กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7262)

เถรี 09-10-2020 08:57

เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๓
 
ถาม : การตั้งรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้บนมือถือเป็นพื้นหลัง แล้วเวลาเราใช้นิ้วสัมผัสลากไอคอนไปมาข้ามรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่ ?

และสามารถตั้งรูปพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แค่บนหน้าจอหลักเพื่อเป็นอนุสสติ คือเวลาจะใช้มือถือก็จะเห็นภาพพระก่อน แล้วค่อยเข้าใช้งานข้างในมือถือจะเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ?

ตอบ : ให้ถามใจตัวเองดู ถ้ารู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งก็ "อย่าหาทำ"

เถรี 09-10-2020 08:59

ถาม : ตามที่หลวงพ่อเคยบอกว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านยังทรงช่วยเหลืออยู่ด้านบน ยังทรงคอยมองดูประชาชนของท่านอยู่
ผมอยากทราบว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านลาพุทธภูมิหรือยังครับ ? แล้วถ้าท่านยังไม่ลา ท่านจะลงมาเกิดในยุคใดอีกครับ ?

ตอบ : พระโพธิสัตว์บารมีเข้มขนาดนั้น คุณคิดว่าพระองค์ท่านจะลาไหม ? ส่วนพระองค์จะลงมาเกิดในยุคใด ถ้าคุณสามารถเอาตัวรอดจากอบายภูมิได้ ก็อธิษฐานขอไปเกิดร่วมยุคเพื่อคำตอบที่ชัดเจนไปเลย..!

เถรี 09-10-2020 08:59

ถาม : ขอขมาพระรัตนตรัยก่อนด้วยความเคารพ แล้วขออนุญาตเขย่าพระกริ่งสะท้านไตรภพเพื่อพิสูจน์ฟังเสียงพระกริ่ง จะมีกรรมติดกรรมเป็นการปรามาสพระจริงหรือไม่ครับ ?

มีบางท่านบอกว่า การที่เราพิสูจน์ฟังเสียงพระกริ่ง คือการปรามาส ถึงแม้ว่าเราจะขอขมาพระก่อน ก็ยังเป็นการปรามาส จริงหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ลองทำดู..ตายเมื่อไรจะได้คำตอบที่ชัดเจนมาก..!

เถรี 09-10-2020 09:01

ถาม : พระกริ่งสะท้านไตรภพซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ ถ้าเราติดตัวไปในสถานที่อโคจร เช่น ผับ, ซ่อง, อาบอบนวด, บ่อน เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : ขึ้นอยู่กับจิตของคุณว่าหยาบหรือละเอียด ถ้าหยาบมากถึงไม่พกพระกริ่งเข้าไป โอกาสที่จะลงอบายภูมิก็มีสูงมากอยู่แล้ว

เถรี 09-10-2020 09:02

ถาม : ผมพิจารณาบุคคลที่ทำให้เราโกรธนั้นว่า แท้จริงแล้วตัวตนของเขาไม่ได้ทำเรา แต่เป็นกิเลสและอกุศลกรรมของเขาที่ควบคุมจิตใจดวงนั้นอยู่ และมีอำนาจเหนือดวงจิตดวงนั้น จึงควบคุมดวงจิตนั้นให้ทำสิ่งไม่ดี

ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เขาทำไม่ดีก็ไม่ใช่ตัวตนของเขาอย่างแท้จริง เพราะถ้าสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นเป็นของจริงแล้ว เมื่อถึงความเป็นพระวิสุทธิเทพแล้ว สิ่งไม่ดีเหล่านี้ก็ต้องคงอยู่ แต่เมื่อถึงความเป็นพระวิสุทธิเทพแล้ว สิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ก็หายตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงไม่ควรโกรธเขา

ผมพิจารณาอย่างนี้ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ครับ และการพิจารณาอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : การพิจารณาเพื่อให้ใจคลายออกจากอารมณ์ที่ข้องอยู่ จะพิจารณาอย่างไรก็ได้ ถ้าคลายความชั่วออกได้ก็ถูกทั้งนั้น

เถรี 09-10-2020 09:02

ถาม : ท่านผู้หนึ่งได้บอกว่า พระเครื่องที่มีส่วนผสมของกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ถ้านำเข้าบ้านจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดี อยากสอบถามพระอาจารย์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ถ้าใจไปยึดว่ากระเบื้องหลังคาโบสถ์เป็นของสงฆ์ก็ไม่ดีแน่ แต่ถ้าใจคิดว่าเราบูชามาด้วยมูลค่าที่ทางวัดตั้งเอาไว้ ถือว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์ไปแล้ว และนี่คือรูปพระพุทธเจ้า หรือพระสงฆ์ที่เราเคารพ ก็จัดเป็นพุทธานุสติ หรือสังฆานุสติ ถือว่าได้ปฏิบัติในกองกรรมฐานใหญ่ ก็ย่อมมีแต่ส่วนดีเท่านั้น

เถรี 09-10-2020 09:03

ถาม : พระกริ่งสะท้านไตรภพใช้พระคาถาบทใดในการอาราธนาครับ ?

ตอบ : อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะอะอุ นี้เถิด

เถรี 09-10-2020 09:03

ถาม : ผมอยากจะถามหลวงพ่อครับว่า การที่ใคร ๆ ด่าพระอริยเจ้า ด่าพระมหากษัตริย์ ชีวิตพวกเขาจะเป็นอย่างไรครับ หรือว่าเป็นกรรมของเขา เราไม่ต้องไปรับรู้ครับ ?

ตอบ : เรียกว่ารู้แล้วแต่ "เสือก" ถาม..! ด่าพระอริยเจ้าลงอเวจี ด่าพระมหากษัตริย์ ชาตินี้เจอ ม. ๑๑๒ ตายไปถ้าจิตเศร้าหมองก็ลงอบายภูมิ

เถรี 09-10-2020 09:04

ถาม : ในขณะที่มีคนกำลังมีชีวิตที่ดีมีความสุขอยู่ แล้วเกิดมีคนมาหาเรื่อง สร้างความเดือดร้อนให้คนนั้น จนทำให้คนที่กำลังมีความสุขนั้นกลายเป็นได้รับความเดือดร้อนขึ้นมา

แบบนี้ถือว่าเป็นการฝืนกฎของกรรม ในลักษณะเดียวกันกับ คนที่กำลังได้รับความทุกข์ร้อน แล้วมีคนไปช่วยให้พ้นจากทุกข์นั้น ๆ ด้วยหรือไม่ครับ ?

ตอบ : คุณรู้ได้อย่างไรว่า การที่คนมาสร้างความเดือดร้อนให้ ไม่ได้เกิดจากกรรมเก่าที่คุณทำเอาไว้ ?

เถรี 09-10-2020 09:05

ถาม : เวลาผมโดนด่าหรือโดนกลั่นแกล้งเวลาใด ผมมักจะชอบเข้าสมาธิให้แน่นที่สุดทุกครั้ง เพื่อไม่ให้จิตต้องโดนความโกรธครอบงำ บางทีก็กลายเป็นนิ่งไปเฉย ๆ จนคนอื่นสงสัยว่าทำอะไร แบบนี้ถือว่าทำถูกต้องไหมครับ เพราะรู้สึกว่าบางทีก็สุดโต่งเกินไป แต่ถ้าไม่รีบเข้าสมาธิ ก็กลัวว่าจะระงับความโกรธไว้ไม่ได้

อยากทราบว่าพอจะมีวิธีที่สามารถเข้าสมาธิให้แน่นมาก ๆ ได้ โดยที่ยังขยับร่างกายได้เป็นปกติไหมครับ เพื่อไม่ให้ดูผิดแปลกเกินไป ?

ตอบ : รักษาใจไม่ให้เศร้าหมองได้ ถือว่า "ถูกต้องในตอนนั้น" แต่ถ้าวางไปเลยจะถูกต้องที่สุด พยายามฝึกการทรง "ฌานใช้งาน" ให้คล่องตัว ก็จะไม่ดูผิดปกติ แต่คนจะว่าคุณผิดปกติ เพราะว่าไม่มีการโกรธหรือโต้ตอบอะไรเลย

เถรี 09-10-2020 09:05

ถาม : ถ้าจะฝึกมโนมยิทธิ โดยการนึกถึงป่าหิมพานต์ เราจะสามารถเห็นป่าหิมพานต์ได้ โดยที่เรายังไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนได้ไหมครับ ?

ตอบ : ถ้าแค่นึกถึงก็เป็นแค่ "มโน" แต่ถ้าส่งใจไปถึงได้ เป็น "มโนมยิทธิ" ถึงจะไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าไปถึงได้ก็จะรู้เห็นได้เอง

เถรี 09-10-2020 09:06

ถาม : ตอนที่พระพุทธเจ้าท่านเปิดโลกแล้วทุกภพภูมิเห็นกันหมด แล้วส่วนใหญ่เกิดการปรารถนาพุทธภูมิในใจ ไม่ทราบว่าตอนนั้นผู้ที่อยู่ในอรูปพรหม ได้รับรู้ในเหตุการณ์ครั้งนั้น และได้ปรารถนาพุทธภูมิไปด้วยไหมครับ ?

ตอบ : ผู้ที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ย่อมไม่มีส่วนที่ควรได้ในสิ่งนั้น ๆ

เถรี 11-10-2020 18:51

พระอาจารย์กล่าวว่า “อีกไม่กี่วันจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาใหม่ จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าสงครามใหญ่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นช้าหรือว่าเร็ว ก็คือถ้าประธานาธิบดีทรัมป์ชนะเลือกตั้งอีกรอบ สงครามเกิดเร็วแน่นอน เพราะว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนคิดเร็วพูดเร็ว แต่ไม่รอบคอบ ถ้าหากว่าโจ ไบเดน ชนะก็ช้าลงหน่อย เพียงแต่ว่าให้พกวัตถุมงคลติดตัวเอาไว้ให้เคยชิน ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ปลอดภัย

สหรัฐอเมริกาตามจีนไม่ทันในเรื่องเทคโนโลยี แต่ด้วยอาวุธที่มีอยู่กับเทคโนโลยีเก่า ก็เพียงพอที่จะสร้างความบอบช้ำสาหัสให้กับจีนได้แล้ว โดยเฉพาะอาวุธนิวเคลียร์ พวกหัวรบนิวเคลียร์ สหรัฐฯ มีมากกว่าจีนเป็นหลายเท่าตัว สภาพของสองประเทศถ้าเปิดศึกกัน จีนเสียเปรียบตั้งแต่แรก เหมือนสุภาพบุรุษทะเลาะกับอันธพาลข้างถนน เพราะว่าสหรัฐฯ นี่เพื่อรักษาฐานอำนาจตัวเอง มักทำอะไรไม่ค่อยจะคิด ความจริงพยายามจะปลุกปั่นยุยงให้เกิดสงครามตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อที่จะดึงคะแนนเสียงจากชาวบ้านว่าต้องประธานาธิบดีทรัมป์เท่านั้น ถึงจะสมน้ำสมเนื้อในการต่อกรกับประเทศจีน”

เถรี 11-10-2020 18:54

“แต่ว่าถึงจะไม่เกิดสงครามเพราะว่าจีนอดกลั้นอดทนก็จริง แต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ก็จะเลือกประธานาธิบดีทรัมป์ ถามว่าตอนนี้คะแนนนิยมของโจ ไบเดน นำอยู่ไม่ใช่หรือ ? ต้องบอกว่า คะแนนนิยมของโจ ไบเดน นำในรัฐที่ไม่ใช่คนผิวขาว เป็นการแบ่งแยกชัดเจนมาก นิวยอร์กนี่คนผิวดำเยอะมาก คะแนนนิยมโจ ไบเดนจะนำ ลอสแอนเจลิสผิวเหลืองเยอะมากโดยเฉพาะคนจีน คะแนนนิยมของโจ ไบเดนจะนำ

แต่ว่ารัฐอื่น ๆ ที่มีคนผิวขาวมากกว่า ถ้าตัดสินใจเลือก เขาจะตัดสินใจเลือกประธานาธิบดีทรัมป์ เขาถือว่ารักษาผลประโยชน์ของคนอเมริกัน เพราะว่าตั้งแต่เข้ามาก็ใช้นโยบาย American first ปะฉะดะไปทั่วโลก คนอเมริกันผิวขาวส่วนใหญ่ยังติดภาพความเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอยู่ ใครที่ทำตัวเป็นพี่เบิ้มให้เห็น ก็จะเกิดความนิยมขึ้นมาเอง

พวกเราก็ได้แต่นั่งลุ้น แต่ก็ไม่ต้องลุ้นอะไรมากหรอก เพราะว่าจะช้าจะเร็วคู่นี้เขาตีกันแน่ เพียงแต่ตีกันเร็วขึ้นหรือว่าตีกันช้าลงเท่านั้นเอง แต่ถ้าตามที่พระและ "ท่านย่า" บอก ข้างบนเขาเตรียมพร้อมกันตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากเวลาข้างบนกับข้างล่างต่างกันมาก ข้างบนขยับตัวนิดเดียว ข้างล่างผ่านไปเป็นปี ของพวกเราพระท่านก็บอกแล้ว พกวัตถุมงคลเอาไว้ ใครมีของหลวงพ่อวัดท่าซุงก็เลือกเอา สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ รุ่น ๒ หรือสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากก็ได้ ถ้าไม่มีก็มาพกสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล วัดท่าขนุน

อย่าลืมสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน ขอให้คุ้มครองตัวเรา ทรัพย์สินสิ่งของของเรา ถ้าหากว่าหลีกเลี่ยงกฎของกรรมไม่พ้น ก็ยอมเสียของ เอาชีวิตรอดไว้ก่อน ไม่มีอะไรหรอก อาตมาฟุ้งซ่านล่วงหน้า เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย ...(หัวเราะ)...”

เถรี 11-10-2020 18:56

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของการทำบุญ เรียกอีกอย่างว่าทำกุศล คำว่า กุศล แปลเป็นภาษาไทยว่า ความฉลาด คราวนี้ความฉลาดในที่นี้คือ ฉลาดในการสร้างเสริมสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นแก่ตัวเราเอง เพื่อที่จะได้พัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้น จนกระทั่งพัฒนาถึงที่สุด ก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

แต่คราวนี้วิธีการสร้างกุศล พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ ๑๐ อย่างด้วยกัน เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ มีตั้งแต่ทานมัย การให้ทาน ไปจนถึงทิฏฐุชุกัมม์ การมีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิ

คราวนี้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ในส่วนของทานเป็นส่วนที่เราจะต้องขวนขวายมาก หาสิ่งของเงินทองมาเพื่อที่จะทำทาน ส่วนในการรักษาศีล การเจริญภาวนา การขวนขวายงานบุญคนอื่นให้สำเร็จลง การทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศล การโมทนาบุญของคนอื่น การอ่อนน้อมถ่อมตน การฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วน้อมนำไปปฏิบัติ การปฏิบัติได้แล้วนำไปสอนคนอื่นเขาต่อ ตลอดจนกระทั่งการมีสัมมาทิฏฐิ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องเสียของ ไม่ต้องเสียเงิน แต่คนเรากลับทำน้อยกว่ากันมาก

เหตุที่ทำน้อยกว่าเพราะว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต้องการกำลังใจที่สูงกว่า เนื่องจากว่าถ้าไม่ใช่ผู้ที่ฉลาดอย่างแท้จริง จะรู้สึกว่าจับต้องไม่ได้ ไม่เหมือนกับการให้ทานที่เรามีข้าวของเงินทองไปให้ เราจับได้ต้องได้ว่าเป็นวัตถุทาน ส่วนในสิ่งที่มีบุญมีกุศลมากกว่า เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นการฝึกหัดขัดเกลาจิตใจของเรา กลับเป็นของที่ทำได้ยากกว่า ทั้ง ๆ ที่แทบจะไม่ต้องเสียเงินเสียของอะไรเลย

เถรี 11-10-2020 18:57

“ดังนั้น..ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า ญาติโยมนิยมการทำบุญให้ทานกันมาก แต่ว่าเรื่องการรักษาศีลกลับมีน้อยลง เรื่องการภาวนาก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ถ้าลักษณะอย่างนี้จะเห็นชัดว่า คุณความดีในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้นั้น เราเข้าถึงได้แค่เบื้องต้น คือในขั้นของทานเท่านั้น

การให้ทานจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวัดทั้งวัด สร้างโบสถ์ทั้งหลัง สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ก็ยังเป็น
แค่ส่วนของทานบารมี ทำเป็นร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์หนึ่งครั้ง ส่วนการรักษาศีลนั้น แม้ว่าจะดีกว่าการให้ทาน แต่ว่าเราทำเป็นร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับการเจริญภาวนาหนึ่งครั้งเช่นกัน

จึงเป็นเรื่องของกำลังใจหรือที่เรียกว่า บารมี คนที่กำลังใจต่ำ บารมีน้อย ก็ทำในเรื่องที่สูงกว่าทานได้ยาก แต่ว่าในเรื่องของทานก็มีอานิสงส์ตรงที่ว่า ถ้าเกิดใหม่เมื่อไร เราจะมีฐานะที่ร่ำรวย มั่นคง อย่างน้อยเป็นการวางพื้นฐานเอาไว้สำหรับชาติภพหน้า แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะให้ จนอยู่ในระดับวางอุเบกขาได้จริง ๆ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มีน้อยมาก”

เถรี 11-10-2020 21:32

พระอาจารย์ถวายปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินแก่ตุ๊พ่อ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) “อาตมาไม่สะดวกที่จะไปงานกฐินของตุ๊พ่อ เพราะว่าวันที่ ๒๔ ตุลาคมติดงาน ส่วนวันที่ ๒๕ ที่เป็นวันกฐินของทางวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่นั้น ไม่สามารถที่จะวิ่งไปถึงแล้วกลับมาได้..ตายแน่ ๆ ก็เลยมอบถวายเป็นเช็คเงินสดให้ทางด้านวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ของตุ๊พ่อ เป็นกฐินไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท จองไว้ตั้งแต่วันงานวันเกิดของตุ๊พ่อ บอกว่ามีกฐินอยู่ ๑๐๘ กอง กองละ ๕,๐๐๐ บาท อาตมาก็เลยจองไปหนึ่งร้อยกองเต็ม ๆ เหลืออีก ๘ กองให้ไปแย่งกันเอาเอง”

เถรี 11-10-2020 21:34

พระอาจารย์เล่าว่า “งานพุทธาภิเษกที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากครูบาอาจารย์ที่มาสงเคราะห์ตามปกติแล้ว ก็มีระดับท่านอาจารย์ปู่ ก็คือหลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอมาด้วย อาตมาเองดีใจมาก เพราะว่าโดยปกติแล้วลืมหลวงปู่สุ่น..! เป็นเหลนศิษย์ที่น่าเตะมาก..ปู่ทวดทั้งองค์ยังลืมได้..!

เพราะว่าตอนกราบอาราธนาบารมีพระ ก็จะไล่จากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง หลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คือมาตามลำดับสายครูบาอาจารย์ แต่ลืมหลวงปู่สุ่น วัดบางปลาหมอ ที่เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ปานไป ท่านมาสงเคราะห์เตือนว่างานของท่านอย่าลืมไปด้วย

ความจริงท่านไม่ต้องเตือนอาตมาก็เต็มใจที่จะไปอยู่แล้ว คราวนี้ด้วยความที่ท่านเมตตามา ก็เลยขอท่านสงเคราะห์เรื่องของวัตถุมงคลที่ ดร.พระครูโรจน์ท่านทำเอาไว้เป็นคันรถ”

เถรี 11-10-2020 21:36

“งานนั้นอาตมาเครียดเลย เพราะว่าข้าวของเยอะมาก สารพัดสารเพปนเปกัน ประมาณว่าตีอวนได้ปลามาทั้งทะเล มีปลามาสารพัดชนิด ก็เลยต้องค่อย ๆ ว่าไปทีละอย่าง เสกนานหน่อย เพราะว่าเรื่องของวัตถุมงคลนั้น ถ้ากระแสขัดกัน บางทีก็เอาไปใช้แล้วไม่ได้ผลตามสายนั้น ๆ

คำว่า กระแสขัดกันก็คือ สมมติว่าของมาทางสายอยู่ยงคงกระพัน แต่ว่าเราถนัดในสายเมตตามหาลาภ ถ้าขอบารมีพระสงเคราะห์ไปสายเดียว ส่วนอื่นก็จะโดนล้างทิ้งหมด เพราะฉะนั้น..ก็เลยต้องค่อย ๆ ว่าไปทีละอย่าง ซึ่งทำให้ค่อนข้างจะช้ามาก

วันที่ ๗ ตุลาคมวันเดียวกันนั้น มีงานพุทธาภิเษกสองที่ ก็คือที่วัดบ้านห้วยน้ำขาวซึ่งทำข้าวของสารพัดสารเพปนกันมา ต่อไปถึงวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี ท่านพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ท่านสร้างพระพุทธรูปอย่างเดียว สบายอย่าบอกใครเลย เพราะว่าเรื่องการเสกพระเป็นพระ ไม่มีอะไรง่ายกว่านั้นอีกแล้ว แต่วัตถุมงคลอย่างอื่นถ้าต้องเสกให้มีอานุภาพเหมือนพระนี่จะยากมาก

แม้กระทั่งน้องเล็กที่อยู่ในพิธีด้วยยังบอกว่า กระแสมาคนละโลกกันเลย ใช่..กระแสที่วัดหนองโพนี่สว่าง สะอาด สงบ เบาสบาย เพราะว่าเป็นกระแสพระนิพพานโดยตรง ส่วนของทางวัดบ้านห้วยน้ำขาวนั้นสับสนปนเป แม้ว่าจะจับลงให้ทีละอย่าง ก็ต้องเรียกว่าจัดกระแสกันจนเหนื่อย”

เถรี 11-10-2020 21:39

“โดยเฉพาะวัตถุมงคลหลายชนิดต้องเสริมทั้งอาการ ๓๒ ทั้งธาตุ ๔ เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ฝึกในเรื่องของภูตกสิณก็คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม มา ก็ต้องศึกษาในเรื่องคาถาในการตั้งธาตุ หนุนธาตุ ซึ่งครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ส่วนใหญ่แล้วจะชำนาญไม่เหมือนกัน ดังนั้น..บางทีท่านนี้มาลง กระแสไปอย่างหนึ่ง อีกท่านหนึ่งมาลง กระแสไปอีกอย่างหนึ่ง อีกท่านมากำลังสูงกว่า ก็ล้างกระแสเก่าเขาทิ้งหมดเลย เป็นต้น

เรื่องพวกนี้ถ้าไม่รู้ไม่เห็นก็ถือว่าเหนื่อยน้อย แต่ถ้ารู้เห็นจะเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องค่อย ๆ ไปจัดระเบียบทีละอย่าง สมัยก่อนครูบาอาจารย์ที่สุดยอดที่สุดในความรู้สึกของอาตมาก็คือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เพราะว่าถ้าหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานในการพุทธาภิเษกที่ไหน คนอื่นสบาย..ลอยตัวหมด คุณมีหน้าที่ว่าของคุณไปให้เต็มที่อย่างเดียว หลวงปู่ท่านจัดกระแสให้เอง”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว