กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4079)

เถรี 07-07-2014 14:41

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗
 
ถาม : โรคท้าวแสนปมมีวิธีรักษาอย่างไรให้หาย และเกิดจากทำกรรมอะไร ที่ส่งผลให้เป็นโรคนี้ ?
ตอบ : ออกจากประเทศลาวไปถือสัญชาติประเทศอื่น เพราะประเทศลาวเขาเรียกผู้ชายว่า "ท้าว" พ้นประเทศลาวไปก็ไม่เป็นแล้ว..!

โรคท้าวแสนปมเกิดจากต่อมไขมันอุดตัน ถ้ามีอารมณ์พอก็ให้หมอเขาค่อย ๆ ผ่าออกทีละเม็ด คราวนี้มีอารมณ์พอไหม ? ส่วนที่ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรยังไม่เคยได้ยิน ที่เคยได้ยินอย่างเช่นพระนางโรหิณี ไปด่าพระปัจเจกพุทธเจ้าว่าเป็นคนขี้เรื้อน มาชาตินี้ตัวเองก็เป็นโรคเรื้อน ดังนั้น..โรคท้าวแสนปมน่าจะต้องมีกรรมเก่าอะไรบางอย่างมา แต่ส่วนใหญ่เห็นคนที่เขาเป็นโรคนี้ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เพราะไม่ได้เจ็บปวดอะไร นอกจากดูประหลาด ๆ เท่านั้น

ถาม : แล้ววิธีรักษานี่เขาใช้ผ่าออกหรือครับ ?
ตอบ : ผ่าหมดก็หาย แต่กว่าจะหมดคงผ่ากันเป็นเดือนเป็นปี

ถาม : แล้ววิธีทำบุญเพื่อลดวิบากกรรมเฉพาะทางอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ปลูกดอกไม้จันทน์..! เผาไปเลยหายแน่..!

ถาม : อย่างนี้เราไปปิดทองพระพุทธรูปเยอะเอาอานิสงส์ได้ไหมครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ไม่ใช่ได้ในชาตินี้

เถรี 07-07-2014 14:43

ถาม : นายโอรสได้กระทำผิดกฎหมายจราจรต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง จึงถูกเรียกให้หยุด หลังจากที่เจ้าหน้าที่คนนั้นแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จ นายโอรสยื่นธนบัตรชนิดหนึ่งร้อยบาทใส่มือเจ้าหน้าที่คนนั้น แล้วกล่าวกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า "ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ" แล้วจากไปทันทีโดยเจ้าหน้าที่คนนั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ทั้งไม่กล่าวอะไรและไม่ท้วงติงประการใด นายโอรสได้ทำอทินนาทานหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่เด็ดขาด อทินนาทานคือเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ นี่เป็นคนเสียเงินแท้ ๆ

ถาม : แล้วอย่างนี้มีความผิดบาปในเรื่องของธรรมะอย่างไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่รู้..ถ้าทางโลกนี่ติดสินบนเจ้าพนักงาน ถ้าในทางธรรมเขาถือว่าให้โดยเสน่หา

ถาม : ทำผิดกฎหมายถือว่าอกตัญญูไหมคะ ?
ตอบ : อกตัญญูคือเขาทำความดีกับเราแล้วเราไม่ได้ตอบแทน การละเมิดกฎหมายบ้านเมืองมีความผิดตามกฎหมายอาญาหรือว่ากฎหมายแพ่งอยู่แล้ว อย่าพยายามเอาข้อหาไปยัดให้เขามากกว่านี้

เถรี 07-07-2014 14:45

ถาม : ผมเคยได้รับพระบรมธาตุจากท่านหนึ่งในเว็บพลังจิต มีลักษณะคล้ายเม็ดทำความชื้น ผมก็นำมาบูชาสรงน้ำตามปกติ ต่อมาวันหนึ่งพระธาตุนั้นเกิดร้าวและหลุดออกมาบางส่วน ผมจึงใช้นิ้วสะกิดจนพระธาตุนั้นหลุดออกเป็นส่วน ๆ ผมเกรงจะเป็นกรรมใหญ่ จึงขอความกรุณาเรียนถามว่าอนันตริยกรรมคือกรรมใหญ่นั้น หนึ่งในนั้นคือทำพระพุทธองค์ถึงห้อพระโลหิต แต่หากสิ่งนี้เป็นพระธาตุจริงก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของพระวรกาย การที่ผมไปแกะจนพระธาตุแตกนั้น จะเหมือนการทำร้ายพระพุทธเจ้าหรือไม่ ? ผมจะผิดในฐานโทษอนันตริยกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องถามว่าตอนแกะท่านห้อเลือดหรือเปล่า ? เขาเรียกว่าคิดหาเรื่องตกนรก สภาพจิตของตัวเองดี ๆ ไม่ชอบ ชอบไปคิดเรื่องที่ทำให้ใจเศร้าหมอง

ถาม : อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นโทษทำลายพระบรมธาตุใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าคิดจะเป็น..!

ถาม : แต่ถือว่าเป็นการปรามาสโดยไม่เจตนาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าคิดจะเป็น..!

เถรี 07-07-2014 14:47

ถาม : จีวรตรงส่วนที่พันคอ (คีเวยยกะ) ซึ่งเป็นผ้าเย็บซ้อน ๒ ชั้น ถ้าผ้าตรงส่วนนั้นขาดเป็นรูแค่ชั้นเดียว ยังไม่ขาดทะลุทั้ง ๒ ชั้น เป็นเหตุให้จีวรขาดการอธิษฐานหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยินตำรานี้มาก่อน จีวรขาดอธิษฐานหรือจีวรขาดครองหมายถึงว่า จีวรนั้นเก็บห่างตัวก่อนที่จะได้อรุณ แต่ว่าถ้าจีวรขาดหรือทะลุจนนิ้วลอดได้แล้วไม่เย็บไม่ปะนี่เขาปรับอาบัติ ไม่ได้เกี่ยวกัน คนละเรื่อง

ถาม : ผมเข้าใจว่าผู้ถามน่าจะหมายถึงอย่างนี้ครับ ขาดนิ้วทะลุได้ แต่ผ้าเป็น ๒ ชั้นครับ
ตอบ : ถ้าไม่ปะก็โดนอาบัติเท่ากัน

ถาม : คือไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการขาดอธิษฐานผ้า แต่ว่าไม่ปะจะโดนอาบัติปาจิตตีย์ ?
ตอบ : ถ้าไม่ปะโดนอาบัติ (ศีลขาด) เพราะไม่รักษาบริขาร ต้องไปดูในจีวรขันธกะ จะบอกรายละเอียดเรื่องนี้ไว้

เถรี 07-07-2014 14:49

ถาม : จีวรที่ถูกใช้แล้วโดยการบวชซึ่งถูกทิ้งไว้นานแล้ว ถ้าจะนำไปซักทำความสะอาดแล้วถวายให้พระ จะถือว่าเป็นการไม่สมควรหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ตรงนี้สงสัยว่าตกลงแล้วจีวรอยู่ที่ไหน ? ที่บ้านหรือที่วัด ?

ถาม : อาจจะบวชแล้วผาติกรรมไปเก็บไว้
ตอบ : ประสบการณ์นี้หายาก ถ้าไม่ได้ผาติกรรมแล้วเอาไปเก็บไว้จะติดหนี้สงฆ์ ถ้าผาติกรรมเอาไปเก็บไว้ เป็นสิทธิของเจ้าของว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าเป็นจีวรที่วัด โดยเฉพาะวัดท่าขนุน คุณสึกเมื่อไรโดนบังคับให้ซักส่งคืนสงฆ์อยู่แล้ว

ถาม : อาจจะกังวลว่าได้จีวรเก่ามา ?
ตอบ : คำว่าได้มานี่แหละที่มีปัญหาว่าได้มาอย่างไร ?

ถาม : แล้วสมมุติว่าเราผาติกรรมมา เอาไปซักถวายพระจะสมควรไหมครับ ?
ตอบ : พระจะชอบจีวรเก่ามากกว่า จีวรใหม่เนื้อแข็ง ห่มไม่ได้เรื่องได้ราว ส่วนใหญ่เขาจะไปเอาจีวรเก่า ๆ มาใช้กัน ห่มสบายกว่ากันเยอะเลย

ถาม : แล้วจีวรที่เขาห่มพระพุทธรูปมาละครับ ?
ตอบ : อันนั้นถือว่าเป็นสิทธิ์ของเรา ชักบังสุกุลได้เลย

ถาม : เอามาให้พระสงฆ์ห่มก็ไม่ถือว่าไม่สมควรอย่างไรใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จีวรของพระเรา ตั้งแต่โบราณพระพุทธเจ้าท่านให้ใช้ผ้าเก่าอยู่แล้ว บังสุกุลมาซัก มาเย็บ มาย้อมใหม่ สมัยนี้ต่อให้เก่าอย่างไรก็ไม่เก่าเท่าสมัยพระพุทธเจ้าหรอก แปลว่าใช้ได้

เถรี 07-07-2014 14:51

ถาม : พิจารณากระดูกอย่างไรให้เป็นวิปัสสนากรรมฐาน?
ตอบ : ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่ให้เป็นเรา เป็นของเรา

ถาม : เราพิจารณากระดูกว่าเป็นชิ้นใหญ่ชิ้นเล็ก ส่วนนั้นส่วนนี้ แล้วท้ายสุด ?
ตอบ : ผุพัง ไม่มีอะไรเหลือเป็นตัวตนเราเขา

ถาม : แล้วถ้าเราพิจารณาโดยเราไม่ได้เข้าไปถึงจุดที่ว่าผุพัง ไม่มีอะไรเหลือ เราเห็นแค่ว่าเป็นสิ่งปฏิกูล ประกอบด้วยท่อนใหญ่น้อยต่าง ๆ ?
ตอบ : นั่นเป็นตามระดับปัญญาของตน

เถรี 07-07-2014 14:53

ถาม : เมื่อเรารู้สึกว่าการที่เรามีชีวิต เรามีขันธ์ห้า แล้วเราทุกข์มาก ทุกข์ตลอดเวลา เราควรวางกำลังใจอย่างไร?
ตอบ : ก็ต้องรู้สึกว่าเราไม่มีชีวิต เพราะคำถามเขาบอกว่ารู้สึกว่ามีชีวิต แค่เรารู้สึกว่าไม่มีชีวิตก็หายทุกข์แล้ว

รู้ว่าทุกข์ก็อย่าไปแบกเอาไว้ เมื่อเห็นว่าทุกข์ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีกแล้ว ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติทุกอย่างเพื่อความพ้นทุกข์ คือปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา


ถาม : จริง ๆ เวลาเราทุกข์ก็ไม่อยากแบกหรอกครับ แต่ทุกข์เกาะอยู่กับเรา จะทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เมื่อคืนกล่าวไปแล้วว่า จริง ๆ ตัวเราไปปรุงแต่งเองต่างหาก ถ้าสักแต่เห็นว่าทุกข์เฉย ๆ ทุกข์มีอยู่อย่างนั้นแหละ แต่คราวนี้ว่าเราไปแบกว่าทุกข์เป็นของเราก็กลุ้มตายชักเลย

เถรี 07-07-2014 14:55

ถาม : การนำพระเครื่อง พระบูชาเข้าส่งงานประกวดถือว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่าครับ ? ถ้าเป็นรูปลักษณะอื่น เช่น กะลา เขี้ยว งา เขา ตะกรุด ของเก่า จะเป็นการปรามาสด้วยหรือไม่ ?
ตอบ : นำไปด้วยความเคารพ ไม่เป็น ถ้านำไปแบบขอไปทีก็โดนเต็ม ๆ

ถาม : ส่วนใหญ่เขาก็จะนำไปแบบ...?
ตอบ : ไม่ต้องห่วงหรอก แทบจะใส่ตู้นิรภัยทองคำไปเลย แต่ละองค์หวงกันสุด ๆ

ถาม : ขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นสำคัญใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เจตนาของเขา แล้วลักษณะการกระทำก็เอื้อต่อการเคารพและไม่เคารพด้วย

ถาม : แล้วของพวกกะลา เขี้ยวงา ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกมาแล้วละครับ ?
ตอบ : ถ้าพระไม่ปรามาสแล้วอย่างอื่นจะเป็นไหม ?

ถาม : ถ้าเจตนาให้ราคาสูงขึ้นถือว่าเป็นการปรามาสไหมครับ ?
ตอบ : ทำด้วยความเคารพไม่เป็นไร เพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเต็มใจถึงจะมาบูชา

เถรี 07-07-2014 14:58

ถาม : หากเรายังไม่สามารถเข้าฌาน ๔ หรือทรงฌาน ๔ ได้ หลายครั้งเวลาเกิดราคะหรือโทสะเกิดขึ้น เราไม่สามารถระงับอาการลงได้ ทำให้รู้สึกอารมณ์หมองมากครับ แม้แต่บางครั้งเวลาเจริญกรรมฐานก็โดนรบกวน ช่วงแรกก็ไม่มีอารมณ์ราคะโทสะมากวน แต่สักครู่ก็เกิดความคิดแวบเข้ามาแล้วทำให้ราคะหรือโทสะเข้ามากวน หลายครั้งที่นั่งต่อไม่ได้เลยครับ ทำให้รู้สึกว่าหนักใจเพราะอารมณ์เหล่านี้รบกวน กราบขอความเมตตาพระอาจารย์แนะนำแนวทางการปฏิบัติด้วยครับ
ตอบ : แสดงว่าไม่มีความคล่องตัวในการทรงฌาน ไม่จำเป็นต้องถึงฌาน ๔ แค่เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้ามีความคล่องตัว รู้สึกว่ารัก โลภ โกรธ หลง จะเกิด เราก็โดดเข้าไปสู่อารมณ์ฌานเลย เท่านี้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเกิดไม่ได้แล้ว

ถาม : แค่ปฐมฌานก็สามารถระงับตัวกิเลสหยาบพวกนี้ได้แล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสติอยู่อยู่เฉพาะหน้าไม่ปรุงแต่ง กิเลสอะไรก็เกิดไม่ได้

ถาม : แล้วมีวิธีปฏิบัติให้เข้าถึงปฐมฌานอย่างง่าย ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : มี..ทำทุกวัน เดี๋ยวก็ได้เอง..!

เถรี 07-07-2014 14:59

ถาม : คุณแม่เป็นโรคกระดูกทับเส้น ส่งผลให้ปวดเอว ขาเดินไม่ค่อยสะดวก กินยาตามหมอสั่งแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้นเลยครับ จึงเรียนถามหลวงพ่อถึงวิธีรักษาอย่างไรให้หายหรือให้อาการทุเลาลง หรือมียาสมุนไพรตัวไหนใช้รักษาได้บ้างครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่หมอจะแนะนำให้ผ่า เรื่องของสมุนไพรยังไม่เคยได้ยินว่ามีสมุนไพรอะไรอะไรรักษาโรคพวกนี้ได้โดยตรง ส่วนใหญ่เขาใช้การนวด แต่ว่าต้องเป็นคนที่เขานวดเป็นจริง ๆ ไปเจอหมอนวดหลายท่านที่เขามีความสามารถจริง ๆ แต่ขนาดนั้นเขายังบอกว่าให้ถ่ายเอ็กซเรย์มาก่อน เพื่อเขาจะได้พิจารณาว่ากระดูกทับตรงไหน อย่างไร จะได้แก้ไขได้ถูก

ถาม : ส่วนใหญ่ถ้าไปหาหมอปัจจุบันเขาก็จะผ่าอย่างเดียว
ตอบ : ผ่าแล้วอาจจะเดี้ยงด้วย หาหมอนวดดีกว่า แต่ว่าต้องเป็นหมอนวดที่มีความสามารถจริง ๆ ไม่ใช่ใครก็นวดได้

เถรี 08-07-2014 07:48

ถาม : แหวนจักรพรรดิ (เพชร ๓ เม็ด) ที่สร้างตัวเรือนด้วยทองคำกับชุบทอง เทวดาที่รักษามีจำนวนและอานุภาพต่างกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต่างกันมากเลย ต่างกันตรงราคา..! ส่วนใหญ่ถ้าวัตถุมงคลมีราคาสูง เทวดาที่ดูแลจะมีศักดานุภาพมากกว่า

ถาม : เพราะถือว่าเป็นของมีค่ามากกว่าหรือครับ หรือว่าเขาทำด้วยความเคารพเลยใช้ของที่มีค่า ?
ตอบ : ก็เหมือนกับแม่ชีขี่ปอร์เช่นั่นแหละ ถ้าไม่มีเงินระดับนั้นจะขี่ได้ไหมเล่า ? ดังนั้น..จึงต้องหาเทวดาที่เหมาะสมกับระดับนั้นมาดูแล

ถาม : แหวนจักรเพชร (รุ่นเพชรล้อมมีเพชรใหญ่ตรงกลางแล้วมีเพชรเม็ดเล็กล้อมรอบ) มีจำนวนเทวดาและอานุภาพต่างจากแหวนจักรพรรดิเพชร ๓ เม็ดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า เพชรเม็ดหนึ่งมีเทวดาดูแลองค์หนึ่ง

ถาม : อย่างนี้เพชรเม็ดเล็กก็มีเทวดาเยอะกว่าสิครับ ?
ตอบ : ล้อมไปเลย ๑๐๘ เม็ดก็ไม่ว่า แล้วถ้ายิ่งเป็นของแท้ยิ่งดีใหญ่..แพงดี

ถาม : แล้วเม็ดเล็กเยอะ ๆ กับเม็ดใหญ่น้อย ๆ แล้วเป็นทองคำกับชุบทองล่ะครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดู ถ้าเจอนักเรียนฝากออมสินทุกวัน กับเจอเศรษฐีแต่ไม่ยอมควักเงินก็ย่อมสู้นักเรียนไม่ได้

เถรี 08-07-2014 07:49

ถาม : เพชรเขาพระงามเป็นหัวแหวนของแหวนจักรพรรดิและแหวนจักรเพชรทั้งหมดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เพชรเขาพระงามแทบไม่เคยเป็นแหวนเลย เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงส่งเพชรเขาพระงามไปทำตัวเรือน เขาเปลี่ยนเป็นเพชรรัสเซียมาหมด

ถาม : สรุปว่าที่เป็นเพชรจักรพรรดิของวัดท่าซุงนี่เป็นเพชรรัสเซีย ไม่ใช่เขาพระงาม ?
ตอบ : ร้อยละ ๙๙.๙๙ เป็นเพชรรัสเซีย มีแค่ยุคแรก ๆ ไม่กี่วงที่เป็นเพชรเขาพระงาม

เถรี 08-07-2014 07:51

ถาม : เพชรเขาพระงามที่เป็นหัวแหวน กราบขอเมตตาพระอาจารย์แนะนำวิธีที่จะทำให้เพชรเขาพระงามกลายเป็นเพชรแท้ได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : เข้าร้านจิวเวลรี่..!

ถาม : ความแข็งของเพชรแท้กับเพชรเขาพระงามต่างกันเยอะไหมครับ ?
ตอบ : ประมาณ ๘๐ กับ ๑๐๐

เถรี 08-07-2014 07:52

ถาม : ถ้าครั้งหนึ่งนายหม่องเคยมีส่วนร่วมในการไปลักพระพุทธรูปสำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน มาทราบภายหลังว่าสมัยนั้นได้มีการแช่งชักเผาพริกเผาเกลืออะไรไว้ กราบเรียนถามว่าจะแก้พิธีกรรมตรงนี้อย่างไรได้บ้างครับ ?
ตอบ : ความจริงไม่ต้องแก้หรอก ส่วนใหญ่ถ้าไปทำในลักษณะอย่างนั้นก็มักจะไปใช้หนี้ในนรกมาเรียบร้อยแล้ว ก็เหลืออยู่อย่างเดียวระมัดระวังไว้อย่าให้ของ ๆ เราหาย

ถาม : แล้วที่เขาทำพิธีกรรมแช่งชักไว้ เรามีวิธีแก้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าแช่งแล้วไม่ชักก็ช่างเถอะ ของอะไรที่เป็นอดีตก็เลยมาแล้ว ไปคิดถึงให้เสียเวลาทำไม ?

เถรี 08-07-2014 07:54

ถาม : อยากทราบว่าวันพระวันโกน เป็นวันที่จะมีสัมภเวสี สัตว์ในภูมิต่าง ๆ มาขอส่วนบุญบนโลกมากกว่าปกติไหมคะ ? เพราะเวลาไปไหนในวันพระ สังเกตว่าจะรู้สึกเจ็บป่วยไม่สบายกลับมา ต้องอาราธนาคุณพระพุทธเจ้า สัพเพฯ แผ่ส่วนบุญไปแล้วจะดีขึ้น ที่สงสัยเพราะหากไปไหนจะได้ระมัดระวังตัวให้มากขึ้นในวันดังกล่าว ?
ตอบ : โดยปกติวันพระคนทำบุญกันมาก "นายป่าช้า" จะปล่อยผีมาโมทนา ฟังดี ๆ นะ ไม่ใช่พระยายมหรือนายนิรยบาลนะ นายป่าช้า เขารับผิดชอบเฉพาะเขตนั้น ๆ แล้วส่วนใหญ่พวกนี้ก็มักจะเป็นพวกเปรตหรืออสุรกายที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น เขาก็จะปล่อยพวกสัมภเวสีมาโมทนา สามารถรับได้ก็อุทิศให้เขาไปเยอะ ๆ

ถาม : คือเขาไม่ได้ตามมารังควานอะไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าช่วยเขา เขาก็ช่วยเราคืนด้วย

เถรี 08-07-2014 07:59

ถาม : คนที่สร้างความแตกแยกให้คนอื่น จะได้รับวิบากแบบใดคะ ? และเราควรวางตัว วางใจอย่างไร เมื่อเจอคนเช่นนี้ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าหนักแน่นมั่นคงพอ ไม่เต้นตามเขาก็ไม่ปัญหาอะไร แต่ถ้าหากว่าไปเต้นตามเขาขึ้นมาก็จะเป็นโทษ แบบเดียวกับนางปิสุณาวาที รายนั้นมีหน้าที่ยุชาวบ้านเขาให้ทะเลาะกัน การยุผู้อื่นให้แตกร้าวกันเป็นกรรมหนัก ถ้าหากว่าเกิดชาติใหม่ก็จะโดนแบบนั้นบ้าง

เถรี 08-07-2014 14:54

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางสถานีไทยพีบีเอสได้อัญเชิญเทียนพรรษาของทูลกระหม่อมอุบลรัตน์ มาถวายพระอาจารย์ที่บ้านวิริยบารมี พระอาจารย์จึงให้โอวาทว่า "วันนี้เป็นโอกาสอันดี ที่ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสได้เป็นตัวแทนอัญเชิญเทียนพรรษา ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาถวายให้กับทางวัดท่าขนุน ซึ่งได้รับความกรุณาเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว

ในเรื่องของเทียนพรรษานั้น ถ้าว่ากันโดยอานิสงส์ ก็ถือว่าเป็นการถวายแสงสว่างเป็นพุทธบูชา ซึ่งในส่วนของแสงสว่างนั้น ในบาลีส่วนหนึ่งท่านกล่าวไว้ว่า ถ้าบุคคลใดถวายแสงสว่างเป็นพุทธบูชา บุคคลนั้นเกิดชาติใหม่จะเป็นผู้ที่เลิศในทิพจักขุญาณ หรืออีกส่วนหนึ่ง
กล่าวไว้ว่า แสงสว่างแทนความหมายแห่งดวงปัญญา

คำว่า "ดวงปัญญา" ในที่นี้ก็คือปัญญาที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเกิดมาเป็นตัวตนของเรา ที่เรียกว่าสหชาติกปัญญา ซึ่งไม่ว่าคนสัตว์รูปนามใดก็ตามล้วนแต่มีทั้งสิ้น ปัญญาอย่างที่สองเรียกว่า ปาริหาริกปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดจากการสั่งสมเรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตนี้ ปัญญาอย่างที่สามเรียกว่า เนปักกปัญญา เป็นปัญญาในการเอาตัวรอดจากทุกข์ภัยต่าง ๆ ในวัฏสงสาร ซึ่งปัญญาประการสุดท้ายนี้ ก็คือปัญญาของพระอริยเจ้านั่นเอง

ฉะนั้น..การที่ถวายเทียนพรรษานั้น จุดมุ่งหมายของเราโดยตรงก็คือการจุดถวายเป็นพุทธบูชา การบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ในบาลีได้กล่าวไว้ถึงผลานิสงส์ว่า พุทธะปูชา มหาเตชะวันโต การบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จักมีเดชมีอำนาจมาก เกิดมากี่ชาติก็จักเป็นผู้ที่มีอำนาจวาสนา เป็นผู้นำผู้อื่นอยู่เสมอ

ถ้าเราตั้งใจถวายเป็นธรรมบูชาและสังฆบูชาด้วย ก็มีบาลีรับรองว่า ธัมมะบูชา มหาปัญญะวันโต การบูชาพระธรรมนั้นทำให้เราเป็นผู้มีปัญญามาก และสังฆะปูชา มหาโภคะวะโห การบูชาพระสงฆ์นั้นทำให้เรามีโภคทรัพย์มาก

แต่ว่าการบูชาทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามานี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เน้นไปในเรื่องโลกียทรัพย์ ส่วนใหญ่ในเรื่องของโลกุตรทรัพย์ ก็คืออริยทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้นั้น เราจะต้องเป็นบุคคลที่ถึงพร้อมด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยภาวนา"

เถรี 08-07-2014 14:58

"ในเรื่องของทานนั้น ท่านบอกว่ามีผลานิสงส์ ทำให้เราเกิดใหม่กี่ชาติ ก็จะเป็นผู้มีโภคสมบัติมาก แม้การถวายเทียนพรรษาก็จัดอยู่ในทานประเภทนี้ ในเรื่องของศีลนั้น ถ้าผู้ใดรักษาได้ เกิดมากี่ชาติจะเป็นผู้ที่มีรูปร่างสวยงาม มีจิตใจที่ดีงาม ในการเจริญภาวนานั้น เกิดมากี่ชาติ จะเป็นผู้มีปัญญามาก ถ้ามีปัญหาทางโลกก็สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย ถ้าปัญหาทางธรรมก็จะมีปัญญาญาณที่แก่กล้า สามารถที่จะรู้แจ้งแทงตลอดถึงข้อธรรมต่าง ๆ จนกระทั่งสามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้

ดังนั้น..ในวันนี้ที่พวกท่านอัญเชิญเทียนพรรษา ตลอดจนกระทั่งผ้าอาบน้ำฝนของทูลกระหม่อมอุบลรัตน์
มาถวายนั้น ก็ควรที่จะตั้งกำลังใจว่า สิ่งที่เราทำแทนองค์ทูลกระหม่อมท่านนั้น ก็คือการที่เราถวายเทียนนี้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขณะเดียวกันก็ให้ตั้งใจปฏิบัติอยู่ในทาน ศีล ภาวนา หรือว่าไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งจะเกิดคุณประโยชน์ทั้งต่อตัวเรา ทั้งต่อบุคคลรอบข้าง ตลอดจนกระทั่งสิ่งทั้งหลายที่เราได้กระทำนี้ จะรวมกันเป็นตบะ เดชะ พลวปัจจัย ที่จะดลบันดาลให้ความปรารถนาใด ๆ ของเรามีความสำเร็จ

ในเมื่อเราอยู่ในฐานะของผู้แทนพระองค์ ก็ถือว่าสิ่งที่เราทำนี้คือสิ่งที่พระองค์ท่านทำ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ย่อมเป็นปฏิพรย้อนสนองกลับไป ดลบันดาลให้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นผู้เจริญสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล และสมบูรณ์พูลผลไปด้วยโลกียทรัพย์ และโลกุตรทรัพย์ แม้ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดที่ไม่เกินวิสัย ความปรารถนาทั้งหลายทั้งปวงของพระองค์ท่านก็ย่อมจักสำเร็จทุกประการ

ท้ายสุดนี้อาตมภาพในฐานะพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นประธาน ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการ โดยถ้วนหน้ากัน ทุกท่านทุกคนเทอญ"

เถรี 09-07-2014 08:03

ถาม : ครูบาเหนือชัยเส้นเลือดในสมองแตก ?
ตอบ : อาตมาช่วยงานท่านมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว ปีก่อนก็เพิ่งจะเอากฐินขึ้นไปให้ท่าน คนทำงานมักโดนตัดนั่นตัดนี่อยู่เรื่อย เส้นเลือดแตก ประสาทไม่ทำงาน ด้านขวาแข็งไปซีกหนึ่ง โอกาสคืนมาดียากแล้ว รอดมาก็ต้องมีคนดูแลอยู่ตลอด

แต่อาตมาหวาดเสียวตรงที่ว่า ถ้าใช้ดีหมีไปละลายลิ่มเลือด ถ้าเลือดออกมาใหม่จะหนักกว่าเดิมหรือเปล่า ? เพราะปกติเลือดในสมอง ถ้าแข็งเป็นก้อนต้องผ่าออก แต่ถ้ากินดีหมีเข้าไปจะละลายได้ แต่คราวนี้ถ้าแผลใหญ่ขนาดนั้นนี่หวาดเสียวเหมือนกันนะ กลายเป็นยิ่งทำยิ่งหนักหรือเปล่าไม่รู้ ? ทุกอย่างเหมือนกับวาระกรรมลงตัวพอดี อย่างของอาตมาเป็นมาเลเรียต้องกินยาร้อน แต่ยาร้อนกินลงไปก็แย่ โดนเย็นก็ไม่ได้ ทั้งขึ้นทั้งล่องเลย

(ถามญาติโยมที่มาจากเวียงจันทร์) ที่เวียงจันทร์หาดีหมีได้ไหม ? พอมีอยู่นะ..ข้ามไปทางเวียงจันทร์หรือทางพนมเปญของเขมร เขายังหาของพวกนี้ได้อยู่ เขาเอามาวางขายกันเยอะ อาตมาไม่ได้ไปลาวนานแล้ว ไปตอนก๋วยเตี๋ยวชามละ ๔๐ กีบ ตอนนี้ ๔๐ กีบ ซื้ออะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้บาทหนึ่งตก ๓๐๐-๔๐๐ กีบเข้าไปแล้วกระมัง ?

แต่ประเทศลาวน่าอยู่ ไปแล้วชอบ เดินเข้าไปนี่รู้เลยว่าเย็น ไม่รู้พวกเรารู้สึกหรือเปล่า ? พอเข้าไปแล้วรู้เลยว่าบ้านเมืองเขาน่าอยู่ สงบ ร่มเย็น อย่างของบ้านเรากิเลสมีมาก แย่งกันเป็นใหญ่ แข่งกันทำมาหากิน แข่งกันทำมาค้าขาย กิเลสมีมาก บ้านเมืองจึงร้อน ตอนนั้นไปงานวัดพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ ไปบิณฑบาตกลางคืน โอ๊ย...ได้เงินมาตั้งหลายหมื่นนึกว่ารวยแล้ว แลกเป็นเงินไทยได้ ๘๐๐ กว่าบาท..!


ถาม : งานอะไรนะครับ ?
ตอบ : งานพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ วันมาฆบูชาเขามีทุกปี

เถรี 09-07-2014 08:05

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามหลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง ?
ตอบ : อันดับแรก ศีล ๕ ข้อต้องได้ อันดับที่ ๒ ลมหายใจเข้าออกเราทิ้งไม่ได้ อย่างไรก็ต้องจับลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ หลังจากนั้นให้คิดอยู่เสมอว่า ร่างกายนี้ไม่ดีอย่างไร โลกนี้ไม่ดีอย่างไร แล้วหลังจากนั้นถึงเวลาตายเราจะไปไหน ให้ตั้งใจไปพระนิพพานที่เดียว ถ้าปฏิบัติอยู่อย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอก

เถรี 09-07-2014 08:09

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อ ๒ เดือนก่อน หลวงปู่มหาผ่องท่านมา ยังถ่ายรูปกับท่านเลย "ตีฮูป" คนไทยเรียกถ่ายรูป หลวงปู่มหาผ่องท่านเป็นพระสังฆราชของประเทศลาว ท่านมาเรียนบาลีอยู่วัดชนะสงครามตั้ง ๑๖ ปี ก็เลยรักประเทศไทย ถึงเวลาไป ๆ มา ๆ ข้ามมาทำบุญที่ฝั่งไทยบ่อย แถวอุบลฯ บางทีท่านก็พาญาติโยมฝั่งลาวข้ามมาทางนี้ เอาไว้มีโอกาสอาตมาจะไปเวียงจันทร์ใหม่

คนลาวอยู่กับศีลกินกับธรรมอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนใจคอสงบเยือกเย็นเป็นปกติ ต้องบอกว่าบ้านเมืองดีจนน่าอิจฉา คนไทยมัวแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เดี๋ยวลาวก็เจริญกว่า"


ถาม : ญาติโยมถามว่าทางลาวมีพระปฏิบัติดีที่ไหนน่ากราบไหว้บ้าง ?
ตอบ : ไม่ค่อยได้ไป ก็เลยไม่ค่อยรู้ว่าทางด้านโน้นมีพระปฏิบัติดีที่ไหนบ้าง ถ้าข้ามมาฝั่งไทย ตรงไหนเป็นวัดป่าก็เลี้ยวเข้าไปได้เลย ส่วนใหญ่พระวัดป่าท่านเป็นพระสายปฏิบัติกันทั้งนั้น พระบ้านอย่างพวกอาตมานี่ไม่ค่อยมีปฏิบัติ ส่วนใหญ่เขาเรียนหนังสือ อาตมานี่ถือว่าผิดปกติ คือปฏิบัติก่อนแล้วค่อยมาเรียน

เถรี 09-07-2014 08:10

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามว่าถ้าทำงานจนไม่มีเวลาปฏิบัติ ?
ตอบ : รักษาศีลก็ได้ ภาวนาก็ได้ ถ้าเราทำมาหากินแล้วศีลขาด ให้ตั้งใจรักษาเป็นเวลา ยกตัวอย่างว่า ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกว่าจะทำงานเราจะรักษาศีลได้ เลิกทำงานมาจนกระทั่งก่อนนอนเรารักษาศีลได้ แล้วจะภาวนาเวลาไหนก็ได้ที่เราว่าง ก่อนนอนก็ได้ ตื่นนอนก็ได้ เราทำได้ครบทุกอย่าง เพียงแต่ว่าทำทั้งวันไม่ได้ก็ให้ทำเป็นเวลา

เถรี 09-07-2014 08:14

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามว่า ภาวนาคาถาเงินล้านไปแล้วไม่เห็นถูกรางวัลเสียที ?
ตอบ : ก็เพราะเราไปอยากได้ ใจของเราจะต้องมั่น ต้องไม่อยาก ถ้าใจมั่น อะไรก็ได้หมด คราวนี้พอไปอยากแล้วก็ฟุ้งซ่าน ใจไม่มั่นคงแล้ว คราวนี้รางวัลอะไรก็ไม่เหลือแล้ว ไปเริ่มต้นภาวนาใหม่

เรื่องของความดีที่เราทำ ไม่ใช่ว่าทำแล้วจะถูกหวยรวยเบอร์ ที่ดีที่สุดคือใจของเราอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ไป รัก โลภ โกรธ หลง ในเมื่อไม่ไป รัก โลภ โกรธ หลง ใจเราสะอาด ใจเราสบาย ตายก็ไปดี ตรงนั้นยิ่งกว่าถูกหวยอีก แต่คราวนี้ถูกหวยรวยเบอร์อะไรนั่นเป็นของแถมมา ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ช่างมัน

เถรี 09-07-2014 08:16

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามว่า ภาวนาแล้วเพลินไม่อยากเลิก ?
ตอบ : ถึงเวลาแล้วจะเป็นอย่างนั้นทุกคน แต่ว่าตอนนั้นให้ระวัง เพราะว่าบางคนพอปีติแล้วจะทำไม่เลิก พอทำไม่เลิกเหมือนกับคนทำงานทั้งวันไม่ยอมเลิก พอวันอื่น ๆ จะทำงานไม่ไหว เพราะเหนื่อย ให้ตั้งใจไว้ว่าจะเอาเช้าสักชั่วโมงหนึ่ง เย็นสักชั่วโมงหนึ่งก็พอ อย่าไปเอาเยอะ เยอะมากเดี๋ยวเหมือนกับคนทำงานทั้งวัน เดี๋ยวจะไม่ไหว

เถรี 09-07-2014 08:19

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามว่า ภาวนาตอนนอนแล้วเผลอหลับ ?
ตอบ : แสดงว่าสมาธิดีขึ้น คนเราจะหลับได้ต้องมีสมาธิ เพียงแต่ว่าสติขาด จะตัดหลับไปเลย ทำบ่อย ๆ เอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจ อย่าไปที่อื่น ไปที่อื่นเมื่อไรจะหลับทันที เพราะฉะนั้น..ให้สังเกตว่าตอนหลับก็คือหลุดจากตรงนี้ (ลมหายใจ) ลืมตรงนี้เมื่อไรก็คือหลับเมื่อนั้น แล้วเอาใจอยู่ตรงนี้ อย่าให้ไปไหน ทำบ่อย ๆ พอเคยชิน คราวนี้จะตื่นทั้งคืน ไม่หลับอีกแล้ว

เถรี 09-07-2014 08:22

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามว่า ใช้มโนมยิทธิ นึกว่าเราอยู่กับหลวงปู่ ?
ตอบ : นึกว่าหลวงปู่อยู่ที่ไหน เราไปอยู่กับท่านก็ได้ เดี๋ยวก็ไปเองแหละ ตอนใหม่ ๆ กำลังยังไม่พอ ต้องทำบ่อย ๆ ถ้ากำลังพอแล้วคราวนี้จะไปได้ โดยเฉพาะอย่าให้ห่วงตัวเอง ให้มองให้เห็นว่าตัวเราจริง ๆ แล้วไม่มีอะไร ร่างกายเหมือนกับรถหรือว่าเกวียนคันหนึ่ง เราที่อยู่ข้างในนั้นเป็นคนขับรถหรือขับเกวียนคันนั้น คราวนี้เราออกไป ก็ต่างคนต่างอยู่ ร่างกายนี้จะตายเมื่อไรก็เรื่องของร่างกาย ไม่ต้องไปห่วงหรอก ถ้าเราห่วง ออกไปแล้วก็จะกลับ

ต้องพยายามตัดให้ได้ว่า เราไม่ต้องการร่างกายนี้แล้ว ถ้าตัดใจไม่ได้ก็ไปไม่ได้หรอก บางคนกลัวว่าไปแล้วกลับไม่ได้ ไม่ต้องกลัว นึกถึงร่างกายเมื่อไรจะกลับทันทีเลย ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่ว่าไปแล้วกลับไม่ได้ ไม่จริงหรอก มีอะไรนิดเดียวก็กลับเลย เพราะใจรักตัวร่างกายนี้มาก ห่วงมาก ไม่ยอมทิ้งไปง่าย ๆ

เถรี 09-07-2014 08:23

ถาม : ญาติโยมชาวลาวถามว่า การรักษาศีล เราจำเป็นต้องอาราธนาศีลทุกวันไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องอาราธนาจ้ะ เรามีศีลอยู่แล้ว การอาราธนาเป็นการขอศีลจากพระ แล้วพระท่านบอกว่าศีลมีอะไรบ้าง คราวนี้เรารู้อยู่แล้วว่าศีลมีอะไร ก็ไม่ต้องอาราธนาจ้ะ ตั้งใจเลยว่าเราจะรักษาศีล แค่นั้นก็พอ แล้วก็ทำไปเลย

เถรี 09-07-2014 08:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "จะฝากฎีกาไปให้ครูบาทางสายภาคเหนือ เขาบอกว่าครูบาเหนือชัยเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ที่เชียงราย โรงพยาบาลนี้รับแต่พระหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ตอนไปเยี่ยมครูบาบุญชุ่มก็อยู่ที่นั่น เขาเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของที่โน่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาตมาไปเยี่ยมเพื่อนพระทีไรก็ที่นั่นทุกที

ครูบาบุญชุ่มท่านเรียกอาตมาว่า "หลวงพี่จ่อย" คำว่าจ่อยภาษาเหนือแปลว่าเล็ก ตอนนั้นท่านเป็นมาลาเรีย งอมพระรามเลย เอายาแก้มาลาเรียไปให้ท่าน ท่านหัวเราะ "ยี่ห้อนี้ผมฉันมาเยอะแล้ว ไม่หาย"

แต่ละคนแต่ละชาติเกิดมาก็สร้างเวรสร้างกรรม ถึงเวลากรรมตามทันก็โดนเล่นงานเอา ครูบาเหนือชัยตอนนี้ซีกขวาทั้งหมดไม่ทำงาน โอกาสเป็นปกติแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าเส้นเลือดท่านแตกยาวด้วย คราวนี้แนะนำเรื่องการใช้ดีหมีไป ยังไม่แน่เลยว่าจะซ้ำท่านให้หนักหรือเปล่า เพราะดีหมีนี่กินไปจะละลายลิ่มเลือดหมด คราวนี้พอแผลแตกยาวแล้ว ไม่มีลิ่มเลือดคอยอุด ถ้าเลือดไหลไม่หยุดนี่ยุ่งเลย"

เถรี 09-07-2014 08:27

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อเช้าโยมจากเวียงจันทร์มานิมนต์ให้ไปลาว อาตมาบอกว่ายังไม่มีอารมณ์ไป เวลาไม่มี แล้วรู้ไหมว่าเขาศึกษาธรรมะทางอินเตอร์เน็ต ทันสมัยเสียด้วย เกิดเลื่อมใสอีท่าไหนไม่รู้ ยกขบวนกันมา จะให้ไปโปรดโยมเวียงจันทร์บ้าง ยังดีว่าลาวกับไทยพูดอย่างไรก็ยังฟังกันรู้เรื่อง"

เถรี 09-07-2014 08:31

ถาม : ทำงานอะไรถึงจะรุ่งคะ ?
ตอบ : งานอะไรก็ได้จ้ะ แต่ต้องทุ่มเท ทำงานแบบคิดว่างานเป็นของเรา ถ้าทำอย่างนั้นจะรุ่งทุกคน ประเทศญี่ปุ่นเขาสร้างจิตสำนึก จนกระทั่งทุกคนทำงานให้บริษัทเหมือนบริษัทเป็นของตัวเอง จนรัฐบาลต้องสั่งให้ลดชั่วโมงทำงานลง บ้านเรามีแต่กลัวจะทำงานมาก ส่วนเขาทำมากจนรัฐบาลต้องสั่งให้ลดชั่วโมงทำงาน ถ้าทำได้อย่างนั้นงานอะไรก็รุ่ง

ภาษาอังกฤษเขาเรียก Shared Values จิตสำนึกร่วม ในระบบ ๗S ของ McKinney ท้ายสุดทั้ง ๖ อย่างก็มาลงที่จิตสำนึกร่วม ไม่ว่าจะโครงสร้าง จะทีมงาน จะอะไรก็ตาม

เถรี 10-07-2014 13:31

พระอาจารย์กล่าวถึงกฐินที่นราธิวาสว่า "หนักใจตรงที่เขารับเราไป ระหว่างทางซึ่งตายได้ทุกจุด ไม่รู้จะโดนระเบิดหรือโดนปืนตรงไหน โดยเฉพาะพวกเราออกข่าวล่วงหน้าไปเป็นเดือน ๆ ถ้าเป็นอาตมาละก็ ซุ่มยิงทิ้งไปนานแล้ว

ถ้ำคูหาภิมุข เขาว่าเป็นแหล่งมนุษย์ตั้งแต่โบราณ มีภาพเขียนสีอยู่ด้วย ที่นั่นนอกจากหลวงพ่อพระนอนจะศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยักษ์ที่เฝ้าประตูยังเคยถือกระบองออกมาเดินเทิ่ง ๆ ตรงจุดนั้นแหละ พระตายเป็นที่แรก
ของปักษ์ใต้ เดินบิณฑบาตอยู่ โจรขี่มอเตอร์ไซค์มาฟันหัวทิ่มเลย

เดี๋ยวนี้
ในวัดทางปักษ์ใต้จะมีทหารเข้าไปอาศัยอยู่ แต่ระหว่างคนระวังกับคนจ้องหาโอกาส คนระวังอย่างไรก็พลาด โดยเฉพาะวิธีการของทหารนี่ปกติเขาจะไม่ซ้ำรอยเดิม แต่คราวนี้สถานที่ราชการ วัด หรือว่าโรงเรียนอยู่ที่เดิม เท่ากับให้เขากำหนดจุดได้ว่า เขาจะเอาตรงไหนเป็น Killing Zone เพราะฉะนั้น..คนทำงานปักษ์ใต้เครียดตายห่... ต่อให้คุณฝึกมาเก่งขนาดไหนก็ตาม ถ้าไปเดินซ้ำรอยเดิม มีโอกาสตายสูงมาก ถ้าเป็นอาตมานี่จ้างก็ไม่นอนที่ค่ายทหาร ไปหาที่นอนใต้ต้นไม้ดีกว่า แต่คราวนี้นอนแล้วที่ไม่กรนอย่างอาตมาคงหายาก คนอื่นนอนใต้ต้นไม้แล้วกรนไป ๓ บ้าน ๘ บ้านก็ตายอีก..!"

เถรี 10-07-2014 13:35

พระอาจารย์เล่าว่า "ระยะนี้ค่าไฟฟ้าวัดท่าขนุนขึ้นเยอะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ใช้ร่วมกับเทศบาลแล้วไฟไม่ค่อยพอใช้ จึงไปซื้อหม้อแปลง ๒๕๐ KVE มาให้เขาเดินสายไฟใต้ดิน ต่อเข้าอาคารต่าง ๆ เกือบครบแล้ว ก็แปลว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ค่าไฟเป็นของทางวัดล้วน ๆ คงจ่ายกันหน้ามืดตาลาย

ส่วนใหญ่ด้วยความเคยชิน ถึงเวลาก็ใช้ล้างใช้ผลาญตามปกติเหมือนที่ใช้ที่บ้าน พัดลมตัวเบ้อเร่อ ขนาดเปิดเบอร์ ๓ ก็พัดเราปลิวแล้ว โยมนอนแล้วเปิดใส่ตัวเองคนเดียว ทั้งที่ใช้ได้ทั้งศาลา แต่โยมเขาเป่าใส่ตัวเองคนเดียว ก็ลองคิดดูว่าคนหนึ่งใช้ขนาดนั้นแล้วจะเหลือหรือ ?

ศาลาใหม่ที่ทำอยู่ ตอนแรกตั้งใจว่าจะติดเครื่องปรับอากาศให้ ปรากฏว่าเขาไปคำนวณพื้นที่แล้ว ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ ๕๐ ตัว..! จะต้องมีกำลังไฟต่างหากเลย ๑๕๐ แอมป์ถึงจะพอ ก็เลยตัดใจเอาพัดลมต่อไปเถอะ เพราะว่าสายไม่ได้เดินเตรียมไว้ ต้องขุดใต้ดินเริ่มต้นใหม่เลยอีกสายหนึ่ง ๑๕๐ แอมป์นี่ไฟโรงงานเลยนะ ปกติไฟบ้านสูงสุดเขาให้ไม่เกิน ๑๕ แอมป์ ไม่ได้เดินสายไม่ว่า ถ้าหากว่าเปิดพร้อม ๆ กัน คงดึงไฟจากส่วนอื่นมาหมดเลย

สมัยอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พอทำวัตรเย็นเสร็จก็ปิดไฟหมดทั้งเกาะ นอน..ตอนนี้ที่วัดท่าขนุนอาตมานอนที่ตึกแดงหลังใหญ่ พระอยู่กุฏิเตชะไพบูลย์ ๒๐ ห้อง ตึกประจวบดี ๒๐ ห้อง ปิดไฟเงียบ มืดตื๋อ..ใครจะขโมยของนี่เดินสะดุดเลย เพราะมองอะไรไม่เห็น"

เถรี 10-07-2014 13:37

พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่นำเทียนพรรษามาถวายว่า "เทียนพรรษาที่วัดท่าขนุนอยู่ไม่ถึงพรรษาหรอก อยู่แค่ ๗-๘ ชั่วโมงเท่านั้น เพราะโดนหลอมเป็นผางประทีปหมด เดี๋ยววันที่ ๙ กรกฎาคมนี้ หน่วยราชการและโรงเรียนต่าง ๆ ในอำเภอทองผาภูมิ จะเอาเทียนพรรษาไปถวายที่วัดท่าขนุน ดีตรงที่ว่าเขานัดวันเดียวกัน ปีหนึ่งรับกันครั้งเดียว รับทีเดียวแล้วเลิกไปเลย"

เถรี 10-07-2014 13:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมทั้งหลาย ศีลเป็นพื้นฐานของความดีทั้งปวง ใครรักษาศีลได้จะมีความเจริญโดยส่วนเดียว ไม่มีการตกต่ำ ศีลทำให้เราเป็นผู้มีทั้งโลกียทรัพย์ และโลกุตรทรัพย์ ศีลเป็นปัจจัยให้เราก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ดังนั้น..ขอให้ทุกท่านตั้งใจสมาทานศีลและรักษาศีลด้วยความเคารพยิ่งนะจ๊ะ"

เถรี 10-07-2014 13:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเดือนที่แล้วอยู่ในช่วงวิ่งสะสมวันปฏิบัติธรรม ก็เลยได้เห็นความต่างอย่างชัดเจนของผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติกับไม่ตั้งใจปฏิบัติ เพราะว่าเพื่อนบางคนไม่มีพื้นฐานการปฏิบัติธรรมมาก่อน เขาทนนั่งได้ไม่เกิน ๓-๕ นาทีก็ไปแล้ว ส่วนอาตมานั่งลงไปตี ๔ ลืมตามาอีกทีก็ ๖ โมงเช้า ตกลงว่ามีที่ตั้งใจกันอยู่จริง ๆ แค่ ๓-๔ รูป ไปกันทั้งหมด ๑๓ รูป ก็แปลว่ามีไม่ถึงครึ่ง

คราวนี้มาคิดว่า ส่วนใหญ่ที่ไปปฏิบัติธรรมก็คือบรรดาเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส ต้องบอกว่าเป็นระดับผู้นำของคณะสงฆ์ทั้งนั้น ถ้าหากว่าทำได้แค่นั้น ก็แปลว่าบุคลากรในพุทธศาสนาเรา โดยเฉพาะพระสงฆ์ ด้อยคุณภาพมาก มีเพื่อนบางรูปปฏิบัติธรรมไม่ได้ แต่นั่งเฝ้าจอดูบอลได้ทั้งคืน ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว ฉันทะ คือความพอใจที่จะทำของเขานั้นมีล้นเหลือเลย แต่เอาไปใช้ผิด คือแทนที่จะเอาไปใช้ในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา ก็เอาไปใช้เรื่องบันเทิงตามที่ตัวเองชอบ เล่นเอาอาตมาแย่ไปด้วย เพราะต้องนอนฟังเขาทั้งคืนจนกว่าเขาจะปิดโทรทัศน์

อาตมาเป็นคนหลับแล้วหูได้ยิน พอถึงเวลาเลิกปฏิบัติประมาณ ๓ ทุ่มก็รีบนอน ตี ๔ ก็ไปเริ่มรอบเช้ากันต่อ เขาเองบางที ๓-๔ ทุ่มเป็นเวลาตื่น แล้วก็ดูบอลไปเรื่อย ๘ โมงเช้าเป็นเวลานอน ต้องบอกว่าโชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยมอบหมายให้พวกเราดูแลกันเอง ถ้าส่งเจ้าหน้าที่มาคุมนี่ บางคนไม่ผ่านแน่นอน สำหรับพวกเราแล้วก็หยวน ๆ กันไป ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไหน ๆ ก็ดวงเฮง เกิดมาเรียนรุ่นเดียวกันแล้ว

น้องเล็กเขาไปด้วยบอกว่า "เอ๊ะ...พอคนอื่นว่าแล้วท่านเถียง แต่ทำไมอาตมาว่าแล้วท่านไม่เถียง ?" อาตมาบอกว่าท่านจะเถียงได้อย่างไร เพราะต้องอาศัยเรามาตลอด ส่วนใหญ่แล้วอาตมาเรียนแทนเพื่อนเกือบทั้งห้อง ถึงเวลาสรุปข้อมูลเสร็จ เพื่อนก็แย่งกันดูดข้อมูลไปแบ่งกัน"

เถรี 10-07-2014 13:50

พระอาจารย์เล่าว่า "บรรดา กกต.เขายกขบวนไปวัดท่าขนุน แล้วเขาจะให้เทศน์ แต่อาตมาไม่อยู่ พระที่จะเทศน์ก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรดีเหมือนกัน คือได้แจ้งกับท่านทั้งหลายเหล่านี้แล้วว่า ถ้าอยากฟังอาตมาก็ต้องให้อาตมานัดว่าว่างวันไหน ไม่ใช่โยมนัดว่าโยมว่างวันไหนแล้วก็มา ถ้าโยมกำหนดเวลาก็แล้วแต่ดวง ตรงกับอาตมาอยู่วัดก็ได้ฟัง ถ้าไม่ตรงก็ไม่เจอ แต่ถ้าอาตมานัดอยู่แน่ ๆ แต่บางทีไอ้แน่ ๆ ก็อยู่แค่ครึ่งวันนะ เสร็จธุระจากโยมก็วิ่งงานต่อ"

เถรี 10-07-2014 13:54

"เทศน์ให้พวก กกต.ฟังนี่ต้องกล่าวถึงธรรมาธิปไตย เอาธรรมเป็นใหญ่ ปราศจากอคติ ไม่ลำเอียงด้วยรัก ด้วยโกรธ ด้วยกลัว ด้วยหลง ที่แน่ ๆ ต้องมีศีลธรรมประจำใจ บางคนบอกว่าต้องมีจริยธรรมนั่นไม่ใช่ ต้องมีศีลธรรม ในเมื่อปฏิบัติอยู่ในศีล อยู่ในธรรม อยู่ในกรรมบถต่าง ๆ จนกระทั่งความดีทรงตัว จะเกิดเป็นความดีเฉพาะตนขึ้นมา เรียกว่าคุณธรรม

เมื่อเกิดคุณธรรมขึ้นมา คนเห็นดีเห็นงามยึดถือเป็นแบบอย่างเอาไปปฏิบัติต่อ เขาเรียกว่าจริยธรรม ต้องแยกให้ออกนะ ไม่อย่างนั้นพวกเราฟังอยู่ทุกวันไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่ส่วนใหญ่บอกว่า "คุณนะทำ..ผมไม่ทำหรอก"

คนโบราณเขาลึกซึ้ง บัญญัติศัพท์ขึ้นมาแต่ละอย่าง ทำให้คนหลัง ๆ ที่ความรู้ค่อนข้างจะตื้นเขิน ไม่มีการค้นคว้าที่ลึกซึ้งเหมือนคนโบราณ เข้าไม่ถึงความหมายที่แท้จริงของรากศัพท์ เข้าไม่ถึงยังไม่พอ ยังอวดรู้อีกต่างหาก ปัจจุบันนี้อาตมาเจอพวกตัวหนังสืออุบาทว์ ๆ เยอะแยะไปหมด อย่างปัจจุบันนี้เขาเขียน "ล้านก๋วยเตี๋ยว" อาจจะใช้คำว่าเงินล้านหรืออะไรก็ตามเถอะ แต่จะทำให้เด็ก ๆ เข้าใจผิด แล้วต่อไปก็จะเขียนผิดกันหมด ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น "ล้าน" กันไป
เยอะต่อเยอะแล้ว

ศีลธรรมทรงตัว เป็นคุณธรรมคู่ตน พอมีคนเห็นคุณธรรมของเราแล้วเอาไปปฏิบัติตาม ก็กลายเป็นจริยธรรม ถึงจะสงสัยอะไรสอบถามได้ก็จริง แต่บางอย่างนี้แม้กระทั่งพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน เขาแก้จนกระทั่งเละเทะไปหมด สิ่งที่อาตมาเคยใช้ได้ตอนเด็ก ๆ เดี๋ยวนี้ใช้ไม่ได้แล้ว สมัยเด็ก ๆ เขามีท่องจำกัน

วันก่อนมีพระท่านชื่อ "ดำรงค์" "จำนงค์" บอกว่าถ้ารุ่นผมเขียนไม่ผิดหรอก แล้วก็ท่องให้ท่านฟังว่า “ธำรงและจำนง ชาวประมงเครื่องสำอาง ดำรงดำริพลาง ใต้ต้นโพสิงโตนอน กรณีที่กระแส อินทรีแลเพราะอาทร อวสานพึงสังวร ไม่ต้องใช้ตัวการันต์” เด็กรุ่นใหม่เขาไม่ได้ท่อง จึงเขียนผิดอยู่เรื่อย

เถรี 10-07-2014 13:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราคงต้องสวดมนต์ทุกวันแล้วนะ เห็นเขาไปลงในกระทู้ว่าสวดมนต์ลดความอ้วนได้ ความจริงสวดมนต์นี่ลดความอ้วนได้จริง ๆ ถ้าสวดตั้งแต่หลังเที่ยงยันสองทุ่ม รับรองว่าลดได้ แน่ไม่กี่วันก็หายไปเป็นสิบกิโลฯ เลย"

เถรี 10-07-2014 14:18

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องถามตัวคุณเอง ว่าคุณอยากจะไปหรืออยากจะอยู่ ถ้าตัวเองยังตอบตัวเองไม่ได้ก็จะขัดแย้งกัน คือสภาพจิตของเราจะมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกอยากจะนิ่งสงบอยู่ข้างใน อย่างที่สองคืออยากจะท่องเที่ยวไปข้างนอก ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราต้องการแบบไหนแล้วก็ฝึกแบบนั้น พอทำจนชำนาญจริง ๆ แล้วค่อยขยับไปแบบอื่น ไม่อย่างนั้น ๒ อย่างจะตีกันเอง

สายสติปัฏฐาน เขาให้กำหนดรู้สภาวธรรมทุกอย่างที่เข้ามา โดยเอาสติสมาธิจดจ่ออยู่กับสภาวธรรมที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า อะไรเกิดขึ้นก็กำหนดรู้ไว้ ส่วนมโนมยิทธิคือการส่งจิตออกไปยังภพภูมิต่าง ๆ หรือสถานที่ต่าง ๆ โดยปกติแล้วการส่งจิตออกนอกของเรา ถ้าปราศจากการควบคุม จะเป็นสาเหตุของการสร้างทุกข์ให้เกิด แต่มโนมยิทธินั้น บุคคลที่จะทำได้ก็คือจะต้องทรงฌานได้ มีกำลังของฌานควบคุมอยู่ระดับหนึ่ง ดังนั้น..การที่เราส่งจิตออกไปข้างนอกจึงไม่ใช่เรื่องของการสร้างทุกข์ให้เกิด

แต่ก็มีมากต่อมากด้วยกันที่ไปหลงยึดติดคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษแล้ว สามารถรู้เห็นในเรื่องของภพภูมิต่าง ๆ ได้ ก็ไปยึดติดอยู่ตรงนั้นอีก ซึ่งต้องไปแก้ไขกันในภายหลัง ว่าวัตถุประสงค์ของการฝึกของเราคืออะไร ถ้าต้องการรู้เห็นอยู่แค่นั้นก็ได้ แต่ถ้าต้องการพ้นทุกข์ต้องปลดตัวเองออกจากตรงนั้นให้ได้

เถรี 10-07-2014 14:32

ถาม : ช่วงนี้ใจมีนิวรณ์ สวดมนต์ไม่ได้ค่ะ
ตอบ : ไปวิ่ง...ตอนนี้กิเลสกำลังสูงกว่า วิ่งไปก็ภาวนาพุทโธ ๆ ไปสักชั่วโมง พอหมดสภาพแล้วกลับมา คราวนี้ก็สวดมนต์ได้ ภาวนาได้ บางอย่างต้องบ้ากว่าถึงจะชนะ ถ้าบ้าเท่า ๆ รับรองว่าแพ้แน่ ๆ เลย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:29


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว