แล้วโยมให้ลูกบวชนานเท่าไร ?” “เจ็ดวันเจ้าค่ะ” แม่งเหอะ...! เลี้ยงมา ๒๐ กว่าปีดัดสันดานไม่ได้ ให้พระแค่ ๗ วันต้องดัดสันดานได้ อาตมาไม่ใช่ผู้วิเศษนี่หว่า..!"

เถรี 07-02-2019 08:00

"แต่ครูบาอาจารย์บ้านเราก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าสงสารมาก ทุกวันนี้จะโดนงานเอกสารท่วมตาย จะเอาเวลาที่ไหนไปสอนเด็ก เดี๋ยว มคอ.๒ เดี๋ยว มคอ.๓ เดี๋ยว มคอ.๕ เดี๋ยว มคอ.๗ เดี๋ยวต้องทำ SAR ต้องทำผลงานทางวิชาการ ไม่ทำก็ไม่ได้...เพราะว่าระเบียบบังคับ ต้องมีงานวิจัยอย่างน้อยปีละ ๑ เรื่อง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลเด็ก ? แค่งานเอกสารอย่างเดียวก็กินเวลาไปหมดแล้ว

ถึงเวลาเด็กปิดเทอมครูได้ปิดไหม ? จะไปปิดอะไร ถึงเวลาก็ต้องมาตัดเกรด ต้องมากรอกคะแนน ต้องให้เด็กเข้าไปประเมินได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ แล้วสมัยนี้ถ้าเด็กเข้าไปดูเกรดไม่ได้ก็เริ่มฟ้องแล้ว กลายเป็นความซวยของครูบาอาจารย์อีก ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน โดยเฉพาะเงินเดือนไม่พอใช้ เราก็เลยเห็นครูหลายท่านต้องขายประกัน ต้องขายสินค้าขายตรง

ถ้าเอาในอาเซียนของเราด้วยกัน อย่างสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาก เงินเดือนครูสิงคโปร์อย่างต่ำ ๆ ๑๒๐,๐๐๐ บาท บ้านเราทำได้อย่างนั้นไหม ? ถ้าเอาในเอเชียด้วยกันก็เกาหลี เงินเดือน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ถ้าบ้านเราเงินเดือนครูได้ขนาดนั้น เราจะได้คนเก่งไว้สอนคนรุ่นใหม่เยอะมาก แต่ว่าบ้านเราเงินเดือนครูน่าสงสารมาก

ส่วนที่น่าสงสารสุดคือครูพระ ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนเงินเดือน ๒,๕๐๐ บาท ต้องทำรายงานส่งต้นสังกัดทุกเดือนว่าสอนที่ไหน สอนอะไร สอนไปกี่ชั่วโมง มีเนื้อหาอะไรบ้าง"

เถรี 07-02-2019 08:02

"เราลองคิดดูว่าเงินเดือนยังไม่พอค่ารถไปโรงเรียนเลย อาตมาเองทุกวันนี้ถ้าอย่างของ มจร.วัดใต้ ไปบรรยายเช้าบ่ายได้เดือนละ ๔,๐๐๐ บาท อาตมาไปเดือนหนึ่งอย่างน้อยก็ ๔ ครั้ง ครั้งหนึ่งไปกลับเฉพาะแค่ค่าแก๊สอย่างเดียวก็ตก ๑,๐๐๐ กว่าบาท แปลว่าเขาให้อาทิตย์ละประมาณ ๑,๐๐๐ บาท เราจ่ายไปอาทิตย์ละ ๑,๐๐๐ กว่าบาท ยังไม่ต้องนับถึงเอกสารอะไรต่าง ๆ ที่จะต้องให้กับเด็กหรือส่งตามลำดับ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเยอะมาก ถ้าหากว่ามาถึงวัดไร่ขิง ค่าใช้จ่ายก็หนักกว่านั้นอีก

ฉะนั้น...ในเมื่อครูบาอาจารย์ของเรางานหนัก เงินเดือนก็ไม่จูงใจ หนี้สินก็มาก กู้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูบ้าง กู้นอกระบบบ้าง หนี้ท่วมหัวแล้วจะเอากำลังใจที่ไหนมาสอนเด็ก ? แล้วทำไมถึงสงสัยว่าเงินเดือนครูน้อย อาตมาก็สงสัยเหมือนกัน เพราะว่ากระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดในจำนวนกระทรวงทั้งหมด มากกว่ากระทรวงกลาโหมอีก แล้วหายไปไหนหมด ?

ลองฝากให้บรรดาผู้มีอำนาจในบ้านในเมืองขบคิดดูบ้างว่า ทำไมเงินเดือนครูของบ้านเราถึงได้น้อยนิดจนน่าเวทนา ขณะเดียวกันก็งานท่วมหัว แล้วทำไมประเทศอื่นเขาสามารถจัดสรรงบประมาณจ่ายเงินเดือนครูเป็นแสน ๆ ได้ ถ้าจะหาว่างบประมาณรั่วไหลไปทางไหน อาตมาอยากจะเชื่อว่ากระทรวงศึกษาคงต้องหาข้าราชการใหม่ทั้งหมด แตะไปตรงไหนก็ใช่ตรงนั้นแหละ"

เถรี 07-02-2019 08:05

"สมัยอาตมาเด็ก ๆ ครูถามอยากจะเป็นอะไร ? อยากจะเป็นหมอ อยากจะเป็นทหาร อยากจะเป็นตำรวจ สมัยนี้ลองไปถามเด็กดูสิอยากเป็นอะไร ? อยากเป็นดารา อยากเป็นนักร้อง ตูจะบ้า...! อนาคตไกลมาก ดาราบ้านเรามีอนาคตสักกี่ปี ? ถึง ๕ ปีไหม ? พอรุ่นน้องมาคุณก็แก่ ต่อให้อายุเพิ่ง ๒๐ ปีก็แก่ พอเริ่มแก่ก็ตกงาน มีเวลาในการที่จะทำเงินสั้นมาก

นักร้องก็เหมือนกัน พอถึงเวลาไม่มีอัลบั้มออกมา ไม่มีท่าเต้นที่ยั่วยวนกวนราคะก็ไม่ดัง ทำอย่างไรที่จะนุ่งน้อยห่มน้อยเพื่อเป็นข่าวให้มากที่สุด บ้านเราเขาต้องการแค่เป็นข่าวไม่ว่าจะด้านดีหรือด้านร้าย เพื่อที่จะได้ไม่สูญหาย ยังเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่เพื่อที่จะได้มีงาน แล้วลองคิดดูว่าทำไมเด็กของเราถึงคิดแต่ในเรื่องฉาบฉวยแบบนี้ ?

อยากเป็นดารา อยากเป็นนักร้อง ก็เพราะว่าอยากดังอยากเด่น แล้วทำไมไม่คิดจะดังจะเด่นในทางที่ถาวร ในทางที่ดี ที่ยอมรับของสังคมทั่วไปบ้าง ? ก็เกิดจากสังคมพิกลพิการของเรานี่แหละที่ทำให้เป็นอย่างนั้น สมัยนี้เขามีเน็ตไอดอล ภาษาจีนว่า "โอเซี่ยง" ภาษาอะไรก็ตามไปถึงประเทศจีน มีภาษาจีนหมด อาตมาเองก็งงมาตั้งแต่เด็ก รองเท้ายี่ห้อนันยางคืออะไร ? ความจริงคือหนานหยาง ทะเลจีนใต้ คนไทยอ่านตามภาษาอังกฤษว่า “นันยาง”

เถรี 07-02-2019 08:31

ถาม : ทำไมประเทศจึงมีคอร์รัปชันทุกหัวระแหง ?
ตอบ : ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก ก็ต้องให้หัวเลิกส่ายหางจะได้ไม่กระดิก แล้วเป็นไปได้ไหมเล่า ? ขนาดหน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปรามคอร์รัปชันยังหูหนวกตาบอด อยู่ ๆ มีนาฬิกาเรือนละล้าน ๒๒ เรือนบอกว่ายืมเพื่อนมายังเห็นเป็นเรื่องปกติ ยืมเพื่อนคนไหนเพื่อนคนนั้นตายหมดแล้วก็บอกปกติ แล้วก็ไม่คิดจะคืนลูกคืนหลานของเพื่อนเลยก็ยังบอกว่าปกติ

ถาม : ที่บิดเบี้ยวทุกวันนี้ก็คือตำรวจ ?
ตอบ : ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ อาตมาเจอตำรวจดี ๆ เยอะแยะ วงการไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ปลาตายตัวเดียวแล้วเน่าทั้งข้อง ปัจจุบันนี้ปลาตายเกือบทั้งข้อง ปลาดี ๆ ก็เลยพลอยเหม็นไปด้วย

อาตมาเองได้รับคำเตือนด้วยความหวังดีจากตำรวจจราจร เพราะว่ารถไปติดแถวยาวเหยียดที่เขาตรวจ เขาบอก “อาจารย์ครับ เดือนธันวาคมไม่จำเป็นอย่าไปไหนนะครับ พวกผมต้องหาเงินส่งนาย ต่อให้ไม่ผิดผมก็ต้องเอาจนผิด” นี่คือคำเตือนจากตำรวจที่มีให้กับพระนะ ปีใหม่ต้องหาเงินส่งนาย เขาบอกเอง

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้นก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะว่าบ้านเรากินกันตั้งแต่หัวยันท้าย ต้องบอกว่าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ อาตมาเองที่ออกมาบวชนี่เพราะไม่ยอมกินกับเขา ไปขวางทางก็เลยโดนเขาแซะออกมา

เถรี 07-02-2019 08:39

เริ่มจากตัวเรา ถ้าตัวเราไม่ทำก็จบ คนอื่นไม่ต้องไปหวัง อาตมาลาออก ปรากฏว่าคุณหมอนพพรไม่ออก คุณหมอนพพรฉลาด มีปัญญา ไม่เอาแต่อารมณ์อย่างอาตมา คุณหมอแก้ไขปัญหาแค่ในอำนาจตัวเอง สูงขึ้นไปไม่แตะ ตอนที่หมอนพพรเป็นผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ กองพลทหารราบที่ ๙ กองพันเสนารักษ์มีรถประจำตัวนายทหาร ๒๒ คัน ก็คือจัดหาให้ตามงบประมาณ ก็ในเมื่อเจ้านายไม่กินก็ถึงลูกน้อง กองพันอื่นอย่างเก่งก็มี ๒-๓ คัน ที่เหลือหายไปไหนก็ไม่รู้ ?

ในเมื่อมีอำนาจแค่ไหนแก้ไขปัญหาภายใต้ขอบเขตอำนาจตัวเอง ก็ไม่ไปแตะเจ้าใหญ่นายโตข้างบน ส่วนอาตมานี่เพื่อนด่าตลอด “มึงนะเก่งจริง กูไม่เถียงหรอก แต่มึงรู้อะไรทำไมต้องพูดด้วย” พูดแล้วเจ้านายก็เดือดร้อน แต่บังเอิญว่าอาตมาเลือดร้อนมาแต่เกิด เรื่องจะไปทำไม่รู้ไม่ชี้ให้เขาโกงให้เขากินก็ทำไม่ได้ ท้ายที่สุดขนาดผู้บังคับกองพันที่ไม่โกงไม่กินก็อยู่ได้แค่ ๒ เดือนกว่าเอง

เถรี 07-02-2019 08:43

ตอนนั้น.......ขึ้นมาเป็นผู้บังคับกองพัน อาตมาเองก็แปลกใจ ทำไมวันนี้อาหารโรงเลี้ยงดีแท้วะ ? น้ำพริกปลาทู มีปลาทู ๒ ตัวใหญ่ ๆ เลย ต้มจืดวุ้นเส้น เต้าหู้อ่อนหมูสับ ผัดผักรวมมิตรใส่เนื้อหมูมาเพียบเลย ความจริงก็คือพอผู้พันเขาขึ้นเป็นผู้บังคับกองพัน เขาก็ตรวจสอบรายการที่สูทกรรมส่งมา “มึงเขียนรายการมาอย่างไร มึงทำอย่างนั้นนะ บ่าย ๒ โมงต้องมีกาแฟให้ทหารด้วย”

ปรากฏว่าบรรดานายสิบนายร้อยต่าง ๆ วิ่งไปขอร้องผู้พัน “อย่าถึงขนาดมีกาแฟบ่ายสองเลยครับ ถ้ามีนี่ทหารไม่เป็นอันทำอะไรกันหรอก ถ้าผู้พันต้องการอาหารตามนี้ก็ว่าตามนี้ แต่กาแฟขอเถอะครับ...อย่าให้มีเลย” ก็ตอนเช้ารายการเขาลงมา มีกาแฟไข่ลวก มีข้าวต้มกุ้ง มีข้าวต้มหมูสับ “มึงทำมา...ก็ในเมื่อมึงเขียนเบิกงบอย่างนี้ก็ต้องทำตามนี้”

อยู่ได้ ๒ เดือนก็โดนย้าย เพราะว่าจากที่ปกติเขากินอาหารที่มีแต่วิญญาณหมู วิญญาณไก่ แต่ละงวดก็มีข้าวแกงทั้งกาก ผักบุ้งทั้งราก ฯลฯ อยู่ ๆ กลายเป็นอาหารขึ้นเหลา ส่วนที่จะพึงถึงคนอื่นก็ไม่เหลือ ในเมื่อไม่เหลือก็อยู่ไม่ได้ อยู่ได้ ๒ เดือนกว่าโดนย้าย ๒๔ ชั่วโมง เก็บข้าวของยังไม่ทันเลย นั่นอนาถกว่าอาตมาเยอะ ท่านเป็นระดับผู้บังคับกองพันแล้วนะ

เถรี 08-02-2019 08:09

ถาม : (การเผาป่า)
ตอบ : บ้านเรากฎหมายบ้า ก็คือถ้าป่าเสื่อมโทรมสามารถที่จะเข้าไปใช้งานได้ เขาก็ช่วยกันจ้างเผาป่าสิ ไม่เผาแล้วจะโทรมได้อย่างไร...! กฎหมายของเราขัดกันเอง แทนที่จะไปในทางเดียวกัน

สมัยอาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีก็เหมือนกัน เกาะพระฤๅษีเป็นเขตป่าสงวน กฎหมายว่าสามารถขอใช้พื้นที่ป่าสงวนได้ แต่ต้องปลูกต้นไม้คืนเขา ๓๐% อาตมาปลูกให้ ๓๐ ไร่เลย ใช้ในเกาะ ๒ ไร่เท่านั้นแหละ

ภูเขาหลังเกาะพระฤๅษีเป็นเขาหัวโล้น ช่วยกันปลูกต้นไม้ แต่ก็ค่อย ๆ แห้งตายหมด จนกระทั่งในที่สุดได้นักวิชาการจากหน่วยวัฒนวิจัย กรมป่าไม้ เข้ามาแนะนำว่า “อาจารย์ครับ ต้องใช้โพลิเมอร์โรยก้นหลุมครับ” พอถามว่าโพลิเมอร์คืออะไร ? เขาบอกว่าเป็นวัสดุประเภทหนึ่งที่น้ำลงไปถึงก็จะดูดเอาไว้ ตัวสารจะพองขึ้นมาเหมือนวุ้น แล้วน้ำทั้งหมดจะไม่ไปไหน จะอยู่กับวุ้นนั่นแหละ ต้นไม้สามารถแทงรากลงไปเพื่อดูดน้ำมากินได้ ก็ทำตามนั้น อาตมาซื้อมาเป็นถัง ๒๐๐ ลิตร ถังหนึ่งราคาเป็นหมื่น เอามาโรยก้นหลุมแล้วปลูกต้นไม้ เออ...รอดมาได้


เถรี 08-02-2019 08:11

ตอนนี้ภูเขาหลังวัดต้นไม้ท่วมเลย แต่วันดีคืนดีก็มีไฟป่า ไฟป่าก็คือคนเผานั่นแหละ บ้านเราไม่มีไฟป่า ไฟป่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศเราเกิดจากคนเผา ๑๐๐% เพราะว่าบ้านเราความชื้นมีมาก การที่ไม้จะเสียดสีกันจนไฟไหม้นั้นมีไม่เพียงพอ ไม่เหมือนต่างประเทศที่แห้งแล้ง ถึงขนาดที่เรียกว่าพอใบไม้ปลิวกระทบกันแล้วเกิดประกายไฟจากไฟฟ้าสถิต

บ้านเราจะไฟไหม้ก็ต่อเมื่อฟ้าผ่า แต่คราวนี้บ้านเราถ้าฟ้าผ่าแปลว่าฝนมาด้วย ดังนั้น..โอกาสที่จะไหม้เป็นศูนย์เลย ทุกวันนี้ที่ไฟป่าไหม้เกิดจากคนเผาทั้งนั้น ถึงได้บอกว่าอาตมาเองยอมให้อากาศทองผาภูมิบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนี้แหละ เดี๋ยวฝน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ตูยอมป่วย แต่ให้ฝนมาบ่อย ๆ แล้วกัน จะได้เผาป่าไม่ได้

เถรี 08-02-2019 08:24

ขอให้พยายามเป็นต้นแบบให้คนอื่น ก็คืออยู่ในศีลกินในธรรมตามแบบของเราไป ใครเขาจะว่าโง่ ใครเขาจะว่าบ้า ก็ช่างมัน อย่างน้อยจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นเขาทำตามได้ โดยเฉพาะอย่าท้อถอย อย่าหมดกำลังใจ ถ้าจะท้อถอยจะหมดกำลังใจ ให้ดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์ ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยไม่เห็นแก่สุขภาพของพระองค์ท่านเลย พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เห็นแก่ชีวิต

หรือไม่ถ้าจะดูไกลกว่านั้นก็ดูพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า ในสังสารวัฏที่ยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ ขึ้นชื่อว่าความท้อแม้แต่น้อยหนึ่งไม่เคยปรากฏในดวงใจของพระองค์ท่านเลย ตั้งหน้าทำไป ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดช่าง ตักน้ำรดหัวตอต่อไปเรื่อย ๆ ถึงไม่งอกให้เปียกก็ยังดี อย่างน้อย ๆ เราก็ได้ทำแล้ว

อย่าเอาแต่งอมืองอเท้าอยู่อย่างเดียว ถ้าเราไม่กล้าทำ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด สิ่งที่ไม่ดีไม่งามจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรัสว่า ต้องพยายามสนับสนุนให้คนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง ถ้าหากว่าคนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง คนชั่วก็จะแสดงอำนาจไม่ได้

เถรี 08-02-2019 08:36

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีนางฟ้าสวยเช้งมา คุยกันจนจบเพิ่งนึกได้ว่านี่คุณชม้อย ทองดีแสน หัวหน้าคณะแม่ชม้อยที่ทำความสะอาดวัดท่าซุง ...(หัวเราะ)... คุยกันอยู่ตั้งนานแกก็ไม่บอกไม่กล่าวอะไร ก่อนไปทำหน้าให้ดูแล้วก็แวบไปเลย ก็เลยต้องมาตามข่าวว่ายังอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าหลวงพี่อาจินต์แจ้งว่าตายไปหลายปีแล้ว"

เถรี 13-02-2019 08:08

พระอาจารย์เล่าว่า "ประเทศจีนพยายามแก้มลพิษทางอากาศ โดยห้ามจุดธูปกับประทัดช่วงตรุษจีน ลองคิดดูว่าคนเป็นพันล้าน ถ้าจุดทุกบ้านแล้วจะขนาดไหน ? แต่ปักกิ่งนี้แก้ยากเพราะว่าใกล้ทะเลทราย ถึงเวลาพายุทรายก็พัดมา เขาพยายามที่จะปลูกต้นไม้เพื่อที่จะชิงพื้นที่ทะเลทรายคืนมา แต่ก็ไม่ค่อยจะไหว เพราะว่าเวลาทรายพัดมา ต้นไม้ไม่ทันจะสูงก็โดนกลบหมด

ตอนนี้เขามีการทำแผ่นตั้งเป็นแนว พอทรายมาแล้วก็จะเหินข้ามไป ต้องค่อย ๆ หาวิธีแก้ไขไป แต่ถ้าหากดูอย่างพม่าแล้ว พม่าแก้ปัญหาเรื่องของพื้นที่กึ่งทะเลทราย ปลูกอะไรก็ไม่งาม แต่ไปงามที่ต้นตาล อาจจะเป็นไปได้ว่าต้นตาลคล้าย ๆ กับอินทผาลัมที่โตในทะเลทราย อาตมาเห็นเขาปลูกอย่างอื่นนี่แคระ ๆ แกร็น ๆ หงิก ๆ ง่อย ๆ หมด แต่ต้นตาลกลับโตเอา ๆ"

เถรี 13-02-2019 08:10

ถาม : (การฉีดละอองน้ำ)
ตอบ : ถ้าหากว่าจะฉีดน้ำให้ได้ผลต้องฉีดที่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ จึงแก้ได้ไม่ถึง ๕% หรือ ๑๐% มีอยู่อย่างเดียวก็คือต้องจำกัดจำนวนรถ ขณะเดียวกันพวกการก่อสร้างต่าง ๆ ก็ต้องบังคับให้มีการกันฝุ่น ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเราอยู่ ๆ มลพิษจะทวีพรวดพราดไปถึงระดับติด ๑ ใน ๑๐ ของโลก อาจจะเป็นเพราะว่า เขาระดมก่อสร้างทางรถไฟฟ้าพร้อม ๆ กันก็เป็นได้

เถรี 13-02-2019 08:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กบ้านเราไม่เห็นคุณค่าของเรื่องการเรียน รู้สึกว่าเสียเวลาด้วยซ้ำไป ต้องโทษว่า Mark Zuckerberg ทำให้เป็นอย่างนี้ ก็คือคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน ดันรวยอื้อเป็นอันดับหนึ่งของโลก

สังคมบ้านเราเป็นสังคมฉาบฉวย เขาเห็นว่าถ้ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ จึงกลายเป็นว่าทุกคนเอาเงินเป็นใหญ่ ไม่ได้เอาความรู้ ไม่ได้เอาคุณธรรมเป็นใหญ่ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ของเรานี่แหละ ประเภทตาสี ตาสา ยายมี ยายมา เข้าป่าเก็บเห็ดก็ติดคุก ส่วนคนที่ประเภทยิงเสือจนจะหมดป่าอยู่แล้ว ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นตัดสินคดีสักทีหนึ่ง

คราวนี้เห็นหรือยังว่าการบังคับใช้กฎหมายของเราเป็น ๒ มาตรฐานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงทำให้เกิดภาพที่ให้เด็กจำว่า ถ้ารวยทำอะไรก็ได้ กลายเป็นสังคมบูชาเงิน กฎหมายนั้นดี สำคัญที่ผู้บังคับใช้ต่างหาก บ้านเรากฎหมายดีแค่ไหนก็กลายเป็นเครื่องมือหาเงิน

ประเทศไหน ๆ ก็มีคนดีคนชั่วปะปนกัน เพียงแต่ว่าอย่างยุโรปอเมริกานั้น การบังคับใช้กฎหมายของเขาเข้มงวดกว่าบ้านเรา แล้วบุคคลของเขาที่มีจริยธรรมนั้นยังมีมาก

บ้านเราขอให้มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง เหมือนกับที่เขาว่า ‘แข็งดั่งเหล็ก เงินง้าง อ่อนได้ดั่งใจ’ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ถ้ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง ก็เสร็จหมด"


เถรี 13-02-2019 08:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยได้ยินเด็กที่ได้สัญชาติอเมริกันบอกว่า คนไทยขาดความภูมิใจในชาติตัวเองอย่างแรง เพราะฉะนั้นการตั้งชื่อชื่อร้าน การตั้งชื่อสถานที่ มักจะใช้ภาษาอังกฤษ

แต่คราวนี้การที่จะตั้งชื่อให้น่าสนใจและติดตลาด คำนั้นต้องติดหูเขาก่อน ถ้าอย่างของประเทศไทย ถ้าจะตั้งยี่ห้อหรือว่าแบรนด์ใหม่ อาจจะประมาณว่าต้มยำกุ้ง ฝรั่งเขาจะรู้จักมากกว่า ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ซึ่งมียี่ห้อสินค้าที่ติดตลาดอยู่ตอนนี้ และเป็นที่ยอมรับกันค่อนข้างมาก พอบอกว่าซัมซุง แดวู ฮุนได เขาก็รู้ว่าเป็นของเกาหลี ถ้าหากว่าเป็น Panasonic เขาก็รู้ว่าเป็นของญี่ปุ่น เป็นต้น"

เถรี 13-02-2019 08:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "หวยหลวงพ่อคูณออกตรง ๆ ๐๔ น่าจะรวยกันครึ่งประเทศเลย ถ้าหากว่ารัฐบาลบอกว่า GDP ขึ้น ขอให้รู้ว่าเป็นฝีมือของหลวงพ่อคูณ ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาลหรอก เห็นเจ้าของแผงจำหน่ายวัตถุมงคลบอกว่า วันหนึ่งขายเหรียญหลวงพ่อคูณได้เป็นพันเหรียญเลย พันเหรียญนี้รับประกันว่าไม่ใช่เหรียญละ ๑๐๐ บาท

ถนนทุกสายมุ่งสู่พุทธมณฑลขอนแก่น เราจะเห็นว่าบุคคลที่ตั้งใจสร้างความดีจริง ๆ อย่างหลวงพ่อคูณ สิ่งที่ท่านทำเป็นความจริงแท้ออกจากใจ ตั้งใจสงเคราะห์ผู้อื่น ถึงขนาดบอกว่าจะมาเกิดอีกเพื่อสร้างบารมีต่อ อาตมาเคยเข้าไปในห้องของท่าน...ไม่มีอะไรเลย เตียงยังไม่มีเลย ทำไมนิสัยเหมือนอาตมาก็ไม่รู้ ? มีแต่เสื่อปูกับพื้น หมอนใบหนึ่ง ใช้จีวรเป็นผ้าห่ม

ไปถึงตี ๕ กว่า หลวงพ่อออกมาเดินดูรอบวัด สมัยก่อนเวลาอาตมาไปกิจนิมนต์ทางภาคอีสาน ขนเครื่องสังฆทานกลับมาเป็นคันรถ แวะวัดบ้านไร่ถวายหลวงพ่อคูณต่อ ท่านเอาไปทำประโยชน์แน่นอน เขาเปิดตัวเลขการช่วยเหลือของหลวงพ่อคูณ อาตมายอมรับว่าไม่มีทางทาบท่านได้แม้แต่เสี้ยว หลวงพ่อคูณช่วยสถานที่ต่าง ๆ ไปเป็นเงิน ๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท"

เถรี 13-02-2019 08:47

"พระบ้านนอก ท่านบอกท่านพูดไม่เป็น ท่านเทศน์ไม่เป็น ขอให้ทุกคนตั้งใจรักษาศีลก็พอแล้ว ถึงเวลาก็พูดมึงพูดกู แต่นั่นก็คือน้ำใสใจจริงของท่าน โดยเฉพาะท่านั่งเป็นเอกลักษณ์มาก นั่งยอง ๆ อาตมาอยากจะบอกว่าพระพม่านั่งยอง ๆ กันทั้งบ้านทั้งเมือง...ไม่เป็นเอกลักษณ์ บ้านเรามีหลวงพ่อคูณนั่งยอง ๆ ท่านเดียว...นับเป็นเอกลักษณ์

อาตมาก็สงสัย ไม่ว่าจะพิธีกรรมทางศาสนาอะไรพระพม่านั่งยองหมด เขาบอกว่านี่แหละคือคำว่า นั่งกระโหย่ง ในภาษาบาลี ส่วนนั่งกระโหย่งในภาษาบาลีของเรา เราถือว่านั่งคุกเข่า ก็เลยกลายเป็นความนิยมที่ต่างกัน ถึงเวลาถ้าเห็นพระพม่าไหว้พระสวดมนต์แล้วนั่งยอง ๆ กันทั้งวัดก็ไม่ต้องแปลกใจ นั่นคือการนั่งที่เขาบอกว่าถูกต้อง ส่วนนั่งคุกเข่าแบบพระไทยนี่ยังไม่ถูกตามบาลี เขาว่าอย่างนั้น"

เถรี 13-02-2019 08:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันสวดพระคาถาเงินล้าน ญาติโยมถวายทองร่วมหล่อพระกองพะเนิน อาตมาก็ต้องรีบวิ่งไปงานศพของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ที่สุไหงปาดี ก็ฝากย่ามที่ใส่ทองกลับมาก่อน พอขึ้นจากสุไหงปาดีมาก็ไปต่อที่เชียงใหม่ เชียงราย กลับมาหมดสภาพอยู่ ๒ วัน แล้วค่อยมานั่งลงบัญชี ทองของญาติโยมก็กองรออยู่นั่นแหละ

อยากจะบอกว่าญาติโยมทำบุญกันมาเยอะมาก แต่ทำกันแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ได้ดูความเหมาะสม อย่างเช่นว่าอาตมาไปที่สุไหงปาดี เอาปัจจัยไปช่วยงานศพเขา ถวายหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส แล้วคนโน้นก็มาถวายเงินสร้างพระทองคำ คนนี้มาถวายเงินสร้างพระทองคำ คนนั้นมาถวายทองสร้างพระทองคำ แล้วอยู่ในงานของเขา อาตมาก็ต้องเก็บกลับมา ดูพิลึก ๆ อยู่

ถ้าหากว่าจะทำอะไรให้ดูสถานที่ด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่อยู่ที่ไหนอาตมารับมาก็จะให้ที่นั่นไว้ คราวนี้พอไประบุจำเพาะเจาะจง เอาไว้ที่นั่นไม่ได้ก็ต้องเอากลับ โยมอาจจะรู้สึกว่าดี แต่สำหรับอาตมาแล้วรู้สึกว่าอึดอัดใจมาก เพราะว่าปกติไปแล้วมักจะกลับตัวเปล่า"


เถรี 13-02-2019 09:13

"อีกไม่กี่วันก็มีงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีกับเป่ายันต์เกราะเพชร ต้องบอกว่าปีนี้มีเสาร์ ๕ สองครั้ง อยู่ในวาระที่ผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยสถานการณ์ประเทศชาติ ต้องเรียกว่าประคับประคองให้อยู่ในลู่ในทาง ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะได้สักเท่าไร เพราะถ้าว่ากันตามฤกษ์ผานาที การโคจรของดวงดาวแล้ว ต้องพังบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง..!

เมื่อเสร็จจากงานเป่ายันต์ฯ ก็ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกไปวัดท่าซุง เพราะว่าวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๑๐ มีงานเผาศพหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ ซึ่งอาตมาต้องไปสวดพุทธมนต์ เวลาตามฎีกาก็คือ ๑๐ โมง แต่มีหลวงพ่อพระเทพปฏิภาณมุนีเทศน์ตอน ๙ โมงครึ่ง ถ้าพระผู้ใหญ่เทศน์อยู่ แล้วเราเดินดุ่ม ๆ เข้าไปก็ดูไม่ดี ก็แปลว่าจะต้องไปให้เร็วกว่าท่าน น่าจะเป็นอะไรที่เรียกว่าหลุดเป็นชิ้น ๆ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวกลับมาแล้วค่อยประกอบร่างกันใหม่"

เถรี 13-02-2019 09:17

"ถัดไปก็ช่วงมาฆบูชา จัดบวชปฏิบัติธรรมและอุปสมบทหมู่ แล้วก็ยังมีงานปิดทองรอยพระพุทธบาท พร้อมกับถนนสายวัฒนธรรม ให้แต่ละชุมชนซึ่งเป็นชุมชนคุณธรรมในเครือข่ายของวัดท่าขนุน เอาสินค้าในชุมชนของตัวเองมาขาย เปิดโอกาสให้ ๔ วัน แต่คาดว่าวันแรกก็น่าจะหมดไปมากแล้ว

ส่วนใหญ่แล้วพวกสินค้าจะสู้นักท่องเที่ยวไม่ไหว เขาทำกันอยู่ในลักษณะของอุตสาหกรรมในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมเล็ก ๆ พอต้องมาตั้งร้านขายจริง ๆ ก็มีแค่คนละนิดคนละหน่อย หลายต่อหลายอย่างก็เป็นงานฝีมือที่หาคนทำได้ยากแล้ว

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่านวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีมาปรึกษาว่า จะทำโครงการหางบประมาณสนับสนุนให้คนกะเหรี่ยงมีรายได้เพิ่มขึ้น อาตมาบอกว่าเลิกคิดไปได้เลย คนกะเหรี่ยงมักน้อย สันโดษ และพอเพียงยิ่งกว่าพระเสียอีก คือถ้ามีข้าวพอกินก็แปลว่าหยุดทำงานทุกอย่าง...พอแค่นั้น

อาตมาซื้อด้ายให้ไปทอผ้า ขายผ้าได้มีเงินใช้..เขาก็พอแล้ว..ไม่ทำต่อแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของการที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในชุมชน เป็นการรบกวนวิถีชีวิตของเขามาก พวกกะเหรี่ยงมีนิสัยรักสงบ ไม่ชอบความวุ่นวาย โดยเฉพาะความวุ่นวายจากคนภายนอก พอถึงเวลาชุมชนเริ่มเติบโตขึ้น นักท่องเที่ยวมีมากขึ้น คนต่างบ้านต่างเมืองเข้าไปมากขึ้น ก็ย้ายหนีลึกเข้าไปเรื่อย เหมือนกับกลัวความเจริญ จนกระทั่งปัจจุบันไม่มีที่ให้หนีแล้ว แต่นิสัยเขาก็ยังไม่เปลี่ยน ในเมื่อนิสัยไม่เปลี่ยน ถ้าเราจัดโครงการอะไรลงไปมาก ทำให้นักท่องเที่ยวเฮไปมาก ๆ เขาก็คงจะอึดอัดใจ มีชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุข"

เถรี 13-02-2019 09:18

"เมื่อคุยกันไปแล้วท่านวัฒนธรรมก็นั่งกุมหัวเหมือนกัน ถามว่าแล้วจะช่วยเขาอย่างไร ? อาตมาก็บอกท่านว่า ถ้าเราเข้าใจนิสัยของเขาก็พอที่จะช่วยได้ ก็คืออย่าไปหวังความเจริญก้าวหน้าและการทำงานที่ต่อเนื่อง ถ้าไปหวังลักษณะอย่างนั้นไปไม่รอดอย่างแน่นอน ถ้าคิดจะลงทุนทำโครงการอะไรให้ลงทุนกับคนรุ่นใหม่ เด็กหนุ่มเด็กสาวรุ่นใหม่ ๆ เพราะว่าคนทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่มีการศึกษา แล้วก็เห็นโลกมากกว่ารุ่นผู้เฒ่าผู้แก่ มีความเข้าใจดีว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่จำเป็นแล้ว"

เถรี 13-02-2019 19:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "เครื่องบวงสรวงวันเป่ายันต์เกราะเพชร ตั้งแต่มหาเอท่านรับภาระไป อาตมาก็เบาไปเยอะ ไม่อย่างนั้นแต่ละงวดก็ ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้พวกงานฝีมือจะราคาแพง โดยเฉพาะบายศรีคณะนี้ท่านทำประณีตมาก แต่ละต้นสูงท่วมหัว แล้วยิ่งทำก็ยิ่งคล่องตัว เพราะว่าสมัยก่อนกว่าที่จะทำบายศรีเสร็จก็เกือบ ๓ วัน เดี๋ยวนี้ครึ่งวันก็ได้บายศรีไหว้ครูแล้ว"

เถรี 13-02-2019 19:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานทำบุญ ๕ รอบของอาตมามีการบวชพระ ๑๐๘ รูป แต่รับสมัครนาคเอาไว้ ๑๑๐ ท่าน สำรองไว้ ๒ ท่าน เผื่อว่ามีใครติดภารกิจเร่งด่วนถอนตัวไป ๒ ท่านนี้จะได้เข้าไปแทน ต้องบอกว่า ๒ ท่านนี้เป็นผู้เสียสละอย่างมาก เพราะว่าโอกาสที่จะได้บวชมีน้อยมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์สมัครเข้ามา

ก่อนหน้านี้ทางด้านคู่สวดยังไม่พร้อม ไม่มีความคล่องตัว การบวชแต่ละครั้งก็บวชช้า เดี๋ยวนี้สามารถที่จะประกันได้ว่าชั่วโมงหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่า ๔ ชุด ถ้า ๔ ชุดก็เท่ากับ ๑๒ รูป ชั่วโมงหนึ่งได้ ๑๒ รูป ๙ ชั่วโมง ๑๐๘ รูป...หมดพอดี เราเริ่มบวชตั้งแต่เช้า ๖ โมงครึ่งถึง ๑๐ โมงครึ่ง ๔ ชั่วโมงได้ ๔๘ รูปก็พักไปฉันเพล บางวันอาตมาก็ลากยาวเลย จนกระทั่ง ๑๑ โมงครึ่งแล้วค่อยไปฉันเพล ก็ได้เพิ่มมาอีกประมาณ ๖ รูป ช่วงเช้าจึงน่าจะอยู่ที่ ๕๔ รูป ตอนช่วงบ่ายเที่ยงครึ่งก็เริ่มลงมือ น่าจะประมาณไม่เกิน ๔ โมงเย็นหรือ ๕ โมงเย็นก็ได้พระครบถ้วน

ปัจจุบันนี้ทางมหาคณิสสร ซึ่งเป็นคณะทำงานที่มีอำนาจรองลงมาจากมหาเถรสมาคม มีมติให้พระฝ่ายมหานิกายบวชแบบอุกาสะฯ ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมมา แล้วมาโดนเปลี่ยนโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ให้บวชแบบเอสาหังฯ ซึ่งเป็นการบวชแบบพระธรรมยุต แต่ก็ยังมีบางวัดที่ยึดแบบอุกาสะฯ อยู่ เมื่อบวชแบบเอสาหังฯ กันทั้งประเทศ พอเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบอุกาสะฯ ก็ยากแล้ว

อย่างกาญจนบุรีตอนนี้ก็มีวัดท่าขนุนที่บวชแบบอุกาสะฯ เต็มรูปแบบ เพราะว่าพระอุปัชฌาย์คู่สวดบวชแบบนี้ได้หมด ส่วนวัดอื่น ๆ พระอุปัชฌาย์ฝึกซ้อมแบบอุกาสะฯ มา คู่สวดบวชแบบเอสาหังฯ มาตลอด ก็ประสาทรับประทานกันไปข้างหนึ่ง ปรับสมองกันไม่ไหว ก็ต้องบวชแบบเอสาหังฯ กันต่อไป"


เถรี 13-02-2019 23:46

มีโยมหลายคนเอาหน้ากากกันฝุ่นมาถวายพระอาจารย์ "หน้ากากกันฝุ่นอาตมามีมากพอที่จะเปิดร้านขายได้แล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่มมาอีก เพราะว่าถึงซื้อมาถวาย อาตมาก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี เนื่องจากว่าอาตมาไม่กลัวฝุ่น สมัยเป็นฆราวาสก่อนจะไปเรียนวิชาทหาร เคยทำงานอยู่ในโรงงาน เป็นช่างสีอยู่หลายปี ฝุ่นสีหนักกว่านี้อีก ดังนั้น..อากาศแบบนี้อาตมายังสบายดี สมัยนั้นเป็นทั้งฝุ่นสีด้วย เป็นทั้งกลิ่นทินเนอร์ด้วย"

เถรี 15-02-2019 18:07

ถาม : เป็นเบาหวาน ?
ตอบ : เบาหวานให้ใช้เม็ดลูกตาล
๕ เม็ด ล้างสะอาดแล้วผ่าครึ่งก็จะเป็น ๑๐ ซีก ใส่น้ำหม้อใหญ่ ประมาณหม้อเบอร์ ๓๕ ต้มเดือดแล้วกินแทนน้ำ กินสัก ๓-๔ วันแล้วรีบตรวจเลือด อย่าช้าเพราะว่าน้ำตาลลดเยอะ เดี๋ยวจะร่วง..!

วันก่อนมีโยมมาถามเหมือนกันว่ากำลังท้องอยู่ แล้วอาจจะต้องเอาเด็กออกเพราะเป็นเบาหวาน อาตมาเลยบอกให้ไปกิน ๓ วันแล้วไปให้หมอตรวจเลือด เขาบอกจาก ๔๐๐ เหลือ ๒๐๐ ทำอย่างไรต่อ ? จึงบอกกินอีก ๒ วันแล้วรีบไปตรวจเลือด เพราะไม่อย่างนั้นน้ำตาลลดมากเดี๋ยวตาย เป็นอะไรที่ลดน้ำตาลในเลือดได้เร็วมาก แต่ลดแรงน่ากลัว ถ้าคนกินไม่รู้จักบันยะบันยัง กินเกินคำสั่งเดี๋ยวจะตายเอา


ถาม : แสดงว่ากินอย่างนี้เราก็ต้องไปลดอาหารคุมด้วย ?
ตอบ : ถึงเวลาถ้าเราไม่ไปกินของแสลงใหม่ก็คงไม่ขึ้นหรอก แต่ว่าลดน่ากลัว ไม่กล้าแนะนำใคร เพราะว่าพวกที่ชอบนอกคอกมีเยอะ แต่ว่ารายนี้ที่แนะนำไปเพราะว่าเขาท้องแล้วต้องผ่า

ถาม : จาวข้างในไม่ต้องใช้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ผ่าลงไปทั้งอย่างนั้นแหละ

ถาม : ใยไม่ต้องเอา ?
ตอบ : ล้างสะอาดแล้วก็ผ่า ใส่ลงไปเถอะ ใยอะไรก็ติดอยู่อย่างนั้นแหละ ล้างหน่อยก็จะขาว ๆ ซีด ๆ

เถรี 15-02-2019 18:09

ถาม : ตอนนี้เราต้องกินอะไรจะได้ไม่เป็นภูมิแพ้ ?
ตอบ : ไม่ให้เป็นภูมิแพ้ก็เลิกกินนมวัว ภูมิแพ้ในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นเพราะแพ้นม สาเหตุของภูมิแพ้เกิดจากแพ้นมก่อน บางคนอาการไม่ได้ออกหนัก ไม่ได้ท้องเสีย แต่ลำไส้จะค่อย ๆ บวม

เถรี 15-02-2019 18:14

ถาม : ฝุ่นบ้านเรานี่เยอะเป็นปกติหรือตามธรรมชาติคะ ?
ตอบ : ตามธรรมชาติ แต่ธรรมชาติของบ้านเราเป็นอย่างนี้เอง ...(หัวเราะ)...

ถาม : เห็นในกาญจนบุรี พื้นที่สีแดงเลย ?
ตอบ : ไม่รู้สิ ทองผาภูมิยังไม่รู้สึกอะไร โดยเฉพาะปีนี้ไม่มีไฟไหม้ ก็เลยยังเฉย ๆ กันอยู่

กาญจนบุรีที่แดงก็น่าจะเป็นพวกเผาอ้อย เพราะว่าฤดูนี้เป็นฤดูหีบอ้อย ส่วนใหญ่ที่เผาก็คือโรงงานจ้างเผา น่าตายมาก..! เพราะว่าอ้อยโดนเผาแล้วไม่สามารถที่จะไปไกลได้ ไปที่ไกล ๆ ไม่ได้เพราะว่าจะเปรี้ยวหรือบูดเสียก่อน ต้องรีบเอาเข้าโรงงานใกล้ ๆ โรงงานที่นครสวรรค์ เขาให้คนขับตันละ ๕๐ บาท แล้วคันหนึ่งอย่างต่ำก็ ๔๐ ตัน คุณเอาไปที่อื่นหมด เดี๋ยวผมไม่มี เพราะฉะนั้น...ก็จ้างเผาไปเลย

สมัยเด็ก ๆ ก็มีคนสอนให้เผาไร่อ้อย แต่อาตมายังไม่ชั่วพอเลยเผาไม่ได้ เอาไม้ขีดสัก ๔-๕ ก้านพันกับก้านธูป แล้วก็จุดธูปเอาไปปักไว้ใกล้ ๆ ใบอ้อยแห้ง แล้วคุณจะไปไหนก็ไป พอหัวไม้ขีดประทุไฟก็ติดใบอ้อยแห้งเลย แล้วหลักฐานทุกอย่างก็หมดเพราะว่าโดนไฟไหม้ นี่สอนวิธีทำชั่วให้แล้วนะ...!


ถาม : อย่างนี้วิบากเป็นอะไร ?
ตอบ : ถึงเวลาทรัพย์สินตัวเองก็ไม่เหลือ ถ้าไปทำให้คนหรือสัตว์ตายก็พลอยจะโดนไปด้วย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:24


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว