กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6480)

เถรี 15-02-2019 18:18

บ้านโยมที่ด่านช้างมีไร่อ้อยอยู่ ๒๐๐ กว่าไร่ มีคนจะเผาอยู่เรื่อย ถามว่าจะป้องกันอย่างไร ? ก็เลยบอกว่าให้ยิงปืนเล่นทุกวัน ไม่มีอะไรจะทำก็ยิงเปรี้ยง ๆ ไปเรื่อย ดูซิว่าใครจะกล้ามาเผา ? สรุปก็คือยังรอดได้อยู่

เวลาไฟไหม้ไร่อ้อยน่ากลัวมาก เพราะว่าใบอ้อยครึ่งหนึ่งจะแห้ง พอใบอ้อยแห้งไหม้ครบ ใบสดก็หมดไปด้วย เพราะว่าใบสดทนไฟความร้อนสูงขนาดนั้นไม่ได้ ก็ติดไฟ ถึงเวลาอ้อยโดนไฟไหม้ไปไกลไม่ได้ ต้องไปโรงงานใกล้ ๆ เขาให้ราคาแค่ไหนก็ต้องรับแค่นั้น แล้วน้ำหนักส่วนหนึ่งก็หายไป เพราะว่าความชื้นโดนไฟไล่ไป

มีคนเขาบอกว่าเพชรสีเลือด...ใช่ไหม ? นี่คือน้ำตาลสีเลือด เผาเพื่อไม่ให้เขาไปไกล จะได้ไปขายให้โรงงานที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างเมืองกาญจนบุรีจะไปวังขนายหรือไม่ก็ไปนครสวรรค์ ส่วนสุพรรณบุรี ถ้าหากว่าหลัก ๆ ไม่เข้ามิตรผลก็ออกอุทัยธานี ไปนครสวรรค์เหมือนกัน เพราะฉะนั้น...เขาต้องเผาจะได้อยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน

เถรี 15-02-2019 18:22

ถาม : เมื่อครั้งที่แล้วสอบถามเรื่องล้มไปเฉย ๆ เป็นเพราะใจไปก่อนแล้ว ร่างกายมันแก่ตามไม่ทัน อย่างนั้นถือว่าเราขาดสติจดจ่อกับอิริยาบถไหมคะ ?
ตอบ : ก็จะบอกอย่างนั้นก็ได้ คือควรจะนึกรู้ว่าเราแก่แล้ว ควรที่จะไป ๆ ช้าหน่อย

ถาม : ลักษณะของการที่เราจดจ่อกับอิริยาบถอย่างนี้ ไม่ถือว่าฝึกสติให้ยึดในร่างกายหรือคะ ?
ตอบ : แค่มีสติรู้อยู่ทุกอิริยาบถ ถ้ามีปัญญาพอจะพลอยรู้ไปเลยว่า ทุกอิริยาบถนี้เป็นของร่างกายหรือไม่ใช่ของเรา

เถรี 15-02-2019 18:51

พระอาจารย์สอนโยมเรื่องการเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน "ต้องตีนะ เลี้ยงแล้วไม่ตี แทนที่จะเลี้ยงเด็กเป็นลูกเป็นหลาน ก็จะกลายเป็นพ่อเราหรือบรรพบุรุษเรา เสียลูกไปคนหนึ่งแล้ว ถ้าหากว่ายังไม่ตีเดี๋ยวจะเสียหลานไปอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่กล้าตีเอามาฝากวัด เดี๋ยวจะช่วยจัดการให้ ส่วนใหญ่พ่อแม่ทำใจไม่ได้ ไม่กล้าตีลูก กลายเป็นเมตตาในทางที่ผิด"

เถรี 15-02-2019 19:05

ถาม : เวลาชวนคนที่บ้านเขาทำบุญ บางคนก็มีใจร่วมด้วย บางคนก็ไม่มี ?
ตอบ : อย่าชวนคนทำบุญ เป็นการกระทำที่โง่มาก มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไรเลย เสมอตัวก็คือถ้าทำแล้วดีอย่างที่เราว่า เขาก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเรา แต่ถ้านอกจากเขาไม่ทำแล้วยังมีการคัดค้าน ดีไม่ดีอาจจะเป็นโทษปรามาสพระรัตนตรัย กลายเป็นซ้ำเขาหนัก เจอแค่ประโยคว่า “เธออยากบ้าก็บ้าไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่บ้าไปด้วยหรอก” แค่นี้เขาก็แย่แล้ว

ถาม : บุญได้จากการที่เราไปบอกบุญคนไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ต้องรู้กาลเทศะ เคยได้ยินคำว่าหน้าบอกบุญไม่รับไหมเล่า ? ในเมื่อหน้าตาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่บอกบุญแล้วจะรับ ทำอะไรทุกอย่างต้องดูกาลเทศะ ต้องทำแบบคนมีปัญญา ไม่ใช่มีแต่ศรัทธาอย่างเดียว ศรัทธาอย่างเดียวพาเละมาเยอะแล้ว

พวกที่มีศรัทธาจนขาดปัญญาอย่างชัดเจนที่สุดก็คือบรรดากัลยาณมิตร พวกนั้นนี่คนหนึ่งจะต้องไปบอกบุญต่อให้ได้ ๕ คน ก็เลยกลายเป็นอยู่ในลักษณะที่ไปจิกคนอื่นมา แล้วคนอื่นเขารู้สึกไม่ดี หลังจากนั้นแทนที่เขาจะคิดทำบุญสุนทานอะไรอีก เขาก็ไปเหมาว่าทั้งหมดก็คงเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ไม่มีโอกาสสร้างความดี โทษใหญ่ก็เกิดขึ้นเพราะปรามาสพระรัตนตรัย

เถรี 15-02-2019 19:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้มีโยมถามว่า ถ้าถวายทองคำหล่อสมเด็จองค์ปฐมครั้งละ ๑ กรัมไปเรื่อย ๆ กับถวายทีเป็นบาทเลย อย่างไหนได้อานิสงส์มากกว่า ? ก็ต้องบอกว่าถ้าทำต่างกรรมต่างวาระ หลายครั้งจะได้อานิสงส์มากกว่า แบบเดียวกับที่เราทำผิดแล้วศาลตัดสิน ถ้าหากว่าทำผิดหลายกระทงก็โดนหลายปีหน่อย"

เถรี 15-02-2019 19:33

ถาม : ทางที่ผมเลือกถูกไหม ?
ตอบ : ไปถามหมอดู ตรงนี้ตอบปัญหาธรรมะ ไม่ได้ตอบปัญหาของหมอดู ถามว่าทางที่ผมเลือกถูกไหม ? ต้องให้ไปถามหมอดู

ไปถามท่านอาจารย์เอกลักษณ์ที่วัดพุทธพรหมยานก็ได้ รายนั้นดูหมอแม่นเด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นพระหนุ่ม ๆ ทายไอ้ทิดที่วัดของอาตมาว่า ปีนี้ถ้าแก้ไม่ได้ก็ตาย ปรากฏว่าตายจริง ๆ แสดงว่าแก้ไม่ได้

เถรี 15-02-2019 20:38

โยมมาถวายสังฆทาน "ถวายเส้นผมจะได้อานิสงส์อะไร ...(หัวเราะ)... (โยมบอกว่ากำลังจะไปถวายเส้นผมพอดีเลย) แอบไปรู้เรื่องชาวบ้านก็เลยขอคุยด้วย

ถวายเส้นผมน่าจะได้เบญจกัลยาณีแบบผมงาม บาลีเขาบอกว่า นางวิสาขามีความงามที่เรียกว่าเบญจกัลยาณีอยู่ ๕ อย่าง คือผมงาม ผิวงาม ปากงาม ฟันงาม วัยงาม

ผมงามท่านบอกว่าผมจะมีความยาวพอเหมาะพอดี ต้องการยาวแค่ไหนก็แค่นั้น ต้องการทรงไหนก็ทรงนั้น ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเวลาไปหาช่าง

ผิวงาม ท่านบอกว่า ผิวส่วนที่บางที่สุดของร่างกายคือริมผีปาก เพราะฉะนั้นดูปากก็รู้ว่าผิวสวยไหม ส่วนกระดูกที่เห็นชัดที่สุดก็คือฟัน ฉะนั้นก็ฟันงาม เขาบอกว่า งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด"

เถรี 15-02-2019 20:39

"ผิวงาม ถ้ายุคสมัยนั้นนิยมผิวสีอะไรก็จะสวยแบบผิวสีนั้น ถ้ามาชนิดตกใต้ถุนต้องจุดไฟหา ก็จะงามแบบคนผิวดำ เคยเห็นผู้หญิงผิวดำที่สวยที่สุดในโลกไหม ? เขาดำก็จริงแต่ผิวเนียนละเอียดมากเลย

วัยงาม งามด้วยอายุ ท่านกำหนดไว้ว่าคลอดลูกคนแรกอายุเท่าไร หน้าตาจะอยู่ประมาณนั้นตลอดไป คราวนี้นางวิสาขาคลอดลูกคนแรกตอนอายุ ๑๗ ปี หน้าตาก็เป็นสาวอายุ ๑๗ ปีไป ๑๒๐ ปี ไม่ต้องไปฉีดโบท็อกซ์ ไม่ต้องไปดึงหน้า"

เถรี 15-02-2019 20:43

"วันก่อนมีคนบอกว่าอดีตนางงามจักรวาลของไทยอายุ ๗๒ ปีแล้ว ยังมีความงาม หน้าตาเหมือนสาวอยู่เลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจ่ายไปเท่าไร เรื่องของคนแก่ที่ไม่ยอมรับว่าแก่ ก็ต้องเหนื่อยกับการรักษาความสาวของตัวเองไว้

สมัยอาตมาเด็ก ๆ บรรดาป้าน้าอารุ่นนั้น ถ้าหากว่ามีลูกสัก ๒ คนก็ปล่อยตัวแก่ไปเลย คนอายุ ๓๐ ปีในยุคนั้นรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่มาก รุ่นของเรา ๓๐ ปีแล้วยังเป็นเด็กอยู่เลย ฉะนั้น...อย่าพยายามไปปิดบังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะร่างกายร่วงโรยเป็นปกติ ถ้าหากว่าเราต้องการให้ดูดีอยู่ตลอด ก็ต้องเหนื่อย แล้วก็สิ้นเปลืองมาก

ที่เหนื่อยก็อย่างโยมบางคน กว่าจะแต่งหน้าออกจากบ้านได้ เกือบ ๒ ชั่วโมง ยิ้มแต่ละที เกรงว่าหน้าจะแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ โปะหนาไปหน่อย บางคนถึงเวลาต้องไปดึงหน้า ดึงผิว ดึงไปทั้งตัว ดึงทำไม ? คนแก่ผิวเหี่ยว ๆ น่ารักจะตาย อาตมาตอนเด็ก ๆ จับใต้แขนยายดึงเล่นยืด ๆ ถ้าดึงแล้วถึงจะหลับได้ ถ้าไม่ดึงแขนยายแล้วนอนไม่หลับ แปลว่าถ้าไม่มีอะไรเหี่ยว ๆ อยู่ใกล้แล้วจะนอนไม่หลับ"

เถรี 15-02-2019 20:48

"ฉะนั้น...ต้องเป็นไปตามวัยจึงเรียกว่างามวัย แต่ของนางวิสาขางามวัยในลักษณะงามด้วยบุญ หน้าตาอายุ ๑๗ ปีไปจนกระทั่ง ๑๒๐ ปี ถือว่าสร้างบุญไว้ดี

โยมเมื่อครู่จะไปบริจาคเส้นผม ถึงได้ถามว่าบริจาคผมได้บุญแบบไหน ? โยมไม่ได้ถาม อาตมาถามเอง เล่นเอาโยมช็อก จะไปบริจาคผมยังอุตส่าห์ไปรู้เรื่องเขาอีก

นางวิสาขาผมงาม ถ้ายุคนั้นนิยมแบบนางตานีนี่ยุ่งเลย เคยเห็นแม่ตานีไหม ? มาแต่ละที ห่มสไบเขียว ๆ ผมยาวถึงน่อง เห็นใครผมยาว ๆ อาตมาไปก่อนนึกแล้ว ยายนี่ไม่ตะเคียนก็ตานีแน่เลย"

เถรี 15-02-2019 20:49

"เมื่อ ๒ ปีก่อนต้องไปปรามแม่ตะเคียนไว้ ออกดอกสะพรั่งไปทั้งวัดเลย โตเป็นสาวแล้ว ได้โปรดอย่าไปยุ่งกับพระนะลูก เขาปลูกมาตั้งแต่โน่น...ยุคของท่านอาจารย์สมเด็จ ท่านอาจารย์สมพงษ์ ต้องบอกว่า ๑๐ กว่าเกือบ ๒๐ ปี เพราะว่าอาตมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ปีที่ ๑๑ บานทีดอกตกเกลื่อนโคนต้นเลย

มีใครเคยเห็นต้นตะเคียนออกดอกไหม ? ออกยากหน่อยนะ เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า พวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัดมีพระกับชี เจ้าอาวาสไม่เล่นหวย จึงห้ามพวกที่เหลือไม่ให้เล่นด้วย ไม่อย่างนั้นได้ไปขูดกันสนุก เสียดายว่าดอกหมดไปแล้ว รองวดใหม่ก็แล้วกัน เผื่อว่าจะออกบ้าง

งวดนี้ได้หวยหลวงพ่อคูณ รวยไปตาม ๆ กัน หลายคนก็บอกว่าทำมาหากินไม่ดี แล้วก็เป็นเรื่องแปลก แปลกตรงไหน ? หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ทุกช่อง ลงข่าวคนถูกหวยหลวงพ่อคูณ ซื้อใต้ดิน แต่ทำไมตำรวจไม่รู้ ? ก็แปลว่าคนเขารู้กันทั้งประเทศแต่ตำรวจไม่รู้ ดีเหมือนกันนะ"

เถรี 15-02-2019 21:11

ถาม : จิตเราไปนึกถึงคาถาบทนี้ ๆ แต่ไม่ใช่บทที่เราชอบ ?
ตอบ : ถ้านึกถึงพระได้ก็ใช้ได้เหมือนกัน ยกเว้นว่าเราต้องการอานุภาพอะไรที่พิเศษต่างหากออกไป ค่อยไปใช้บทเฉพาะแบบนั้น

สภาพจิตเคยชินก็ตามที่จิตเราชิน อาตมาเจอหลวงปู่หลวงพ่อหลายรูป ท้าย ๆ ก็เหลือคาถาบทเดียว ใครไปท่านก็เล่นแต่บทนั้น ขออะไรก็บทนั้นแหละ...แล้วได้ทุกเรื่องเหมือนกัน เพราะว่าสภาพจิตของท่านทรงตัวแล้ว

เถรี 15-02-2019 21:14

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อเดือนที่แล้วมีดราม่า น้องน้ำใส บีเอ็นเค๔๘ ใส่เสื้อลายสวัสดิกะไปร้องเพลง ปรากฏว่าโดนด่าทั่วโลกเลย เรื่องนี้จะไปโทษเด็กก็ไม่ได้ เพราะว่าทำไปโดยไม่รู้ ที่น่าโทษที่สุดก็ต้องระบบการศึกษาไทย ทำไมไม่เน้นย้ำอะไรที่เป็นประวัติศาสตร์และเป็นความอ่อนไหวของโลก ?

ที่บอกว่าโทษเด็กไม่ได้ เพราะว่าเด็กสมัยนี้พอถามว่าสวัสดิกะเป็นเครื่องหมายอะไร ? ตอบไม่ได้สักคน ต้องบอกว่าอ่อนประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ ก็เลยสงสัยว่ารุ่นของอาตมาเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สารพัดสารเพ รุ่นนี้ไม่ได้เรียนกันหรืออย่างไร ? เราจะรู้ว่ายิวกับคริสต์มีรากฐานมาจากบุคคลเดียวกัน แล้วก็จะได้รู้ว่ายิวอย่างตาไชล็อกเป็นอย่างไร ..(หัวเราะ).. รุ่นนี้ไม่มีใครเรียนแล้วกระมัง..เวนิสวาณิช"


เถรี 15-02-2019 21:17

"คราวนี้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวของนาซีซึ่งนำโดยฮิตเลอร์ ผู้นำประเทศเยอรมัน เป็นเรื่องเลวร้ายที่ไม่มีชาติใดในโลกยอมรับได้ เขากะจะให้เหลือแต่เผ่าพันธุ์อารยัน ซึ่งก็คือเยอรมันอย่างเดียว โชคดีที่ว่าผู้นำทางทหารของเยอรมันตัดสินใจวางแผนรบผิด ไม่อย่างนั้นเยอรมันก็ครองโลกไปแล้ว

เหตุที่วางแผนรบผิดเพราะว่า ช่วงนั้นไปล้อมประเทศโซเวียตโดยเฉพาะสตาลินกราดเอาไว้แล้วไม่บุก ล้อมอยู่เป็นปีจนกระทั่งทหารหมดเสบียง ทนสภาพอากาศโหดร้ายของรัสเซียไม่ไหว จึงแพ้สงครามไปเอง

ไม่ทราบเหมือนกันว่าตอนนั้นผู้นำทัพของเยอรมันคิดอะไรอยู่ ? เพราะว่าปกติไปที่ไหนก็ถล่มเขาราบเป็นหน้ากลอง โดยเฉพาะกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ไม่เหลืออะไรที่มีสภาพเดิมอยู่เลย แต่พอไปรัสเซียกลับล้อมไว้เฉย ๆ เหมือนเกรงใจ กลัวว่าจัตุรัสมอสโกในปัจจุบัน ซึ่งสมัยก่อนคือสตาลินกราด จะพังหรืออย่างไร ?"

เถรี 15-02-2019 21:20

"อาจจะเป็นเพราะว่าประเมินกำลังใจของคนรัสเซียผิด คิดว่าเจอแสนยานุภาพของอาณาจักรไรซ์ที่สาม ก็น่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่อยากจะเปลืองทรัพย์สิน ไม่อยากจะเปลืองกำลังพล ก็เลยล้อมเอาไว้เฉย ๆ ปรากฏว่ารัสเซียสู้ใจขาดเลย เป็นตายก็ไม่ยอมแพ้ เขาบอกว่ายุคนั้นในสตาลินกราด หนูสักตัวก็ไม่มีเหลือ เพราะว่าคนไม่มีอะไรจะกิน จับหนูกินหมด อดอยากถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ จนกองทัพเยอรมันแพ้ภัยไปเอง เพราะว่าไปไกล ส่งกำลังบำรุงไม่ไหว และอากาศสุดที่จะทน เพราะว่าหนาวสุด ๆ ลบยี่สิบกว่าองศาเซลเซียสขึ้นไป

ตอนนั้นเยอรมันจับมือกับญี่ปุ่นว่า ถ้าชนะสงครามแล้วจะแบ่งกันครองครึ่งโลก โดยมีเป้าหมายร่วมกันอยู่ที่อินเดีย ญี่ปุ่นทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย ไปรออยู่ที่พม่าแล้ว แต่เยอรมันติดอยู่ที่รัสเซียหน่อยเดียว เพราะว่าถ้าเลยรัสเซียกลางลงมาทางด้านนี้ สารพัดประเทศ ‘สถาน’ ทั้งหลาย อย่างอุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน คาซัคสถาน ก็เป็นเอเชียแล้ว คือติดอินเดียไปแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าผู้นำทหารเยอรมันตัดสินใจบุกตั้งแต่แรก ป่านนี้โลกนี้ก็คงเหลือแค่สองภาษา ก็คือภาษาเยอรมันกับภาษาญี่ปุ่น แต่บังเอิญว่าตัดสินใจผิด"

เถรี 15-02-2019 21:21

"การที่เยอรมันเข่นฆ่าล้างผลาญชาวยิวเป็นล้าน ๆ นั้นไม่มีใครยอมรับได้ กลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึก กระทบเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น คราวนี้เด็กของเราไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ ต้องบอกว่าเด็กสมัยนี้หาที่ตั้งใจเรียนได้ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนมากเรียนเพื่อให้จบ ไม่ได้เรียนเพื่อให้รู้ ก็เลยไปย้อนเกล็ดมังกรของชาวโลกเขา ..(หัวเราะ)..

โบราณเขาบอกว่า ใต้คางมังกรมีเกล็ดย้อนอยู่แถวหนึ่ง ถ้าใครไปกระทบถูก มังกรจะโกรธมาก..! พอไปย้อนเกล็ดมังกรเข้า ชาวยิวรับไม่ได้ บรรดาผู้ที่รักความยุติธรรมและต่อต้านสงครามทั่วโลกรับไม่ได้ ประเทศไทยเลยโดนด่าจมธรณี จากเครื่องหมายสวัสดิกะบนเสื้อนักร้องอันเดียว

ยังดีที่ว่าทางด้านผู้บริหารของบริษัทเขาทำงานเป็น พอรู้ตัวว่ากระทบเรื่องอ่อนไหวเข้าก็รีบไปขอขมา โดยเฉพาะพานักร้องไปขอโทษที่สถานทูตอิสราเอล เรื่องบางอย่างไม่น่าเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่จะไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็เป็นไปแล้ว คือบ้านเรามีอินเทอร์เน็ตเอาไว้ไม่ได้ค้นคว้าหาความรู้ ส่วนใหญ่มีเอาไว้เพื่อเล่นเฟซบุ๊ก เอาไว้เล่นไลน์ เป็นต้น..!”

เถรี 16-02-2019 07:31

พระอาจารย์กล่าวว่า “การเรียนบาลีนี่บางทีก็ขึ้นอยู่กับบุญเหมือนกัน บางคนดวงยากเข็ญก็สอบอยู่นั่นแหละ

ไปนึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ เป็นเจ้าคุณศรีฯ ประโยค ๙ อยู่เกือบสามสิบปี จนกระทั่งเพื่อนขึ้นเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ ก็คือท่านเจ้าคุณพรหมมุนี ปัจจุบันเป็นสมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ก็ดันท่านขึ้นไปเป็นเจ้าคุณชั้นราช ที่พระราชรัตนมุนี แล้วก็ค่อยขยับขึ้นมาเป็นพระเทพมหาเจติยาจารย์ คนหนึ่งเป็นสมเด็จ คนหนึ่งเพิ่งจะไปแค่ชั้นเทพ

ถึงได้บอกว่าเรื่องของการแข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ แบบที่เมื่อเช้าพูดถึงท่านเจ้าคุณแย้ม ท่านบอกแล้วว่า 'อย่าเกเรอย่างกู ถ้ามึงเก มึงก็ต้องให้ได้อย่างกู' ก็คือตอนนี้ท่านเป็นเจ้าคุณชั้นเทพแล้ว เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงแล้ว รับงานใหญ่ ๆ โต ๆ ทั่วประเทศ”

เถรี 16-02-2019 07:36

ถาม : น้องที่บ้าน ลูกเขาแท้งสองรอบ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ?
ตอบ : ต้องดูว่าสาเหตุของการแท้งคืออะไร ?

ถาม : เขาบอกว่าเขาแท้งรอบแรกประมาณสองเดือน รอบที่สองก็ประมาณสองเดือน อยู่ ๆ เขาก็ดร็อปไปเฉย ๆ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็คงประเภทเดียวกับโพธิราชกุมารกระมัง ไม่เป็นไร อายุยังน้อยอยู่ ผลิตใหม่ได้..!

ถาม : เนื่องด้วยกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บางอย่างผู้หญิงเวลาท้อง ถ้าทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ก็แท้งเอาง่าย ๆ เลย ต้องถามเขาด้วยว่าทำงานเกี่ยวกับพวกนี้หรือเปล่า ?

ถาม : ทำงานโรงงานพลาสติกครับ เขาอยากได้ลูกมาก ถึงกับร้องไห้เลย ?
ตอบ : นี่ถ้าตูมีลูกตูจะร้องไห้..! ส่วนนี่ไม่มีลูกแล้วร้องไห้ ..(หัวเราะ).. เขาเรียกว่าความต้องการไม่เสมอกัน

เถรี 16-02-2019 07:37

ลองไปบนขอกับหลวงพ่อโสธรดู บอกขอลูกสักคน ขอให้เด็กที่เกิดมาปลอดภัย สมบูรณ์ แข็งแรง เลี้ยงง่าย โตเร็ว อะไรก็ว่าไป ไปขอที่อื่นอาตมาก็ไม่ค่อยไว้ใจ ขอหลวงพ่อโสธรดีกว่า

หลวงพ่อโสธรท่านขลังขนาดขออย่างไรได้อย่างนั้น มีอยู่คนหนึ่งไม่อยากให้ลูกตัวเองดื้อ ก็ขอว่า “ขอให้เป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ” พอเกิดมาลูกตัวแข็งทื่อกระดิกไม่ได้..! ไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงพ่อถามว่า “ไปขอมาจากไหน ?” “ไปขอมาจากหลวงพ่อโสธร” ถาม “ขออย่างไร ?” “ขอให้ลูกเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ” ท่านบอกว่า “มึงไปบอกใหม่ บอกเอาลูกเป็นคนซื่อตรงและให้ขยับได้ด้วย..!” ท่านแค่ทำให้รู้ว่าเราขอไม่รอบคอบ

เถรี 16-02-2019 07:50

ถาม : ถ้าขอให้ผมสอบผ่านบาลี ผมขอหลวงพ่อได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจะขอแบบนั้น ขอให้ผมสอบแทนเลยจะดีกว่าไหม ?

เถรี 16-02-2019 07:51

ถาม : สอบบาลีปีนี้ หลวงพ่อช่วยสงเคราะห์ได้ไหมครับว่าจะออกเรื่องไหนครับ ?
ตอบ : จะมักง่ายไปไหม ? แบบนี้เรียกว่าไร้ฝีมือ...ต้องทำเอง

ตั้งแต่ปีที่มหาเอสอบ ต้องบอกว่าเรื่องบางอย่างนี่ฝืนไม่ได้จริง ๆ โทรไปเท่าไรก็ไม่ติด มาติดตอนสอบเสร็จแล้ว ท่านว่า “พระอาจารย์มาบอกทำไมตอนนี้” “ก็ผมโทรไปตั้งแต่ก่อนคุณสอบแล้ว คุณไม่รับสายนี่หว่า..!” “อ๋อ...เข้าห้องแล้วเขาให้ปิดโทรศัพท์ครับ” ..(หัวเราะ)..


ถาม : แบบนี้ต้องไลน์มาเลยครับ ?
ตอบ : หลักฐานคาจอ จะพาซวยทีหลังนะสิ..!

เถรี 16-02-2019 08:04

ปีที่มหาเอสอบประโยค ๗ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ท่านก็นั่งเป็นประธานอยู่ตรงหน้าพอดี โยชนาเขาอนุญาตให้เปิดหนังสือดูได้ทุกคน คราวนี้ตัวเองนั่งอยู่ตรงหน้าหลวงพ่อสมเด็จฯ แล้วก็เป็นพระวัดปากน้ำด้วย ก็เลยไม่กล้าเปิด คนอื่นเขาสอบได้กันหมด ท่านตกอยู่คนเดียว..!

อย่างสมัยผมสอบปริญญาตรี ท่านอาจารย์ ดร.ชิต คุมห้องสอบ ท่านค่อนข้างจะเข้มงวด ผมนั่งอยู่ท้ายห้อง ท่านก็มานั่งคุยอยู่ข้างหู ท่านรู้ว่าถึงชวนคุยผมก็ทำข้อสอบได้ คราวนี้พระอื่นก็ตายหมด อยู่ท้ายห้อง มองไปข้างหน้าห้องก็เห็นหมด จะขยับอะไรก็ไม่ได้เลย ก็ได้แต่ภาวนาให้ท่านอาจารย์เมื่อยสักที จะได้ไป
นั่งที่โต๊ะหน้าห้อง..(หัวเราะ).. ส่วนผมทำเสร็จก็ไปแล้ว ท่านอาจารย์ ดร.ชิต เป็นประโยค ๙ รุ่นแรก ๆ เลยที่จบด็อกเตอร์

เถรี 16-02-2019 08:19

ไปนึกถึงพระรุ่นเก่า ๆ ที่ท่านเรียนบาลี เพียรพยายามกันขนาดต้องนอนหนุนมะพร้าวอย่างนี้ ถึงเวลาพลิกทีหนึ่ง หัวหล่นก็ตื่น..ท่องบาลีต่อ ไม่มีไฟก็เอาธูปมา ๒ ดอก ๓ ดอกจุดเอา ถึงเวลาเป่าทีหนึ่งมองตัวหนังสือได้ตัวสองตัวก็ท่องไป พอท่องได้แล้วก็เป่าธูปใหม่ดูคำต่อไป

เถรี 16-02-2019 08:24

เวลาไปงานอบรมผมก็ชอบเดินไปดูตามห้องว่าเขาทำอะไร ผมว่าที่อบรมนี่ได้ผลไม่ถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ บางคนยังไม่มีพื้นฐานเลยแล้วไปอบรม อย่าลืมว่าอบรมบาลีเป็นการติว แค่ทบทวนเนื้อหาสำคัญเท่านั้น ไม่ใช่ไปเริ่มต้น สิ โย อํ โย เสียเมื่อไร เพราะฉะนั้น..พอพื้นฐานตัวเองไม่แน่น ก็นั่งสัปหงกไปเถอะ เพราะว่าฟังไม่รู้เรื่อง

บางทีอาจารย์พูด ผมเองผมก็สงสัยทำไมเป็นอย่างนี้วะ ? "อันว่าสามเณรชั่วเรวัตตะนั้น..อันว่าสามเณรชั่วเรวัตตะนั้น" มาจากไหนวะ ? ท้ายสุดต้องไปเปิดดู อันว่าสามเณร “ชื่อว่า” เรวัตตะ เขาพูดกล้ำเร็วมากเลย ผมก็ว่าคำนี้มาจากไหน..สามเณรชั่ว กูไม่เคยได้ยิน..! ไปเจออาจารย์แบบนี้ถ้าลูกศิษย์ไม่ขวนขวายก็คลั่งเลย ไม่เข้าใจว่ามาได้อย่างไร

เถรี 16-02-2019 08:25

เรื่องบาลีก็อย่างที่ว่านั่นแหละ บางคนก็ดวงเฮงอ่านถูกที่พอดี ต้องเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง ถ้าบอกว่าตรงนี้ใช่ก็เน้น ๆ หน่อย แต่ถ้าจะเอาอย่างท่านอาจารย์มหาสันติก็คงไม่ได้หรอก รายนั้นไปท่องบาลีอยู่หลังพระประธาน เทวดาเดินออกมาบอกเลย “เอาสองหน้านี้” ท่านก็เชื่อนะ สอบประโยค ๗ ด้วย..! ท่องอยู่แค่สองหน้าแล้วสอบได้เลย

พอประโยค ๘ รีบไปใหม่ ไม่ให้เว้ย ..(หัวเราะ).. ประโยค ๘ คุณไปเหนื่อยเอาเองเถอะ..! ท่านก็สงเคราะห์ตามวาระ พอพ้นวาระไปแล้วก็ไม่ได้อีก โบสถ์วัดสร้อยทอง ท่านเหนื่อย ๆ ก็นอนภาวนาแล้วก็หลับไปเลย เห็นเทวดาเดินออกมาบอกเลย

ส่วนมหาปรีชาสอบปีแรกก็ตก ถามว่าทำไม ? อ่านไปถึงตรงนั้นพอดี แต่อ่านได้แค่ครึ่งเดียว น่าเจ็บใจกว่าอ่านไม่ถึงตั้งเยอะ..!

เถรี 16-02-2019 08:26

บางทีเจออาจารย์หักหลัง ออกปณามคาถา ..(หัวเราะ).. เคยไปเปิดดูข้อสอบเก่าไหม ? ออกอะไรไม่ออก ออกปณามคาถา ถ้าเป็นของไทยก็คำนำ แทนที่จะออกเนื้อหาดันไปออกคำนำ..!

อย่างผมสอบพระอุปัชฌาย์ก็เหมือนกัน เขาถามว่า เมื่อวันปฐมนิเทศ ประธานให้โอวาทว่าอย่างไร ? ผมตอบได้อยู่คนเดียวจริง ๆ คนอื่นลืมหมด ๗ วันมาแล้ว ..(หัวเราะ).. เป็นเราก็คงไม่นึกหรอกว่าเขาจะออกอย่างนั้น เขาต้องออกเนื้อหาในกฎมหาเถรสมาคม นี่เล่นออกโอวาทของประธาน ท่านคงอยากจะรู้ว่ามีใครสนใจสิ่งที่ประธานพูดและจดจำได้บ้าง

เถรี 16-02-2019 08:31

ถาม : คำภาวนาโสตัตตะภิญญาใช้ฝึกมโนมยิทธิได้ไหมครับ ?
ตอบ : มโนมยิทธิเขาให้ใช้ นะมะพะธะ โดยตรง เหตุที่ต้องใช้โดยตรงเพราะว่าเหมือนกับเป็นสัญญาณบอกฝ่าย ก็คือถ้าหากว่าใครใช้คำภาวนานี้แล้วท่านจะสงเคราะห์ ถ้าเราไปใช้ผิดท่านไม่ช่วย ก็ต้องใช้กำลังตัวเอง เหนื่อยตายเลย

เถรี 16-02-2019 08:36

ถาม : การที่เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงกับมานะ ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : คล้าย ๆ กัน คนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ถ้าหากว่าขาดปัญญาหรือไม่รู้กาลเทศะในการปฏิบัติตน วางตน จะกลายเป็นมานะไป

เคยได้ยินคำว่า “ขัตติยมานะ” ไหม ? นั่นแหละ..เต็ม ๆ เลย พระมหาอุปราชาไม่คิดจะรบกับพระนเรศวร แต่ขัตติยมานะทำให้ต้องรบ เพราะว่าโดนท้าทายต่อหน้าสมัครพรรคพวกตั้ง ๑๒ คน ซึ่งบรรดาลูกเจ้าเมืองต่าง ๆ ก็เป็นลูกไล่ของท่านมาทั้งนั้น ถ้าหากว่าตัวเองไม่ยอมรับ ถ้าเกิดรอดไปได้นี่ก็ไม่รู้ว่าจะมองหน้าใครได้

เถรี 16-02-2019 08:53

ถาม : มีนักการเมืองคนหนึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เขาบอกว่าไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์ เมื่อไม่ต้องเรียนประวัติศาสตร์แล้วให้แต่งตำราออกมาว่าฝันไป ในเมื่อฝันไป ประวัติศาสตร์ไทยจึงรางเลือนไป โทษเด็กนักเรียนไม่ได้ ในระยะเวลาเดียวกันก็ออกมาด้วยว่า ห้ามเขียนว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ?
ตอบ : อาตมาถึงบอกว่าไม่ได้โทษเด็ก แต่โทษระบบการศึกษาของเรา แล้วระบบการศึกษามาจากไหน ? ก็มาจากบรรดาท่านทั้งหลายที่มีอำนาจนั่นแหละ โดยเฉพาะเห็นเด็กเป็นหนูทดลองยา พอตัวเองมาก็เปลี่ยนหลักสูตรใหม่ เปลี่ยนวิธีการใหม่ ยุ่งไปหมด แล้วดูระบบ “ควายเซ็นเตอร์” จนป่านนี้สำเร็จไหมเล่า ? ๒๐ กว่าปีแล้ว

ถาม : ระบบเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง มาจากที่ภรรยาของผู้มีอำนาจบริหารตอนนั้นเรียนปริญญาโท เขาอยากทดลองเอามาสอนเด็กพิเศษ แต่สามีดันอยากมีผลงาน เลยเอามาใช้ทั้งประเทศไปเลย ก็เลยมาจนถึงบัดนี้ ?
ตอบ : ในส่วนของเอาเด็กเป็นศูนย์กลางจริง ๆ ถูก แต่ไม่ถูกตรงที่เขาไม่ได้ดูบริบทของสังคมบ้านเรา ไปเลียนแบบต่างประเทศมาโดยไม่ลืมหูลืมตา ต่างประเทศเขาให้เด็กทำอะไรด้วยตนเอง คิดด้วยตนเองมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะเดินได้ เคยเห็นฝรั่งกี่คนอุ้มลูกบ้าง ? ถึงเวลาเตาะแตะ ๆ ได้ก็จูงเดินแล้ว จะเดินหรือไม่เดิน ? ถ้าแหกปากร้องก็ทิ้งไว้ตรงนั้นเลย เด็กก็ต้องตามมาเอง ก็ต้องพยายามตะเกียกตะกายเอง ก็ทำให้เขารู้จักคิด รู้จักเอาตัวรอด ในเมื่อใช้ระบบให้เด็กเป็นศูนย์กลางเขาก็สามารถที่จะรองรับได้

ส่วนบ้านเรานี่ไม่มีหรอก ตัวเล็กกว่าควายนิดเดียวยังโอ๋อยู่ตลอด..! ก็เลยทำให้เด็กของเราคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ในเมื่อคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ไปเอาระบบที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลางก็ไปไม่รอด

เถรี 16-02-2019 08:55

ระบบนั้นดี แต่ไม่เหมาะสมกับสังคมของเรา ของเก่าเราให้ท่องจำ เขาก็บอกว่าไม่เหมาะ ไม่ควร ไม่ดี เพราะว่าได้แต่จำอย่างเดียว ถึงเวลาก็มาทดสอบวิธีใหม่ คือให้คิด คราวนี้เด็กของเราไม่รับอนุญาตให้คิด เข้าใจไหม ? ขนาดถามว่า “ลูกโตขึ้นอยากเป็นอะไร ?” “อยากเป็นนักร้อง” “ทำไมไม่เป็นหมอ ?” เอ้า..ตกลงจะให้ลูกคิดเองไหม ? ก็คือโดนตีกรอบทางความคิดมาตั้งแต่เด็ก จะคิดเองเมื่อไร ผู้ใหญ่ก็บังคับให้คิดเรื่องอื่นเมื่อนั้น ก็เลยทำให้เด็กเราคิดไม่เป็น ระบบก็เลยพิกลพิการ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างที่เห็นนี่แหละ ลงทุนเกี่ยวกับการศึกษามากที่สุด แต่ผลที่ได้รับน้อยที่สุดจนน่าเวทนา

ดังนั้น..อาตมาถึงเห็นว่า ถ้าหากว่าพ่อแม่มีศักยภาพเพียงพอ ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศเถอะ ประเทศไหนก็ได้ ในอาเซียนของเราส่งไปสิงคโปร์ก็ได้ ถ้าหากว่าต่างประเทศสามารถไปอังกฤษหรืออเมริกาได้ก็ดี ถ้าไม่ได้เอาแค่จีน ญี่ปุ่นก็พอ

เถรี 16-02-2019 08:56

ถาม : แล้วระบบการใช้เหตุใช้ผล ให้เด็กเป็นศูนย์กลางนี่ มีผลตรงที่ว่าเด็กไม่ใส่ใจใคร เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อยากได้อะไรก็ทำเลย ไม่คิดถึงคนรอบข้าง ?
ตอบ : เมื่อวานนี้ที่มีโจรจี้ร้านสะดวกซื้อที่โคราช แล้วพนักงานอยู่กันสองคน คนหนึ่งล็อกเพื่อนหันเข้าหาโจร เพราะว่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง โจรก็แทงเพื่อนฟุบไปเลย คือเพื่อนกำลังจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์หนีแล้ว ด้วยความที่ตัวเองกลัวโจร เอาตัวเองรอดดีกว่า ก็เลยกระชากเพื่อนมาบังหน้าตัวเองไว้

ลักษณะอย่างนี้ถ้าว่าไปแล้วก็คือเป็นธาตุแท้ของเขา เป็นธาตุแท้ลักษณะที่เห็นแก่ตัว แต่ก็เป็นการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง เราจะเห็นว่า บุคคลที่รู้จักเอาตัวรอด ก็สามารถอยู่รอดในสังคมได้ ถ้าไม่รู้จักเอาตัวรอด ก็โดนสังคมกลืนกินไป เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาทำนี้ ไม่มีใครเห็นด้วยสักคน ก็โดนด่าจมดินไป คาดว่าอีกไม่กี่วันน้องเขาคงลดความอ้วนได้ เพราะว่าเครียดจนกินไม่ลง..!

เถรี 16-02-2019 09:52

ถาม : เรื่องฮิตเลอร์ ที่จริงหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าฮิตเลอร์ไม่ได้สั่งฆ่าคนขนาดนั้น แต่สามทหารเสือเป็นคนสั่ง ?
ตอบ : ใครจะทำก็แล้วแต่ ผู้นำต้องรับผิดชอบ

พลโทไดทริช ฟอน วอลทริซ คุมทหารเยอรมันบุกฝรั่งเศส คำสั่งก็คือ “เผาให้ราบ” โดยเฉพาะถล่มพระราชวังแวร์ซายและโบสถ์นอเตรอะดามให้ดังไปถึงเบอร์ลิน ท่านนายพลไดทริชบอกไม่ทำ สั่งทหารทุกคนเลย ยึดพื้นที่อย่างเดียว ถ้าเขาไม่ต่อต้านอย่าไปทำ ฝรั่งเศสจึงรอดมาได้ ไม่อย่างนั้นจะมีสภาพไม่ต่างจากวอร์ซอ ทหารอยู่แนวหน้าพิจารณาตามสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งแนวหลัง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็คือไม่กล้าคัดค้าน


ถาม : ทำแบบนั้นจะโดนโทษทางปฏิบัติ ?
ตอบ : ก็คงคล้าย ๆ กับอาตมานั่นแหละ ถ้าเจ้านายกลัวก็ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้านายไม่กลัวก็โดน..!

ถาม : แสดงว่านายพลคนนี้ต้องเสียสละมาก ถึงไม่ยอมทำตามคำสั่ง ?
ตอบ : ก็พลโท คนอื่นเขาพลเอกกันหมด ..(หัวเราะ).. คุณก็เลยได้แค่พลโท เพราะคุณไม่ยอมเผาปารีส..! ลองไปเสิร์ชคำว่า “วอร์ซอ โปแลนด์ World War II” ดูสิ จะเห็นอะไรที่ราบ..น่าสยองมาก

ถาม : หรือว่าเห็นคนตายมาก เลยไม่กล้าทำ ?
ตอบ : อยู่ที่สามัญสำนึก บางคนก็กระหายเลือด แบบที่ญี่ปุ่นยึดนานกิง มีนายทหารญี่ปุ่นอยู่สองคน แข่งกันกับเพื่อน ว่าใครจะใช้ซามูไรฆ่าคนจีนได้มากกว่ากัน แล้วก็ตัดหัวไปคนละสองร้อยกว่า อันนั้นเป็นสันดานส่วนตัว ประเภทว่าโหดเหี้ยมอำมหิตจนเห็นชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นผักเป็นปลา

เถรี 16-02-2019 09:56

ถาม : เครื่องหมายสวัสดิกะเขาว่าคล้ายกับเครื่องหมายของมนุษย์ต่างดาว ?
ตอบ : ดาวไหน ? สวัสดิกะก่อนหน้านี้คือธรรมจักร อย่าลืมว่าคำว่า “สวัสดิกะ” เป็นภาษาสันสกฤต แล้วเอาไปใช้กันทั่วโลก คือเครื่องหมายธรรมจักรในพระพุทธศาสนา แสดงการหมุนวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดของหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถาม : นอกจากญี่ปุ่นที่ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วมีชาติไหนอีกบ้างไหมคะ ?
ตอบ : ไปเอาที่ไหนมาว่าญี่ปุ่นเป็นมนุษย์ต่างดาว ?

ถาม : ตอนนั้นที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเล่าว่าพระเจ้าจักรพรรดิไปเอามนุษย์ต่างดาวมา แล้วมีหนึ่งชาติคือญี่ปุ่นที่เอามาหนึ่งพันคน ?
ตอบ : บังเอิญว่าอาตมาไม่เคยได้ยิน

เถรี 16-02-2019 09:58

ญี่ปุ่นไปจากเมืองจีนสมัยรัฐฉินรุ่งเรือง จิ๋นซีฮ่องเต้รวมประเทศจีนเป็นหนึ่ง แล้วจัดให้วัยรุ่นชายหญิง ๕๐๐ คน ออกไปเดินทางเพื่อหายาอายุวัฒนะ คราวนี้พวกนี้ไปติดอยู่ที่ ๓ เกาะบูรพา แล้วก็เลยกลายเป็นต้นตระกูลของญี่ปุ่นสืบมา

ถามว่าทำไมต้องส่งวัยรุ่นไป ? เพราะว่าไปแต่ละทีเป็นสิบ ๆ ปี ส่งคนแก่ไปอาจจะตายเสียก่อน เพราะฉะนั้น..จะเห็นว่าอักษรคันจิของญี่ปุ่น จริง ๆ แล้วก็คือตัวหนังสือจีนครึ่งซีก ก็คือเด็กจะไปจำอะไรได้มากมาย ในเมื่อจำได้แค่นั้น ถึงเวลาก็กลายเป็นภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาแค่นั้น

เถรี 16-02-2019 10:02

ถาม : เรื่องท่านจี้กงนี่ท่านเป็นพระหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : จี้กงเทียบกับบ้านเราก็ประเภทหลวงพ่อขี้วัว สนุกสนานเฮฮาไปเรื่อย ปกปิดจริยาตัวเอง กลัวคนเขาจะไปรบกวนมาก ทำตัวเหมือนคนบ้า คนก็ไม่ไปกวนมาก แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ คนมีความสามารถ จะแกล้งบ้าขนาดไหนก็ตาม เผลอ ๆ ก็หลุดออกมา

ถาม : ท่านเอากายเนื้อไปเที่ยวนรกเลยหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับระดับนั้น ที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสอนมโนมยิทธิ เพราะว่าท่านเอากายเนื้อไปจนเหนื่อยเต็มทีแล้ว เอาตัวจริงไปก็เหนื่อยเท่าตัวจริงนะสิ แต่ถ้าเอาใจไปก็ไม่เหนื่อยเท่านั้น

เถรี 17-02-2019 08:02

ถาม : เคยบวชแล้วโยมที่บ้านถวายของ พอสึกแล้วเราเอาของกลับบ้านมาด้วย ต้องถวายคืนวัดที่สึกมาหรือต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็ถือว่าติดหนี้สงฆ์ ชำระหนี้สงฆ์เท่าราคาปัจจุบันก็หมดเรื่อง

ส่วนใหญ่แล้วถ้าวัดที่ครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้เข้มงวดจริงจัง ท่านที่ไม่รู้ก็มักจะทำแบบนั้นกัน หลายรายถึงเวลา
ได้ถ้วยโถโอชามมาก็ส่งกลับบ้านหมด เขาถวายมาเพราะว่าเราเป็นพระ เราเป็นสงฆ์ ถ้าเป็นฆราวาสปกติก็คงไม่มีใครเขาให้แบบนี้

ดังนั้น..เขาถึงได้เรียกว่า “ของสงฆ์” ถวายมาต้องคิดว่าเป็นของส่วนรวม ไม่ใช่ของส่วนตัว ถ้าของยังอยู่ในสภาพดีก็เอาไปคืนวัด ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพดีก็คิดราคาปัจจุบัน ถวายเป็นเงินชำระหนี้สงฆ์ไป

ถาม : ชำระหนี้สงฆ์ที่ไหนครับ ?
ตอบ : ชำระหนี้สงฆ์ที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าหากว่า
จะคืนของนั้น ต้องคืนที่วัดเดิม

เถรี 17-02-2019 08:08

ถาม : ถ้าหมาแมวที่วัดวิ่งชนข้าวของพังจะติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : มีโทษเหมือนกัน แต่โทษน้อยกว่าคน เพราะว่าเขาไม่รู้ ความมืดบอดในภพภูมิที่ต่ำกว่าก็เลยทำให้โทษของเขาน้อยกว่า

ถาม : อย่างอีกาในธรรมบทที่บินมาเอากับข้าวที่เขาจะถวายสงฆ์ จะติดหนี้เยอะกว่า ?
ตอบ : ก็ไม่น่าจะเท่าคน คนทำทั้ง ๆ ที่รู้นี่สาหัสกว่าเยอะ สมมติว่าเราลงอเวจี ๑ กัป อีกานั้นอาจจะลงแค่ ๕,๐๐๐ ปี

เถรี 17-02-2019 08:19

ถาม : หนูดูรายการสัตว์โลก อย่างสัตว์เขาไม่ได้จะปองร้ายกัน แต่เป็นการเอาชีวิต ล่ากันไปล่ากันมา จะมีเวรมีกรรมต่อกันไหมคะ ?
ตอบ : มี...แต่ก็บอกแล้วว่าโทษน้อยกว่า เราจะเห็นว่าสัตว์เขาล่าแค่อิ่ม แต่กักตุนไม่เป็น พอถึงเวลากินอิ่มแล้ว สิงโตก็นอนมองพวกม้าลาย เก้ง กวาง เดินไปเดินมา ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าหิวเมื่อไรก็ล่าใหม่

ถาม : พอฆ่าเขา อย่างนี้ก็มีกรรมก็ต้องฆ่ากลับกันไปมาสิคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ประมาณ ๕๐๐ ชาติ อย่างนางยักษิณีกับนางกุลธิดา อโหสิกรรมต่อกันก็จบ นางกุลธิดาเอานางยักษิณีไปอยู่ด้วย สร้างกระต๊อบให้อยู่กลางนา ถึงเวลาก็หาอาหารไปให้ นางยักษ์ก็ไม่ต้องไปล่าหากินเอง พอถึงเวลาหน้านี้น้ำจะแล้ง ก็บอกว่าให้ปลูกข้าวในที่ลุ่ม หน้านี้น้ำจะมากก็ให้ปลูกข้าวในที่ดอน นางกุลธิดาก็ได้รับความสะดวก หากินสบาย จึงกลายเป็นธรรมเนียมเซ่นนาตาแฮกของทางอีสานเรา

เถรี 17-02-2019 08:29

ถาม : ทางอีสาน พระบวชใหม่เขาเรียกว่าครูบา ?
ตอบ : บวชใหม่ก็คือพระ

ถาม : เพื่อนไปบวชแล้วเขาเรียกครูบา ?
ตอบ : ถ้าหากว่าได้รับการสรงน้ำจากโยม ๓ ครั้งขึ้นไป เขาเรียกว่า “จารย์” ถ้าหากว่าเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเรียก “ญาคู” ถ้าสึกออกมาก็เป็น “เซียง” ถ้าไม่เรียกญาคูก็เรียก “ญาท่าน” คำนี้มาจาก “อาชญา” หรือ “อาญา” ก็คือมีอำนาจในการที่จะลงโทษคนอื่น ถ้าสั่งสอนแล้วไม่ฟังก็ “ผัวะ” ได้เลย..!

ถาม : เวลาเขาบอกว่า มีพระเถรานุเถระจากอีสาน ก็จะมีครูบานั้นครูบานี้ ?
ตอบ : อาจจะเป็นธรรมเนียมเฉพาะที่ อย่างบางที่อาตมาไป เขาเรียกพระทุกรูปว่า “ครูบา” คำนี้เป็นธรรมเนียมภาคเหนือไม่ใช่ธรรมเนียมอีสาน

เถรี 17-02-2019 08:29

ครูบาภาคเหนือแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็คือได้รับการอภิเษก คำว่าอภิเษกนี้แบ่งเป็นสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ทางคณะสงฆ์เห็นสมควรก็สวดยกขึ้นเป็นครูบา อีกส่วนหนึ่งก็คือ ทางบ้านเมืองเห็นสมควร เป็นครูบาอาจารย์ที่บรรดาเจ้าใหญ่นายโตเขาเคารพนับถือ ก็ขอร้องพระให้ช่วยสวดยกขึ้นเป็นครูบา แต่ว่าทั้งสองอย่างเหมือนกันก็คือ ต้องมีอายุสมควร มีพรรษาสมควร มีความดีเป็นที่เคารพนับถือเลื่อมใสของผู้คนจริง ๆ

ส่วนอีกประเภทหนึ่งท่านเรียกว่า “ครูบาเจ้า” ครูบาเจ้าก็คือต้องสืบเชื้อสายมาจากเจ้าเจ็ดตนสมัยก่อน ที่ครองเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ ฯลฯ คราวนี้ในส่วนของครูบาเจ้า เราเรียกส่งเดชไม่ได้ อย่างครูบาเจ้าเกษม เขมโก เรียกได้เพราะว่าท่านเองมีเชื้อสายเจ้าอยู่ แต่ถ้าคนทั่วไปเป็นได้แค่ครูบาเฉย ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรียกกันส่งเดช แต่ต้องได้รับการสวดยกขึ้นให้เป็น


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว