![]()  | 
	
		
 เก็บตกจากภูเก็ต  เดือนธันวาคม  ๒๕๕๒ 
		
		
		ถาม : วิธีฝึกย้อนระลึกชาติ 
	ตอบ : ทำสมาธิให้กำลังใจทรงตัวมากที่สุด แล้วค่อย ๆ นึกย้อนไปทีละขั้น ค่อย ๆ นึกย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนี้...แล้วย้อนไปถึงเมื่อวาน...ย้อนไปเมื่อวานซืน..ย้อนไปเดือนก่อน..ย้อนไปปีก่อน...ย้อนไปจนถึงชาติก่อน ค่อย ๆ ย้อนไปเรื่อย ๆ ถ้าภาพเริ่มเบลอ ไม่ชัด กำลังสมาธิตก ให้เลิก แล้วทำสมาธิใหม่ ค่อย ๆ ทำให้กำลังใจมันนิ่ง  | 
		
 ถาม :  ถ้าของหาย  ทำอย่างไรจึงจะหาเจอ  บนใครได้บ้าง? 
	ตอบ : ถ้าของหายให้บนกับ "ลุงปลั่ง" (ท่านสิงขร) ท่านเป็นเทวดารักษาเมืองชัยนาท ลุงปลั่งท่านแปลก ท่านรับบนทั้ง ๒ ฝ่ายเลย ก็คือ ฝ่ายคนที่ขโมยและคนถูกขโมย คนขโมยไปบนขอให้ทำสำเร็จก็สำเร็จจริง คนถูกขโมยไปบนของหายก็ได้คืน แล้วท่านก็กินทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ที่ท่านทำอย่างนี้ได้เพราะวาระของเจ้าของ ของมันจะหายอยู่แล้ว ลุงปลั่งจะบนอะไรท่านก็ได้ แล้วแต่เราจะให้ ท่านเป็นเทพรักษาเขาพลอง อยู่ที่ชัยนาท  | 
		
 เรื่องของการบนนั้น  วาระบุญเก่าของเรามีผล   ยกตัวอย่าง  แก้วหนึ่งใบ  ถ้ามีน้ำอยู่เกือบเต็มแก้ว  เติมอีกนิดเดียวก็เต็ม   อย่างนี้บนอะไรก็สำเร็จ 
	แต่ถ้ามีน้ำอยู่แค่ก้นแก้ว ต้องเติมอีกเยอะกว่าจะเต็ม อย่างนี้บนเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ฉะนั้น..มันขึ้นอยู่กับบุญความดี ถ้าสร้างเหตุไม่พอ ผลก็ไม่เกิด ถ้าอยากให้ผลเกิดทุกครั้ง ก็ต้องสร้างเหตุให้พอ  | 
		
 นักปฏิบัติเมื่อทำไปจนถึงจุดหนึ่ง จะน่ากลัวมาก   เพราะคิดว่าอยากจะได้อะไร  เพียงคิดเล่น ๆ เท่านั้นก็จะมา  จะพูดจริงก็ใช่  พูดเล่นก็ใช่   อย่างนี้ถ้าเผลอเมื่อไรแล้วจะซวย  เพราะจะคิดว่าตัวเองเก่ง 
	ต้องระวังตัว มีสติสัมปชัญญะให้มาก ๆ เวลาคิดต้องคิดเพื่อศาสนา เพื่อส่วนรวม เพื่อญาติโยม อย่าคิดเพื่อตัวเอง ถ้าขาดสติจะเห็นว่าเรื่องนั้นสมควรแก่เราเมื่อไรก็เจ๊ง..!  | 
		
 ถาม :  นอกจากความเพียรแล้ว  ทำอย่างไรปัญญาจึงจะดี ? 
	ตอบ : สมาธิต้องทรงตัว แล้วปัญญาจะดีเอง เพราะถ้าใจเรานิ่ง ก็จะเหมือนกับน้ำที่นิ่ง จะสะท้อนเงาทุกอย่างได้ชัด ฟังอะไรครั้งเดียวก็เข้าใจ ถ้าสมาธิดีก็ไม่เป็นอัลไซเมอร์ด้วย  | 
		
 ถาม : มีความรู้สึกตีกันอยู่ข้างในค่ะ  อยากจะพังข้าวของ  มันโมโหอยู่ข้างใน  แต่เราก็เห็นอารมณ์ตัวเอง 
	ตอบ : เวลาเรากด รัก โลภ โกรธ หลงเอาไว้ มันก็อาละวาดอยู่ข้างใน ให้ระวังว่ากรงจะพัง พยายามไปฝึกวิ่งภาวนา หาทางระบายออกบ้าง เพราะถ้าไม่ระบายออก ถ้าระเบิดทียิ่งกว่าดรากอนบอลเสียอีก..!  | 
		
 ถาม : การสร้างพระกลางแจ้ง 
	ตอบ : ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าสร้างพระตากแดดตากฝน พระพุทธเจ้าคือพ่อของเรา อย่าสร้างท่านให้ตากแดดตากฝน ถ้าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีสร้าง อย่างไรก็ต้องมีหลังคา  | 
		
 ถาม : จะปิดทองพระชำระหนี้สงฆ์วัดหนึ่ง แล้วต้องขึ้นไปเหยียบองค์พระ  อย่างไรก็เป็นการปรามาส ควรจะทำอย่างไร ? 
	ตอบ : ให้ขอขมาพระรัตนตรัยทั้งก่อนทำและหลังทำ และทุกวันจนกว่าจะสำเร็จ เราจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ผลก็เกิดแล้ว ขอขมาให้จิตหลุด จิตปลดออกจากจุดนั้น โทษที่จะเกิดก็ไม่มี แต่ถ้ามัวกังวลก็ไม่ต้องทำมาหากิน อย่างเช่น โรงงานแห่งหนึ่ง ช่างพม่าเขาขึ้นไปเหยียบหน้าพระ เพื่อไปขัดผิว อย่างนั้นถ้าไม่ขอขมาก็ตกนรกเลย  | 
		
 คาถาเงินล้าน  เป็นคาถาที่ให้ลาภผลเงินทอง  มีคุณโยมแม่ของนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร นอนเฉย ๆ (ป่วยอยู่) ไม่รู้จะทำอะไร  ก็เลยนอนท่องคาถาเงินล้านไป  ๓  ปี  แล้วก็เห็นนิมิต  มีแสงไฟดวงใหญ่พุ่งเข้าไปในตู้เซฟ ก็เลยบอกให้นายประยงค์ไปเปิดดู   ปรากฏว่ามีใบละร้อยอยู่ในตู้เป็นมัด ๆ (สมัยนั้นใบละร้อยเป็นธนบัตรที่มีราคาสูงสุด) 
	เรื่องของคาถา ต้องทำให้จริงจัง สม่ำเสมอ เช่นเดียวกับการปฏิบัติ ถ้าอยากได้ดีก็ต้องเอาจริง  | 
		
 ทำไมฝรั่งเขาจึงได้กล้าไปทำมาหากินในต่างประเทศ   เหตุผลหนึ่งก็คือ  เขาเชื่อมั่นว่า  รัฐบาลคุ้มครองเขาได้    ถ้าเขามีปัญหา  เขาจะช่วยกันเต็มที่  แต่ของเราเวลามีปัญหา   ไปถึงสถานทูตแล้ว ยังไม่อยากจะช่วยเลย 
	 | 
		
 หลวงปู่มหาอำพัน  ท่านนั่งสวดมนต์อยู่บนฟุตบาท (ทางเท้า)  เนื่องจากญาติโยมที่นิมนต์ไป  บ้านเขาเป็นร้านของชำ   ของเต็มร้านจนไม่มีที่นั่ง   หลวงปู่มหาอำพันก็เลยบอกให้เอาอาสนะมาปูหน้าบ้าน  ตรงทางเท้า  แล้วสวดมนต์ให้พรตรงนั้นเลย 
	มีคนถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ไม่อายหรือครับ ที่มานั่งสวดมนต์ตรงทางเท้า ?" หลวงปู่เมตตาตอบว่า "หลับตาซะก็ไม่เห็นแล้ว..!"  | 
		
 ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่ง มีความสุขกับการมีลูกหลาน  แต่คนบางกลุ่มก็เห็นว่าเป็นทุกข์ 
	เชื่อหรือไม่ว่า เทวดา นางฟ้าบางกลุ่ม ยังเห็นว่าการมีลูกหลาน มีทรัพย์สมบัตินั้น ทำให้เป็นสุข ในพระไตรปิฎก เทวดากล่าวว่า คนมีบุตรย่อมรื่นเริงเพราะบุตร คนมีโคย่อมรื่นเริงเพราะโค แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนมีบุตรย่อมทุกข์เพราะบุตร คนมีโคย่อมทุกข์เพราะโค เทวดายังมีความสุขกับการมีคู่ มีบุตร ถ้าเรานึกไม่ถึง เราก็คิดว่ามีสุข แต่แท้จริงแล้ว มีความทุกข์อยู่ทุกนาที ต้องมองให้เห็น  | 
		
 ถาม :  อยากปฏิบัติให้ก้าวหน้ามากกว่านี้ จะทำอย่างไรดีคะ ? 
	ตอบ : ถ้ากำลังใจเริ่มทรงตัว เรามักเผลอ เผลอตอนดีนี่แหละ เพราะเราไปเพลิน พอเพลินทำให้สติขาด พอสติขาดแล้วกำลังใจตก แล้วกิเลสก็ตีกลับ ดังนั้น..ต้องมีสติรู้ทัน  | 
		
 ช่วงเป็นทหาร  อาตมาไม่ยอมศีลขาดเลยจริง ๆ ปกติทหารเวลาฝึก เขาจะถามว่า "เหนื่อยไหม ?" เราต้องตอบว่า "ไม่เหนื่อย" เขาถามว่า "หิวไหม ?" เราต้องตอบว่า "ไม่หิว"  
	แต่อาตมาไม่โกหก เวลาเขาถามว่า "เหนื่อยไหม ?" เราก็ไม่โกหก รอให้เพื่อนมันพูดว่า "ไม่" แล้วเราก็ใส่เต็ม ๆ เลยว่า "เหนื่อย" พอเขาถามว่า "หิวไหม ?" เราก็รอเพื่อนพูดว่า "ไม่" แล้วใส่ไปเต็ม ๆ เลยว่า "หิว" พอปฏิบัติไปเรื่อย ๆ เราจะรู้วิธีเองว่า ทำอย่างไรจะไม่ผิดศีล  | 
		
 อยากให้พวกเราเอาวิธีของทหารไปใช้  คือ  การย้ำคิดย้ำทำ    
	ทำอะไรให้ทำไว้บ่อย ๆ แล้วจะคล่องตัว มีสิบนิ้วเท่ากัน ในเมื่อคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ ทหารเขาจะท่องว่า "ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ทำไม่ไหว ทำไม่ทัน" ตรงนี้ช่วยตอกย้ำว่าเราทำได้จริง ๆ เพราะเราเชื่ออย่างนั้น เขาเรียกว่า สำเร็จได้ด้วยใจจริง ๆ ถ้าอยากสำเร็จต้องทำแบบนี้  | 
		
 อย่างเวลาจับภาพพระให้เป็นกสิณ   ถามตัวเองว่า  เราทำมาเท่าไรแล้ว   เราทั้งหลายมีบุญพอตัวแล้วจึงเกิดมาเป็นคนได้  ทำไมแค่จับภาพพระเราจะทำไม่ได้   
	ถ้าจับภาพพระไม่ถนัด หรือภาวนาไม่ทรงตัว ก็ให้ย้ำคิดย้ำทำ อย่าใจร้อนและเบื่อเด็ดขาด ช่วงแรกตอนฝึกกสิณ ถ้าฝึกแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็บ่นว่าไม่ได้สักที แต่ถ้าฝึกทำแบบนั้นไปสักหมื่นครั้ง เป็นแสนครั้ง เป็นล้านครั้ง ภาพพระจึงจะดีขึ้น แต่พวกเราไม่ใช่แบบนั้น เราไม่มีความพยายาม ไม่มีความอดทน ความสำเร็จก็เลยไม่เกิด  | 
		
 เรื่องการทำบุญ  เวลาจะทำบุญอะไรก็ต้องดูด้วย   อย่างสร้างความลำบากให้พระ  
	บางทีชาวบ้านเขามาทำบุญ มากันที ๓ หมู่บ้าน ๒๐-๓๐ หลังคาเรือน นำอาหารมาครอบครัวละ ๓ อย่าง แล้วจะให้เราฉันของเขาให้หมด พอเราทำไม่ได้ เขาก็ผิดหวัง ไม่พอใจ เขาลืมไปว่า แค่ตักกับข้าวอย่างละช้อนมารวมกัน ก็เกินบาตรเบอร์ ๘ ครึ่งแล้ว แล้วจะให้เราฉันให้หมด เป็นไปได้ที่ไหน ดังนั้น..เวลาทำบุญเราต้องใช้ปัญญาประกอบด้วย อย่างบางคนถวายมะละกอสุกมา ๒๐ ลูก กว่าเราจะกลับวัดก็เน่าเป็นดวงแล้ว..! ถวายส้มโอแกะใส่โฟมมา ๖ ถาด เราอยู่คนเดียวจะฉันหมดได้อย่างไร ? บางคนก็ถวายยาคูลท์ เปิดฝาถวายมาเลย คนถวายกลัวไม่ได้บุญ เลยเปิดฝามาจะให้ฉันเดี๋ยวนั้น แต่อาตมาฉันไม่ได้ก็ต้องทิ้งถังขยะ กลายเป็นเสียของไป แต่ถ้ายังไม่เปิดฝา เรายังเอากลับไปถวายพระที่วัดได้ โปรดรู้ไว้ว่า ฟัก แฟง แตงโม น้ำเต้า แก้วมังกร พวกนี้มันเป็นของเย็น อาตมาฉันไม่ได้ ฉันแล้วแสลงไข้ ก็ต้องระวังตัวเอง ตอนนี้เลิกตามใจญาติโยมแล้ว เคยฉันทุเรียนเข้าไป ปรากฏว่าความดันขึ้นไป ๓ - ๔ วัน สรุปว่ากลัวทั้งเย็น กลัวทั้งร้อน  | 
		
 ถาม : ทำอย่างไรเมื่อมีซองกฐินตกค้าง? 
	ตอบ : ก็ส่งไปตามที่อยู่หน้าซองตามที่ตั้งใจแต่แรกเลย อย่ามักง่ายเอาไปถวายวัดอื่น เราต้องไปหาแล้วนำส่งคืนวัดเขา อย่างที่วัดท่าขนุนก็มี เจ้าหน้าที่ต้องมานั่งแยก แล้วส่งคืนไปยังวัดเจ้าของซอง  | 
		
 การปฏิบัติควรทำด้วยความเบิกบาน ไม่ใช่ทำด้วยความทุกข์ทรมาน  อย่างการภาวนาคาถาก็ให้แบ่งช่วงท่อง ควรมีฐานว่าเราจะภาวนาเอาเท่าไร  พอทำถึงแล้วก็ถือว่าครบ  ส่วนที่เกินมาก็ถือว่าแถมไป   
	ดังนั้น..เรื่องการปฏิบัติ การภาวนา เราต้องทำให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่ไปเก็บรวบยอดเอาทีเดียว เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราไม่ได้กินข้าว ก็เลยกินชดเชยซะทีเดียว  | 
		
 ถาม : อยากเที่ยวเมืองพระนิพพานต้องทำอย่างไรบ้างคะ? 
	ตอบ : ก็ทำตามกติกา ทำใจเคารพพระรัตนตรัย ไม่ล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ให้รู้ไว้เสมอว่าเราเกิดมาตายแน่ ตายแล้วจะไปพระนิพพาน นึกถึงภาพพระก็ได้  | 
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:38 | 
	
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน 
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.