กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   ความประทับใจจากงานสวดพระคาถาเงินล้านถวายสมเด็จพระสังฆราช (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3875)

สุธรรม 18-09-2013 09:31

ความประทับใจจากงานสวดพระคาถาเงินล้านถวายสมเด็จพระสังฆราช
 
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1379472342

:4672615: ท่านใดมีความประทับใจในส่วนใดก็ว่ากันมาได้เลยครับ

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:12

กราบขออนุญาตจองพื้นที่เพื่อเล่าภาพรวมของงานครับ
(เล่าตามความเป็นจริง มิได้กล่าวกระทบใครนะครับ)

ส่วนที่หนึ่ง : ก่อนเริ่มงาน

ขอย้อนความหลังนะครับ ครั้งหนึ่งผมเคยประสานให้สภาศิลปินฯ นิมนต์พระอาจารย์เล็กไปอธิษฐานจิตที่สนามหลวง
(เมื่อครั้งรัฐบาลภูฏานได้อัญเชิญ “พระทันตธาตุ (ฟัน) ของพระกัสสปพุทธเจ้า” มาให้คนไทยได้กราบไหว้เป็นการชั่วคราว

ในครั้งนั้นผมไม่สามารถไปได้ แต่ทราบมาว่า "จัดงานได้ไม่ค่อยดี" โดยเฉพาะการดูแลพระที่นิมนต์มา
(ผมเข้าใจสภาศิลปินฯ นะครับ เพราะเขาระดมทุนกันจัดเอง และไม่ได้ใช้บริษัทรับจ้างจัดกิจกรรม)

*********

กลับมาปัจจุบัน วันที่ผมได้รับการติดต่อจากสภาศิลปินฯ ตอนแรกผมไม่กล้ารับปาก เพราะเดือนกันยายน คือ
เดือนที่ผมวุ่นวายที่สุด เพราะเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ แต่ผมกลับมาคิดอีกครั้งว่า
"ในชีวิตนี้จะมีสักกี่ครั้ง ที่จะได้ชวนเพื่อน ๆ มาทำความดีถวายสมเด็จพระสังฆราช"

ผมจึงตัดสินใจว่า

"จะลองนิมนต์พระอาจารย์เล็กดู ถ้าท่านรับเป็นประธาน ผมก็จะทำ ถ้าท่านไม่รับ ผมก็ไม่ทำ"

ผมทราบดีว่า วันที่ ๑๔ - ๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดท่าขนุนมีงานทำบุญถวายหลวงปู่สายและจัดบวชเนกขัมมะ
ดังนั้นผมไม่อยากรบกวนพระอาจารย์ เพราะอยากให้ท่านพักผ่อนมาก ๆ

(ทุกคนคงจำได้ว่า เราเคยสัญญากันไว้ว่า เราจะรบกวนขันธ์ของพระอาจารย์ให้น้อยที่สุด เพื่อที่ท่านจะได้อยู่กับพวกเรานาน ๆ)

แต่สุดท้ายผมก็คิดได้ว่า ผมไม่ควรไปตัดสินใจแทนพระอาจารย์ หน้าที่ของผม คือ กราบเรียนปรึกษาและถามท่าน
หากท่านเห็นสมควรเช่นไร เราก็ทำตามที่ท่านบอกมา

หลังจากนั้น ในหัวของผมได้ยินพระราชดำรัสของในหลวง ที่พระราชทานในวันที่พระอาจารย์เล็กรับพัดยศว่า

"ขอพระคุณจงรับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์
และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรในอาราม โดยสมควร จงเจริญสุขสวัสดิ์ในพระพุทธศาสนาเทอญ"


ถึงตรงนี้น้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมคิดแค่เพียงว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ พระองค์เป็นพระอาจารย์ของในหลวง
ผมเชื่อว่า ในหลวงคงดีใจที่มีคนรักพระอาจารย์ของท่าน (เหมือนที่พวกเรารักพระอาจารย์เล็กของเรา)
ตอนนี้ในหลวงทรงแข็งแรงแล้ว ดังนั้น..ถ้าเราร่วมใจกันทำความดีในครั้งนี้ ทั้งสองพระองค์ย่อมรับรู้

จากนั้นไม่นานพระอาจารย์เล็กท่านได้ตอบกลับมาว่า

"ได้จ้ะ"

โดยท่านเมตตาแจ้งว่าท่านสะดวกวันจันทร์ที่ ๑๖ ก.ย. ๕๖ เวลา ๑๗.๓๐ น. เป็นต้นไป

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:17

ส่วนที่สอง : การประสานงาน

สิ่งสำคัญที่สุดในการประสานงาน คือ ต้องประสานคนเดียว เพื่อป้องกันความสับสน
ดังนั้น ในการประสานงานครั้งนี้ ผมจึงต้องใช้ "ระบบเผด็จการ" เพราะผมมีเวลาน้อยมากในการจัดการทุกอย่าง
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผมไม่มีข้อมูลอะไรในมือเลย ผมรู้แค่เพียงว่า

"วันจันทร์ที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๓๐ น. ทุกอย่างต้องพร้อม เพราะผมมั่นใจว่า พระอาจารย์ท่านต้องมาก่อนเวลาแน่ ๆ"

ผมคิดเสมอว่า "ถ้าเราทำเต็มที่แล้ว แต่งานออกมาแย่ ก็ถือว่าเราทำสุดความสามารถของเราแล้ว
แต่ถ้าเราชวนเพื่อน ๆ มาช่วยกันทำ งานน่าจะออกมาดี เพราะทุกคนช่วยกันเติมเต็มในสิ่งที่ขาด
แต่ถ้างานยังออกมาแย่ ก็ต้องยอมรับว่า พวกเราทำกันได้แค่นี้"


ผมเริ่มประสานทีมงานที่เคยช่วยงานพระอาจารย์มาก่อน เพราะมีประสบการณ์มากกว่า อาทิ

๑. เรื่องการรับส่งพระอาจารย์ : ผมประสานพี่ก้านบัวและมะลิแก้ว เพราะพี่ก้านบัวน่าจะว่างในวันทำงาน
และพระอาจารย์น่าจะนำตะกรุดแม่พระธรณีมาด้วย ที่สำคัญคือ มะลิแก้วจะได้ไม่มาสาย ๕๕๕

๒. เรื่องการถ่ายรูป : ผมประสานไว้ ๕ คน คือ มะลิแก้ว ท่านบิ๊ก หมอเสือ พี่ไก่ (ช่างภาพวัดเขาแร่) และพี่แก้ว (เพื่อนในเฟซบุ๊ก)
เพื่อเก็บภาพในทุกมุมมอง (ผมคิดว่า ถ้าผมมีสตางค์ ผมจะทำคู่มือสวดพระคาถาเงินล้าน พร้อมภาพในวันงานแจก)

๓. เรื่องพิธีกร : ผมคิดว่า คนที่รู้ลำดับพิธีของพระ ก็คือคนที่เคยเป็นพระมาก่อน ผมเลยชวนทิดกวางมาเป็นพิธีกร
และผมคิดว่า พื้นที่จัดงานน่าจะมีชาวต่างชาติแถวนั้น จึงชวนน้องตัวเล็กมาช่วยบรรยายภาคภาษาอังกฤษ
เพื่อให้ชาวต่างชาติเข้าใจและไม่เกิดการปรามาสได้

๔. เรื่องพระสวดต้นเสียง : ผมปรึกษาทิดกวางว่าจะนิมนต์พระรูปใดมาช่วยพระอาจารย์สวดดี
ทิดกวางแนะนำ หลวงพี่เอ หลวงพี่บ่าว และหลวงพี่กอล์ฟ โดยผมนิมนต์หลวงพี่โรจน์เพิ่มเติม

๕. เรื่องอาหาร เครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายในวันงาน : ผมประสานพี่ปัทมา (ได้น้ำสิงห์มา ๖๐๐ ขวด)
ป้ามอยและพี่กษมาแจ้งว่า จะนำขนมปังจากซีพีแรมมาแจก ๑,๐๐๐ ชิ้น ฯลฯ

๖. เรื่องอื่น ๆ : ผมก็ประสานคนที่เคยทำหน้าที่ประจำ เช่น
- ทิดตู่ ให้ช่วยดูแลพื้นที่สำหรับพระสงฆ์
- เฟิร์สและน้องเอก ให้ช่วยรับใช้พระอาจารย์
- อื่น ๆ เช่น รับสมัคร Staff ผ่านเฟซบุ๊ก (คนสมัครประมาณ ๖๐ คน)
(มีคนอีกมากมายที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ก็ขอขอบคุณทุกท่านนะครับ)

********************

ปัญหาในส่วนของการประสานงานคาถาเงินล้านไม่มี

แต่ที่มี คือ กำหนดการสวดคาถาจักรพรรดิ (หลวงตาม้านำสวดออนไลน์) กับ สวดพุทธคุณ (ครูบาหน่อแก้วฟ้าจะมาเป็นประธานนำสวด)
ในวันอังคารที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ ตรงกัน (บังเอิญผมเห็นแบนเนอร์ของทั้งสองท่านเขียนวันเดียวกันพอดี)
ผมจึงรีบประสานผู้จัดงานฯ ผู้ประสานงานคาถาจักรพรรดิ และผู้ประสานงานของครูบาหน่อแก้วฟ้า

แต่โชคดีที่ผู้ประสานงานครูบาหน่อแก้วฟ้า ได้แจ้งผมมาก่อนว่า

"ครูบาหน่อแก้วฟ้าจะมากราบพระอาจารย์เล็กก่อน จากนั้นจะไปกราบหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสระเกศ"

พอเกิดปัญหาขึ้น ผมจึงขอนิมนต์ครูบาหน่อแก้วฟ้าท่านเข้าร่วมงาน และท่านได้เมตตาอยู่จนจบงานเป็นเนื้อนาบุญให้พวกเราครับ

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:18

ส่วนที่สาม : การเตรียมงาน


ในการเตรียมงาน ผมท่องคาถา ๑ บท คือ "ระวังจะไปใช้พระ" แบบว่า "กลัวขึ้นสมอง" เลยครับ
เพราะผมไม่เคยเตรียมงานแบบนี้มาก่อน ที่สำคัญคือ ไม่เคยทำงานโดยตรงกับพระอาจารย์มาก่อน

นอกจากนั้น ผมมีข้อมูลในมือเพียง ๒ บรรทัดคือ

"งานสวดพระคาถาเงินล้าน วันจันทร์ที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระอาจารย์เล็กเป็นประธานนำสวด
พื้นที่งานมีมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จพระสังฆราชประทานมา"

ผมมีข้อมูลแค่นี้จริง ๆ เพราะผู้จัดฯ ไม่มีข้อมูลอะไรมาให้ผมเลย (ก็ไม่ได้โทษเขาหรอกครับ เพราะเราเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เอง)

ในระหว่างเตรียมงาน หลายคนมากระซิบบอกผมว่า ... (ขอไม่พูดนะครับ) ...

แต่ผมคิดอยู่อย่างเดียว คือ "พระอาจารย์เล็กท่านเมตตามาสงเคราะห์แล้ว แสดงว่าต้องมีประโยชน์มากกว่าโทษ ท่านจึงรับ"

ดังนั้นไม่มีอะไรให้ผมต้องสงสัย ผมมีสิ่งเดียวที่ต้องคิด คือ "ตูจะทำถวายพ่อ"

********************************

ก่อนเริ่มงาน ผมบอกกับทางผู้จัดฯ ว่า

"การทำงานใหญ่ สิ่งที่ต้องระวังคือ ต้องระมัดระวังคำพูด และอย่าให้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาทำให้งานใหญ่เสีย
โดยเฉพาะระวังความขัดแย้งกับผู้ร่วมงาน หรือความขัดแย้งกันในการประสานงาน"


ตัวผมเองไม่เจอปัญหาเรื่อง "คน" แต่ผมเจอปัญหาเรื่อง "งาน"
เพราะอยู่ดี ๆ งานก็ "ท่วมหัว" ทั้งงานประจำ งานพิเศษ ๑ งานพิเศษ ๒ งานบุญปกติ และการจัดงานครั้งนี้
ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน มีบางช่วงเกือบสติแตก..!

สุดท้ายก็ต้องใช้วิธีที่ครูบาอาจารย์สอน คือ "ขอพระ"

ผมไม่ได้ขออะไรท่านมาก ผมขอแค่ว่า ขอให้งานนี้สำเร็จได้ด้วยดี

ส่วนเรื่อง "โดนด่า" อย่างไรก็ต้องโดนอยู่แล้ว (หนีอย่างไรก็ไม่พ้น)

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดไว้อยู่เสมอคือ "ไม่มีใครชอบโดนจิกหัวใช้"
ดังนั้นถ้าอยากให้ใครช่วยเรา เราก็ต้องพูดกับเขาดี ๆ และให้เกียรติเขาด้วย

**โชคดีมาก ๆ ที่พี่ ๆ น้อง ๆ ยินดีร่วมแรงร่วมใจกัน**

ไม่ต้องมีคำบรรยายงานมาก แค่บอกว่าอยู่ส่วนไหน ทุกคนก็รู้งาน เช่น

บอกทิดตู่ว่า ช่วยดูแลบริเวณที่พระอยู่ เขาก็รู้ว่าต้องทำอะไร
บอกเฟิร์สว่า ช่วยดูแลรับใช้พระอาจารย์ เขาก็รู้ว่าต้องทำอะไร

บางคนไม่ต้องบอก เขาก็รู้ว่าต้องทำอะไร เช่น
"ป้ามอย" รู้ว่าคนต้องหิวแน่ จึงติดต่อขอเอาขนมปังมาแจก
(ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เพราะเงินไม่มี เลยคิดว่าทุกคนต้องดูแลตัวเอง)

ขนาดน้ำดื่มผมขอมา ๖๐๐ ขวด (ประเมินคนไว้ ๕๐๐ คน) ทั้งที่ขอมากกว่านี้ก็ได้

ผมประกาศรับสมัครทีมงานในเฟซบุ๊ก มีคนสมัครเยอะมาก (เกือบ ๕๐ คน)

ในวันงานผมแบ่งหน้าที่กันแล้วว่าใครต้องทำไรบ้าง

(วิธีมอบหมายสั้น ๆ คือ ให้พิจารณาตามความเหมาะสมที่หน้างาน)

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:18

ส่วนที่สี่ : การประชาสัมพันธ์งาน

ในการประชาสัมพันธ์งาน ผมมีเวลาเพียง ๓ สัปดาห์ และผมรู้ว่างานวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๖ จัดหลังบวชเนกขัมมะฯ ของวัดท่าขนุน
ดังนั้นต้องรีบแจ้งวันและเวลาให้คนอยู่ไกลได้วางแผนการเดินทาง

ปัญหาของผมคือ ช่องทางหลักที่ผมมีคือเว็บพลังจิต ซึ่งโดนนักค้าโดเมนระดับโลกแย่งลิขสิทธิ์ไปแล้ว แม้จะมีช่องทางใหม่ให้เข้าเว็บได้
แต่สถิติคนเข้าเหลือเพียง ๑ ใน ๑๐ ของเมื่อก่อน

ดังนั้นช่องทางหลักที่ผมมีคือเฟซบุ๊ก (ผมมีเพื่อนในเฟซบุ๊ก ๔,๙๐๐ คน และมีเพื่อนในแฟนเพจของเฟซบุ๊กอีก ๖,๐๐๐ คน)

ถึงตรงนี้ผมคิดถึงคำของพระอาจารย์เล็กที่เคยกล่าวว่า

"อีเมล์ เฟซบุ๊ก ไลน์ เป็นเครื่องมือของมาร เพราะทำให้เรามีหลายขันธ์ตามชื่อที่เรามี แต่ถ้าเราใช้ให้เกิดประโยชน์ในการบุญได้ก็จะกลายเป็นของดี"

ถึงตรงนี้ผมมั่นใจแล้วว่า ผมมีระบบกิจกรรม (เป็นระบบในเฟซบุ๊กที่ให้เราจัดกิจกรรมและชวนเพื่อนเข้าร่วมได้
ดังนั้นผมจึงส่งจดหมายเชิญเพื่อนประมาณ ๓,๘๐๐ คนให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้)

ผมจึงเริ่มทำแบนเนอร์ขึ้นมา โดยไปหารูปพระปัจเจกพุทธเจ้าทองคำมาเป็นประธานตรงกลาง จากนั้นก็มีพระคาถาเงินล้านอยู่ตรงกลาง
มีรูปหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤๅษี จากนั้นมีรูปพระอาจารย์เล็กอยู่ล่างสุด

พอผมได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า พระอาจารย์เล็กเป็นประธานนำสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๐ จบ (มีคนกดแชร์มากกว่า ๖๐๐ ครั้ง)

วันนี้ (๑๙ ก.ย. ๕๖) ผมเพิ่งคิดได้ว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าที่วัดพ่อเรานั้น พระ ๓ รูป เป็นต้นคิดที่จะสร้าง แต่มีคนขวาง
สุดท้ายหลวงพ่อฤๅษีก็ต้องรับไปสร้างเอง ต่อมาหลวงตาวัชรชัยได้สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าทองคำที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)
และพระอาจารย์เล็กมีแผนจะสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน (องค์ใหญ่ด้วย)

ตอนประชาสัมพันธ์ ผมฝากพี่โตกราบเรียนนิมนต์หลวงตาวัชรชัยมาด้วย แต่หลวงตาท่านเมตตาบอกว่า

"หลวงตาอายุมากแล้ว งานนี้ต้องให้ท่านเล็ก เพราะท่านยังหนุ่มยังแน่น"

แม้หลวงตาจะไม่ได้มาเอง แต่ลูกหลานหลวงตาก็ยกขบวนมาช่วยงานกันเต็มที่ครับ โดยเฉพาะพี่โต พี่แอนนี่ คุณโย และหลาย ๆ ท่านที่เป็นแม่งานใหญ่

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:18

ส่วนที่ห้า : การเตรียมพื้นที่ (วันงาน)


วันอาทิตย์ (๑๕) ก่อนวันงาน ๑ วัน ผมได้ไปร่วมงานในพิธีเปิดและดูพื้นที่จริง ซึ่งภาพที่เห็น คือ พื้นที่เล็กกว่าที่คิดไว้ แถมในวันเปิดงานคนก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะคนไม่ทราบว่าเป็นงานอะไร แถมฝนยังตกอีกด้วย ผมจึงวางแผนว่า ในวันจันทร์ผมจะรีบมาพื้นที่งานก่อนบ่ายโมงให้ได้

เย็นวันนั้นผมได้รับข้อความจากพระอาจารย์ว่า

"ช่วยไปจุดธูปขอกับพระพรหมเอราวัณ ขอให้ฝนหยุดตั้งแต่บ่ายโมงถึงสามทุ่ม เพื่อจะได้ทำบุญใหญ่ร่วมกัน และขอให้ท่านโมทนาบุญทุกอย่างในวันนี้ด้วยจ้ะ"

ตอนนั้นผมเริ่มคิดแล้วว่า "ผมไปไม่ทันบ่ายโมง" เพราะช่วงเช้าต้องวิ่งรอกไปงานสัมมนา ๒ ที่ จึงขอให้พี่ ญ.ผู้หญิงช่วยดำเนินการแทน และบอกพี่หญิงว่าให้ "ถวายนางรำชุดใหญ่" ด้วย

******************

ในวันงานผมนัด Staff ไว้ประมาณบ่ายสอง (ชุดแรก) และบ่ายสี่ (ชุดสอง) โดยวินาทีแรกที่ผมเห็นเต็นท์ปะรำพิธี คือ "ขยะเพียบ" และเก้าอี้ที่เปียกน้ำเนื่องจากฝนตกเมื่อวาน

สิ่งแรกที่ผมทำ คือ ไปถามทหารที่ดูแลพื้นที่ว่า ไม่มีคนจัดโต๊ะเก้าอี้ให้หรือ คำตอบ คือ "ไม่มี" ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ไม่เป็นไร "ยังมีเวลา" ตอนนั้นมีน้องมาถึงพื้นที่ประมาณ ๔ คน

สิ่งแรกที่ทำ คือ จัดปะรำพิธีใหม่ เพราะเดิมทีผู้จัดฯ หันเก้าอี้ไปทางโต๊ะหมู่ ผมจึงหันหน้าโซฟาออกด้านหน้าแทน เพื่อให้ทุกคนสามารถเห็นพระอาจารย์ได้และด้วยความหวังดีของผม ผมได้บอกให้น้อง ๆ ช่วยยกโซฟาออกมาหน้าเต็นท์เล็กน้อย เพื่อที่คนที่อยู่ไกลจะได้เห็นพระอาจารย์ได้ เพราะถ้าจัดไว้ในเต็นท์ คนจะมองไม่เห็นท่าน (แต่การจัดโซฟาไว้ด้านนอก สุดท้ายก็ทำให้พระอาจารย์ท่านเปียกจนได้..!)

หลังจากจัดโซฟาเสร็จ ผมก็มองหาโต๊ะสำหรับวางของ เพราะเตรียม DVD ธรรมะ ๒,๐๐๐ แผ่น พร้อมธงชัยเกราะแก้วสารพัดนึก (พร้อมจีวร ๑๗ ปีพระอาจารย์เล็ก) มาแจกอีก ๑,๐๐๐ ชุด แต่ปรากฎว่า "ไม่มี" ทั้ง ๆ ที่ผู้จัดฯ รับปากว่าจะหาโต๊ะให้ ๑๐ ตัว

ผมเดินไปถามทหารว่า "เจ้าหน้าที่ของผู้จัดฯ (ขอสงวนชื่อ)" มาหรือยัง ? ทหารบอกว่า "ยังครับ แต่เดี๋ยวคงจะมา" ตอนนั้น ผมเริ่มหงุดหงิดแล้ว เพราะสิ่งที่ประสานไว้เบื้องต้น "ผิดพลาดไปหมด" แต่พอมองท้องฟ้าแล้วก็หายหงุดหงิด เพราะ "ฟ้าเปิด แดดออก" (ในใจคิดว่า วันนี้ฝนไม่ตกแน่)

ว่าแล้วก็ชวนน้อง ๆ เดินไปหาที่แขวนป้ายไวนิลขนาดใหญ่ (ซึ่งพวกเราออกแบบกันเอง และจ่ายเงินค่าผลิตเอง) แต่ก็ยังหาที่แขวนไม่ได้

ถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่า แม้พระอาจารย์เล็กท่านจะไม่เห็นหน้างาน แต่ท่านได้บอกให้ผมเตรียมป้ายไวนิลงานฉลอง ๑๐๐ ปีสมเด็จพระสังฆราชฯ มาด้วย ซึ่งสิ่งที่ผมมาเห็นก็คือ ไม่มีป้ายบอกว่างานอะไรเลย "แปลกดีเหมือนกัน"

สักพักพี่โต (นวศรี) และน้องโอก็ตามมาสมทบและช่วยกันติดตั้งป้ายไวนิล ส่วนน้องเอกก็มาได้จังหวะพอดี ผมจึงให้น้องเอกช่วยไปตามเจ้าหน้าที่ของห้างมากวาดขยะในเต็นท์ปะรำพิธีและในบริเวณงาน

ถึงตรงนี้ผมเริ่มเบาใจเพราะ Staff เริ่มมาประจำที่ และผมก็ไปยกโต๊ะจากเต็นท์อื่นมาใช้ก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ของผู้จัดฯ บอกว่า "ใช้ได้" จากนั้นเสื่อ ๓๐ ผืนก็ทยอยมา น้ำดื่ม ๖๐๐ ขวดก็ทยอยมา ขนมปังก็ทยอยมา และทีมจัดโต๊ะหมู่ก็มาพร้อม ซึ่งพระอาจารย์อภิวิชญ์ อภิชโย ท่านได้เมตตามาจัดโต๊ะหมู่ให้ด้วย

(ในส่วนนี้ต้องขอบคุณคุณโยและทีมงานมากครับ)

พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ผมเห็นว่าเรามีของมาส่งเรื่อย ๆ ตรงทางขึ้น ซึ่งเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง ผมจึงใช้วิธี "ดึงคนเหล่านี้มาเป็นพวก ซึ่งวิธีง่าย ๆ คือ เราต้องมีน้ำใจกับพวกเขาก่อน"

ผมเดินไปขอขนมปังและน้ำดื่มจาก Staff ที่เต็นท์ ผมบอกว่า "ขอเอาไปให้พี่วินมอเตอร์ไซค์นะครับ" ผมหยิบขนมปังใส่ถุงขนาดใหญ่พร้อมน้ำดื่มไปให้พี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์ และบอกว่า "ผมเอามาให้ครับพี่ มีของมาส่งบ่อย รบกวนพวกพี่นิดหนึ่งนะครับ"

ผมคิดว่า "งานในวันนี้" จะต้องไม่เกิดโทษกันใคร และผมไม่อยากให้ใครมาตำหนิว่า "พวกเรามาทำให้พวกเขาหรือคนอื่นเดือดร้อนจากการจัดงาน"

สิ่งที่เกิดขึ้น คือ พี่ ๆ วินมอเตอร์ไซค์ช่วยกันโบกรถให้เรา แถมช่วยขนของไปไว้ที่เต็นท์ (ช่วงหลังพวกพี่ ๆ ช่วยยกลังน้ำแข็งขนาดใหญ่ให้ด้วย และที่น่าดีใจ คือ แม้พวกเขาจะมีเงินไม่มาก แต่เขาก็ควักแบงค์ยี่สิบหรือเหรียญสิบบาท วิ่งไปถวายสังฆทานกับพระอาจารย์เล็กด้วย)

ผมมองภาพที่ทุกคนช่วยกันทำงานแล้ว ทุกคนดูมีความสุขดีและผมคิดว่าคงเตรียมงานได้ทันห้าโมง แต่ผมก็ดีใจได้พักเดียว เมื่อมีสายรายงานมาว่า "พระอาจารย์ขึ้น BTS ออกมาแล้ว" ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายสาม เมื่อผมได้ข่าวมา ผมแทบจะเป็นลม ...๕๕๕... เพราะพระอาจารย์จะต้องมาถึงงานภายใน ๔๕ นาทีแน่ ๆ

ผมบอกทีมงานว่า "งานเข้าแล้ว" พระอาจารย์มาก่อนกำหนด แต่ลึก ๆ ก็แอบดีใจ เพราะว่าอย่างน้อยหากผมจัดพื้นที่ไม่เหมาะสม ท่านคงให้คำแนะนำได้

ผมคิดในใจว่า "งานนี้ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะผมถือว่าผมตายตั้งแต่วันที่นิมนต์พระอาจารย์แล้ว" คำว่า "ตาย คือ พร้อมตาย" เพราะปกติหากผมไป "เสือกรับทำงานใหญ่ ๆ" ผมมักจะโดนเล่นงานหนักอยู่เสมอ

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:19

ส่วนที่หก : ภาพรวมในวันงาน

"วินาทีแรก" ที่ผมเห็นพระอาจารย์เล็กมาถึงบริเวณงาน ผมยอมรับว่า "ใจเต้นตุ๊บ ๆ"
เพราะยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย โดยเฉพาะพระอาจารย์ท่านแจ้งมาล่วงหน้าว่า
หากท่านมาถึงเร็ว ท่านจะรับสังฆทานด้วย ซึ่งผมยอมรับว่า ผมไม่ได้วางแผนตรงนี้ไว้
เพราะเดิมทีตั้งใจให้ทุกคนรวมปัจจัยกันใส่กล่องและถวายครั้งเดียว
แต่การที่พระอาจารย์รับสังฆทานเอง ก็ช่วยให้บรรยากาศความคุ้นเคยของทุก ๆ คนกลับมา

แถวที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาว เป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับคนที่ไปร่วมทำบุญที่วัดท่าขนุน
แต่ก็เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนที่มาร่วมงานครั้งแรก โดยเฉพาะคนที่เคยพบพระอาจารย์เล็กเป็นครั้งแรก
ผมคิดในใจว่านี่แหละ "ซูเปอร์สตาร์ตัวจริง" เพราะวันแรกที่ "เจมส์ จิรายุ" มา คนยังไม่มากเท่านี้
โดยเฉพาะวินาทีที่พระอาจารย์หยิบ "ลูกแก้ว" ออกมาแจก

ผมคิดในใจว่าวันนี้ "พระอาจารย์สงเคราะห์เต็มพิกัด"

ในระหว่างรอ ผมก็มองท้องฟ้าไปเรื่อยเปื่อยและเห็นแสงแดดจ้าจึงคิดว่า "วันนี้ฝนไม่ตกแน่"
แต่พอชะล่าใจ สักพักเมฆก็เริ่มมา ตอนนั้นพี่ก้านบัวบอกว่า

"ถ้าวันนี้ฝนตก เอ็งตายแน่..!" (คิดแล้วเสียวจริง ๆ)
หลังจากนั้น พระอาจารย์ท่านก็หยิบคู่มือสวดพระคาถาเงินล้านไปดู
แล้วท่านก็บอกว่า "ท่านแก้ให้แล้ว แต่ยังมีคนเก่งกว่าท่านอีก ไปแก้กลับจนผิดเหมือนเดิม"

ผมรู้สึกเหมือน "ตายไปหลายรอบในวันนั้น"
ผมคิดว่า ผมคงส่งไฟล์ผิดไปให้คนจัดหน้าเองครับ

ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ ๑๖.๑๕ น. พระอาจารย์ท่านก็นั่งเจริญศรัทธาญาติโยม
และทีมงานเริ่มเข้าพื้นที่ โดยเฉพาะเสื่อที่พวกเราตั้งใจซื้อมาใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ
และตั้งใจจะนำไปถวายที่วัดท่าขนุนเพื่อใช้ในกิจกรรมของวัดต่อไป

ตอนเริ่มปูเสื่อ "ทิดกวาง" เสนอว่า ควรจะนำรองเท้าไปวางไว้ที่อื่นเพื่อให้เป็นระเบียบ
ซึ่งในช่วงแรกคนก็ไม่ค่อยทำตามที่แนะนำกัน แต่พอทีมงานขอความร่วมมือและถือรองเท้าไปวางให้
หลาย ๆ คนก็เริ่มทำตาม จนสุดท้ายคนที่นั่งในเสื่อเกือบทั้งหมดทำตาม

เสียดายที่ผมไม่มีภาพและไม่ได้เห็นภาพรองเท้าวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
แต่จากการฟังทีมงานมาเล่าให้ฟัง หลายคนประทับใจภาพรองเท้าวางเรียงกันมาก
เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ทำในทิศทางเดียวกัน และเราไม่ได้ใช้ไมโครโฟนในการบอก
แต่การที่คนส่วนใหญ่ทำตามเพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีและคนส่วนใหญ่เขาทำกัน

ถึงตรงนี้ผมนึกถึงคำที่พระอาจารย์เล็กสอนอยู่เสมอในการบวชเนกขัมมะ คือ
"พวกเรา (คนที่ไปบวช) เป็นพวกทวนกระแสโลก คือ แทนที่จะไปกินไปเที่ยวเหมือนคนอื่น
กลับหันหน้าเข้าวัดและมาปฏิบัติธรรม"

เวลาประมาณ ๑๗.๒๐ น. คนเริ่มมามากขึ้น และผมเริ่มมั่นใจว่า "คนคงเต็มพื้นที่พอดี"
แต่ผมก็ประเมินผิดเพราะเมื่อถึงเวลาจริง คนมามากจน "ล้นพื้นที่" ออกไปบริเวณข้างนอก
บรรยากาศตอนนั้นผม "เริ่มจะชุลมุน" เพราะคนมามากจริง ๆ

แล้วสุดท้ายในความวุ่นวายทั้งหมด พระพิรุณท่านก็โปรยฝนลงมา
ตอนแรกหลายคนนั่งสู้ฝน แต่ฝนตกลงมาแรงจริง ๆ จนสุดท้ายก็ต้องหลบฝน
แต่คนที่มีร่มและเสื้อกันฝนก็เสื้่อกันฝนก็นั่งลุยฝนต่อไป จนสักพักฝนก็หยุดและตกปรอย ๆ

ตอนฝนตก "หัวใจผมหล่นลงไปถึงตาตุ่ม ในใจคิดว่าตายอีกรอบแล้วตู"

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:19

ส่วนที่เจ็ด : ความรู้สึกของทีมงาน (Staff)

สำหรับความรู้สึกของทีมงานนั้น เท่าที่ผมได้มีโอกาสสอบถาม
ทุกคนยืนยันว่า "ตั้งใจทำถวายครูบาอาจารย์ มีพระปัจเจกพุทธเจ้า
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
และที่สำคัญ คือ ถวายพระอาจารย์เล็กที่เมตตามาเป็นประธานนำสวดในครั้งนี้"

หลาย ๆ คนไม่เคยพบพระอาจารย์เล็กมาก่อน ส่วนใหญ่ได้อ่านคำสอนของพระอาจารย์
ผ่านเฟซบุ๊กและเว็บพลังจิต โดยเฉพาะคำตอบของพระอาจารย์เล็กเป็นคำตอบที่ทันสมัย
และ "เข้ากับจริตของคนรุ่นใหม่"

อาจจะกล่าวได้ว่า "ทีมงานหลายคนเป็นคนรุ่นใหม่
แต่ได้มีโอกาสมาพบพระอาจารย์เล็ก ทุก ๆ คนดีใจมาก
โดยเฉพาะเรื่องผลของการสวดพระคาถาเงินล้าน ซึ่งพระอาจารย์เล็กได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ทีมงานปลื้มปีติกันมาก คือ "บังเกิดเหตุอัศจรรย์หลายเรื่องในการสวดพระคาถาเงินล้านในครั้งนี้" อาทิ

๑. หลาย ๆ คนตากฝน แต่ก็ไม่เปียกมากนัก แม้ฝนจะตกมาค่อนข้างแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสื้อเปียกโชก
พูดง่าย ๆ คือ เมื่อสวดพระคาถาเงินล้านครบ ๑๐๐ จบ เสื้อของหลายคนแทบจะแห้งสนิทเลยทีเดียว

๒. ความพร้อมเพรียงของหมู่คณะตลอดงาน โดยผู้มาร่วมงานให้ความร่วมมือกับทีมงานเป็นอย่างดี
ตั้งแต่การจัดเรียงรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ การขยับที่นั่งในการนั่งเรียงแถวให้เป็นระเบียบ
เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้มีโอกาสนั่งบนเสื่อด้วยกัน การแบ่งปันคู่มือสวดพระคาถาเงินล้านให้แก่คนที่สวดไม่ได้

นอกจากนั้นเรายังได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ส่วนงาน อาทิ พนักงานของเซ็นทรัล เวิร์ลบางส่วน
ก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย พี่ ๆ ที่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างก็ให้ความร่วมมือและช่วยยกของ ฯลฯ
อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นงานที่ไม่ต้องบอกอะไรมาก เพราะทุก ๆ คนรู้หน้าที่ของตัวเองดี
สำหรับพิธีกร ๓ ท่าน แม้ว่าผมจะเตรียมสคริปต์ให้ไม่ทัน แต่ก็มีความพยายามที่จะหาข้อมูลมาอ่านให้คนฟัง
แม้บางครั้งอาจจะตะกุกตะกักบ้าง แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะแรงศรัทธาของมหาชนในวันนั้นล้นหลามจริง ๆ

๓. ประเด็นเรื่อง "เสื่อเกิน" ก็เป็นเรื่องที่ทีมงานหลายคนตื่นเต้น โดยเฉพาะคนปูเสื่อซึ่งมีเพียง ๓๐ ผืน
แต่ภาพที่ถ่ายออกมามีเสื่อเกิน ๓๐ ผืน แม้จะพยายามพิจารณาว่า "เป็นเสื่อที่คนนำมาเอง"
แต่ทีมงานก็ยืนยันว่า "ผมปูเองกับมือครับพี่"

๔. เรื่อง "พระจันทร์ทรงกลด" ดูจะเป็นเรื่องที่สร้างความปีติให้มากที่สุด โดยเฉพาะหลาย ๆ คนมองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด
และค่อย ๆ เห็นฟ้าเปิดออกทีละนิดจนเห็นพระจันทร์ทรงกลด และที่น่าตื่นเต้นมาก คือ "เมื่อขยายภาพ" หลาย ๆ คนมองเห็น
"พระวิสุทธิเทพ พระปัจเจกพุทธเจ้า หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤๅษี" ในดวงจันทร์ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
ที่สำคัญ คือ เมื่อช่างภาพถ่ายภาพสุดท้ายเสร็จ "ฟ้าก็ปิด" เหมือน "ข้างบน" ท่านจะทำให้เรารับรู้ว่า
สิ่งที่เราทำในวันนี้ "พระท่านมาโมทนาด้วย"

ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ทีมงานคุยกันทั้งภายในงาน ระหว่างงาน และหลังจบงานครับ

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:20

ส่วนที่แปด : ปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่ต้องปรับปรุง และแนวทางการปรับปรุง
(เล่าให้ทราบเพื่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ มิได้ตำหนิผู้ใด)


ในการวางแผนและเตรียมงาน ผมถูกสอนมาว่า

"ในการทำงานอะไรก็ตาม ให้ลองเขียนปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นออกมาให้หมด
และให้ลองประเมินผลกระทบที่รุนแรงที่สุดของแต่ละปัญหา แล้วให้วางกำลังใจเมื่อเผชิญกับปัญหานั้น
พอเราเผชิญกับสถานการณ์จริง เราจะรับมือกับปัญหาได้ทุกระดับ"


ในเรื่องนี้ผมจำได้ว่า พระอาจารย์เล็กเคยสอนไว้เหมือนกัน

**********************

ปัญหาที่ผมคาดว่าจะเกิดขึ้น คือ

๑. เรื่องเงินทำบุญ

หนึ่งในปัญหาใหญ่ในการทำงานบุญ คือ "เงินทำบุญ" จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร
โดยในประเด็นนี้ ผมได้สอบถามกับคณะผู้จัดฯ แล้วว่า เงินทำบุญจะจัดสรรอย่างไร
คณะผู้จัดฯ ได้ตอบว่า "มีตู้ให้ร่วมบุญแยกตามรายการต่าง ๆ อยู่แล้ว"

ผมฟังแล้วถามต่อว่า "แล้วเงินที่คนทำบุญกับพระอาจารย์เล็ก จะจัดสรรอย่างไร ?"
คณะผู้จัดฯ เงียบไปสักพัก ผมจึงบอกคณะผู้จัดฯ ต่อไปว่า

"โดยปกติถ้าพระอาจารย์เล็กรับกิจนิมนต์ไปวัดต่าง ๆ ท่านจะถวายปัจจัยให้วัดและไม่นำกลับ ยกเว้นคนถวายส่วนองค์
ดังนั้น..ในกรณีสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๐ จบครั้งนี้ ก็สุดแล้วแต่พระอาจารย์จะพิจารณานะครับ"


**เป็นอันว่า "ข้อตกลงนี้" มีการคุยกันก่อนเริ่มจัดงานแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร**

อย่างไรก็ดี ในวันงานคณะผู้จัดฯ ถามผมว่า ผมตั้งตู้รับบริจาคปัจจัยหรือไม่ ?
ผมตอบไปว่า "ผมไม่ได้ตั้งตู้ หากใครอยากร่วมบุญให้ไปถวายพระอาจารย์ด้านหน้าได้เลย"

หลังจบงาน "มีบางคนเอาไปพูดลับหลังว่า เหตุใดพระอาจารย์นำปัจจัยกลับ ? และหลายคนมาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง"
ตอนแรกที่ได้ยิน ผมยอมรับว่า "ไม่พอใจมาก..เพราะงานนี้พระอาจารย์เล็กเมตตามาสงเคราะห์พวกเราโดยใจบริสุทธิ์"

ผมจึงโทรถามคณะผู้จัดฯ เพื่อสอบถามข้อมูลว่า "เหตุใดจึงมีข่าวเช่นนี้ออกมา ?"
คณะผู้จัดฯ ตอบมาว่า "อาจจะเข้าใจผิดในการสื่อสาร เพราะสิ่งที่ต้องการ คือ อยากจะทราบยอดร่วมบุญ เพื่อบันทึกในรายงานให้คนโมทนาบุญ"
ก็ขอโมทนาบุญกับคณะผู้จัดฯ ด้วย ส่วนข่าวลือนั้น ใครคิดอย่างไรก็รับกรรมไปเองนะครับ

๒. การเตรียมงาน

จริง ๆ แล้วในการเตรียมงานในลักษณะนี้ ผมเองก็ไม่เคยทำ และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ไม่เคยทำ
และยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อทราบว่า "คณะผู้จัดฯ ดำเนินการเอง" ดังนั้น..หลาย ๆ อย่างจึงจำเป็นต้องตัดสินใจ
โดยเฉพาะการ "รวบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดมาไว้ที่ผมคนเดียว"

ตอนเตรียมงาน ผมพิมพ์รายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ ไว้ค่อนข้างละเอียดและได้กราบเรียนพระอาจารย์ให้ทราบ
โดยพระอาจารย์แนะนำมาว่า "ทำให้ได้ตามกำหนดการก็แล้วกัน"
ผมนำคำแนะนำของพระอาจารย์มาคิดหลายตลบ เพราะผมเชื่อว่า "ท่านสอนอะไรผมแบบอ้อม ๆ"

สุดท้ายก็เป็นไปตามที่ท่านแนะนำ คือ กำหนดการที่ผมตั้งใจไว้นั้น เกือบทั้งหมด "หลุดคิว"
เพราะก่อนวันงาน งานประจำผมเยอะมากเพราะเป็นปลายปีงบประมาณ (เดือนกันยายน)
แต่ในที่สุด งานทั้งหมดก็ผ่านมาได้เพราะ "ทุก ๆ คนช่วยกัน"

เป็นบทเรียนที่ผมต้องเก็บไปทบทวนตลอดชีวิตว่า
"อย่าประมาทในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะถ้าเผลอทุกอย่าง (อาจ) จะพังได้"

ชยาคมน์ 18-09-2013 10:20

ส่วนที่เก้า : ความรู้สึกส่วนตัวของผมในฐานะผู้ประสานงาน

สำหรับความรู้สึกของผมนั้น ผมอยากจะบอกสั้น ๆ ว่า

"ผมไม่ใช่คนดีอะไร ออกจะเกเรด้วยซ้ำไป เรื่องเลว ๆ ผมทำมาเกือบหมดแล้ว
แต่ที่ผมกลับเข้าสู่เส้นทางทุกวันนี้ได้ เพราะเว็บพลังจิต และเว็บพลังจิต
ก็เป็นช่องทางให้ผมได้ไปที่วัดท่าขนุน และได้พบกับพระอาจารย์เล็ก"

ดังนั้น แม้ในการใช้ชีวิตของผมจะมีการแวะไปสถานที่อื่น ๆ บ้าง
แต่ท้ายที่สุดแล้ว "ความปรารถนาสุดท้ายของชีวิตผมจะจบลงที่วัดท่าขนุน"
ชีวิตผมถ้าไม่มี "พระอาจารย์เล็ก" ผมคงหลุดวงโคจรไปไกลกว่านี้

ท้ายที่สุดนี้ ผมอยากจะบอกทุก ๆ คนว่า วันที่ผมกราบนิมนต์พระอาจารย์เป็นประธานสวดพระคาถาเงินล้าน

"ผมกลัวมากครับ"

สุธรรม 18-09-2013 11:25

:onion_no: ประทับใจในความไม่อินังขังขอบกับสังคมของคุณสุรจิตรครับ งานใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ช่าง ตูจะนุ่งกางเกงขาสั้นไป มีปัญหาไหม ? ช่างไร้กาลเทศะจริง ๆ ไม่ไว้หน้าครูบาอาจารย์เลย..!

ดวงจันทร์ 18-09-2013 12:05

ประทับใจที่พี่น้องชาวท่าขนุน และพี่น้องลูกหลานหลวงพ่อฤๅษีฯ พร้อมหน้าพร้อมตากันในงาน ลางานกันมาเลยทีเดียวเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ในวันนั้นสวดคาถาเงินล้านกันเสียงแหบเสียงแห้ง ทุกคนมีแต่รอยยิ้มให้กัน
สุดท้ายอยากให้พระอาจารย์นำพวกเราสวดคาถาเงินล้านแบบนี้บ่อย ๆ ค่ะ
:cebollita_onion-17::msn_smileys-15::cebollita_onion-17:

สันตุฏฐี 18-09-2013 12:50

ก่อนอื่นคิดว่างานนี้ผมไม่ได้ไปแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็ได้ไป ดีใจมาก ๆ ครับ ไม่ไปคงเสียดายไปตลอดชีวิตแน่ ๆ เลย เพราะพูดอย่างไร เล่าอย่างไร ก็ไม่เหมือนไปด้วยตนเอง ประสบการณ์กับบรรยากาศหลาย ๆ อย่าง สุดยอดครับ

๑. ประทับใจและเทิดทูนในท่านพระอาจารย์เล็กครับ ท่านเมตตามาก แม้โดนน้ำฝนที่ค้างบนหลังคาเต็นท์ เปียกใส่องค์ท่านถึง ๒ ครั้งก็ไม่บ่น ท่านกลับเห็นเป็นเรื่องที่ไม่ควรกังวล เห็นเป็นการสงเคราะห์ลูกศิษย์แทน

ตอนที่ประมาณ ๑๘.๐๐ น. ที่ฝนยังตก พระอาจารย์ท่านกล่าวถึงกำลังใจของคนที่ทำบุญในสมัยพุทธกาล ผมว่าน่าประทับใจมาก ๆ ครับ เรียกคนที่หลบฝนในเต็นท์ออกมาข้างนอก พร้อมยืนตากฝนกันได้ (อยากให้ทีมงานนำเสียงส่วนนี้มาให้ผู้ที่ไม่ได้ไปงานมาฟัง)

ประทับใจในทีมงานทุกท่าน โดยเฉพาะคุณชยาคมน์ ทำงานด้วยใจจริง ๆ ขออนุโมทนาบุญในการจัดงานในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ดีครับ

๒. สถานที่จัดงาน ในส่วนของการไปมาสะดวกดีครับ เพราะอยู่ใจกลางเมือง ทั้งรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ไปมาสะดวก แต่ที่น่าจะปรับปรุงคือเรื่องสถานที่จัดงาน ซึ่งเป็นช่วงหน้าฝนน่าจะจัดในอาคารที่สามารถรองรับผู้คนไม่ให้เปียกฝน (แต่ถึงไม่มีที่หลบฝน ส่วนตัวก็ยืนยันว่าจะไปอยู่ดีครับ)

ส่วนของประธานในพิธี ตอนแรกน่าจะเตรียมสถานที่ให้พระอาจารย์ท่านนั่งในเต็นท์ตั้งแต่แรกนะครับ เพราะถึงฝนไม่ตก ถ้าแดดออกพระอาจารย์ท่านก็ร้อนเพราะแดดส่องได้ และเรื่องของพัดลมระบายอากาศ ควรเตรียมให้ท่านตั้งแต่แรก เพราะคนเยอะ คนมุงกัน ผมว่าพระอาจารย์ท่านคงร้อน แต่ท่านมีความอดทนและความเมตตา ท่านจึงไม่ปริปากบ่นครับ

๓. ของที่คุณชยาคมน์และทีมงานนำมาแจกเป็นที่ระลึก ผมว่าสุดยอดมาก ๆ ครับ (ชอบธงและจีวรเป็นพิเศษครับ) แต่แนะนำว่า ส่วนของเอกสารที่แจก ถ้าทำปกเป็นกระดาษแข็งเคลือบมันก็สวยดี เพราะถือไปถือมาโดนน้ำ โดนฝน โดนเหงื่อ ปกเสียหายครับ อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ

๔. ส่วนของกินและน้ำไม่ได้ไปรับมาครับ ทางทีมงานยังมีแจก แต่เพราะยอมทนหิวครับ กลัวลุกจากที่นั่งแล้วไปห้องน้ำไม่ได้ที่นั่งเดิม

๕. เรื่องเสียงของลำโพง ช่วงตอนหลัง ๆ ลำโพงเสียงไม่ค่อยถึงครับ

๖. ไม่ทราบงานนี้เป็นงานครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่มีการสวดพระคาถาเงินล้านในที่ชุมชนใหญ่แบบนี้หรือเปล่าครับ (ไม่รวมที่พวกเราสวดกันในวัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรม)

๗. น่าจะมีจุดลงทะเบียน จะได้ทราบจำนวนคนที่เข้ารวมงาน (ทำเป็นสถิติเพื่อมีการรวมพลครั้งต่อไป จะได้ทำยอดให้สูงขึ้น)

๘. เรื่องป้ายแนะนำที่เต็นท์แต่ละจุด เช่น เต็นท์นี้กองอำนวยการ เต็นท์นี้ทำบุญ ผมว่าน่าจะมีมากกว่านี้ เพราะตอนไปคนเยอะ ๆ แล้วหาไม่เจอ

สุดท้ายผมให้คะแนนดีมากครับ (เกรด ๔) เพราะจัดเป็นครั้งแรกในงานกลางแจ้ง คนเยอะ ๆ ได้แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ สุดท้ายอนุโมทนากับทุก ๆ ท่านนะครับ

ชยาคมน์ 18-09-2013 13:15

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สันตุฏฐี (โพสต์ 111031)
๖. ไม่ทราบงานนี้เป็นงานครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่มีการสวดพระคาถาเงินล้านในที่ชุมชนใหญ่แบบนี้หรือเปล่าครับ (ไม่รวมที่พวกเราสวดกันในวัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรม)

โดยส่วนตัวมั่นใจว่า "เป็นครั้งแรก"
แต่ที่มั่นใจที่สุด คือ "ไม่ได้เกณฑ์คนมาครับ"

ที่สำคัญคือ บางคนลางานและเดินทางมาจากต่างจังหวัด
บางคนเหมารถตู้มาจากต่างจังหวัดครับ

ชยาคมน์ 18-09-2013 13:19

ความเห็นจากเว็บพลังจิต

๑. montrik

ผมตั้งใจไปร่วมงานครั้งมาก ประทับใจ ปลื้มปิติ ไม่มีวันลืมครับ ได้ทำบุญกับหลวงพี่เล็ก ครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ได้ร่วมภาวนาและตั้งจิตอธิษฐานให้สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระพลานามัยเข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทย และชาวพุทธทั่วโลกจนจบพีธี บนเสื่อที่เปียกชุ่มด้วยน้ำฝน เช่นเดียวกันกับหลาย ๆ ท่าน ฝนมหัศจรรย์ตกเฉพาะก่อนพิธีชุดใหญ่ พอจะเริ่มพิธี ก็หยุดตกทั้ง ๆ ที่เมฆครึ้มและลอยต่ำมาก ขออนุโมทนากับทางผู้จัด ผู้สนับสนุน และผู้เข้าร่วมพิธีทุกท่านครับ

โดยทั่วไปจัดเตรียมได้ดีมาก ทั้งสถานที่ และพิธีการ แต่อาจประเมินผู้เข้าร่วมต่ำไปนิด เพราะมีสาธุชนที่ศรัทธามามากกว่าที่คาดไว้ ผมขอเสนอแนะเพื่อปรับปรุงในคราวต่อไปเกี่ยวกับพิธีกร ผมทราบว่าทุกคนมาด้วยใจ แต่การพูดสื่อสารไม่ค่อยราบรื่น อ่านคำยาก ๆ ตะกุกตะกักตลอด น่าจะมีเวลาทำการบ้านมาก่อนสักนิดจะดีกว่านี้มาก เป็นแนวคิดที่ดีมาก ที่เรามาจัดสนามนักบุญในที่แห่งนี้ครับ

ชยาคมน์ตอบ : ในส่วนนี้ผมขอรับผิดเองครับ เพราะผมรับปากพิธีกรว่าจะเตรียมสคริปต์ให้ แต่ผมติดงานด่วนท้ายปีงบประมาณ ก็เลยทำให้ไม่ทันครับ เขาต้องไปหาข้อมูลกันเอาเองครับ

ชยาคมน์ 18-09-2013 13:25

ความเห็นจากเฟซบุ๊ก ชุดที่ ๑


๑. Tee Skulchaisiriwit
พระอาจารย์เล็กท่านเมตตามากครับ
ขอบคุณ Staff ทุกท่านที่เหนื่อยเตรียมงาน
จัดคิวคนทำบุญ ^^

๒. บัวคำศรี สาวชนบท
ชอบมากค่ะ ปลื้มปิติ และรู้สึกถึงบุญกุศลมาก ๆ อิ่มบุญเลยค่ะ วันนั้น
อยากให้มีแบบนี้อีกค่ะ

๓. Jiradech Panatuhk
ปิติมาก คนมาร่วมกันเยอะ

๔. สุรีรัตน์ หอระคุณ
ประทับใจเรื่องฝน เรียกได้ว่าเป็นฝนที่ทดสอบกำลังใจโดยแท้ เพราะตกมาแค่ ๑๕ นาที ก่อนเริ่มงาน พอเริ่มงานแล้วไม่ตกอีกเลย แถมมีพระจันทร์ทรงกลดด้วย

๕. Winai Janlamool
ได้สถานที่ดี เหมาะกับคนเมือง ดีครับ จัดบ่อย ๆ

๖. Pannarai Plengsangsri
มองไปทางใด..ก็ลูกพ่อเดียวกัน ทุกคนตั้งใจมาสวดพระคาถาพร้อมกัน ๑๐๐ จบ..สงบท่ามกลางความวุ่นวายของคนเมือง
ฝน..พระจันทร์ทรงกลด เห็นเด็ก ๆ ใส่ชุดนักเรียนมาร่วมสวดด้วยหลายคน

๗. Tanaka Cutekorn
ขนลุกมาก ๆ ที่ทุกคนมาจากหลายสาย บางครั้งเคยเห็นกระทบกระทั่งกันในที่อื่นบ้าง
แต่ในงานทุกคนพร้อมใจกันสวดมนต์ด้วยกันตามเสียงหลวงพ่อเล็ก มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกครับ

๘. Pornchai Pa
ประทับใจทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับงานนี้ครับ

๙. เชน เองงง
ประทับใจทีมงานและผู้มาร่วมงาน แสดงถึงความสมานสามัคคีกันมาก ๆ

๑๐. Panida Suriya Nok
โมทนาสาธุกับทุก ๆ ท่านที่ได้ไปร่วมสวดมนต์ แม้จะไม่ได้ไปร่วมยังสถานที่
แต่ก็ปิติที่เห็นทุก ๆ ท่านได้แสดงออกต่อสมเด็จฯ ท่านค่ะ

๑๑. Lift Up Chawaphon
ไม่ค่อยได้ร่วมงานบ่อย งานนี้ได้ร่วมบุญกัน ช่วยกัน ร่วมแรงใจกันอย่างดีมากครับ

๑๒. Silom Dental
ประทับใจกำลังใจผู้ร่วมงานทุกคน ฝนตกไม่มีถอย สวดกันด้วยความตั้งใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัย
คนมาทีหลังคู่มือหมด สวดไม่เป็น ให้ยืมคู่มือสวด มีการส่งน้ำดื่มระหว่างสวดแก้คอแห้ง
เหมือนงานพบปะญาติมิตร ดูเหมือนเคยเกี่ยวข้องกันมา เหมือนเคยรู้จักทุกคน
สวดปุ๊บ ฝนหยุดปั๊บ เหมือนยอมเปิดทางหลังทดสอบกำลังใจ ขนลุกเป็นระยะ
โดยเฉพาะตอนที่หลวงพี่เล็กแผ่เมตตา นำอุทิศส่วนกุศล คงมีผู้คนมากมายมาโมทนาบุญ

๑๓. Ratana Wh
ปลื้มปีติยินดีกับงานในครั้งนี้ เป็นภาพที่ควรค่าแก่การจดจำ เป็นบุญแก่คนไทยที่ได้ร่วมบุญ
ถวายแด่องค์พระสังฆราช และขอร่วมโมทนาสาธุการกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

๑๔. Piticha Maiket
ปลื้มยินดีในงานครั้งนี้ โมทนากับทุกคนที่ทุ่มเทเสียสละ เป็นบุญที่เราได้ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
รู้สึกถึงความเมตตาของครูบาอาจารย์ ท่านอายุมากแล้ว เหน็ดเหนื่อยเพื่อมวลชนทั้งหลาย เห็นท่านแล้วก็หายเหนื่อย
ยอมสู้ ยอมอดทน ทำตัวเป็นคนดี การทำสิ่งใด หากเราทำเพื่อคนอื่น มักจะมีพลังทุ่มเทที่มหาศาลมาก ๆ ค่ะ โมทนาอีกครั้งค่ะ

๑๕. Ching Pyeong Ravi
ยอมรับว่าจิตตกเล็กน้อยตอนฝนตก แต่พอหยุดและเริ่มสวดก็คิดว่า ไหน ๆ ก็มาแล้วต่อให้เปียกก็จะสวดให้จบ
ถึงจะเจ็บคอบ้างก็ไม่หยุดสวด ยิ่งพระอาจารย์เล็กบอกว่าพระพิรุณมาโมทนาด้วยก็ยิ่งปีติมาก
รู้สึกภูมิใจว่าเราก็ได้ทำเพื่อประเทศชาติบ้างเหมือนกัน

๑๖. Jiradech Panatuhk
เมื่อคืนฝันว่าหลวงพ่อฤๅษีมาหาที่บ้าน สาธุ

๑๗. ปิยะวุฒิ ศุภโชคสุนทร
เลิกเรียนจากที่ราชบุรีก็รีบมางานเลยครับ คิดว่าไม่ทันแล้ว โชคดีจริง ๆ ที่ทัน
รู้สึกปลื้มใจมาก ความรู้สึกปีติบอกไม่ถูกเลย อยากไปร่วมงานเช่นนี้อีกครับ

๑๘. DiNi Tibhayana Srisatidham
เป็นงานบุญที่สามัคคีและถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน น่าประทับใจในการดำเนินงานต่าง ๆ ของผู้นำและผู้ประสานงาน
ที่ทำให้ได้สวดมนต์บทนี้ร่วมกันเป็นบุญใหญ่ รวมถึงประทับใจชาวพุทธที่ไปร่วมสวดมนต์ด้วยกันค่ะ
โดยเฉพาะช่วงที่ฝนเทลงมาก่อนเริ่มสวดฯ วิ่งเข้าไปหลบในเต็นท์กัน ที่ก็จำกัดแต่ทุกคนก็เอื้อเฟื้อ แถมยังชวนคุยอีกด้วยค่ะ
ขอบคุณและอนุโมทนาสาธุ

๑๙. พรศักดิ์ ดำรงทวีศักดิ์
ชอบครับ ถ้าจัดอีก จัดวันอาทิตย์บ้างนะครับ

๒๐. บัวคำศรี สาวชนบท
ตอนแรกก็คิดว่า ทำไมจัดงานในวันทำงาน น่าจะจัดในวันหยุด แต่พอรู้ว่าจัดเพื่อถวายสมเด็จพระสังฆราชฯ ก็เข้าใจค่ะ
และเข้าใจมากขึ้น เมื่อมีคนบอกว่า วันที่ ๑๖ - ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นวันมหาสิทธิโชคค่ะ
โอกาสหน้าหากมีวันดีตรงกับวันหยุด ก็คงจะได้ร่วมกันสวดมนต์ในวันหยุดนั้นอีกค่ะ

ชยาคมน์ 18-09-2013 14:19

ความเห็นจากเฟซบุ๊ก ชุดที่ ๒

๒๑. Aoom Sam
สำหรับลูกหลานหลวงพ่อ มีกำลังใจหนักแน่น ตั้งใจมาร่วมงานกันอยู่แล้ว ที่มาจากต่างจังหวัดก็มีมาก โดยส่วนตัวมีความรู้สึกว่า
"คาถาเงินล้าน" จะสวดกันในกลุ่มลูกหลานของหลวงพ่อ การใช้บทสวดนี้เหมือนเป็นการประกาศถึงความดี ความเมตตาของหลวงพ่อ
และเป็นการแสดงความกตัญญูของพวกเรา ที่น้อมรับคำสอนมาปฏิบัติเป็นความดีงามในชีวิต อีกทั้งการร่วมสวดคาถาเงินล้านครั้งนี้
ก็เพื่อถวายพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราชฯ

การทำงานในเมืองใหญ่ที่วุ่นวาย โอกาสที่จะสร้างกุศลด้วยการสวดมนต์ดูเป็นเรื่องยาก เมื่อเลือกจัดเวลาเลิกงานและย่านเศรษฐกิจกลางเมือง
ก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนเหล่านั้นได้สร้างกุศล ได้รู้จักคาถาเงินล้าน ถ้ามีการจัดงานลักษณะนี้อีก อยากให้มีป้ายประชาสัมพันธ์ติดไว้ก่อนวันงาน
เพื่อให้คนที่ผ่านไปมาย่านเซ็นทรัล เวิลด์ ได้รับทราบและเตรียมตัวมาร่วมงาน ส่วนเรื่องสถานที่ต่าง ๆ เรียบร้อยเหมาะสมดีแล้วค่ะ

๒๒. Kim Jom Sook
รู้สึกประทับใจที่ได้ร่วมมหาบุญ มหากุศลกับกัลยาณมิตรลูกหลานหลวงพ่อทุกท่าน บอกตรง ๆ ว่า ปีติล้นทะลักมาก ๆ สวดไปขนลุกไป
ปีติจะล้นออกทางตา ต้องกลั้นไว้ ไม่อย่างนั้นอายคนอื่นแน่ ๆ

๒๓. อณูเล็ก ๆ แห่งวิถีพุทธะ
รู้สึกดีค่ะ รับรู้ได้ถึงพลังที่ดึงดูดกันและกัน จัดอีกนะคะ สาธุ อนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

๒๔. David Chet
ส่วนตัวผม การได้เห็นพระอาจารย์เล็ก ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วครับ เสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้อยู่รับพระบรมสารีริกธาตุหลังจากสวดเสร็จ
เพราะต้องรีบไปขึ้นรถที่หมอชิตกลับเชียงใหม่ สมบัติพ่อให้มา ลูกโง่ ๆ เลว ๆ คนนี้จะพยายามรักษาไว้ครับ
โมทนากับคณะผู้จัดงาน อาสาสมัคร ทุกท่านที่ไปสวดในงานและที่บ้านด้วยครับ สาธุ

พลภัทร 18-09-2013 14:23

ประทับใจงานนี้มากเช่นเดียวกันครับ

ทีแรกมีฝนตกมาในช่วงเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น. ก็ตกใจและเกรงว่าฝนจะตกนาน
แต่ปรากฏว่าฝนตกเพียงครู่เดียวเท่านั้น ให้พอได้ชุ่มฉ่ำ เย็นสบาย
หลังจากนั้นก็อากาศดี ท้องฟ้าแม้มีเมฆมาก แต่ฝนก็ไม่ตกลงมาอีกเลย

ในฐานะที่มาห้างบริเวณนั้นบ่อย ๆ
ทุกครั้งจะรู้สึกถึงความอึกทึกวุ่นวายของสถานที่และผู้คนโดยรอบ
แต่ในช่วงเวลาที่มีการสวดมนต์ร่วมกันนั้น กลับรู้สึกสงบและสบายใจ
ทั้งที่อยู่ใจกลางเมืองในบริเวณห้างเช่นนี้ครับ

และในตอนที่อุทิศบุญกุศลนั้น ก็รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด (บรรยายไม่ถูก)


ในงานนี้พระอาจารย์ท่านเมตตาอย่างยิ่งในการมาเป็นประธาน
เพราะปกติแล้วการเข้ามาในเมืองนั้นรถจะติดมาก ท่านก็มาโดย BTS ครับ


ส่วนสถานที่ซึ่งจัดให้พระอาจารย์นั่ง
มองว่าอากาศอาจไม่ค่อยถ่ายเทนัก เนื่องจากมีผู้คนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
หากมีอุปกรณ์หรือเครื่องช่วยระบายอากาศก็น่าจะดีครับ (หรือมีแต่ผมไม่เห็น)

ดีใจที่เห็นท่านต่าง ๆ มาร่วมกันสร้างคุณงามความดีในครั้งนี้ด้วยความตั้งใจ
และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยครับ

นางมารร้าย 18-09-2013 14:54

ชื่นชมที่สุด คือทีมงานทุกท่านที่เสียสละค่ะ

ฝนหยุดให้อย่างที่คาดไว้ค่ะ น่าปลื้ม แต่ถ้ามีคราวหน้าและเลือกเวลาได้ หลีกเลี่ยงหน้าฝนได้ก็ดีนะคะ จะได้เดินทางกันสะดวกขึ้น

คงเพราะคนมากกว่าที่คาดเอาไว้ ทำให้การจัดการที่นั่งไม่ทั่วถึง ทำให้คนบางส่วนไปนั่งปิดทางเดิน ปิดบันไดเลื่อน ปิดประตูร้าน
หากมีงานทำนองนี้ในคราวหน้า ขอความกรุณาช่วยประชาสัมพันธ์ว่า อย่าทำให้คนในพื้นที่เขาต้องมาลำบากเพราะการทำบุญของพวกเราเลย ถึงเขาไม่โมทนา ก็จะได้ไม่ต้องมาขุ่นข้องหมองใจจนได้บาปเพราะเรา

ชยาคมน์ 18-09-2013 15:00

ความเห็นจากเฟซบุ๊ก ชุดที่ ๓

๒๕. Surasak Boonkla
งานบุญแบบนี้ นาน ๆ จะมีที ต้องไปครับ เพราะเดินทางสะดวกอยู่แล้ว และที่ทำให้ผมรู้สึกศรัทธาหลวงพี่เล็กมากขึ้นไปอีก
ก็คือ พระจันทร์ทรงกลดตอนสวดใกล้ครบร้อยจบ ซึ่งไม่ใช่บังเอิญที่จะเกิดแบบนี้ในวันที่เมฆฝนหนาทึบ
นี่แสดงให้เห็นว่า งานสวดมนต์ครั้งนี้ "บริสุทธิ์" จริง ๆ ครับ

๒๖. Thanya Mam
ตั้งใจที่จะไปร่วมงานตั้งแต่ทราบข่าว และดีใจที่ได้พาคุณแม่ และเพื่อน ๆ มาร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย
อยากให้มีการจัดงานบุญแบบนี้บ่อย ๆ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ

๒๗. Doramon Doramee
รู้สึกประทับใจและปีติ อิ่มในบุญครั้งนี้จริง ๆ ค่ะ

๒๘. Pehda Chaiyabut
สวดเสร็จรู้สึกเย็นสบายดีจริง อ้อ..ที่แท้เปียกไปทั้งตัวเลย

๒๙. บัวคำศรี สาวชนบท
ตอนที่ฝนตกแล้วไม่ได้วิ่งไปหลบฝน แต่ปักหลักอยู่ตรงนั้น
รู้สึกถึงความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมของตัวเองเลยว่า อย่างไรก็ไม่ถอย

๓๐. Pla ParamPara
อนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านนะคะ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะสามารถสวดพระคาถานี้ได้ดัง ชัดเจน และสวดได้จนครบ
มีความสุขมาก ๆ ค่ะ (ตอนเดินทางกลับ ยังเห็นหลวงพี่เล็กขึ้น bts ด้วย)

๓๑. Chitarpha Deeprawat
ปกติเป็นคนไม่ชอบเดินทางไกล ยิ่งวันทำงาน หลังเลิกงานแล้วยังมีฝนตกรถติดด้วย เนื่องจากที่ทำงานไกลจากเซ็นทรัล เวิลด์มาก
แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า พระอาจารย์เล็กท่านเดินทางมาจากกาญจนบุรีเพื่อมาสงเคราะห์พวกเรา
เพื่อสวดถวายพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช ท่านยังมาได้ เราอยู่ใกล้แค่นี้ก็ต้องไปให้ได้เหมือนกัน
แล้วก็มาทันในที่สุด โดยมีทั้งแม่ ญาติ และพี่สาว มารวมตัวสวดพระคาถาเงินล้านด้วยกัน และที่ขนลุกเลย คือ
ได้เห็นรูปภาพจากทีมงานว่า พระอาจารย์เล็กท่านก็ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ไป-กลับ เหมือนกับเราด้วย ยิ่งเคารพนับถือท่านมากขึ้น
เพราะท่านเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่แล้ว แต่ท่านยังวางองค์ได้สมถะและเรียบง่ายมาก
ขอบคุณทีมงานทุกท่านที่เสียสละในการจัดงานอันเป็นมหามงคลครั้งนี้ค่ะ งานนี้จะเป็นอีกงานที่อยู่ในความทรงจำไปตลอดชีวิต

๓๒. Supakorn Temkamkwan
ได้บารมีหลายตัวครับ โดยเฉพาะตอนที่ฝนตกหนัก ตั้งใจว่า ถ้าจะต้องตัวเปียกกลับบ้านจนไม่สบายก็ยอม
งานนี้ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา และอาจาริยบูชา ตนเองสวดเสียงดังฟังชัด ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีหยุดพักดื่มน้ำเลย

และที่ประทับอีกเรื่องก็คือ การได้เห็นภาพของผู้คนจำนวนมาก ดั่งมหาสมุทรแห่งศรัทธา
มีความพร้อมเพรียง สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการสร้างความดี น่าชื่นใจมาก ๆ ครับ
อีกทั้งครูบาอาจารย์ก็เป็นผู้นำที่ดี ทั้งหลวงพ่อเล็ก ครูบาหน่อแก้วฟ้า และท่านอื่น ๆ กราบโมทนาอย่างยิ่งครับ _/|\_


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:34


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว