กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   เทศน์วันมาฆบูชา วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8388)

หยาดฝน 27-02-2022 11:13

เทศน์วันมาฆบูชา วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
 
เทศน์วันมาฆบูชา วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕

เชิญรับชมได้ที่ https://youtu.be/SxKa49SFB_8


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

สพฺพปาปสฺส อกรณํ
กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ
เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ติฯ


ณ บัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชชนาในมาฆบูชากถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศีแก่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ซึ่งพร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันมาฆบูชาประจำปี ๒๕๖๕ ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้ ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เฉพาะเทศน์วันมาฆบูชาที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ กระผม/อาตมภาพเทศน์มาแล้ว ๑๙ ปี ดังนั้น ตรงส่วนนี้ญาติโยมทั้งหลายอาจจะสงสัยว่าฟังไปแล้วได้อะไร

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้คร่าว ๆ ว่า บุคคลที่จะเข้าถึงมรรคผลนั้น อันดับแรก อยู่ในระหว่างพิจารณาธรรม อันดับที่สอง อยู่ในระหว่างสวดสาธยายธรรม คือการสวดมนต์ อันดับที่สาม อยู่ในระหว่างการฟังธรรม เหล่านี้ เป็นต้น

หยาดฝน 27-02-2022 11:15

ดังนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายส่งจิตส่งใจที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัย น้อมรับเอาพุทธพจน์เทศนา ที่บรรดาครูบาอาจารย์หรือพระธรรมกถึกได้แสดงให้ฟังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มาพิจารณาประกอบไปด้วยปัญญาอันถูกต้อง ท่านทั้งหลายก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล เป็นพระโสดาบันบ้าง เป็นพระสกทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง หรือพระอรหันต์บ้าง ตามแต่วาสนาบารมีที่ได้สั่งสมมา

ตรงจุดนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ตรัสเอาไว้เป็นภาษาบาลีว่า ในเรื่องของการฟังเทศน์ฟังธรรมนั้น เราทั้งหลายเมื่อฟังแล้ว อันดับแรกเลยคือได้ทวนของเก่า ก็แปลว่า ถ้าหากว่าเนื้อหาของเก่าเริ่มเลือนลางจืดจางไป เราได้ฟังทบทวนใหม่ ก็จะเกิดความเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้น

อันดับที่สองก็คือได้เล่าของใหม่ อย่างที่กระผม/อาตมภาพว่าไปแล้วเกือบ ๕๐ นาทีก่อนขึ้นธรรมาสน์มา และบนธรรมาสน์นี้ก็อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ท่านไม่เคยได้รับฟังมาก่อน ก็แปลว่าเราจักได้รับของใหม่ ๆ จากการฟังธรรมทุกครั้ง

หยาดฝน 27-02-2022 11:19

ข้อที่สาม ท่านบอกว่าได้บรรเทากังขา..
ขออภัยที่ไม่ได้กล่าวภาษาบาลีประกอบไปด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าคนถอดเสียงเป็นตัวอักษรไม่ค่อยเก่ง ฟังแล้วก็มักจะเอาไปจำผิด เขียนผิดอยู่เสมอ
ดังนั้นถ้าหากว่า "กงฺขํ วิหนติ" ก็ดี "จิตฺตมสฺส ปสีทติ" ก็ดี มีสิทธิ์เขียนผิดแน่นอน

จึงได้แปลบาลีเป็นไทยไปในทีเดียวว่า
ได้บรรเทากังขา คือบรรเทาในเรื่องที่เราสงสัยอยู่ เพราะว่าการแสดงธรรมบางส่วน อาจจะตอบข้อข้องใจที่ท่านทั้งหลายขัดข้องอยู่ได้

ข้อสุดท้ายก็คือช่วยให้สภาพจิตของเราสงบเยือกเยือน เพราะว่ารสแห่งธรรมนั้นเป็นวิมุติรส คือรสแห่งความหลุดพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง

หยาดฝน 27-02-2022 11:21

ท่านทั้งหลายที่ส่งใจไปตามเสียงธรรมนี้ จิตใจย่อมตัดจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว มามุ่งอยู่กับธรรมะในปัจจุบัน ทำให้ท่านทั้งหลายสามารถละกิเลสได้ชั่วครั้งชั่วคราว ยกเว้นว่าสร้างสมบุญกุศลมามาก ก็มีวาสนาบารมี ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานในขั้นในขั้นหนึ่ง เป็นพระอริยเจ้าได้ ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า บุคคลที่จะบรรลุมรรคผล มีอยู่ข้อหนึ่งที่กล่าวว่า อยู่ในระหว่างการฟังธรรม

แต่ว่าการฟังธรรมอย่างเดียวนั้น บางทีก็มีผลน้อย เราต้องนำเอาพุทธดำรัสที่มีกับปิปผลิมาณพ ซึ่งตอนหลังก็คือพระมหากัสสปเถระ ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปรับที่พหุปุตตนิโครธ อยู่ในระหว่างเมืองราชคฤห์กับเมืองนาลันทา ให้การบวชแก่ปิปผลิมาณพที่ไม่เหมือนใคร ก็คือให้โอวาท ๓ ข้อ

มีอยู่ข้อหนึ่งกล่าวว่า "กัสสปะ เมื่อเธอฟังธรรม จงเงี่ยหูฟังและตั้งใจพิจารณาเนื้อความ"
พูดง่าย ๆ ก็คือ ค้นหาเพชรในเสียงธรรมนั้นให้พบ แล้วนำมาเป็นสมบัติของตนให้ได้


หยาดฝน 27-02-2022 11:27

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เมื่อตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงเสวยวิมุติสุขอยู่ ๔๙ วัน หลังจากนั้นจึงเสด็จไปเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ พระองค์ท่านตรัสรู้ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ เสด็จไปเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ หลังจากนั้นก็ได้จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี

เมื่อออกพรรษาแล้ว องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ให้พระภิกษุสงฆ์ทั้ง ๖๐ รูป แยกย้ายกันออกไปประกาศพระพุทธศาสนา โดยกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า..
"จรถ ภิกฺขเว จาริกํ" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขอเธอทั้งหมดจงเที่ยวไป
"พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย" เพื่อประโยชน์ต่อชนหมู่มาก เพื่อความสุขต่อชนหมู่มาก
"โลกานุกมฺปาย" เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก

เพราะว่าบุคคลถ้าหากว่ารู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา โลกของเราก็จะสงบร่มเย็น เนื่องจากผู้คนรักใคร่สามัคคีกลมเกลียว มีการรู้จักยื่นโยนแบ่งปันซึ่งกันและกัน เท่ากับว่าสงเคราะห์ให้โลกนี้ให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบร่มเย็น

หยาดฝน 27-02-2022 11:30

ส่วนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปยังอุรุเวลาเสนานิคม เทศน์โปรดชฎิล ๓ พี่น้อง ก็คือ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ

เมื่อสามารถอนุเคราะห์สงเคราะห์จนเขาทั้งหลายเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์โดยถ้วนหน้าพร้อมกับบริวารแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็เสด็จไปยังลัฏฐิวันของพระเจ้าพิมพิสาร เพื่อไปเทศน์โปรดตามที่ได้สัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนบวชว่า การออกแสวงหาธรรมครั้งนี้ ถ้าหากว่าบรรลุธรรมเมื่อไรแล้วจะมาโปรดพระเจ้าพิมพิสารก่อน

เมื่อองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้จอมคนแคว้นมคธ คือพระเจ้าพิมพิสารเป็นสาวกแล้ว ทำให้พระพุทธศาสนาตั้งมั่นอยู่ในแคว้นมคธ เกิดพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก และมีการบวชพระภิกษุ พระภิกษุณี เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน องค์สมเด็จพระภควันต์จึงเห็นว่าควรที่จะประกาศหลักการให้ชัดเจน ว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น ควรที่จะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

หยาดฝน 27-02-2022 11:32

องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ประกาศโอวาทปาฏิโมกข์ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งในปัจจุบันนี้ เรียกว่า "วันมาฆบูชา"
เหตุที่ต้องประกาศในลักษณะเช่นนั้นเพราะว่า บางทีพระภิกษุสงฆ์มาจากวรรณะต่าง ๆ กัน โดยเฉพาะมาจากลัทธิอื่น ๆ ที่มีหลักการและแนวทางในการสอนที่แตกต่างกันไป อาจจะทำให้หลักการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาคลาดเคลื่อนไปได้ แม้แต่จะไม่ตั้งใจก็ตาม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ประกาศให้ชัดเจนว่า ถ้าพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาออกไปเผยแผ่หลักธรรมนั้น ขอให้ปฏิบัติเหมือน ๆ กัน ก็คือ..
หนึ่ง "สพฺพปาปสฺส อกรณํ" สอนให้บุคคลละเว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง คือเว้นจาก กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
"กุสลสฺสูปสมฺปทา" สั่งสอนให้ญาติโยมสร้างความดีให้ถึงพร้อม ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา
"สจิตฺตปริโยทปนํ" สอนญาติโยมทั้งหลายให้รู้จักชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส


โดยมีบาลีสรุปท้ายว่า "เอตํ พุทฺธาน สาสนํ" พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ล้วนแล้วแต่ประกาศสอนในลักษณะนี้

หยาดฝน 27-02-2022 11:36

ถ้าหากว่ายังไม่ชัดเจน พระองค์ท่านก็ยังขยายความว่า "อนูปวาโท" ก็คือสอนญาติโยมทั้งหลายให้ไม่ว่าร้ายใคร แม้แต่นินทาก็ไม่ควร เล่าสู่กันฟังในแง่ร้ายก็ไม่ได้ กลับออกจากวัดนี้ไป เท่ากับโดนเย็บปาก ต่อไปไม่รู้จะ "เม้าท์" เรื่องอะไรดี

ข้อที่สอง "อนูปฆาโต" ไม่ทำร้ายใคร เราจะเห็นว่าปัจจุบันนี้ศาสนาพุทธของเราได้รับการยอมรับทั้งโลกว่าเป็นศาสนาแห่งสันติสุข เพราะหลักการเผยแผ่นั้น ไม่ว่าร้ายใคร ไม่ทำร้ายใคร

แม้กระทั่งประเทศหนึ่ง ก็คืออิตาลี ซึ่งมีนครวาติกันซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ตั้งอยู่ แต่ประเทศอิตาลีประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะว่าศาสนาคริสต์ก็เคยทำสงครามครูเสดมาถึง ๑๕๐ กว่าปี

ดังนั้นหลักการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศอย่างชัดเจนว่า ถ้าหากว่าเผยแผ่ศาสนา ก็ต้องสอนให้ญาติโยมไม่ว่าร้ายใคร ไม่ทำร้ายใคร

หยาดฝน 27-02-2022 11:39

"ปาติโมกฺเข จ สํวโร" ให้รู้จักสำรวม คือรักษาศีลตามสภาพของตน บุคคลทั่วไปก็ศีล ๕ อุบาสกอุบาสิกาก็ศีล ๘ ถ้าเป็นสามเณรก็ศีล ๑๐ พระภิกษุก็ศีล ๒๒๗

"ปนฺตญฺจ สยนาสนํ" ให้นอนให้นั่งอันที่อันสงัด คือปลีกตัวออกจากหมู่ เพื่อหวังประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม เพื่อความหลุดพ้นตราบใดที่ยังคลุกคลีอยู่กับหมู่คณะ โอกาสที่จะหลุดพ้นมีน้อยมาก เพราะว่าเท่ากับคลุกอยู่กับกองกิเลส สาวกขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ในระยะแรกจึงปลีกตัวจากหมู่ ปฏิบัติจนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงกลับมาอนุเคราะห์แก่ชนส่วนใหญ่ต่อไป


"มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ" ทรงสอนให้พวกเรารู้จัก รับประทานอาหารแต่พอดี มากเกินไปก็ทำให้ง่วงซึม ปฏิบัติธรรมไม่สะดวก น้อยเกินไป ร่างกายก็กระวนกระวาย ถ้าไม่ใช่สภาพจิตใจเข้มแข็งจริง ๆ ก็ปฏิบัติธรรมไม่ได้ไปเลย

"อธิจิตฺเต จ อาโยโค" สอนการปฏิบัติสมาธิภาวนาให้ใจตั้งมั่น บุคคลที่สมาธิทรงตัว จะพ้นจากมารทั้งหลายชั่วคราว ซึ่งบาลีกล่าวว่า มารจักมองไม่เห็น

หยาดฝน 27-02-2022 11:44

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าอำนาจของสมาธินั้น สามารถกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับสนิทลงชั่วคราว..

เมื่อไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นเสนามารคอยรายงานเจ้านายอยู่ พญามารก็มองไม่เห็นนักปฏิบัติชั่วคราว ซึ่งถ้าเราสามารถรักษากำลังใจให้ต่อเนื่องยาวนานได้ กำลังสมาธิก็อาจจะกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับไปได้ตลอดกาล


แต่เพื่อความปลอดภัยก็ควรที่จะใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า การเกิดมาในโลกนี้ประกอบไปด้วยความไม่เที่ยง มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด ประกอบไปด้วยความทุกข์

ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของก็มีแต่ความทุกข์ ทุกข์ของการเกิด ทุกข์ของการแก่ ทุกข์ของการเจ็บ ทุกข์ของการตาย ทุกข์ของการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ของการได้สิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจ ปรารถนาที่ไม่สมหวัง

หยาดฝน 27-02-2022 11:47

แม้กระทั่งเรือนชานบ้านช่อง ภูเขาต้นไม้ก็มีแต่ความทุกข์ ก็คือทุกข์ตามสภาพที่เสื่อมสลายไปอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งภูเขาที่ยิ่งใหญ่ระดับหิมาลัย ท้ายสุดก็จะเสื่อมสลายกลายเป็นเม็ดทราย กลายเป็นฝุ่นดิน

ข้อสุดท้ายก็คือ ร่างกายของเราก็ดี ของบุคคลอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี หรือสิ่งของต่าง ๆ ก็ตาม ไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขาอย่างแท้จริง ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือดิน คือน้ำ คือลม คือไฟ ให้เราได้อาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อเรามาอาศัยอยู่แล้ว ก็มักจะไปยึดถือว่าเป็นตัวกูของกู ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่สมบัติของโลกที่เรายืมมาใช้ชั่วคราว เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่งที่เราอาศัยขับอยู่ในระหว่างที่อยู่ในโลกนี้ เมื่อถึงเวลารถหมดสภาพพังลง ตัวเราที่ประกอบคุณงามความดีก็ดี สร้างบาปหาบทุกข์ไว้ก็ตาม ก็ต้องเปิดประตู ทิ้งรถยนต์คันนี้ไปหารถคันใหม่ สร้างบุญไว้มากก็ได้รถยี่ห้อดี ๆ สร้างบาปเอาไว้มาก ก็อาจจะได้จักรยานโปเก ขี่ไปซ่อมไป

หยาดฝน 27-02-2022 11:50

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเราเห็นชัดเจนว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ ท้ายสุดก็ไม่มีอะไรหลงเหลือให้เรายึดถือ ทรัพย์สมบัติญาติพี่น้องทั้งหลาย ท้ายสุดก็พลัดพรากจากกันไป ถ้าหากว่าเราสามารถถอนใจกับการยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายเหล่านี้ได้ เราก็จักเข้าถึงความหลุดพ้น คือพระนิพพาน

องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศหลักการ-วิธีการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในวันมาฆบูชาเมื่อประมาณ ๒,๖๐๐ กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทำให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังของเรา ถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญมาก จึงจัดให้มีการระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ตลอดจนกระทั่งการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา เป็นต้น

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกาศสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบุคคลที่มีปัญญาเพียงพอ รู้จักน้อมนำเอาหลักการและวิธีการทั้งหลายเหล่านี้ไปประพฤติปฏิบัติ จึงจักได้สำเร็จ เป็นสมบัติส่วนตนดังที่ปรารถนา

หยาดฝน 27-02-2022 11:53

อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนามาในมาฆปูชากถาก็พอสมควรแก่เวลา ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธัมมรัตนะ และพระสังฆรัตนะเป็นประธาน บารมีของอดีตเจ้าอาวาสทั้งหลายทั้งปวง มีหลวงปู่สาย อคฺควํโส เป็นที่สุด

ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญ ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัย ก็ขอให้ความปรารถนาของท่านทั้งหลายนั้นสำเร็จ สัมฤทธ์ผล สมดังมโนรถปรารถนาจงทุกประการ

รับประทานวิสัชนามาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันมาฆบูชา ณ วัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

ตัวเล็ก 20-04-2022 09:01


ตัวเล็ก 20-04-2022 09:01



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว