![]() |
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเข้ากรรมฐาน ๓ วันน้ำหนักหายไป ๔ กิโลกรัม ยังไม่ได้คืนมาเลย เป็นคนน้ำหนักขึ้นยากมากแล้วก็ลงเร็วมาก ๆ เมื่อเช้าชั่งน้ำหนัก น้องกิฟท์หัวเราะ อุตส่าห์ฟันธงว่า ๖๒ กิโลกรัม ปรากฏว่าเหลือ ๕๘ กิโลกรัม เพราะว่าตอนก่อนอดข้าวยัง ๖๒.๕ กิโลกรัมอยู่เลย
เข้ากรรมฐานครั้งนี้พระท่านมาช่วยสงเคราะห์ เพราะว่า "เพื่อนเก่า" มากวน เพื่อนเก่านี่ไม่ได้เลย แกล้งอาตมาทุกครั้ง โดยเฉพาะอาตมาเป็นมาลาเรียอยู่ ร่างกายไม่ดีแล้วไปอดข้าวเดี๋ยวจะแย่ พระท่านก็เลยมาสงเคราะห์ เขาเรียกว่า ขันธมาร มารอาศัยร่างกายของเรามาขวาง วันที่ ๓ หลังจากที่เข้ากรรมฐานแล้วก็นึกอยากจะไปห้องน้ำ รู้สึกปวดปัสสาวะ ลุกขึ้นยืนนี่หน้ามืดเลย ต้องรีบนั่งลง อาตมาเป็นคนรู้ตัวเร็วว่าจะเป็นอะไร นั่งลงหายใจยาว ๆ สักพักหนึ่งจึงเดินไปเข้าห้องน้ำได้ ซึ่งก็ไม่มีอะไรหรอกนอกจากปัสสาวะ เพราะว่าหลังจากออกกรรมฐานแล้ว ๒ วันถึงมีถ่ายหนัก ตอนเข้ากรรมฐานไม่ได้ฉันอะไรก็ไม่มีให้ถ่าย มีแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า สภาพร่างกายแบบนี้จะเข้ากรรมฐานได้อีกสักกี่ครั้ง ? แต่เพื่อนเก่านี้ไม่ได้หรอก เผลอเมื่อไรก็เข้ามากวน" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่อาตมาต้องจำกัดจำนวนในการบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชร เพราะมีผู้ประท้วงมาเยอะว่า ถ้าไม่จำกัดไว้จะหมดภายในไม่กี่คน เห็นแก่คนประท้วงที่จะมาช้าหน่อยจึงต้องจำกัด อาจจะมีไว้ใช้เองสักหนึ่งแผ่น เผื่อคนอื่นสักหนึ่งแผ่นก็น่าจะพอแล้ว บูชาอะไรกันทีหนึ่งตั้ง ๔๐-๕๐ แผ่น"
|
ถาม : การเกิดโทสะ มีอารมณ์โมโห รำคาญกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น โมโหหงุดหงิดกับเสียงไอ เสียงถุงพลาสติก เสียงขยับตัวเคลื่อนไหวของคน ซึ่งได้ยินในขณะที่เรานั่งสมาธิแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นอาการกิเลสตีกลับ ซึ่งในกรณีนี้คือโทสะใช่หรือเปล่า ?
ตอบ : โทสะร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ขณะเดียวกันพอจิตเริ่มสงบ กิเลสกลัวว่าตัวเองจะตาย ก็เลยต้องรีบเสวยอารมณ์ที่ตัวเองชอบ ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง คราวนี้พอจิตเริ่มสงบ กำลังใจเริ่มสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ได้ละเอียดขึ้น ชัดเจนขึ้น ก็กระทบง่ายขึ้น เขาถึงได้บอกว่า "กิเลสนักปฏิบัติ" ต้องระวังเอาไว้ ประเภทวิปัสสนาขี้โกรธ สันโดษขี้ขอ อุเบกขาบ้ายอ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น ถาม : ภาวะกิเลสตีกลับแตกต่างจากกิเลสในจริตนิสัยสันดานอย่างไร ? ตอบ : เหมือนเดิมทุกประการ เพียงแต่ภาวะนี้อยู่ในลักษณะเริ่มโดนเก็บกด พอโดนกดมากเข้า กิเลสกลัวว่าจะตายก็ต้องสู้ แล้ว ก็ยันเราหงายท้องตึง ถาม : กิเลสตีกลับจนกรรมฐานแตก จะเกิดกับสมาธิภาวนาแบบไหน ? ตอบ : ไม่เกิดจากสมาธิอะไรหรอก กิเลสเกิดแสดงว่าสมาธิไม่ทรงตัว ถ้าสมาธิทรงตัว กิเลสจะเกิดไม่ได้ ถาม : ผู้ปฏิบัติธรรมจะมีวิธีสังเกตจิตใจของตัวเองได้อย่างไรว่าเป็นภาวะกิเลสตีกลับแล้ว ? ตอบ : จะไปยากอะไร ถึงเวลาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่งับหัวชาวบ้านเขาก็ใช่แล้ว...! |
ถาม : การรักษากำลังใจให้ทรงตัว ปกติใช้อานาปานสติ ภาวนาพุทโธ แต่ถ้าเราต้องทำงานหรือกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ จะเปลี่ยนเป็นจับภาพพระบ้าง หรือสวดมนต์ เช่น พระคาถาเงินล้านในใจบ้าง จะได้หรือไม่ ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ อย่าให้กิเลสเกิดก็แล้วกัน |
ถาม : การคลายกำลังใจมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ใช้วิธีเปิดหนังสือธรรมะอ่านหาหัวข้อธรรมที่เราชอบและสนใจได้หรือไม่ ?
ตอบ : อาตมาหากินอย่างนั้นมาครึ่งชีวิต ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ? |
ถาม : เมื่อเราจะจับมือถือเพื่อเปิดดูหรือกระทำการงาน นอกจากตั้งสติให้รู้ตัวเสมอแล้ว จะต้องกระทำหรือเพิ่มความระมัดระวังในกรณีเรื่องใดอีกบ้าง ?
ตอบ : กำหนดเวลาไว้ไม่เกิน ๕ นาทีต้องวางมือถือ รับรองว่าขาดใจตาย...! ถาม : ถ้าทำงานยังไม่เสร็จละคะ ? ตอบ : ถ้าทำงานยังไม่เสร็จก็ต้องกำหนดไว้ว่าเสร็จงานแล้วต้องวาง ไม่ใช่เอ้อระเหยไปเรื่อย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวกิเลสก็ชวนเล่นไลน์อีก |
ถาม : เคยนั่งสมาธิแล้วเห็นเหมือนงูว่ายอยู่ในน้ำ ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นงูตัวนั้น ภาพยังไม่ชัดเจนว่าเป็นงูอะไร จู่ ๆ คิดว่าไม่ควรสนใจ เลยกลับภาวนาต่อ ก็มีเสียงบอกว่า "ถ้าไม่สนใจ ต่อไปจะไม่ได้เห็นแล้วนะ" เลยนึกตอบเขากลับไปว่า "ไม่เห็นก็ดี จะได้ไม่เหนื่อย" พอตอบเขาไปแล้วก็กลับไปภาวนาต่อ หลังจากนั้นก็ยังเห็นภาพงูในน้ำลักษณะเดียวกันอีก แต่ก็ตัดใจไม่สนใจ สรุปว่าเสียงที่มาบอกในสมาธิครั้งแรกนี่เขาจะหลอกเราให้เราสนใจใช่หรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ต้องสงสัย ยิ่งกว่าใช่เสียอีก |
ถาม : เมื่อสวดคาถาเงินล้านควบลมหายใจเข้าออก บทสวดจะหายไป ลมหายใจก็จะหายไปเสมอ จนสวดต่อไปไม่ได้ จึงต้องนั่งสมาธิโดยอัตโนมัติ เมื่อจิตถอยออกมาก็พิจารณาวิปัสสนาญาณ จิตจะรวมเข้าออก-เข้าออกแบบนี้ แต่ใจหนึ่งผมอยากจะภาวนาพุทโธหรือภาวนาคาถาเงินล้านตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกให้จบ ผมควรจะปฎิบัติแนวทางไหนดีครับ ?
ตอบ : ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้คล่องตัว ให้ถึงขนาดกำหนดจิตอยู่ในระดับไหนก็ได้ ถึงเวลาถอยออกมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ ภาวนาจนครบตามที่เราต้องการ แล้วค่อยเข้าสมาธิลึกเข้าไปใหม่ |
ถาม : ผมได้มาทำสังฆทานที่บ้านเติมบุญ นั่งเฉย ๆ จิตก็รวมตัวเป็นสมาธิตั้งมั่น จึงนั่งในท่าสบาย ๆ โดยไม่ได้ภาวนาหรือควบลมหายใจเข้าออก เมื่อสมาธิถอยออกมา ผมก็พิจารณาวิปัสสนาญาณ สมาธิก็รวมตัวกลับเข้าไปใหม่ เป็นเช่นนี้ เข้าออก...เข้าออก จนนั่งเป็นสมาธิประมาณ ๑ ชั่วโมง หรือสามารถนั่งได้นานกว่านี้ได้ แต่ต้องถอยกำลังใจออกมาจากสมาธิก่อนที่หลวงพ่อจะลงมารับสังฆทาน เมื่อลุกจากท่านั่งไม่มีอาการปวดเมื่อย หรือเหน็บชาตามร่างกาย ขณะที่นั่งมองผ่านดวงตา มองสิ่งใดจะไม่ยึด ไม่ปรุงแต่ง พิจารณาเป็นของเน่าเปื่อย เหมือนว่างเปล่า และจิตพร้อมที่รวมตัวเป็นสมาธิเสมอ ผมควรจะทรงอารมณ์แบบนี้ให้ได้เสมอใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ควรจะทำเอาไว้ทุกวินาที อย่าให้ขาด ขาดเมื่อไรกิเลสตีกลับ มีหวังตายแน่...! |
ถาม : กระผมนักบวชผู้น้อยปรารถนาพุทธภูมิมานานจนลาไม่ไหวเสียแล้ว...มิอาจถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้ ทราบแก่ใจว่าตราบที่ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ก็คือทางของคนเลว ๆ โง่ ๆ คนหนึ่ง แต่ในเส้นทางพระโพธิสัตว์ที่ยากเวลานี้ ไม่ปรารถนาให้ใครติดตามเลย เพราะไม่อยากให้ใครมาทุกข์ยากด้วยกัน....กระผมจะทำอย่างไรดีให้พวกเขาพ้นทุกข์ในวัฏฏะนี้ ?
ตอบ : รีบเข้าพระนิพพานเสีย เขาจะได้ตามไป ถ้าไม่ยอมเข้า คิดว่าตัวเองลาไม่ไหว ก็จะลากถ่วงไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น..ตัดใจเข้าพระนิพพานไปเลย |
ถาม : เท่าที่ผมศึกษามา อรูปพรหมเห็นว่าอายตนะภายในและอายตนะภายนอกเป็นโทษ เป็นปัจจัยทำให้กิเลสเกิด ท่านเหล่านั้นเลยทำสมาธิเข้าอรูปฌาน และดับอายตนะไปหมดเลย แต่กิเลสก็ยังมีอยู่ในจิต แล้ววิปัสสนาญาณที่มีหลายระดับที่เป็นความรู้ของพระพุทธศาสนา หนึ่งในนั้นคือการพิจารณาเห็นโทษของร่างกาย ก็คืออายตนะภายใน ซึ่งคล้ายอรูปฌานมาก เลยอยากให้หลวงพ่อช่วยชี้ให้เห็นความแตกต่างการพิจารณาของอรูปฌาน และวิปัสสนาญาณครับ ?
ตอบ : อรูปฌานแค่พิจารณาให้จิตสงบ ส่วนวิปัสสนาญาณพิจารณาจนปัญญาเกิด จนสภาพจิตยอมรับ ต่างกันแค่นี้ แต่ห่างกันประมาณ ๘๔,๐๐๐ โยชน์...! |
ถาม : ผมอ่านเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า มีคนซื้อเต่าและเขียนชื่อที่เต่าและเอาไปปล่อย แต่ตอนที่ชายคนนี้ป่วย ท่านนิรยบาลพาไปสำนักท่านพญายมราช ท่านเลยสอบถามกรรมต่าง ๆ และให้นึกถึงความดี แต่ก็นึกไม่ออกสักที และท่านพญายมราชกำลังจะตัดสินให้พาไปนรก แต่ทันใดนั้น เต่าที่เคยถูกปล่อยจากชายคนนั้น เดินเข้ามาที่สำนักแล้วบอกว่า ชายคนนั้นเคยช่วยเหลือตนเองไว้ ท่านพญายมเลยไว้ชีวิตคนนั้นและพากลับโลกมนุษย์ และคน ๆ นั้นก็บวชไม่สึก ผมสงสัยว่า เต่ามีความสามารถถอดกายทิพย์ไปสถานที่ทิพย์ต่าง ๆ ได้ด้วยหรือครับ หรือว่าท่านพญายมท่านรู้และท่านใจดี ท่านเลยสร้างนิมิตขึ้นมาเพื่อช่วยชายคนนั้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่า กรรมนิมิต คือแรงของผลบุญผลกรรมของเรา ทำให้เกิดภาพทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมา โดยการสงเคราะห์ของเทวดา เขตตำหนักพระยายมเป็นริมเขตของชั้นจาตุมหาราช เทวดาทำงานอยู่เพียบเลย ถึงเวลาเขาก็ช่วย ๆ กันเท่านั้นเอง คุณสงสัยว่าฆ่าไก่เอาไว้ ๕๐๐ ตัว แทนที่จะไปเวียนว่ายตายเกิด ถึงเวลาเอาไก่มาจากไหนบานเบิกขนาดนั้น เขาเรียกว่ากรรมนิมิต |
ถาม : บุคคลคนหนึ่งอยู่ในสถานที่แล้วระบบเครื่องกลไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ มักจะดับหรือติดขัดมีปัญหาทำงานไม่ได้ บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ทำการแก้ไข แต่ไม่ได้ ยังคงติดขัดอยู่แบบนั้น บุคคลนั้นจึงระลึกได้แล้วนึกในใจว่า “สงสัยต้องอุทิศบุญแล้ว” ปรากฏระบบกลับมาทำงานได้ปกติทันที ลักษณะแบบนี้เป็นเพราะอะไร ใช่มาจากเขาพยายามติดต่อสื่อสารโดยวิธีอื่นไม่ได้หรือเปล่า ?
ตอบ : ถูกต้อง ถ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้เขาคงติดต่อไปแล้ว แต่ดันทะลึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย หูหนวกตาบอด ก็เลยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตือนด้วยวิธีที่ให้รู้จนได้ ท่านที่มีกำลังระดับนี้ส่วนใหญ่เป็นภุมมเทวดาขึ้นไป ถ้าระดับสัมภเวสีทั่วไปทำได้ยาก ยกเว้นท่านที่ตุนบุญของญาติเอาไว้เสียเยอะแล้ว ถาม : สถานที่บางแห่งมีแนวเขตแดนเป็นส่วนบุคคล เช่น โรงแรม สถานปฏิบัติธรรม คอนโด เขาสามารถผ่านพระภูมิเจ้าที่มาอย่างไร ? ตอบ : ก็บอกแล้วว่าส่วนใหญ่เป็นเทวดาระดับพระภูมิเจ้าที่ขึ้นไป ก็เจ้าตัวเล่นเองแล้วจะไปกันอะไรได้ |
ถาม : เนื่องจากผมและครอบครัวได้ร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๕๐ นิ้วเพื่อนำไปถวายวัดแห่งหนึ่ง แต่ที่วัดนั้นมีเพียงศาลาเอนกประสงค์ ๑ หลัง ที่เจ้าอาวาสอนุญาตให้นำพระไปประดิษฐานได้ แต่มาทราบภายหลังว่าศาลาเอนกประสงค์หลังนั้นใช้สำหรับทำพิธีทั้งงานบุญและงานศพ ทำให้มีคนทักว่าเป็นการไม่เหมาะสมสำหรับการนำพระสมเด็จองค์ปฐมไปประดิษฐานไว้ จะเป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องไปสร้างวิหารให้พระสมเด็จองค์ปฐมขึ้นมาใหม่จึงจะเป็นการสมควร ซึ่งครอบครัวผมไม่มีทรัพย์พอที่จะสร้างวิหารใหม่ให้ท่านได้ ผมอยากทราบว่าสิ่งที่ผมและครอบครัวทำลงไปเป็นบาป ไม่ได้บุญจริงหรือครับ ?
ตอบ : ให้คนทักสร้างศาลาร้อยแปดยอดเพื่อประดิษฐาน...! เขาเรียกว่าอยู่ดีไม่ว่าดี ขาดอุเบกขาในทานบารมี เราได้ทำ ทำแล้วก็จบ รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราทำก็จะสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับเราเอง |
ถาม : มีศีลข้อใดที่พระโพธิสัตว์จะไม่มีทางผิดตลอดการบำเพ็ญบารมีบ้างครับ ?
ตอบ : ไม่มี..ไม่ช้าก็เร็วต้องผิดสักข้อหนึ่ง ถาม : นอกจากการลาพุทธภูมิแล้ว มีเหตุอื่นทำให้พุทธภูมิหายไปได้หรือไม่ครับ ? ตอบ : ยังไม่เคยเจอ ยกเว้นอยู่อย่างเดียว คือ กำลังใจห่างสุดกู่ปลายตะโกนจนเกาะไม่ติด ท้ายสุดก็หมดสภาพไปเอง |
ถาม : มีพระโสดาบันที่เป็นสมณเพศ บังเกิดความอยากมีครอบครัวจนต้องสึกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ความเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์ ปกติแล้วพระโสดาบันสามารถมีครอบครัวได้ แต่คุณสมบัติหนึ่งของพระโสดาบันก็คือ เคารพพระรัตนตรัยด้วยชีวิต ในเมื่อตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะสึกไปทำไม ? |
ถาม : ตั้งแต่แม่ของผมกินยาหนอนตายอยากและยาเก้าร้อยแล้วรู้สึกมีเมือกในปาก ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านอาจารย์บุปผชาติ พงษ์ประดิษฐ์ ไม่รู้ว่าอยู่ภูมิไหน ไปถามคนที่ทำนั่นเอง ถาม : พ่อของผมเป็นความดันสูงไม่มาก แต่กินยาแผนปัจจุบันอยู่ หากจะหันมากินยาเก้าร้อย ควรเลิกยาแผนปัจจุบันเลย หรือกินคู่กันแล้วค่อยลดลงครับ ? ตอบ : กินคู่กันไปก่อนเพื่อความสบายใจ จนกระทั่งมั่นใจแน่ว่ายาเก้าร้อยเอาอยู่แล้ว ค่อยเลิกกินยาแผนปัจจุบัน ความจริงจะไปกินยาทำไม ? กินกระเทียมโทนดองน้ำผึ้งดีกว่า นอกจากลดความดันได้แล้วยังคึกอีกด้วย..! |
ถาม : เวลาจะเข้าพักโรงแรม แม่ให้ผมเซ็นกรอกข้อมูลกับรับรองสำเนาบัตรประชาชนแทน เพราะสายตาผมดีกว่า โดยทำทุกอย่างต่อหน้าพนักงานโรงแรม พนักงานโรงแรมรับทราบ จะผิดศีลหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ผิดตรงไหน ? ฆ่าเขาหรือเปล่า ? ขโมยเขาหรือเปล่า ? ไล่ปล้ำลูกสาวชาวบ้านเขาหรือเปล่า ? โกหกเขาหรือเปล่าว่าบัตรนี้เป็นของผม ไม่ใช่ของแม่ ? ท้ายที่สุดเมาเหล้าไปกรอกข้อมูลไปหรือเปล่า ? |
ถาม : คาถามหาอำนาจที่ขึ้นต้นว่า เอวัง ราชะสีโห กับคาถาอาวุธพระเจ้า ที่อ้างกันในอินเตอร์เน็ตว่าเป็นของหลวงพ่อปาน เป็นของท่านจริงหรือเปล่าครับ ? เพราะไม่เคยเห็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอน
ตอบ : ทำไมต้องสอนด้วย ? สิ่งที่ท่านสอน สิ่งที่ท่านบอก จะต้องมีประโยชน์สำหรับบุคคลผู้นั้น อาตมาเองก็ไม่ได้คิด สมัยก่อนก็โดนหลวงพ่อท่านหลอกให้ภาวนาอยู่เรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดก็ติดการภาวนา เพราะว่าวิสัยชอบมาทางด้านนี้ ท่านก็ให้คาถาบทนั้นบทนี้มาใช้ คนที่ไม่ได้มีวิสัยมาทางด้านนี้ท่านจะให้ไปทำไม ? |
ถาม : หลวงพ่อเคยเทศน์ว่า หากหล่อหลวงพ่อทองคำเสร็จ สถานการณ์ของประเทศไทยจะดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์พระพุทธศาสนาของประเทศไทยด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ดีแค่ไหนก็ดีแบบเสื่อม ๆ |
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร "การพุทธาภิเษกงวดนี้ต้องบอกว่า จริง ๆ แล้วเป็นการซักซ้อมภายในอย่างหนึ่ง ที่พระท่านสงเคราะห์ให้ ด้วยความที่ท่านสงเคราะห์ให้ตั้งแต่ช่วงที่ "เขา" มากวน แล้วท่านก็มาอยู่จนกระทั่งรับกฐินเลย ถ้าเป็นเวลาข้างบนก็พักเดียว แต่เวลาข้างล่างของเราก็คือ ๒ วันกว่าเกือบ ๓ วันเต็ม
ถ้าใครไปงานกฐินจะรู้สึกว่าบรรยากาศหน่วง ๆ เหมือนกับงานเป่ายันต์เกราะเพชร ก็คือใช่เลย ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์กันมาก มีอยู่ท่านหนึ่งที่อาตมาลืมกันไปแล้วท่านก็ยังมา คือ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เคยได้ยินชื่อไหม ? หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข มรณภาพไปไม่นาน ท่านเป็นพระธรรมยุต เป็นสหธรรมิกรุ่นน้องของหลวงปู่มหาอำพัน แต่ท่านไม่ได้มาสายสุกขวิปัสสโกเหมือนกับหลวงปู่มหาอำพัน ท่านมาแรงกว่านั้น คราวนี้สมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ จะว่าไปจริง ๆ แล้วท่านดังมากนะ แต่พวกเราอาจจะไม่รู้จัก เพราะว่าท่านเป็นพระธรรมยุต เวลาท่านสร้างวัตถุมงคล เตาหลอมจะมีสังกะสีล้อมแล้วเป่าไฟจนสังกะสีแดงโร่เลย ท่านก็เจิมเตาหลอมทั้งอย่างนั้นแหละ ชาวบ้านเห็นคาตาทุกครั้ง ถามหลวงปู่ว่าทำไมถึงต้องเจิม ? “ก็ทำตามหลักวิชาที่ศึกษามา ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไม่ต้องมาให้ข้าทำ” ท่านถนัดที่สุดคือกสิณน้ำ พระที่ท่านสร้างออกมานี่เมตตามหานิยมสุด ๆ ขนาดรุ่นหนึ่งท่านต้องเก็บบรรจุกรุหมดเลย เพราะว่าลูกศิษย์ดันทะลึ่งไปได้ผู้หญิงแล้วก็ไม่ยอมเลี้ยงเขา" |
"รุ่นอาตมานี่ทันรุ่นสองของท่าน ท่านบอกว่ารุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง หลวงปู่พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร ? รุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง ก็คือหัดทำ ความจริงท่านอยู่อย่างสมถะ กุฏิที่วัดดวงแขจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เป็นอาคารเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓-๔ ลูกศิษย์ก็เลยขออนุญาตหลวงปู่ทำกุฏิใหม่ แต่พวกเขาประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย จึงขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้สร้าง ก็ตื๊อจนกระทั่งท่านสร้าง ท่านก็บอกว่าถ้าสร้างต้องทำตามข้า ก็เลยต้องตามใจท่าน
พระทุกรุ่นของหลวงปู่ท่านเรียกว่า พระพุทธเมตตาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตา ไม่ว่าจะเป็นพระลอยองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระกลีบบัว ฯลฯ ท่านเรียกพระพุทธเมตตาหมด ก็คือได้รับความเมตตาสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า อาตมาเองก็ตุนเอาไว้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าช่วงนั้นเดินจากวัดเทพศิรินทร์ฯ มาหน่อยหนึ่ง ผ่านทางหัวลำโพงก็เป็นวัดดวงแข เสร็จแล้วก็ไปฉันเพลที่บ้านเพื่อนหลังวัดดวงแข แล้วก็กลับวัดเทพศิรินทร์ฯ" |
"จะว่าไปแล้วกรุงเทพฯ ซ่อนพระดี ๆ ไว้เยอะมาก แต่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน แบบเดียวกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดราชผาติการาม วัดสระเกศ วัดสามพระยา ฯลฯ เป็นพระดีแค่ไหนกว่าเราจะรู้ กับหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดราชผาติการามท่านจะสนิทสนมกันกับหลวงปู่วิเวียรมาก เพราะว่าสายธรรมยุตเขาถึงกันหมด ถึงเวลาอาตมาติดตามหลวงปู่มหาอำพันไป ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นพระมหานิกาย คลุกคลีตีโมงกันไป ท่านก็รู้ทั้งรู้ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
บางทีงานใหญ่ ๆ ก็นั่งกราบเรียนถามหลวงปู่สมเด็จฯ วัดราชผาติการาม คุยโน่นคุยนี่ ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ในเมื่อท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าหน้าที่ดูแลก็มาก พวกเจ้าหน้าที่ของกรมศาสนาสมัยนั้น ซึ่งก็คือสำนักพุทธฯ ปัจจุบันก็สะกิด “ไล่ออก” หลวงปู่ท่านบอกว่า “ไม่ต้องไป...อยู่นี่แหละ มันเห็นว่าข้าไม่มีปาก” ก็คือใจคอจะไม่ให้คุยกับใครเลย ให้นั่งเฉย ๆ อย่างเดียว อย่างหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาท่านฉันหมาก ท่านก็มักจะประเภทแอบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ใครเห็น พอถึงเวลาเคี้ยวเสร็จก็กำไว้ อาตมาแคะจากมือเลย ...(หัวเราะ)... ใคร ๆ ว่าท่านดุ จริง ๆ แล้วไม่ได้ดุหรอก หลวงปู่ท่านเป็นคนเอาจริงเอาจัง ถ้าหากว่าลูกศิษย์ขยันปฏิบัติท่านจะรักมาก อาตมาประเภทง้างมือเลย “หลวงปู่ขอผมเถอะครับ” ท่านก็ยิ้ม ๆ แล้วปล่อยให้ ท่านบอกว่า “ลูกศิษย์มหาวีระติดสันดานลิงทุกตัว..!” ตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคุณ ท่านก็เรียกว่า “เจ้าคุณสุธรรม” เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถร แต่คราวนี้ เถร ตัวนี้เขียนแบบบาลี เขียนแบบไม่ใส่สระอะ แต่ให้อ่านว่า เถระ ไปเจอพวกไม่เข้าใจวิธีอ่าน เขาเรียกเจ้าคุณสุธรรมยานเถร (เถน) ฟังดูแปลก ๆ หูเหมือนกัน" |
"ต้องบอกว่าหลวงปู่วิเวียรเป็นพระดีที่หมกตัวอยู่กลางกรุง แล้วท่านไม่ค่อยแสดงออก แต่ว่าวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นนี่เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าใครใช้ในเรื่องเมตตาค้าขายนี่ได้เต็มที่ อาตมาเองก็ตุนไว้อย่างละหลายองค์ เพราะว่าสมัยนั้นท่านก็ไม่ได้จำหน่าย ส่วนใหญ่ขอฟรีด้วย อาศัยเส้นหลวงปู่มหาอำพัน
จริง ๆ ท่านก็แจกลูกศิษย์ฟรี แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ก็ถวายเงินท่าน ส่วนอาตมาเห็นว่าท่านเป็นพระธรรมยุตไม่จับเงิน ก็ใช้วิธีไถฟรี ๆ ...(หัวเราะ)... หลวงปู่ท่านเมตตามาเยี่ยม ถ้าหากว่าดูบุคลิกแล้วหลวงปู่วิเวียรจะคล้าย ๆ กับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระของท่านทุกรุ่นจะเรียกพระพุทธเมตตาเหมือนกันหมด" |
"เข้ากรรมฐานงวดนี้มีงานหนึ่งที่ทำก็คือบรรจุไม้ครู ถามว่าเอามาจากไหน ? ตอนช่วงที่หลอมหัวและปลายไม้ครูใหม่ ๆ เป็นช่วงที่อาตมาตั้งใจใช้ชนวนล้วน ๆ เลย คราวนี้หลอมออกมาเนื้อชนวนล้วน ๆ ไม่สวยเท่าที่คิด ก็เลยมีการผสมลงไป อย่างเช่นว่า ๓๐% ๔๐% เป็นต้น ไล่ไปเรื่อย จึงมีหัวท้ายไม้ครูหลงอยู่ ๗-๘ ชุด อาตมาก็เลยให้พระที่วัดท่านกลึงไม้ขึ้นมาเพื่อที่จะมาบรรจุ ก็น่าจะได้อีกสัก ๗-๘ ชุด ต้องเสียเวลาไปเขียนตะกรุดมหาสะท้อนใส่
แต่ว่าใครได้ไม้ครูงวดนี้ไปแล้วต้องทำใจ ที่ว่าทำใจก็คืออาจจะประเภทหัวกระดำกระด่างปลายดูไม่ได้ แต่ว่าเป็นเนื้อชนวนล้วน แล้วก็มาค่อย ๆ ผสมจนกระทั่งกลายเป็นชุดสุดท้าย คราวนี้ในส่วนนี้เป็นความผิดพลาดของอาตมาตรงที่ว่า เมื่อตอนที่บรรจุด้วยการติด Epoxy หรือกาวติดเหล็ก ทำตามสูตรแล้ว แต่สงสัยว่ากาวจะหมดอายุ แทนที่จะแห้งภายใน ๔ นาที ก็ไปแห้งภายใน ๖๐ ชั่วโมง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาบรรจุทีเดียว ๗-๘ อันพร้อมกันก็เลยเลอะเทอะไปหมด เพราะว่ากาวไม่ยอมแห้ง ฉะนั้น..ใครได้ไปแล้วมีรอยกาวติดอยู่ก็ไปขูดออกแล้วก็ทาน้ำมัน หรือไม่ก็ขัดเงาใหม่เอาก็แล้วกัน เดี๋ยวรอให้มีโอกาสแล้วค่อยเอาออกมาให้บูชากัน" |
"ด้วยความที่กลัวว่ากาวจะแข็งตัวเพราะว่าแค่ ๔ นาที ก็เลยบรรจุไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าไม่แข็ง ก็เลยไหลนอง จน ๖๐ ชั่วโมงให้หลังถึงยอมแข็งตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมงวดนี้พลาดได้ขนาดนั้น อาตมาพยายามดูโพยก็บอกว่ามีส่วนของครีม แล้วก็มีส่วนของตัวผสมให้แข็ง ไม่ใช่ครีมทั้งคู่
ไม้ครูคราวก่อนแลกทองแท่ง ๘ บาทใช่ไหม ? คราวนี้เปลี่ยนเป็นเงินแล้วกัน สัก ๑๕๐,๐๐๐ บาท น่าจะกำลังสวย แต่มีอยู่บางอันที่หัวเป็นชนวนโลหะ ท้ายเป็นชนวนเงิน บอกแล้วว่าจับคู่กันไม่ได้ ออกมาหน้าตาจะพิลึกพิลั่น อาตมาตอกโค้ดนะโมตาบอดไว้ยืนยันว่าเข้าพิธีตอนกรรมฐาน ๓ วัน บางอันก็เป็นสองเนื้อในด้ามเดียวกัน บางอันหัวเป็นรุ่นเก่าก็ไม่ได้ขัดไม่ได้อะไร แต่ส่วนปลายนี้เขาเอาไปชุบทองมาเสียอร่ามเลย ก็เอาเป็นว่าทำใจก็แล้วกันว่าได้อันไหนไป อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ มีเพิ่มมา ๗-๘ อัน ไม่อย่างนั้นแล้วก่อนหน้านี้มีแค่ ๗๐ กว่าอันเท่านั้น คนที่ไม่ได้ก็บ่นกันมาก ขอเวลาหน่อย รอให้กาวแห้งจริง ๆ ก่อน เป็นอะไรที่คนเห็นแล้วอาจจะขำก็ได้ แต่ขอยืนยันว่าเป็นรุ่นที่น่าใช้มาก เพราะว่าเป็นเนื้อชนวนล้วน ๆ แล้วก็เป็นเนื้อที่เขาผสมน้อย ต้องบอกว่าคนทำคือคุณก้านบัว เขาค่อนข้างประณีต ถ้าหากว่ามีร่องมีรอยตามดเขาไม่ค่อยอยากได้ ก็เลยพยายามผสมจนกระทั่งเรียบลื่นทั้งอัน" |
ถาม : คนที่มีอาการโรคจิต เช่น อาการหูแว่ว ประสาทหลอน หลงผิด แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมด้านลบ เช่น เก็บตัว ขี้เกียจ ไม่ดูแลตนเอง ไม่ทำอาชีพใด ๆ มีหลักทางธรรมหรือหลักปฏิบัติใด สามารถใช้รักษาเยียวยาอาการเหล่านี้ได้บ้างครับ ?
ตอบ : บังคับให้ปฏิบัติภาวนาจนทรงฌานให้ได้ ถ้าทรงฌานได้อาการเหล่านี้หายหมด ลักษณะอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพจิตฟุ้งซ่านเลื่อนลอย หาจุดยึดเกาะไม่ได้ จำเป็นต้องใช้สมาธิเข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นก็จะฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะคิดอะไรเกี่ยวกับการสงสารตัวเองหรืออยากได้โน่น อยากเป็นนี่ แต่เป็นได้แค่ความคิด โดยไม่ได้พยายามทำให้เป็นจริง เพราะว่ากำลังใจไม่เพียงพอ จึงต้องบังคับให้ภาวนาจนกว่าจะทรงฌานได้ |
ถาม : เราสามารถใช้ข้าวสารมาต่อทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงแทนการใช้ทรายได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : นึกอย่างไรขึ้นมาอยากได้ข้าวสารแทน ? สามารถที่จะทำได้ เอาข้าวสารมาสักถังหนึ่ง เอาทรายโรยหน้าทับไปแล้วอธิษฐานขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ ให้มีอานุภาพเสมอกัน จากนั้นกวน ๆ ให้เข้ากันดี เสร็จแล้วก็หาอะไรมากรองทรายออกเก็บเอาไว้ ถาม : ทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงสามารถใช้ไล่ผีที่มาสิงสู่ผู้คนได้หรือไม่ครับ ? ตอบ : ลองดูได้เลย ไม่ต้องถาม |
ถาม : ผมได้เปิดเจอคลิปในยูทูป มีพระสำนักหนึ่งได้กล่าวว่า "การเข้านิพพาน จิตไม่ได้ไปไหน จิตเป็นธรรมชาติที่เกิดดับ สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สิ้นสุด ทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่" และท่านก็อธิบายไปเรื่อย ๆ กระผมอยากทราบว่าที่ท่านพูดว่า จิตมีเกิดดับนั้น ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถามท่านสิ เพราะว่าท่านเป็นผู้พูด |
ถาม : มีคืนวันหนึ่งผมนอนและได้ฝันเห็นพระอาจารย์อยู่ในบ้านและมาดุผม ในฝันนั้นจิตบอกว่า ถ้าท่านไม่ดุ เราก็จะไม่มีวันได้ดี ผมอยากทราบว่า ผมสามารถเอาสิ่งที่พระอาจารย์ดุผมในฝันมาปฏิบัติต่อได้หรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าตัวเองไม่รู้ว่าปฏิบัติต่อได้หรือเปล่าก็ไปตายซะ...! |
ถาม : การฝึกมโนมยิทธิ ถ้าเราไม่สามารถไปที่วัดหรือสถานที่ที่มีการฝึกได้ เราสามารถเปิดเทปใส่หูฟังเสียงขณะที่พระทำการสอนแล้วเราก็นึกตาม ปฏิบัติตามที่ท่านบอกเป็นอย่าง ๆ ทำที่บ้านแบบนี้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้...แต่ต้องไม่ลืมสองอย่าง อย่างแรกคือทำน้ำมนต์เอาไว้ เมื่อเลิกปฏิบัติต้องพรมน้ำมนต์ให้ตัวเอง ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ หรือไม่ก็พรมตั้งแต่ก่อนที่จะปฏิบัตินั่นแหละ อย่างที่สองเครื่องบูชาครูต้องมีให้ครบตามที่เขากำหนดให้ไว้ ไม่อย่างนั้นทำไปก็เสียเวลาเปล่า มโนมยิทธิเป็นการใช้กายในถอดไปภพภูมิต่าง ๆ การที่เราทำน้ำมนต์พรมไว้ก่อน เป็นการป้องกันสิ่งที่จะมาสิงมาแทรก มาแย่งใช้ร่างกาย ส่วนเรื่องเครื่องบูชาครู เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพ ถ้าหากว่าเรามีครบถ้วน บรรดาครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ท่านจะส่งกำลังมาช่วย การปฏิบัติก็จะมีผลสะดวกและคล่องตัวกว่า |
ถาม : การเป็นพระสงฆ์นี้ที่จริงแล้วความพอเหมาะพอดีในเรื่องศีลนั้น เราควรถือปฏิบัติขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ก็แค่รักษาศีล ๒๒๗ ข้อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถาม : ถ้าถือเอาทั้งหมดตามพุทธพจน์ที่ตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคท่านบอกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประกาศวินัยสังวรไว้ ๙๑,๘๐๕,๐๓๖,๐๐๐ สิกขาบท ถ้าเราไม่ใคร่ศึกษาเพราะเห็นว่าจะเครียดตายเสียก่อน จะเป็นอะไรหรือไม่ครับ ? ตอบ : ในพระไตรปิฎกบอกไว้แค่ไหนก็แค่นั้น อรรถกถาจารย์ท่านมีความสามารถมาก ท่านอธิบายได้ละเอียด แต่บางอย่างละเอียดเกินไปก็ไม่ตรงกับจริตนิสัยของคน ในพระไตรปิฎกจะเห็นพระพุทธเจ้าตรัสกับพระภิกษุบางรูปว่าให้รักษาศีลข้อเดียว เพราะพระภิกษุเหล่านั้นบ่นว่าไม่สามารถรักษาศีลเป็นร้อย ๆ ข้อได้ พระพุทธเจ้าจึงบอกให้รักษาข้อเดียว ถ้าท่านทำได้ก็จบได้เหมือนกัน พระท่านถามว่ารักษาอย่างไร ? พระพุทธเจ้าบอกว่า รักษาใจอย่าให้ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว |
ถาม : แล้วการรักษาใจข้อเดียว สมควรจะวางกำลังใจอย่างไรที่จะไม่เป็นข้ออ้างในการละเมิดศีลอย่างพระมหายานที่ว่า สุราผ่านลำไส้ พระพุทธองค์ประดับอยู่ที่ใจครับ ?
ตอบ : อะไรที่พระพุทธเจ้าห้าม ถือว่าทำไม่ได้ กำลังใจแค่นี้ก็จบแล้ว |
ถาม : เราจะพิจารณายึดถือศีลตามที่อาจารย์สอนอย่างเดียว จะสมควรกั้นขอบเขตให้แก่ตนเองแค่ไหนครับ ที่ป้องกันเวลาผ่านไปจะกลายเป็นอาจริยวาทแยกนิกายไป เหมือนครั้งสังคายนาครั้งที่ ๑ พระปุราณะพร้อมคณะ ไม่ยอมรับมติของคณะสงฆ์ผู้ทำสังคายนา จนภายหลังคณะของท่านนี้ก็กลายเป็นมหายานในปัจจุบัน ?
ตอบ : ไม่ต้องมาก เอาแค่ว่าตัวตายดีกว่าศีลขาดก็พอ |
ถาม : แท้จริงแล้วสถานะพระสงฆ์กับสถานะคฤหัสถ์นี้ สถานะไหนที่จะประคองตนไม่ให้ลงนรกง่ายกว่า แล้วไปพระนิพพานได้ง่ายกว่าครับ ?
ตอบ : สถานะของพระสงฆ์ เชื่อไหม ? ถาม : แต่มีหลุม ๒๒๗ หลุม ? ตอบ : ศีล ๒๒๗ เอื้อและป้องกันลงนรกมากที่สุดแล้ว เพียงแต่ทำได้ไม่ครบก็เลยซวยไป |
ถาม : การเพ่งหน้าจอมือถือหรือคอมฯ ในการดูสื่ออินเทอร์เน็ตหรือโซเชียล กับการเพ่งกสิณต่าง ๆ หรือจดจ่อดูลมหายใจนั้น ใช้กำลังใจคล้ายกันหรือเปล่า ? เพียงแต่เปลี่ยนจากด้านกิเลสมาปฏิบัติภาวนาใช่หรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ การที่คุณดูจอ คุณไม่ได้ตั้งใจจำ แต่การเพ่งภาพกสิณต้องตั้งใจจำ ไม่ใช่ตั้งใจจำเฉย ๆ ต้องควบกับลมหายใจและคำภาวนาด้วย ต่างกันลิบโลกเลย |
ถาม : การดูทีวี, สื่ออินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ทางคอมพิวเตอร์ มือถือ จำพวก ละคร ข่าว เรื่องทางโลก ๆ โลกีย์ นอกเหนือจากธรรมะแล้ว จะเป็นการทำให้เราชินกับการส่งจิตออกข้างนอก พร้อมซึมซับกับสร้างเสริมอารมณ์กิเลสในจิตหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าแค่นี้ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ ก็จงทำต่อไป ถาม : ถ้าเราจำเป็นต้องเห็นหรือดู จะมีวิธีสังเกตสภาพจิตและป้องกันไม่ให้จิตใจหลงไปตามสื่อเหล่านี้ ? ตอบ : ตั้งสมาธิให้ทรงเป็นฌานไปเลย แล้วค่อยไปดู |
ถาม : หากเราเห็นกิเลสของตนและยอมรับผิดได้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงเพราะทำตามคำสอนครูบาอาจารย์เท่านั้น เป็นเพราะสภาพจิตเราละเอียดขึ้นใช่หรือไม่ ?
ตอบ : แปลว่าสติ สมาธิ ปัญญาสั่งสมไปถึงระดับแล้ว คราวนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่จะตัดละให้ได้ ถาม : ความรู้ลักษณะนี้จะส่งผลเสริมด้านดีถึงความสามารถของจิตทางด้านอื่น ๆ เช่น ทิพจักขุญาณหรือเปล่า ? ตอบ : ถ้าสภาพจิตปราศจากกิเลส ทิพจักขุญาณจะผ่องใสเองโดยอัตโนมัติ |
ถาม : สวดคาถาเงินล้านเพื่อความคล่องตัว ผลของคาถาเงินล้านไม่เคยสงสัย แต่สงสัยว่ามีบางคนที่เป็นเจ้าของบริษัท ศีล ๕ ก็ถือไม่ครบ พูดโกหกเป็นอาจิณ ไม่เคยรักษาคำพูด แถมกินเหล้าบ่อย ๆ แต่ดูแล้วค้าขายคล่องตัว ทำกิจการก็มีคนช่วยเหลือ มีความโชคดีหลายอย่าง เป็นเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : ตอนเขาสวดเขาได้ฆ่าใครหรือเปล่า ? ได้ลักขโมยใครไหม ? ผิดลูกผิดเมียเขาไหม ? โกหกหรือเปล่า ? กินเหล้าไปสวดไปหรือเปล่า ? เรื่องของโลกียปุถุชนก็คือคนทั่วไป สามารถปฏิบัติได้โดยรักษาศีลชั่วคราว ขอให้มั่นคงจริง ๆ และทำสม่ำเสมอ ย่อมมีผลทุกคน |
ถาม : เคยโดนข่มขืนตอนหลับค่ะ คือ ฝันว่ามีคนมาข่มขืนแล้วร่างกายรู้สึกไปด้วย รับรู้สัมผัสที่ร่างกาย เห็นหน้าผู้กระทำชัดเจนจนตื่นขึ้นมา นี่เป็นการกระทำของคนหรือผีคะ ?
ตอบ : เห็นชัดเจนยังไม่รู้อีกว่าเป็นคนหรือผี ถาม : ถ้าเป็นการกระทำของคน เขาใช้วิธีอะไรทำอย่างนี้ ร่างกายเราถึงรู้สึกการกระทำชัดเจนเหมือนเป็นกายเนื้อ เขาถอดจิตมาหรือเป็นมโนมยิทธิคะ ? ตอบ : สรุปเรียบร้อยว่าไม่ใช่คน แล้วดันมาถามว่าเป็นคนหรือผี ? เอาเป็นว่าบางอย่างถ้ามีกรรมเนื่องกันมา ก็สามารถที่จะเกิดเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าท่านให้อาวุธไว้ป้องกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก็คือให้ระลึกถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วภาวนากรณียเมตตสูตรให้เป็นปกติ จะป้องกันสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ กรณียเมตตสูตรบางคนเรียกว่า พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้า |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:02 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.