ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๘
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412710220 เจอ "โลกยายจ๊ะ" ในห้องพระตอนตีหนึ่ง..! วันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ทันทีที่ความรู้สึกกลับคืนมา ก็ขยายออกไปยังปลายมือปลายเท้า จนรู้สึกครบถ้วนทั้งกายก็ยกใจไปกราบพระก่อน จากนั้นหยิบเอากล้องถ่ายรูปมากดดูเวลา ยังไม่ทันจะตีหนึ่งดี แต่ไม่มีความง่วงแล้ว จึงตรงไปยังห้องพระที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่ง... คิดว่าแม่ป๋อมมาถึงก่อนแล้ว เพราะข้างในดูสว่างด้วยแสงไฟ แต่พอเปิดประตูเข้าไป ก็เจอสุภาพสตรีในชุดประจำชาติเขมร ใส่ผ้าถุงสีแดงสด เสื้อแขนพองสีขาว นั่งทับส้นเรียบร้อยอยู่ในท่าเทพธิดา แสงสว่างมาจากตัวคุณเธอนี่เอง พออาตมาเข้าไปเต็มตัวคุณเธอก็กราบงามสามครั้ง... จุมเรียบซัวโลกเอิว ขะโยมฉะม้วกโลกยายจ๊ะ โซมโอยเมียนซกสบาย (นมัสการพระคุณเจ้า ดิฉันชื่อโลกยายจ๊ะ ขอให้ท่านมีความสุข) เดี๋ยวก่อนแม่คุณ..อาตมาไม่ใช่ ขแมร์ มาตั้งแต่เกิด ใช้ภาษาไทยหรือ ภาษาใจ ก็ได้ เล่นรัวมาเป็นชุดแบบนี้ฟังไม่ค่อยทันจ้ะ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412796773 ยังไม่ทันจะหกโมงเช้าก็สว่างขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายยิ้มแบบงามสง่าน่าเกรงขาม ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะมีรอยยิ้มที่สามารถสร้างความครั่นคร้ามให้ได้แบบนี้ ดิฉันอยู่ชั้นจาตุมหาราชิกา องค์เหนือหัว ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ดิฉันมาดูแลท่านแทนเจ้าค่ะ บรื๋อวววส์..ผู้หญิงชั้นจาตุมหาราชิกา นอกจากมีน้อยกว่าน้อยแล้ว ที่เจอมาแต่ละท่านยัง น่ากลัว ทั้งนั้นเลย... บอกขอบคุณที่เธอเมตตามาดูแล และฝากความคิดถึง องค์เหนือหัว ด้วย อย่า หายพระเศียร ไปนานนัก เธอยิ้มแบบที่คนขวัญอ่อนอาจจะเผ่นแน่บทันทีที่เห็น แล้วหายไปจากสายตา อาตมาจึงสวดมนต์ไหว้พระ แล้วเจริญกรรมฐานไปตามปกติ... จนตีห้าครึ่งกว่าก็อุทิศส่วนกุศล แล้วออกมาจากห้องพระ ตกลงว่าวันนี้ไม่ได้เปิดไฟเลย เพราะข้างนอกสว่างมากแล้ว ที่นี่บรรยากาศยามเช้าคล้ายแถวจันทบุรีหรือตราด ยังไม่ทันจะหกโมงเช้าฟ้าก็สว่างเหมือนเจ็ดแปดโมงเช้าของกรุงเทพฯ อาตมาเดินชมทิวทัศน์กรุงพนมเปญรอบ ๆ ที่พัก ชอบใจมุมไหนก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412894613 "คุณแม่บ้าน" กำลังรีดจีวร ชมทิวทัศน์มุมสูงจนไม่มีอะไรจะให้ดู พอดีเสียงลิฟท์เคลื่อนมาจากข้างล่าง แล้วแม่ป๋อมก็ก้าวออกมา บอกว่าอยากให้อาตมาพักมาก ๆ หน่อย จึงเจริญกรรมฐานที่ห้อง เพราะถ้ามาห้องพระเสียงลิฟท์อาจจะทำให้อาตมาตื่น ฮ่า..ที่ตื่นวันนี้เพราะไม่มีเสียงลิฟท์ต่างหาก... รอจนคุณแม่กราบทำบุญเสร็จแล้ว อาตมาก็ชวนลงไปชั้นสองเพื่อหาจีวร ปรากฏว่านอกจากไม่มีจีวรแล้ว ยังไม่มีใครอยู่เลยสักคน เปิดไฟเสร็จสรรพแต่หาที่เปิดเครื่องปรับอากาศไม่ได้ แล้วห้องกระจกแบบนี้ก็อึดอัดดีแท้ จึงต้องขอให้ โลกยายจ๊ะ ช่วยบอกว่าสวิทช์ไฟอยู่ตรงไหน เล่นเอาอีกฝ่ายตาเขียวปัด ที่อาตมาใช้งานซึ่ง สำคัญมาก ขนาดนี้... ขืนอยู่ต่อไปอาจจะโดนรับประทานลงไปทั้งตัว อาตมาจึงชวนแม่ป๋อมเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นที่สาม พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอพี่วิไลกำลังก้มหน้าก้มตารีดสบงจีวรให้อาตมาอยู่ ใครเขารีดจีวรกันละพี่ แค่สะบัดก็ใช้ได้แล้ว อาตมารีบบอกให้ทราบ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412969845 ลองดู..เผื่อจะสั่งตัดบ้าง อ๋อ..ตรงชายผ้ายังไม่แห้งดี วิไลเลยช่วยรีดให้แห้งหน่อย แล้วทำไมไม่ให้เด็กในร้านรีดให้ละจ๊ะ ? วันอาทิตย์ร้านปิดค่ะ เด็ก ๆ กลับกันหมดตั้งแต่ก่อนเรากลับมาจากเที่ยวอีก ยังไม่ทันจะเจรจาอะไรกันต่อ ป้ามอย น้องเล็กกับลูกปุ๊กก็โผล่มาสมทบ แล้วไปกรี๊ดกร๊าดกับชุดสวย ๆ ที่ตัดเสร็จแขวนเอาไว้ ส่วนมากเป็นชุดผ้าลูกไม้แทบทั้งนั้น... คนนั้นก็เอาเสื้อมาลองทาบกับตัว คนนี้ก็ขอลองดูบ้าง รู้สึกว่าสาว ๆ ขแมร์จะชอบใส่เสื้อเบอร์เอส เพราะตัดแบบค่อนข้างจะรัดรูป ทำเอาบางคนในคณะบ่นอุบอิบ เนื่องจากหมดสิทธิ์ใส่ไปตลอดทั้งชาตินี้และชาติหน้า มีแม่ป๋อมคนเดียวที่เลี่ยงไปทดสอบรองเท้าส้นสูง ซึ่งทางร้านเตรียมไว้ให้ลูกค้าได้ลองกับชุดสวยหลายคู่ ส่วนพี่มุกดามาถึงก็คว้าเสื้อไปลองดูบ้าง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413058469 สงสัยว่าคงเคยสร้างกรรมหนักเอาไว้ ถึงได้โดนลงโทษแบบนี้..! ส้นรองเท้าน่าจะสูงถึง ๕ นิ้ว แต่ คุณนายป๋อม ที่ชอบ ซำเหมา ก็คุ้นเคยพอที่จะใส่แล้วเดินอย่างคล่องแคล่ว ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของบรรดาสาว ๆ ที่ต้องมาทนเดินเขย่งเหมือนกับเต้นบัลเลต์แบบนี้ สงสัยว่าชาติก่อนคงจะเคยไปเคาะตาตุ่มของใครมาเป็นแน่แท้... ได้สบงจีวรมาแล้ว อาตมาเอาอังสะกับสบงขึ้นไปเก็บยังที่พักชั้นบน ห่มแต่จีวรแล้วกลับลงมา เจอพี่ปราณีรออยู่ชั้นล่างกับพี่วิไลที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว บอกว่าวันนี้ไม่ทำอาหาร จะพาไปเลี้ยงเจ้าอร่อยข้างนอก รอสักครู่คุณณรงค์ (ณรงค์ ภูมิธเนศ) น้องชายของพี่ปราณีกับพี่วิไลก็มาถึง กราบสวัสดีทักทายกันแล้ว ก็ชวนขึ้นรถออกไปร้านอาหารที่ว่าไว้... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413146335 สถานีบริการน้ำมันยามเช้า บรรยากาศเกือบจะ "ผีหลอก" รถตู้ขนเอาพวกเราออกจากบ้านมาบนท้องถนน วันหยุดแถมยังเช้าแบบนี้แทบจะไม่มีรถเลย รู้สึกหลอน ๆ เพราะบรรยากาศเหมือนกับผีเตรียมจะหลอกอย่างไรก็ไม่รู้ ? ผ่าน “เตละ (สถานีบริการน้ำมัน)” เห็นราคาเบ็นซินที่คิดเป็นเงินไทย ลิตรละ ๕๗.๕๐ บาทแล้วพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเมืองเขมรรถราคาถูก แต่น้ำมันแพง ถ้าคุณมีปัญญาซื้อรถ คุณก็ต้องมีปัญญาเติมน้ำมัน..! “เนียงลออ (สาวสวย)” อาตมาชี้ให้คุณณรงค์ดูสองสาว ที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างหน้าเยื้องไปทางขวา หน้าตาคมเข้ม อกเป็นอก เอวเป็นเอว อีกฝ่ายเพิ่งจะหัวเราะก็ต้องกระทืบเบรกจนอาตมาหัวทิ่มเกือบจะโขกกระจกรถ เพราะ “เนียง” เธอเบรกสุดตัวเนื่องจากมีสาวคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ากะทันหัน สาบานได้ว่าคนตัดหน้ามอเตอร์ไซค์ที่หันมามองตาเขียวนั้น หน้าตาเหมือน “โลกยายจ๊ะ” อย่างกับแกะ..! “ขอโทษครับหลวงพี่..มันกะทันหันจริง ๆ ยายนั่นก็น่าตายมากเลย” เฮ้ย..ขืนไปพูดถึง “ยายนั่น” แบบนั้น เดี๋ยวไอ้ที่ตายน่าจะเป็นพวกเราเสียมากกว่า เฮ้อ..จะ “เหล่สาว” หน่อยก็มีคนขัดคอ ซ้ำยังแกล้งเอาจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ ทำเอาหมดอารมณ์ไปเลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413229219 กว่าจะหาร้านเจอ โดน "ยายนั่น" พาเตลิดไปตั้งไกล..! ถึงสี่แยกข้างหน้าคุณณรงค์เลี้ยวซ้ายเข้าซอย วิ่งผ่านร้านรวงต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่ยังปิดประตูสนิท จนทะลุมาออกอีกฝั่งหนึ่ง พี่ว่าต้องอีกไปอีกแยกหนึ่งแล้วค่อยเลี้ยวไม่ใช่หรือณรงค์ ? พี่ปราณีถาม พลขับกิตติมศักดิ์ยิ้มแห้ง ๆ ปกติรถเยอะแยะ พอไม่มีรถเลยพลอยจำทางไม่ได้ ดูท่าว่า ยายนั่น จะเอาคืนที่ไปว่าเธอเข้าแล้ว เช้านี้ตูจะได้กินไหมนี่ ? คุณณรงค์พารถตู้เลี้ยวขวาที่อีกสี่แยกหนึ่ง แล้ววนขวากลับมาอีกที ซอยนี้แหละ พี่วิไลชี้ อาตมาเห็นป้ายที่ปากซอย มีภาษาขอมว่า เทสะจะระณะ (แหล่งท่องเที่ยว) ถ้าจำป้ายนี้ได้น่าจะไม่หลง แต่พลขับกิตติมศักดิ์ของเรา ถึงจะพูดขแมร์ได้แต่อ่านไม่ออก เลยโดน ยายนั่น พาเตลิดไปตั้งไกล... มาจอดอยู่ข้างร้านอาหารสองคูหาซึ่งกั้นกระจกให้มองทะลุถึงกันได้ ชื่อร้าน Tea Pot ต้องเป็นคนจีนแน่นอน เพราะมีที่บูชาบรรพบุรุษตั้งอยู่กลางร้านด้านใน บอกให้รู้ว่าเป็นลูกหลานพันธุ์มังกรขนานแท้ โต๊ะเก้าอี้ในร้านเป็นสเตนเลสทั้งหมด ดูแข็งแรงสะอาดสะอ้าน คูหาซ้ายมือหกโต๊ะมีลูกค้าอยู่สองโต๊ะ พวกเราเลือกเข้าคูหาทางขวามือ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413315113 จะมองกล้องไหนดี ? พี่ปราณีเดินไปหาพนักงานที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีแดง สั่งอาหารเช้าสำหรับพวกเราทุกคน อาตมานั่งดูบรรยากาศในร้าน พร้อมกับบันทึกประจำวันไปด้วย หลวงพี่..จะรับน้ำอ้อยหรือน้ำส้มเช้งดีคะ ? พี่ปราณีถาม เอาน้ำส้มมาเถอะ ขืนฉันน้ำอ้อยแต่เช้าแบบนี้เดี๋ยวเบาหวานถามหา... บนโต๊ะมีชุดเครื่องปรุงวางอยู่แล้ว พนักงานสาวเอาแก้วน้ำส้มมาวางให้ อีกสักครู่ก็มีจานใส่ปาท่องโก๋กับน้ำชาร้อนมาอีก ๑ กา ฮ่วย..มีชาร้อนให้แบบนี้ ตูจะสั่งน้ำส้มไปทำอะไรวะ ? ร้านนี้ทำก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอร่อยมาก คราวก่อนวิไลก็พา หลวงพี่ยนต์ มาฉันที่นี่เหมือนกัน... อาตมาเห็นทุกคน สุมหัว รวมกันที่โต๊ะเดียว จึง ถอดรูป (ถ่ายรูป) เอาไว้ แม่ป๋อมเห็นเข้าก็ ถอด บ้าง ตั้งท่าเฮฮากันจนลูกค้าทั้งสองโต๊ะของอีกคูหาหนึ่งมองมา คงสงสัยว่ามีละครลิงแสดงฟรีด้วยหรือ ? พอดีพนักงานเอา กุยเตียว (ก๋วยเตี๋ยว) มาเสิร์ฟให้... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413404198 สีสันหน้าตาออกมาดูดีน่ากินสมราคาคุย ที่ชอบใจมากก็คือ เขาเอาช้อนและตะเกียบใส่ถ้วยลวกน้ำร้อนมาต่างหาก แปลว่าถ้ากินแล้วท้องร่วงก็ไม่ใช่ความผิดของทางร้านแน่ ๆ อือม์..แล่เนื้อปลาได้บางพอดี แค่โดนน้ำร้อนก็สุกสนิทแล้ว ลูกชิ้นปลากรายก็นุ่มหนึบ แถมยังมีถั่วงอก มะนาว ซีอิ๊วและเต้าเจี้ยวมาให้ปรุงรสเพิ่มต่างหาก... แต่ไหนแต่ไรมา อาตมาก็ฉันอาหารโดยไม่เคยปรุงเพิ่ม เพราะถ้าปรุงก็แปลว่าอร่อยโดยการปรุงของเราเอง ไม่ใช่ว่าอร่อยเพราะฝีมือพ่อครัวแม่ครัว ดังนั้น..ร้านอาหารบางร้านที่ได้รับการรับรองจากนักชิมชื่อดัง พอลองเข้าไปกินดูรสชาติก็อย่างนั้นเอง ธรรมดามาก... ฉันเสร็จเพิ่งจะวางช้อนกับตะเกียบลง เด็กในร้านก็มาเก็บชามไปทันที การกดดันให้ลูกค้าสั่งอาหารเพิ่ม หรือออกจากร้านเพื่อให้มีที่ว่างแบบนี้ ไม่สามารถที่จะทำอะไรอาตมาได้ เพราะเมื่อเขาช่วยเก็บโต๊ะให้มีที่ว่าง อาตมาก็งัดเอาสมุดบันทึกประจำวันขึ้นมาบรรเลงแบบสบายใจ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413539119 วัดยายเพ็ญบนเนินเขา ที่มาของชื่อเมืองพนมเปญ รอจนทุกคนอิ่มแล้ว พี่ปราณีเรียกเด็กมาคิดเงิน แล้วจ่ายเป็นดอลลาร์ แต่ทิปเป็นเงินเขมร ๒,๐๐๐ เรียล อาตมาก้มหน้าก้มตาบันทึกประจำวันอยู่ จึงไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวราคาชามละเท่าไร น่าจะแพงทีเดียว แต่เสียงตอบรับจากทุกคนว่าอร่อย ทำเอาเจ้าภาพยิ้มแก้มปริ แพงเท่าไรก็ช่างมัน... กลับขึ้นรถแล้วคุณณรงค์พาวิ่งไปได้ไม่ไกล พอเลี้ยวขวาไปหน่อยก็ชิดซ้ายเข้าไปยังถนนสายหนึ่ง ที่พาวนอ้อมเนินเขาเตี้ย ๆ ซึ่งมีต้นไม้เขียวครึ้มไปหมด มีอาคารอยู่บนยอดเนินเหมือนกับเป็นวัด... “เป็นวัดจริง ๆ เจ้าค่ะ ชื่อวัดยายเพ็ญ สร้างโดย “โลกยายเพ็ญ” เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วมา เนินเขาลูกนี้จึงได้ชื่อว่า “พนมเพ็ญ (เขายายเพ็ญ)” ที่เรียกกันว่าพนมเปญในทุกวันนี้..” “ยายนั่น” โผล่มาถึงก็บรรยายเป็นต่อยหอย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413577908 พี่ปราณีซื้อตั๋ว ๘ ใบ ขณะที่นับแล้วนับอีกมีแค่ ๗ คน คุณณรงค์บังคับรถตู้จอดชิดขอบทาง พวกเราลงจากรถแบบเร่งด่วน เพราะมีรถตามหลังมาหลายคัน เนื่องจากสภาพถนนสายนี้คือวงเวียนที่มีเขายายเพ็ญเป็นศูนย์กลาง จอดนานจะทำให้รถติด พวกเราก้าวขึ้นไปบนลานดิน รอบข้างเป็นต้นไม้ใหญ่เต็มไปหมด... ตรงหน้าคือบันไดก่อจากอิฐแดงสามช่วง สำหรับขึ้นไปยังวัดบนเนิน ช่วงแรกมีพญานาคแบบขอมที่สวยงามกระหนาบสองข้างบันได ช่วงกลางเป็นรูปเทวดากุมกระบอง ส่วนช่วงบนเป็นสิงห์แบบขอมตัวใหญ่คู่หนึ่ง ตัวเล็กคู่หนึ่ง... พี่ปราณีนับจำนวนคนแล้วตรงไปยังห้องขายตั๋วทางขวามือ สั่งซื้อตั๋วเข้าชมวัด ๘ ใบ อาตมานับแล้วนับอีกก่อนที่จะท้วงว่า “มีแค่ ๗ คนเท่านั้นนะพี่” พี่วิไลหัวเราะ “ณรงค์อีกคนหนึ่งค่ะ” อ้าว..นึกว่าพ่อเจ้าประคุณไม่มาด้วย เพราะพารถตู้หายไปจอดที่ไหนก็ไม่รู้ ? |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413674982 ใคร ๆ ก็อยากได้รูปตรงนี้ คนขายตั๋วชะเง้อมองเพื่อนับจำนวนคน พอดีคุณณรงค์เดินเข้ามาสมทบ เมื่อเห็นว่ายอดถูกต้องตรงกับจำนวนเงินก็ฉีกตั๋วให้ พี่ปราณีรับมาแล้วบอกให้พวกเราเดินขึ้นบันไดไปเลย อ้าว..ไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจนับคนเลยหรือ ? คนขายตั๋วเขานับไปแล้วค่ะ เออ..ง่ายดีเว้ย... แม่ป๋อมขอให้ทุกคนถ่ายรูปตรงบันไดนาคก่อน แต่มีคนกำลังถ่ายรูปอยู่สองสามราย และพวกที่ขึ้นไปไหว้พระจนเสร็จแล้วเดินลงมาอีก จึงต้องรอจนกว่าจะคนหมด พวกเราถึงเข้าไปจับกลุ่มให้คุณแม่ถ่ายรูปได้ เสร็จแล้วคุณณรงค์ไปผลัดคุณแม่มาเข้ากล้องบ้าง ขนาดนั้นยังติด "หนูอ้วน" ที่ตั้งท่าให้คุณพ่อถ่ายรูปมาด้วย... เสร็จแล้วอาตมาเดินนำหน้าขึ้นบันไดไปก่อน ถึงช่วงบนสุดมีทางขึ้นลงทั้งซ้ายขวา อาตมาถือคติโบราณ สมัยพระมหากัสสปะออกบวชว่า ผู้หญิงไปทางซ้าย ผู้ชายไปทางขวา จึงเลี้ยวขวาไปเจอคนขายนกปล่อยและดอกไม้ธูปเทียนเข้าพอดี... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413750284 เยี่ยมเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย วัดนี้สร้างขึ้นมาหลายร้อยปี จึงมีการบูรณะใหม่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายบูรณะก่อนที่ท่านจะเกิดสิบกว่าปี ที่นี่เป็นศูนย์รวมความเชื่อทางศาสนาหลายอย่าง มีทั้งศาลเทพเจ้าโหวอี้ ศาลขงจื๊อ เทวรูปพระนารายณ์ ทั้งที่เป็นวัดของพระพุทธศาสนา.. ยายนั่น ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ได้ดีทีเดียวแหละ ถ้าไม่ดุมากคง ขายออก ไปนานแล้ว... ตรงข้างกำแพงแก้วหน้าซุ้มที่มีอัปสราสองนาง ยืนกอดคอเป็นเพื่อนซี้กันอยู่ มีแม่ค้าขายนกปล่อยอยู่สองราย อาตมาแวะเข้าไปดูตามความเคยชิน โดยมีแม่ป๋อมกับคุณณรงค์เดินตามมาด้วย เห็นมีแต่นกกระติ๊ดสีอิฐเกือบทั้งหมด มีนกกระจาบทองตัวเมียหลงมาอยู่ตัวเดียว... มัวแต่ดูนกเพลิน หันมาอีกทีพี่ปราณีกับพี่วิไลซื้อดอกบัวมาหอบใหญ่ เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ..ดอกบัวที่นี่ก้านดอกยาวดีเป็นบ้า ไม่ถึงหนึ่งเมตรก็ใกล้เคียง อาตมารับกำที่ก้านดอกสั้นหน่อยมานับดู มีอยู่ ๙ ดอก การถือมงคล ๙ นี่น่าจะมีอยู่ทุกประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท เพราะเอามาจากนวหรคุณ (พระพุทธคุณ ๙ ประการ) ของพระพุทธเจ้านั่นเอง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413843681 โบสถ์วัดยายเพ็ญ ตรงลานกว้างหน้าโบสถ์ มีเสาธงสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทั้งซ้ายและขวา ประดับธงฉัพพรรณรังสีที่เป็นธงปฏาก (แผ่นผ้า) ยาวประมาณ ๖ เมตร มียักษ์ที่ปั้นจากปูนแบบลวก ๆ เหมือนกับขอไปที แต่กลับดูดีอย่างประหลาด ทำหน้าที่เฝ้าลานอยู่ด้วย... ตัวโบสถ์ตั้งอยู่บนฐานยกชั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเสาถี่มากแบบโบสถ์สมัยก่อน ที่จำเป็นต้องใช้เสาช่วยเฉลี่ยในการรับน้ำหนักข้างบน “ท้าวแขน” เป็นรูปพญาครุฑที่ค่อนข้างจะผอมเพรียว ไม่ล่ำบึ้กเหมือนกับที่อื่น ๆ จัดว่าหล่อทีเดียวแหละ... หลังคาโบสถ์มุงกระเบื้องเกล็ดปลาสีเหลือง (สีสำหรับวัดและวังของเขมร) ตัดขอบด้วยสีเขียว สี่มุมของโบสถ์มี “ศาลเพียงตา” ตั้งอยู่ด้วย ด้านหลังโบสถ์เป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่เหมือนกับยังสร้างไม่เสร็จ เพราะยังไม่มียอดฉัตรทั้ง ๆ ที่เสียบเหล็กรอไว้อยู่แล้ว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1413920358 สภาพภายในโบสถ์วัดยายเพ็ญ หญิงสาวในชุดประจำชาติเขมรแต่กลับเป็นสีขาวทั้งชุด (ผู้หญิงเขมรจะใส่ชุดประจำชาติเป็นเสื้อลูกไม้สีขาว ส่วนผ้าจะนุ่งสีของแต่ละวัน) ยืนพนมมือไหว้อย่างงาม จุมเรียบซัว..โลกเอิว ขะโยมฉะม้วกโลกยายเพ็ญ เป็นจั๊ดนึงโตตวล (นมัสการ..พระคุณเจ้า ดิฉันชื่อโลกยายเพ็ญ ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ) โห..คุณยายทั้งสาวทั้งสวยด้วยบุญบารมี... ใช้ภาษาไทยดีกว่าจ้ะคุณยาย ขออนุโมทนาผลบุญที่คุณยายได้สร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนาด้วยนะจ๊ะ แล้วปกติคุณยายอยู่ภพภูมิไหนจ๊ะ ? ขะโยม เอ๊ย..ดิฉันอยู่ชั้นยามาเจ้าค่ะ มิน่าล่ะ..ถึงมาสีขาวทั้งชุดแบบนี้ ยายนั่น รีบเข้าไป เจ๊าะแจ๊ะ กับ ยายเพ็ญ คงจะ เผา อาตมาให้ยายเพ็ญฟัง แต่อีกฝ่ายยิ้มเยือกเย็น พลางผายมือเชิญให้คณะของเราเข้าไปในโบสถ์... ภายในโบสถ์ที่ไม่กว้างมากนัก มีเสากลมจำนวน ๑๒ ต้น เขียนลายพญานาคสีเขียวและสีทอง พันเสาอยู่ต้นละคู่ เพดานและผนังโบสถ์เป็นภาพเขียนสีพุทธประวัติและชาดกต่าง ๆ องค์พระประธานหน้าตักประมาณ ๔ ศอก ทรงเครื่องพระวิสุทธิเทพตั้งอยู่บนฐานสามชั้น ด้านหลังเป็นสถูปคล้ายพระปรางค์ย่อส่วน มีซุ้มบรรจุพระพุทธรูปบนส่วนยอดทั้งสี่ด้าน ข้างหน้าพระประธานเป็นพระพุทธรูปใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ทั้งปางสมาธิ ปางไสยาสน์ ปางมารวิชัย และปางอุ้มบาตร เสาตรงด้านหน้าสุดยังมีรูปปั้นพระแม่ธรณียืนบิดมวยผม และรูปผู้หญิงกระเดียดหม้อน้ำอยู่ด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1414059608 ช่วยกันพับดอกบัวถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา “รกไปหน่อยเจ้าค่ะ” คุณยายออกตัวแบบเขิน ๆ พอเห็นอาตมาและคณะนั่งคุกเข่าลงบนเสื่อที่เขาปูไว้เต็มที่ว่างเพื่อกราบพระ ทั้งคุณยายและ “ยายนั่น” ก็แยกกันออกไป ยืนพนมมืออยู่ที่ผนังข้างประตูทางเข้าทั้งสองฝั่ง ผู้คนที่เดินเข้าเดินออกทั้งที่มองไม่เห็นก็ยักจะเดินชน แสดงว่า “ยืนให้เป็นสุข” ได้สมกับที่มาจากภูมิสูง... อาตมายกดอกบัวทั้งกำขึ้นจบถวายพระ สวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชาและสังฆบูชา จากนั้นอุทิศส่วนกุศลให้กับทุกท่านจากทุกภพทุกภูมิ เสียงสาธุการดังมารอบทิศ โดยเฉพาะ “ยายนั่น” ดังแบบไม่ต้องเกรงใจใครเลย..! เสร็จแล้วกำลังจะหาที่วางดอกบัวให้เหมาะสม “ส่งมาทางนี้เลยค่ะ” พี่วิไลก็บอก เมื่อหันกลับมาจึงเห็นว่า ระหว่างที่สวดมนต์อยู่นั้น ไม่รู้ว่าพี่เขาไปหาแจกันดอกไม้มาจากไหนคู่หนึ่ง ทุกคนที่กราบพระเสร็จแล้ว จึงช่วยกันพับดอกบัวใส่แจกัน มีญาติโยม “เจียขแมร์ (คนเขมร)” ที่มาไหว้พระมองดูแบบสนใจอยู่หลายคน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1414094843 ศาลบูชาคุณยายเพ็ญอยู่ที่ด้านหลังซ้ายมือของตัวโบสถ์ เมื่อถวายแจกันดอกบัวแล้ว พี่ปราณีชวนทุกคนไปไหว้ที่ศาลเจ้า อาตมาเองถึงไปไหว้ เจ้าท่านก็ไม่รับอยู่แล้ว เมื่อออกจากโบสถ์จึงแยกซ้ายเดินวนขวารอบโบสถ์ไปคนเดียว มีคุณยายกับ “ยายนั่น” ตามมาติด ๆ ส่วนพี่ปราณีกับพี่วิไล พาคณะทั้งหมดเดินไปที่ศาลเจ้าทางขวามือ ซึ่งต้องวนไปทางซ้ายของโบสถ์ (ทวนเข็มนาฬิกา) ทั้งที่ตัวศาลเจ้าอยู่ทางขวาเมื่อหันหน้าเข้าโบสถ์ บรรยายแล้วงงดีเหมือนกันเว้ย..! ด้านท้ายโบสถ์มีอาคารขนาดเล็กเปิดโล่งสามด้าน มีแค่ผนังด้านหลังเท่านั้น ข้างในเป็นรูปปั้นผู้หญิงใส่เสื้อขาวแค่ครึ่งตัว ลักษณะโกนหัวเป็นแม่ชี ที่ผนังมีแผ่นฉัพพรรณรังสีติดอยู่ด้วย ด้านบนเพดานทั้งสองแขวนโคมจีนสีแดงไว้หลายใบ เครื่องบูชาต่าง ๆ เต็มไปหมด มีแผ่นป้ายเขียนภาษาขอมเอาไว้ว่า “โลกยายเพ็ญ” อ้อ..นี่เป็นศาลบูชาของคุณยายสินะ... “เจ้าค่ะ..รกยิ่งกว่าข้างในโบสถ์เสียอีก..” ไม่เป็นไรจ้ะ..รกมากแสดงว่ามีคนเอาของมาบูชามาก แปลว่าเขาเคารพคุณยายมากเช่นกัน อาตมาเดินอ้อมหลังโบสถ์ไปทางขวา องค์พระเจดีย์ใหญ่ดูเหมือนว่าจะยังสร้างไม่เสร็จจริง ๆ จึงย้อนกลับมาทางเดิม พอถึงทางเดินเล็ก ๆ ที่เทปูนเอาไว้ให้ลงไปยังตีนเนิน คุณยายก็หยุดยืน พนมมือกล่าวว่า... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1414439312 ทางเดินลงมาจากวัดยายเพ็ญด้านบน “ดิฉันขอส่งท่านแค่นี้นะเจ้าคะ ต้องไปฟังปัญหาของคนที่มากราบไหว้บูชาต่อ เผื่อว่าบุญของเขาพอมี จะได้สงเคราะห์เขาบ้าง ที่เหลือโลกยายจ๊ะจะเป็นผู้ดูแลท่านเอง” ขอบคุณมากจ้ะคุณยาย..ขอให้ได้เลื่อนภพภูมิเร็ว ๆ นะจ๊ะ “ออคุณเจริญ..จุมเรียบเรีย (ขอบพระคุณเจ้าค่ะ..นมัสการลาค่ะ)” คุณยายน้อมตัวไหว้ได้นุ่มนวลงามตาจริง ๆ แล้วหายไปจากสายตา... ทางปูนพาเดินผ่านสนามหญ้าเขียวขจีลงไปยังตีนเนิน “ยายนั่น” คงเกรงว่าถ้าเดินตามหลังจะกลายเป็นอยู่สูงกว่า จึง “แวบ” ลงไปรอที่ข้างล่างตรงใกล้ ๆ ม้านั่งสำหรับพักผ่อน พออาตมาเลี้ยวขวาตามทางเดินลงมาถึง เห็นเป็นนาฬิกาแดดอันใหญ่มหึมา บอกเวลา ๐๘.๐๓ น. เดินตรงเวลาเสียด้วย “ยายนั่น” จ้อเป็นต่อยหอยอีกตามเคย... “พระเจดีย์ตรงอยู่หน้าของท่าน คือพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าพงหะยัต กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของกัมพูชา ถ้าพระนามนี้ไม่คุ้นหู ก็ต้องเรียกว่า “พระยาละแวกที่ ๑” พระองค์ท่านเป็นผู้ย้ายเมืองหลวงจาก “พระนคร” มาตั้งที่เมืองละแวก ซึ่งก็คือพนมเปญในปัจจุบันนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๙๗๕ ประมาณกรุงศรีอยุธยาตอนต้น..” |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1414526638 ดูเหมือนในหลวงรัชกาลที่ ๔ ของเราอย่างนั้นแหละ ส่วนพระบรมราชานุสาวรีย์ที่ต่ำลงมานั้น สร้างไว้เป็นที่ระลึกในการรับมอบเมืองพระตะบอง เสียมเรียบ และศรีโสภณจากกองทัพไทย เรื่องนี้เริ่มจากการที่ประเทศฝรั่งเศส รุกเข้ามายึดประเทศกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ ซึ่งช่วงนั้นทั้งสามเมืองนี้ยังเป็นของประเทศไทยอยู่... ครั้นมาถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ ไทยรบชนะฝรั่งเศส ยึดทั้งสามเมืองกลับคืนไป ฝรั่งเศสต้องการจะตีคืน เกิดการรบยืดเยื้อ และเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ พอดี ญี่ปุ่นจึงยื่นมือเข้ามาไกล่เกลี่ย ขอให้ไทยคืนทั้งสามเมืองนี้ให้กับกัมพูชา เมื่อได้รับพระตะบอง เสียมเรียบ และศรีโสภณคืนจากกองทัพไทยแล้ว ทางกัมพูชาจึงได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์นี้ไว้เป็นที่ระลึก... สมัยเด็ก ๆ ยายจ๊ะ นี่น่าจะได้ที่หนึ่งวิชาประวัติศาสตร์ อาตมาเองไม่กระดิกหูเลยแม้แต่น้อย จึงได้แต่ฟังแม่เจ้าประคุณ "ฉอด ๆ" ไปเรื่อย ดูไปแล้วพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ เหมือนกับในหลวงรัชกาลที่ ๔ ของเราอย่างนั้นแหละ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1415133577 พญานาคประกอบขึ้นมาจากซี่ไม้ไผ่ สำหรับนาฬิกาแดดนี้คงไม่ต้องอธิบายนะเจ้าคะ ถ้าอย่างนั้นนิมนต์พระคุณเจ้าชมพญานาค ๗ เศียร ที่สร้างจากไม้ไผ่นี้เลย ชาวกัมพูชาเชื่อว่าตนเองสืบเชื้อสายมาจาก นางนาค ตั้งแต่สมัยที่ประเทศกัมพูชายังเป็น เกาะทะโลก อยู่ จึงมีการสร้างรูปพญานาคเป็นที่เคารพในสถานที่ต่าง ๆ มากมาย... พญานาค ๗ เศียรตนนี้สร้างได้สวยงามทีเดียว ด้วยความยาวไม่ต่ำกว่า ๑๐ เมตร ประกอบขึ้นมาจากไม้ไผ่ซี่เล็ก ๆ จำนวนมาก ผูกมัดด้วยเชือกไนล่อนสีเขียวเส้นเล็ก บนพื้นช่วงที่พญานาคยกพังพานขึ้น ยังจัดเป็นสวนหย่อมที่สวยงามอีกด้วย คณะของพระคุณเจ้าตามมาแล้วเจ้าค่ะ ยายจ๊ะ บอกเมื่อเห็นพี่วิไลกับพี่ปราณีเดินนำพวกเราลงมา... |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:37 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.