![]() |
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒
ถาม : การอาราธนาตะกรุดมหาสะท้อน สามารถอธิษฐานขอให้ผลของมหาสะท้อนไม่บังเกิดกับคนบางคนได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ได้..ถ้าต้องการแบบนั้นมีอยู่อย่างเดียวคืออย่าไปใช้ |
ถาม : ถ้าจิตเกิดความอิจฉาริษยา จะโมทนาบุญคนอื่นได้ผลหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าไปริษยาจะเอากำลังใจที่ไหนไปโมทนา ? กำลังใจที่โมทนาบุญคนอื่นต้องประกอบไปด้วยมุทิตาจิตอย่างแรงกล้า ริษยากับมุทิตาเป็นเหรียญคนละด้านกัน จึงทำไม่ได้อยู่แล้ว |
ถาม : เรื่องอุปฆาตกรรม ถ้าช่วยชีวิตสัตว์อื่น ๆ เช่น ช้าง ไก่ งู ตัวเงินตัวทองที่เขากำลังฆ่า มีอานิสงส์เช่นเดียวกับการปล่อยปลา โค กระบือ หรือไม่ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่พวกเราเข้าใจผิด คิดว่าการปล่อยชีวิตสัตว์เป็นการตัดอุปฆาตกรรม จะเรียกว่าเป็นการเข้าใจผิดก็ไม่ได้ เป็นการเข้าใจถูกแต่ผิด การปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่าจะตัดอุปฆาตกรรมได้ต่อเมื่อมีอุปฆาตกรรมนั้นเข้ามา ถ้าคนไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามาแล้วจะเกิดผลอะไร ? การปล่อยเขาให้มีชีวิตรอด ให้เขาได้รับความสุข ความสะดวก ความสบาย ต่อไปเราทำอะไรก็มีความสุข ความสะดวก ความสบายทั้งหมด ไม่ใช่ปล่อยแล้วไปแก้อุปฆาตกรรมอย่างเดียว |
ถาม : ปกติจะมีอาการตึงตามระหว่างคิ้วและบริเวณศีรษะอยู่แล้ว ต่อมานำธงมหาพิชัยสงครามมาเลี่ยมคล้องคอ ปรากฏอาการเหล่านี้มีกำลังแรงขึ้น เป็นเพราะธงมหาพิชัยสงครามมาช่วยเสริมหรือไม่ ?
ตอบ : ลองเอาออกดู ถ้าเอาออกแล้วเบาลง ใส่เข้าแล้วเพิ่มขึ้นก็แปลว่าใช่ |
ถาม : การทำบุญ เช่น โอนเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บ อาทิ หมา แมว นก ตัวเงินตัวทอง จะเป็นอานิสงส์ผลบุญแบบใด ?
ตอบ : ตัวเราช่วยรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของเขา ถึงเวลาก็ส่งผลให้ตัวเรามีความเจ็บไข้ได้ป่วยน้อยหรือว่าไม่มีเลย เพียงแต่ว่าเราทำบุญกับสัตว์เดรัจฉานซึ่งผลบุญจะมีน้อยกว่าทำกับคน ถึงทำบุญกับคนในลักษณะของการรักษาพยาบาล ผลบุญก็ยังน้อยกว่ารักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร ถ้าจะรอผลการตอบรับหรืออานิสงส์ที่เราทำ การทำกับสัตว์เดรัจฉานก็ได้น้อยกว่าและมาช้าหน่อย |
ถาม : ถ้าเรามองเห็นพลังและกำลังกิเลสกับนิวรณ์ของเราเอง อย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยในชีวิต เราควรจะทำอย่างไรต่อไป ?
ตอบ : ถ้ารู้ว่าน่ากลัว..ก็ละและก็เลิกทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ถ้ายังไม่รู้ก็จงทำต่อไป..! |
ถาม : ผู้ที่เสียชีวิตแล้วไปเกิดเป็น ๒ อย่าง เช่น เป็นเปรตในเวลากลางวัน แล้วมาเป็นเทวดาในเวลากลางคืน ล่าสุดที่ได้ทราบคือ เป็นอสุรกายในเวลากลางวัน แล้วเป็นเทวดาในเวลากลางคืน เขาเป็นผู้ที่มีทั้งบุญและบาปเท่ากันหรือไม่ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ในส่วนที่เขากระทำนั้นมักจะเป็นบุญผสมบาป อย่างเช่นตั้งใจเลี้ยงสัตว์ให้ได้รับความสะดวกสบาย แต่กลับไปกักขังสัตว์นั้น |
ถาม : สมมติว่ามีชายคนหนึ่งเดินอยู่ริมหน้าผา มองลงไปเห็นเสือกำลังจะกินลูก ตัวเองมีเนื้อปริมาณพอให้เสือกินอิ่ม แต่ปรากฏว่าชายคนนั้นคิดว่า ได้โอกาสบำเพ็ญบารมีจึงสละชีวิตตนเองกระโดดลงไปให้เสือกิน ชายคนนั้นจะได้ปรมัตถบารมีหรือไม่ ?
ตอบ : ไม่แน่...ส่วนใหญ่พวกสละชีวิต ตัดแขนตัดขา ตัดศีรษะ ควักหัวใจ เชือดเนื้อตัวเองถวายเป็นทาน มักจะเป็นกำลังใจระดับอุปบารมีเท่านั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะว่าปรมัตถบารมีมีปัญญามากกว่า รู้ว่ามีวิธีทำที่ดีกว่านั้น ถาม : และถ้าสามารถสละเนื้อนั้นได้แล้วไม่ทำ จะเป็นเรื่องปัญญาบารมีพร่องหรือไม่อย่างไรครับ ? ตอบ : เป็นทานบารมีพร่อง ไม่ใช่ปัญญาบารมีพร่อง |
ถาม : หากภาวนาพระคาถาเงินล้านไปตามความเคยชิน มีสมาธิบ้างไม่มีบ้าง จนถึงส่วน "พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ" แต่ไม่แน่ใจว่า ส่วน "มิเตพาหุหะติ" ก่อนหน้าได้ภาวนาหรือข้ามมา ควรย้อนกลับไปภาวนาให้แน่ใจหรือต่อไปเลยครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เน้นคุณภาพก็ว่าต่อไปเลย แต่ถ้าเน้นคุณภาพก็ว่าใหม่ เอาให้ชัดเจนทุกคำ |
ถาม : มีคนดูแลพ่อแม่ตัวเองแล้วไม่ยอมใส่สายให้อาหารตามที่หมอแนะนำ เพราะกลัวพ่อแม่ตัวเองเจ็บ พี่น้องซึ่งไม่ได้ดำเนินการดูแลพ่อแม่โดยตรงพยายามหว่านล้อมให้ทำ คนที่ดูแลนั้นก็เถียงไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมทำตาม พี่น้องระอาใจเลยบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ หากพ่อแม่ตายไป พี่น้องที่พูดว่าจะทำอะไรก็ทำ จะได้รับโทษอนันตริยกรรมไปด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อนันตริยกรรมตรงไหน ? จะทำอะไรก็ทำแปลว่าอะไร ? แปลว่าให้ทำสิ่งดี ๆ กับพ่อแม่ก็ได้ อย่าไปตีความผิดสิ |
ถาม : เรื่องที่หลวงพ่อเตือนเรื่องน้ำแล้ง แล้งเฉพาะกรุงเทพฯ หรือทั้งประเทศครับ ?
ตอบ : รอดูไป |
ถาม : กรรมฐานกองใด ประเภทใด ที่ฝึกแล้วสามารถแยกกายให้เป็นภาพลวงตาได้จาก ๑ เป็น ๒ จาก ๒ เป็น ๓ ไปได้เรื่อย ๆ ครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะแยกเป็นทวีคูณ ไม่ใช่จาก ๑ เป็น ๒ เป็น ๓ ให้ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง ถ้ามีความสามารถจริง สามารถแยกกายในออกมาได้ให้เห็นเป็นหลาย ๆ ร่างพร้อม ๆ กัน หรือไม่ก็ใช้ในส่วนของภูตกสิณทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ฝึกซ้อมให้คล่อง จะ สามารถอธิษฐานเป็นหมื่นเป็นแสนร่างพร้อม ๆ กันก็ได้ |
ถาม : สมัยที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านได้เสวยวิมุตติสุข ๗ สัปดาห์ และใน google อธิบายว่าวิมุตติสุขคือความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้น ผมอยากทราบว่า วิมุตติสุขจริง ๆ คือนิโรธสมาบัติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละเรื่องกัน วิมุตติสุขเป็นความสุขที่ตนเองพ้นจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนิโรธสมาบัตินั้นเป็นการใช้กำลังฌานทำให้สภาพจิตของตนเองเป็นกลาง ไม่ปรุงแต่งทั้งดีและชั่ว ถาม : การที่ได้มโนมยิทธิและถอดจิตไปพระนิพพาน จัดว่าเป็นวิมุตติสุขหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ถ้าไม่หมดกิเลสไม่มีทางเป็นวิมุตติสุขได้ |
ถาม : ผมอ่านมาว่า พระโพธิสัตว์บางท่านได้ถวายมหาทานด้วยการเผาตัวเอง หรือตัดหัวตนเองเพื่อเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นี้ทำให้พอตรัสรู้แล้วจะเป็นพระพุทธเจ้าอายุยืนเป็นหมื่น ๆ ปี แต่พระพุทธเจ้าของเราสมัยที่เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้สละชีวิตตนเองให้เสือกิน เพราะกลัวว่าเสือจะกินลูกเสือ คำถามคืออานิสงส์ที่ถวายชีวิตตนเองให้กับพระพุทธเจ้ากับเสือ ไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ ถึงแม้ว่าตนเองจะเสียชีวิต ?
ตอบ : เสือเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดของพระอริยเจ้า ถ้าเทียบอานิสงส์ก็คงจะห่างกันชนิดมองไม่เห็น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่าพระพุทธเจ้าของเราจะมีความต่างกันนั้น ต่างกันด้วยขนาดรูปร่าง ต่างกันด้วยฉัพพรรณรังสี ต่างกันด้วยพาหนะที่ออกมหาภิเนษกรมณ์ ต่างกันด้วยต้นไม้ที่ตรัสรู้ เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไปศึกษาเอาในพุทธวงศ์ ขุททกนิกาย พระสุตตันตปิฎก |
ถาม : การที่เราทำผิดกฎหมายในบางประเทศ แต่ไม่ได้ผิดศีล ถือว่าเป็นความชั่วเป็นบาปไหมครับ ? เช่น การปลูกกัญชาในไทยถือว่าผิด แต่บางประเทศไม่ผิด ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจฝืนแปลว่าทำชั่วทั้งนั้น ดังนั้น..ถึงที่อื่นเขาไม่ห้าม แต่ในบ้านเราห้าม ถ้าทำเมื่อไรก็ผิด ก็ชั่วทั้งนั้น แปลว่าถ้าตั้งใจฝืนก็เป็นบาป |
ถาม : การที่บ้านเมืองเราได้นักการเมืองมาโดยที่ไม่ยุติธรรม หรือเรียกง่าย ๆ ว่าด้วยวิธีการโกง อยากทราบว่าเป็นเพราะบาปกรรมของประเทศไทยในอดีตที่ไปตีเมืองอื่น ๆ ทำให้ประเทศอื่นเสียหาย หรือเป็นแค่เพราะเขาพวกนี้มีอำนาจมากกว่าพวกเราครับ ?
ตอบ : รู้จัก "จ่านิว" ไหม ? ถ้ารู้จัก "จ่านิว" ก็เก็บคำถามนี้กลับไปเลย |
ถาม : จุดประสงค์ของการบวชคือการที่จะเข้าถึงพระนิพพาน แต่ผมอยากทราบว่า ถ้าบวชมาเพื่ออยากให้คนกราบไหว้ และเรียนเพื่อที่จะได้เปรียญสูง ๆ เพื่อจะได้รับความสรรเสริญ แต่ก็ไม่ได้ผิดศีล แต่ผิดด้านอริยมรรค อยากทราบว่าจะลงนรกสถานเดียวไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าศีลสมบูรณ์ก็ไม่แน่ว่าจะต้องไปนรก เพียงแต่ว่าตอนตายถ้ากำลังใจไปเกาะในสิ่งที่เศร้าหมอง ก็อาจจะลำบากหน่อย |
ถาม : ผมอยากทราบว่าการที่เรามีความเห็นว่า ถ้าเราเป็นพระพุทธเจ้า เราก็จะมีพระญาณต่าง ๆ ที่สามารถนำพาดวงจิตไปแดนพระนิพพานได้ เพื่อเจอความสุขที่แท้จริง เราก็เลยอยากเป็นพระพุทธเจ้า และอีกกรณีหนึ่งถ้าอยากเป็นพระพุทธเจ้าเพราะคิดว่าเท่ดี พรหม เทวดา บูชาสรรเสริญเรา อยากทราบว่าความตั้งใจทั้ง ๒ นี้สามารถทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้เหมือนกันเปล่าครับ ?
ตอบ : ความตั้งใจไม่ได้ทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า แต่ความเพียรพยายามในการสร้างบารมีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทำให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น..ถึงเราจะตั้งใจอย่างไร ถ้ามีความเพียรอย่างแท้จริงก็บรรลุได้ทั้งนั้น |
ถาม : ผมเดิน ๆ อยู่แล้วเห็นรูป ถ้าผมหยุดที่ตาเห็นรูป ไม่ได้ไปคิดว่าคนที่เดินมาเป็นใคร ราคะจะไม่เกิดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แค่เห็นเป็นผู้หญิงกับผู้ชายก็แย่แล้ว แสดงว่าสภาพจิตปรุงแต่งไปแล้ว ราคะพร้อมที่จะเกิดแล้ว |
ถาม : ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์แต่อยากจะทรงสังขารุเปกขาญาณต้องใช้ฌานสมาบัติ หรือสมาธิมาช่วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นระดับไหนก็ใช้สมาธิทั้งนั้น แต่ยิ่งระดับสูง ด้วยความที่สติปัญญาของท่านแหลมคมว่องไวมาก มีความชำนาญในการตัดละกิเลสหรือป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นมากกว่า มีความคล่องตัวมากกว่า บางทีการกระทำของท่านก็เหมือนกับไม่ได้ตั้งท่าอะไรเลย หรือบางท่านใช้สมาธิเข้าช่วยโดยไม่รู้ตัว สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิ สมาธิเป็นพื้นฐานของปัญญา ปัญญาไปคุมศีลและสมาธิอีกทีหนึ่งทั้งหมด ผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าเราจะไปในแง่ไหนมุมไหนก็มีส่วนของสมาธิรวมอยู่ด้วยทั้งนั้น |
ถาม : ในด้านสิทธิของมนุษย์ ทุกคนมีสิทธิที่จะรวมกลุ่มประท้วงในเรื่องต่าง ๆ เช่น ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะประท้วงเรื่องโลกร้อนหรือเพศที่ ๓ และในปัจจุบันที่ประเทศไทยเท่าที่ผมติดตามข่าวมา ไม่แน่อาจจะมีการประท้วงในด้านการเมือง ตัวผมอยากทราบว่า ถ้าการที่คนเราไปเข้าร่วมการประท้วงเพื่อจะช่วยเหลือประเทศชาติ จะเป็นบุญหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไปด้วยใจที่ประกอบไปด้วยโทสะ คิดเบียดเบียนเขา โอกาสที่จะรับบาปมีมากกว่าเยอะ ถาม : พระสงฆ์ในศาสนาพุทธสามารถรวมกลุ่มประท้วง เพื่อประเทศชาติหรือศาสนาได้หรือไม่ครับ และจะเป็นการขัดพระวินัยหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ถ้าในเรื่องของพระวินัยไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่มีห้ามการกระทำประหนึ่งฆราวาส และขณะเดียวกันท่านก็ให้คล้อยตามพระราชา (กฎหมาย) ถ้ากฎหมายมีห้ามเอาไว้ก็แปลว่าทำไม่ได้ |
ถาม : ที่หลวงพ่อบอกกล่าวเตือนผมว่า "ยังไม่เบื่อที่จะถามใช่ไหม ? จำไว้ว่ายิ่งถามยิ่งฟุ้งซ่าน มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ ถ้ายังไม่เห็นโทษก็ถามมาได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าเห็นโทษเมื่อไรก็บอกด้วย" ผมพิจารณาดูแล้วถ้าว่ากันตรง ๆ การที่ผมถามมากสามารถทำให้ผมฟุ้งซ่านได้ พอผมฟุ้งซ่านจิตใจจะไม่สงบ ผมที่จิตใจไม่สงบฌานสมาบัติที่เสื่อมก็เกิดไม่ได้ พอฌานสมาบัติเกิดไม่ได้ ญาณที่เป็นเครื่องรู้ ที่มีอำนาจในการหาเหตุหาผลอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่สามารถเกิดได้ พอญาณเกิดไม่ได้ ผมก็ไม่สามารถเอาความสามารถด้านนี้มาใช้ประโยชน์เพื่อช่วยตนเองได้และช่วยคนอื่นไม่ได้อีกด้วย สรุปแล้วกำลังใจผมยังอ่อนแออยู่มาก ๆ อยากถามความเห็นของหลวงพ่อ ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ออกแนวปทปรมะเลย..! |
ถาม : การฆ่าพ่อแม่หรืออนันตริยกรรม จำเป็นหรือไม่ครับที่จะต้องฆ่าด้วยกายอย่างเดียว หรือวาจากับใจ ก็สามารถทำได้ด้วย ?
ตอบ : ทำได้..เช่นเกลี้ยกล่อมว่า พ่อ...ตายแล้วสบาย รีบตายเถอะ ในบาลีเขาบอกไว้เลย มรณสังวัณณา แปลว่า สาธยายคุณประโยชน์ของความตาย แล้วอีกฝ่ายหนึ่งยอมตาย โดนอาบัติปาราชิกเท่ากัน |
ถาม : โยมมักเห็นนิมิตพระพุทธรูปในสมาธิบ่อย ๆ ค่ะ เป็นเพราะเหตุใดคะ และจากนี้จะพิจารณาต่ออย่างไรคะ ?
ตอบ : เป็นเพราะกำลังใจเกาะดีมากกว่าชั่ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือ จับภาพพระเป็นอนุสติไปเลย |
ถาม : ครั้งที่แล้วหลวงพ่อพูดถึงการตายของคนใกล้ตัวสองคน หลวงพ่อได้กล่าวถึงจิตสุดท้าย โยมสงสัยว่าถ้าอย่างคนที่ตายด้วยวิธีการุณยฆาต จะมีโอกาสไปสู่ภพภูมิที่ดีมากกว่าไหมคะ เพราะในจิตสุดท้ายเขาไม่มีทุกขเวทนากัน ?
ตอบ : ต้องดูว่าจิตสุดท้ายของเขาเกาะอะไร ไม่ใช่ดูว่ามีทุกข์หรือไม่มีทุกข์ สภาพจิตเกาะอะไรก็ไปอย่างนั้น ถาม : อย่างในเนเธอร์แลนด์จะอนุญาตให้ทำการุณยฆาตได้ ถ้าหมอลงความเห็นว่ากำลังจะตายภายในระยะเวลาอันใกล้มาก ๆ แทนที่จะปล่อยให้ทรมาน หมอก็จะฉีดยาให้ค่อย ๆ หลับไป ถ้าเราขอตายแบบนี้ เป็นการละเมิดกฎแห่งกรรมไหมคะ ? ตอบ : ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่ง ก็คงต้องทำต่อเนื่องไปอย่างน้อย ๕๐๐ ชาติ..! จำเอาไว้ว่าในเรื่องของวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ เอามาเกี่ยวข้องกับศีลธรรมไม่ได้ เพราะว่าเป็นคนละส่วนกัน Euthanasia หรือ Mercy Killing เป็นค่านิยมของต่างประเทศเขา ส่วนใหญ่ที่ทำอย่างนั้นเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ ก็คือถ้าอยู่ต่อไปจะสิ้นเปลืองมาก เพราะว่าลูกหลานต้องจ่ายเงิน แบบบ้านเราที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนคืนหนึ่งตั้งสามสี่หมื่นบาท ในเมื่อเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ วิธีคิดแบบฝรั่งก็คือ ทำกำไรให้มากที่สุด ขาดทุนให้น้อยที่สุด ก็ปล่อยให้ตายไปดีกว่า จะได้หมดเปลืองน้อย ในเมื่อเป็นส่วนของทางโลกที่โยงผลได้ผลเสียของทางเศรษฐกิจ ก็เลยเอามาปนกับเรื่องของศีลธรรมไม่ได้ เพราะว่าเป็นคนละประเด็นกัน ถาม : ถ้าเราขอตายแบบนี้ จะยังมีโอกาสเข้าพระนิพพานได้ไหมคะ ถ้ายังระลึกถึงพระนิพพานได้ ? ตอบ : ถ้าความสามารถเท่ากับพระโคธิกะก็ได้ แต่คาดว่าคงไม่มีอย่างพระโคธิกะท่านอีกแล้ว |
ถาม : ศีลข้อ ๗ เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ถ้าเราเล่นเฟซบุ๊ก ดูยูทูบ ดูละครทีวี จะผิดศีลข้อนี้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้ทำไปเพื่อการปฏิบัติธรรม ก็ผิดเต็ม ๆ |
ถาม : มีคนฝากทำบุญบวชพระมากับผม แต่ทางเจ้าภาพงานบวชบอกไม่รับ เพราะมีเงินเพียงพอแล้ว ผมสามารถนำเงินที่เขาฝากทำบุญบวชพระมานี้ ไปทำบุญสังฆทาน วิหารทาน หรือธรรมทาน จะได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ระวังจะโดนโทษเท่ากับย้ายเจดีย์ ไปหาที่อื่นซึ่งเขามีบวชพระ แล้วก็ทำให้เขาไปสิ ถาม : เพื่อนของผมจะบวชเดือนหน้านี้ครับ ผมตั้งใจว่าจะเก็บเงินเพื่อนำไปทำบุญงานบวชของเพื่อนคนนี้ สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ผมอยากทราบว่า ถ้าผมทำบุญไปทั้งหมด ๓ ครั้ง ผมจะได้อานิสงส์การบวชพระแค่ครั้งเดียว หรือว่าได้ทุกครั้งที่ทำบุญครับ ? ตอบ : ต้องดูว่าเราบวชพระกี่รูป ไม่ใช่ดูว่าบวชกี่ครั้ง เป็นเจ้าภาพบวชพระ ๑ รูป อานิสงส์จะได้เท่าไร ? ถ้าเขาบวช ๒ รูป ก็เพิ่มเข้าไปเท่าตัว ถ้าบวช ๓ รูปก็คูณ ๓ เข้าไป ไม่ใช่ทำเป็นจำนวนครั้ง ต่อให้คุณทำสัก ๑๐๐ ครั้ง ถ้าบวชรูปเดียวกันก็ได้บุญเท่าเดิม |
ถาม : ปกติผมเป็นคนที่ไม่ห้อยพระในตอนนอน หลังจากตื่นนอนแล้วก็ไปอาบน้ำ ในระหว่างที่กำลังอาบน้ำอยู่ ผมสามารถที่จะอาราธนาวัตถุมงคลเตรียมไว้ก่อนได้หรือไม่ครับ พอหลังจากอาบน้ำเสร็จ ตอนจะออกจากบ้านก็นำวัตถุมงคลมาห้อยคอโดยที่ไม่ต้องอาราธนาใหม่อีกรอบ ไม่ทราบว่าผมทำแบบนี้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าใจสามารถเกาะพระได้ตลอดก็ไม่ต้องอาราธนาใหม่ ถ้าทำไม่ได้ก็จงอาราธนาเสียดี ๆ..! |
ถาม : เมื่อเดือนก่อนที่มีผู้ถามหลวงพ่อเรื่องการขายคอนโดที่พัทยา หลวงพ่อบอกว่าให้ไปบนหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ อยากทราบว่า หากลูกต้องการขายตึกแถวที่อุดรธานี ควรจะไปกราบขอพรหรือบนที่ไหนดีคะ ?
ตอบ : หลวงพ่อสุ่นอยู่อุดรธานีไหม ? ถ้าอยู่ก็บนได้เลย ทางภาคอีสานนี่ใครจะบนอะไรก็วิ่งไปหาพ่อปู่ศรีสุทโธกันหมด เพราะฉะนั้น..อยู่อุดรธานีถือว่าเป็นพื้นที่อีสานก็ไปบนทางนั้นแล้วกัน รู้จักท่านไหม ? |
ถาม : รถที่ได้รับการเสกและมีวัตถุมงคลในรถ ถ้าเราขึ้นไปนั่งหรือยืนบนหลังคารถจะเป็นการสมควรหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้ารู้ว่ามีวัตถุมงคลเป็นรูปพระพุทธ เป็นรูปพระสงฆ์อยู่ ถ้ายังตั้งใจขึ้นไป แปลว่าโดนโทษปรามาสพระรัตนตรัย |
ถาม : ที่หอฉันวัดท่าขนุน เวลาที่พระฉันอาหารอยู่ชั้นล่าง การขึ้นไปบนชั้นสองจะเป็นการสมควรหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าคิดมากก็ไม่สมควร ถ้าคิดว่าเป็นคนละส่วนกัน ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนนั้น อันนี้เขาเรียกว่าปรุงแต่งหาเรื่องลงนรก..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายอย่างที่เราได้ยิน ได้ฟัง ศึกษามา บางทีเป็นคนละส่วน คนละประเด็นกัน แต่เราก็จับมาชนกัน อย่างเช่นประเด็นเรื่องการทำแท้ง เรื่องการุณยฆาต เรื่องพวกนี้ถ้าเอาศีลธรรมเข้าไปจับเมื่อไรก็ผิดเมื่อนั้น แต่เราจะเห็นว่าในหลายประเทศมีกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ กฎหมายอนุญาต..ไม่ได้แปลว่าไม่ผิดศีลธรรม
เรื่องของการหลงประเด็นเหล่านี้ แม้แต่ในคณะสงฆ์ก็เป็น เช่น การต้องอาบัติหรือทำให้ศีลขาดของพระ ทันทีที่ทำกรรมนั้นสำเร็จ ศีลก็ขาดไปแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่แล้วรอให้มีการฟ้องศาล รอให้ศาลตัดสินก่อน..ซึ่งไม่ใช่ เพราะว่าในเรื่องของทางธรรมนั้น โทษของคุณรับไปเต็ม ๆ ทันทีที่ทำกรรมนั้นสำเร็จ ไม่ใช่ไปรับเอาตอนที่ศาลตัดสิน ปัจจุบันมีมากกว่านั้นอีก อย่างเช่นโดนข้อหาฉ้อโกงเงิน ถ้าจำนวนเงินเกิน ๑ บาท ซึ่งลักษณะนั้นก็คือต้องอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระไปในทันทีที่ทำ แต่สมัยนี้มีการคืนเงินและหมดโทษด้วย ขอบอกว่าหมดโทษแค่การลงโทษทางโลกที่กฎหมายเขาว่าไว้เท่านั้น ส่วนในเรื่องของทางธรรมคุณยังคงรับไปเต็ม ๆ อยู่ดี" |
"การหลงประเด็นในปัจจุบันนี้มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบรรดาสื่อต่าง ๆ ถึงเวลาก็พิพากษาตัดสินด้วยตัวเองเสร็จสรรพเรียบร้อย พอเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่ตนเองคิดว่าคาดว่าเอาไว้ ก็ไม่มีการแก้ข่าวให้ ลักษณะนี้เป็นการสร้างกรรมหนักให้กับตนเอง ถ้าเกิดชาติใหม่เมื่อไร เรื่องที่จะโดนคนอื่นเขาใส่ร้ายหรือใส่ไคล้นินทา โดนสารพัดข้อหาโดยที่ตนเองไม่ได้ทำ ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนประเภทนี้"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "กำลังใจของเราส่วนใหญ่แล้วมีการยึดมั่นถือมั่นที่แก้ไม่ตก ก็คือมักจะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองพูด สิ่งที่ตัวเองทำนั้นดีแล้ว ถูกแล้ว อาตมาอยากจะบอกว่าดีแค่นั้น ถูกแค่นั้น ถ้ากำลังใจของเราละเอียดขึ้น มีการปฏิบัติที่สูงขึ้น ก็จะมองเห็นว่า ที่ผ่านมานั้นยังไม่ถูก แต่ก็จะไปยึดมั่นถือมั่นว่า ตอนนี้ดีแล้ว ถูกแล้วอีก
ท้ายสุดจะเป็นการตู่ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้มีแค่นี้ ซึ่งอันตรายมาก เพราะว่าจะกลายเป็นโทษปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับหิ่งห้อยในกะลาครอบ แล้วไปเดาว่าดวงอาทิตย์สว่างเท่ากับความสว่างของตนเองในกะลาเท่านั้น นักปฏิบัติธรรมจะต้องพยายามระมัดระวังตรวจสอบอยู่เสมอ อยู่ในลักษณะของ อัตตนา โจทยัตตานัง คือกล่าวโทษโจทย์ตนเองอยู่เสมอ โดยเอากำลังใจของพระอริยเจ้ามาประกอบ ก็คือ ตราบใดที่ยังมีสังขารร่างกายนี้อยู่ ตราบนั้นยังไม่ดีจริง เรื่องของกิเลสเป็นเรื่องยาก เพราะว่ากิเลสฝังรากลึกอยู่ในใจของเรามา ชาติแล้วชาติเล่าจนนับไม่ถ้วน มายาของกิเลสก็มาก หลอกเราอยู่ทุกเวลา ทุกนาที ดึงให้เราสนใจสิ่งอื่นที่นอกเหนือไปจากศีล สมาธิ ปัญญาที่เราปฏิบัติอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นการปฏิบัติธรรมจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และใช้ปัญญาให้มากเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเผลอเดินตามกิเลสไปโดยไม่รู้ตัว" |
"โดยเฉพาะหลายท่านที่ได้ทิพจักขุญาณ อาตมายืนยันว่ายิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร โอกาสโดนหลอกก็ยิ่งมากเท่านั้น ไม่รู้ไม่เห็นเลยจะปลอดภัยกว่า แต่ว่าส่วนใหญ่ก็คัน อยากจะรู้ อยากจะเห็น อยากจะเป็น ถ้าอยากแบบนั้นก็ทำไปเถอะ พอเป็นแล้วจะรู้ว่าสาหัสแค่ไหน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็มีความยึดมั่นอยู่ว่า กูเห็น กูก็เลยเชื่อ ผู้รู้เตือนก็ไม่ฟัง เพราะว่าเห็นมาด้วยตัวเอง
อาตมาเคยเปรียบเทียบให้ฟังหลายครั้งว่า เราเห็นคนเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขากำลังถ่าย Fast 9 กันอยู่ สิ่งที่เราเห็นจริงไหม ? จริง...แต่เรื่องที่เราเห็นนั้นจริงไหม ? ไม่จริง...เพราะว่าเขาแสดงหนังกันอยู่ ฉะนั้น...ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร โอกาสโดนหลอกก็ยิ่งมาก เพราะว่าเราไปยึดมั่นถือมั่นว่า กูเห็น กูจึงเชื่อ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือรับรู้ทุกอย่างด้วยความเคารพ ไม่ต้องให้ความสนใจมาก ถ้าเป็นไปตามนั้นก็ขอบคุณที่มาแสดงให้รู้ล่วงหน้า ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น เรื่องทั้งหลายเหล่านี้โอกาสผิดมีมากกว่าถูกอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปใส่ใจ เรื่องที่ ๑ ถูก ก็อย่าปักใจว่าเรื่องที่ ๒ จะถูกด้วย เรื่องที่ ๑ ที่ ๒ ถูก ก็อย่าปักใจว่าเรื่องที่ ๓ จะถูกด้วย ถ้าทำอย่างนี้ได้โอกาสโดนหลอกก็น้อยลงหน่อย แค่น้อยลงนะ..ไม่ใช่ไม่โดน ฉะนั้น...ในส่วนนี้ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ พิจารณาให้เห็นว่า ถ้าเกิดมาก็ต้องโดนแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก ต้องบอกว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ตัดความอยากในร่างกาย ตัดความอยากเกิดเสีย ก็ในเมื่อเขาเอามาหลอกเรา เราก็เบื่อ เบื่อแล้วก็เลิกคบไปเลย" |
"แบบเดียวกับอาตมา มีอยู่ระยะหนึ่ง มีผีบ้าง มีเทวดามาบ้าง มาบอกว่าขุมทรัพย์อยู่ที่นั่นที่นี่ ให้ไปขุดเพื่อเอามาใช้ในงานของพระพุทธศาสนา พอไปสถานที่ก็ตรงกับที่เขาบอกทุกอย่าง แต่ขุดแล้วไม่ได้ เขาก็อ้างว่าทำผิดอย่างนั้น เวลาไม่ถูกอย่างนี้ ต้องมาใหม่ โดนไปสองครั้งอาตมาเลิกเลย บอกว่า "ถ้าคราวหน้าจะให้ ขนเอาไปขายแล้วโอนเงินเข้าบัญชีมาถึงจะรับ มึงไม่ต้องเสียเวลามาหลอกอีกแล้ว กูไม่ไป...!"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งพระไว้ ว่าพยายามอ่านพระไตรปิฎกให้จบ ท่านบอกว่าท่านอ่านพระไตรปิฎกปีละ ๑ จบ อาตมาลองทำดู ๓๐ ปีได้แค่ ๗-๘ จบ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่อ่านหนังสือเร็วมาก
เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าส่วนท้าย ๆ ที่เป็นพระอภิธรรม ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เป็นส่วนที่ทำความเข้าใจได้ยากมาก ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ อาตมาก็ไม่อยากอ่าน ก็เลยพยายามอ่านแบบทำความเข้าใจไปด้วย ก็เลยอ่านได้ช้ามาก จากที่หลวงพ่อท่านอ่านปีละจบ อาตมา ๓๐ กว่าปี อ่านได้แค่ ๗-๘ จบ ก็แปลว่าห่างจากที่ท่านต้องการเป็นอันมาก" |
เครื่องเสียงมีปัญหา "หาสาเหตุด้วยว่าพังเพราะอะไร ไม่ใช่แค่รู้ว่าพัง ถ้าแค่รู้ว่าพัง งวดหน้าก็จะพังอีก ถ้าเป็นไปได้ก็ยกแผงไปให้เขาเช็คว่าจุดไหนเสีย ไดโอดตัวเดียวก็มีปัญหาแล้ว เพราะว่าเครื่องเสียงละเอียดอ่อน
ถ้าจะเอาดังกว่านี้เราก็เพิ่มเสียง ถ้าจะเอาเบาก็พูดเบาลง ถ้ามากกว่านี้แล้วกินกำลังเครื่องมากยังไม่พอ เสียงยังก้องสะท้อนอีก เมื่อวันก่อนพูดอยู่ในงานศพท่านมหาสันติ เจ้าของเครื่องเสียงก็เร่งเสียง เลยต้องด่าไป “มึงจะเร่งไปหาอะไร กูพูดเบาเอง” ของเขาพอดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้ารู้สึกว่าดังไปอาตมาจะพูดเบาลง ถ้าหากว่าเบาไป พูดแล้วเหนื่อย จะให้เขาเร่งเสียงขึ้น แต่ไอ้นี่แสนรู้..รีบเร่งเองเลย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ไปร่วมงานปฐมนิเทศเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมและตัวแทนจากสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งไปทบทวนการปฏิบัติธรรม ๑๕ วัน ที่อาคารปฏิบัติธรรมโพธิญาณมหาวิชชาลัย
พอให้โอวาทเสร็จ เจ้าคณะภาคท่านก็บอกให้นำเจริญพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระสังฆราช มีแต่คนเกี่ยงกัน ท่านเจ้าคุณราชรัตนมุนีหรือท่านเจ้าคุณบุญเทียม เลขานุการหนฯ ท่านก็ไม่เอา โยนให้ท่านเจ้าคุณปัญญา ท่านเจ้าคุณปัญญา เลขานุการภาคฯ ก็โยนมาให้พระอาจารย์เล็ก อาตมาเข้าใจดีว่าทำไมท่านเกี่ยงกัน เวลาพระหรือโยมสวดมนต์มาก ๆ แล้วจะลากจนยืด คนนำสวดเหนื่อยตายเลย พอพระอาจารย์เล็กขึ้นไปปัญหานี้ไม่มี เพราะว่าจะสวดให้เร็วกว่าปกติครึ่งจังหวะ พอเขาเร่งตามก็จะพอดี แต่ก็เหนื่อย เพราะว่าต้องเสียงดังกว่าเขาและต้องคุมจังหวะเขาได้ เพียงแต่ว่าปัญหาสวดมนต์ยืดอืดเป็นเรือเกลือจะไม่มี แบบเดียวกับที่วัดท่าขนุน สั่งพระท่านไว้เลยว่า ถ้างานใหญ่ ๆ โยมเยอะ ๆ สวดให้เร็วกว่าปกติครึ่งจังหวะแล้วจะพอดี ไม่อย่างนั้นแล้วโดนถ่วงจะอืดเป็นเรือเกลือ แล้วก็ไปกันไม่ได้ พอพระท่านเหนื่อยมาก ๆ ท่านก็จะหยุด ก็ปล่อยโยมกันไป "พุท....โธ" เป็นทุกที่ ไปสังเกตได้ สำคัญที่หัว ถ้าหากว่าหัวเร่งขึ้นเสียงดังได้ พวกนั้นจะตามมาเอง แต่ถ้าหัวเร่งไม่ขึ้นนี่ตายเลย วันก่อนก็เลยโยนกันไปโยนกันมา ในที่สุดหน่วยกล้าตายอย่างอาตมาก็ต้องขึ้นไป" |
"โดยเฉพาะบรรดาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่แล้วอาวุโสมาก สังเกตกันว่าถ้าคุยเรื่องการปฏิบัติธรรมว่าสายไหนดีอย่างไร ? เหมาะอย่างไร ? จะเถียงกันแหลกทุกครั้ง ก็คือเอากิเลสไปชนกัน โดยที่ลืมไปว่าการปฏิบัติธรรมทุกสายมาจากพระพุทธเจ้าทั้งหมด เพียงแต่ว่าครูบาอาจารย์ของตนเองนั้นถนัดแบบไหนก็สอนแบบนั้น พอมีคนเชื่อถือมาก ๆ เข้าก็กลายเป็นสายหนึ่งขึ้นมา
อย่างปัจจุบันนี้ถ้าพูดถึงสายธรรมกายก็ยังแยกออกเป็น ๒ สายก็คือธรรมกายแบบวัดปากน้ำ หรือธรรมกายแบบวัดธรรมกาย ถ้าธรรมกายแบบวัดปากน้ำก็ยังมีวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เป็นต้นแบบอยู่ เพราะว่าหลวงป๋าท่านปฏิบัติจนกระทั่งทำได้จริง แล้วท่านเป็นพระ แต่ว่าในวัดปากน้ำ บรรดาท่านที่ทำแล้วอยู่ในระดับหัว ๆ เป็นแม่ชีทั้งหมด ก็เลยกลายเป็นวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามต้องออกหน้า เป็นสายธรรมกายวัดปากน้ำ ส่วนทางด้านธรรมกายสายวัดธรรมกายคลองหลวง ท่านไปไกลแล้ว มีสาขาทั่วโลกเลย" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:14 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.