กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=117)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8442)

ตัวเล็ก 16-03-2022 19:59

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕



เถรี 16-03-2022 23:00

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่เช้ามืดกระผม/อาตมภาพก็วิ่งไปงาน กลับมางานเพิ่งจะหมดสักครู่นี้ จะว่าหมดก็ไม่ได้ เพราะว่าอีกครู่หนึ่งหลังการบันทึกเสียงนี้แล้ว ก็ยังต้องทำวัตรค่ำรอบที่สอง

หลายท่านที่ติดตามทางหน้าเพจเฟซบุ๊กก็คงสงสัยว่า แต่ละวันกระผม/อาตมภาพเอาเรี่ยวเอาแรงที่ไหนมาทำงาน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็แค่คิดว่า เราทำงานวันนี้เป็นวันสุดท้ายเท่านั้น แต่หลายท่านฟังแล้วก็รู้สึกหดหู่ใจ รับไม่ได้ ถ้ารับไม่ได้ก็จงหดหู่ต่อไป..!

เพราะว่านักปฏิบัติธรรมที่ดี เราต้องระลึกอยู่เสมอว่าความตายอยู่แค่ชั่วลมหายใจเข้าออก หลายท่านก็คงจะเห็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งบุคคลทั่วไป ตายกันมามากต่อมากแล้ว แต่น้อยคนที่จะคิดว่า ราอาจจะตายเป็นคนต่อไป ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายดำรงชีวิตอยู่ด้วยความประมาท

ในเรื่องของชีวิตหลังความตายนั้น มีกรรมอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกว่า อาสันนกรรม เป็นกรรมก่อนตาย อาจจะทำให้คติของเราไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะว่านักปฏิบัติชั้นดีหลายท่านยังต้องผ่านตำหนักพระยายมราช เนื่องจากว่าตอนช่วงก่อนตาย เผลอสติลืมภาวนาบ้าง โดนแรงกรรมที่ทำเอาไว้มากทำให้หลงลืมไปบ้าง

มีบางท่านเคยบอกเล่าให้ฟังว่า กำลังกำหนดใจภาวนาพุทโธอยู่ มีเสียงเหมือนใครทุบข้างฝาดังปังใหญ่ ก็ตกใจ..หลุดจากการภาวนา จิตก็หลุดจากร่างกายตอนนั้นพอดี ยังโชคดีที่มีเทวทูต ๔ ท่านมารับไปผ่านตำหนักพระยายมราช ด้วยความที่ทำความดีเอาไว้มาก จึงพอที่จะระลึกได้ว่าคุณงามความดีที่ตนเองทำมีอะไรบ้าง ทำให้รอดพ้นจากอบายภูมิไปได้อย่างหวุดหวิด..!

เถรี 16-03-2022 23:06

ส่วนอีกท่านหนึ่ง ต้องขอกราบขมาเป็นอย่างสูง ที่ต้องยกท่านขึ้นมาเป็นตัวอย่าง คือพระเดชพระคุณพระราชอุทัยกวี วิ. (หลวงปู่พุฒ) วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดทุ่งแก้ว

หลวงปู่พุฒเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถ้าเป็นสมัยนี้ สมณศักดิ์อย่างน้อยก็ต้องเป็นชั้นธรรมหรือรองสมเด็จพระราชาคณะหิรัญบัฏ แต่สมัยโน้นเขามีกฎเกณฑ์พิจารณาอยู่อย่างหนึ่งว่า สมณศักดิ์ไม่ควรจะสูงเกินกว่าผู้บังคับบัญชา ในเมื่อเจ้าคณะภาคก็คือหลวงเตี่ย (พระเทพโสภณ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นเจ้าคุณชั้นเทพ หลวงปู่ก็เลยเป็นแค่เจ้าคุณชั้นราช ยันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมรณภาพ ทั้ง ๆ ที่เป็นพระเถระที่มีอายุยืนนานมาก

ด้วยความที่หลวงปู่พุฒเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คติของท่านค่อนข้างจะแน่นอน ก็คือไปพระนิพพานแน่ แต่ปรากฏว่าก่อนจะมรณภาพนิดเดียว ท่านคิดขึ้นมาว่าบัญชีเงินวัดยังไม่ได้มอบหมายให้ใครดูแล แค่นั้นเอง ทำเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง แค่ไม่ได้มอบให้ใครรับผิดชอบโดยตรงเท่านั้น จิตที่ประหวัดถึงบัญชีนิดเดียว ทำให้ไปไม่ถึงพระนิพพาน เพราะเท่ากับยังยึดเกาะอยู่ จนป่านนี้ท่านก็ยังอยู่ที่อวิหาพรหม เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดว่า ในเรื่องของคติ คือที่ไปหลังความตาย หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้อย่างยิ่ง ผู้ใดประมาท มีสิทธิ์ที่จะลงอบายภูมิสูงมาก..!

เพราะว่าพวกเราแต่ละคนเกิดมาไม่ได้สร้างความดีเพียงอย่างเดียว ต่อให้ชาตินี้สร้างความดีตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย เราก็มั่นใจไม่ได้ว่าชาติก่อนจะไม่เคยสร้างความชั่วไว้ ดังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะต้องไปดี เนื่องเพราะว่าถ้าแรงกรรมในอดีตติดตามมาทัน เราก็มีสิทธิ์ลงสู่อบายภูมิได้

ตัวอย่างในพระธรรมบทก็คือ นางมัลลิกาเทวี พระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นอุบาสิกาผู้เลิศด้วยการให้ทาน แม้กระทั่งอสทิสทานที่หาใครถวายไม่ได้ นางมัลลิกาเทวีเป็นเจ้าภาพถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ ได้ แต่ก่อนสวรรคต คิดถึงกรรมเก่าที่ตนเองทำไว้นิดเดียว ยังต้องตกสู่อบายภูมิ ๗ วัน เราอย่าไปคิดว่า ๗ วันนิดเดียวเท่านั้น คนเราโดนไฟลวกนิดเดียวก็ยังเจ็บปวด แล้วไฟนรกร้อนกว่าไฟทั่วไปจนประมาณเท่าไม่ได้ โดนเผาอยู่ ๗ วัน รสชาติดุเดือดขนาดไหน อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ถูก..!

พวกเราจึงไม่ควรที่จะบำเพ็ญตนอยู่ในความประมาท เพราะว่าความประมาทนั้นแบ่งออกได้หลายอย่าง อย่างเช่นว่าเมาวัย ก็คือคิดว่าเรายังอายุน้อยอยู่ เรายังเป็นหนุ่มเป็นสาว เรายังแข็งแรง เชื่อได้ที่ไหน ปุบปับตายไปนับไม่ถ้วนแล้ว..!

เถรี 16-03-2022 23:08

เมาความไม่มีโรค อดีตทำกรรมปาณาติบาตไว้น้อย ชาติปัจจุบันนี้อย่างเก่งก็แค่ปวดหัวตัวร้อน แล้วไปคิดว่าตนเองไม่มีโรคภัยอะไรที่หนักหนา หารู้ไม่ว่าชีวิตอยู่แค่ลมหายใจเดียวแค่นั้น หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน ยิ่งในยุคโรคภัยไข้เจ็บ เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดอย่างในช่วงนี้ เราอาจจะติดเชื้อป่วยตายวันไหนก็ไม่แน่..!

บางท่านก็เมาชีวิต เกิดมาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความประมาท อาจจะเที่ยวเตร่หัวราน้ำ กินเหล้าเมายา หาโรคใส่ตัว เมื่อถึงเวลาโรคภัยทั้งหลายกำเริบขึ้นมา จะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่เกิดจากคำเดียว คือความประมาท พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสไว้ชัดว่า ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย

อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย คำว่า ตาย และ ไม่ตาย ในที่นี้ ยังมีความหมายว่า ตายจากความดีหรือไม่ตายจากความดีอีกด้วย

ยิ่งในระยะนี้เราก็จะได้ข่าวคราวพระเถระทั้งหลายละสังขารกันเป็นปกติ แม้กระทั่งดารานักร้องก็เสียชีวิตกันรายแล้วรายเล่า ถ้ามีสติระลึกรู้ ก็จะต้องตระหนักบ้างว่า ความตายจะมาถึงเราได้ทุกเวลา แต่คราวนี้ถ้าหากว่าตายแล้วไม่ได้หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ความตายนั้นไม่ใช่ความสิ้นสุด เพราะว่าเราต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๓๑ ภพภูมิจนกว่าจะหมดกรรม หรือจนกว่าจะสามารถชำระใจของตนให้บริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง แล้วหลุดพ้นจากวัฏสงสารไปสู่พระนิพพานได้

ในเมื่อความตายไม่ใช่การสิ้นสุด เราก็ต้องไม่ประมาท ต้องเป็นผู้ที่เตรียมการให้พร้อมที่สุดที่จะตาย ไม่ใช่พูดถึงความตายเมื่อไรก็กลัว พูดถึงความตายเมื่อไรก็หดหู่ เศร้าหมอง

ความตายเป็นแค่การเปลี่ยนรูป เปลี่ยนขันธ์ ไปตามกรรมที่เราสร้างไว้ เหมือนกับเสื้อเก่าหมดสภาพแล้วเราถอดทิ้ง เปลี่ยนไปใส่เสื้อตัวใหม่ หรือเหมือนกับรถยนต์คันเก่าที่เราขับจนหมดสภาพ ก็ต้องจอดทิ้งไปหารถคันใหม่

เถรี 16-03-2022 23:10

รถในที่นี้ก็คือสังขารที่เราจะได้ตามบุญตามกรรมที่เราสร้างไว้ ถ้าสร้างกรรมดีไว้มาก ก็ได้ขันธ์ที่เป็นทิพย์ หรือว่าต่อให้เป็นขันธ์หยาบอย่างเป็นมนุษย์ ก็สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ ไม่ลำบากด้วยการดำเนินชีวิต แต่ถ้าสร้างกรรมเอาไว้มาก รถยนต์คันใหม่หรือเสื้อผ้าชุดใหม่ของท่านก็คือทุคติ มีสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น เกิดเป็นคนก็ทุกข์ยากลำบาก พิกลพิการ เจ็บไข้ได้ป่วย

ดังนั้น...ถ้าหากว่าเราไม่ประมาท ตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมความดีในทาน ในศีล ในภาวนาให้มากเข้าไว้ ถึงวาระถึงเวลาเปลี่ยนรูป เปลี่ยนขันธ์ เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนรถยนต์ เราก็ย่อมได้เสื้อผ้ายี่ห้อดี ๆ รถยนต์ยี่ห้อดี ๆ พร้อมที่จะเดินทางต่อไปโดยไม่ลำบากมากเหมือนกับคนอื่น ๆ

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้วประมาท เกิดพลาดไปลงอบายภูมิก็ถือว่าเสียชาติเกิด เพราะว่าการลงอบายภูมินั้นก็จะโดนคิดทบต้นทบดอก ถ้าสามารถอาศัยความดีหลีกหนีอบายภูมิมาได้หลายชาติ กรรมชั่วทั้งหลายก็จะทบดอกทบต้นรออยู่ ลงไปเมื่อไรเขาก็รวบยอดเอาคืนเสียทีเดียว กว่าจะได้หลุดขึ้นมา บางทีก็พระพุทธเจ้าผ่านไปหลายพระองค์แล้ว..!

ดังนั้น...ที่กล่าวถึงในวันนี้ จึงอยากให้ทุกท่านเตรียมพร้อมด้วยความไม่ประมาท ปฏิบัติธรรมหรือว่าปฏิบัติหน้าที่การงานของเราเหมือนกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต ต้องทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ที่สุด ให้ดีที่สุด ถึงเวลาจะได้จากไปอย่างสง่างามที่สุด

ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเราพลาดลงสู่อบายภูมิ ระยะเวลาที่ยาวนานปานนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่เรามีโอกาสที่จะไปสู่สุคติ หรือว่ามีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน แต่เรากลับใช้โอกาส ใช้เวลาที่มีอยู่ให้สิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์ จนกระทั่งพลาดพลั้งลงทุคติไป

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว