![]() |
เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๔
พูดถึงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัด "ธรรมดาของเด็กต้องดื้อกับซน แต่ก็เป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็ก เพียงแต่ว่าผู้ใหญ่จะรับได้สักเท่าไรแค่นั้น
การที่ผู้ใหญ่ห้ามนั่นห้ามนี่ เพราะเคยมีประสบการณ์มาว่า ถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะเสียหายอย่างไร แต่เด็กยังไม่เคยมีประสบการณ์ ก็เลยอยากรู้อยากลอง เรื่องของเรื่องก็เลยกลายเป็นปัญหา ถึงเวลาบวชเณรแต่ละที พระพี่เลี้ยงจึงต้องติดอาวุธ...! ตอนนี้ที่กำชับไว้เลยก็คือ ห้ามเป็นหวัด เพราะว่าเณรจำนวนมากต้องพักอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นหวัดแล้วจะยุ่งมาก" |
พูดถึงพระนักเรียนบาลีที่ท่านส่งไปเรียนที่นครปฐม "พวกมหาไบท์จะกลับวัดกันแล้ว ไม่เรียนต่อแล้ว มีใครบ้างนะ ? มหาไบท์ มหาเสริฐ มหาโตโต้ มหาหมึก ส่วนมหากว้างกลับไปบ้านที่หนองบัว ประเทศพม่าโน่น"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ใครมาแถวบ้านเติมบุญก็ใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่รู้ว่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เมื่อไร ? เพราะว่าสี่รายล่าสุดที่มีข่าวเมื่อวานซืน อยู่ข้าง ๆ บ้านนี่หมดเลย..! อาตมาอุตส่าห์ลุ้นว่าให้มีที่อื่นบ้าง แต่ก็ไม่มีเลย สรุปว่ารายที่ ๑ ก็เสาธงหิน รายที่ ๒ ก็เสาธงหิน รายที่ ๓ ก็เสาธงหิน รายที่ ๔ ก็เสาธงหิน ทั้ง ๆ ที่ตลาดเสาธงหินนี้เคยโดนปิดไปทีหนึ่งแล้ว เพราะว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แสดงว่าเอาไม่อยู่
เรื่องของเชื้อโรคต้องบอกว่าประมาทไม่ได้ ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือบราซิล ตอนนี้ตายมากที่สุด ในแต่ละวันตายกัน ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ศพ ดูอย่างเม็กซิโก ยอดติดเชื้อตูมเดียวขึ้นมาเป็นแสนเลย อินเดียวันหนึ่งตรวจเจอผู้ติดเชื้อเจ็ดหมื่นกว่าราย ก็ต้องบอกว่าบ้านเราที่อยู่ในระดับวันหนึ่งแค่หลักร้อยบ้าง หลักสิบบ้าง ต้องถือว่าน้อย แต่ถ้ามีความประมาทก็อาจจะทำให้เกิดพวกคลัสเตอร์ขึ้นมาอีก คลัสเตอร์แต่ละที่ส่วนใหญ่คือปิดไม่อยู่แล้ว ผู้ติดเชื้อออกอาการจนกระทั่งรักษาเองไม่ไหวแล้วจึงไปหาหมอ กว่าจะถึงระดับที่รักษาเองไม่ไหวแล้ว ก็อาจจะแพร่เชื้อไปให้คนอื่นเป็นจำนวนมากแล้ว ใน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องบอกว่าแล้วแต่เวรแต่กรรม ก็คือดูแลรักษาตัวเองกันไปก่อนนะ" |
"ประเทศเดียวที่เร่งฉีดวัคซีนแล้วได้ผลก็คืออิสราเอล เพราะว่าสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคลงได้ เนื่องจากเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว ถ้าให้อาตมาวิเคราะห์ง่าย ๆ ก็คือ อิสราเอลเป็นทหารทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ได้รับการฝึกหนักในระดับที่แกร่งมาก ในเมื่อฉีดวัคซีนก็เลยเกิดภูมิต้านทานเร็ว ทำให้สามารถระงับยั้บยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ลงได้ ส่วนประเทศอื่นก็แล้วแต่เวรแต่กรรมกันอยู่เหมือนเดิม
โดยเฉพาะทางด้านฝรั่งเศสและเยอรมันนี เจอการแพร่ระบาดรอบสามไปแล้ว และเป็นการแพร่ระบาดที่มีทีท่าว่าเอาไม่อยู่ด้วย เพราะส่วนใหญ่แล้วคนยุโรปและอเมริกาจะเคยชินกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล กระทั่งการให้ความร่วมมือกับราชการเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดก็ไม่ทำ จนอาตมาบอกว่า "เขามีสิทธิ์ที่จะตาย โปรดอย่าได้ห้าม...!" แล้วไม่น่าเชื่อว่าจนบัดนี้ บรรดาฝรั่งที่เราเคยเข้าใจว่าเป็นผู้เจริญ เป็นผู้เฉลียวฉลาด ก็ยังมีจำนวนมากที่คิดว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสครั้งนี้เป็นแค่ข่าวปลอม ในเมื่อเป็นถึงขนาดนี้ ภาษาอีสานเพิ่นว่า "เมิ้ดคำสิเว่า" ก็คงต้องปล่อยวาง แล้วแต่ดวงใครจะซวย..!" |
ถาม : หนูค้นพบว่าหนูชอบนอนภาวนามาก ใจเบาสบายยิ่งตอนลืมตาตื่นแล้วภาวนาต่อสักพักก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอน เวลานอนหนูภาวนาจนหลับลึกมาก แต่ตื่นมาแล้วก็ยังรู้สึกร่างกายไม่มีแรง แต่กลับเหมือนมีแรงดึงดูดให้สะลึมสะลือตลอดเวลา กินกาแฟยังง่วงเลยค่ะ หนูอยากทราบว่า หนูทำสมาธิผิดวิธีตรงไหนคะ ? ทำไมใจเบาสบายแต่ร่างกายง่วงและอ่อนเพลียตลอดเวลาคะ ?
ตอบ : เกิดจากความที่ชอบมาก จึงทำบ่อย ๆ จนกำลังใจมีความชำนาญในการทรงสมาธิระดับนั้น ซึ่งอยู่ในระดับปฐมฌานหยาบ ที่ปกติจะต้องตัดหลับไปเลย แต่เป็นเวลาที่เราต้องตื่นไปทำงานพอดี ในเมื่อกำลังใจทรงอยู่ในระดับนั้นก็แทบจะหลับตาเดิน..! |
ถาม : หนูแยกวิธีปฏิบัติได้สามแบบค่ะ แบบแรกคือ หนูนั่งสมาธิไม่ได้ จะอึดอัด กระสับกระส่าย ใจร้อนรน ถ้าไหว้พระสวดมนต์ หนูจะสวดพระคาถาเงินล้าน แต่ต้องสวดเร็ว ๆ ถึงจะจับลมหายใจได้ไม่สะดุด
แบบที่สองคือ ในระหว่างวันที่ใช้ชีวิตปกติทั่วไป ทำงานบ้าน เดินไปตลาด หนูจะเผลอภาวนาในใจว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ บางทีก็แล้วแต่จิตจะเปลี่ยนคำภาวนาเอง ช่วงนี้อยู่ ๆ หนูก็สวดบท "ปะโตเมตัง ปะระชีวะนัง สุคะโตจุตติ จิตตะ เมตะ นิพพานัง สุคะโต จุตติ" เหมือนเวลาไม่มีสติจะหลุดภาวนาไปเอง บางครั้งถึงกับพูดออกเสียงมาเลย จนคนข้าง ๆ ก็มองค่ะ แบบที่สามคือ นอนภาวนาหนูจะจับลมหายใจช้า ๆ หายใจเข้าภาวนาว่า พุท หายใจออกภาวนาว่า โธ หนูเคยพยายามเปลี่ยนมาภาวนาคาถาเงินล้าน และ นะ มะ พะ ธะ แต่อึดอัดทำลมหายใจสะดุดหมดเลยค่ะ ทั้งสามแบบหนูทำโดยไม่ฝืน ใจเบาสบาย หนูควรจะปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามจิตใจและความรู้สึกพาไปแบบนี้ คือไม่มีแบบแผน หรือหนูควรบังคับใจสวดมนต์ นั่งสมาธิจับลมหายใจ เดินจงกรม ตามกำหนดเวลาแบบที่ครูบาอาจารย์ปฏิบัติกันคะ ? ตอบ : การปฏิบัติธรรมต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าทำเพื่ออะไร ไม่ใช่ปล่อยเป็นปลาตายลอยน้ำแบบนี้ เรื่องของจิตถ้าไม่บังคับก็เหมือนลิง กระโดดไปทางนั้นทางนี้ไม่มีหยุด แค่จะภาวนาแบบหนึ่งให้ได้ผลไปเลยก็ทำไม่ได้แล้ว ต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วผ่อนสั้นผ่อนยาว จนกว่าจะบังคับได้อย่างที่เราต้องการ |
ถาม : มีอยู่ช่วงหนึ่งที่อยู่ ๆ จิตหนูภาวนา นะ มะ พะ ธะ จับลมหายใจตอนหลับเอง แล้วหนูรู้สึกว่าหนูหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้นประมาณ ๓ วินาที เหมือนถูกขังอยู่ในที่แคบเท่าร่างกาย อยากจะดิ้นรนออกไปสูดอากาศหายใจ ตอนนั้นตกใจ กลัวแต่พยายามตั้งสติคิดว่า เราไม่ได้ถูกขังจริง ๆ ใจหนูก็ภาวนา พุทโธ สลับกับสมองคิดว่าตายก็ตายขอไปนิพพาน ไม่ได้อยากไปด้วยใจ สักพักหนึ่งก็หายใจได้ หนูเหมือนคนจมน้ำที่โผล่มาหายใจเลยค่ะ เวลาตอนที่หยุดหายใจเหมือนยาวนานมาก หนูกลัวเลยภาวนา พอมีสติก็คิดตัดร่างกาย สลับไปมาด้วยความลนลานค่ะ
หนูคิดว่าหนูมีปัญหาสุขภาพเรื่องการหายใจ เพียงแต่ครั้งนี้หนูจับลมหายใจภาวนา นะ มะ พะ ธะ ขึ้นมาเอง และหยุดหายใจนานกว่าครั้งอื่น ปกติหนูภาวนา พุทโธ ก็หยุดหายใจแค่ ๑ วินาทีค่ะ ที่คำภาวนาเปลี่ยนเอง มีผลอะไรไหมคะ ? แล้วหนูควรภาวนา นะ มะ พะ ธะ หรือ พุทโธ ตอนหยุดหายใจคะ ? ตอบ : เป็นแค่อาการปกติของสมาธิที่ทรงตัวมากขึ้น ลมหายใจจะเบาลงหรือว่าหายไป ถ้าเราแค่กำหนดสติรับรู้ไว้เฉย ๆ ไม่กลัว ไม่ตกใจ สมาธิจะทรงตัวแนบแน่นไปกว่านี้อีก แสดงว่ากำลังใจเพียงพอที่จะทรงสมาธิระดับสูงแล้ว เพียงแต่ไม่เข้าใจวิธีในการทำเท่านั้น |
ถาม : หนูไม่เข้าใจเรื่องที่บอกว่า ให้ตามดูอารมณ์ตัวเอง คือตามดูไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่ต้องไประงับใช่ไหมคะ ? จะมากขึ้นหรือน้อยลงก็แค่ดู พอหนูปล่อยให้ถึงจุดที่เต็มที่ถึงที่สุดแล้ว หนูจะมาคิดว่าทั้งหมดไม่มีอะไรเลย แค่เรายึดตัวตนเราไว้ หนูดูตัวเองจนพอเข้าใจว่า หนูต้องเกิดอารมณ์นั้น ๆ ให้สุดก่อน ใจหนูถึงจะปล่อยวางตัวตนได้ แต่การที่ปล่อยให้ระเบิดสุด ก็จะไปสร้างกรรมกับคนรอบข้างขึ้นมาอีก เวลาโกรธหนูเคยลองภาวนา ก็พอผ่านเหตุการณ์นั้นได้ แต่ใจหนูจะไปไม่ถึงจุดที่ปล่อยวางตัวตน ควรทำแบบไหนคะ ?
ตอบ : เวลาขับรถถ้าจะตกเหว อันดับแรกก็คือเหยียบเบรก อันดับที่สอง พยายามหันหัวรถออกไปทางอื่น เวลาอารมณ์ไม่ดีเกิดขึ้น อันดับแรกต้องหยุดให้ได้ก่อน ไม่ใช่ไปปล่อยให้ระเบิด อันดับต่อไปคือ พยายามเปลี่ยนจากอารมณ์ร้ายมาเป็นอารมณ์ดี ก็คือดึงมาภาวนาให้ได้ การตามดูอารมณ์ตัวเองนั้น ถ้าอารมณ์ร้ายเกิดขึ้น ก็ไล่ออกไป ระวังไว้อย่าให้เข้ามาได้อีก ถ้าอารมณ์ดีเกิดขึ้นก็รักษาเอาไว้ แล้วทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เขาดูและทำกันแบบนี้ |
ถาม : เวลาเกิดความรู้สึกต่าง ๆ จนถึงที่สุดหนูจะหาจุดคิดย้อนเข้ามา สุดท้ายจะมาหยุดที่เพราะมีเรามีตัวเรา แต่เรื่องกามราคะ พอหนูย้อนมาถึงตัวหนูแล้ว หนูกลับย้อนไปต่ออีกว่า เพราะพ่อแม่มีตัณหาราคะ จึงเกิดกาม เมื่อเกิดกามจึงเกิดหนูขึ้นมาวนเป็นวงกลม หนูใช้ปัญญาไปต่อไม่ได้ค่ะ หยุดอยู่ตรงพ่อแม่มีกามราคะ รู้สึกผิดด้วย หนูต้องทำอย่างไรต่อคะ ?
ตอบ : เลิกคิดโทษคนอื่น ให้กล่าวโทษโจทย์ตัวเองว่าเสือกโง่ที่เกิดมา..! |
ถาม : หนูมีต้นโมกสูงประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง ใส่กระถางตั้งไว้ภายในตัวบ้านไว้กรวดน้ำ เวลาสวดมนต์หนูจะอุทิศบุญให้รุกขเทวดาที่ต้นโมกด้วย หนูสังเกตว่าผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ ต้นโมกก็จะแตกใบอ่อน หลังจากนั้นไม่เกินห้าวันจะยืนต้นตาย เป็นแบบนี้มาสามต้นแล้วค่ะ หนูสงสัยว่าเป็นที่หนูกรวดน้ำหรือเปล่าคะ เพราะหนูมีต้นโมกเล็กกว่านี้อยู่ในบ้านก็แค่แห้ง แต่ไม่มียืนต้นตาย แล้วรุกขเทวดาเขาได้รับบุญแล้วทำไมไม่ช่วยดูแลต้นไม้ให้งอกงามคะ วิมานเขาจะได้อยู่ดีด้วย ?
ตอบ : ได้บุญมากพอก็ไปรีบเกิดในภพภูมิที่ดีกว่า ใครจะมาโง่แปะอยู่กับต้นไม้วะ ? |
ถาม : ระหว่างคิดว่าชีวิตเป็นทุกข์ คิดแค่อยากพ้นทุกข์ กับคิดว่านิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง อยากไปนิพพาน เหมือนกันไหมคะ ? ตอนนี้ใจหนูรู้ว่าการเกิดเป็นทุกข์ การมีร่างกายเป็นทุกข์ อยากหลุดพ้นจากร่างนี้ ไม่อยากไปเกิดร่างใหม่แม้สวรรค์หรือพรหม แต่หนูก็รู้สึกเฉยกับนิพพานเหมือนกัน ใจไม่ได้คิดหรือรู้สึกอยากจะไปนิพพาน แต่ชอบความรู้สึกของนิพพาน หนูควรจะแก้ความคิดตรงไหนให้ถูกต้องคะ ?
ตอบ : คิดอยากพ้นทุกข์ เป็นสัมมาทิฏฐิ คิดถึงพระนิพพานเป็นอุปสมานุสติ อย่างแรกเป็นปัญญามองเห็นทางไป อย่างหลังเป็นวิธีในการไป จะคิดก็คิดตัดสินใจให้จบว่าจะเอาอย่างไร จะทำก็ทำไปให้จบจะได้พ้นทุกข์ |
ถาม : หนูมีคนรู้จักทำงานช่วยเหลือคนเจ็บจากอุบัติเหตุ คนป่วย คนตายที่ยากจน รายได้ได้มาจากชีวิตคนและก็ไม่ได้มาก บางครั้งพวกเขาก็ไม่มีเงินให้ เรายังต้องเสียเงินให้อีก การที่เราทำงานแบบนี้เราควรบูชาท่านใด หรือมีวิธีใดให้หน้าที่การงานเจริญ มีเงินทองคล่องตัวบ้างไหมคะ ทำอาชีพนี้มองไม่เห็นทางจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเลยค่ะ ทั้งสงสารพวกเขาและสงสารตัวเอง ?
ตอบ : ปกติก็เห็นบูชาท่านไต้ฮงกง เราก็เพิ่มให้เขาภาวนาพระคาถาเงินล้านแบบจริง ๆ จัง ๆ เท่านั้น กำลังใจพระโพธิสัตว์แบบนี้ไม่ต้องไปสงสารเขาหรอก สงสารตัวเองดีกว่าว่าเมื่อไรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบพวกเขาบ้าง |
ถาม : หนูนอนภาวนาแล้วชอบฝันว่าไปโลกของวิญญาณบ่อยมาก เหมือนตัวมีแรงโน้มถ่วง เดินก้าวขาไม่ค่อยออก แต่พวกวิญญาณเขาไปได้เร็วมาก หนูสงสัยว่าหนูไปได้อย่างไร ? ไปเพื่ออะไร ? เป็นการทดสอบเรื่องอะไรคะ ? บางครั้งตอนฝันคือรับรู้ทุกอย่าง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่พอตื่นขึ้นมาความรู้สึกบางอย่างฝังอยู่ในใจลึกมากค่ะ เช่น ความรัก แต่บางครั้งคือในฝันโดนมีดแทง เจ็บเข้ากระดูกตั้งแต่ในฝันจนตื่นมาความเจ็บก็ยังอยู่ หนูคิดว่าอีกทางหนึ่งที่จะดูความก้าวหน้าในการปฏิบัติ คือมีวิญญาณมาทดสอบเราใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เป็นลักษณะของอตีตังสญาณ ระลึกอดีตได้ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ในความฝันหรือความจริง ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมา ใจเราต้องเกาะความดีได้ |
ถาม : ถ้าหนูชอบภาวนา พุท โธ แบบนี้คือ หนูเป็นสุกขวิปัสสโกแน่แล้วใช่ไหมคะ ? หนูควรจะทิ้งคำภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไปเลย หรือควรภาวนาควบคู่กันไป แบบไหนจะก้าวหน้าเร็วกว่าคะ ?
ตอบ : ทำแบบไหนแล้วใจสงบก็ให้ทำแบบนั้นไป ถ้าพื้นฐานเดิมเป็นอภิญญา ภาวนาอะไรถ้าใจสงบได้ที่ก็เป็นอภิญญาได้ทั้งนั้น |
ถาม : หนูนอนภาวนาพุทโธจนหลับ ในฝันหนูเดินไปเจอคนหนึ่ง ซึ่งในชีวิตจริงเขาเป็นคนปฏิบัติธรรมมีชื่อเสียง มีญาณเห็นผีได้ แต่หนูไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เขาแค่บอกให้หนูนั่งสมาธิตรงนี้ ปกติหนูนั่งสมาธิแล้วใจไม่สงบเท่ากับนอนภาวนา หนูนั่งสมาธิตามที่คนนั้นบอก โดยไม่ได้คิดอะไร ก็รู้สึกเข้าสมาธิได้ทันที หนูไม่เคยเกิดแบบนี้มาก่อน
ปกติที่เคยภาวนาจะรู้สึกร่างกายขยับตัวไม่ได้ เหมือนมีอะไรดูดทำให้หนูฝืนร่างกาย แต่ครั้งนี้ในฝัน หนูรู้สึกว่าร่างในฝันไม่มีผลกับร่างกายจริง ตัวหนูในฝันความรู้สึกคล้ายถ้วยน้ำแข็งที่เวลาไปแช่น้ำในถัง แล้วน้ำแข็งก้อนหลุดออกมาทั้งก้อน ไม่ได้ติดแน่นกับถ้วย แต่ยังอยู่ในถ้วยอยู่ หนูรู้สึกว่าสมาธิยังดิ่งลงไปได้ลึกกว่านี้ แต่หนูบอกกับเขาว่าพอแล้ว แค่นี้ก็พอ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกให้ลองไปต่อได้อีก เหมือนก้อนน้ำแข็งค่อย ๆ เริ่มลอยขึ้นออกมาจากถ้วย ใกล้จะหลุดออกจากถ้วยทั้งหมด แต่หนูหยุดก่อน พอตื่นหนูจำรายละเอียดกับความรู้สึกได้คร่าว ๆ แต่สมองได้จดจำว่าเป็นสิ่งดีที่สุดของการปฏิบัติธรรมในชีวิตเลยค่ะ หนูอยากทราบว่าอาการนี้คืออะไร หนูอยากทำได้อีก แต่ไม่รู้ว่าหนูทำได้อย่างไรคะ ? ตอบ : คือฝัน ถ้าอยากก็ไม่มีวันได้อีก..! ถาม : คนที่บอกให้หนูนั่งสมาธิ ในชีวิตจริงไม่เคยเจอกันเลย การที่หนูฝันว่าเขามาบอกให้นั่งสมาธิ ชีวิตจริงเขาจะรู้เรื่องกับหนูด้วยไหมคะ ? ตอบ : ต้องไปถามเขาเอง ถาม : หนูยังไม่ได้คิดตัดร่างกาย นั่งลงก็เป็นสมาธิทันที ในฝันหนูถึงหยุดไม่ไปต่อ เพราะหนูกลัวทำผิดวิธี และคนที่บอกให้นั่งสมาธิ ในชีวิตจริงหนูก็ไม่ถูกจริตกับคำสอนเขาบางส่วน หนูสับสนมาก ถ้าเขาดีจริงหนูจะกลายเป็นปรามาสพระอริยบุคคล แต่หนูก็รู้สึกว่าในเมื่อไม่ได้ร่วมบุญเป็นบริวารสายเดียวกันมา เขาจะมามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของหนูทำไม แบบนี้ใช่มารมาดลใจให้หนูเดินผิดทางหรือเปล่าคะ ? ตอบ : อย่ายึดตัวบุคคล ให้ยึดวิธีการปฏิบัติ |
ถาม : การทำความดีที่ไม่ต้องฝืน มีไหมคะ ?
ตอบ : มีมากด้วย |
ถาม : พระพุทธรูปที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน ผ่านพิธีพุทธาภิเษกที่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จมาเสก พระพุทธรูป พระเครื่อง วัตถุมงคล ทั้งที่นำเข้าพิธีโดยตรง ทั้งที่ติดตัวผู้เข้าร่วมพิธี อย่างนี้จะถือว่าพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว คือ พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้ ถาม : พระคาถาป้องกันโรคระบาด ๒ พระคาถา คือ "ทุกขา ทุกขัง ปะติฎฐิตัง สัมปะฏิจฉามิ" กับ "สัพพะโรคา วินาสสันติ โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เม" มีผลต่างกันอย่างไรบ้างครับ ? ตอบ : อย่างหลังป้องกันโรคและให้ลาภด้วย |
ถาม : วัตถุมงคลที่เข้าพิธีพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์สงเคราะห์ สามารถภาวนาร่วมกับ พระคาถา "สัพพะโรคา วินาสสันติ โสตถิ ลาภัง ภวันตุ เม" ได้ผลแบบเดียวกับการภาวนาร่วมกับวัตถุมงคลที่เข้าพิธีที่วัดพุทธพรหมยานใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ให้ไปถามที่วัดพุทธพรหมยาน ถาม : การสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๓ จบ ถวายสมเด็จองค์ปฐม หากไม่มีพระเครื่องสมเด็จองค์ปฐม จะได้ผลเช่นเดียวกับการภาวนาโดยมีพระเครื่องสมเด็จองค์ปฐมหรือไม่ครับ ? ตอบ : ถ้านึกถึงพระองค์ได้ ก็มีผลเช่นเดียวกัน ถาม : คนสายอื่นที่ไม่รู้จักสมเด็จองค์ปฐม แต่สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๓ จบขึ้นไปทุกวัน จะมีผลเหมือนคนที่รู้จักสมเด็จองค์ปฐมเจตนาสวดถวายหรือไม่ครับ ? ตอบ : ไม่ได้นึกถึงก็ไม่เหมือนกัน ถาม : สมมติภาวนาถึงคำว่า "สุคะโต" ปรากฏว่า "สุ" กับ "โต" มั่นใจแต่ "คะ" ไม่แน่ใจว่าเผลอข้ามหรือไม่ ควรเริ่มสวดตรงคำว่า "คะ" เพื่อความมั่นใจอีกที หรือ สวดตั้งแต่คำว่า "สุ" ใหม่ครับ ? ตอบ : ควรเริ่มใหม่ตั้งแต่ อิติปิ โส ฯ ทั้งบทเลยจะได้เข็ด..! |
ถาม : ถ้าติดผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามไว้ประจำที่บังแดดรถยนต์ จำเป็นที่คนขับต้องอาราธนาเองถึงจะมีผลหรือไม่ ? หากคนที่นั่งไปด้วยหรือไม่ได้นั่งไปเป็นคนอาราธนา จะมีผลคุ้มครองรถยนต์รวมถึงทุกคนในรถยนต์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : คนที่อยู่บ้านกินอาหาร เราที่อยู่ในร้านอาหารจะอิ่มไปด้วยหรือไม่ ? ถาม : ผมอาราธนาพระขุนแผน ตะกรุดทองคำ วัดท่าขนุนติดตัว ปรากฏว่าเวลาต้องเจรจาธุระกลับยิ้มออกมาเอง ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องดี หรืออารมณ์ดีพิเศษใด ๆ ก่อนหน้าที่จะเจรจา ผมสงสัยว่า วัตถุมงคลที่มีอานุภาพเมตตาทั้งหลาย ท่านจะสงเคราะห์ให้ผู้อาราธนาติดตัวเกิดความเมตตาในตัวเอง เมื่อแสดงความเมตตาออกไป ผู้อื่นรับรู้ความเมตตานั้นจึงได้รับความเมตตากลับมา ทำนองเดียวกับ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบใช่หรือไม่ครับ ? ตอบ : ใช่แค่บางส่วน ถาม : ตะกรุดเนื้อตะกั่วไม่ทราบว่าถูกอะไรทับทำให้ปลายแบน ผมไปบีบด้านข้างให้หายแบนกลับไปมีรูปร่างคล้าย ๆ เดิม แบบนี้ตะกรุดจะเสื่อมอานุภาพหรือไม่ครับ ? ตอบ : ถ้าไม่ได้คลี่ออกมาก็ไม่เป็นไร |
ถาม : ถ้าเราร่วมซ่อมแซมบูรณะโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ที่ทรุดโทรมมากน้อยแล้วแต่ แต่ทางวัดนั้นเห็นควรบูรณะ จะได้อานิสงส์เท่ากับสร้างใหม่ทั้งหลังหรือไม่ครับ ?
ตอบ : นอกจากได้อานิสงส์วิหารทานเหมือนสร้างใหม่แล้ว ยังได้อานิสงส์ความงามเพิ่มขึ้นมาด้วย |
ถาม : มีสูตรยาสมุนไพรที่แก้โรคลมพิษบ้างไหมครับ ?
ตอบ : ใบพลูตำละเอียดผสมเหล้าขาวแล้วทาให้ทั่ว |
ถาม : ลูกขอสูตรยาหรืออาหารที่ช่วยลดอารมณ์ทางเพศในผู้หญิงหน่อยเจ้าค่ะ ลูกดื่มน้ำมะตูม งดอาหารเย็น และออกกำลังกายแล้วไม่ดีขึ้น รู้สึกว่าอารมณ์กามราคะกวนใจลูกในการปฏิบัติธรรมเจ้าค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องยุ่งกับอาหาร แค่เลิกคิดก็จบแล้ว..! ถาม : หากดื่มเครื่องดื่มมอลต์ คล้ายเบียร์แต่สกัดแอลกอฮอล์ออกไป เหลือแอลกอฮอล์ศูนย์เปอร์เซ็นต์ จะผิดศีลข้อห้าหรือไม่เจ้าคะ ? ตอบ : ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่มีแอลกอฮอล์ มีอะไรเหลวไหลไปกว่านี้ไหม ? ถ้าไม่มีก็ไม่ผิด แต่จะทำให้ผิดขึ้นมาจนได้ในวันใดวันหนึ่ง ถ้าเผลอไปดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้า |
ถาม : ตามข่าวที่ได้พบเห็นมา บางทีก็มีกรณีที่เป็นเรื่องของการใช้คนรอบข้างให้เข้าไปตีสนิทกับเป้าหมาย โดยทำทีเป็นหวังดีต่าง ๆ แต่แท้จริงแล้วก็คือ ต้องการหาทางทำร้ายเป้าหมายอย่างแนบเนียนนั่นเอง
ถ้าไส้ศึกนั้นถูกใช้มาโดยผู้มีอิทธิพลหนุนหลังด้วย การกระทำนั้นก็จะยิ่งแนบเนียนและแยบยลมากยิ่งขึ้น แม้แต่คนในวัดก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเจอกับเรื่องแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้ทำไมถึงอันตรายได้ถึงขนาดนี้ อยากทราบว่า เราต้องทำบุญแบบไหน ถึงจะป้องกันไส้ศึกประเภทนี้ได้ ในระหว่างที่เรายังไม่สามารถเข้าพระนิพพานได้ครับ ? ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญา |
ถาม : คาถามหาลาภ
นะมามีมา มะหาลาภา อิติพุทธัสสะ สุวัณณังวา ระชะตังวา มะณีวา ธะนังวา พีชังวา อัตถังวา ปัตถังวา เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง คาถานี้มีอานุภาพเหมือนกับพระคาถาเงินล้านไหมครับ ? ตอบ : ไม่เหมือน |
ถาม : ครอบครัวผมชอบทำบุญแบบเกินตัว เช่น มีเงินติดตัว ๑,๐๐๐ บาท ก็จะทำบุญถวายทั้งหมดเลย ๑,๐๐๐ บาท จนทำให้ตนเองลำบากในการเป็นอยู่ใช้ชีวิต เพราะครอบครัวไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย ผมจึงมักจะห้ามและบอกให้แบ่งทำบุญแค่บางส่วน อีกส่วนที่เหลือก็เก็บไว้กินไว้ใช้ แต่ก็มักจะเกิดการขัดใจทะเลาะกันเสมอ ผมทำแบบนี้ถือว่าผมทำถูกหรือผิดครับ และควรทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ทำถูกแต่ผิด เพราะว่ากำลังใจและปัญญาคนไม่เท่ากัน ก็เหลือแค่ปล่อยวางแล้วทนเอา..! |
ถาม : ผมสามารถใช้กัญชาช่วยในการทำสมาธิได้ไหม ? ถ้าทำได้จะมีผลมากน้อยแค่ไหนครับ ?
ตอบ : ต้องลองใช้ดูถึงจะรู้ ถ้ามากเกินไปก็อาจจะเพี้ยนไปเลย..! |
ถาม : คุณพ่อเป็นคนขี้โมโห ทั้งที่ปฏิบัติธรรมแต่คงหนักไปทางสมถะ หนูเป็นลูกจะไปบอกพ่อก็เป็นเรื่องมิบังควร จะเป็นการสอนผู้ใหญ่เอา พ่อขี้โมโหจนเป็นโรคหัวใจต้องผ่าตัด หลังผ่าตัดเคยพาไปหาหลวงปู่บุญส่ง ท่านก็เทศน์ว่าที่พ่อเป็นแบบนี้เพราะอารมณ์ร้อนแต่เล็ก ตอนเด็กร่างกายยังรับไหว แต่นานไปร่างกายรับไม่ไหว เลยสะเทือนเป็นโรคหัวใจ ความดันสูงแบบที่เป็นอยู่ แต่พ่อกลับไม่ได้ยินที่ท่านเทศน์เลย ทั้งที่เจาะจงมาที่พ่อ ประกอบกับพ่อไม่ใช่คนยอมรับว่าตัวเองขี้โมโห พยายามจะแซวเพื่อเตือนพ่อก็เห็นว่าจะไม่ค่อยเป็นผล
บางทีหนูก็ว่าตัวเองคิดมากไป ควรจะปล่อยวาง เพราะพ่อก็มีกรรมเป็นของตัวเอง ขนาดตัวเองเรายังเอาไม่รอดเลยบางที ส่วนหน้าที่ลูก เราเป็นลูกปฏิบัติความดีไปอย่างไรก็ถึงพ่อ แต่ก็อดคิดไม่ได้ที่จะปล่อยให้พ่อเป็นแบบนี้ จู่ ๆ วันหนึ่งถ้าหากพ่ออารมณ์เสียตายขึ้นไป โดยที่หนูไม่พยายามอะไรเลย หนูก็คงมาเสียใจภายหลัง จึงอยากขอคำแนะนำจากหลวงพ่อว่าหนูควรวางอารมณ์อย่างไรและจะช่วยพ่อได้อย่างไรบ้างเจ้าคะ ? ตอบ : กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ช่วยไม่ไหวก็ต้องปล่อยวาง |
ถาม : เราจำเป็นต้องแก้บนหรือไม่คะ หากเราได้ในสิ่งที่ขอไว้ แต่ได้ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่เรากำหนดตอนที่เราได้บนบานเอาไว้ ?
ตอบ : ไม่มั่นใจก็ไปแก้ ถ้ามั่นใจว่าเราไม่ผิดสัญญาก็ไม่ต้อง |
ถาม : ถ้าต้องการที่จะถวายของหอมกับพระพุทธรูปที่บ้านทุกวัน จะสามารถทำแบบไหนได้บ้างครับ ?
ตอบ : สรง พรม เช็ด |
ถาม : การสรงน้ำพระพุทธรูป จะมีอานิสงส์เป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นของหอมก็มีเกียรติคุณขจรขจาย ถ้าเป็นน้ำเปล่าก็ร่มเย็นเป็นสุข |
ถาม : สมมติว่ามีคนทำสมาธิถึงระดับฌานได้ เมื่อออกจากฌานลงมาถึงระดับที่คิดได้แล้วอุทิศส่วนกุศลทันที กับยังไม่อุทิศทันที ไปทำธุระจนจิตกลับสู่ความวุ่นวายเหมือนปุถุชนทั่วไปแล้วอุทิศส่วนกุศลโดยเจตนาอุทิศจากครั้งที่สามารถเข้าฌานได้ ท่านที่โมทนาบุญจากทั้งสองกรณีจะได้รับผลต่างกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อานิสงส์เท่ากัน แต่การอุทิศช้าทำให้หลายท่านไม่ได้รับ ถาม : มีพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งเทศน์ว่า พ่อของบ้านหนึ่งตายไป แล้วไปเกิดเป็นคนที่จังหวัดอื่น แต่ไม่สามารถจำชาติก่อนของตนได้ ต่อมาได้กลับมาพบครอบครัวเก่า ได้ช่วยงานครอบครัวนี้ตอนทำสังฆทานอุทิศประจำปีไปให้บรรพบุรุษแล้ว รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจตลอดวันตลอดคืนที่ทำบุญ ไม่ต้องรับประทานอาหาร ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดตามหลักดูเหมือนว่าถ้าเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้จะไม่ได้รับ ทำไมกรณีถึงเหมือนได้รับครับ ? ตอบ : นี่เป็นแค่ผลข้างเคียงเท่านั้น ประกอบกับจิตอยู่ในช่วงที่เปิดรับพอดี ถ้าเป็นผลที่ได้รับโดยตรงจะต้องอิ่มตลอดไป |
ถาม : ที่ผมได้อ่านในเรื่อง อัศจรรย์โลกใบนี้ ที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ไปห่มผ้าพระเจดีย์ ๙ องค์ เพื่อแก้กรรมเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ไม่ทราบว่าสามารถทำแบบเดียวกันได้ทุกคนหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ลองไปทำดู ถ้าได้ผลโปรดช่วยบอกต่อด้วย อาตมาจะได้รีบไปทำบ้าง..! |
ถาม : ในบทสวดสัมพุทเธ ที่กล่าวถึงจำนวนพระพุทธเจ้าในอดีตที่ตรัสรู้ไปแล้ว ทำไมพระพุทธเจ้าแบบวิริยาธิกะถึงมีจำนวนมากที่สุด ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาสร้างบารมียาวนานที่สุด แต่พระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะถึงมีจำนวนน้อยที่สุด ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาสร้างบารมีสั้นที่สุดครับ ?
ตอบ : เพราะว่าผู้ที่มากด้วยปัญญามีน้อยกว่าผู้ที่มากด้วยศรัทธาและวิริยะ ถาม : ในช่วง ๔ อสงไขยล่าสุดที่ผ่านมา ทำไมจึงมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียง ๒๘ พระองค์ ถ้าหากว่าย้อนกลับไปดูพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์แรกของภัทรกัปนี้ ท่านสร้างบารมีในช่วงปรมัตถบารมี ใช้เวลา ๘ อสงไขย และในช่วงนี้ท่านได้พบเจอกับพระพุทธเจ้าในอดีตมากถึง ๓๗,๐๐๐ กว่าพระองค์ ถ้าหากแบ่งช่วง ๘ อสงไขยล่าสุดเป็น ๒ ช่วง ช่วงละ ๔ อสงไขย ก็จะพบว่าช่วง ๔ อสงไขยแรกมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๓๗,๐๐๐ กว่าพระองค์ และในช่วง ๔ อสงไขยหลังมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง ๒๘ พระองค์ ทำไมจึงต่างกันมากขนาดนี้ครับ ? ตอบ : ๘ อสงไขยกัปเป็นช่วงท้ายของการสร้างบารมี คุณไม่ได้นับช่วงต้นและช่วงกลางเข้าไปด้วย ถาม : ในยุคปัจจุบันนี้เป็นภัทรกัป และในกัปถัดไปก็จะเป็นภัทรกัป ทำให้ ๒ กัปติดกันมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้มากถึง ๑๐ พระองค์ แล้วในอนาคตจากนี้ไปจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ติด ๆ กันคราวละมาก ๆ แบบนี้อีกไหมครับ ? ตอบ : ถ้าวาระครบถ้วนก็ต้องมีจนได้ จะรอดูไหม ? |
ถาม : การสร้างบารมีแบบปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ หลวงพ่อเคยกล่าวว่า ถ้าชอบตะเกียกตะกายด้วยตัวเอง ก็ต้องไปทางวิริยาธิกะ แล้วอีก ๒ แบบที่เหลือ มีจริตนิสัยเป็นอย่างไรครับ
ตอบ : มากด้วยศรัทธาและมากด้วยปัญญา ถาม : การสร้างบารมีของพระอัครสาวกกับพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งใช้ระยะเวลา ๒ อสงไขยเท่ากัน แต่ท่านบำเพ็ญบารมี ยาก ง่าย ต่างกันอย่างไร ผลลัพธ์จึงต่างกันครับ ? ตอบ : ฝ่ายที่อยากรู้ครบก็ต้องเรียนมากกว่า ทำให้เหนื่อยมากกว่า |
ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้าจำเป็นจะต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านฤทธิ์และปัญญาทั้งคู่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : อยากรู้ครบก็ต้องทำจนมีครบ ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์จำเป็นต้องเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณทุกพระองค์หรือไม่ครับ ? ตอบ : ไม่จำเป็น แต่ต้องเป็นอภิญญาเป็นอย่างน้อย ถาม : หลวงพ่อเคยกล่าวว่าพระพุทธเจ้าท่านเป็นพระวิชชา ๓ ผมอยากทราบว่า เหตุใดท่านจึงไม่ใช่พระปฏิสัมภิทาญาณ ที่ครอบคลุมทั้ง วิชชา ๓ และอภิญญา ๕ ไปเลยครับ แล้วพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ จำเป็นหรือไม่ว่า ท่านต้องเป็นพระวิชชา ๓ เช่นเดียวกัน ? ตอบ : รู้ครบทุกเรื่องจำเป็นไหมว่าต้องจบหลักสูตรนั้นด้วย ? |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน ถ้าเป็นผู้หญิงก็เตรียมผ้าถุงไปบ้างนะ เพราะว่าทุกวันอาทิตย์เขามีโครงการ หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระ
ตอนช่วงนี้คนทองผาภูมิรื่นเริงกันมาก ถึงวันอาทิตย์ก็เอาผ้าสวย ๆ มาโชว์กันทีหนึ่ง" |
"สงกรานต์ปีนี้ถ้าหากว่าใครไปวัด ก็ได้สรงน้ำอาตมารูปเดียว ปีนี้ไม่ได้ให้อุ้มพระสรงน้ำ เพราะกลัวว่าจะเอาโควิด-๑๙ ไปติดพระติดเณร โดยเฉพาะเณรเล็ก ๆ ๖๐ รูป ติดเข้าสักคนก็เป็นกันหมดนั่นแหละ เพราะว่านอนอยู่อาคารเดียวกัน
อาตมางดเว้นไม่มีการบรรพชาหมู่สามเณรภาคฤดูร้อนมาหนึ่งปีเพราะว่าเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ระบาด ปีนี้ทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เอาประกาศของรัฐบาลมาแจ้งว่า ถ้าสามารถควบคุมได้ ก็อนุญาตให้ทำกิจกรรมที่มีคนมาก ๆ ได้ ทางวัดจึงจัดให้มีการบวชสามเณร ตามโครงการที่วางไว้ก็คือ ๖๖ รูป เท่าพระชนมายุของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แต่คราวนี้ด้วยความที่เด็กยังติดสอบกันอยู่ ก็เลยได้มาแค่ ๖๐ รูป ความจริงน่าจะเป็น ๖๑ รูป แต่ว่ามีอยู่รายหนึ่งที่มาไม่ทัน พรรคพวกเพื่อนฝูงกล่าวคำขอบรรพชา จนกระทั่งแต่งองค์ทรงเครื่อง รับศีลเป็นเณรกันหมดแล้วค่อยมาถึง" |
"การที่สามเณรอยู่ร่วมกันมาก ๆ ถ้าหากว่าใครเป็นหวัดเสียคนหนึ่ง ก็แทบจะเป็นกันหมด ที่วัดก็เลยต้องขอความร่วมมือทางโรงพยาบาลทองผาภูมิ ให้ส่งแพทย์พยาบาลมาประจำ ๒ คน จนกว่าจะสิ้นโครงการ แล้วก็ยังมีเจ้าหน้าที่ อสม. คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ซึ่งมีคุณสายใจ สินค้าประเสริฐ ของชุมชนวังท่าขนุนเป็นหัวหน้า อสม. ส่งเจ้าหน้าที่ อสม.มาช่วยตรวจคัดกรองอยู่ทุกวัน จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
สามเณรชุดนี้เกือบทั้งหมดเป็นนักล่ารางวัล เพราะที่วัดกำหนดเอาไว้ว่า ผู้ที่จะสึกจากสามเณรต้องอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะได้ ถ้าใครว่าได้ ครบวันสึกหาลาเพศก็รับทุนการศึกษาไปคนละสองพันบาท ถ้าใครได้ไม่ครบก็ท่องไปเรื่อย ๆ ได้ครบเมื่อไรค่อยมาลาสึก อนุญาตให้พ่อแม่ญาติพี่น้องมาเยี่ยมได้สองครั้ง คือวันที่ ๕ เมษายนครั้งหนึ่ง กับวันที่ ๑๐ เมษายนอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากว่าใครไปมากกว่านั้น จะโดนปรับตัดทุนการศึกษา ปล่อยให้พ่อแม่หาเงินค่าขนมให้ลูกเอง..!" |
"ถ้าโยมเห็นจากรูปถ่าย อาจจะคิดว่า มีการนัดแนะกันหรือเปล่า ? ไม่ว่าจะยืน จะนั่ง จะคุกเข่า จะกราบ รู้สึกพร้อมเพรียงกันเหลือเกิน นั่นเกิดจากส่วนใหญ่เคยเจอไม้เรียวพระวัดท่าขนุนมาแล้วกันทั้งนั้น ต่อให้ไม่เคยเจอก็ต้องเห็นคนอื่นโดนมาแล้ว เพราะฉะนั้น..เมื่อถึงเวลาบอกให้ทำอะไร ก็สามารถทำพร้อมกันได้...น่าชื่นใจ
สามวันผ่านไปทุกอย่างก็จะเรียบกริบ เข้าสู่ระเบียบเดียวกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เมื่อกลับบ้านไปแล้ว ทางบ้านไม่สามารถที่จะสืบต่อได้ ตอนอยู่ที่วัดสามารถกวาดวัด ถูศาลา ซักผ้าเอง ล้างจานเอง แต่พอกลับบ้านไปพ่อแม่ก็ไปทำให้อีก ก็เลยไม่รู้ว่าจะบ่นใครดี..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อากาศร้อนมาก หนาวมากผิดปกติ แต่จะว่าผิดปกติก็ไม่ได้ จริง ๆ แล้วเป็นปกติ เป็นปกติเพราะว่าธรรมชาติขาดสมดุลไปมาก จึงต้องเป็นอย่างนี้"
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:04 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.