![]() |
หลวงปู่บุดดา
http://i398.photobucket.com/albums/p...u/df3bb63e.jpg หลวงปู่บุดดา มาเยี่ยมหลวงปู่ดู่ พ.ศ.๒๕๓๑ ตัวโกรธเป็นอย่างนี้นี่เอง หลวงปู่บุดดา ถาวโร จัดว่าเป็น "รัตตัญญู" (ผู้เก่าแก่และมีประสบการณ์มาก) รูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย ด้วยท่านมีอายุยืนนานถึง ๑๐๑ ปีก่อนที่จะมรณภาพเมื่อปี ๒๕๓๗ สมัยที่ยังหนุ่ม ท่านมีโอกาสพบปะครูบาอาจารย์ที่สำคัญหลายรูปเช่น พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท) และครูบาศรีวิชัย ท่านหลังนี้เคยทักหลวงปู่บุดดาเนื่องจากเห็นท่านไม่พาดสังฆาฏิว่า "เฮาเป็นนายฮ้อย ก็ต้องให้เขาฮู้ว่าเป็นนายฮ้อย ไม่ใช่นายสิบ" นับแต่นั้นมาหลวงปู่จึงพาดสังฆาฏิติดตัวตลอดเวลา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของท่าน หลวงปู่บุดดา เป็นพระป่า ชอบธุดงค์ ไม่มีวัดเป็นหลักแหล่ง จนเมื่ออายุ ๘๗ ปีจึงได้มาประจำที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี กระทั่งมรณภาพ แม้หลวงปู่บุดดาจะไม่ได้เล่าเรียนในทางปริยัติมาก แต่ความที่ท่านเชี่ยวชาญในการปฏิบัติ จึงมีความสามารถในการสอนธรรมชนิดที่สื่อตรงถึงใจ มีคราวหนึ่ง ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์คู่กับท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งซึ่งเป็นเปรียญธรรม ๘ ประโยค ท่านเจ้าคุณรูปนั้นคงเห็นหลวงปู่เป็นพระบ้านนอกจึงอยากลองภูมิหลวงปู่ ได้ถามหลวงปู่ว่า "จะเทศน์เรื่องอะไร" หลวงปู่ตอบว่า "เรื่องตัวโกรธ กิเลสตัณหา" ท่านเจ้าคุณซักต่อว่า "ตัวโกรธเป็นอย่างไร" หลวงปู่ตอบสั้นๆ ว่า "ส้นตีน ไงล่ะ" เท่านั้นเองท่านเจ้าคุณก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่ยอมเทศน์กับหลวงปู่ วันนั้นหลวงปู่จึงต้องขึ้นเทศน์องค์เดียว เมื่อเทศน์จบแล้ว ท่านก็ไปขอขมาท่านเจ้าคุณองค์นั้น พร้อมกับอธิบายว่า "ตัวโกรธมันเป็นอย่างนี้เองนะ มันหน้าแดง ๆ นี้แหละ มันเทศน์ไม่ได้ คอแข็ง ตัวโกรธสู้เขาไม่ได้ ขึ้นธรรมาสน์ก็แพ้เขา ใครจะเป็นนักเทศน์ต่อไปจดจำเอาไว้นะ ตัวโกรธน่ะ นักเทศน์ไปขัดคอกันเอง มันจะเอาคอไปให้เขาขัด" หลวงปู่บุดดารู้จักตัวโกรธดี ท่านรู้ว่าตัวโกรธกลัวคนกราบ ท่านเล่าว่าตั้งแต่เริ่มบวช ท่านพยายามเอาชนะความโกรธด้วยการกราบ เวลาโกรธท่านจะลุกขึ้นกราบพระ ๓ ครั้ง โกรธ ๒ ครั้งก็กราบพระ ๖ ครั้ง โกรธ ๑๐๐ ครั้ง ก็กราบ ๓๐๐ ครั้ง ทำเช่นนี้หลายครั้ง ความโกรธก็ครอบงำท่านไม่ได้ เมื่อความโกรธเป็นใหญ่เหนือใจไม่ได้ ความเมตตาและอ่อนน้อมถ่อมตนก็ตามมา หลวงปู่บุดดาขึ้นชื่อในเรื่องนี้มาก คราวหนึ่งท่านกำลังจะเดินข้ามสะพาน ก็เห็นสุนัขตัวหนึ่งนอนขวางทางอยู่บนสะพาน แทนที่ท่านจะเดินข้ามสุนัขตัวนั้น หรือไล่มันให้พ้นทาง กลับเดินลงไปลุยโคลนข้างล่าง ท่านว่าไม่อยากให้ผู้อื่นได้รับความขุ่นเคือง เพียงเพื่อเห็นแก่ความสะดวกของตนเอง แม้เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน ท่านก็ไม่ปรารถนาจะเบียดเบียน ที่มา : http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=9012 |
นักศึกษาท่านหนึ่ง ได้เรียนถามหลวงปู่บุดดาว่า
"คนเราเกิดมาเพื่ออะไรคะ" หลวงปู่ตอบว่า "เกิดมาเพื่อดับกิเลสตนเองสิ! ให้ละกามเด็ดขาดในภพนี้ ตัดให้ขาดจากการเป็นของคู่ปุถุชนเต็มขั้นหนาด้วยกิเลส ได้แต่ศึกษาไม่นำมาปฏิบัติแล้วจะรู้แจ้งอย่างไรเล่า? เกิดมาทำไมให้ต้องวนเวียน เกิดแล้วตายไม่สิ้นสุดจะเอาอีกหรือ? เราชาวพุทธให้เร่งเจริญอริยมรรค ๔ อริยผล ๔ ศาสนาอยู่ที่ขันธ์ ๕ มิใช่อยู่ที่อื่นเลย คนอื่นทุกคนล้วนเป็นอาจารย์ของเรา ทดสอบเราทั้งดี ทั้งชั่ว เมื่อเรามีสังขารครบบริบูรณ์แล้ว อย่าได้ทับโลกุตรธรรมเลย อย่ามัวแบกทุกข์อวิชชาอยู่เลย อย่าได้ประมาทนิ่งนอนใจนะ ขอให้สำรวมในกาย วาจา ใจให้เต็มตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้ศรัทธามั่นในโลกุตรธรรม จะได้รู้แจ้งธรรม พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตาย" |
ปุจฉา - วิสัชชนา หลวงปู่บุดดา ถาวโร
ปุจฉา ทำกรรมฐานอย่างไรจะถูกครับ วิสัชชนา ทำอย่างไรก็ได้ ทำแล้วกิเลสระงับดับลง ไม่กำเริบ นั่นแหละถูก ทำแล้วข่มกิเลสได้ ฆ่ากิเลสตาย คายกิเลสหลุด ถูกทั้งนั้นแหละ |
ปุจฉา หลวงปู่ครับปฏิบัติสิ้นทุกข์โดยเร็วทำยังไงครับ
วิสัชชนา ก็รู้ทุกข์แล้ว โยนน้ำเสียก็แล้วกัน ก็สิ้นทุกข์ไป |
ปุจฉา อยากทำตามหลวงปู่ไว ๆ จะทำอย่างไรครับ?
วิสัชชนา อยากตามไว ๆ ก็ตามปัจจุบันซี่! เออ ! โง่อย่างไรละ ! ตามอดีตอนาคตก็โค้งไปโค้งมาซี่ ! ดูกายดูใจปัจจุบันบ่อย ๆ ซี่ ! ถึงเองแหละ |
เรื่องนี้ได้ยินมาจากหลวงพี่เอกอีกทีหนึ่งค่ะ หลวงพี่เล่าว่า
มีคนนิมนต์หลวงปู่บุดดาไปที่บ้าน แล้วเขามีลูกชาย ลูกชายก็เปิดทีวีให้หลวงปู่ดู พอดีวันนั้นมีการประกวด นางงามจักรวาล เด็กน้อยก็บอกหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ นี่เขาประกวดนางงามจักรวาลครับ มีใส่ชุดว่ายน้ำด้วยครับ" หลวงปู่ก็บอกว่า "ไม่เห็นจะมีเลยนางงาม มีแต่นางขี้ ขี้เต็มตูดเลย" เด็กน้อยก็เลยอึ้ง แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิบัติธรรม ของเด็กคนนั้น |
แหม.. หลวงพี่เล่ามาแค่นี้นี่คะ :154218d4:
|
จากหนังสือชื่อ "ทางพ้นทุกข์" ค่ะ
ถาม: ทานอะไรดีที่สุดครับหลวงปู่ ตอบ: อภัยทาน ธรรมทาน เหนือทานทั้งปวง อภัยทานถึงนิพพานได้ ไม่ให้อภัยก็ไม่ใช่ลูกพระพุทธเจ้านะซี พระพุทธเจ้าให้อภัยสัตว์เก่ง ลูกพระพุทธเจ้าเกิดด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา เกิดแล้วไม่ต้องตายเป็นทุกข์ ตายแล้วไม่ต้องเกิดเป็นทุกข์ ขอทุกข์อันนี้อย่าได้ติดตาม อย่าได้ตามมาในตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ขอให้พ้นไป ให้มีความสุขเพราะความสงัด สุขเพราะไม่เบียดเบียน สุขเพราะปราศจากราคะ ก้าวล่วงข้ามกามเสียได้ สุขอย่างยอด คือการนำความถือตัวออกเสีย หมายเหตุ: หนังสือเล่มนี้ ชไมเคิลได้รับมาจากเฮียยิ้ง อภิชาติ ค่ะ หากมีใครจะขอบคุณการที่ชไมเคิลโพสต์ธรรมจากหลวงปู่บุดดา กรุณาขอบคุณเฮียยิ้งนะคะ:d16c4689: |
ปุจฉา หลวงปู่บอกว่า ตามันหลับก่อน ตัวรู้มันหลับทีหลัง รู้อย่างไรครับ
วิสัชชนา รู้อยู่ตรงรู้นั่นแหละ รู้อยู่ตรงไม่ติดนั่นแหละ ปุจฉา หลวงปู่อยู่วัดอะไรครับ วิสัชชนา อยู่วัดสองขา ... อยู่ตรงไหน ตรงนั้นก็เป็นวัด ... ปุจฉา ลูกขอเกาะชายจีวรหลวงปู่ไปนิพพานด้วยคนนะเจ้าคะ! วิสัชชนา ขี้เยี่ยวแทนกันได้หรือเปล่าละ? |
ปุจฉา หลวงปู่ครับ ทำไมชาวบ้านใส่เกี๊ยะเดินในวัดหนวกหูจังเลย
วิสัชชนา เอ้า ! แก้หูตัวเองซี่ ! หูเราอยู่บนกุฏิไปหาบเกี๊ยะเขาทำไมละ ! ปุจฉา หลวงปู่เป่าศีรษะให้เพื่อนผมหน่อยครับ วิสัชชนา นี่ ! มันยังไม่รู้ว่าธรรมอยู่ตรงไหนจะให้เป่าหัว เป่าใจมันยังไม่ฟังเลย แล้วจะเป่าหัวยังไงละ? ปุจฉา เวลาถูกด่าทำอย่างไรดีครับหลวงปู่ ? วิสัชชนา เวลาถูกด่า ถอดจีวรดูซิ ! ไม่มีตัวมีตนที่ไหนนี่ คนไหนด่า ก็อยู่กับคนด่านั้นแหละ คนไหนถูกด่า ก็ถูกที่หูนี่ ใจไม่ถูกด้วยนี่ ! |
ปุจฉา หลวงปู่ครับ ผมใครยุ่งที่สุดครับ ?
วิสัชชนา ไม่มีของใครยุ่งหรอก กิเลสมันยุ่งต่างหากละ ! ผมมันไม่ได้ว่าอะไรนี่ ! ปุจฉา วิธีแก้ผมยุ่งทำอย่างไรครับหลวงปู่ ? วิสัชชนา ใช้ใบมีดโกนซี่ ! แก้ยุ่งได้ :55318906::55318906: สมน้ำหน้า ไม่น่าถามเลย |
อ้างอิง:
อ่านแล้วนึกถึงที่หลวงพ่อพระอัสสชิกล่าวแก่หลวงพ่อพระสารีบุตร ที่เมื่อครั้งท่านยังไม่บวชเลยค่ะ ที่ท่านบอกว่า เย ธัมมา เหตุปัพภะวา เตสังเหตุง ตะถาคะโต เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ แปลว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงตรัสเหตุแห่งธรรมนั้น และการดับแห่งธรรมนั้น |
ฮ่า ๆ ขอบคุณท่านทั้งหลายที่ตักเตือนและชื่นชมกันมา
เอาละค่ะ มาเข้าเรื่องของหลวงปู่บุดดา กันต่อค่ะ ปุจฉา หลวงปู่ให้หวยโยมหน่อยได้ไหมครับ วิสัชชนา ฮือ ! ให้ทำไม ! หวยมันมีอยู่ของรัฐบาลนั่นต่างหากละ ! ของเรามีเมื่อไร ? เรามีแต่ศีลธรรม ก็ให้ศีลธรรมดีกว่านี่ ให้วัตถุได้หรือ ? ปุจฉา เดี๋ยวนี้พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนครับหลวงปู่ ? วิสัชชนา พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไม่เกิดไม่ตายนั่นแหละ ปุจฉา หลวงปู่หายตัวได้ไหมครับ ? วิสัชนา ทำไมจะหายไม่ได้ละ ! ก็หายไปจากอดีตไงละ ! อย่าไปอนาคต อยู่กับปัจจุบันก็ไม่มีตัว มีแต่ธรรม ไม่ใช่ตัวกิเลส แต่เป็นตัวธรรมะ |
ปุจฉา หลวงปู่เหาะได้ไหมครับ ?
วิสัชชนา ทำไมจะเหาะไม่ได้ ก็เหาะไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เหาะไปมนุษยโลก สวรรค์เทวโลก พรหมโลก โลกุตตรโลก ไปได้ทุกโลกแหละ ! ปุจฉา อยากให้หลวงปู่ด่ากระผมสักทีครับ วิสัชชนา ถ้ามีให้ด่ามันก็ด่าซี่ ! ไม่มีให้ด่ามันจะด่าได้อย่างไร ? ปุจฉา หลวงปู่ครับพระสูบบุหรี่เป็นพระอรหันต์ได้ไหมครับ ? วิสัชชนา เป็นหรือไม่เป็น มันไม่ใช่คนถามหรือคนบอกหรอก ! มันจะเป็นของมันเอง มันจะไม่เป็น ก็ไม่เป็นของมันเองต่างหากละ ! อริยมรรค ๔ อริยผล ๔ มันบอกเอง คนบอกได้หรือ ? ของใครของมันต่างหาก ! |
ปุจฉา หลวงปู่คะ เมื่อไหร่ลูกจะมาอยู่วัดได้คะ ?
วิสัชชนา หมดโกรธแล้วอยู่วัดดีนะ ! ปุจฉา หลวงพ่อสงฆ์ท่านตาบอดแล้วยังเทศน์ได้หรือครับ ? วิสัชชนา ท่านตาบอดแต่ตา แต่ธรรมะท่านไม่บอดนี่ ! ปุจฉา ถ้ามีโยมมาชวนพระสึกจะทำอย่างไรครับหลวงปู่ ? วิสัชชนา มันยังมีกรรมพันธุ์นี่ ให้เบาก็มีกรรมข้างเดียวเสีย ! เราไม่รับกรรมเขาก็แล้วกัน |
หลวงพี่สมปองเคยเล่าถึงหลวงปู่บุดดาว่า (แหะ แหะ ไม่เคยหาอ่านเองเลย
อาศัยฟังตลอด :154218d4:) เข้าเรื่องต่อนะคะ หลวงปู่บุดดาท่านคุยเก่งมาก ถ้ามีใครมาถามท่าน ท่านเล่า ท่านสอนได้ไม่หยุด ต่อให้ไม่ต้องนอน ท่านก็สอน ท่านก็บอก จนกระทั่งวันหนึ่ง ท่านเห็นว่า ถึงท่านจะพูดไป บรรดาคน เหล่า ๆ นั้น ก็ไม่เห็นจะดีขึ้น พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ หลังจากนั้น หลวงปู่ก็ไม่พูด ใครมาท่านก็ยิ้ม แต่ไม่พูด แหะ แหะ ฟังแล้วหนาวเลย :cebollita_onion-08: เหมือนท่านจะเตือน กลาย ๆ ว่า ถ้าไม่เร่งปฏิบัติ ปล่อยให้ท่านเหนื่อยเปล่า อีกหน่อยท่านก็จะไม่สอนแล้ว เพื่อน ๆ ก็มาพยายามด้วยกันนะคะ ก่อนที่ครูบาอาจารย์ของเราจะเห็นว่า พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ แล้วท่านจะเลิกสอนกันหมด |
ปุจฉา หลวงปู่ครับ หมอฉีดย่าฆ่าเชื้อโรคตาย บาปไหมครับ ?
วิสัชชนา ฉีดยาแก้โรคซี่! ไม่ใช่ฉีดยาฆ่าสัตว์นี่ ปุจฉา หลวงปู่เคยถอนฟันทีละซี่หรือครับ ? วิสัชชนา บางทีวันเดียว ๓ ซี่ก็มี ถอนพร้อมกันเลย มันไม่มีเพี่อนเอาไว้ทำไม ? ถอนทีละซี่ก็ได้ แต่เสียเวลาคนเขาทำให้ ฟันมันนิพพานไปก่อนแล้ว ไปแล้วไม่มาหรอก ไม่เหมือนเด็กฟันน้ำนม ไปแล้วมา กลับไปกลับมาได้ ปุจฉา หลวงปู่ครับผมควรเอาอย่างใครครับ ? วิสัชชนา เอาอย่างธรรมซี่มันถึงจะแน่ ไปไหนก็ธรรม ล่วงไปแล้วก็ธรรมะ ชีวิตอยู่ด้วยธรรมะก็แล้วกัน ไปอยู่กับคนมันยุ่งเหมือนยุงตีกัน |
หลวงปู่เล่าว่า "คนเรานั้นมันบ้า ขี้ออกจากตูดแล้ว ก็ยังยึดว่าขี้ของกูอีก"
“ขี้ของใครวะ? เหม็นตายห่า” พอดีเจ้าของขี้ได้ยินเข้า โมโหใหญ่ “มึงมาด่าขี้กูเหม็นทำไมวะ!” อีกคนบอกว่า “กูไม่รู้นี่หว่า ว่าขี้ของมึง” ทั้ง ๒ คนก็เลยทะเลาะกันใหญ่ “ดูซิคนเรา แม้แต่ขี้ของมันถ่ายออกมาแล้ว ใครมาว่ามันก็ยังโกรธ นั่นแหละความหลง” |
หลวงปู่สอนว่า "พวกเราถูกความแก่ เจ็บ ตาย คาดโทษไว้แล้ว จงรีบแก้ไขตัวเองซิ!
เกิดเป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์ จะเอาอีกหรือ ? มัวแต่มองตาคนอื่นทำไม? ตาของเราก็มี มองผิวหนังคนอื่นทำไม?หนังของเราก็มีอยู่รอบ มองหน้าคนอื่นทำไม? หน้าของเราก็มีอยู่แล้ว ระวัง! อย่าคล้อยตามคน สัตว์ บุคคลจะหลงทางเดินไม่ถูกทางไม่ถึงที่หมายได้นะ!” |
เถรีชอบใจตรงนี้ ที่หลวงปู่สอนว่า “มาวัดก็เป็นโสดาเต็มวัด เต็มโบสถ์ เต็มศาสนา พอออกจากวัดก็เป็นบ้านกู ของกู หมด เออ! โสดาหายไปไหนหมด วิ่งมาวัดหมด โสดาเฉพาะมาวัดอยู่คืนเดียว วันเดียว พอกลับไปบ้านเป็นคนหมด”
:55318906::55318906: |
หลวงปู่บุดดาสอนลูกศิษย์ว่า "ระวังถูกจับติดคุกนะ จำอดีตชาติได้ไหม? การติดคุกอิสรภาพ(การแต่งงาน) ถ้าติดคุกแล้วมันไม่จบนะ เราตายไป เขาก็เอาใหม่ คุกนี้แน่นนักหนา จะอยู่กับวิชาหรืออวิชาเล่า”
“คนไทยนี่ อะไรก็ไม่เสียดายหรอก ในโลกนี้ให้หมดนะ อามิสนะ! แต่มีข้อแม้ว่า ผัวดิฉันใครแตะไม่ได้นะ ! เอาตายเชียวนะ ! จะไปนิพพานจะเอาผัวไปด้วย ปัทโธ่ ! เขาไปนิพพานเขาเอาผัวเอาเมียไปด้วยที่ไหนกัน?เขาเอาธรรมะไปต่างหากเล่า" |
หลวงปู่สอนว่า "คนเราจะเป็นสุขเมื่อรู้จักพอดี ไม่มีใครได้อะไรตลอดไป หรือเสียอะไรตลอดไป ไม่มีใครหรือสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไปโดยไม่สูญสิ้น ขอเพียงแค่รู้จักพอดี ทุกคนจะเป็นสุข"
|
แต่ละวันจะมีญาติโยมมากราบหลวงปู่ ถามธรรมะบ้าง ขอของแจกบ้าง วันหนึ่งมีกลุ่มชายฉกรรจ์มากราบ พร้อมกับขอเหรียญหลวงปู่ ชายคนหนึ่งก็ถามหลวงปู่ว่า
“วัตถุมงคลและของต่าง ๆ ที่หลวงปู่แจก ถ้าเก็บไว้นาน ๆ ไป ของจะเสื่อมไหมครับ ?” หลวงปู่ตอบว่า “ของไม่เสื่อมหรอก นอกจากเราจะเสื่อมศรัทธาจากของเอง” |
โยมคนหนึ่งเห็นว่า เงินทองเป็นสิ่งหามาได้ด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน เวลาจะทำบุญจึงนึกอยากเลือกทำบุญให้คุ้มค่าเหนื่อย ถ้ามีโอกาสจะเลือกทำกับพระอริยบุคคลเพื่อหวังจะได้บุญมาก ๆ
ฉะนั้นวันหนึ่งขณะที่ได้ถวายสังฆทาน กำลังอุ้มผ้าไตรถวายแด่พระคุณหลวงปู่ ในใจก็นึกปิติยินดีว่า โอหนอ! วันนี้ฉันโชคดีจังเลยที่จะได้ทำบุญกับพระอรหันต์ บุญที่ได้ย่อมมากเป็นพิเศษ แค่นึกในใจเท่านั้น หลวงปู่มองหน้าแล้วพูดว่า “ผู้รับหมดกิเลส ผู้ถวายก็ต้องหมดกิเลสด้วยนะ จึงจะได้บุญมาก” โอโฮ ! ผู้ถวายสะอึกไปเลย คำพูดของหลวงปู่ประทับใจมาก ทำให้นึกว่าอย่างไรเสียเราจักต้องพยายามจัดการกับกิเลสของตนให้จงหนัก เพื่อความสมปรารถนาแห่งใจตน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง สาธุ |
คืนหนึ่งมีนักศึกษาสาวผู้หนึ่งแต่งชุดฟอร์มมากราบหลวงปู่
หลวงปู่ถามว่า “ยังเรียนอยู่หรือเป็นครูเขา ?” นักศึกษาหญิงตอบว่า “ยังเรียนอยู่เจ้าค่ะ” หลวงปู่บอกว่า “ระวังอย่าไปเรียนอวิชชานะ เรียนวิชาต้องเรียนให้หายโกรธ หายหลง หายลืมนะ ขอให้เคารพมั่นในพระธรรม แล้วเจริญให้ถึงจะได้พ้นแก่พ้นตาย โลกุตรธรรมมีอยู่จริง ๆ ด้วย ศาสนาพุทธคือพ้นเกิดพ้นตาย ผู้ใดถึงแล้ว เป็นผู้บรมสุขนั่นเอง” |
หญิงสาวกลุ่มหนึ่งมากราบหลวงปู่ แต่ละคนก็แต่งกายสวยงามรัดกุม ตอนหนึ่งหลวงปู่เทศน์ให้ฟังว่า
“อยากดูหนังก็ให้ดูหนังเรา มีให้ดูตลอดเวลา ดูตามนี้ธรรมะดีขึ้น หนังเรามันดีลง จะไปติดอะไรกับหนัง จะไปเสียดายอะไรกับหนัง แค่กระดาษห่อขนมปังเท่านั้นเอง คนรู้นะ ! เขาทิ้งกระดาษห่อขนมปังทั้งนั้นแหละ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านรู้อย่างนี้ ท่านจึงไม่หลงไม่ลืม แล้วเราจะอวดดี ไปหลงไปลืม ทำไม !” |
พระภิกษุหนุ่มองค์หนึ่ง บวชเรียนธุดงค์กรรมฐานได้หลายพรรษาแล้ว เกิดร้อนผ้าเหลืองก็มีความปรารถนาอยากจะสึกมากเพราะต้องการที่จะไปแต่งงาน ก็มากราบลาหลวงปู่เพื่อขอพร บอกหลวงปู่ครับผมจะสึก หลวงปู่ก็ถามเหตุผล ภิกษุหนุ่มผู้นั้นก็อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ตอนหนึ่งหลวงปู่ก็ให้โอวาทว่า
“สึกทำไม? พระเณรสึกทำไม? เปลืองข้าววัดแล้วยังจะเปลืองข้าวพ่อแม่อีก อีโธ่! นึกว่าจะไปช่วยทำงาน กลับไปช่วยให้เสียเงินเสียทองอีก พวกโกหกตัวเองนี่ โกหกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วย เพราะฉะนั้น อย่าหัดโกหกเลย ถ้าไม่รู้ว่าบวชเพื่ออะไรแล้ว จะบวชทำไม? บวชโง่ ๆ งั่ง ๆ บวชทำไมละ! เกะกะบ้านเมืองเขา บวชแล้วต้องฉลาดซี่” |
หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่ท่านยังไม่ได้บวช ท่านเป็นทหารและก็ได้อยู่ในฝ่ายทำอาหาร มีผู้หญิงชอบมาแกล้งท่าน โดยเข้ามาจับท่าน ท่านจึงพูดว่า
“อย่ามาจับนะ พ่อแม่เขายังไม่ได้อนุญาต อย่ามาจับ อย่ามาต้อง บาปนะ” |
หลวงปู่ได้มีกิจนิมนต์ไปบ้านโยมที่ศรัทธาท่านหนึ่ง เขาจัดงานแต่งงานให้กับลูกหลาน หลวงปู่ก็ไปงานนี้แล้วก็เทศน์ เทศน์ไปเทศน์มา คู่บ่าวสาวคู่นี้ก็เลยล้มเลิกที่จะแต่งงาน และขอจัดงานแต่งเป็นงานบวช ปู่กับย่า ตากับยายที่มาร่วมงานแต่ง ต่างซาบซึ้งในคำสอนของหลวงปู่ ก็เลยขอบวชตามหลานด้วย
:onion_wink::onion_wink: หลวงปู่สุดยอด ทำได้อย่างไรนี่ :onion_wink: |
โยมผู้ชายคนหนึ่งมีโอกาสได้กราบหลวงปู่ และถวายการนวดให้หลวงปู่ ตอนหนึ่งแกนวดไปแล้วก็พูดไปว่า
“หลวงปู่ครับ ผมไม่อยากทำมาหากิน อยากอยู่เฉย ๆ จะให้นั่งภาวนาผมก็ไม่อยากนั่ง” หลวงปู่ตอบว่า “คนไหนขยัน คนนั้นแหละ เป็นลูกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คนไหนขี้เกียจ ขี้คร้าน เป็นลูกของกิเลส” |
ในตอนหนึ่ง หลวงปู่ท่านได้เทศน์โปรดญาติโยมจากกรุงเทพฯ ทุกคนนั่งสมาธิหลับตาฟังกันอย่างสงบ หลวงปู่ก็กวาดสายตาไปทางนั้นบ้างทางนี้บ้าง แล้วก็เทศน์เป็นช่วง ๆ ก่อนจบหลวงปู่พูดว่า
“ฟังธรรมะไม่ใช่ฟังเท ฟังทิ้งนะ ฟังธรรมต้องทำไปด้วยซี่” |
มีพระกลุ่มหนึ่งจะออกธุดงค์ ก็ได้มากราบขอพรหลวงปู่ และขอคำแนะนำก่อนที่จะไปธุดงค์ หลวงปู่ก็ให้โอวาทว่า
“เข้าป่าก็ให้เข้าป่าเป็นปัญญา เข้าป่าโง่ ๆ ก็เป็นถูดงค์ ไม่ใช่ธุดงค์นะ” |
กลุ่มสาวโสดสี่คน เป็นกลุ่มที่ผ่านการปฏิบัติมาไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปี ได้มีศรัทธามากราบเยี่ยมหลวงปู่ ก่อนหน้าที่จะมากราบหลวงปู่ ก็ได้วิจารณ์เรื่องทุกข์ของการแต่งงาน ในกลุ่มสาวโสดทั้ง ๔ คน บางคนมีชายหนุ่มมาหมายปอง แต่หญิงผู้นั้นพยายามที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ในใจก็ยังมีจิตที่พึงพอใจ พวกเธอเลยพากันมากราบหลวงปู่เพราะบังเอิญวันหยุดงานตรงกันพอดี หลวงปู่ได้ให้ธรรมะว่า
“พวกโสดาโลกุตตระนี้ทำงานได้มากกว่าใคร ทำงานเท่าไรก็ไม่เก้อเขิน อนาคาโลกุตตระทำงานได้มาก เข้าบ้านเข้าวัดได้ แต่ไม่ยอมมีคู่ไง กายโสด จิตโสด โสดจากสังโยชน์ ๕ นี่ละ” |
มีญาติโยมที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ มักจะชื่นชมความอายุยืนของหลวงปู่ และก็อยากจะให้หลวงปู่มีอายุยืนนานไปมาก ๆ ก็พยายามขอให้หลวงปู่มีอายุยืนกว่าร้อยปี บางพวกก็สงสัยอยากทราบว่า หลวงปู่จะละสังขารเมื่อไร? ก็เลยกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า
“หลวงปู่ครับ หลวงปู่จะละสังขารเมื่อไร? บอกได้ไหมครับ?” หลวงปู่ตอบว่า “ตายวันไหน ก็บอกวันนั้นซี่” |
มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งชอบติดตามฟังธรรมของหลวงปู่เสมอ วันหนึ่งหลวงปู่บอกว่า
“ขอให้เป็นผู้ช่วยเหลือดำรงพุทธศาสนาเอาไว้ด้วยนะ ให้มีลมหายใจเป็นธรรมะ ยืน เดิน นั่ง นอนเป็นธรรมะ ลมหายใจเข้าออกอยู่กับธรรมะ เกิดบ่อย ๆ ตายบ่อย ๆ สนุกหรือ? อย่าตายนะ ! จะได้ไม่เกิด คนที่ไม่ตายคือคนที่ตัดอาสวะได้ ตัดกิเลสตัณหาได้ เราพ้นจากอาสวะเดี๋ยวนี้ก็สำเร็จตลอดไป ไม่มีเสื่อมนะ” |
"หลวงปู่ครับ สุนัขนี่มันรู้ภาษาคนไหมครับ"
"มันรู้ แต่มันพูดไม่ได้เท่านั้นแหละ แต่พูดในใจ มันพูดรู้นะ ถ้ามองตามัน จิตใครมีธรรมมันก็เข้ามาหา มานอนด้วย ถ้าจิตใครไม่มีเมตตามันไม่เข้ามาหาหรอก มันกลัว มันมองตามันรู้นะ มันรู้สายตาน่ะ" |
"อยากให้หลวงปู่บอกหลักสูตรการทำจิตขณะบริจาคทานครับ"
"ก็นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ซี่ เข้าหลักสูตรนะ ถ้าลืมหลักสูตรแล้วอุทิศไปไม่ถูกหลัก มันเฉย ๆ มันเป็นโมหะแล้ว ถ้าอุทิศถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันพร้อมด้วยศีล ด้วยปัญญา ด้วยทานศีลภาวนา มันไม่พร้อมก็ไม่มีปัญญาน่ะซี่" |
"หลวงปู่ครับ พระสมเด็จองค์นี้ของจริงหรือของปลอมครับ"
"จริงหรือปลอมก็ใช้ไปเถอะ! เพราะเป็นของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใช้ได้หมดแหละ!" |
" คนเราเกิดมาคนแรกมันคนไหนแน่ครับหลวงปู่"
"ปูโธ่! ของใกล้ ๆ ก็มาถามได้ คนไหนเกิดก่อน? คนถามเกิดก่อนซี่! คนตอบเกิดเป็นคนที่สองไง! โธ่! ดึกดำบรรพ์จะเอามายังไง มันอยู่ที่ไหน บ้านเมืองอยู่ไหน แค่ผมขน เล็บ ฟัน หนัง แค่นี้ยังดูไม่ทั่ว ยังจะไปถามอดีต อ้ายดึกดำบรรพ์จะไปถามได้ความอะไรล่ะ! มีพยานที่ไหนล่ะ!" |
หลวงปู่จะมาเกิดอีกไหมครับ
"ไม่มีเชื้อมันจะเกิดได้อย่างไร ข้าวเปลือกมีอยู่มันก็เกิดได้ ข้าวสารมันเกิดได้ไหม หมดเชื้อแล้วปลูกไม่ขึ้นก็ผุพังไป" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:21 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.