กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6849)

เถรี 25-12-2019 19:27

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของเงินสงฆ์นี่ลำบาก พลาดบาทเดียวก็ซวยไม่รู้จบ อาตมาเองหมดอยากในเงินทองอย่างสิ้นเชิงก็ครั้งที่นับเหรียญที่วัดท่าซุงนั่นแหละ ตั้งแต่สี่ห้าโมงเย็นไปเสร็จเอาตีสอง..! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ๓๐ กว่าปีนี่ไม่แลเงินเลย”

เถรี 25-12-2019 19:28

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อากาศจะยังทรงตัวนิ่ง ๆ ไปอีกหลายวัน ใครที่ยังไม่คิดจะใส่เสื้อกันหนาวก็รีบเอาออกมา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไม่มีโอกาสใส่..! บ้านเราฤดูกาลผีเข้าผีออก

สหรัฐอเมริกากับออสเตรเลียไฟป่าไหม้ หลายประเทศแผ่นดินไหว แม้กระทั่งลาวและบ้านเราก็แผ่นดินไหว แต่บางพื้นที่หิมะตกท่วมสูงเป็นเมตร เป็นลักษณะของโลกที่กำลังเยียวยารักษาตัวเองอยู่ ดังนั้น..อย่าทำร้ายโลกมากเกินไป

คนรุ่นเก่า ๆ โดยเฉพาะชาวป่าชาวเขาให้ความเคารพแม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย แม่โพสพ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ในเมื่อเขาให้ความเคารพ ถึงเวลาปฏิบัติด้วยความเกรงใจ ก็ไม่ทำลายธรรมชาติมากจนกระทั่งเสียหายอย่างทุกวันนี้ สมัยนี้ไม่ไหว ประเภทบุกรุกป่าไม่รู้กี่ร้อยไร่ ส่งคืนเป็นอันว่าหมดความผิด ทุเรศมากเลย เอ๊ะ...เกี่ยวกันหรือเปล่าหว่า..!?”

เถรี 25-12-2019 20:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเจอธนบัตรรุ่นนี้ใหม่ ๆ ก็เก็บไว้บ้างนะ ข้างหลังเขาเขียนว่า โทษฐานปลอมแปลงธนบัตร คือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูง ๒๐ ปี และปรับอย่างสูงสี่หมื่นบาท เป็นรุ่นที่ออกมาแวบเดียวแล้วก็หมด เพราะข้อความที่ถูกต้องเขาบอกว่า การปลอมแปลงธนบัตรเป็นความผิด ต้องระวางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา...แค่นี้ ถ้าใครเจอรุ่นนี้ก็เก็บ ๆ ไว้บ้าง เพราะว่าเป็นของหายาก"

เถรี 25-12-2019 20:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้จะมีพยุหยาตราทางชลมารค เสด็จเลียบพระนคร ปกติการเสด็จเลียบพระนครส่วนใหญ่ไปทางสถลมารค...ทางบก ชลมารค...ทางน้ำ นี่น่าจะเป็นครั้งแรก เพราะว่าการเสด็จเลียบพระนครนั้นวัตถุประสงค์แต่ดั้งเดิม ๒ อย่าง อย่างแรกคือเหมือนกับตรวจพื้นที่ พื้นที่ภายใต้การปกครองมีกว้างยาวเท่าไร หน้าตาเป็นอย่างไร ประการที่สองก็เพื่อที่จะได้ดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน อยู่ดีกินดีหรือลำบากยากจนอย่างไร จะได้ให้การช่วยเหลือแก้ไขได้ถูก

สมัยก่อนพระราชาเสด็จ ต้องเรียกว่าปะปนกับชาวบ้านทั่วไปเพื่อไปดูงาน ลักษณะเดียวกับรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้น แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็ระบุเอาไว้ ที่กล่าวถึงบุคคลผู้นอนไม่หลับมีกี่ประเภท

บุคคลผู้นอนไม่หลับ ประกอบไปด้วย
๑. ชายผู้ครุ่นคิดถึงหญิง
๒. หญิงผู้ครุ่นคิดถึงชาย พอกันทั้งคู่
๓. โจรร้ายผู้ประสงค์ต่อทรัพย์ ตั้งใจจะขโมยเขา หลับไม่ได้ หลับก็ไม่ได้ขโมย
๔. พระราชาผู้ขยันเสด็จออกประกอบราชภารกิจ ตรวจงานกลางคืน กลางวันผู้คนมากหน้าหลายตา ไปไม่สะดวก อาจจะมีการปองร้ายกันด้วย
๕. ภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ลุกขึ้นเจริญกรรมฐานหวังความหลุดพ้น

เห็นมีข่าวตลก ๆ ของต่างประเทศหลายที่ เข้าไปขโมยของเสร็จแล้วนอนอยู่ในบ้าน จนกระทั่งเจ้าของบ้านเรียกตำรวจมาลากตัวยังไม่อยากจะตื่น อย่างนั้นต้องบอกว่าเป็นขโมยแล้วไม่รุ่ง"


เถรี 25-12-2019 20:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "รอบนี้ไปภูเก็ต คณะของสตูลบอกว่านิมนต์แวะสตูลด้วย อื้อหือ...ภูเก็ต - สตูล ไม่รู้จะไปทางไหนดี เพราะว่าภูเก็ตวิ่งมาสตูล ก็นั่งรถอ้วกกันพอดี แต่ว่าโยมที่นั่นก็มาก...ในเมื่อจำเป็น ไกลก็ไกลวะ...!

ระยะหลังเวลามีน้อยลงไปเรื่อย ๆ ไม่เหมือนก่อนที่เลาะไปแทบทุกจังหวัดได้ ลงไปหาดใหญ่รอบนี้ ญาติโยมทางสตูล ภูเก็ต กระบี่ ยะลา ปัตตานี หรือแม้กระทั่งทางด้านบนอย่างนครศรีธรรมราช พัทลุง ก็แวะลงไป ถ้าไม่เช่นนั้นสมัยก่อนก็แวะลงนครศรีธรรมราชแล้วค่อย ๆ เลาะลงไปทีละจังหวัด สมัยนี้เวลามีน้อย จังหวัดไหนมีสนามบินก็ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าไม่มีสนามบินอาตมาก็ไม่ได้แวะ โดยเฉพาะโยมทางปัตตานีกับนราธิวาส น่าเป็นห่วงมาก เพราะว่าอยู่ในพื้นที่ล่อแหลม ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นี่อย่างไรเขาก็จะเอาให้ได้"


เถรี 25-12-2019 20:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ปิดกระทู้ร่วมสร้างเมรุวัดปรังกาสี เพราะว่าได้เงินตามที่ต้องการแล้ว คือ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ปิดกระทู้สร้างพระจุฬามณีเจดีย์สวรรค์ เพราะว่ายอดที่ท่านระบุไว้ว่า ๒ ล้านบาท ตอนนี้ได้ล้านกว่า ๆ ลงยอดไป ๒ ล้านบาท ขอควักกระเป๋าเองนิดหนึ่ง

ส่วนที่เปิดใหม่ก็คือกฐินปลดหนี้ ตั้งใจว่าจะไปช่วยสร้างพุทธมณฑลปัตตานี แต่เจ้าคุณชรัชท่านยังสองจิตสองใจอยู่ ท่านขอไปเกลี้ยกล่อมเจ้าภาพ เพราะว่าวัดตานีนรสโมสรเป็นวัดหลวง ถึงเวลากฐินหลวงจะมาโดยหน่วยราชการ อาตมากำหนดวันเวลาตายตัวไป ถ้าเกิดว่าทางหน่วยราชการเขาไม่สะดวก มาไม่ได้ ก็แปลว่าแห้ว..! ก็เลยยังไม่ได้ลงไว้ว่ากฐินปลดหนี้จะไปที่ไหน เพราะว่ามีแต่เวลาคือ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ วันที่ ๒๓ เป็นวันหยุด ถ้าหากไปปัตตานีเราเดินทาง ๒๓-๒๔ ไปถึงทอดกฐินเดินทางกลับ วันที่ ๒๕ จะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็จะสะดวกกับคนที่วันหยุดมีน้อย

แต่คราวนี้ของท่านก็ต้องไปลุ้นกัน หน่วยราชการพอเอากฐินหลวงไปก็มักจะใช้วันทำงานปกติ เพราะว่าจะได้อู้ไปวันหนึ่ง ส่วนวันหยุดเก็บไว้ใช้ตามปกติของตัวเอง จะได้ไม่เสียวันหยุด จึงตั้งใจเอาไว้แค่นั้นก่อน ถ้าหากว่าได้ตามที่ต้องการ งานทางปักษ์ใต้ก็จะได้สะดวกขึ้น แต่ถ้าไม่ได้ตามที่ต้องการ ยังไม่ได้ดูว่าคิวถัดไปคือวัดอะไรเพราะตอนนี้คิวยาวประมาณ ๓ กิโลเมตร น่าจะคิวยาวพอกับกฐินวัดปากน้ำ

กฐินวัดปากน้ำเจ้าภาพจองล่วงหน้าไป ๓๐๐ กว่าปี มีเจ้าภาพทุกปี ทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่า ถ้าตายก่อนก็จะสั่งลูกสั่งหลานรับเป็นเจ้าภาพต่อ พ.ศ.นั้น พ.ศ.นี้ กฐินปลดหนี้ของอาตมา ถ้าอาตมาตายก่อนก็จบเลย ไม่มีใครทำต่อ หรือถ้ามีคนทำต่อก็ขออนุโมทนาด้วย

คราวนี้เราตั้งไปสร้างพุทธมณฑลปัตตานี ต้องเห็นกำลังใจท่านเจ้าคุณชรัช นอกจากท่านกล้าลงไปในพื้นที่ซึ่งช่วงนั้นกำลังเดือดแล้ว ท่านยังกล้าสร้างพุทธมณฑลปัตตานี ในพื้นที่ที่ซึ่งเป็นอิสลาม ๙๐ เปอร์เซ็นต์"

เถรี 25-12-2019 20:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามั่นใจว่าประเทศไทยพัฒนาไม่ทันใคร เพราะว่าคนไทยไม่ชอบนั่งข้างหน้า ถึงเวลาก็ย่องอยู่แต่ข้างหลัง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้มีคำพูดติดปากว่า มาก่อนนั่งข้างหลัง มาทีหลังนั่งข้างหน้า ส่วนอาตมาตั้งแต่เด็กก็เป็นเด็กหน้าห้อง ไม่ใช่เด็กหลังห้อง เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่เป็นเด็กหลังห้อง แม้กระทั่งมาเรียนปริญญาก็เป็นเด็กหน้าห้อง ไปนั่งกดดันอาจารย์..!"

เถรี 25-12-2019 20:22

พูดถึงการรับรางวัล "มาออกดอกออกผลช่วงนี้ ทุกหน่วยงานที่เคยร่วมงานกัน เขาเห็นว่าสมควรจะได้ พระที่วัดท่านถามว่าเหนื่อยมา ๓๐ กว่าปี คุ้มหรือกับรางวัลแค่นี้ ? ก็บอกว่ารางวัลที่ได้มาจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็ตาม ส่วนหนึ่งก็คือเขาเห็นแล้วว่าสิ่งที่เราทำเพื่อประโยชน์คนอื่นจริง ๆ เพราะว่าต่อให้เขาจะให้รางวัล หรือว่าไม่ให้รางวัล เราก็ต้องทำ

เรื่องของการทำดี ถ้าเราทำเพราะอยากทำจะทำได้ทน ทำได้นาน ถ้าทำดีเพราะอยากดี ถึงเวลาดีไม่ตอบเราก็จะหมดกำลังใจ รางวัลพวกนี้เอาไว้สำหรับพวกหมดกำลังใจง่าย ๆ แต่บังเอิญว่ามาลงตรงนี้ก็รับ ๆ ไปเถอะ อาตมาได้เยอะเกินไปจนเพื่อนเขาหมั่นไส้ ถามว่ามึงจะเอาตู้ที่ไหนมาเก็บ ?

รางวัลหน่วยอบรมประชาชนดีเด่นได้มา ๓ ปี รางวัลสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น ๕ ปี ต้องสละให้เขาไป ๔ ปี เพราะว่าหลวงพ่อวัดพระแท่นดงรังท่านมาปรึกษา “อาจารย์เล็ก ขอให้วัดที่ยังไม่เคยได้บ้าง” อาตมากราบเรียนว่า “ได้ครับ...ก็เปลี่ยนชื่อให้ท่านไปเลย” จำได้ว่าให้วัดเหนือไป ให้วัดใหม่เจริญผลไป ให้วัดทุ่งมะสังไป ให้วัดอุดมมงคลไป มาปีนี้เขาบอกว่าอย่างไรอาจารย์เล็กต้องรับนะครับ เพราะว่ามาทีไรก็ชื่อวัดท่าขนุนทุกที เอ้า...รับก็รับ"


เถรี 25-12-2019 20:24

"วัดท่าขนุนได้ระดับประเทศมาแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ เป็นรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งระดับประเทศนี่ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดมี ๑,๕๐๐ เกือบ ๑,๖๐๐ แห่ง มีแค่ประมาณ ๒๐๐ กว่าแห่งภายใน ๕-๖ ปีที่เขาให้มา นี่ก็เลยว่าในเมื่อเป็นระดับจังหวัด เราก็สละให้วัดอื่นที่เขาทำงานอยู่ ปรากฏว่าปีนี้เขาบอกว่าไม่ได้ อย่างไรก็ต้องเอา

เรื่องของการทำงานได้รางวัลหรือไม่ได้รางวัล ด้วยนิสัยเฉพาะตัวอาตมาก็ทำ รางวัลได้มาไม่ใช่ตัวเองดีใจนะ กลายเป็นญาติโยมกระตือรือร้นกันขึ้นมาอีกเยอะเลย เพราะเห็นว่าทำแล้วได้ เดี๋ยวนี้งานชุมชนคุณธรรมคึกคักกันมาก ช่วงนี้สำรวจทางรถไฟสายมรณะ ผลงานออกมา ๔๐๐ กว่าหน้า มีทั้งสัมภาษณ์มีอะไรเต็มไปหมด บอกเขาว่า เฮ้ย...เดี๋ยวตอนเกลางานชุดสุดท้ายใส่ชื่อหลวงพ่อลงไปด้วย เดี๋ยวหลวงพ่อจะไปส่งเป็นงานวิจัยของตัวเอง อาตมาเป็นประธานคณะหาข้อมูลอยู่แล้ว

พวกเขาที่กระตือรือร้นเพราะว่างานหลายส่วนต้องใช้งบประมาณ อย่างการเดินทางมาหาข้อมูลในกรุงเทพฯ พวก Documentary ก็ทำทางด้านนี้ ด้านโน้นก็ลงสำรวจพื้นที่ ไปสัมภาษณ์คนเก่าคนแก่ พอถึงเวลาตั้งเป็นคณะทำงานก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าพาหนะ ฯลฯ บางคนก็ทำด้วยใจจริง ๆ ให้อะไรก็ไม่เอา บอกว่าอยากทำ เกษียณแล้วนั่งเซ็ง ๆ เจอบุคลากรแบบนี้พอถึงเวลาทำงานแล้วได้รางวัลอะไรมา เขาก็ตื่นเต้นกัน"

เถรี 25-12-2019 20:28

"อย่างรางวัลที่จะรับวันอาทิตย์นี้เป็นรางวัลหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบ แล้วก็รางวัลช่วงที่ผ่านมามีรางวัลชุมชนคุณธรรมต้นแบบ ต้องเป็นการร่วมมือทั้งหมดของบ้าน วัด โรงเรียน แล้วก็ราชการ มีมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าช่วงนี้พอเขาสรุปงาน เขาก็ว่างานของวัดท่าขนุนทุกภาคส่วนมาหมด

ทุกภาคส่วนมาหมด ก็คือทางส่วนราชการเขานำ อย่างผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอเป็นคนออกหนังสือเอง ออกหนังสือเรียกทั้งหมดไปรวมกันเลย ถึงเวลาประธานคณะกรรมการตรวจสอบถามผู้ว่าฯ งานตรงส่วนนี้เป็นอย่างไร ? ถามนายอำเภอ ถามนายกเทศมนตรี ถามกระทั่งหมอ มีคนไข้ติดเตียงกี่คน ? คนไข้ติดเตียงประเภทอยู่บ้าน ไม่อยู่วัดมีไหม ? เขาตอบได้หมดเพราะข้อมูลเขามี อาตมาไม่ต้องไปเสียเวลาไปเตี๊ยมกับเขาเลย เพราะว่าทำกันมานานแล้ว

ถึงเวลาก็ไปเยี่ยมให้กำลังใจเขา เพราะว่างานนี้ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอวัดหินแหลม ผ่านมาถึงเจ้าคณะอำเภอวัดเหมืองปิล็อก แล้วก็มาปัจจุบันนี้ ส่วนอาตมาทำมาตั้งแต่สมัยโน้นแล้ว ท่านตั้งให้เป็นประธานการสาธารณสงเคราะห์คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ก็ต้องไปดูไปแลเรื่องพวกนี้"

เถรี 25-12-2019 20:29

"มันแค่ถึงเวลาแล้วเขายืนยันผล ที่น่าปลื้มใจที่สุดก็คือปีใหม่ไม่มีคนกินเหล้า เข้าวัดสวดมนต์กันเกิน ๘๐% ที่เหลืออาจจะไปเยี่ยมญาติพี่น้องบ้างอะไรบ้าง หรือไม่ก็ดูงานที่อื่นบ้าง แต่ถ้าในพื้นที่นี่เข้าวัดสวดมนต์กัน

เดี๋ยวนี้พวกเราสู้คนพื้นที่เขาไม่ได้แล้วนะ อย่าลืมว่าจัดสวดมนต์ข้ามปีครั้งแรกประมาณปี ๒๕๕๒ - ๒๕๕๓ คนกรุงเทพฯ เกือบทั้งหมด คนพื้นที่มีน้อย แต่เดี๋ยวนี้ของเราคนกรุงเทพฯ เหลือน้อยกว่าคนพื้นที่เยอะ ทำไป ๆ พอชาวบ้านเขาเห็นว่าทำเพื่อเขาจริง ๆ ถึงเวลาเขาก็ไปวัดกัน"

เถรี 25-12-2019 20:31

"โดยเฉพาะงานตลาดชุมชนที่ตอนนี้กำลังจะซื้อเครื่องอัดวัสดุธรรมชาติที่ทำเป็นจานเป็นชาม ฯลฯ เขาจะใช้พวกใบสัก ใบตอง พวกกาบหมาก ฯลฯ มาทำเป็นวัสดุใช้งานที่ย่อยสลายได้ เครื่องหนึ่งประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท ตอนนี้ ๓ ชุมชนรอบวัด ไม่ว่าจะเป็นวังท่าขนุน พัฒนาทองผาภูมิ ริมฝั่งแควน้อย กะว่าจะเอาไปชุมชนละ ๑ เครื่อง

เสร็จแล้วคุณก็หาคนที่ยังไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอันมาสัก ๓ คนต่อชุมชน ไปอบรมเผื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำ แล้วตอนนี้สินค้าหมด เขาสั่งจนผลิตไม่ทัน ในเมื่อเขาสั่งจนผลิตไม่ทัน เขาก็บอกมาทางนี้ว่า ถ้าชุมชนของเราซื้อเครื่อง เขายินดีรับซื้อผลงานทั้งหมดเลย พูดง่าย ๆ คือยังไม่ทันจะทำเลยเขาจองซื้อกันแล้ว ก็จะช่วยให้ชุมชนเขามีงานทำ ถึงเวลามีรายได้ขึ้นมาก็รู้จักเข้าวัดกันเอง คนเราถ้าลำบากเรื่องการทำมาหากิน จะเอาเวลาที่ไหนไปเข้าวัด ?"

เถรี 25-12-2019 20:40

"ตอนนี้ก็เริ่มโครงการใหม่ เพิ่มเครื่องฟอกไตให้โรงพยาบาล แล้วคราวนี้บอกเขาจะเอาราคาแพงแล้ว เครื่องละ ๕๐๐,๐๐๐ กว่าบาท เขาบอกว่าฟอกไปแล้ว คนฟอกไตหมดเรี่ยวหมดแรงไปเกือบ ๒ วัน ส่วนเครื่องเป็นล้านเขาบอกว่าออกจากเครื่องมาทำงานต่อได้เลย

อาตมาบอกกับ ผอ. โรงพยาบาลว่า เต็มที่ไปเลย เดี๋ยวหลวงพ่อหาสตางค์ให้เอง เขาก็พยายามจะไปทำโครงการฟอกไตให้ใช้ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค เขาบอกว่ายื่นเรื่องไปตั้งแต่ห้องฟอกไตเรายังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จนป่านนี้กระทรวงยังเงียบอยู่เลย จึงบอกว่าให้กระตุ้นซ้ำไปอีกหน่อยก็แล้วกัน เพราะว่าของเราถ้าเต็มที่ ๑๒ เตียงก็มีเท่ากับโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เลย"

เถรี 25-12-2019 20:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้สงฆ์ติดหนี้อาตมาเยอะเลย เงินส่วนตัว ทองส่วนตัว เอาลงไปใช้งานสงฆ์จะหมดแล้ว ตอนนี้ที่รีบ ๆ อยู่นี่ก็คือเงินสร้างจุฬามณีเจดีย์สวรรค์ที่วัดเขาทำเทียม เพราะว่าหลวงพ่อท่านดูท่าสุขภาพไม่ดี

ช่วงนี้หลวงปู่แก่นมรณภาพ หลวงปู่พร้า วัดโคกดอกไม้ วันก่อนก็หลวงปู่ชุ้น วัดวังตะกู ระดับ ๙๔-๙๖ ปี หลวงปู่วัดป่าเลไลยก์ท่านเพิ่ง ๘๕ ปี ตอนแรกท่านบอกว่า "ข้าจะอยู่ ๑๒๐ ปี ต้องหางานทำเอาไว้ จะได้มีกำลังใจอยู่" งวดล่าสุดที่ท่านไปวัดท่าขนุน เห็นเดินแล้วหอบ กราบเรียนท่านว่า "หลวงพ่อ..ถ้า ๑๐๘ ปีนี่คงไม่มีปัญหาใช่ไหม ?" ท่านบอก “มีนิดหน่อยแล้วว่ะ..!" บอกว่าแค่ ๘๕ ก็เดินแล้วหอบ ศาลาวัดเราดูเหมือนกับไม่ใหญ่ แต่ความจริงแล้วใหญ่มาก"

เถรี 25-12-2019 20:47

"พอถึงเวลาเดินเข้าไป กว่าจะถึงที่นั่ง...นั่งหอบเลย กราบเรียนท่านว่า จะรีบเอา ๒ ล้านไปถวายท่านก่อน ปกติแล้ววันเกิดท่านคือ ๔ มกราคม แต่คราวนี้ ๔ มกราคมเป็นวันรับสังฆทานที่นี่ คงจะต้องหาจังหวะไปถวายท่านก่อนหน้านั้น ก็คือพอถวายแล้วท่านเข้าบัญชีไปแล้วก็จบเลย เพราะว่าเวลาช่างเขาทำ คนอื่นเขาก็จ่ายเงินในบัญชีได้ แต่ถ้าท่านมรณภาพก่อนแล้วค่อยถวาย ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน

ตอนสร้างพระใหญ่ถวายท่านไปหนึ่งล้านบาท มางวดนี้ท่านเห็นสร้างวิทยาลัยสงฆ์ ท่านบอกว่า “เอ็งให้วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ๑๐ ล้าน ข้าขอล้านเดียวว่ะ” ก็ถามท่านว่าหลวงพ่อจะทำอะไร ? “จะทำจุฬามณี” ท่านช่างคิดนะ จุฬามณีเท่ากับเป็นมงกุฎของพระใหญ่ เราคิดอย่างท่านไม่ได้ ยังกราบเรียนท่าน บอก "แบบหลวงพ่อผมทำไม่ได้" ท่านบอก “แกทำได้ พระใหญ่ข้าแค่ ๘๐ ล้าน แกสร้างพระทองคำไปตั้ง ๑๐๐ กว่าล้าน” “ผมทำไม่ได้จริง ๆ ครับ มีเงินแล้วไม่มีสถานที่ จะไปทำตรงไหน ?”

ของหลวงพ่อท่านหาเงินได้ ท่านมีสถานที่ อาจจะเป็นเพราะว่าท่านไปเหนื่อยตรงนั้นมากก็เลยทำให้ร่างกายเสื่อมเร็ว..พักผ่อนไม่พอ เพราะว่าต้องวิ่งหาเงินให้เขาเดือนหนึ่ง ๒-๓ ล้านบาท ตอนแรกก็ยังกราบเรียนท่านว่า “หลวงพ่อ..จุฬามณีราคาแค่ ๒ ล้าน ๓ วันก็พังแล้ว” “เฮ้ย...คนของข้าเก่ง เขาทำดี เพียงแต่เขาคิดราคาถูก เพราะว่าเขาได้จากข้าไปเยอะแล้ว” ท่านก็ช่างคิด “ก็ในเมื่อเขาระเบิดพระใหญ่ที่บามิยันไป ข้าก็ต้องสร้างใหม่”

เถรี 26-12-2019 08:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เพราะว่า รศ.ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี มาตรวจโครงการทุนเล่าเรียนหลวง ก็เลยพูดไปหลายเรื่อง บอกเขาว่า "อาตมาพูดแรงนะ โยมต้องทำใจ"

คำว่า หลวง ในความรู้สึกของชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็คือ ถ้าไม่ใช่ในหลวงก็ต้องเป็นราชการ แต่ปัจจุบันนี้โครงการทุนเล่าเรียนหลวงของคุณ พระทุกวัดต้องจัดทอดผ้าป่า เอาเงินเข้ากองทุนเล่าเรียนหลวง นั่นใช่หรือ ? ก็กลายเป็นโครงการวัดช่วยวัดสิ ถ้าคุณจะจัดในลักษณะขอให้วัดช่วยก็ได้ แต่ต้องให้วัดหลวงเท่านั้น เพราะว่าวัดหลวงทุกวัดกว่าจะผ่านการพิจารณา ต้องบอกว่าสมรรถภาพเขามีเพียงพอที่จะช่วยเหลือตรงนี้

อย่างทองผาภูมิของอาตมา วัดสุดท้ายห่างจากจุดศูนย์กลางการปกครอง ๘๗ กิโลเมตร นั่งรถขับเคลื่อน ๔ ล้อเข้าป่าเข้าดงไปเป็นชั่วโมงกว่าจะถึง แล้วบางช่วงขนาดมีรถขับเคลื่อน ๔ ล้อยังติด เข้าไม่ได้ จัดเทศน์แต่ละทีมีโยมมา ๕-๑๐ คน คนทำบุญมา ๒๐๐-๓๐๐ บาท แทนที่จะเป็นค่าน้ำค่าไฟของวัด ต้องเอามาเข้ากองทุนเล่าเรียนหลวง แบบนี้คุณว่าใช่ไหม ?"

เถรี 26-12-2019 08:35

"ตัวต้นโครงการคุณอยู่กรุงเทพฯ คุณเคยดูไหมว่าพวกอาตมาต่างจังหวัดอยู่ยากกันขนาดไหน ? ไม่ใช่เอาความสะดวกสบายของกรุงเทพฯ มาวัด แล้วก็ให้ทุกวัดช่วยกันจัดผ้าป่าเอาเข้ากองทุนเล่าเรียนหลวง

เขาบอกว่าเขาไม่เคยมีข้อมูลตรงนี้เลย ก็บอกไปว่าคนอื่นเขาไม่กล้าพูด แต่ว่าอาตมาไม่ใช่ อาตมาไม่ได้หวังอะไรและไม่กลัวการถอดยศด้วย เพราะฉะนั้น..จึงกล้าพูด ให้เอาข้อมูลนี้ไป ถึงเวลา
แล้วให้นำเสนอในที่ประชุมด้วย

ประการที่ ๒ ถึงเวลารับทุนเล่าเรียนหลวง อาตมามีพระลูกศิษย์ได้รางวัลหลายรูป แต่ทุกรูปไม่รู้เรื่องเลย ในวันรับทุนเล่าเรียนหลวงทุกคนยังเรียนอยู่ แต่มีคนรับทุนไปเรียบร้อยแล้ว อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ? เขาก็เลยบอกว่าตรงนี้เขากำลังหาวิธีแก้ไขอยู่เหมือนกัน ใครก็ตามที่ได้ทุนเล่าเรียนหลวง จะให้ส่งหมายเลขบัญชีเฉพาะตัวเข้ามา แล้วทางโครงการฯ โอนเข้าตรงไปเลย ถ้าอย่างนั้นก็แก้ปัญหาได้

ก็เหลือฝากอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องนี้ เรื่องที่ว่าให้พระช่วยกันทอดผ้าป่าเพื่อเอาเข้ากองทุนเล่าเรียนหลวง อาตมาว่าไม่ใช่ คุณต้องเอาจากส่วนราชการทุกส่วน หรือไม่ก็เป็นทุนพระราชทานมาโดยตรง ถึงจะเป็นทุนเล่าเรียนหลวง ถ้าจะเอาจากวัดก็ต้องเอาจากพระอารามหลวงเท่านั้น"

เถรี 26-12-2019 08:36

"อาตมาเองอยู่ที่ไหนคนเขาก็ไม่ค่อยชอบหน้า เพราะว่าไปใส่เขาตรง ๆ เสียทุกที่ แต่ถ้าไม่พูดก็จะคาราคาซังอยู่อย่างนั้น จึงต้องเสียสละตัวเอง คนที่ไม่หวังยศไม่หวังตำแหน่ง ไม่กลัวผลกระทบ จะกล้าพูดกล้าทำ แต่ถ้าคุณหวังยศ หวังตำแหน่ง หรือกลัวผลกระทบ ว่าถึงเวลาจะมีผลต่อการดำเนินชีวิตของเขา เขาก็จะไม่แตะกัน

จริง ๆ แล้วเขาบอกว่า ไม่เคยมีคนรายงานข้อมูลนี้ให้เขาเลย เขาไปตรวจงานมาหลายที่แล้ว ไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเขาเลย อาตมาเลยบอกเอง เพราะว่าคนอื่นเขาไม่กล้าพูด

คิดดูว่าต่างจังหวัด พอถึงเวลาทางอำเภอรวบรวมเงินกันมาได้ ๓,๐๐๐ บาท แล้วก็เอาเข้ากองทุนเล่าเรียนหลวง น่าภูมิใจมากเลยหรือ ? ๓,๐๐๐ บาทนี่ในกรุงเทพฯ วัดเดียวก็ได้แล้ว แล้วคิดดูว่าทั้งอำเภอแต่ละอำเภอเฉลี่ยประมาณ ๕๐ วัด เงิน ๓,๐๐๐ พอหารดูแล้วเหลือเท่าไร ? ก็เหลือวัดหนึ่งแค่ไม่กี่สิบบาท แล้วเขาเองอยู่กันลำบากขนาดนั้น คุณยังไปเอาได้ลงคอ..!"

เถรี 26-12-2019 08:38

"รุ่นอาตมาอยู่นี่หลวงพ่อพรหมดิลก สมัยนั้นยังเป็นพระเทพสุธี ไปถึงไหนก็พูดถึงนั่นเลย บอกว่าผมไม่เคยรู้เลยว่าลูกน้องผมอยู่กันลำบากขนาดนี้ ท่านจะชี้มาที่อาตมาเสมอ "ถ้าไม่ได้ท่านเล็กนี่ผมไม่รู้จริง ๆ นะ ท่านพาไปอยู่ริมเขื่อนนั่งแพ โอ้โฮ...วิวสวยโคตร ผมก็ปลื้มใจ ที่ไหนได้..พอขึ้นจากแพ พานั่งรถขับเคลื่อน ๔ ล้อเขย่าไปอีกเกือบ ๒ ชั่วโมง เขย่าจนผมจะหลุดเป็นชิ้น ๆ" นั่นท่านไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเราอยู่กันลำบากขนาดนี้

กราบเรียนว่า "นั่นแหละครับ เป็นเจตนาของผมเลย ที่ผมจัดอบรมพระนวกะในที่ลึก ๆ เพื่อให้หลวงพ่อได้รู้ว่าพวกผมอยู่กันลำบากแค่ไหน ต่อไปจะได้ไม่เอาแต่สั่ง ๆ ๆ" เอาให้เข็ด..เจ้านายไปที่ไหนก็พูดถึงที่นั่น

ปัจจุบันนี้หลวงพ่อพระธรรมโพธิมงคล หลวงพ่อเจ้าคุณสมควร เป็นเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านอยู่วัดนิมมานรดี ท่านมีแนวคิดว่าท่านจะไปเยี่ยมวัดให้ครบทุกวัด ไม่ว่าพื้นที่จะลำบากแค่ไหน จนป่านนี้ท่านเป็นจนกระทั่งหมดวาระไปรอบกว่าแล้วยังไปได้ไม่ทั่วเลย"

เถรี 26-12-2019 08:40

"อยู่ ๆ ท่านก็ไปเดินโย่ง ๆ อยู่ในวัดท่าขนุน อาตมาเองก็ เฮ้ย...เจ้านายมา ก็วิ่งเข้าไปถวายความเคารพ เรียกพระเณรมากราบ ท่านบอกว่า "ไม่ต้อง..ใครทำอะไรให้ทำไป ผมแค่มาดูว่าคุณทำอย่างที่ผมบอกไว้หรือเปล่า"

ท่านมาตรวจงานที่ท่านสั่งเอาไว้ พอถึงเวลาออกจากของเราไป ท่านไม่ได้ขึ้นสังขละบุรีนะ ถึงเวลาส่งไลน์บอกเจ้าคณะจังหวัดท่านไปดักรอ หลวงพ่อเจ้าคณะภาคท่านเลี้ยวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ท่านบอกว่า "พวกคุณถึงเวลาก็โทรบอกกัน ส่งไลน์บอกกัน ถ้าผมขืนไปตามเส้นทางนี่ พวกคุณก็เอาผักชีมาโรยหน้าให้ผมดูเท่านั้นเอง" ท่านนึกจะไปทางไหนท่านก็เลี้ยวไปเลย

ได้เจ้านายแบบนี้ต้องบอกว่าไม่รู้ว่าสร้างบุญมาแต่ชาติไหน ท่านไปเป็นประธานเปิดงานประชุมพระนวกะที่วัดท่าขนุน ถวายปัจจัยไทยธรรม ท่านบอกว่า “ไม่ต้อง..ผมมีมากแล้ว ถ้าคุณขาดอะไรให้บอก ไปเอาที่ผมได้” แล้วจะไปหาเจ้านายดี ๆ อย่างนี้ได้จากไหน ? เป็นที่รู้กันเลยว่านิมนต์ท่านมาไม่ต้องเสียสตางค์ ไม่ต้องถวายกระเช้า ไม่ต้องอะไรทั้งนั้น แล้วถ้าขาดอะไรให้บอกท่าน ถ้าขาดคนท่านหาคนมาช่วย
ถ้าคุณบวชสามเณรภาคฤดูร้อนขาดผ้าไตรจีวร เดี๋ยวท่านส่งมาช่วย แล้วที่แน่ ๆ ถ้าขาดสตางค์ก็บอก เดี๋ยวท่านหามาให้"

เถรี 26-12-2019 08:43

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปพุทธาภิเษกวัตถุมงคลให้ที่สยามประติมากรรม เขารวบรวมผลงานของบรรดาจิตรกร มัณฑนากร ฯลฯ เพื่อหาทุนช่วยสาธารณประโยชน์ ก็เลยช่วยเขาซื้อรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปหนึ่งรูป ๖๙,๐๐๐ บาท บอกว่าอาตมาขอใช้เงินส่วนตัวร่วมด้วย ขอซื้อรูปในหลวงรูปเดียวพอ

ตอนแรกก็สั่งเขาห่อ บอกว่าเอาขึ้นรถให้ที ปรากฏว่าขึ้นรถไม่ได้ ตอนที่แขวนอยู่ดูไม่ใหญ่ พอลงมาใหญ่กว่ารถอีก ท้ายสุดเขาก็เลยต้องส่งไปทางพวกสายส่งด่วน คราวนี้ตอนพุทธาภิเษกก็ขำ ๆ เพราะว่าเห็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ มา แล้วอีกสักพักหนึ่งท่านกวนอูก็มาด้วย ก็ถามว่าแล้วคุณมาทำอะไร ? ท่านบอกว่าเจ้านายสั่งให้มา เจ้านายของท่านคือพระอินทร์ ท่านว่า "ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องฟาดฟันกันครับ ผมเองคงจะมีความสามารถทางด้านนี้ เจ้านายท่านเลยให้มาช่วย" มีความยากลำบากในการทำมาหากิน จะให้ฝ่า ๕ ด่านประหาร ๖ ขุนพลหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ? ท่านเล่นแบกง้าวมาเลย"

เถรี 26-12-2019 08:46

"แต่ง้าวในความคิดของเรากับของท่านไม่เหมือนกันนะ ง้าวของท่านเหมือนกับดาบขนาดใหญ่ แต่ด้ามยาว ๆ หน่อย ด้ามยาวประมาณเกือบ ๒ ช่วงแขน ไม่ใช่ด้ามยาวแบบง้าวที่เราเคยเห็น แต่ว่า โอ้โฮ...ตัวง้าวใหญ่มาก ๔๘ กิโลกรัมโดยประมาณ ถ้าไม่แข็งแรงจริง ๆ จะไปยกอะไรไหว แต่ท่านถือมือเดียวเลย ไอ้ ๔๘ กิโลกรัมนี่พวกเรา ๒ มือเอาขึ้นไหม ? คือ ๘๐ ชั่ง จิน (ชั่ง) ของคนจีนประมาณ ๖ ขีด เทียบเป็นของเราก็ ๔๘ กิโลกรัม

ที่ไปเมืองจีนมางวดนี้ก็เหมือนกัน ตรงโน้นก็ขายเป็นจิน ตรงนี้ก็ขายเป็นจิน คนไทยเราก็ไปบ่นทำไมไม่ขายเป็นกิโลกรัม ? ก็หน่วยของเขาเป็นแบบนั้น นึกเสียว่าคุณซื้อครึ่งกิโลกรัมหรือว่าซื้อกิโลกรัมจีนก็หมดเรื่อง"

เถรี 27-12-2019 09:09

ถาม : เพิ่งฝึกกรรมฐานไป จับลมหายใจไปตามที่บอก มีบางครั้งก็สวดภาวนาไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้จับลมหายใจค่ะ อย่างนี้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาผลต้องอยู่กับลมหายใจ ถ้ารู้ตัวว่าคิดเรื่องอื่น ได้สติก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจใหม่ แรก ๆ จะไปตามความเคยชิน ก็คือฟุ้งไปทุกอารมณ์ คราวนี้พอเรามาบังคับให้อยู่ตรงนี้สักพักหนึ่งก็ไปอีกแล้ว พอรู้ตัวก็ดึงกลับมา สักพักไปอีก เมื่อรู้ตัวก็ดึงกลับมา พอนานไป ๆ กำลังสมาธิเราเริ่มสูงขึ้น ก็จะอยู่ได้นานขึ้นเรื่อย ๆ

ถาม : ถ้าจับภาพพระ จำเป็นว่าเราต้องจับด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น แรก ๆ เอาแค่ลมหายใจอย่างเดียวก็ได้ หลังจากนั้นถ้าชำนาญขึ้น บวกคำภาวนาเข้าไปก็ได้ ถ้าชำนาญกว่านั้นก็บวกภาพพระเข้าไปด้วย เอาทีละขั้น เอาลมหายใจเป็นหลักก่อน ที่หลวงพ่อสอนนั่นพวกเขาระดับสุดยอดแล้ว อย่าเพิ่งไปยุ่งดีกว่า

เถรี 27-12-2019 09:14

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนคุณชนินทรบอกว่า พระไปบอกแนวปฏิบัติกับคาถา มั่นใจว่าจำได้ พอสว่างขึ้นมาหายหมดเลย ก็เลยบอกว่ากติกาเขามีอยู่ว่าถ้าสว่างแล้วจะลืม อาตมาโดนมาเองแล้ว ความจำดีแค่ไหนก็ลืม ลืมเกลี้ยงแบบลบทิ้งไปเลย"

เถรี 27-12-2019 09:23

ถาม : (เอาวัตถุมงคลมาให้ดู) น่าจะเป็นกระดูกนะครับ ?
ตอบ : กระดูกช้าง กระดูกซี่โครง โดยเฉพาะซี่สุดท้าย ซึ่งระยะหลังนี่เขาเอากระดูกวัวหรือกระดูกช้างมาหลอกว่าเป็นงาช้างน้ำ หลอกขายได้เฉพาะคนที่ไม่รู้

อันดับแรก ถ้าเขาตัดมาแค่ตรงกระดูกซี่โครง ก็จะตัน งาช้างถอดปลอกมาจะไม่ตัน ประการที่ ๒ ถ้าเขาตัดถึงกระดูกสันหลัง ตรงกระดูกสันหลังจะออกมาเป็นเหลี่ยม ๆ ไม่กลมเป็นธรรมชาติ เราก็ดันไปเชื่อ ถึงเวลามาก็เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑ นิ้วกว่า ๆ ยาวสักศอก บอกว่าเป็นงาช้างน้ำ นั่นเป็นซี่โครงวัวหรือไม่ก็ซี่โครงช้าง ช้างน้ำจริง ๆ งาใหญ่สุดที่อาตมาเจอก็ประมาณปากกา แล้วลองดูสิ...ปากกากับซี่โครงนั่นต่างกันแค่ไหน

เถรี 27-12-2019 09:28

ช้างน้ำตัวใหญ่สุดก็ประมาณหมู ไม่ใช่หมูทั่ว ๆ ไปนะ ใครเคยเห็นหมูหลุมหมูดินของพวกแม้วบ้างไหม ? ตัวไม่ใหญ่หรอก เต็มที่ก็แค่นั้น ส่วนพวกตัวเล็ก ๆ ซน ๆ ที่ตัวประมาณหนูอะไรนั่นเป็นพวกลูกช้างน้ำ เจออะไรก็ซนไปเรื่อย ลูกสัตว์เขาไม่กลัว ไม่เหมือนตัวใหญ่ ตัวใหญ่เจอคนก็จะหลบ พวกลูก ๆ นี้เผลอก็โดนจับ

ต้องถามท่านอาจารย์เต้ วัดพุน้ำร้อน สมัยเด็ก ๆ แม่ของท่านช้อนใส่กะละมังให้เล่น ท่านบอกว่าตอนแรกก็สงสัยว่าตัวอะไร ว่ายน้ำได้แต่มี ๔ ขา แม่บอกว่าช้างน้ำ แต่ว่ามีชื่อเฉพาะของทางด้านกะเหรี่ยง อาตมาก็จำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร ช้างทั่วไปเรียกกระชอ ไอ้นั่นกระชอที้กระมัง ? ช้างน้ำ


ถาม : คำว่า ทิ คือ ?
ตอบ : ทิ ก็อย่าง องทิ คือคำว่าน้ำ เป็นภาษากะเหรี่ยง ทีลอซู แปลว่าน้ำตกใหญ่ ที้หล่อ คือน้ำตก คนไทยออกเสียงไม่ตรง คำว่า ชู ก็ออกเสียงไม่ได้ กลายเป็นทีลอซู

เถรี 27-12-2019 09:40

ถาม : จะมีเหตุหรือปัจจัยอะไรไหมครับ ที่ทำให้คนเราอดทนมากขึ้น ?
ตอบ : อันดับแรก ผ่านการฝึกฝนมา อันดับที่ ๒ กำลังใจ สมาธิสูงเท่าไรก็อดทนมากเท่านั้น

ถาม : แค่สองปัจจัยเท่านั้นหรือครับ ?
ตอบ : มีมากกว่านั้นอีก แต่ว่าหลัก ๆ คือสองอย่าง ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนึ่ง แล้วก็สมาธิอย่างหนึ่ง พวกนี้ถ้าข้ามชาติข้ามภพมา ก็จะสั่งสมกลายเป็นอุปนิสัย ในเมื่อเป็นอุปนิสัยก็สู้ทุกเรื่อง เพราะอึดกว่าคนอื่นเขา

เถรี 27-12-2019 09:45

ถาม : ความกลัวมีผลไหมครับ ?
ตอบ : มี..แต่ถ้าเขาสั่งสมมาจริง ๆ ก็กลัว แต่กลัวแล้วไม่หนี กลัวแล้วสู้ เพราะฉะนั้น..เรื่องของการตัดสินใจในบางเรื่อง ทุกคนมีความกลัวหมด ต่อให้ทักษิณ ชินวัตร วอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จะลงทุนอะไรเขาก็กลัว แต่ว่าข้อมูลทั้งหมดและประสบการณ์ที่ผ่านมา บอกว่าถ้าทำอย่างนี้โอกาสกำไรมีมากกว่าขาดทุน เขาจะกล้าตัดสินใจ แต่ก็ยังกลัว เพียงแต่ว่ากลัวน้อยกว่าพวกเรา

เขาเองถ้าสูญไปสัก ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ล้าน ก็ยังมีใช่ไหม ? เราเองถ้าเสียไปสักล้านหนึ่งก็อาจจะหมด ฉะนั้น...ความกลัวจึงต่างกัน อยู่ที่ต้นทุน ตอนนี้คนที่น่าอิจฉาที่สุดคือแจ็ค หม่า


ถาม : ทำไมหรือครับ ?
ตอบ : เขาวางมือจากกิจการแล้ว ตอนนี้มีอย่างเดียวก็คือรอปันผล ใครจะบริหารก็บริหารไป กูไม่เครียดด้วยแล้ว ถึงเวลาก็ไปรำไทเก๊ก ไม่ต้องเสียเวลาไปคิดโครงการแล้ว และที่แน่ ๆ คือเขาวางมือในช่วงจังหวะที่พอดี เพราะว่ามีคนที่แทนได้ ถ้าเราต้องการให้หน่วยงานไปได้ ต้องหาตัวตายตัวแทนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าเห็นว่าใครแทนได้ก็ส่งไม้ต่อไปเลย

เถรี 27-12-2019 09:47

ถาม : ปัจจัยที่ทำให้คนมีวินัยในการฝึกฝนละครับ ?
ตอบ : เหมือนเดิม กำลังสมาธิและการฝึกฝนที่สะสมมา ในเมื่อกำลังสมาธิทำให้กำลังใจเข้มแข็ง ก็สู้ แม้จะยากลำบากแค่ไหนก็สู้ เสร็จแล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็เห็นประโยชน์ด้วยว่า เรื่องของระเบียบวินัย เรื่องของกฎหมายก็คือเพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ ก็ยินดีทำตาม

เถรี 27-12-2019 10:01

สรุปแล้วเกือบทั้งหมดมาลงตรง ศีล สมาธิ ปัญญา ของพระพุทธเจ้า ศีลก็คือวินัย เป็นกฎระเบียบที่จะต้องบังคับให้ปฏิบัติ เพราะว่าบางคนประเภทที่ความดีในใจมีน้อย ก็จะละเมิด จึงต้องบังคับกันด้วยกฎหมาย พอเข้ามาตามหน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องเป็นระเบียบวินัย ไม่อย่างนั้นแล้วองค์กรหรือหน่วยงานจะสับสนวุ่นวาย ไปไม่รอดหรอก อย่างปัจจุบันนี้พรรคอนาคตใหม่ ต้องบอกว่าแนวคิดล้ำหน้าแบบเด็กยุคใหม่ แต่ว่าความล้ำหน้า ถ้าเราคิดถึงภาษิตจีน ภาษิตจีนบอกว่า ‘ล้ำหน้าครึ่งก้าวเป็นอัจฉริยะ ล้ำหน้า ๑ ก้าวเป็นคนบ้า’ แล้วคราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ครึ่งก้าวของเรานี่ไม่ใช่ ๑ ก้าวของคนก้าวเล็ก ๆ ?

เพราะฉะนั้น..จะทำอะไรต้องดูกาลเทศะ ดูความพร้อม ดูความพอเหมาะพอสม ดูจังหวะเวลาในการนำเสนอ พรรคอนาคตใหม่เขานำเสนอในจังหวะเวลาที่สังคมส่วนใหญ่เขายังยอมรับไม่ได้ จะเผชิญแรงต้านมาก ปัจจุบันนี้พรรคอนาคตใหม่นำเสนออะไรมา คนส่วนหนึ่งเห็นด้วย แต่ว่าคนอีกส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย กลายเป็นว่าเกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม

ซุนวูบอกว่า ‘ถ้าหากว่าประกอบไปด้วย ระเบียบ วินัย กาละ ชัยภูมิ โอกาส รบที่ไหนก็ชนะ’

เถรี 27-12-2019 20:30

แต่คราวนี้บางอย่างที่พรรคอนาคตใหม่เสนอมา อย่างเช่นขอให้พวกตุ๊ดพวกแต๋วบวชได้ อันนี้ยังไม่ใช่ในความรู้สึกของคนทั่ว ๆ ไป แล้วบางคนก็ไปไกลเลย บอกว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยห้ามตุ๊ดห้ามแต๋วบวช ห้ามเฉพาะบัณเฑาะก์ มึงจะบ้า...! สมัยนั้นมีคำนี้ไหม ? เราต้องเข้าใจบริบทสมัยพุทธกาลด้วย

ในส่วนที่เขาเสนอมา อาตมาไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด แต่อาตมาทำเลย ก็คือตัวเองเป็นพระอุปัชฌาย์ คุณจะมาครึ่งหญิงครึ่งชายอย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเก็บอาการได้คุณก็บวชได้ แต่ถ้าเก็บอาการไม่ได้คุณต้องสึก เพราะว่าผิดแปลกจากสังคมของความเป็นพระ ฉะนั้น..ในส่วนนี้บางทีถ้าคุณไปวัดท่าขนุน อาจจะเจอพระบางรูปท่านเรียบร้อยผิดปกติ ก็ให้รู้ว่าเป็นประเภทนี้แหละ..!

พวกเราก็ไม่ได้ไปตราหน้าท่านว่าพระตุ๊ดพระแต๋วอะไร แต่เราเรียกท่านว่า "พระเรียบร้อย" จริง ๆ ก็คืออย่างเดียวกัน เพียงแต่ว่าที่ทำเพราะว่าพระอุปัชฌาย์ โดยศัพท์แล้วแปลว่า ผู้เพ่งดู ในเมื่อพินิจพิจารณาดูแล้วว่าสมควร จึงได้เอ่ยรับว่า “ปฏิรูปัง” แปลว่า สมควรแล้ว คำต่อมาคือ “โอปายิกัง” จงรักษาสัมมาปฏิบัติโดยอุบายอันชอบ แปลว่าทำให้ถูกต้องตามระเบียบ ตามวินัย ตามกฎเกณฑ์ของสถานที่ ถ้าคุณทำอย่างนี้แล้วสามารถรักษาสถานภาพได้..คุณบวชได้

เถรี 27-12-2019 20:33

อาตมาไม่ได้ว่าอะไร แต่อาตมาจะไม่ไปประกาศปาว ๆ ว่าวัดนี้กูรับบวชตุ๊ดบวชแต๋ว แบบนั้นก็ฉิ_หายสิ เพราะฉะนั้น..เราต้องเห็นด้วยว่า การก้าวล้ำครึ่งก้าวเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าก้าวล้ำ ๑ ก้าวเป็นคนบ้า อย่างที่ภาษิตจีนเขาว่าไว้

ในสายตาของคนรุ่นเก่า พรรคอนาคตใหม่คือคนบ้า แต่ถ้าในสายตาของคนรุ่นใหม่ พรรคอนาคตใหม่คืออัจฉริยะ ทำอย่างไรให้ความเป็นอัจฉริยะนั้นมีมากกว่าคนเห็นว่าเป็นคนบ้า ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะได้รับการยอมรับมากกว่านี้

เถรี 27-12-2019 20:36

อีกส่วนหนึ่ง ปัจจุบันนี้การเมืองของเรากลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ ที่น่าเบื่อเพราะตั้งใจเล่นการเมืองจนเกินไป ขณะเดียวกันฝ่ายตัวเองทำอะไรไม่ผิด อีกฝ่ายหนึ่งทำแล้วผิดหมด

ในเมื่อสิ่งที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน กลายเป็น ๒ มาตรฐาน ๓ มาตรฐาน ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมคะแนนนิยมถึงได้ตกรูดมหาราช เลือกตั้งครั้งใหม่อาจจะแพ้เลยก็ได้ ต่อให้ใช้กำลังภายในขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะไปลบความเบื่อของคนได้

เราจะเห็นว่าคุณทักษิณ ชินวัตร แรก ๆ เสียงตอบรับดีมาก คุณจำลอง ศรีเมือง แรก ๆ นี่กวาดผู้แทนหมดกรุงเทพฯ เลย แต่ทำไมระยะหลังไม่ได้ ? เพราะว่าคนไทยเป็นคนเบื่อง่าย ถ้าคุณไม่มีอะไรที่พอเหมาะพอสม พอดีกับจังหวะเวลานั้นออกมานำเสนอ เดี๋ยวพักเดียวคนก็จะเบื่อ แล้วถ้าเขาเบื่อ เขาก็จะไม่เลือกคุณอีก

เถรี 27-12-2019 20:48

ถึงได้บอกว่าแจ็ค หม่า เขารู้ตัว ในเมื่อโซเชียลสมัยใหม่ทำให้คนเบื่อง่าย ต้องการความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เขาเองถอยมาในจังหวะที่ดีที่สุด...จบแล้ว ที่เหลือคุณไปรบไปเครียดกันเอง ผมไม่เอาด้วยแล้ว

อีกอย่างหนึ่งก็คือเขารวยพอแล้ว ขายของวันคนโสด ครึ่งวันเท่านั้นได้ไปหมื่นกว่าล้าน แล้วเต็มวันจะได้เท่าไร ? เพราะฉะนั้น..ถ้าจังหวะเวลาพอเหมาะพอดี อย่างที่เขาบอกว่าการรบต้องประกอบด้วยกำลังพล เวลา แล้วก็โอกาส ภูมิประเทศ ฯลฯ ถ้า ๓-๔ อย่างนี้มีพร้อม รบอย่างไรก็ชนะ

โอกาสกับเวลานี่คนละเรื่องกันนะ คนละเรื่องตรงไหน ? โอกาสอย่างเช่นว่า จังหวะเวลานั้นเหมาะสม ฝ่ายตรงข้ามกำลังง่วงนอนเต็มที่เลย ตี ๔-๕ เขาหมดสภาพแล้ว เข้าตีตอนนั้นโอกาสชนะมีมากกว่า แต่เวลามันไม่ใช่ อย่างเช่นว่าบรรดาผู้กลุ่มอำนาจเห็นว่าจังหวะนี้เหมาะสม บรรดาชาวบ้านทั้งหมดเห็นว่าจังหวะนี้เหมาะสม นั่นคือเวลาที่เหมาะสม เวลาตัวนี้บาลีใช้คำว่า กาละ เพราะฉะนั้นกาละกับโอกาสคนละอย่างกัน

แต่ว่าอาตมาดีใจที่พรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น เพราะว่าเริ่มเห็นว่าการเมืองของเรามีโอกาสที่จะก้าวหน้ามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็วนกันอยู่ในกลุ่มอำนาจเก่า ๆ เพียงแต่ว่าใครที่เป็นคนกุมอำนาจ จำเป็นต้องดูจังหวะดูเวลาให้ดีด้วย

เถรี 27-12-2019 20:56

เฮ้อ...เหนื่อยใจ วันก่อนอบรมเด็กยังบอกเลยว่า หลวงตาขอเตือนไว้อย่างหนึ่ง สิงคโปร์การศึกษาเป็นอันดับหนึ่งของโลก ประเทศไทยเป็นลำดับเกือบรั้งท้ายของอาเซียน แล้วคุณคิดว่าประเทศไทยเป็นอันดับเท่าไรของโลก ?

การศึกษาสิงคโปร์เป็นอันดับหนึ่งของโลก
แต่เขาให้เด็ก ๆ เข้าห้องสมุดค้นคว้า ไม่ได้ให้ใช้มือถือค้นคว้า ถ้าคุณพึ่ง AI มากจนเกินไป ถึงเวลาเครื่องมือเครื่องไม้หมดสภาพ คุณจะไม่เหลืออะไรไว้ในหัวเลย เพราะฉะนั้น..ตรงส่วนนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า จะไปพึ่งพาสิ่งภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง

เมื่อเดือนที่ผ่านมาไปประชุมร่วมกับท่านองคมนตรี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ท่านมาติดตามการสร้างวิทยาลัยเทคนิคทองผาภูมิ ในเมื่อมีโอกาสพูดก็บอกไปว่า สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกกับทุกท่านก็คือ สิ่งที่เราทำนั้นดี แต่ควรจะคิดเผื่อด้วยว่า เดี๋ยวนี้ปัญญาประดิษฐ์เก่งมาก ทำให้คนขี้เกียจเรียน เพราะคิดว่าข้อมูลทุกอย่างค้นได้จากอินเตอร์เน็ต

เถรี 27-12-2019 20:57

ในเมื่อคนเรียนกันน้อยลง ท้ายสุดเราจะไม่มีนักศึกษามาเรียน แล้วสิ่งที่เราลงทุนไปจะคุ้มไหม ? ไม่ใช่ว่า ๓ ปีแรกเสียงตอบรับดีมาก เด็กไหลมาเทมา แต่พอปีที่ ๔ ปีที่ ๕ เด็กหายไปครึ่ง ๆ แล้วจะคุ้มค่ากับการที่เราลงทุนไปหลายร้อยล้านหรือระดับพันล้าน เพื่อที่จะสร้างวิทยาลัยเทคนิคไหม ?

ท่านองคมนตรีท่านบอกว่า “เชื่อผมเถอะ AI มาไม่ถึงทองผาภูมิหรอก เพราะผมยังเห็นเขาขุดหลุมด้วยไม้ไผ่ หยอดข้าวโพดด้วยมืออยู่เลย” อาตมาก็ได้แต่ เออ...ถ้าท่านคิดอย่างนี้นี่ตาย..! เพราะว่า AI ไม่ได้เข้าไปในบ้าน แต่ว่าเข้าไปในสถานที่เรียน..!

เราต้องคิดเผื่อทุกเรื่อง วิสัยทัศน์จะต้องยาวไกล ล่วงหน้าไปเลย ระยะต้นเป็นอย่างไร ? ระยะปานกลางเป็นอย่างไร ? ระยะยาวเป็นอย่างไร ? ไม่ใช่เห็นว่าตอนนี้ชาวบ้านบางที่ยังขุดหลุมด้วยไม้ไผ่ หยอดข้าวโพดด้วยมือ แล้วจะไปสรุปว่า AI มาไม่ถึง พวกนี้มาเร็วแค่ไหน ?

เราจะเห็นว่า BlackBerry โตได้ประมาณปีกว่า ๆ เอง ก็ตายสนิทไปแล้ว โดน iPhone ตีตายคาที่เลย ตอนนี้ยังมีคนรู้จัก BlackBerry อีกไหม ? แล้วระยะเวลาแค่นั้นเอง การเรียนของเรารุ่นหนึ่งก็ ๒ ปี สำหรับระดับ ปวช. ถึงเวลารุ่นที่ ๒ คุณหานักศึกษาไม่ได้ คราวนี้ก็จุกแล้วครับ อาตมาเห็นด้วยที่จะสร้าง เพราะว่าเป็นการสร้างคน สร้างงาน สร้างอะไรขึ้นมา แต่ที่เป็นห่วงก็คือสร้างแล้วจะเอาใครมาเรียน ?

เถรี 27-12-2019 21:07

ถาม : พรุ่งนี้จะไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังที่วัดท่าซุง ตอนฝึกมีอาการสั่นมาก ?
ตอบ : ถ้าสั่น...หัวใจเต้นเร็ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกหัวออกก้อย ให้ตัดใจไปเลยว่าแม้ตายลงไปเราก็ยอม ถ้าเห็นแสงสว่าง จะเป็นจุด จะเป็นเส้น จะเป็นแผ่นผืนอย่างไรก็ตาม ตั้งใจเหมือนกับเราส่งจิตไปยังต้นแสงสว่าง เหมือนเราพุ่งทวนแสงไป หลักการมีอยู่แค่นี้แหละ แต่สำคัญตรงที่มักจะตัดใจไม่ค่อยได้

ถาม : อยากลองฝึกครึ่งกำลังค่ะ ภาวนา นะมะพะธะ แล้วก็หยุด ตามเสียงคนนำ พอเสียงคนนำไม่มีแล้ว หนูไม่รู้ว่าไปตรงไหน ?
ตอบ : ตั้งใจว่าเราจะไปไหว้พระที่พระนิพพาน ตั้งใจแค่นั้นก็พอ ถ้าหลุดออกไปก็จะไปเอง แต่คราวนี้สำคัญที่ตรงก่อนจะหลุด ถ้าตัดสินใจไม่ได้ ห่วงร่างกายอยู่ ก็จะดิ้นอยู่นั่นแหละ บอกว่าไม่ห่วง ๆ เราพูดว่าไม่ห่วง แต่ใจจริง ๆ แล้วห่วง ห่วงอย่างที่บางทีเรายังไม่รู้เลยว่าเรายึดร่างกายไว้ขนาดไหน เพราะฉะนั้น..ต้องตัดให้ได้จริง ๆ ตายเป็นตาย ถึงตายข้าก็จะไป ถ้าแบบนี้ก็จะจบง่าย

เถรี 27-12-2019 21:12

ถาม : จำเป็นจะต้องดิ้นเวลาออกไปทุกครั้งหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ถ้าสภาพจิตเรียบแล้ววูบเดียวก็ไป สมัยที่อาตมาฝึกอยู่นั่น ถ้าจำไม่ผิดวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๒๘ หลวงพ่อท่านฝึกให้ ฝึกเต็มกำลังครั้งแรกที่ศาลา ๒ ไร่ อาตมาก็นั่งภาวนารอท่าน ทั้ง ๆ ที่ไปเองได้แต่ไม่ไป ภาวนาไป ๆ ท่านเดินมาตอนไหนก็ไม่รู้ ถามว่า “เอ้า...พร้อมกันหรือยัง ?” ก็มีเสียงส่วนใหญ่ตอบว่า “พร้อมแล้ว” “พร้อมแล้วก็ไปสิ” เหมือนกับนักกีฬาเตรียมวิ่งแข่ง พอได้ยินว่าให้ไปนี่เหมือนกับเสียงสัญญาณปล่อยตัว วูบเดียวไปเลย ร่วงตึงแข็งเป็นหินไปเลย ไม่เห็นมีดิ้นมีอะไร

ถาม : ครึ่งกำลังกับเต็มกำลังต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าเราฝึกครึ่งกำลังมาจนคล่องตัวจริง ๆ ทำเต็มกำลังก็แค่สว่างขึ้น ความชัดเจนมีมากขึ้น มีความคล่องตัว ไปง่ายไปสะดวกขึ้น เพราะฉะนั้น..ใครได้ครึ่งกำลังแล้วไปฝึกเต็มกำลังนี่บางทีก็เหลวไหลนะ เพราะว่าอย่างเดียวกัน เพียงแต่สว่างขึ้น เราก็แค่ปรับหน้าจอให้สว่างขึ้นเท่านั้นเอง...(หัวเราะ)...

เถรี 27-12-2019 21:22

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานนี้ไปบิณฑบาตงานในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ข้าวของมาหลายคันรถ เข้าไปค้น ๆ จะหาขนมอะไรสักอย่างที่อยากกิน ค้นไปค้นมาบ่นกับแม่ชีว่า ตกลงไม่มีอะไรที่จะยั่วกิเลสอาตมาได้เลยหรือ ?

ปัจจุบันนี้เวลากินกลายเป็นหน้าที่ จะกินตามใจตัวเองว่ามีอะไรอร่อยที่เราอยากกิน หาเท่าไรก็หาไม่ได้ คิดดูว่าบิณฑบาตมาของเป็นคันรถ ไปคุ้ยหาแล้วไม่ได้ของที่ตัวเองอยากกิน แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากกินอะไร บางทีก็อยู่ในวงข้าว ยกกับข้าวมาแล้วบ่นกับพระว่า ตกลงว่าไม่มีอะไรยั่วกิเลสผมได้เลยหรือวะ ? พระท่านก็หัวเราะกัน"


เถรี 27-12-2019 21:29

พระอาจารย์เล่าว่า "รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ท่านสมยศ ศิลปีโยดม ท่านมาเปิดงานปฏิบัติธรรมถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านถามว่า “ท่านมีลูกศิษย์อยู่ในหนังสือมติชนรายวันด้วยหรือ ?” ถามว่าทำไม ? “เขาไปเขียนเชียร์ท่านอยู่ในนั้น” อาตมายังไม่รู้เลยว่าเขาเขียนตอนไหน แล้วไปอยู่เล่มไหน แสดงว่าท่านอ่านแล้วไปเจอเข้า"

ถาม : ขนาดคลิปวีดีโอที่วิทยาลัยสงฆ์ เขายังเอามาลงเลย ?
ตอบ : ระยะหลังเขาขอแชร์กันเยอะมาก บางรายก็ส่งหนังสือมาขออย่างเป็นทางการ แต่ส่วนใหญ่แล้วเจอก็แชร์ต่อเลย บางทีบรรดาเพื่อน ๆ พระอุปัชฌาย์ก็ส่งมา ๆ บอกว่าไม่ต้องส่งได้ไหม ? นั่นข้าเอง จะส่งมาทำไมวะ ? เขาก็บอกว่า “กลัวไลน์จะเหงา” เหงาก็ส่งรูปตัวเองสิวะ เสือกทะลึ่งมาส่งรูปข้า..! ท่านบอกว่ามีเยอะมากเลยครับ มีทุกอิริยาบถ ก็เลยบอกไปบอกว่า ยังขาดอยู่อิริยาบถหนึ่ง เพราะไม่ยอมให้ตามตอนเข้าส้วม ไม่อย่างนั้นคงจะมีแน่..!


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:27


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว