กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6795)

เถรี 06-10-2019 21:20

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๒
 
พูดถึงเรื่องการสร้างวิทยาลัยสงฆ์ "ในเรื่องของครูบาอาจารย์สงเคราะห์นี้อาตมาไม่สงสัย ท่านบอกว่าอย่างไรก็อย่างนั้น คราวนี้คือรอดูว่าเงินจะมาอย่างไร อาตมารับปากจะหาเงินช่วยสร้างวิทยาลัยสงฆ์ไว้ ๑๐ ล้านบาท ก็มั่นใจว่าได้แน่ แต่ตอนเช้าวันเสาร์แล้วยังได้อยู่แค่แปดล้านห้าแสน ปรากฏว่าแทบจะไม่ต้องลุ้นเลย อาจารย์สวัสดิ์ โตแก้ว เป็นอดีตมหาเปรียญ ท่านทำหน้าที่พิธีกรในงาน ประกาศว่า "ขอเรียกว่าหลวงพ่อเล็กสิบล้าน เพราะวันนี้ถวายไปสิบล้าน ยังไม่มีคนแข่ง"

เลยบอกกับโยมให้ไปกระซิบบอกอาจารย์สวัสดิ์ว่า "อนุญาตให้มีคู่แข่งได้นะ ไม่อย่างนั้นขาดเท่าไรอาตมาก็ต้องจ่ายอีก" ตัวอาคารกว้าง ๑๙ เมตรยาว ๖๙ เมตร สูง ๔ ชั้น พร้อมมุขกลาง ตอนแรกเขาตีราคามา ๓๘ ล้านบาท อาตมาบอกว่า "บริษัทไหนตีราคาเท่านี้ให้มาสร้างเลย อาตมารับเป็นคนจ่ายเอง" พอได้ยินเข้าเขารีบไปคำนวณใหม่ แล้วขยับขึ้นมาเป็น ๕๐ ล้านบาท แหม...อาคารขนาดนั้นบอกมาได้ ๓๘ ล้านบาท แปลว่าเงินสร้างวิทยาลัยสงฆ์ยังถวายได้เรื่อย ๆ นะ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ก็ยังไม่พอใช้หรอก ถึงเวลาก็ต้อง "พระอาจารย์เล็กช่วยหน่อย"

เถรี 06-10-2019 21:23

"งานนี้ต้องบอกว่าทิดเฟิร์ส (บัณฑิต เอี่ยมตระกูล) กับน้องโบว์ (ภควรรณ พิพิธวรกิจ) เป็นอัศวินม้าขาวมาช่วยไว้ เพราะว่าเอาเงินจากการจำหน่ายพระกริ่งจินดามณีมนต์พระกาฬ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท กับสมเด็จแหวกม่านอีกจำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมแล้ว ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท มาถวายช่วยชีวิตไว้พอดี

ตอนเช้าทิดเฟิร์สก็เอาพระสมเด็จแหวกม่านไปให้แจกในงาน ๓๐๐ องค์ กำลังแจกอยู่ ครูบาหน่อแก้วฟ้าแทรกพรวดเข้ามา บอกว่า "ขอผมด้วย" ถามว่าทำไม ? ท่านถามว่า "สมเด็จแหวกม่านใช่ไหม ?" นั่งอยู่ตั้งห่างยังรู้อีกแน่ะ

สมเด็จแหวกม่านต้นตำรับจริง ๆ ก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อกวยท่านสงเคราะห์ลูกศิษย์แบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ใครได้สมเด็จแหวกม่านไป ไม่ว่าชีวิตจะมีอุปสรรคเท่าไรก็ผ่านพ้นไปได้ ด้วยแรงครูช่วยแหวกให้ แล้วทิดเฟิร์สถึงเวลาก็บวงสรวงขออนุญาตสร้าง อยากให้พวกเราได้เห็นรูปตอนบวงสรวง เมฆหนาทึบมาก พอเริ่มทำพิธีบวงสรวงแบบกลายเป็นช่อง มีรัศมีสีทองพุ่งตรงมายังที่บวงสรวงพอดี ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้กล้องเก่ง ไอ้เรื่องที่ไม่ควรถ่ายติดก็ถ่ายติดอยู่เรื่อย"

เถรี 06-10-2019 22:28

พระอาจารย์ให้พรคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน "ขอให้อยู่ทน ๆ จนไม่ต้องทนก็อยู่ได้ มีใครให้อวยพรอย่างนี้กันบ้าง ?"

เถรี 07-10-2019 08:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงตักบาตรเทโวฯ อาตมาจะเข้ากรรมฐานก่อนสามวัน ทางสำนักงานวัฒนธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีจะไปจัดงานถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ อาตมาก็บอกแล้วว่า ต่อให้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมา อาตมาก็ไม่ออกไปหรอก เพราะว่าเขาเชิญผู้ว่ามาเป็นประธาน

เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเรื่องมาก เข้ากรรมฐานแล้วไม่ออกมาหรอก..!"

เถรี 07-10-2019 08:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บ้านสบายใจมีใครสบายใจบ้างไหม ? จนป่านนี้หลวงพ่อสมปองยังไม่ออกจากไอซียูเลย อาตมาคาดการณ์ไว้ว่า ออกมาก็คือหามออกไปเผาเลย"

เถรี 07-10-2019 08:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเจอท่านเจ้าคุณปิง อาตมาจะลองให้สอบถามคณะสงฆ์ทางมหายานของเมืองจีน ว่าพระจีนมีเป็นมะเร็งบ้างไหม ? เพราะว่าท่านฉันเจ

คนไทยเราบอกว่าสาเหตุหนึ่งของมะเร็งคือกินเนื้อสัตว์ จะให้ลองตรวจสอบดูว่า ถ้าฉันเจแล้วยังเป็นมะเร็ง ก็แปลว่าทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้ แต่เขาบอกว่าคนจีนไม่ค่อยเป็นมะเร็ง เพราะว่ากินน้ำชาเป็นปกติ น้ำชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านเซลล์มะเร็งได้

แต่เท่าที่อาตมาลองชิมชามาสารพัดชนิด ชาที่อร่อยที่สุดที่ชิมมายังคงเป็นชาญี่ปุ่น ถ้าชาอินเดีย ชาซีลอน (ลังกา) บางทีรสชาติอุบาทว์มาก ชอบทำกลิ่นผลไม้ใส่ลงไป ใบชาก็ต้องมีกลิ่นของชา นี่ไปใส่สารปรับให้มีกลิ่นผลไม้ กลิ่นมะม่วงบ้าง แอปเปิ้ลบ้าง ถ้าเห็นซองชาสี ๆ แล้วมีรูปผลไม้ อาตมาจะไม่แตะเลย

แต่คราวนี้สุดยอดใบชาของจีน อาตมาก็ยังไม่เคยลอง เนื่องจากราคาแพงมาก"

เถรี 07-10-2019 20:06

ถาม : อุปฆาตกรรมฝ่ายกุศลมีอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ที่ผลบุญเข้ามาตอนนั้น แล้วขัดขวางไม่ให้อกุศลทำงาน

เถรี 07-10-2019 20:11

ถาม : ดิฉันอยากจะรักษาศีล ๘ แต่ในบางครั้งต้องร้องเพลงให้เด็กฟัง หรือฟังเพลงสื่อการสอนของเด็กในหน้าที่ และบางครั้งจะต้องเดินทางไปทำงานในสถานที่ที่เขาเปิดเพลง ซึ่งดิฉันไม่มีเจตนาที่อยากจะฟังเพลงเลย เพราะรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังรักษาศีล ๘ อยู่ ดิฉันจะแก้ไขอย่างไรไม่ให้ละเมิดการรักษาศีล ๘ ได้คะ ?
ตอบ : การฟังเพลงที่คนอื่นเขาเปิด ไม่ใช่เจตนาของเรา ศีลแปดไม่ขาด ส่วนการร้องเพลง อย่างเช่นสอนเด็ก ถ้าเราคิดว่าเป็นการที่ศีลขาด เราก็รักษาศีลเป็นเวลา อย่างเช่นตั้งแต่ก่อนไปทำงานจนถึงที่ทำงาน เรารักษาศีลแปดให้สมบูรณ์ ในช่วงที่เราทำงานจะขาดจะพร่องก็ช่างมัน กลับมาถึงบ้านเมื่อไร เราก็ตั้งหน้าตั้งตารักษาของเราต่อไป

เถรี 07-10-2019 20:24

ถาม : บางวันหนูได้อาราธนาศีล ๘ ก่อนนอน และหลับในศีล ๘ จนกระทั่งตื่นในตอนเช้า เสร็จแล้วก็อาราธนาเป็นศีล ๕ ใหม่ เพราะว่าบางทีมีเหตุที่ไม่สามารถรักษาศีล ๘ ได้ในระหว่างวัน การที่หนูได้ทำแบบนี้จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่ปรามาสแต่ขาดทุน เพราะว่าถึงเวลาเราก็ลดลงมารักษาแค่ศีล ๕ แต่บางทีเราอาจจะรักษาได้ตั้งเจ็ดข้อครึ่ง..!

เถรี 07-10-2019 21:04

ถาม : หนูรู้ว่าหนูมีจิตที่คิดอิจฉาริษยาค่ะ เช่น ไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดีในสิ่งที่เขาจะได้รับ อยากให้ตัวเองได้รับสิ่งนั้นแทน หนูรู้ว่ามีจิตคิดแบบนี้นั้นเลวมาก ซึ่งหนูไม่อยากให้ตัวเองมีจิตคิดแบบนี้ค่ะ หนูพยายามพิจารณาแล้ว แต่ก็ยังกลับมาคิดวนเวียนอยู่ หนูควรจะพิจารณาอย่างไรให้จิตยอมรับและพลอยยินดีกับผู้อื่นได้คะ ?
ตอบ : แผ่เมตตาบ่อย ๆ เราจะริษยาหรือไม่ริษยา เขาก็ได้รับผลอย่างนั้น เพราะว่าเขาได้ทำไว้ เราจะริษยาหรือไม่ริษยาเราก็ตาย เขาก็ตาย พิจารณาไว้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

เถรี 07-10-2019 21:23

ถาม : ครั้งหนึ่งได้เดินบนทางลอยฟ้าสี่แยกกลางเมืองหลวง ขณะเดินเลี้ยวขวาแล้วหยิบมือถือมาดู ตอนนั้นหางตาเห็นเหมือนมีผ้าลงมาคลุมแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจ ก็เดินไปเรื่อยพร้อมดูมือถือ พอเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง พบว่าเรากลับเดินมาทางซ้ายฝั่งตรงกันข้าม เป็นระยะไกลพอสมควร มั่นใจว่าไม่ได้เดินเลี้ยวผิดแน่ ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยคุ้นเคยเหมือนถนนอีก ๓ เส้นทางที่ผ่านบ่อย ซึ่งเมื่อผ่านก็จะนึกอุทิศบุญให้ผู้ที่อยู่เสมอ ช่วงตอนนั้นภายหลังจากสวดมนต์จะอุทิศบุญระบุให้ผู้ที่อยู่เฉพาะบริเวณสี่แยกทุกครั้ง ผู้ที่อยู่แถวถนนเส้นที่เลี้ยวผิดนี้ เขาต้องการให้เราระลึกและอุทิศบุญให้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ทราบว่าจะโดนแบบเดียวกับอาตมาหรือเปล่า ? ก่อนหน้านี้ไม่รอบคอบ เวลาเดินทางตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายที่อยู่ตลอดเส้นทางที่เดินทาง ก็เลยโดนพาเตลิดเปิดเปิงไปเรื่อย เพราะว่าเขาอยากได้

ถาม : ถ้าจะอธิษฐานอุทิศบุญกุศลโดยระบุชื่อถนนหรือสถานที่เฉพาะพวกเขาที่อยู่แถวนั้นจะได้รับมากกว่าการอุทิศแบบรวม ๆ หรือไม่ครับ ?
ตอบ : อุทิศเป็นการเฉพาะจะปลอดภัยกว่า ไม่อย่างนั้นก็จะเจอแบบอาตมา ไปจนเกือบทั่วกรุงเทพฯ กว่าจะรู้ตัว

เถรี 07-10-2019 21:30

ถาม : หลวงพ่อเคยเล่าเกี่ยวกับอาการคล้ายจะเป็นไข้ เวลาที่ไม่ได้อุทิศบุญต่อผู้ต้องการบุญจำนวนมาก ๆ ซึ่งกรณีเช่นนี้ อีกสักระยะหนึ่งจะหายไปเอง แล้วในกรณีที่เรากำหนดจิตแผ่เมตตาอุทิศบุญให้พวกเขา สักพักก็จะหายเองเหมือนกันโดยไม่ต้องรักษาหรือรับประทานยาใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ลองทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง มาถามให้เสียเวลาทำไม ?

เถรี 07-10-2019 21:45

ถาม : แมวบางตัวได้รับมรดกทรัพย์สินมากมายร่ำรวยกว่าหลาย ๆ คน แมวบางตัวเพียงคนเห็นภาพถ่ายทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรก ก็รู้สึกชอบรักเอ็นดูมาก จนมีแฟนคลับติดตามเป็นแสนราย แมว ๒ ตัว เขาทำบุญอะไรมา ในขณะที่แมวหรือสุนัขบางตัว ชีวิตลำบากมาก เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วโพสต์ขอรับความช่วยเหลือ กลับได้รับความสนใจน้อยมากครับ ?
ตอบ : ถามสั้น ๆ ว่าอยากเป็นแมวสองตัวนั้นมากใช่ไหม ? แมวรวยเท่าไร ? แล้วแมวใช้เงินเองได้ไหม ? แมวโด่งดังเป็นเซเล็บดังเท่าไร ? แมวรู้เรื่องด้วยไหม ? ก็รำคาญอยู่อย่างเดียวคือมีคนตามถ่ายรูป ฉะนั้น...แทนที่จะคิดว่าแมวสร้างบุญไว้ อาตมาว่าน่าจะสร้างกรรมไว้มากกว่า..!

เถรี 07-10-2019 21:50

ถาม : หากเราขับรถชนพ่อแม่หรือพระอริยเจ้า จนถึงแก่ความตายโดยไม่ได้เจตนา จะมีผลทำให้ต้องอนันตริยกรรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เจตนาหรือไม่เจตนา ถ้าทำสำเร็จก็โดนเหมือนกัน

เถรี 07-10-2019 21:53

ถาม : ถ้าหากผมร่วมปิดทองคำขาวพระประธานของวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งแผ่นทองคำขาวผลิตโดยใช้ส่วนผสมของทองคำและแร่อื่น ๆ อยากทราบว่า การปิดทองคำขาวนี้จะได้รับอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ตำราไม่มีบอกเอาไว้ บอกไว้แต่ปิดด้วยทองคำ ฉะนั้น..ถ้าแหกคอกก็ต้องไปหาคำตอบเอาเอง

เถรี 09-10-2019 08:12

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อครู่ก่อนที่จะลงมา นั่งลงบัญชีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร คราวนี้ทางวัดออกกติกาไว้ว่า ต้องเข้าโรงพยาบาลรัฐเท่านั้นถึงเบิกได้ เพราะว่าเจอโรงพยาบาลเอกชนไป ๒ รายเกือบจะหมดกองทุน..!

มีพระรูปหนึ่งท่านทำงานแล้วตกจากนั่งร้านลงมา กระดูกขาแตก ถึงเวลาเดินทางไปรักษาในตัวเมือง ด้วยความที่ท่านเป็นคนรับผิดชอบงานมาก ไม่อยากทิ้งงานนาน ท่านก็ใช้วิธีเช่ารถไป พอใช้วิธีเช่ารถไปกลับหลายครั้ง รายจ่ายก็เยอะ จึงบอกท่านว่าให้ทำหนังสือมาขอเบิก เพราะว่าปกติต้องเอาบิลมาเบิก ท่านก็ทำหนังสือมาขอเบิก อาตมาก็จ่ายไป

ก็ปรากฏว่าหลวงตาอีกรูปหนึ่งมาขอเบิกค่ารถ อาตมาบอกว่าไม่ให้ เพราะว่าหลวงตาไม่ได้เดือดร้อนด้วยเรื่องงานอะไรเลย จะไปรถอะไรก็ได้ แล้วท่านก็ชอบไปไกล อย่างที่อาตมาเรียกว่าไปแรด..! แต่อาตมาไม่ได้อธิบายให้ฟัง คาดว่าจนป่านนี้ท่านก็ยังสงสัยว่า ทำไมรูปหนึ่งเบิกค่ารถได้ อีกรูปหนึ่งเบิกไม่ได้ ? เพราะว่าถ้าไม่มีการควบคุม ก็คงจะเบิกใช้กันครึกครื้น

มีพระบางรูปตัดแว่นไป ๒๗,๐๐๐ บาท ใช้สิทธิ์เบิก ตัดแว่นเสร็จรุ่งขึ้นก็สึก น่าประหารชีวิตมาก..! ก็เลยว่า เออ..เรื่องของเงิน ต่อให้เราเคร่งครัดเข้มงวดแค่ไหนก็ตาม ก็ยังมีช่องโหว่ให้คนเขาหาประโยชน์ได้อยู่ดี ปล่อยเขาไปเถอะ จะไปทางไหนก็ไป"


เถรี 09-10-2019 08:20

เด็กคลานไปคลานมาในบ้าน พระอาจารย์กล่าวกับแม่ของเด็กว่า "เลี้ยงเด็กอย่าไปรักมาก ปล่อยให้เขาลำบากบ้าง หัดทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่เล็ก ๆ จะได้รู้ว่าโลกนี้ยากลำบากแค่ไหน เห็นฝรั่งเลี้ยงลูกแล้วอาตมายังชอบใจ พอเดินได้ก็ปล่อยเลย ให้เดินตามเอา บางทีเด็กก็ร้องไห้ตามประสาเด็ก ร้องก็ร้องไป พ่อแม่เดินทิ้งไปเลย พอเด็กเห็นว่าไม่มารับจริง ๆ ก็ต้องลุกขึ้นวิ่งตาม แล้วเด็กก็จะรู้ว่า เขาใช้วิธีอ้อนหรือโวยวายไม่ได้ เพราะว่าพ่อแม่ไม่สนใจ

ปล่อยเขาไปเถอะไม่ต้องไปดูไปแลอะไรมาก ถ้าเห็นจะลงบันไดแล้วค่อยไปอุ้ม"

เถรี 09-10-2019 08:22

"อย่ารักอย่าห่วงมาก ถามว่าทำไม ? ลูกหมาลูกแมวถึงเวลาแม่เขาทิ้งยังเอาตัวรอดได้ ลูกคนแม่ทิ้งนี่ตาย ต้องเลี้ยงให้รอดได้อย่างนั้น

เมื่อเดือนก่อนแม่ชีเอาลูกหมาไปขัง ส่งเสียงร้องสนั่นหวั่นไหวไปทั้งวัด อาตมาก็ปล่อยให้ขังไป ๓ วัน แล้วถามเหตุผลว่าแม่ชีขังลูกหมาเพราะอะไร ? ตอบไม่ได้ ถ้าเขาเจ็บไข้ได้ป่วย แยกออกมาไม่ให้ติดโรคจากตัวอื่นก็ว่าไป นี่ไปขังไว้ให้ลูกหมาแหกปากสนั่นหวั่นไหวไปทั้งวัด ปล่อยเขาออกมาอยู่กับแม่ก็เงียบแล้ว

บางทีเห็นลูกหมาเดินตามแม่เป็นพรวนก็ไปรำคาญแทนแม่หมา เอาลูกหมาไปขัง เลยกลายเป็นว่าคนเราหลงประเด็น เลี้ยงหมาก็ติดหมา เลี้ยงแมวก็ติดแมว เลี้ยงคนก็ติดคน"

เถรี 09-10-2019 08:27

"แม่ชีเขามีความดีตรงนี้แหละ ใครเข้ามาอยู่ในวัดเป็นคนของเขาหมด แต่พอไม่ได้ดั่งใจก็ด่ากระจาย..! อาตมาเลยสรุปอย่างที่ว่า เลี้ยงหมาก็ติดหมา เลี้ยงแมวก็ติดแมว เลี้ยงคนก็ติดคน ตอนตายเกาะใครก็เป็นลูกคนนั้น ถ้าเกาะเด็กผู้ชายก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เป็นลูกเขาเสียที ถ้าเกาะหมาเกาะแมวก็ง่ายหน่อย เพราะที่วัดลูกหมาเยอะ...!

เลี้ยงสัตว์ ให้สัตว์รู้ตัวว่าเป็นสัตว์ อย่าไปเลี้ยงสัตว์ให้เป็นพ่อเป็นแม่ของตัวเอง หลายคนเลี้ยงลักษณะอย่างนั้น ถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยแต่ละทีตัวเองก็จะตายตาม กลายเป็นยึดติด คราวนี้พอสภาพจิตยึดติดอยู่อย่างนั้น ถึงเวลาก็ต้องไปเกิดตามนั้น หมาแมวเกาะคนเขาได้เปรียบ ถึงเวลาก็ไปเกิดเป็นคน ถ้าเกาะพระก็ไปเกิดเป็นเทวดา แต่เป็นคนแล้วไปเกาะหมาเกาะแมวไปเกิดเป็นลูกหมาลูกแมว เสียชาติเกิด..! ทำอย่างไรที่จะทำให้เราเลี้ยงแล้วปล่อยวางได้"

เถรี 09-10-2019 08:29

"สมัยที่อยู่เกาะพระฤๅษี อาตมาเลี้ยงอีเห็น เลี้ยงดีเกินไปตัวใหญ่เกือบเท่าหมา ถึงเวลาก็เล่นกับหมาจนชิน พออาตมาไม่อยู่ก็ไปเล่นกับหมา โดนหมาขย้ำตาย เพราะว่าตอนที่อยู่ พอเห็นหมาทำท่าเอาจริง อาตมาก็จะตวาดห้าม พอกลับไปคนงานเขารายงานว่า "หลวงพ่อครับ...อีเห็นโดนหมากัดตายแล้ว" ถามว่า "มึงทำอย่างไร ?" "เอาไปฝังครับ" "ทำไมโง่อย่างนี้วะ..ไม่เอาไปผัดเผ็ด..!"

พวกนั้นก็เอ๋อรับประทาน ตอนเลี้ยงเห็นรักนักรักหนา แต่พอตายกลับจะกิน..! บอกว่าให้รู้จักแยกแยะด้วย เลี้ยงเขารักเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องรู้ว่าพลัดพรากตายจากเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อตายแล้วทำประโยชน์ได้มากที่สุดอย่างไรก็ทำไป บางคนบอกว่าเลี้ยงมากับมือกินไม่ลง บอกถ้ากินไม่ลง เอ็งทำมา เดี๋ยวข้าจะกินเอง..!

เมตตากรุณาเป็นของดีแต่ต้องมีอุเบกขาด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเรายึดติด ถ้าเมตตาเกินประมาณเจอบุคคลบางประเภท ได้คืบจะเอาศอกไม่รู้จบ ถึงเวลาสงสาร โดนเขาหลอกหมดไปหลายล้าน เดี๋ยวนี้ฉายาเพราะมาก "ดาโดนหลอก" รู้จักกันวันเดียวแต่งงานกัน จะบอกว่าไม่ได้แต่งเพราะเห็นแก่เงิน คงไม่มีใครเชื่อ อย่าไปนินทาเขามาก เดี๋ยวจะโดนกับตัวเอง...!"

เถรี 09-10-2019 08:34

ถาม : ผลจากสุขและทุกข์ที่บุคคลอื่นกระทำต่อเรา ซึ่งเป็นผลมาจากกรรมในอดีตที่เราทำมาเอง อยากทราบว่า ตะกรุดมหาสะท้อนจะยังมีผลต่อบุคคลที่กระทำกับเราหรือไม่ ถ้าสิ่งที่บุคคลอื่นกระทำต่อเรานั้น เป็นเพราะกรรมของเราเองที่จะต้องรับ ?
ตอบ : จะเป็นหรือไม่เป็นก็แล้วแต่ ตะกรุดทำหน้าที่เหมือนกับตำรวจ ถึงเวลาก็มีหน้าที่ไล่จับผู้ร้าย ไม่ได้สนใจว่าผู้ร้ายนั้นเคยเป็นเจ้าหนี้เรา แล้วมาขโมยของเขาคืน
หรือเปล่า

เถรี 09-10-2019 08:43

ถาม : พระโพธิสัตว์ศึกษาแนวทางการบำเพ็ญบารมีแล้วถูกใจการบำเพ็ญบารมีแบบปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ วิริยาธิกะก็ตาม แปลว่าบำเพ็ญบารมีมาทางนั้นหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เรื่องนี้ตอนแรกก็ไม่ได้คิดที่จะทำอย่างนั้น แต่วิสัยเดิมของตนเอง จริตวิสัยเป็นอย่างไร ก็จะเป็นเช่นนั้นไปเอง

เถรี 09-10-2019 08:44

ถาม : คนที่อธิษฐานว่าให้บุญส่งผลให้ตนเองบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอัครสาวก พระมหาสาวก พระสาวกปกติ แล้วแต่ว่าจะถึงอันไหนก่อน กำลังบารมีจะดึงไปทางไหนแรงที่สุดครับ ?
ตอบ : ก็คงเป็นปกติสาวกก่อน ตั้งใจว่าถ้าเก็บเงินได้ ๑๐๐ บาทจะซื้อขนมครก ก็ได้ขนมครกก่อนเลย

เถรี 09-10-2019 08:47

ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านไม่จำเป็นต้องมีลักษณะคล้ายกัน เหมือนอย่างของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บังคับว่าต้องมีพระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ พระอสีตยานุพยัญชนะ ๘๐ ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้บังคับข้อนี้เอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ถ้าสร้างสมบารมีมา ก็จะสมบูรณ์เต็มในบุญบารมีของท่านเช่นกัน เพียงแต่บางท่านที่ยังมีเศษกรรมเก่าอยู่ ก็อาจจะทำให้รูปร่างลักษณะไม่เต็มสมบูรณ์เช่นกัน

เถรี 09-10-2019 08:51

ถาม : ชาดกนอกนิบาตที่เรียกว่า ปัญญาสชาดก เป็นพระชาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : จริงหรือไม่จริง ไม่ใช่สาระ สาระสำคัญคือ ถึงเวลาเราน้อมใจนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ ? ถ้านึกได้ก็เป็นอนุสติ ถ้ายิ่งมองไปว่าพระองค์ท่านเกิดแล้วเกิดอีก มีแต่ความทุกข์ไม่รู้จักจบ แต่ท้ายสุดพระองค์ท่านก็สามารถหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้ เห็นพระองค์ท่านเป็นตัวอย่างในการทำความดีเช่นนั้น แล้วเราทำบ้างจึงจะเกิดประโยชน์แก่เราอย่างสูงสุด

เถรี 10-10-2019 08:06

ถาม : ทำไมอรรถกถาซึ่งรวบรวมโดยพระพุทธโฆสะ ที่เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ จึงมีบางจุดไม่ตรงกับพระไตรปิฎก ? เช่น รัตนะจงกรมกัณฑ์ว่า เทวดาที่บรรลุในคราวที่ทรงเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรจำนวน ๑๘,๐๐๐ โกฏิ ในขณะที่พระไตรปิฎกหรืออรรถกถาอื่นว่า ๑๘ โกฎิ และไม่สรุปบางเรื่อง เช่น เรื่องสูกรมัททวะ ว่าคือเนื้อหมู ข้าวสุกอ่อนปรุงด้วยปัญจโครสและถั่ว หรือว่าเป็นวิธีปรุงรสแบบหนึ่งครับ ?
ตอบ : ในเรื่องของตัวเลขที่ผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ อาตมายังทำผิดเองบ่อยไป มีอยู่เที่ยวหนึ่งทำบัญชี คิดแล้วคิดอีกไม่ลงตัวเสียที ท้ายสุดก็ต้องไปไล่ดูทีละบรรทัด แล้วก็ไปเจอว่าเขียน ๖๓๐ เป็น ๓๖๐

ส่วนในเรื่องที่จะไประบุว่าสูกรมัททวะคืออะไร บางทีท่านรู้แล้วว่าเป็นอย่างนี้ ท่านก็ไม่ได้อธิบายไว้ แค่เขียนชื่อลงไปเฉย ๆ ก็เป็นเรื่องปกติที่คนจะเขียนตำราสักเล่มหนึ่งก็ต้องมีข้อบกพร่อง ไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง

เถรี 10-10-2019 08:08

ถาม : คนที่มีความรู้สึกร่วมกับเรื่องต่าง ๆ ง่ายคือจริตแบบใดครับ ?
ตอบ : เรียกว่าใจอ่อน แสดงว่าสติ สมาธิ ปัญญามีน้อย โดยเฉพาะในเรื่องของสมาธิ

เถรี 10-10-2019 08:12

ถาม : คนที่เมื่อไปเป็นลูกค้าในร้านค้าใดก็ตาม ระหว่างที่คนเหล่านั้นกำลังอุดหนุนอยู่ ร้านค้าเหล่านั้นจากที่เงียบเหงา ก็มักจะมีลูกค้าตามเข้ามาอุดหนุนไม่มากก็น้อยเสมอ หากเปิดร้านค้าเองจะมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเสมอแบบเดียวกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไปเปิดดู แล้วจะได้คำตอบเอง

เถรี 10-10-2019 08:14

ถาม : เมื่อก่อนนี้หากมีคนมาปรึกษาเรื่องอยากฆ่าตัวตาย ลูกคงต้องหาทางช่วยจนสุดทาง เขาก็ฆ่าจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เห็นใจตนเองมันดิ้นรนเหลือเกินเจ้าค่ะ แต่ ณ ตอนนี้ คนในครอบครัวปรารภว่าจะยิงคู่อริและฆ่าตัวตาย ลูกฟังแล้วใจลูกมันเฉยชาเหลือเกิน ทั้งที่เขาเป็นคนในครอบครัว ได้คิดหดหู่ปลงใจในภพชาติ ในการเกิดและลงตรงคำว่า "กรรม" เขายืนยันว่าเตรียมการไว้แล้ว

ทำไมลูกไม่ดิ้นรนไม่ร้องขอก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ ทำไมมันเฉย ใจนิ่งเหลือเกินเจ้าค่ะ มองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ลูกกลายเป็นคนไม่ดีหรือเปล่าเจ้าคะ ที่ไม่สนใจแม้คนในครอบครัว ขาดเมตตาหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : ตอนนี้ไม่ได้ขาดเมตตา แต่เลยเมตตา เป็นอุเบกขาไปแล้ว ซึ่งทุกคนควรที่จะทำให้ได้แบบนั้น

เถรี 10-10-2019 08:16

ถาม : การที่ผมภาวนาพระคาถาเงินล้าน โดยหวังว่าจะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต แต่เนื่องจากผมยังต้องเรียนหนังสืออยู่ เลยคิดว่าควรจะภาวนาคาถาสหัสสเนตโตฯ ของท่านปู่พระอินทร์ไปด้วย ผมอยากทราบว่า ถ้าผมแบ่งเวลาในการภาวนา โดยแบ่งเป็นตอนเช้าภาวนาพระคาถาเงินล้านประมาณ ๓๐ นาที แล้วก็ใช้เวลาว่างที่เหลือในวันนั้นภาวนาคาถาสหัสสเนตโตฯ ของท่านปู่พระอินทร์อย่างเดียว จะได้หรือไม่ครับ หรือผมควรจะภาวนาแค่คาถาใดคาถาหนึ่งอย่างเดียวครับ ?
ตอบ : ตอบแบบวัยรุ่นสมัยนี้ว่า “เอาที่สบายใจ”

เถรี 10-10-2019 08:20

ถาม : ช่วงหลังมาเมื่อผมภาวนาพระคาถาเงินล้านจนใจสบาย จนดิ่งลึกเข้าไป จิตจะชอบเฝือไปว่ารวยไม่เอา จะเอานิพพาน เงินทองทั้งหลายเป็นตัวขวาง เป็นตัวฉุดรั้งเราไว้กับวัฏสงสาร เราไม่ต้องการ แล้วเมื่อคลายสมาธิออกมา ก็มาทะเลาะกับตัวเองว่า เรายังทำงานหนักเพื่อหาเงินอยู่เลย คนจนก็ไปนิพพานกันน้อย เพราะต้องยุ่งอยู่กับการทำมาหากิน ไปอธิษฐานในฌานอย่างนี้ แล้วเมื่อไรจะพ้นจากการบีบคั้นจากสถานะทางการเงิน ถ้าจิตเราเฝือไปอธิษฐานในฌานแบบนี้ จะปิดลาภผลไหมครับ แล้วทำอย่างไรให้จิตหายเฝือครับ ?
ตอบ : ประเภทนี้เขาไม่เรียกว่าจิตเฝือ แสดงว่าจิตเข้าใจถึงความเป็นจริง แต่ตัวเองโง่กว่า ถึงเวลาสภาพจิตของเราเข้าถึงธรรมบางส่วน ก็จะเอาธรรมส่วนสูงนั้นไว้ก่อน นั่นเป็นส่วนของจิต ส่วนเรามีหน้าที่ เราก็ทำของเราไป ถึงเวลาเราก็ภาวนาตามปกติ

เคล็ดลับของการภาวนาคาถาเงินล้านที่จะเกิดผลก็คือ อย่าไปสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว

เถรี 10-10-2019 08:24

ถาม : เศรษฐีนีแถวบ้านผมขับรถทำกระเป๋าเงินร่วงต่อหน้าผมแล้วเขาขับรถหนีหายไปเลย ผมเก็บได้แล้วคุยกับตัวเองแล้วว่า ผมทำไม่ได้ ผมทนเห็นเจ้าของทรัพย์เป็นทุกข์เดือดร้อน ในขณะที่เราเอาเงินเขาไปใช้ไม่ได้ ถึงอุดมการณ์นี้จะทำให้ชาตินี้ทั้งชาติผมมีฐานะแค่เท่าที่เป็นอยู่ก็ตาม ผมจึงรีบขับรถไปตามคืนเจ้าของโดยทันที ความยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ถือเป็นทิฐิมานะตัวหนึ่งใช่ไหมครับ และเป็นภัยอันตรายต่อการปฏิบัติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทิฐิแปลว่าความเห็น ความเห็นมีได้ทั้งถูกและผิด คือสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ ขึ้นอยู่กับกำลังใจตอนนั้นว่าสูงต่ำขนาดไหน ถ้ากำลังใจต่ำบางทีก็ไม่เห็นว่าผิด ถ้ากำลังใจสูงขึ้นอาจจะเห็นว่าผิดก็ได้ แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องการหักห้ามความโลภในใจของเรา ไม่ให้ไปหยิบฉวยสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ น่าจะเกิดคุณมากกว่ามีโทษ

เถรี 10-10-2019 08:26

ถาม : ถ้าได้แค่ปฐมฌานละเอียด แต่ติดสุขในฌาน จะฟังดูขัดแย้งกันไหมครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ติดสุขทั้งนั้น ถ้าหากได้สติรู้ตัวเมื่อไร ก็จะเริ่มใช้กำลังฌานกระทำในสิ่งที่พอเหมาะพอสม อย่างเช่นพิจารณาธรรม

เถรี 10-10-2019 08:27

ถาม : ท่านเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพซึ่งมรณภาพเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ท่านได้รับยันต์เกราะเพชรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ท่านไม่เคยไปวัดท่าขนุนเลย

เถรี 10-10-2019 08:32

ถาม : ผมได้ยินมาว่าการทำบุญในตอนที่เป็นพระ จะได้บุญมากกว่าการทำบุญในตอนที่เป็นฆราวาสแสนเท่า แล้วการที่มีพระท่านเปิดรับบริจาคเพื่อนำเงินไปทำบุญ แล้วผมไปร่วมทำบุญกับท่าน เนื่องจากการที่ท่านเป็นพระเลยได้บุญเป็นแสนเท่าจากปกติ แล้วผมก็เป็นส่วนหนึ่งในบุญที่ท่านทำ ไม่ทราบว่าผมจะได้บุญเป็นแสนเท่าไปด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าพระรูปนั้นท่านกำลังใจสะอาดแค่ไหน เพราะอานิสงส์เป็นแสนเท่านั้น ท่านทำในภาวะของอุดมเพศ คือในความเป็นพระภิกษุ ต้องบอกว่าอยู่ในลักษณะการลงทุน เราลงทุนด้วยศีล ๕ เสมือนเป็นเงิน ๕ ล้านบาท แต่พระลงทุนด้วยศีล ๒๒๗ เป็นเงิน ๒๒๗ ล้านบาท ถึงเวลาถ้าสิ่งนั้นได้กำไรขึ้นมา พระย่อมได้มากกว่าเป็นปกติ แต่ตัวเราไปร่วมบุญกับท่านต้องดูด้วยว่า กำลังใจของท่านผ่องใสแค่ไหน ละกิเลสได้มากน้อยแค่ไหน อานิสงส์ที่เราจะพึงได้ก็มากน้อยไปตามสิ่งที่ท่านทำได้

เถรี 10-10-2019 08:35

ถาม : การที่มีคนมาทำให้ผมโกรธ แล้วผมก็พยายามที่จะระงับ ไม่แสดงความโกรธออกมาทางกายและวาจา แต่ในใจก็ยังรู้ตัวว่ายังโกรธเขาอยู่ ผมเลยไม่คุยด้วยและไม่ไปคบค้าสมาคมกับเขาอีกเลย ผมอยากทราบว่าการที่ผมยังไม่ยกโทษให้เขา แต่ผมก็ยังอยู่ในขอบเขตของการไม่จองล้างจองผลาญ ไม่เอาคืนเขา ไม่ทราบว่าการที่ผมวางกำลังใจแบบนี้ จะถือว่าผมบกพร่องในกรรมบถ ๑๐ หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเรียกว่าบกพร่องในกรรมบถ ๑๐ ก็ถือว่าเป็นความบกพร่อง เพราะในกรรมบถ ๑๐ มีเว้นจากการพยาบาท คำว่าพยาบาทนั้นก็คือผูกโกรธ โกรธนาน โกรธไม่เลิก ลองพิจารณาดูว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ?

เถรี 13-10-2019 20:11

หลายส่วนที่พวกเราถามมา ส่วนใหญ่จะถามเลยหัวไป คำถามที่ควรจะมีประโยชน์ อย่างเช่นว่าตนเองปฏิบัติมา ตอนนี้มีสภาพอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะก้าวหน้า ไม่ค่อยจะมี ไปสนใจแต่เรื่องของชาวบ้านหรือไม่ก็เรื่องเลยตายทั้งนั้น

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ตัวเราเหมือนอยู่ในบ้านที่ไฟกำลังไหม้ แทนที่จะขวนขวายรีบหนีไปให้พ้นกลับนอนสบายอยู่ รังแต่จะโดนไฟไหม้คาบ้านไป ของบางอย่างรู้ไปก็ไม่เจ็บไม่คันแต่ก็อยากรู้ แต่สิ่งที่ควร
ที่จะรู้กลับไม่ขวนขวายรู้คือทางพ้นทุกข์ ต้องบอกว่าน่าเสียดาย

อย่างที่บางคำถามศึกษาพระไตรปิฎก ศึกษาวิสุทธิมรรค เจอข้อบกพร่องแล้วก็มัวแต่สงสัยอยู่ เหมือนกับอาหารอยู่ตรงหน้าของเรา มัวแต่สงสัยอยู่ว่าทำอย่างไร ? มันใช่ไหม ? แทนที่จะกินให้อิ่มแล้วก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง

เรื่องพวกนี้แก้ยาก เพราะนิสัยส่วนใหญ่ฝังรากลึกชาติแล้วชาติเล่า ส่วนหยาบ ๆ ที่แสดงออกแก้ไขได้ง่าย เพราะควบคุมด้วยศีลก็ได้แล้ว ส่วนละเอียดต้องควบคุมด้วยสมาธิ แก้ไขด้วยปัญญา เป็นเรื่องยาก เพราะถ้ากำลังของเราน้อย ทำไม่ถึง บางคนก็ไม่คิดถึงเรื่องเหล่านี้เสียด้วยซ้ำไป

เถรี 13-10-2019 20:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "การที่เราทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่งานเล็กก็ตาม ไม่มีใครทำด้วยความมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่าจะสำเร็จ ทุกอย่างต้องศึกษาลู่ทางให้ดีที่สุด แล้วก็ตัดสินลงมือทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ระหว่างนั้นถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับแก้ไปตามหน้างาน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้พวกเราเจอมาทุกคน ไม่ใช่ว่าพอวางแผนงานมาแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้นเป๊ะ ๆ คราวนี้การปรับตามหน้างานถือว่าเป็นวิวัฒนาการ เราจะเห็นว่า ไม่ว่าพืชหรือสัตว์ก็ตาม ถ้าปรับตัวไม่ได้นี่ก็สูญพันธุ์หมด

มีคนเขาบอกว่า "คนโง่มองว่าตัวเองขาดอะไร คนฉลาดมองว่าตัวเองมีอะไร" อาตมาไปบรรยายเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนให้ประสบความสำเร็จว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็เลยบอกว่า บังเอิญอาตมาจะว่าโง่ก็ไม่ใช่ จะว่าฉลาดก็ไม่เชิง ก็เลยมองทั้ง ๒ อย่าง คือ มองว่าเราขาดอะไรแล้วสร้างใหม่ขึ้นมา มองว่าเรามีอะไรแล้วปรับให้ดียิ่งขึ้นไป

ฉะนั้น...การจะประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็คือ การล้มลุกคลุกคลานมานับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าต้องไม่ท้อถอย คราวนี้การที่ล้มลุกคลุกคลานนั้น ก็สำคัญตรงที่ว่าใครจะลุกได้เร็วกว่า ก็คือบุคคลที่ไม่ใส่ใจกับความผิดพลาด ความล้มเหลวในชีวิต มีมุมมองที่เป็นแง่บวกเสมอ

โทมัส แอลวา เอดิสัน ทดสอบเรื่องการสร้างหลอดไฟ ล้มเหลวมา ๒๐๐ กว่าครั้งแล้ว ลูกศิษย์บอกว่า "อาจารย์ครับ...เราล้มเหลวมา ๒๐๐ กว่าครั้งแล้ว อาจารย์ยังคิดจะทำต่ออีกหรือ ?" เอดิสันบอกกับลูกศิษย์ว่า "ใครบอกว่าฉันล้มเหลว ? ฉันประสบความสำเร็จมา ๒๐๐ กว่าครั้ง เพราะฉันรู้ว่า ๒๐๐ กว่าหนทางนั้นใช้ไม่ได้" แล้วก็ทดลองหาทางต่อไป จนกระทั่งเรามีหลอดไฟใช้จนทุกวันนี้

ฉะนั้น...สำคัญที่มุมมอง คนที่แพ้เป็น ล้มเป็น จะเจ็บน้อย ไปได้เร็ว การล้มเป็นนี่ต้องดูการต่อสู้แบบพวกยูโด ไอกิโดอะไรพวกนั้น เทควันโดก็ได้ ถ้าหากว่าโดนคู่ต่อสู้ทุ่ม หรือว่าเตะตัด ล้ม ถ้าล้มเป็นจะไม่เจ็บ หรือไม่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบา เจ็บก็เจ็บไม่มาก

คนที่ผิดพลาด ล้มลงแล้วมัวแต่คร่ำครวญอยู่ตรงนั้น จะประสบความสำเร็จยาก ประมาณว่าจิตตก หมดกำลังใจที่จะไปต่อ แต่คนที่ล้มแล้วลุกเลย ไปต่อได้ระยะทางที่ไกลกว่า ถึงที่หมายเร็วกว่า"

เถรี 13-10-2019 20:17

"เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน แต่ละคนผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ผิดแล้วต้องเริ่มต้นใหม่ ดูว่าที่ถูกกว่านี้ยังมีอยู่ เราล้มครั้งแล้วครั้งเล่า จิตตกครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิตก กรรมฐานแตก นับไม่ถ้วน ความผิดพลาดอยู่ตรงไหน ? เขาถึงได้บอกว่าผิดเป็นครู ก็คือเอาไว้สอนตัวเองว่าจะไม่ผิดอย่างนั้นอีก แต่ส่วนใหญ่พวกเราผิดจนเป็นศาตราจารย์แล้ว แต่ก็ยังแก้ไม่ได้...! คือไม่ใช่ผิดเป็นครูเฉย ๆ แต่ผิดจนเป็นอาจารย์ของอาจารย์ไปแล้ว

เหตุที่การปฏิบัติธรรมของเราล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะว่าเรายังไม่เข็ด ล้มกี่ครั้งก็ไม่เข็ด คนที่เข็ดจะรู้จักระมัดระวัง แล้วก็แก้ไข เพราะว่าไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีก แต่คนที่ไม่เข็ด ไม่อยากเป็น แต่ไม่สนใจที่จะแก้ไข ต่างกันอยู่นิดเดียว หรือไม่มีกัลยาณมิตรคอยบอกว่า ทางนี้ไม่ดี ทางนี้ไม่ถูก อย่าไป หรือถึงบอกกูก็จะดื้อไป

อาตมาเองอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมา ปีแล้วปีเล่าจนกระทั่งมั่นใจว่าสิ่งที่หลวงพ่อท่านบอกเรา คือเรื่องที่ท่านเองผิดมานับครั้งไม่ถ้วน ผิดจนกระทั่งท่านหาทางที่ถูกที่สุด ง่ายที่สุดให้กับเราแล้ว แม้ว่าทางนั้นจะเป็นประเภททะเลไฟ กะทะน้ำมันเดือดอะไรก็ไปเถอะ ถ้าทุกด้านคือทางตาย ทางด้านนี้จะตายน้อยที่สุด

แต่พวกเราที่บอกว่ามอบกายถวายชีวิต แล้วไม่ได้มอบอย่างแท้จริง ถึงเวลาครูบาอาจารย์บอกก็ฟัง ๆ ไปอย่างนั้น ลำบากหน่อย กูก็ถอยแล้ว เจออุปสรรคหน่อย กูก็ไม่เอาแล้ว แล้วแบบนี้จะประสบความสำเร็จก็คงจะยาก ต้องยิ่งแพ้ยิ่งสู้ สู้จนกว่าจะชนะ
"

เถรี 13-10-2019 20:32

"มีนางงามอเมริกันคนหนึ่ง มีแมวมองมาบอกว่า คุณสวยพอที่จะเป็นนางงามอเมริกาได้ เขาก็เลยไปสมัครประกวด ปีแรกก็ตกรอบ ปีที่สองก็ตกรอบ ปีที่สามก็ตกรอบ ปีที่สี่ก็ตกรอบ ปีที่ห้าก็ตกรอบ คุณเธอถามว่า "ทุกคนรู้ไหมว่าปีที่หกเกิดอะไรขึ้น ? ฉันก็ยังคงตกรอบ" แล้วเขาบอกทำไม ? บอกให้รู้ว่าเขาสู้ไม่ถอย ท้ายที่สุดเขาก็เป็นนางงามอเมริกาจริง ๆ เพราะว่าเขาปรับปรุงแก้ไข ศึกษาจากประสบการณ์ที่ขึ้นเวทีมาหลายปี กรรมการต้องการอะไร คนดูต้องการอะไร ความสวยเขามีพออยู่แล้ว มีใครบ้างขึ้นประกวดล้มเหลวมาตลอดหลายปี แล้วยังกล้าขึ้นประกวดอีก ?

อาตมาเล่าให้พวกเราฟังว่า เฉพาะแค่ปฐมฌาน อาตมาใช้เวลาทุ่มเทอยู่ ๓ ปี กว่าที่จะทำได้ พวกเราภาวนา ๓ นาที ใจไม่สงบ กูก็เลิกแล้ว แล้วทำไมอาตมาดื้อทำได้ ? ก็เพราะว่าเชื่อครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ท่านล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งหาวิธีที่ดีที่สุด ที่ง่ายที่สุดมาบอกเราแล้ว ในเมื่อเราเชื่อท่านก็ต้องทำให้ได้อย่างท่าน ถ้าทำไม่ได้อย่างท่าน แสดงว่าความพยายามของเรายังไม่พอ

ฉะนั้น...ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ต่อให้เป็นมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กหรือว่าวอร์เรน บัฟเฟต ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ใช่ว่าเขามั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่เขาตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ว่า ถ้าทำแล้วโอกาสสำเร็จมีมากกว่าเขาก็ทำ อาตมาก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนั้น ประเมินสถานการณ์แล้ว มีโอกาสชนะ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ถึงจะทำ น้อยกว่านั้นไม่ทำ หลังจากมีประสบการณ์มากขึ้น ๆ ๗๐ ก็เอา ๖๐ ก็เอา ๕๐ ก็เอา เพราะมั่นใจว่าสามารถแก้ไขหน้างานให้ดีและประสบความสำเร็จได้ ปัจจุบันนี้นะหรือ ? ๑ เปอร์เซ็นต์ก็เอา โห...ถ้าสามารถเติมอีก ๙๙ ให้เต็มได้นี่กูเก่งสุด ๆ ชีวิตนี้จะมีรสชาติมาก..!"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว