กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4305)

เถรี 06-01-2015 20:00

พระอาจารย์กล่าวว่า "โลกเจริญขึ้นทุกวัน เราปฏิเสธความเจริญไม่ได้ แต่ให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องสนับสนุนความสะดวกในการปฏิบัติธรรมของเรา อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา จนก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงย

สำหรับพวกเราอาตมาไม่ห่วงหรอก เพราะว่าพวกปฏิบัติธรรมมา กำลังใจจะเข้มแข็งพอ ประเภทเลิกดูไลน์ได้พักหนึ่ง ถ้าทั่ว ๆ ไปนี่ก้มหน้าไม่เงยเลย"

เถรี 08-01-2015 10:07

ถาม : โยมถือศีล ๘ แต่หาน้ำปานะที่กรองด้วยผ้า ๗ ชั้นไม่ได้..?
ตอบ : เสียเวลาเปล่า ๆ น้ำเต้าหู้ก็ได้ โอวัลตินก็ได้ นั่นของโยม ไม่ได้เกี่ยวกับพระ ที่ว่ามาเป็นศีลของพระ หรืออยากจะถือศีลแบบพระก็เอา ท่านให้รู้จักประมาณในการบริโภค ถ้าร่างกายไม่ได้ใส่ใจตรงจุดนั้นก็ไม่จำเป็น อาตมาก็ฉันน้ำเปล่ามาตลอด แต่ถ้าร่างกายยังต้องการอยู่ก็หาให้เขาสักนิด แต่ให้รู้จักประมาณ

สมัยก่อนที่ยังอยู่วัดท่าซุง มีท่านน้อยบวชรุ่นเดียวกัน บวชด้วยกัน
เหลืออยู่ด้วยกันแค่ ๒ รูป ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "รุ่นนี้เหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ " เหลือแต่เล็กกับน้อยอยู่สองรูปจริง ๆ พอถึงเวลาเย็นท่านน้อยมาถึงก็ โอวัลตินสองช้อนโต๊ะ นมข้นอีกครึ่งแก้ว เทรวมกัน เอาช้อนคนจนเหนียวเป็นกาละแมเลย แล้วก็ตักฉัน อาตมาบอกว่า "น้อย..บอกแบบไม่เกรงใจเลยนะ เอ็งไม่ได้ฉัน เอ็งกำลังแด..!"

อาตมาได้เปรียบว่า ๑๑ ปีในความเป็นฆราวาส ได้ศึกษาและฝึกปรือพวกนี้ไว้ก่อน ก่อนบวชสองปีก็รักษาศีลแปดเด็ดขาดมาตลอด ไม่ได้ไปยุ่งไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ตอนเป็นพระก็เลยไม่ได้มีปัญหากับการอดข้าวเย็น หรือจะต้องหาน้ำปานะมาฉัน ฉะนั้น..ใครคิดว่าจะรักษาศีลแปดก็เริ่มฝึกหัดตัวเองได้ ร่างกายของเราจะปรับระบบตัวเอง ถ้าไม่ได้อาหารไปประมาณสักสามวันติดกัน รู้ว่าทวง
ไปแล้วเสียเวลาก็เลิกทวงเอง แต่ส่วนใหญ่ที่ทนไม่ได้ เพราะว่าเวลาร่างกายทวง บางคนจะรู้สึกปวดหัวจนทนไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ทนผ่านไปได้หน่อยเดียวก็จบแล้ว

อาตมาเคยย้ำกับพระเณรที่วัดว่า ถ้าเราห้ามปากตัวเองได้ จะรักษาศีลทุกข้อได้ เพราะกำลังใจในการห้ามปากตัวเอง ก็คือกำลังใจห้ามใจไม่ให้ละเมิดศีล

เถรี 08-01-2015 11:29

ถาม : ศาสนาพุทธในอุซเบกิสถานเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : อุซเบกิสถานส่วนใหญ่เป็นพระพุทธศาสนาแบบมหายาน ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วมีน้อยมากเลย

ถาม : มีพระอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นพระลามะ จริง ๆ ในรัสเซียมีแคว้นคามัยเคีย ที่มีวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ก็เป็นพุทธมหายาน เกิดจากสมัยเจงกิสข่านไปตีรัสเซีย แล้วก็นำพระพุทธศาสนาเข้าไป

รัสเซียออกปทานุกรมพุทธศาสนา ถือว่าเป็นเรื่องแปลกนะ พวกนี้น่าจะเป็นประเทศไทยหรือประเทศพม่าทำมากกว่า กลายเป็นรัสเซียทำหนังสือปทานุกรมพระพุทธศาสนา แสดงว่าคนของเขาหันมานับถือศาสนาพุทธกันเยอะมาก โดยเฉพาะพวกคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ แต่ว่าเขาถือศาสนาพุทธแบบคริสต์ ๆ ก็คือทิ้งของเก่าไม่ได้ แต่ก็มาสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิตามแบบพุทธ เพราะเห็นว่าเกิดประโยชน์แก่ตัวเองมาก จึงกลายเป็นพุทธศาสนาแบบพิลึกพิลั่น ซึ่งโดยลักษณะของศาสนาจริง ๆ แล้วควรเป็นอย่างนี้ ก็คือส่วนไหนที่เป็นประโยชน์ คุณก็เอาไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ เพราะศาสนาเป็นเรื่องสากล แต่คราวนี้ส่วนใหญ่เกิดจากตัวกูของกู ก็คือในเมื่อมาถือศาสนานี้แล้วก็ต้องมาทั้งตัว จะไปถือศาสนาอื่นไม่ได้

ของเก่าเขามีอะไรที่ยึดถืออยู่ก็ถือไป แบบเดียวกับศาสนาพุทธในประเทศไทย ต้องบอกว่าศาสนาพุทธแบบผี ๆ เพราะว่าไทยเรานับถือผีมาก่อน ในเมื่อนับถือผีมาก่อน จึงเป็นลักษณะของการกราบไหว้บวงสรวง แทนที่จะยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จริง ๆ แล้วก็คือยึดในลักษณะบูชาผีด้วยความกลัวทำนองนั้น ยังดีว่าผ่านระยะที่ยาวนานมามาก ก็เลยทำให้ค่อย ๆ ซึมเข้าไป ลักษณะของการยึดถือด้วยความกลัวก็ค่อย ๆ ลดน้อยลง

ไปนึกถึงหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ที่พวกข่าระแดนับถือผีกันหมด กี่หมู่บ้าน ๆ ท่านลุยเข้าไป ๆ เอารูปพระพุทธเจ้าไปแจก บอกว่านี่หัวหน้าผี ถ้านับถือหัวหน้าผี ไม่มีผีอะไรทำอันตรายเจ้าได้อีก พวกนั้นก็เลยหันมานับถือพระพุทธเจ้าโดยที่คิดว่าเป็นหัวหน้าผี..!

ในเมื่อผ่านระยะเวลายาวนานมา การนับถือด้วยความกลัวผีก็ค่อย ๆ จางลง ปัจจุบันนี้กลายเป็นยึดถืออ้อนวอนแบบฮินดูแทน ตกลงว่าศาสนาพุทธนี่น่าสงสารมาก เป็นของดีที่สุด วิเศษที่สุด แต่เขาเอาไปแค่ผิว ๆ นิดเดียว บ้านเรากับเนปาลคล้าย ๆ กันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ อะไรเข้ามาก็รับไว้หมด ศาสนาไหนเข้ามาก็รับไว้หมด


ถาม : แต่พวกออร์โธดอกซ์เขาก็นับถือ..?
ตอบ : ส่วนใหญ่เริ่มมาจากผีทั้งนั้นแหละ นับถือผี นับถือธรรมชาติ แล้วก็บรรดาเทพเจ้าของธรรมชาติที่สมมติขึ้นมา ดิน น้ำ ลม ไฟ พวกนั้น โดยเฉพาะฮินดูนี่ทั้งนั้นเลย เทพวายุ เทพอัคคี เทพคงคา สารพัดเทพ

เถรี 08-01-2015 11:36

ถาม : เป็นเนื้องอก จะผ่าตัดกระโหลกเดือนมีนาคม ก็คิดว่าไหน ๆ จะโกนผมแล้ว ไม่ให้เป็นการเสียโอกาสก็จะบวชชีค่ะ ?
ตอบ : อยู่วัดก็พอ ๆ กับอยู่บ้านนั่นแหละ กิเลสมากพอกัน เพียงแต่ว่าเป็นแม่ชีแล้วต้องอดทนอดกลั้นมากกว่าฆราวาสหลายเท่า

เถรี 08-01-2015 11:46

มีโยมเอาดอกจำปาดองมาถวายพระอาจารย์ "ดองมากี่ปีแล้ว ? (สองเดือนครับ) ยิ่งเก็บนานยิ่งดีนะ ทางเขาโป๊บป้าเขาดองกันเป็นสิบปีเลย เขาโป๊บป้าเป็นภาษาพม่า ภาษาไทยคือเขาบุปผา ก็คือภูเขาดอกไม้ เขาจะมีแต่จำปาดองสำหรับขายนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด

เขาโป๊บป้าเป็นยอดภูเขาไฟที่ดับแล้ว เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บรรดาฤๅษีหรือดาบสดัง ๆ ของทางพม่า ไม่ว่าจะเป็นฤๅษีโบโบอ่อง ฤๅษีโบมินข่อ เขาไปสำเร็จจากที่นั่นกันเยอะแยะไปหมด ก็เลยเชื่อว่าต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นเป็นยาหมด โดยเฉพาะพวกดอกไม้ ดอกจำปาที่ฤๅษีเอาไปไหว้พระ เสร็จแล้วก็อธิษฐานขอ ถ้าจะสำเร็จวิชา ขอให้จำปางอกขึ้นมาเป็นต้นใหม่ได้ แล้วก็งอกได้จริง ๆ"




เถรี 08-01-2015 12:39

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาเพิ่งจะด่าพระในวัดไป ทำงานยังไม่ถึง ๕ นาที มีรูปลงเฟซบุ๊กแล้ว เล่นเสียจนไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวเลย จะทำอะไรหน่อยขี้หมูราขี้หมาแห้งก็ลงเฟซบุ๊ก ทุเรศที่สุดเลยก็คืออาตมาขึ้นแท็กซี่คันไหน ยังอุตส่าห์ถ่ายรูปลงว่าเลขทะเบียนอะไร ทำอย่างกับกลัวว่าสหรัฐฯ จะบอมบ์ตูไม่ถูก..! คงเป็นเกียรติเป็นศรีมากเลยที่ได้รายงานว่าหลวงพ่ออยู่ที่ไหน..!"

เถรี 08-01-2015 12:45

(พูดถึงยันต์ดอกบัว) "แต่ละคนคิดว่าทำง่าย ๆ ทั้งนั้นแหละ ถึงเวลาก็ขอ แต่ไม่ได้นึกถึงคนทำเลย เอาตัวเองเป็นหลัก ในเมื่ออยากได้ก็ขอ ตอนเขียนไม่ยากหรอก ตอนเสก ๒ ชั่วโมงครึ่ง..! เพราะฉะนั้น..พยายามอย่ามาขอเด็ดขาด มีรายหนึ่งมาขอ พอส่งให้กลับถามว่าใช้อย่างไร เกือบจะด่าไปแล้ว ไม่รู้ว่าใช้อย่างไรแล้วทะลึ่งมาขอ แล้วให้อาตมาเสกเสียเกือบตาย..!"

เถรี 08-01-2015 12:46

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่เอาหนังสือเรื่องมีดมาถวาย โยมเล่าว่าคนทำหนังสือสนิทกับคุณสังเวียน "อาตมาเคยไปให้ คุณสังเวียน ภู่สุวรรณ วัดมือเพื่อทำด้ามปืน แต่คิวไม่ถึง ไปบวชเสียก่อน ต้องโทรศัพท์ไปยกเลิก ของคุณสังเวียนเขาทำทีละด้าม วัดมือแต่ละคนแล้วค่อยทำขึ้นมา"

เถรี 08-01-2015 12:51

ถาม : หลวงพี่จ๋า..!
ตอบ : จะทะลึ่งก็ให้รู้เวล่ำเวลาบ้าง ทะลึ่งกระทั่งเวลาทำความดี จำเอาไว้เลยนะ ประเภทแนะนำให้เขาถวายกัณฑ์เทศน์ ตูไม่ได้เทศน์สักหน่อย ก็ดันทะลึ่งไปติดกัณฑ์เทศน์ วันก่อนก็มี ประเภทดันควายตามเอ็ง พระบิณฑบาตอยู่มาใส่บาตรบอกว่า “กัณฑ์เทศน์” ก็เลยถามว่า “ไอ้เต้ยแนะนำมาใช่ไหม ?” เขาบอก “ใช่ครับ” พระเดินบิณฑบาตที่ไหนไปเทศน์ให้เอ็งฟังวะ ?

เถรี 08-01-2015 13:16

ถาม : หนูว่าจะบวช ๗ มีนาค่ะ ?
ตอบ : ถ้าตายก่อนก็ไม่ได้บวชหรอก พร้อมเมื่อไรก็ไปเลย

ถาม : หนูอาจต้องไปพบหมอศัลยกรรม อาจจะขอเลื่อนผ่าค่ะ จะได้บวชก่อน ?
ตอบ : ก็ลองไปเถอะ บางทีอาตมาก็ไม่อยู่วัด ถ้าไม่อยู่จะหาคนบวชแทนให้ จำไว้ว่าเวลาทำความดีทำให้เร็วที่สุด เราเคยตั้งใจจะทำและเสียโอกาสมาแล้วก็เพราะความช้าของเรา การทำความดีจะมีสิ่งขวาง เขาเรียกว่ามาร ยิ่งยืดระยะเวลาไปมากเท่าไร เขายิ่งขวางเราได้ถนัดเท่านั้น แล้วถ้าไปฟังคนอื่น เดี๋ยวก็จะมีเสียง “ทำไมต้องไปบวชด้วย ?” แล้วท้ายสุดเราก็จะลังเล แล้วก็ไหลตามเขาไป

ตัดสินใจจะทำอะไรก็ทำไปเลย ทำแล้วก็จบกัน คนจะว่าหรือไม่ว่าก็เป็นเรื่องของเขา มัวแต่ไปกลัวขี้ปากชาวบ้าน แบบนั้นทั้งปีทั้งชาติก็ไม่ต้องทำอะไร เวลาที่เราทุกข์ที่เราลำบาก ชาวบ้านเขามาลำบากกับเราด้วยหรือเปล่า ? แล้วทำไมเวลาที่เราจะทำความดี เราจะมีความสุข เราต้องไปเกรงใจชาวบ้านเขาด้วย

เถรี 08-01-2015 13:18

เวลาทำวัตรเขาก็อุตส่าห์อธิษฐานกันทุกคน เตโสตตะมานุภาเวนะ, มาโรกาสัง ละภันตุ มา ด้วยอานุภาพของบุญที่เราทำ ขอให้มารอย่าได้ช่องมาขวางเราเลย แต่พวกเราเปิดโอกาสให้มารทุกช่อง เห็นแล้วเหนื่อยแทน แปลไม่ออกก็ดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาว่าอะไร

ถือว่าเป็นอธิษฐานบารมีอย่างหนึ่ง ได้แต่อธิษฐาน แต่ไม่ได้ทำอะไรให้ได้อย่างอธิษฐาน เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

เถรี 08-01-2015 13:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "นั่งดูหนังสือมีดแล้วนึกถึงภาษิตจีนที่ว่า ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย"

เถรี 08-01-2015 13:32

ถาม : ...(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าใจเราดี อะไร ๆ ก็ดีหมด ไม่ต้องไปกังวลหรอก ส่วนใหญ่แล้วกำลังใจไม่ดี เมื่อวานไปเยี่ยมเจ๊จิ๋มมา เจ๊เขาเป็นมะเร็ง เขาบอกว่าเขาทำใจได้ แต่พอหมอบอกนี่ไปแอบร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมง นั่นขนาดทำใจได้นะ ในที่สุดก็ได้สติ ร้องหรือไม่ร้องก็เป็นอยู่แล้วนี่หว่า แล้วจะร้องทำไม ? ก็เลยเลิกร้อง นั่นขนาดคนที่กำลังใจเด็ดขาดแล้วนะ

พอหมอให้คีโมก็รู้สึกว่าร่างกายแย่ “หมอ..ขอกลับบ้านแล้ว” ถามว่าทำไม “ถ้าขืนให้ซ้ำกว่านั้น จะไม่มีแรงขับรถกลับบ้านแล้ว” ว่าแล้วก็ขับรถกลับเลย กว่าจะถึงทองผาภูมิพักแล้วพักอีก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นลุยรอบเดียวถึง โอ้โฮ... คีโมกินแรงหมดเลย คิดดูว่าคนยังจะตาย แต่เชื้อโรคไม่ยอมตาย

ทุกวันนี้เจ๊เขาก็ใช้วิธีฟังเสียงตามสายจากท่าขนุน นั่งกรรมฐาน บอกเจ๊เขาแล้วว่า ถ้าจะตายก็ให้รีบตายนะ เพราะว่าเมรุวัดท่าขนุนจะรื้อทำใหม่ ถ้ารื้อแล้วห้ามตายจนกว่าเมรุจะเสร็จ คงทรมานอีกนานเลย

‘ความกลัวตายมีทั่วทุกตัวสัตว์’ โบราณเขาว่าเป็นกลอนไว้

เถรี 08-01-2015 13:39

พระอาจารย์กล่าวกับคณะที่เอาเม็ดเงินมาถวายว่า "จะเก็บเม็ดเงินเอาไว้หล่อพระถวายสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระองค์ท่านจะครบ ๕ รอบ ๖๐ พรรษาปีนี้ จะหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินแท้ถวายพระองค์ท่านองค์หนึ่ง ขนาด ๙.๙ นิ้ว แต่ขอโทษ...คงต้องใช้เม็ดเงินประมาณ ๕๐ กิโลกรัม ก็ตกราว ๆ ๑ ล้านบาท

ส่วนของสมเด็จนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ก็สร้างพระองค์ใหญ่หน้าวัดเลย นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ วันเกิดของพระองค์ท่านมาลงกันพอดี สมเด็จนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๘๐ พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ๖๐ พรรษา แล้วก็ครบ ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตีพอดี สร้างพระใหญ่องค์เดียวคุ้มค่ามากเลย ตรงนั้นหมดไป ๑๙ ล้านกว่าบาท"

เถรี 09-01-2015 12:05

ถาม : ได้ยินว่า พระธุดงค์ฉัน..?
ตอบ : อยู่ที่ท่าน ไม่ได้เกี่ยวกับอะไร ถ้าไม่ผิดพระวินัยท่านฉันได้ แต่ถ้าอย่างอาตมานี่ไม่ฉัน แต่เป็นเพราะขี้เกียจแบก ไม่ได้เกี่ยวกับศีลเลย

ถาม : ถ้าเป็นฆราวาสละคะ ?
ตอบ : ฆราวาสก็กินไปสิ ใครเขาห้ามเล่า ? ก็เอาของที่พอสมควร ไม่ใช่ว่าเป็นอาหารเสียเต็มที่ พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตน้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย เนยใส เนยข้น ก็เลือกเอา อยู่ในจำนวนนั้นแหละ

เถรี 09-01-2015 12:05

ถาม : ศีลข้อมุสา ในเว็บบอร์ดเราใช้ชื่อหนึ่ง ต่อมาเราเลิกใช้ชื่อนี้ คนก็นึกว่าเราเป็นคนอื่น มุสาหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่เกี่ยวกัน เราไม่ได้ตั้งใจเปลี่ยนเพื่อหลอกลวงใคร ยกเว้นว่าตั้งใจเปลี่ยนเพื่อหลอกลวงเขาก็ผิดศีลข้อมุสา

เถรี 09-01-2015 16:09

ถาม : เวลาเราไปเซฟรูปเขามาเก็บไว้ ?
ตอบ : ถ้าเซฟได้แปลว่าเขาไม่หวง ถ้าคนที่เขาหวงเซฟไม่ได้หรอก ต้องเสียเงิน ในเมื่อเขาไม่หวงแล้วจะไปขโมยอะไรใคร ? ในเมื่อเอามาลงในสื่อสาธารณะแสดงว่าตั้งใจให้อยู่แล้ว

เถรี 09-01-2015 16:29

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะไม่โกรธคะ ?
ตอบ : อันดับแรกสร้างสติให้เกิด พอมีสติจะรู้ตัวเร็วว่าเราจะโกรธ ยังไม่โกรธจริง ๆ นะ แต่รู้สึกตัวกำลังจะโกรธแล้ว อันดับที่สอง สร้างสมาธิให้เกิด ถ้าสมาธิทรงตัวจะมีแรงในการหยุด เหมือนกับเบรกรถที่หน้าผา แล้วก็สร้างปัญญาให้เกิด มองเห็นว่า ความโกรธนี้เป็นโทษต่อทั้งเราและเขาอย่างไร ก็จะเกิดความเบื่อ ไม่ต้องการที่จะทำอย่างนั้นอีก

สติ..จะได้รู้ตัวเร็ว สมาธิ..จะได้หยุดได้ทัน ปัญญา..จะได้ยกทิ้งไปจากใจเรา ๓ อย่างก็พอ ไม่ต้องมาก ถ้าเราเห็นโทษเราจะไม่อยากทำ เพราะว่าน่าเกลียดน่าชังมาก ต่อให้โกรธอยู่ในใจก็จะอกแตกตาย

ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามาอยู่ที่สมาธิตัวเดียว ถ้าสมาธิทรงตัวสติจะรู้รอบ ในเมื่อสมาธิทรงตัว กิเลสหยาบอื่น ๆ มาขวางกั้นไม่ได้ ปัญญาก็จะเกิดขึ้น แล้วเราก็จะเห็นช่องทาง ถ้ารู้ว่าสู้ไม่ได้จริง ๆ ก็ยอมเสียมารยาทเดินหนีไปก่อน อย่าไประเบิดใส่เขา ให้อกแตกตายไปเองคนเดียว หลังจากกำลังเราดีขึ้น ๆ พวกนี้ก็จะโดนกดเอาไว้ นิ่งสนิทไปชั่วคราว คราวนี้ก็ระมัดระวังอย่าให้หลุด เพราะถ้าสมาธิหลุดเมื่อไรกิเลสจะตีกลับ แล้วเล่นแรงด้วย บางทีไประเบิดใส่เขา โดยที่เขาก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรผิด
จนต้องโกรธมากมายขนาดนั้นเลยหรือ ?

หลังจากนั้นพอปัญญาเกิด ก็ค่อย ๆ ขูด ๆ ค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ เกลาไป ท้ายสุดพอเห็นทุกข์เห็นโทษ เกิดความเบื่อหน่าย ถอนจิตออกจากความยึดถือทั้งตัวเราและตัวเขา ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะโกรธเขา ในเมื่อไม่เห็นประโยชน์ก็เลิกดีกว่า ค่อย ๆ ทำไปทีละหน่อย อย่าไปเร็ว..เดี๋ยวพระสู้ไม่ได้..!

เถรี 09-01-2015 16:38

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนหน้านี้ทิเบตไม่กินเนื้อสัตว์เลย เพราะว่าเขาไม่ฆ่าสัตว์ ตอนหลังพวกอิสลามอพยพเข้าไป ก็ไปรับอาชีพฆ่าสัตว์ จำได้ไหมเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่บูชาเจ้าแม่กาธิมัย ฆ่าสัตว์ไป ๕๐๐,๐๐๐ กว่าตัว น่าสงสารมาก ขณะเดียวกันก็เห็นว่า ศรัทธาที่ผิดพลาด ทำร้ายคนอื่นได้มากขนาดนั้น ยังดีที่เป็นเจ้าแม่กาธิมัย ถ้าเป็นอย่างพวกเทวะเทวี จะได้ไปต่อว่าเขาหน่อย เจ้าแม่กาธิมัยอาตมาไม่รู้จัก หาตัวไม่เจอ


จะได้ไปบ่นกับคุณนภิสรา (เจ้าที่เนปาล) ว่าทำไมโหดร้ายอย่างนี้ อาตมาไปโดนเจ้าที่ของเนปาลหลอกต้มเอา ไปขอดูยอดเขาเอเวอเรสต์ชัด ๆ เหน่ง ๆ เขาก็รับปากว่าได้ ปรากฏว่าเห็นแต่เมฆ พออาตมาไปอยู่ที่เนปาล แม่เจ้าประคุณก็คอยแต่หลบหน้าหลบตา ไม่โผล่มาเลย ปรากฏว่าเขาจัดให้ดูขากลับ อาตมาขอไม่รอบคอบเอง ขอดูเฉย ๆ ไม่ได้บอกว่าจะดูขาไปหรือขากลับ

ต้องบอกว่าเรื่องของเทวดาเขาสอนให้เรารอบคอบ เพราะว่าทุกครั้งถ้าขออะไรไม่รอบคอบนี่ ท่านเล่นชนิดที่เรียกว่าเจ็บ ๆ เลย เล่นกันแบบไม่ต้องเกรงใจ ต่อไปจะได้ละเอียดกว่านี้"

เถรี 09-01-2015 16:49

ถาม : (เด็กถาม) อยากจะคุยกับผีกับเทวดา ต้องไปทำอย่างไร..ที่ไหน ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็แค่ทำให้ใจของเราสงบ..นิ่งจริง ๆ นะ ถ้านิ่งมากพอก็จะเริ่มทำได้ คราวนี้เราอยู่ที่ไหนถ้าใจนิ่งได้เราก็คุยกับผีกับเทวดาได้ เพราะฉะนั้น..ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้ใจเรานิ่ง เราอาจจะพูด จะคุย หรือเล่นกับเพื่อนอยู่ แต่ทำใจให้นิ่งได้ ถ้าถามว่านิ่งอย่างไร ? ก็ไม่รัก ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เรื่องใหญ่เลยนะจ๊ะ ไปค่อย ๆ ทำ หนูยังมีเวลาอีกเยอะ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:11


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว