ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๗
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406232530 คุยกันเรื่องเมืองจีนที่ "ว่าจะ" ไปหลายทีแล้ว วันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นมาก นึกว่าใกล้สว่างแล้ว ที่ไหนได้..เพิ่งจะห้าทุ่มกว่าเอง จึงยกใจไปกราบพระ แล้วภาวนาตามความเคยชิน ว่าไปจนครบชุดยังไม่ตีสองดี ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วมาอ่านหนังสือ คู่มือทหารอาชีพ ต่อ คาดว่าถ้าไม่ใช่ทหารแล้ว คงไม่มีใครอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นแน่แท้ เพราะเขียนแบบวิชาการมาก... ตีสี่เสียงกริ่งดังขึ้น เปิดออกไปเจอแม่ป๋อม รายนี้ตื่นเช้าทุกวัน ตีหนึ่งตีสองก็ตื่นตามประสาคนแก่ คงฝึกโยคะจนครบทุกท่าแล้วจึงมากวนอาตมาแทน วันนี้ไม่ได้มาเคี่ยวเข็ญให้ฝึกโยคะ ทำบุญแล้วคุยกันเรื่องเมืองจีนที่อาตมา ทำท่า จะไปหลายทีแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปสักที... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406317404 เซี่ยงไฮ้..มหานครที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คุณแม่บอกว่า ป้าปุ๋ม พี่สาวที่อยู่เซี่ยงไฮ้ จะย้ายไปยุโรปเร็ว ๆ นี้ ถ้าจะไปเมืองจีนก็ต้องรีบไปโดยด่วน ขืนช้าก็ต้องไปจ่ายค่าที่พักแพง ๆ เอาเอง แน่ะ..มีขู่อีกด้วย พอดีลูกปุ๊กมาอีกคน ทำบุญแล้วช่วยต้มน้ำร้อนและพับผ้าให้ พอได้ยินว่าจะไปเมืองจีน คุณลูกก็ขอไปด้วย อาตมาบอกว่าเมืองจีนค่าใช้จ่ายแพง ลูกปุ๊กยืนยันว่าถึงแพงก็จะไป... แม่ป๋อมบอกว่า ป้าปุ๋มจะย้ายสิ้นเดือนหน้า ถ้าจะไปก็ต้องก่อนสิ้นเดือนหน้า แบบนี้ฉุกละหุกตายห่..! เพราะแทบจะไม่มีเวลาขอวีซ่าเลย คุณแม่แนะนำว่าให้ถ่ายรูปสำหรับขอวีซ่าไว้ก่อน พอถึงเมืองไทยแล้วรีบเอาหนังสือเดินทางมา คุณแม่จะไปดำเนินการเรื่องวีซ่าให้... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406403448 อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ คนกินกันแน่นทีเดียว คุยกันจนหกโมงเช้า ได้เวลาอาหารเช้าของทางโรงแรมแล้ว อาตมาเดินลงบันไดไปยังห้องอาหารข้างล่าง ขณะที่ลูกปุ๊กกับแม่ป๋อมไปเรียกคนอื่น ๆ ที่ห้องพัก ถึงห้องโถงด้านล่างแล้วเดินผ่านเคาน์เตอร์ของพนักงานต้อนรับ เลี้ยวขวาผ่านประตูกระจกเข้าไป โอ้โฮ..คนแน่นไปหมด มีเสียงบอกกันว่า พระไทย..พระไทย.. แสดงว่าคนไทยมาเที่ยวเสียมเรียบกันมากทีเดียว... อาตมายกมือเป็นการทักทาย เพื่อแสดงให้พวกเขาทราบว่า รู้แล้วว่าคุณเป็นคนไทย แล้วเดินเลาะไปตามโต๊ะต่าง ๆ เพื่อหาที่นั่ง มีโต๊ะด้านในสุดติดกับหน้าต่าง ๒ ๓ ตัวยังไม่มีใครนั่ง จึง ยึด เสีย ๑ ตัว พี่มุกดา ป้ามอย แม่ป๋อม น้องเล็ก ลูกปุ๊ก ที่ตามมาถึง ยึด ไปอีก ๑ ตัว แล้วช่วยกันตักอาหารมาประเคนให้กับอาตมา... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406492510 มุมไม่กว้างพอที่จะถ่ายรูปโรงแรมได้ทั้งหลัง ข้าวผัดอเมริกันมาก่อนเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยข้าวต้ม ผัดหมี่ โรตีกรอบ กล้วยไข่ สับปะรด พี่วิไลที่เพิ่งมาถึงส่งน้ำส้มมาอีก ๑ แก้ว อาตมากวาดทุกอย่างเรียบวุธตามมารยาทในการกินอาหารบุฟเฟต์ แล้วหยิบน้ำดื่มติดมือกลับไปห้องพัก ๑ ขวด กระโดดขึ้นไป “เลื้อย” บนเตียง ภาวนารอบหลังอาหารเช้า รอเวลาที่รถจะมารับ... หกโมงห้าสิบนาทีลูกปุ๊กมาตาม บอกว่ารถตู้มาถึงแล้ว อาตมาเดินลงไปจนถึงข้างล่างแล้วจึงรู้ตัวว่าเดินเท้าเปล่า ต้องย้อนกลับไปใส่รองเท้าบนห้องพักอีกรอบ ขนาดนั้นยังลงมาเร็วกว่าพี่วิไล ทำให้มีเวลาเดินถ่ายรูปบริเวณหน้าโรงแรมไปหลายรูป จากนั้นตามคนอื่น ๆ ขึ้นรถตู้ ซึ่งมีคุณราญเป็นพลขับ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406572061 ไปแลกเงินก่อนตามเคย อาตมานั่งคู่กับคุณปัญญาที่เบียดติดกับคุณราญ คุณอารีนั่งคู่กับพี่วิไล น้องเล็กนั่งคู่กับลูกปุ๊ก พี่มุกดา ป้ามอยกับแม่ป๋อมนั่งแถวหลังสุด ส่วนคุณแสงไม่ได้ไปกับเราแล้ว พี่วิไลบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน ไม่ต้องมีมัคคุเทศก์ก็เที่ยวกันเองได้ จึงไม่ได้ใช้บริการของคุณแสงอีก อาตมาที่ยังไม่ได้บอกลาคุณแสงเลย จึงได้แต่ ออคุณเจริญ คุณแสงอยู่ในใจ... คุณราญออกรถ (คำว่า รถ ขแมร์ใช้คำเดียวกับไทย แต่ถ้าออกเสียงเร็ว ๆ จะฟังเป็น ร็วด) ไปบนถนนที่ว่างสุด ๆ เพราะยังเช้าเกินไปสำหรับคนอื่น พี่วิไลสั่งให้วิ่งไปยังร้านฮุ่ยเกียงเพื่อแลกเงิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณอารีที่วันนี้ใส่เสื้อกึ่งเสื้อกล้ามกึ่งคอกระเช้าสีแดง วิ่งลงไปแลกเงินให้ตามเคย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406662427 ลูกน้องหลอกเล่นหัวชาวบ้าน มีเจ้านายคอยเชียร์..! คุณอารีหอบธนบัตรเขมรกลับขึ้นรถมาส่งให้พี่วิไล แล้วไปเปิด อารีซาลอน ที่เบาะแถวกลาง เพราะลูกปุ๊กเห็นว่าคุณอารีถักเปียได้หลายรูปแบบ เอ่ยปากชมว่าสวย อีกฝ่ายจึงเต็มใจบริการให้ เพียงแต่คุณลูกตัดผมสั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่า เจียงอารี จะทำออกมาเป็นทรงไหน... คุณราญพารถตู้เลี้ยวขวาข้างพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเสียมเรียบ วิ่งตรงไปข้างหน้า ผ่านโรงพยาบาลเด็กและวงเวียนอัปสรา เมื่อออกพ้นตัวเมืองก็เลี้ยวซ้ายตรงไปทางปราสาทนครวัด มาถึงสามแยกข้างตัวปราสาทนครวัด มีด่านตรวจซึ่งเจ้าหน้าที่ชะโงกมาดูในรถ พอเห็น โลกไทย ก็โบกมือให้ผ่าน คุณราญพารถเลี้ยวขวา วิ่งยาวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านสระสรงทางขวามือและปราสาทแปรรูปทางซ้ายมือ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406748279 เลิกเล่นหัวคนอื่นก็ไปหาซื้อของกิน เลี้ยวขวาอีกทีออกไปตามถนนเส้นที่ไปปราสาทบั้นท้ายสตรี เอ๊ย..บันทายศรี ผ่านหมู่บ้านพึ่งตนเองที่มีของที่ระลึกขายเต็มไปหมด วิ่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็หมดถนนลาดยาง กลายเป็นทางลูกรังแดง ๆ แต่ก็เรียบดี เสียอย่างเดียวว่าเมื่อรถวิ่งผ่าน ฝุ่นสีแดงก็ฟุ้งตลบตามหลังเป็นทางยาว สองข้างทางมีบ้านหลังเล็กหลังน้อย บ้างมุงแฝก บ้างมุงสังกะสี แทรกอยู่เป็นระยะ บ้างบ้านมีเพิงเล็ก ๆ วางของจำพวกพืชผักผลไม้พื้นบ้านขายอยู่ด้วย... คุณอารีถักเปียให้ลูกปุ๊กเสร็จ ก็เปลี่ยนจากช่างทำผมมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของคณะทัวร์ สั่งคุณราญให้หยุดรถที่เพิงหลังหนึ่ง ซึ่งมีตุมสวาย (มะม่วงสุก) กับก็อมปึงเรียจ (กระท้อน) วางขายอยู่ ทั้งอาตมา คุณอารีและคุณปัญญา ลงจากรถไปเพื่อดูของ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406833153 ฝีมือช่างอารีที่อุตส่าห์ถักผมสั้น ๆ ให้ บนแคร่ในเพิงมีมะม่วงกระล่อนทั้งสุกและดิบอยู่อย่างละกอง กับกระท้อนพื้นเมืองที่ ดูแล้วน่าจะเปรี้ยวมากกว่าหวานแขวนอยู่อีกพวงใหญ่ คุณอารีถามราคา พี่วิไลกับลูกปุ๊กที่ตามลงมาจึงได้ยินเสียงรัวลิ้นภาษาขแมร์ “ตุมสวายโปร๊กบอกนี้ทะรัยโปนมาน ?” (มะม่วงสุกนี่ราคาเท่าไร ?) ทั้งสองคนฟังไม่ทันจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ก้มดูพื้นเหมือนกับสงสัยว่า พูดเสร็จแล้วคงมีตัว ร.เรือ หล่นอยู่เต็มพื้นเป็นแน่..! “ฝีมือช่างอารีเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ?” อาตมาถาม ลูกปุ๊กหมุนตัวหันหลังให้ดูฝีมือ “เจียงอารี” ที่อุตส่าห์ถักผมสั้น ๆ เป็นเปียคู่ให้ แล้วรวบปลายมามัดติดกันไว้ อือม์..ดูดีเหมือนกันนะ ถ้าเข้าร้านเสริมสวยจริง ๆ คงโดนไปเป็นร้อยแล้ว พอดีคุณอารีซื้อมะม่วงเสร็จ ให้คุณปัญญาที่ชิมมะม่วงของเขาไปเป็นลูกหอบมาขึ้นรถ พวกเราจึงต้องขึ้นตามเพื่อเดินทางต่อไป... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1406927010 ขแมร์ก็มีด่านบุญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะน้อยหน้าพม่า คุณราญพารถตู้ลุยไปบนถนนลูกรังต่อ ช่วงนี้สองข้างทางเป็นทุ่งนาและป่าละเมาะ นาน ๆ จะมีบ้านคนสักหลังหนึ่ง วิ่งไปประมาณ ๑๐ นาทีก็เจอนักเลงโต เอ๊ย..เจอด่านเรี่ยไร มีโต๊ะตั้งอยู่ ๑ ตัว พร้อมกับสัปทนสีทอง ๑ อัน ด้านหลังมีป้ายบอกว่าทำบุญอะไร แต่อาตมาอ่านไม่ทัน ส่วนที่ยืนอยู่ข้างถนนน่าจะเป็นสามเณร ๒ รูปกับเด็กวัด ๓ คน ถือบาตรรอรับการบริจาคอยู่... พี่วิไลบัญชาคุณราญจอดรถเทียบข้างให้ พวกเราควักกระเป๋าทำบุญกันใหญ่ อาตมาเป็นพระเองแท้ ๆ น่าจะเป็นฝ่ายรับ ยังบริจาคไป ๑,๐๐๐ เรียล นึกถึงตอนไปประเทศพม่า ที่นั่นเขาตั้งด่านรับบริจาคกันเป็นล่ำเป็นสัน ประมาณ ๑ ก.ม.ก็จะเจอ ๑ ด่าน อาตมาต้องแลกแบงค์ย่อยเอาไว้เป็นหอบ เพื่อทำบุญกับด่านเหล่านี้โดยเฉพาะ... อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง สามเณรกับเด็กวัดให้พรตามปกติ เพียงแต่ลืมไปว่าทำแบบนี้ถือว่าเสียมารยาท เป็นสามเณรกับเด็กวัดดันมาให้พรพระ..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407008487 ด่านนี้เป็นแม่ชีกับโยมวัด ทำบุญไปเถอะ..อย่าคิดมาก มัวแต่จอดทำบุญอยู่ มีรถตู้สีขาววิ่งแซงไปคันหนึ่ง เมื่อพวกเราตามหลังไปจึงมีแต่ฝุ่นสีแดงตลบอบอวล ยังไม่ทันที่อาตมาจะยุให้คุณราญวิ่งแซง รถตู้คันนั้นก็เบรกเห็นไฟท้ายแดงโร่ ที่แท้มีด่านบุญอีกด่านหนึ่ง คราวนี้เป็นแม่ชีกับคุณป้าคนหนึ่ง มาตั้งจุดรับริจาคอยู่แถวหน้าวัดเลย กลายเป็นว่าทั้งเขาทั้งเราต้องหยุดทำบุญกันก่อน แล้วค่อยวิ่งตามก้นคันหน้ากินฝุ่นกันต่อไป... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407096765 ด่านเก็บ "ค่านักเลง" ของอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน สองข้างทางรกทึบขึ้นเรื่อย ๆ จากทุ่งนาเป็นป่าละเมาะ จากป่าละเมาะกลายเป็นป่าเบญจพรรณ ไม่นานนักก็มาถึงด่านเก็บค่าผ่านทาง ราคาโหดได้ใจเชียวละ..รถเก๋ง รถกระบะ จ่ายคันละ ๑๐,๐๐๐ เรียล รถตู้คันละ ๒๐,๐๐๐ เรียล นักท่องเที่ยวคนละ ๒๐ ดอลลาร์ คนขแมร์คนละ ๒,๐๐๐ เรียล พี่วิไลให้คุณอารีวิ่งลงไปจ่าย ค่านักเลง แต่โดยดี... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407180401 ร้านค้าบริเวณหน้าด่าน เนื่องจากมีทั้งรถตู้คันหน้าและรถตู้คันของเรา เจ้าหน้าที่ต้องตรวจนับจำนวนคนก่อน แล้วค่อยออกบัตรผ่านทางให้ อาตมาจึงลงไปเดินถ่ายรูปสถานที่โดยรอบ แถมแวะดูร้านขายของข้างด่านอีกด้วย ร้านนี้มีทั้งมะม่วง (สวาย) สับปะรด (มะนัวะ) ขนุน (คะน็อล) และของขบเคี้ยวประเภท “ข้าวเกรียบรวยเพื่อน” เหมือนของไทย ดูคุ้นตาดีแท้ ๆ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407304840 พื้นที่อุทยานแห่งชาติพนมกุเลนส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา เมื่อกลับขึ้นรถมา รถตู้คันหน้าก็หายไปนานแล้ว เจ้าหน้าที่เปิดไม้กั้นให้ คุณราญนำรถวิ่งไปตามถนนที่เป็นดินแดงเหมือนลูกรัง แต่กลับเป็นดินเหนียวเรียบกริบ สองข้างทางเป็นป่าทึบประเภทป่าดิบเขา ดูแล้วน่าจะมีสัตว์ป่ามากมาย แต่รถราที่วิ่งเป็นประจำคงทำให้สัตว์ต่าง ๆ หนีห่างจากถนนไปโดยปริยาย พวกเราวิ่งผ่านป่ามาตั้งนานจึงไม่เจอตัวอะไรเลย... รถวิ่งขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทางขวามือเป็นไหล่เขากระหนาบชิดเข้ามา บางตอนเลี้ยวหักข้อศอกซ้ำยังเป็นช่วงที่กำลังขึ้นเนินอีกด้วย วิ่งผ่านซอกเขาที่มีหินใหญ่ก้อนมโหฬาร แถมยังมีศาลเจ้าที่อยู่ให้หวาดเสียวเล่น อาตมาตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่ทุกท่าน เห็นเจ้าที่ร่างใหญ่มหึมายืนถือกระบองอันโตอยู่ตรงโค้งหน้าเหว เหมือนกับช่วยยืนปิดทางไม่ให้รถราตกลงไป ในเมื่อท่านไม่เข้ามาใกล้ ก็ได้แต่ขอบคุณท่านอยู่ในใจ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407353819 เห็นแต่ไกลนึกว่าเป็นห้องแถว มีทางโค้งหักข้อศอกหลายแห่ง อาตมาบอกให้คุณราญบีบแตร เพื่อเตือนให้รถที่วิ่งลงมารู้ว่า มีรถกำลังวิ่งสวนขึ้นไป คุณราญหัวเราะพลางบอกว่า ไม่ต้องหรอก เพราะช่วงเช้าเขาให้รถวิ่งขึ้นอย่างเดียว ใครจะลงต้องรอช่วงบ่ายโน่น อ้าว..ไม่บอกไม่รู้นะนี่... ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เห็นมีอาคารเหมือนห้องแถวยาวอยู่ข้างหน้า เข้าไปใกล้จึงเห็นว่าเป็นร้านขายของที่ระลึกทั้งนั้น คุณราญพารถเลี้ยวเข้าไปในลานจอดด้านซ้ายมือหลังร้านขายของ ซึ่งตอนนี้มีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน น่าจะเป็นของบรรดาพ่อค้าแม่ค้านั่นแหละ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407468041 นี่แค่หนึ่งในร้อยที่วางขาย พวกเราลงจากรถแล้วเดินเลาะออกมาทางด้านหน้าร้านค้า ซึ่งมีของขายสารพัดชนิด ทั้งดอกไม้ธูปเทียน พระพุทธรูปทั้งแกล้งเก่าและของใหม่ เครื่องรางของขลังประเภทปลัดขิก และนกคุ่มกันไฟ ผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องสัมฤทธิ์ที่ดูก็รู้ว่าใช่โซดาไฟกัดแล้วทิ้งให้ดูเก่า ของป่าต่าง ๆ ทั้ง เขา หนัง เขี้ยว เล็บ ของสัตว์ป่า ตลอดจนว่านยาสารพัดชนิดทั้งสดและแห้ง ถ้าไม่ใช่ต้องหอบหิ้วกันข้ามประเทศก็น่าซื้ออยู่เหมือนกัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407526502 หน้าตาชวนกินมาก อาตมาเดินดูของไปตามร้านค้า ที่มีทั้งมุงแฝก มุงสังกะสี บางร้านก็คลุมด้วยผ้าใบ มีเสียงโฆษณาปาว ๆ ของทางวัด ซึ่งประกาศชักชวนให้ญาติโยมทำบุญกรอกหูไปตลอดทาง ผ่านแผงหอยคราง (คล้าย ๆ หอยแครง) ที่เขาคลุกกับพริก-เกลือ-น้ำตาล แล้วแผ่ตากไว้เต็มแผ่นสังกะสี เห็นแล้วนึกอยากได้มากินกับข้าวต้มร้อน ๆ ขึ้นมาโดยพลัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407613129 ขนาดบ่อน้ำยังวิลิศมาหราจนปานนี้ เกือบสิบนาทีกว่าจะเดินพ้นแถวร้านค้ายาวเหยียด มาเจอบ่อน้ำแบบบ่อโพง แต่เขาปั้นลายกลีบบัวรอบปากบ่อ มีพญานาค ๕ เศียรแบบขอมแผ่พังพานอยู่สี่ทิศ หางพญานาคม้วนพันกันเป็นเสาหลักกลางบ่อ มีคันทวยรูปคล้ายกินรี ค้ำยันดอกบัวดอกเล็กด้านบนอยู่ ๔ ทิศเช่นกัน แต่สับหว่างกับพญานาคด้านล่าง อาตมาถ่ายรูปไว้แล้วเดินตามคณะไปทางขวามือ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407726884 โปรดดูหมาวัด เอ๊ย..กวางที่ขั้นบันได ด้านนี้เป็นบันไดขนาดมโหฬาร แต่ละขั้นกว้างประมาณหนึ่งเมตร เหมือนกับจะเอาไว้ให้ยักษ์เดิน สองข้างบันไดช่วงแรกปั้นรูปกวางเอาไว้ทุกขั้น แต่เป็นกวางอีแลนด์ และกวางกาเซลของอาฟริกา เหมือนกับศิลปินจะอวดว่า ถึงจะอยู่คนละซีกโลกก็ยังเอามาประดับวัดได้ แต่กวางกาเซลหลายตัวชำรุดเขาหัก ทำให้ดูเหมือนหมาวัดมากกว่า..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407786889 ถ่ายรูปกับหมาลายเสือ สองฟากของแต่ละขั้นบันได ถูกจับจองไว้โดยคนขายดอกไม้ธูปเทียนตลอดจนของที่ระลึก บางคนนั่งขอทานก็มี บันไดช่วงที่สองเป็นรูปปั้นพญานาค ซึ่งลำตัวยาวเหยียดเท่ากับเป็นราวบันไดไปโดยปริยาย แต่พังพานพญานาคกลับเป็นครุฑสยายปีกเสียนี่ ผ่านซุ้มประตูสามพี่น้อง ที่ตรงกลางเป็นประตูใหญ่ สองข้างเป็นประตูเล็ก มีลวดลายคล้ายลายไทยเสียด้วย... หน้าซุ้มประตูมีรูปปั้นเสือโคร่งสองตัว แต่ความที่ปั้นหน้ายาวไปหน่อย เลยดูเป็นหมาลายเสือแทน อาตมาประหยัดพลังงานด้วยการก้าวยาว ๆ ให้ได้ก้าวละหนึ่งขั้น คนอื่น ๆ ทำตามบ้างแต่ไม่สำเร็จ กลายเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามอาตมาให้ทัน เมื่อเลยซุ้มประตูเข้าไป บันไดก็หักเลี้ยวไปทางซ้าย ราวบันไดช่วงนี้เป็นพญานาค ๗ เศียร ประมาณ ๒๐ - ๓๐ ขั้นก็เป็นพญานาคตัวใหม่ นอกจากจะค่อนข้างชันแล้ว ยังยาวเหยียดนับร้อยขั้น ทำเอาทุกคนลิ้นห้อยไปตาม ๆ กัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407876387 นั่งถ่ายรูปรอไปก่อน อาตมากลับหลังมองลงไป เห็นพี่วิไลกับคุณปัญญาอยู่ลิบ ๆ ถัดมาเป็นพี่มุกดา ส่วนป้ามอย แม่ป๋อมกับน้องเล็กเดินมาทันแล้ว ตามด้วยคุณอารีกับลูกปุ๊ก เห็นทุกคนหอบแฮ่ก ๆ อาตมาจึงนั่งตรงหน้าสิงห์ขอมข้างบันได ขอแม่ป๋อมช่วยถ่ายรูปให้ เป็นการนั่งพักไปในตัว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407961069 พ้นบันไดมาแล้วก็จะเป็นมณฑปหลังนี้ น้องเล็ก ลูกปุ๊กและคุณอารีเข้ามาถ่ายรูปด้วย รอจนพี่มุกดา พี่วิไลและคุณปัญญามาถึงจึงเดินต่อ สุดบันไดทางซ้ายมือเป็นเหมือนเทวาลัยขนาดไม่ใหญ่นัก มีซุ้มจตุรมุขเป็นหน้าบันด้านละ ๔ ชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นละเอียดยิบ เยื้องเข้าอีกหน่อยเป็นอาคารที่น่าจะเป็นกุฏิพระ ลักษณะเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงไทยชัด ๆ มุงกระเบื้องลอนเล็กสีเขียว มีหน้าต่างบานเกล็ดอีกด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408042427 ศาลาบนก้อนหิน ทางขวามือเป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่าง ๆ มีหินที่เหมือนกับกำแพงธรรมชาติโอบเอาไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อหันเข้าไปทางขวาเต็ม ๆ จะเป็นก้อนหินขนาดมโหฬาร ที่ด้านบนก้อนหินสร้างศาลาขนาดใหญ่เอาไว้ทั้งหลัง มีบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กทอดขึ้นไปยังศาลาข้างบนด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408220660 โผล่มาทางพระบาทของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ พี่วิไลเดินนำขึ้นบันไดไปข้างบน บันไดตรงขึ้นไปสองช่วง แต่ละช่วงหลายสิบขั้น แล้วหักเลี้ยวขวาขึ้นสู่ศาลาหลังใหญ่ คะเนด้วยสายตาน่าจะกว้างประมาณ ๙ X ๒๑ ตารางเมตร พวกเราโผล่มาทางปลายพระบาทของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่ยาวเกือบเต็มศาลา... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408305940 ด้านหลังองค์พระเหลือพื้นที่ว่างนิดเดียว องค์พระพุทธไสยาสน์แกะจากหินธรรมชาติ ที่เป็นส่วนของยอดหินก้อนใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลานั่นแหละ สัณฐานของยอดหินค่อนข้างแบน ลักษณะขององค์พระบรรทมตะแคงซ้าย เหลือพื้นที่ด้านหน้าองค์พระกับข้างฝาศาลาประมาณเมตรเศษ ๆ ส่วนด้านหลังแคบมาก ต้องเดินตะแคงข้างถึงจะผ่านไปได้... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408390603 องค์พระพุทธไสยาสน์ส่วนหนึ่งดูเหมือนจมลงไปในพระแท่นบรรทม พระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ออกไปในลักษณะศิลปะพุกาม แต่องค์พระแกะไม่เต็มพระองค์ จึงเหมือนกับจมลงไปในพระแท่นบรรทมส่วนหนึ่ง ช่วงระหว่างพระองค์กับพระแท่นบรรทมที่มีชานจากการแกะเว้าเข้าไป มีผู้เอาพระพุทธรูปขนาดหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว มาวางถวายไว้เรียงเป็นตับ ช่วงฐานของพระแท่นบรรทม แกะเป็นพระพักตร์ของพระพุทธรูปเรียงรายไว้เกือบตลอดความยาวขององค์พระพุทธไสยาสน์... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408479951 ได้ดอกไม้ธูปเทียนมา ก็ไหว้พระกันตามอัธยาศัย คุณอารีเอาดอกบัวและธูปเทียนทองที่ซื้อติดมือมาตั้งแต่เชิงบันได ส่งมาให้พวกเราคนละชุด อาตมาหลบญาติโยมชาวขแมร์ทั้งหลายที่แห่กันมากราบไหว้พระพุทธรูป ไปอยู่ทางด้านหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ตั้งใจถวายดอกไม้ธูปเทียนเป็นพุทธบูชา สวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้องถวาย แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่ทั้งหลาย ตลอดจนจอมคนแห่งกัมโพชที่วันนี้ไม่ "เห็นพระเศียร" เลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408566346 โลกเอิวเบ๊าะของชาวเขมรหรือหลวงปู่สรวง ภูเขาลูกนี้แต่เดิมชื่อมเหนทรบรรพต เป็นสถานที่ซึ่งถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ สมัยก่อนหลวงปู่หลวงพ่อจากเมืองไทยถ้าธุดงค์มาเขมร จะต้องมากราบพระพุทธไสยาสน์องค์นี้กันทั้งนั้น แม้แต่ "โลกเอิวเบ๊าะ (หลวงพ่อดาบส)" อย่างหลวงปู่สรวง เจ้าของฉายานาม "เทวดาเล่นดิน" ก็ยังพาลูกศิษย์มากราบไหว้อยู่หลายครั้ง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408658935 รุมปิดทองกันที่พระพักตร์พระพุทธไสยาสน์ เนื่องจากมีญาติโยมถวายแผ่นทองมาอยู่เรื่อย ๆ อาตมาสั่งให้น้องเล็กเอาติดตัวไว้เสมอ มาถึงที่นี่จึงได้ที น้องเล็กควักออกมาแจกให้ทุกคน จึงไปรุมกันปิดทองอยู่แถวพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ ส่วนอาตมาเดินดูรอบองค์พระ เห็นมีลายเซ็นของพวก "มือบอน" ทั้งหลาย อยู่ด้านหลังองค์พระเต็มไปหมด ฝรั่งหลายคนยกกล้องถ่ายลายเซ็นเอาไว้ ไม่ทราบว่าเอาไว้ดูเล่นหรือจะเอาไปประจานกันแน่... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408735434 ขึ้นทางบันไดหน้า แต่มาลงทางบันไดหลัง วนมาจนถึงพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ มีตู้บริจาคตั้งอยู่ด้วย อาตมาจึงหยอดตู้ไป ๒,๐๐๐ เรียล ครั้นเห็นว่าส่วนมากปิดทองกันเสร็จแล้ว อาตมาจึงเดินออกมาทางเดิม แต่เลี้ยวขวาลงบันไดทางด้านหลังศาลา มีป้ามอย แม่ป๋อม พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊ก ตามลงมาด้วย อาตมาให้ทุกคนหยุดถ่ายรูปกันก่อน บันไดด้านนี้สูงกว่าด้านหน้าอีก ตรงเชิงบันไดเป็นสิงห์แบบขอม แกะสลักจากหินทรายตั้งอยู่คู่หนึ่ง ลงมาถึงเชิงบันไดเจอพระเจ้าถิ่นที่กลับจากบิณฑบาตพอดี... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408820163 นมัสการหลวงพ่อ..สบายดีนะครับ "จุมเรียบซัว..โลกเอิว..ซกสบายดี ?" อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยมารยาทอันดี แต่พอเห็นแม่ป๋อมยกกล้องถ่ายรูปก็รีบเดินหนี อาตมาอวยพรตามหลังไปว่า "ซกขะเพียบลออ" คุณแม่ที่ทำเสียเรื่องหัวเราะแหะ ๆ... อาตมาเห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำ จึงเดินตรงเข้าไปปลดทุกข์เบาก่อน ห้องน้ำของเขาเป็นโถชักโครกอย่างดี แต่ประตูปิดด้วยการใช้ไม้ขัดดานเอา เป็นการประยุกต์โลกยุคเก่ากับยุคใหม่เข้าด้วยกันแบบไม่ขัดเขิน ขนาดอยู่บนเขาอย่างนี้ห้องน้ำของเขายังไม่ขาดแคลนน้ำ ต้องชมเชยทางวัดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีระบบประปาก็แปลว่าต้องหาบน้ำมาจากเชิงเขาโน่นเลยทีเดียว ทำให้อาตมาไม่กล้าใช้น้ำมาก ตักราดไปขันเดียวพอให้สะอาดเท่านั้น |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408908183 ศาลาบูชาพรหมพักตร์ ออกมาเจอลูกปุ๊กที่รอคิวเข้าห้องน้ำอยู่ ในเมื่อคนอื่นยังทำธุระไม่เสร็จ อาตมาจึงฉวยโอกาสถ่ายรูปศาลาลอยฟ้าจากทางด้านหลังนี้ไปด้วย เสร็จแล้วเดินอ้อมหินใหญ่ที่ตั้งศาลาครบรอบพอดี ก็มาเจอศาลาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยบายศรีกระดาษ มีทั้งสีเงิน สีทอง สีเขียวแน่นไปหมด... เมื่อเล็งดูดี ๆ จึงเห็นว่าที่ผนังศาลามีปูนปั้นแบบดุนนูน เป็นพรหมพักตร์อยู่ทั้งซ้ายขวา ต่ำลงมาเป็นลายมงคลอะไรก็ดูไม่ถนัด กับนกที่บินอยู่ด้านละตัว ติดขอบศาลาทั้งสองข้าง เป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้ที่เป็นรูปกระจังแข็งโป๊กลงมาตรงกลาง ข้างหน้าศาลามีตู้บริจาคเรียงราย บนตู้บริจาควางพานไว้หลายสิบใบ มีทั้งพานใส่ผลไม้และพานใส่เงิน เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะเป็นพรหมพักตร์ในศาลานั่นเอง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408992329 พระพุทธรูปนาคปรกอยู่ในรอยเว้า ทางซ้ายมือของศาลาซึ่งก็คือขวามือเมื่อตอนที่เดินเข้ามา เป็นผนังหินธรรมชาติโอบกว้างไปหลายสิบเมตร มีพระพุทธรูปหินทรายองค์ใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อยตั้งอยู่สามองค์ ถัดไปเป็นเสมาแกะสลักและพระพุทธรูปปูนปั้นลงสีอีกเกือบสิบองค์ จุดที่หินใหญ่สองก้อนมาชนกัน เว้าเข้าไปเป็นที่นั่งได้ มีพระพุทธรูปนาคปรกแกะจากหินทรายองค์ใหญ่ พระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังนั่งพรมน้ำมนต์ให้แก่ญาติโยมที่เข้าไปทำบุญตรงนั้น ถัดไปเป็นศาลเพียงตา (ศาลพระภูมิ) สีเหลืองหลังหนึ่ง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409084086 พุทธกับพราหมณ์อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ตรงกลางลานหินเป็นสระน้ำคอนกรีตไม่ใหญ่นัก มีสายพลาสติกกำลังส่งน้ำลงในสระ ซึ่งล้นออกไปยังศิวลึงค์ตั้งอยู่บนอุมาโยนีข้างหน้าสระ แล้วไหลลงไปยังฐานที่เป็นรูปกลีบบัวกลีบใหญ่ จากนั้นไหลลงท่อพีวีซีที่ปลายกลีบบัวออกไปถึงไหนก็ไม่รู้ มีญาติโยมหลายคนวักน้ำไปล้างหน้าและพรมศีรษะตนเองอยู่... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409169676 แม่ค้าขายลอดช่องเขมร ถัดจากสระน้ำไป เป็นป้ายปูนแจ้งรายละเอียดของสถานที่นี้เป็นอักษรขอม บอกเวลาการสร้างป้ายอันนี้ว่า พ.ศ. ๒๕๔๘ มีแม่ค้าวางหาบขายลอดช่องอยู่หาบหนึ่ง ลูกค้าหลายคนกำลังล้อมหาบสั่งลอดช่องกันอยู่ แต่พวกเราไม่มีใครอยากกินลอดช่อง อาตมาจึงชวนเดินกลับลงไปข้างล่าง... ขาลงถึงแม้จะสบายกว่าก็จริง แต่ความกว้างของบันไดทำให้เดินไม่ถนัด เพราะจะเดินก้าวละขั้นก็กว้างเกินไป เดินสองก้าวต่อขั้นก็แคบเกินไป จึงต้องจด ๆ จ้อง ๆ เขย่งก้าวกระโดดกันไป ตามแต่ว่าใครจะขายาวขาสั้นกว่ากัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409256288 อยากมีประสบการณ์ก็ต้องซื้อของแพง ลงมาถึงข้างล่างก็ต้องเดินเลาะร้านค้าเพื่อกลับไปยังลานจอดรถ ลูกปุ๊กเห็น “กุเลน” หรือลิ้นจี่ป่า ที่บ้านเราเรียกว่า “คอแลน” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “พนมกุเลน” หรือ ภูเขาลิ้นจี่ป่า จึงแวะเข้าไปถามราคา แล้วก็ต้องสะดุ้ง เพราะคนขายตอบว่า “พวงละ ๒๐ บาท” อ๊ากกก..! ไอ้ของที่บ้านเรายกให้ฟรียังไม่ค่อยมีใครเอา ที่นี่ขายกันหยิบมือละ ๒๐ บาท..! ด้วยความที่เกิดมายังไม่เคยกินคอแลนมาก่อน เดี๋ยวมีคนถามว่าคอแลนรสชาติเป็นอย่างไร ถ้าตอบเขาไม่ได้ก็เสียทีที่เข้าป่ากับหลวงพ่อบ่อย ๆ คุณลูกจึงพยายามต่อราคา ท้ายสุดได้มา ๓ พวง ๕๐ บาท กลายเป็นจ่ายแพงหนักเข้าไปอีก แล้วเอามาแบ่งให้คนอื่น ๆ ได้ชิมด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409341541 ไม่อยากเดินไกล เอาตรงนี้แหละ..! อาตมากินคอแลนมามากแล้ว บางต้นเอาไปตำน้ำพริกแทนมะนาวได้เลย จึงหันไปสนใจของอื่นแทน มีกระเพาะค่าง เป็นต้น สำหรับกระเพาะค่างนี้ ตำรายาอายุวัฒนะโบราณเรียกว่า “พญาร้อยยอด” เพราะค่างกินยอดไม้สารพัดชนิด เมื่อตากแห้งเอามาดองน้ำผึ้ง หรือ “พญาร้อยดอก” รวมกับกระเพาะเม่น หรือ “พญาร้อยราก” เพราะเม่นกินรากไม้สารพัดชนิดเช่นกัน กินทุกวันร่างกายจะแข็งแรง หรือว่าจะแข็งแต่แรงไม่มีก็ไม่รู้ ? เจ้าหมาสีน้ำตาลค่อนข้างผอมตัวหนึ่ง เดินเบียดอาตมาเข้าไปที่ถังน้ำใส่ดอกบัว เอาหัวซุกแหวกดอกบัวลงไปจนถึงน้ำ แล้วเลียกินอย่างกระหายจัด อาตมาชี้ให้ทุกคนดูเลยหัวเราะกันใหญ่ แม้แต่แม่ค้าขายดอกบัวก็พลอยหัวเราะไปด้วย เออหนอ..จะคนจะสัตว์ก็ทุกข์ด้วยความหิว ความกระหายพอกัน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409428687 พม่ามีศาลรุกขเทวดาที่แปะกับต้นไม้ เขมรก็มีศาลพระภูมิที่แบอยู่กับดิน คุณราญเอารถตู้มาจอดเทียบ พวกเราขึ้นรถแล้วก็พาวิ่งย้อนเส้นทางเดิมมาได้นิดเดียว พอถึงช่วงที่เป็นลานกว้าง ก็พารถวิ่งชิดชายห้วยที่มีต้นไม้ร่มครึ้มแล้วจอด คุณปัญญาเปิดประตูให้ทุกคนลงมา กำลังงง ๆ ว่าอะไรกัน ? พี่วิไลก็บอกว่า ลำห้วยสายนี้เป็นห้วยน้ำมนต์ พี่ปราณีให้พาพวกเรามาสักการะ ใครจะอาบน้ำมนต์ก็ได้นะคะ.. ที่ชายห้วยมีรั้วไม้เตี้ย ๆ กั้นไม่ให้คนลงไปเล่นน้ำ ตามร่มไม้ริมห้วยมีแคร่ไม้ตั้งเรียงรายกันเป็นระยะ น่าจะเป็นที่ขายของมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแม่ค้าเหลืออยู่เลย พี่วิไลพาเดินเลียบลำห้วยไปทางซ้าย อาตมาเห็นศาลพระภูมิหลังหนึ่ง ที่เป็น ศาลพระภูมิ จริง ๆ ไม่ใช่ศาลเพียงตา เพราะว่าสร้างแปะไว้กับพื้น (ภูมิ) เลย จึงให้แม่ป๋อมถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนที่จะรีบเดินตามคณะไป มาถึงบริเวณที่ไม่มีรั้วไม้ น้ำตรงนี้ค่อนข้างลึก มีชิงช้าหวายสานอย่างดีห้อยอยู่ตัวหนึ่งด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409515086 พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ โปรดให้สร้างศิวลึงค์ไว้ที่ก้นแม่น้ำถึง ๑,๐๐๐ องค์ พี่วิไลบอกให้คุณปัญญาส่งเครื่องสักการะมา อาตมาจึงเห็นว่าคุณปัญญาถือถาดมาใบหนึ่งด้วย ในถาดมีกลีบดอกบัว ดาวเรือง กุหลาบ ปนกับถั่วงากองพูนอยู่ พี่เขาส่งให้อาตมาเพื่อโปรยลงไปในลำห้วย อาตมาจึงถึงบางอ้อ ที่แท้ลำห้วยนี้ก็คือต้นแม่น้ำเสียมเรียบนั่นเอง... สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ ผู้สถาปนาอาณาจักรกัมโพช ทรงนับถือศาสนาพราหมณ์ไศวนิกาย โปรดให้สร้างศิวลึงค์พร้อมกับอุมาโยนีที่ต้นแม่น้ำเสียมเรียบบริเวณพนมกุเลน เพื่อให้แม่น้ำสายนี้กลายเป็นน้ำมนต์ไปทั้งสาย จำนวนศิวลึงค์และอุมาโยนีที่สร้างมีถึง ๑,๐๐๐ องค์ การแกะสลักในน้ำคงจะยุ่งยากน่าดู... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409599583 แค่ขุดทางเบี่ยงให้น้ำแห้ง แกะสลักเสร็จก็ถมทางเบี่ยงให้น้ำไหลมาทางเดิม ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่เบี่ยงทางน้ำให้ไหลไปทางอื่น แล้วแกะสลักจนเสร็จ จากนั้นก็ถมทางเบี่ยงให้น้ำไหลกลับมาในเส้นทางเดิม สุรเสียงจอมคนแห่งกัมโพชดังขึ้น ตกใจนะนี่..นึกว่าผีหลอกกลางวัน..! แล้วนี่พระองค์ท่าน หายพระเศียร ไปไหนมา ? วันนี้เป็น วันพระ นอกจากรุกขเทวดาและภุมมเทวดาแล้ว ที่เหลือทั้งหมดต้องไปประชุมที่เทวสภา ขนาดข้าพเจ้ารีบกลับมาแล้ว ยังโดน จิกกัด แบบนี้ รู้อย่างนี้มาช้ากว่านี้ก็คงจะดี.. นั่น..มี ทรงพระงอน อีกด้วย ทำอย่างกับว่า จิกกัด ไปแล้ว พระองค์ท่านจะสะเทือนอย่างนั้นแหละ อ้อ..วันนี้วันพระหรือ ? มาจนลืมวันลืมคืนไปแล้ว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409687681 เขาทำชิงช้าไว้ให้ถ่ายรูปด้วย “สมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าทรงเล็งเห็นว่า ประชาชนทุกคนก็ล้วนแล้วแต่อยากได้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทว่าน้ำมนต์ที่พราหมณ์ “ผลิต” จากเทวาลัยต่าง ๆ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ศรัทธาแล้วมีน้อยเหลือเกิน จึงทรงมีพระดำริให้ “สร้าง” แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ประดุจแม่น้ำคงคาในชมพูทวีป ไหลผ่านไปถึงไหนประชาชนจะได้มีน้ำมนต์ใช้กันโดยถ้วนหน้า” มัคคุเทศก์เถื่อนเข้าประจำที่แล้วครับท่าน... อาตมารับถาดใส่เครื่องสักการะมาจากคุณปัญญา โปรยดอกไม้ลงไปในลำห้วย ๓ กำ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แม้จะดูแปลก ๆ ที่มาบูชาพระในแม่น้ำสายนี้ แต่ก็สำคัญอยู่ที่การตั้งใจเท่านั้น แล้วส่งถาดต่อให้คนอื่น ๆ เป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้กันบ้าง ส่วนตัวเองเดินไปนั่งที่ชิงช้าหวายให้แม่ป๋อมถ่ายรูป คนอื่นเห็นว่าเขาตั้งใจทำชิงช้าให้ถ่ายรูปอยู่แล้ว จึงมาขอถ่ายบ้าง... |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:24 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.