กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6480)

เถรี 27-02-2019 19:22

"ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน อาตมาก็เข้าใจเลยว่า เราไม่ควรทำตัวให้เป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น ทั้งด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ อะไรที่พอเลี่ยงได้ ไม่ให้เกิดโทษกับเขาก็พยายามเลี่ยง

ยิ่งในช่วงที่เปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ ๆ กำลังใจของคนยังเคว้งคว้าง ไม่มีที่เกาะ ถ้าหากว่าอาตมาไป จะกลายเป็นที่เกาะของเขา ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งที่เขาคิด เหมือนอย่างกับว่าเราตั้งใจไปแย่งลูกศิษย์มา ซึ่งคำพูดของคนโดยปกติไม่ต้องไปใส่ใจก็ได้ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ต่อให้เราไม่ใส่ใจก็ช่วยเมตตาเขาหน่อย"

เถรี 27-02-2019 19:33

ถาม : แต่ก่อนหนูปฏิบัติแบบยกมือของหลวงปู่เทียน ตอนนี้หนูเลิกแล้ว หันมาดูลมแบบอานาปานสติ ทำ ๆ ไปเหมือนสมถะก็ไม่แน่น ภาวนาไปแล้วก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วก็จะฟุ้ง คราวนี้พอฟุ้งก็รับมือกับมันไม่ถูกเหมือนแต่ก่อน ไม่เคยเห็นว่าความคิดมาเยอะขนาดนี้ อารมณ์ก็เยอะ กลายเป็นว่าเห็นว่าเราเลวแบบที่เราไม่เคยเห็น รู้สึกว่ากิเลสหยาบ ๆ เราก็เอาชนะไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเราทำผิดหรือเราทำถูกค่ะ ?

ตอบ : การปฏิบัติ ถ้าเห็นความเลวของตัวเอง จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า ถ้าหากว่าความก้าวหน้าไม่มี เราจะไม่เห็นโทษตรงนี้ ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วดีมากกว่า เพียงแต่ว่าเราอย่าไปฟุ้งซ่านตาม ให้อยู่กับลมหายใจเข้าออกตามปกติ ถ้าเราสามารถรักษาความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนดับไปชั่วคราว

จริง ๆ แล้วก็คือความก้าวหน้า เพียงแต่ว่าก้าวหน้าโดยที่เราเห็นตัวเรามีความชั่วมากขึ้นเรื่อย ๆ การเห็นลักษณะนี้แหละที่จะทำให้เราเบื่อหน่าย พอเบื่อแล้วเราก็ไม่อยากได้ใคร่ดี ไม่อยากเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ ไม่ต้องการเกิดมาในโลกนี้ ก็จะได้กำลังใจในส่วนที่เหลือ เหมือนอย่างกับว่าพร้อมที่จะสลัดหลุดไปทุกเวลา

เถรี 27-02-2019 19:37

ถาม : ถ้าบางทีเราดูลม เหมือนกับเผลอบังคับมากไป จนรู้สึกอึดอัด จนทำต่อไปไม่ได้ เหมือนจิตพยศ ควรทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : เปลี่ยนอิริยาบถ ไปเดินไปทำงานทำการอะไรก็ได้ แต่เอาสติรับรู้ตามไป ลักษณะเหมือนอย่างกับชาร์จแบตฯ จนเต็มแล้ว หม้อแบตฯ จะระเบิด คือทำเกินแล้วก็ไม่รู้จักใช้ ปกติแล้วถ้าทำลักษณะนั้นให้คลายกำลังใจออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ

ถาม : คำว่าพิจารณาวิปัสสนาญาณหมายความว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : ดูให้เห็นว่าสภาพร่างกายเราก็ดี คนอื่นก็ดี ทุกอย่างในโลกนี้ก็ดี มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้เป็นปกติ พอกำลังใจเราไปคิดด้านนั้น ก็เหมือนกับเราเอากำลังไปใช้ ก็เท่ากับใช้กำลังไฟเรื่อย ๆ พอจะหมดก็ชาร์จใหม่ ต้องสลับไปสลับมา เราไปชาร์จไฟอย่างเดียว เดี๋ยวหม้อระเบิด..!

เถรี 27-02-2019 19:39

ถาม : ตอนนี้เวลาหนูมีความฟุ้งซ่าน ความรู้สึกเหมือนกับกระชากความรู้สึกมาไว้ให้กับลม แรงเกินไปไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้...แต่ว่าบางทีพอโดนมาก ๆ เข้าจิตก็ดื้อ เพราะฉะนั้น..เราเปลี่ยนไปทำอิริยาบถอื่น ไปอ่านหนังสือก็ได้ ไปทำการทำงานก็ได้ ไปเดินจงกรมก็ได้ ให้พ้นจากตรงนั้นไปสักพักหนึ่ง พอสภาพจิตหายดื้อแล้วเราค่อยมาว่ากันใหม่ เหมือนอย่างกับเลี้ยงเด็กดื้อ แล้วเราก็ไปปะทะกันตรง ๆ ต้องมีเทคนิคพลิกแพลงบ้าง ไม่อย่างนั้นเหนื่อยตาย..!

เถรี 27-02-2019 19:49

ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมเวลาปฏิบัติมักจะมีปัญหาทั้งนั้น แต่มีแล้วไม่กล้าถาม อายบ้าง อะไรบ้าง ก็เลยเสียประโยชน์ของตัวเอง การถามปัญหาเป็นการเรียนลัด การเรียนลัดทำให้เราไม่ต้องไปเสียเวลานาน โบราณถึงบอกได้ว่า อายครูบ่รู้วิชา มัวแต่อายอยู่ กลัวคนจะรู้ว่าเรามีความเลวแบบไหน

นักปฏิบัตินี่เขาจะอายถ้าคิดว่าตัวเองมีความดี แต่ถ้าความเลวนี่ต้องรีบขนออกมาเลย กำจัดได้ ต้องรีบกำจัด ฆ่าทิ้งได้ต้องรีบฆ่าทิ้ง ถึงเวลารีบหาความเลวให้เจอ หลายต่อหลายคนพอถึงเวลาจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก โอ๊ย...ตะเกียกตะกายอยู่เป็นเดือนเป็นปี ไม่กล้ามาหา...อาย รู้สึกว่าตัวเองเลว พยายามตะกายอยู่จนเกือบจะหมดสภาพ

กำลังใจดีขึ้นมาหน่อยแล้วค่อยมาหา โดยที่ลืมไปว่าตอนที่ตัวเองแย่ที่สุด จำเป็นต้องไป เพื่อให้ครูบาอาจารย์ท่านช่วยเหลือ ตอนดีแล้วไปทำอะไร ? จะไปอวดท่านว่าดีแล้วเราจะได้อะไร ?

พระท่านไม่ได้ดูว่าใครดีใครเลว พระท่านดูแค่ว่าจะสงเคราะห์ให้ดีอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วก็กลัวกัน อีกพวกหนึ่งก็อยากรู้อยากเห็น ถึงเวลาอธิษฐานมาตั้งแต่บ้าน ผมคิดเรื่องอย่างนี้ไว้ ถึงเวลาพระอาจารย์ต้องทักให้ตรงกับที่ผมคิด กินอิ่มไปหรืออย่างไร ? ดูความผิดความชั่วของตัวเองก็ดูไม่หวาดไม่ไหวแล้ว จะให้ไปดูคนอื่นอีก


เถรี 27-02-2019 19:57

มีโยมเข้าไปร่วมทำบังสุกุล "รู้ไหมว่าเขาทำอะไรกัน ? เห็นเขาทำก็ทำตาม ๆ กันใช่ไหม ? เขาเรียกว่าไม่รู้ก็ยังจะทำ

จะทำอะไรต้องรู้จุดหมาย รู้คุณค่า ถึงจะได้เต็มที่ ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไร เห็นเขาทำก็ทำตามไปเรื่อย"


เถรี 27-02-2019 20:01

โยมเดินไม่ปกติ "ไปโดนอะไรมาจ๊ะ ? ขาเจ็บ (รถชนค่ะ)

รถชนถลอกแค่นั้น โยมเดินเข้ามาท่าไม่ปกติก็รู้ว่าขาเจ็บ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องการสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้ากำลังใจไม่ละเอียดพอ ไม่เห็นกิเลสตัวเองหรอก เพราะฉะนั้น..เรื่องหยาบ ๆ แค่นี้เห็นง่ายจะตายไป"


เถรี 27-02-2019 20:23

พูดถึงเรื่องฝุ่น "ถ้ากลัวฝุ่นก็ใช้พลังจิตป้องกัน เพราะว่าถ้าฝึกพลังจิตดี ๆ กันได้แม้แต่พวกรังสีนิวเคลียร์ ซึ่งละเอียดกว่าเยอะ ฝุ่นยังเป็นของหยาบ เช้า ๆ ขึ้นมาก็นั่งปลุกพระ ภาวนายันต์เกราะเพชรก็ได้ หรือไม่ก็พระคาถาชินบัญชรก็ได้ นึกถึงภาพพระครอบเราเอาไว้ ประมาณว่าบริเวณนี้ห้ามเข้า"

เถรี 27-02-2019 20:24

ถาม : อาราธนายันต์เกราะเพชรแล้วหายใจผ่านยันต์ รู้สึกว่าสดชื่น ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ใครได้กสิณลมก็สร้างเกราะลมไว้ป้องกันตัวเอง

ถาม : ใครได้กสิณลมให้เขาโบกออกไปได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ถ้าหากว่าไม่กลัวกฎของกรรม ก็กวาดแทนเขาทั้งกรุงเทพฯ ไปเลยก็ได้

ถาม : เดี๋ยวไปหาคนที่กวาดก่อนนะคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องมาหาอาตมานะ ตูไม่ไปทำให้หรอก

ถาม : วันก่อนมีคนเขาบอกว่าอยากทำ หนูก็เลยถามว่ารับไหวใช่ไหม เขาก็เลยนิ่งไป ?
ตอบ : ถ้าคิดว่ารับกรรมแทนคน ๑๐ ล้านได้ก็เอาเลย ดูว่าจะถึงตายไหม ? ในหลวงรัชกาลที่ ๙ รับกรรมแทนคนทั้งชาติ สุขภาพชำรุดจนกู้ไม่กลับเลย

เถรี 27-02-2019 20:25

ถาม : พระเครื่องของหลวงพ่อวัดท่าซุงกันรังสีได้ ?
ตอบ : ขนาดนั้นยังกันได้ กะอีแค่ฝุ่น ไปกลัวอะไร

เถรี 27-02-2019 20:30

ถาม : เราชาวพุทธจะ...(ไม่ชัด)...?
ตอบ : นั่นก็ต้องบอกว่าอยู่ที่ความมั่นคงของกำลังใจเราด้วย กำลังใจของคนส่วนมากก็คือรักษาตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องไปคิดถึงว่ารักษาคนอื่น กำลังใจส่วนน้อยรักษาตัวเองได้ ช่วยคนอื่นไม่ได้ ที่รักษาตัวเองได้ ช่วยคนอื่นได้นั้น มีน้อยจริง ๆ

เถรี 27-02-2019 21:05

ถาม : หนูจับภาพพระวิสุทธิเทพ แต่ไม่เคยจับเป็นทั้งองค์ได้ จะไปทีละจุดแล้วไล่ ๆ จากหัวจรดเท้า เท้าจรดหัว บางทีท่านก็หมุนรอบตัวเอง หนูต้องบังคับให้ท่านอยู่นิ่ง ๆ ไหมคะ ? หรือว่าควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ความจริงเราแค่กำหนดใจเฉย ๆ ว่ามีพระอยู่กับเรา แล้วก็ภาวนาของเราไป จะพุทโธหรืออะไรก็ได้

ถาม : ไม่จำเป็นต้องเอารายละเอียด ?
ตอบ : ไม่จำเป็น พอสมาธิทรงตัวแล้วความชัดเจนจะค่อย ๆ มีขึ้นเอง เราไปตั้งใจที่จะเอาชัด เอาดีตั้งแต่แรก...เหนื่อยตาย ไม่เป็นไร ส่วนใหญ่แล้วกว่าจะรู้เคล็ด ก็ต้องลำบากก่อน ค่อย ๆ ทำไป อย่ารีบ เดี๋ยวจะเก่งเกินพระ..!

ถาม : หนูทุกข์มากเลยค่ะ รู้สึกปฏิบัติแล้วหนัก..ทุกข์ ไม่รู้จะถามใคร ?
ตอบ : ก็เพราะว่าเราไปแบกไว้ ทำแล้วอยากได้ดี อย่าไปอยาก ตัวอยากเป็นตัวฟุ้งซ่าน เรามีหน้าที่ทำ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ เป็นเรื่องของเขา เราก็ว่าของเราไปเรื่อย ๆ

ถาม : แค่กำหนดใจว่ามีพระเฉย ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : แค่นั้นแหละ จะชัดหรือไม่ชัด จะดีหรือไม่ดี...ช่างมัน เรามีหน้าที่กำหนดภาพพระ มีหน้าที่ภาวนา ส่วนจะชัดหรือไม่ชัดปล่อยเขา สมาธิดีขึ้นละเอียดขึ้น ความชัดจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เอง ไม่ใช่ไปบังคับให้ชัด

ถาม : ควรทำทั้งวันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าทำได้ก็ดี แต่ก็จะเครียดอีก ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ไหวก็ไปทำอย่างอื่น พอรู้สึกว่าไหวค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่

เถรี 27-02-2019 21:10

ถาม : ระบบประสาทเสื่อมค่ะ ทำให้หูดับเฉียบพลันไปข้างหนึ่ง ตอนนี้รักษาเริ่มได้ยินแล้ว อยากทราบว่ามีวิธีรักษาให้ดีขึ้นได้บ้างไหมคะ ?
ตอบ : พวกประสาทเสื่อมนี่ลำบากนะ เพราะว่าเสื่อมแล้วเสื่อมเลย ฉะนั้น...ทำใจว่าต้องใส่เครื่องช่วยฟังก็แล้วกัน อาจจะได้ใส่เร็ว ๆ นี้

ถาม : มีวิธีแก้ไหมคะ ให้อย่างน้อยได้ยินได้ฟังปกติ ไม่ต้องใส่เครื่อง ?
ตอบ : ร่างกายมีสภาพเสื่อมเป็นธรรมดา ถ้าเราไปฝืนธรรมดา เราก็จะทุกข์ อยากพังก็ปล่อยพังไป อยากอยู่ก็ปล่อยอยู่ไป จะเดือดร้อนอะไร...ทำใจ

ถาม : พี่เขาบอกว่า เสื่อมเพราะว่าขี้โกรธค่ะ ?
ตอบ : เรื่องของประสาทเสื่อมขึ้นอยู่กับกรรม เคยทำเอาไว้ ถึงเวลาก็เป็น

ถาม : ถ้าหากว่าทำกรรมฐานแล้วจะดีขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : ลองดูสิ...เผื่อว่าบรรเทากรรมลงได้ก็จะดีขึ้น ของพวกนี้ต้องทำ...อย่าถาม

เถรี 27-02-2019 21:13

ถาม : หนูตั้งใจจะมาถวายเพล แต่หนูมาไม่ทัน คราวนี้เคยได้ยินคนพูดว่า ถ้าตั้งใจก็เหมือนได้ทำบุญแล้ว จริงไหมคะ ?
ตอบ : เจตนาเป็นบุญอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าบุญนั้นไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถ้าหากว่าได้ทำก็เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

เถรี 27-02-2019 21:13

ถาม : คุณพ่อท่านตั้งพระพุทธรูปไปทางทิศใต้ แต่หนูค้านแล้ว ท่านบอกว่ากันอัปมงคล หนูเลยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : เอาตามท่าน เดี๋ยวท่านไม่อยู่แล้วเราค่อยไปขยับให้ถูก

เถรี 27-02-2019 21:14

ถาม : ตอนนั่งทำกรรมฐานที่นี่ ตอนที่หลวงพ่อพูด หนูคิดถึงใบหน้าหลวงพ่อ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าหลวงปู่โตชัดมาก สักพักหนึ่งแล้วก็หายไป หลังจากนั้นท่านก็ไม่มาอีกเลย ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องทำอย่างไร ทำไม่รู้ไม่ชี้แบบเดิม ถ้าอยากได้จะไม่มา เรามีหน้าที่ภาวนา ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เดี๋ยวท่านก็มาเอง

เถรี 28-02-2019 22:04

ถาม : เดือนที่แล้วที่ให้แผ่เมตตากำหนดใจคลุมทั้งจักรวาล แต่ว่าทำแล้วเหมือนตัวเราหายไป สมัยบ้านอนุสาวรีย์ฯ ที่หลวงพ่อสอน หนูทำตัวใหญ่ ๆ แบบนั้นได้ ตอนนี้ไม่ใช่ กลับไปเป็นอณูอยู่ในนั้น ?
ตอบ : ให้เป็นส่วนหนึ่งของตรงนั้นได้ก็ดี

ถาม : เข้าไปอยู่ในนั้นเลย ตัวตนเราก็หายไป ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ขอให้ยังควบคุมได้ก็พอ ก็คือความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างยังเป็นปกติก็ใช้ได้ สภาพนั้นเป็นที่สมาธิ

ถาม : เป็นผลของการฝึกอรูปฌานหรือเปล่า ?
ตอบ : จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้

ถาม : แต่หนูไม่ได้บังคับนะคะ ?
ตอบ : แล้วจะไปบังคับไปทำไม ?

ถาม : คือว่าเป็นเอง หนูไม่ได้ตั้งใจให้เป็น ?
ตอบ : ก็ปล่อยไปตามนั้น ถึงเวลาท้ายสุดก็ไม่มีอะไรเหลือ เราก็ขอไปพระนิพพาน จิตสุดท้ายเราก็เกาะที่พระนิพพาน

ถาม : เราจะบังคับให้ไม่เป็น แล้วไปทำอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็แค่คลายสมาธิออกมาแล้วเริ่มต้นใหม่

ถาม : แค่ลดระดับลงมาแค่เองนั้นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : แค่นั้นเอง ไปแล้วกลับไม่เป็น เขาเรียกว่ามีสมาปัชชนวสี ความสามารถในการเข้า แต่ไม่มีวุฏฐานวสี ไม่มีความสามารถในการออก

เถรี 28-02-2019 22:13

โยมดื่มพวกกาแฟน้ำหวาน "ที่ลดน้ำหนักไม่ได้เพราะไอ้ที่ถืออยู่นั่นแหละ เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าก็ลดไปนานแล้ว

บางคนบอกว่าไม่กินแล้วไม่มีแรง น้ำตาลในเลือดต่ำ ไอ้ที่ไม่กินแล้วไม่มีแรง เพราะว่ากินจนติดแล้ว ร่างกายขี้เกียจผลิตน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรตแล้ว"

เถรี 28-02-2019 22:30

ถาม : กำลังเรียนเรื่องสัตว์หิมพานต์ ควรจะเขียนสัตว์หิมพานต์ตัวไหน ?
ตอบ : ชอบตัวไหนก็เขียนตัวนั้น

ถาม : ตัวไหนที่มีความหมายสักอย่างหนึ่ง ?
ตอบ : เขียนนกหัสดีลิงค์แล้วกัน เห็นเขากำลังนิยมกันอยู่

ถาม : หลวงพ่อคิดว่าตัวไหนมีคุณค่า ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ศิลปะทุกอย่างเขามีคุณค่าในตัวอยู่แล้ว

ถาม : ตัวไหนที่มีคุณค่า เกี่ยวข้องกับตำนานศาสนาพุทธ ?
ตอบ : พญานาค

อาทิตย์ก่อนไปงานครูบาเหนือชัย แวะวัดร่องขุ่น ไปเจอสี่หูห้าตาที่น่ารักที่สุดในโลกที่วัดร่องขุ่น ส่วนใหญ่สี่หูห้าตาที่เราเคยเห็นปั้นมาลักษณะเหมือนกับลิง แต่ที่วัดร่องขุ่นนี่ปั้นออกมาน่ารักมาก ปั้นออกมาเป็นช่างวาด เป็นจิตรกร

เถรี 28-02-2019 22:32

ถาม : ปีที่แล้วลูกชายรับยันต์เกราะเพชรอยู่ที่บ้าน ตัวในเขาหลุดไป แล้วเขาตกใจ ถ้าปีนี้รับเป็นอย่างนั้นอีก ควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ชินแล้วนี่ เคยไปแล้ว ถ้าไปอีกทีก็เลิกตกใจได้แล้ว

คนเขาฝึกกันแทบเป็นแทบตายกว่าจะออกไปได้ นี่ออกไปได้เอง ดันไปกลัว บอกแล้วว่าถ้าจะกลัว ให้กลัวว่าไปไม่ได้ อย่ากลัวที่ไปได้ ออกไปไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ถึงเวลานึกอยากกลับก็กลับแล้ว บางทีไม่ทันนึกอยากจะกลับ ก็ชิงกลับก่อนแล้ว ฉะนั้น...จะไปไหนก็ไปเถอะ หรือไม่ก็ตั้งใจไว้ว่าเราจะไปไหว้พระที่พระจุฬามณี เราจะไปไหว้พระที่พระนิพพาน...แล้วก็ไปเลย

เถรี 28-02-2019 22:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีญาติโยมจำนวนมากตั้งใจร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำ แต่สิ่งที่ส่งไปมีทั้งทองเหลือง มีทั้งทองแดง อาตมาเก็บรวบรวมไว้เป็นลังใหญ่ จะส่งไปร่วมหล่อพระ ๒๘ องค์กับตุ๊พ่อสิงห์ที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า อาตมาระบุชัด ๆ ว่าหล่อพระพุทธรูปทองคำ แล้วทำไมเขาส่งทองเหลือง ทองแดงไปให้ ? อาจจะคิดว่าเหมือนกับวัดอื่น ก็คือมีทองคำอยู่หน่อยหนึ่ง นอกนั้นเป็นทองเหลือง ทองแดงก็ได้ แต่ของวัดท่าขนุนไม่ใช่ วัดท่าขนุนเป็นทองคำแท้ทั้งองค์

ฉะนั้น...ในส่วนที่ท่านทั้งหลายตั้งใจหล่อพระ ก็ไม่ได้หล่อพระทองคำวัดท่าขนุน แต่ไปหล่อพระ ๒๘ องค์ของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่หรือวัดอื่น ๆ มีคนถามอาตมาว่า ทำอย่างนั้นไม่กลัวย้ายเจดีย์ใช่ไหม ? บอกว่าไม่กลัวหรอก เจดีย์ประเภทนี้อาตมารื้อทิ้งมาเยอะแล้ว ก็คือไม่รู้ภาษา บอกว่าหล่อพระทองคำแล้วเอาทองเหลืองส่งไปให้ จะไปใช้อย่างไร ? อาตมาพยายามหาที่ลงให้แล้ว"


เถรี 28-02-2019 23:17

ถาม : เมื่อวันศุกร์ไปวัดสุทัศน์ฯ ปกติไม่เคยไปที่โบสถ์ ไปแค่วิหารตรงที่อยู่หน้าเสาชิงช้า แต่พอเดินไปด้านหลัง ไปที่โบสถ์ รู้สึกว่ามีความสงบมาก บอกไม่ถูก น่าตกใจมากที่วัดกลางเมืองแท้ ๆ แต่กลับสงบได้ขนาดนั้น ?
ตอบ : วัดสุทัศน์ฯ มีของอะไรดี ๆ อยู่เยอะแยะไปหมด ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ก็มีข้าวของอะไรที่น่าสนใจอยู่เยอะมาก
เคยได้ยินชื่อหลวงพ่อกลักฝิ่นไหม ? สมัยก่อนฝิ่นบรรจุไว้ในกลักโลหะประมาณพวกทองเหลือง ทางราชการยึดฝิ่นมาได้ก็เผาทำลาย แล้วก็เอาทองเหลืองไปหล่อเป็นพระ ไปค่อย ๆ ดูยังมีอีกเยอะ

ถาม : สงบยิ่งกว่าอยู่วัดโพธิ์อีกค่ะ ?
ตอบ : เหมือนกัน สถานที่ดีเพราะว่าเคยมีพระดีอยู่มาก่อน อย่างสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ฯ ก็ดี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์ฯ ก็ดี ท่านเป็นพระสายปฏิบัติ แล้วหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) ท่านก็ไปแล้วไปลับไม่กลับเหมือนกัน ฉะนั้น...ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ที่ไหน พลังงานหลงเหลืออยู่ที่นั่นก็สบายสำหรับนักปฏิบัติ

เถรี 28-02-2019 23:20

ถาม : (โยมอยากถวายพระไตรปิฎก)
ตอบ : ที่วัดมีเป็นร้อยชุด ต้องไปไล่แจกวัดอื่นอยู่ ปัจจุบันนี้ที่วัดยังมีอยู่ ๖ ชุด แล้วก็มีอีกชุดหนึ่งที่ไม่มีตู้ รวมแล้วก็คือ ๗ ชุด อาตมากำลังจะหาวัดที่ท่านไม่มีแล้วก็ถวายอยู่เหมือนกัน ช่วงที่ผ่านมาก็ถวายวัดอื่นไปหลายชุด

ถาม : หลวงพ่ออยากจะรับสักชุดไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มีความอยากเลย เพราะว่าที่มีอยู่ก็มีแต่อาตมาอ่านอยู่คนเดียว คนอื่นเขาก็ไม่ค่อยจะอ่านกัน

เถรี 28-02-2019 23:23

พระไตรปิฎกชุดหนึ่งราคาประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท ตู้อีกต่างหาก ค่อนข้างจะราคาสูง แต่ไม่ค่อยได้ใช้ให้คุ้ม หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกับอาตมาว่า พยายามอ่านพระไตรปิฎกให้ได้ปีละจบ แต่ผลที่เกิดขึ้นก็คือตั้งแต่บวชมาจนป่านนี้เพิ่งอ่านไปได้ ๗ - ๘ จบ ถ้าอ่านได้ปีละจบนี่ต้องสุดยอดมากเลย เพราะว่าช่วงท้าย ๆ พวกพระอภิธรรม ทำความเข้าใจยากมาก เนื้อหาเป็นหลักธรรมล้วน ๆ

ถ้าหากว่าจะเข้าใจพระอภิธรรมต้องไปศึกษาพระอภิธรรมเองต่างหากเลย ซึ่งเท่าที่เจอพรรคพวกที่ไปเรียนมาก็เรียนแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ สู้ไม่ไหว...ถอยกันหมด เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนพระอภิธรรมให้คนทั่วไป พระองค์ท่านสอนพรหมเทวดาที่เป็นอุคฆฏิตัญญูบุคคล ฟังเฉพาะหัวข้อก็บรรลุธรรมเลย ซึ่งในลักษณะอย่างนั้นพระองค์ท่านยังเทศน์อยู่ตั้ง ๓ เดือนของโลกมนุษย์ แล้วคิดดูว่าจะมีใครทนฟังพระอภิธรรมได้ ๓ เดือน โดยไม่เป็นลมตายเสียก่อนบ้าง ?

ฉะนั้น...ในส่วนนี้พระองค์ท่านตั้งใจโปรดพุทธมารดาและพรหมเทวดา แต่ว่าปัจจุบันนี้มีหลักสูตรเรียนพระอภิธรรมกัน ต้องบอกว่าท่านเหล่านี้น่าจะเก่งกว่าพรหมเทวดา ก็เลยตั้งใจไปเรียนกัน

เถรี 28-02-2019 23:24

แต่ว่าการเรียนก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าการเรียนถ้าทรงจำไว้ได้ ก็เท่ากับเป็นการรักษาพระธรรมไว้อย่างหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเรียนแล้วทำความเข้าใจได้ สามารถปฏิบัติตามได้นั่นก็ยิ่งวิเศษเข้าไปใหญ่

แต่ส่วนใหญ่แล้วพระอภิธรรมเป็นส่วนที่เข้าใจได้ยาก เพราะว่าเป็นหลักธรรมล้วน ๆ มีแต่กระดูกให้เคี้ยว ไม่มีน้ำ ไม่มีเนื้อเลย แล้วพระไตรปิฎกที่ออกมา ฉบับของมหาจุฬาฯ ก็เป็นอย่างหนึ่ง ฉบับของมหามกุฏฯ ก็เป็นอย่างหนึ่ง ก็คือคล้าย ๆ กับว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน แต่ว่าในเมื่อมหามกุฎฯ ทำมาอย่างนี้ มหาจุฬาฯ ก็ต้องไปอีกทางหนึ่ง

อาตมาไปเปิดหาอปริหานิยธรรม ๗ เสียแทบตาย ปรากฏว่าหาไม่เจอ ในสารบัญก็ไม่มี ท้ายสุดต้องไปเปิดดูทีละหน้า ปรากฏว่าของมหาจุฬาฯ เขาใช้คำว่า ปฐมสัตตกสูตร เพราะว่าอปริหานิยธรรมมีหลายอย่าง มีทั้งอปริหานิยธรรมของพระ อปริหานิยธรรมของฆราวาส แล้วมีหมวดหนึ่งที่ไม่ได้เข้า ๗ กับเขาเลย แต่ว่ามาด้วยกัน ก็คือสาราณียธรรม ๖

เถรี 28-02-2019 23:37

ถาม : ลูกชาย ๙ ขวบ ว่าจะให้ไปบวชเณรที่วัดท่าขนุน รับไหมคะ ?
ตอบ : รับ...แต่ถ้ากินข้าวเย็นเจอไม้เรียว...! อยู่ที่โน่นถ้ากินบะหมี่สำเร็จรูป พระพี่เลี้ยงท่านนับเส้นตี เส้นละที ก็สงสัยนับเส้นได้อย่างไร ? กินลงท้องไปแล้ว สงสัยจะไปนับจากซองที่ยังไม่ได้กิน

ตอนแรกเห็นพระพี่เลี้ยงตีเณรไม่หยุด ถามว่าตีอะไรเยอะแยะ เขาบอกเณรกินบะหมี่ครับ แล้วกินบะหมี่ต้องตีเยอะขนาดนั้นด้วยหรือ ? ท่านว่านับเส้นตี เล่นเส้นละที ไปถามเณรว่าเอาบะหมี่มาจากไหน ? เพราะว่าโรงครัววัดนี้หลังเที่ยงก็ปิดหมดแล้ว เณรบอกว่าพ่อแม่มาเยี่ยมแล้วเอามาฝาก

เถรี 28-02-2019 23:48

เรื่องของการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ปัจจุบันมีหลายแห่งที่มีพวกวิปริตชอบเด็กผู้ชาย ประเภทบวชเป็นพระแล้วก็พยายามแทรกเข้าไปในงานพวกนี้

เมื่อปีก่อนทางวัดท่าขนุนก็มีอยู่รายหนึ่ง ตอนเป็นนาคก็ทำตัวเรียบร้อยมาก พอบวชเป็นพระก็ลายออก ก็คือเห็นพระรูปไหนหน้าตาดีหน่อยก็ตามตื๊อ กลางคืนไปเคาะประตูเรียก ถามแล้วยังเถียงอีกว่าไม่ได้ทำ ก็เลยต้องเอาหลักฐานให้ดู เพราะว่าที่วัดมีกล้องวงจรปิดอยู่ ๕๐ ตัว เอ็งจะมามุมไหนก็หลบไม่ได้

พอจนด้วยหลักฐานแต่ไม่ยอมสึก...หนีไปที่ลำปาง แทรกเข้าไปที่งานบวชสามเณรเขาอีก เสร็จแล้วก็ไปทำอนาจารสามเณร ปรากฏว่าโดนพระพี่เลี้ยงช่วยกันจับตัวได้ เจ้าคณะอำเภอแม่ทะให้เลขาฯ โทรมา ถามว่าจะจัดการอย่างไร ? อาตมาบอก "หลวงพ่อจับสึกไปเลยครับ แล้วส่งตัวให้ตำรวจไปเลย"

เถรี 28-02-2019 23:51

ส่วนใหญ่เวลาพระท่านทำผิดอะไร โดยหลักปฏิบัติแล้วเขาต้องแจ้งพระอุปัชฌาย์ที่เป็นคนบวชให้ ซึ่งก็คืออาตมาเอง ถามความเห็นว่าพระอุปัชฌาย์จะเอาอย่างไร หลายรายก็ปกป้องลูกศิษย์ตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็คืออย่างไรลูกศิษย์ของกูจะต้องไม่ผิด ซึ่งลักษณะอย่างนั้นจะทำให้คนชั่วได้ใจ

แต่สำหรับอาตมาไม่มี เพราะว่าจะจับเขาสึกเองแล้วเขาหนีไปอยู่วัดอื่น ไปเจอลักษณะอย่างนั้นพยานหลักฐานคาตา โดยเฉพาะในโทรศัพท์มีแต่ภาพประเภทนี้เยอะแยะไปหมด ก็เลยมีหลักฐานให้เจ้าคณะอำเภอแม่ทะท่านจับสึก แต่ไม่ทราบว่าท่านส่งตัวให้ตำรวจหรือเปล่า ? ประเภทนี้เดี๋ยวก็คงไปขอบวชใหม่ที่วัดไหนวัดหนึ่ง แล้วก็ไปทำแบบเดิมอีก ฉะนั้น...เวลาบวชสามเณรภาคฤดูร้อน อาตมาให้พระพี่เลี้ยงนอนสี่มุมศาลาเลย เฝ้าเณรไว้...ไม่ได้กลัวเณรหนีเที่ยว แต่กลัวพวกวิปริตอย่างนี้จะเข้าไป

เถรี 01-03-2019 12:12

ถาม : ตอนที่ท้องแรก รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว คลอดลูกชายออกมา ก็ไม่รู้ใช่ลายหรือเปล่า ถึงตอนนี้ยังไม่หาย ?
ตอบ : ปล่อยไป เดี๋ยวคนต่อไปค่อยก็ดูใหม่

ถาม : คนต่อไปก็จะรับยันต์เกราะเพชรวันที่ ๙ นี้แหละค่ะ
ตอบ : ลวดลายที่เกิดจากยันต์เกราะเพชรบางทีเหมือนกับว่าเป็นปาน เป็นลายอะไรเฉย ๆ บางทีก็เป็นจุด เป็นแต้ม เป็นขีดอะไรก็มี น้อยคนที่จะเป็นรูปร่างสมบูรณ์ แต่ว่าหลักเดียวกันก็คือ ภายใน ๗ วันหายเข้าไปอยู่ในกระดูกหมด

มีอยู่รายหนึ่ง ขึ้นเต็มตัวเลย จนกระทั่งหมอเขาเรียกว่าเด็กตุ๊กแก เป็นจุด ๆ ทั้งตัว พ่อแม่บอกว่าไม่เป็นไร หมอก็ไม่ยอม จับเจาะเลือด ตรวจเลือดอยู่นั่นแหละว่าติดโรคอะไรหรือเปล่า เจาะจนกระทั่งต้องบอกว่าเด็กเกิดมาซวย พอโดนเข้าไปเต็ม ๆ แล้ว ๗ วันก็หาย หมอก็ยังคงคิดว่าตัวเองมีฝีมือรักษาหาย

เถรี 01-03-2019 12:30

ถาม : แล้วคนที่ ๒ จะมีไหมคะ ?
ตอบ : บอกไม่ได้ ต้องรอดู ปกติแล้วจะมีเฉพาะลูกชายคนแรก มีอยู่รายหนึ่งอยู่ที่ลพบุรี ลายขึ้นเป็นรูปกงจักรบนหัว แล้วขึ้นทุกวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เขามารายงานหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็แปลกใจ ถามว่าทำอย่างไรถึงได้พิเศษอย่างนี้ ? เขาบอกว่าทันทีที่ท้อง แม่ก็แยกห้องกับพ่อเลย ไปนอนอยู่ห้องพระแทน ตั้งใจรักษาศีล ๘ ให้ลูก

ฉะนั้น...คนนี้เป็นตัวอย่างเรื่องยันต์เกราะเพชรที่ชัดมาก เพราะว่าทุกวันพระ ๑๕ ค่ำจะขึ้น แต่ก็คงต้องไปโกนหัวดู ต้องบอกว่าแม่ใจเด็ดมาก พอรู้ว่าท้องนี่ประเภทปล่อยพ่อนอนคนเดียวไป ตัวเองหนีไปสวดมนต์ไหว้พระอยู่ในห้องพระ


เถรี 01-03-2019 12:41

ถาม : เวลาทำกรรมฐาน แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล ก็สว่างนิ่ง แต่ไม่ชุ่มชื่นเหมือนกับเห็นสัตว์เห็นคนเดือดร้อน แล้วเราพุ่งเข้าไปช่วย ?
ตอบ : แผ่เมตตา ถ้าหากว่าสมาธิทรงตัว ก็จะต้องนิ่งอยู่แล้ว

ถ้าสมาธิทรงตัวจะเป็นฌาน จะไปรู้สึกรู้สาอะไร ก็แค่นิ่งอย่างเดียว ไปช่วยบ้านสวนรักที่ชุมพรก็ได้ เลี้ยงหมาไว้สามสี่ร้อยตัว อยากจะเมตตามากก็เอา

เถรี 01-03-2019 12:42

:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี เผือกน้อย รัตนาวุธ และนายกระรอก


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:29


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว