กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6643)

เถรี 23-06-2019 21:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ระยะนี้เขาตั้งชื่อให้ยากเข้าไว้ อ่านไม่รู้เรื่อง อาตมาเตือนแล้วเตือนอีก บอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนชื่อหรอก ให้เปลี่ยนความประพฤติแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ก็ไม่ค่อยจะฟังกัน เพราะอะไร ? เพราะว่ามักง่าย เปลี่ยนชื่อนั้นง่าย ให้เปลี่ยนสันดานไม่ยอมเปลี่ยน คราวนี้พออ่านก็ยาก เขียนก็ยาก แปลก็ไม่ออก ในเมื่ออะไร ๆ ยากหมด แล้วชีวิตจะง่ายอย่างไร ?

ส่วนของอาตมาก็ง่ายเกินไป เพื่อนพระเขาเรียก "อาจารย์เล็ก" ผู้บังคับบัญชาเรียก "พระครูเล็ก" ญาติโยมเรียก "หลวงพ่อเล็ก" เรียกง่ายเกินไป ผู้บังคับบัญชาเขาเลยเรียกใช้ตลอด เหนื่อยแทบตาย ต่อไปต้องเปลี่ยนชื่อยาก ๆ เอาประเภทเรียกไม่ได้ไปเลย"

เถรี 23-06-2019 21:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงเอ็นทรานซ์ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่เด็ก ๆ มักจะคิดว่าใช่ ถึงเวลาคนพลาดก็โลกมืด ทำอะไรไม่ถูก ต้องบอกว่าประสบการณ์ชีวิตน้อย ไม่เคยผิดหวัง ถึงเวลาสอบไม่ได้ก็เฉาไปนาน"

เถรี 23-06-2019 21:59

ถาม : ผมจะไปปฏิบัติราชการปราบปรามโจรสลัดที่ฐานทัพเรือสหรัฐในประเทศบาห์เรนครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก พกของขลังไปเยอะ ๆ ก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องห่วง เพราะว่าถ้าเป็นของสหรัฐเขาเอาคน ในเมื่อเอาคน เรื่องความปลอดภัยต้องบอกว่าเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์

ถาม : มีช่วงเวลาหนึ่งต้องอยู่บนเรือรบเกาหลีสองเดือน ?
ตอบ : อยู่ไปเถอะ พวกเราชินกับการปฏิบัติธรรม ไม่มีปัญหา ถึงเวลาก็ภาวนาไป ออกกำลังกายไป ถือโอกาสฟิตตัวไปเลย กลับมาจะหนุ่มขึ้นอีกเยอะ ได้วันทวีคูณไหม ? น่าจะได้นะ คิดว่าได้อย่างแน่นอน

พ.ส.ร. สมัยก่อนโน้น ต้องพวกพี่อรรณพ ถึงเวลาก็จุดธูปบอก “หลวงพ่อ..ผมอยากได้ พ.ส.ร.เพิ่ม ขอสักแผลหนึ่ง” ไม่อย่างนั้นอย่างไรเขาก็ยิงไม่ถูก ต้องขอร้องให้เขายิงถูกหน่อย อยากได้เงินเพิ่ม ถึงเวลาก็ "หลวงพ่อ..ขอสักแผลหนึ่ง" ไม่มีแผลเลยเดี๋ยวคุยกับใครไม่ได้ เจอครูบาอาจารย์เก่งเกินไป กระสุนมาเป็นห่าฝน ไม่ถูกสักนัด ตั้งใจยืนให้เขายิงก็ไม่ถูก

เถรี 23-06-2019 22:00

พ.ส.ร คือเงินเพิ่มพิเศษจากการสู้รบ ได้รับบาดเจ็บหนักเบาเขามีให้ ไม่เหมือนปักษ์ใต้เรา ปักษ์ใต้บ้านเราทุเรศมาก ค่าชดเชยนักบวชศาสนาอื่นสองแสนบาท พระภิกษุสงฆ์หนึ่งแสนบาท ระบุไว้ชัดเลยนะ ถ้าหากว่าพระตายได้แสนหนึ่ง โต๊ะอิหม่ามตายหรือว่านักบวชของเขาตายได้สองแสนบาท..!

เถรี 23-06-2019 22:02

พระอาจารย์กล่าวกับพ่อแม่ลูกอ่อนว่า "กลางวันชวนลูกเล่นเยอะ ๆ อย่าให้หลับ กลางคืนจะได้นอนสลบไสลไปเลย ไม่อย่างนั้นพอกลางวันนอนเต็มที่ ก็เป็นเวรเป็นกรรมของพ่อของแม่ ลูกจะกวนทั้งคืนเพราะว่านอนพอแล้ว

โดยธรรมชาติมนุษย์และสัตว์ ร่างกายเขาสร้างมาให้เคลื่อนไหว เพราะฉะนั้น..ถ้านอกเหนือเวลาพักผ่อน ก็จะขยับอย่างเดียวเลย ถ้าเราสังเกตดูช้าง เวลาช้างยืนต้องโยกตัวไปมา ไม่โยกไม่ได้ เดี๋ยวประเภทเลือดลมตกไปอยู่แค่จุดใดจุดหนึ่ง ก็จะเป็นอันตรายกับตัวเอง"

เถรี 23-06-2019 22:06

มีโยมที่ขาไม่ปกติมาถวายสังฆทาน พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เห็นทีไรอาตมาจะนึกชื่นชมทุกครั้งว่า ทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่ปกติ แต่เขาทำอะไรเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปได้

เพื่อนกันจบด็อกเตอร์ ๒ ใบ ขาก็เป็นแบบนี้ พระครูสุนทรวัชรกิจ, ดร. ท่านจบปริญญาเอกด้านกฎหมายใบหนึ่ง แล้วมาจบปริญญาเอกด้านการจัดการเชิงพุทธพร้อมกันอีกใบหนึ่ง ตอนไปดูงานต่างประเทศ เพื่อน ๆ ก็ช่วยผลัดกันเข็นรถให้”

เถรี 23-06-2019 22:08

พระอาจารย์กล่าวถึงการจัดงานวันเกิดว่า “อาตมาเอาตามธรรมเนียมโบราณ จัดวันเกิด ๖๐ ปีครั้งหนึ่ง เจอกันอีกทีไม่ ๗๐ ก็ ๗๒ ปีเลย

สมัยก่อนที่เขาจัดงานวันเกิดลักษณะนั้นเพราะว่า อันดับแรก เป็นการรบกวนคนอื่นมาก ท่านเกรงใจกัน โดยเฉพาะว่าบรรดาท่านที่เป็นเจ้าใหญ่นายโตรับราชการ คนจะต้องไปกันมาก อันดับที่สอง คือการเดินทางนั้นยาก ไม่เหมือนกับสมัยนี้

ดังนั้น..ถ้าหากว่าจัดพร่ำเพรื่อฟุ่มเฟือยกัน ก็เท่ากับรบกวนคนอื่นตลอดเวลา เขาก็เลยจัด ๖๐ ปีครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็แยกเป็นสองสาย สายหนึ่งก็ ๑๐ ปีครั้ง คือ ๗๐ ปี ๘๐ ปี ๙๐ ปี อีกสายหนึ่งก็ ๑๒ ปีครั้ง ตามรอบนักษัตร ๗๒ ปี ๘๔ ปี ๙๖ ปี”


เถรี 23-06-2019 22:09

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนท่านเจ้าคุณทอม (พระโสภณกาญจนาภรณ์) ท่านโทรมาถามว่า “อาจารย์เล็ก..มีเหรียญหลวงปู่สาย รุ่น ๑ ไหม ?” ตอบท่านไปว่า “ไม่มีครับ” ท่านบอกว่า “ผมมี..ผมได้มาตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ”

ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอแทนหลวงปู่สาย ช่วงที่หลวงปู่สายหนีออกจากวัดไป ๗ ปี ท่านเลยบอกว่า "เดี๋ยวจะเลี่ยมทองไปถวาย" แล้วพูดต่อว่า “ปกติผมจะไม่ถามหรอก แต่คราวนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็เลยสงสัยว่ามีไหม ?” อาตมาตอบไปว่า “ไม่มีหรอกครับ เป็นเรื่องขายหน้าของผมด้วยซ้ำไป ว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้แล้วไม่มีเหรียญหลวงปู่สาย..!” เป็นอะไรที่ฟังดูตลก ๆ ดี”

เถรี 23-06-2019 22:10

มีโยมพาแมวมาบ้านเติมบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “เปลี่ยนไปเลี้ยงเสือบ้างไหม ? เสือก็คือแมวนั่นแหละ ตระกูลเดียวกัน เพียงแต่ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

แมวเขามีเขตของเขาอยู่ แล้วเขาจะทำเครื่องหมายเอาไว้ มีกลิ่นบอกเขต ดังนั้น..ถ้าไปที่อื่นเขาจะงง ๆ บางตัวก็ตะเกียกตะกายจะกลับไปหาเขตของตัวเอง

เวลาเจอเสือในป่า ถ้าถอยให้พ้นเขตแล้วเสือไม่ทำอะไร ก็แปลว่าเขาไม่หิว แต่ถ้าถอยพ้นเขตแล้วเสือยังตามมา แปลว่าหิวแล้ว รีบหาต้นไผ่ขึ้นไปเร็ว ๆ เสือขึ้นต้นไม้ได้ยกเว้นต้นไผ่ ต้นไผ่เปลือกจะแข็งลื่น ๆ เล็บเสือเกาะไม่ติด แต่ว่าน้อยคนที่จะมีสติหาต้นไผ่ เจอต้นอะไรก็ขึ้นหมดแหละ ต้นไม้หนามยังขึ้นเลย ...(หัวเราะ)...”

เถรี 23-06-2019 22:11

พระอาจารย์กล่าวว่า “เคยได้ยินไหม เขาบอกว่า “สรรพสิ่งสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง” เพราะฉะนั้น..การคบคนให้คบด้วยความจริงใจ ไม่ใช่คบเพราะผลประโยชน์ ถ้าคบคนเพราะผลประโยชน์ ผลประโยชน์หมดเมื่อไร ไม่เขาก็เราที่ต้องไปกันข้างหนึ่ง”

เถรี 23-06-2019 22:16

ถาม : โยมซื้อที่ดินตรงข้างพระพุทธเจติยคีรีไว้สองงาน ทีนี้ที่ติดกับของคนอื่นด้วย ถ้าจะถวายวัดสมควรไหม ?
ตอบ : ได้..ต้องบอกว่าคนทำเอื้อเฟื้อมาก เพราะว่าที่ดินทุกแปลงมีทางออกให้

ถาม : ถ้าจะถวาย ควรไปทำชื่อโอนเป็นของวัดจะดีกว่าไหมคะ ?
ตอบ : โอนได้ ถ้าโอนเข้าวัดก็จะกลายเป็นสมบัติพระศาสนาไปตลอดชาติ เพราะว่าที่ดินวัดจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยพระราชบัญญัติเท่านั้น ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี ประชุมสองสภาขออนุมัติ ถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าถวายที่ให้วัดก็จบเลย

ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์จะติดคุกกันตายเพราะว่าเป็นที่วัด แล้วทะลึ่งไปขาย ซึ่งไม่มีทางที่จะขายได้ เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า เรื่องของที่ดินวัด ต้องเป็นไปโดยมติ ครม.เท่านั้น


ถาม : โยมควรไปเปลี่ยนเป็นชื่อวัด ?
ตอบ : ถวายก็เข้าวัดไปเลย เพื่อความปลอดภัย โอนให้เป็นของวัด อย่าโอนให้เป็นชื่อเจ้าอาวาส โอนเป็นชื่อเจ้าอาวาส โดนชั่งกิโลขายตอนไหนก็ไม่รู้

เถรี 23-06-2019 22:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้มีข่าวดังมากเกี่ยวกับพระไทยที่ธุดงค์ไปอเมริกา ก็คือ พระสุธรรม ฐิตธมฺโม หรืออดีตนายสุธรรม นทีทอง วันนี้ก็เพิ่งจะมีข่าวว่าทางด้านอเมริกา ทั้งนักเรียนนักศึกษาแห่กันไปต้อนรับมาก

จุดนี้ที่อยากจะพูดถึงก็เพราะว่า การธุดงค์นั้น พระพุทธเจ้ามีเป้าหมายให้เราขัดเกลากิเลส เมื่อขัดเกลาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกว่า อัปปิจฉตา จะเป็นผู้มักน้อย สันตุฏฐิตา เป็นผู้สันโดษ สัลเลขตา รู้จักขัดเกลากิเลสตัวเอง ปวิเวกตา เป็นผู้ปลีกตัวไปหาความสงบ ฯลฯ

คราวนี้เรามาดูว่าท่านสุธรรมไปในลักษณะนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับการขัดเกลากิเลส ? ท่านบอกว่าท่านธุดงค์เพื่อสันติภาพ ถ้าอย่างนั้นจะไปใช้คำว่าธุดงค์ก็ไม่ถูกต้อง ควรที่จะเปลี่ยนเป็น จาริกเพื่อสันติภาพ หรือ เดินข้ามโลกเพื่อสันติภาพ ก็ว่าไป แต่ว่าไม่ใช่ธุดงค์ ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้ความหมายในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปมาก กลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปปะปนเข้ามาในพุทธศาสนามากขึ้น

คนรุ่นหลัง ๆ ไม่มีความรู้ความเข้าใจก็จะอ๋อ...ธุดงค์ เดินรอบโลกแบบนี้นี่เอง เป็นแบบเดียวกับเดินธุดงค์ต้องเหยียบ "ดาวรวย" เห็นคนที่รวยคือคนปลูกดาวรวย ส่วนญาติโยมที่เสียสตางค์ไปซื้อดาวรวยก็ยังคงเหมือนเดิม"


เถรี 23-06-2019 22:35

"เรื่องพวกนี้ยิ่งนานไปจะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นไปได้ว่าเรารู้จริง ก็ควรจะอธิบายให้คนที่ไม่รู้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร ถามว่าสิ่งที่ท่านสุธรรมทำไปนั้นดีหรือไม่ ? ดี...เพราะว่าเป็นการแสวงหาสันติภาพด้วยการแสดงออก ซึ่งขณะนี้เราก็รู้ ๆ อยู่ว่าทั้งโลกนี้หาสันติภาพยากเย็นมาก เป็นการเอามิติทางศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธที่ได้ยอมรับว่าเป็นศาสนาแห่งสันติภาพเป็นตัวนำ ช่วยทำให้คนรู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้น

แต่ว่าในเรื่องของการตั้งชื่อ หรือโครงการของตัวเองนั้นผิด เพราะว่าแทบจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการธุดงค์เลย ควรที่จะใช้ชื่อใหม่หรือว่าช่วยกันกล่าวไปในทางที่ถูก อย่างเช่นว่า จาริกเพื่อสันติภาพ เดินทางรอบโลกเพื่อสันติภาพ Journey
for peace around the world. อะไรก็ว่าไป"

เถรี 23-06-2019 22:36

"อะไรที่รู้ถ้าเราไม่พูด บางทีก็สร้างความเสียหายให้พระศาสนาของเราจนบอบช้ำ ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าคนห่างจากศาสนาไปเรื่อย เพราะว่าการกระทำของศาสนิกเราเอง ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกานี่แหละ

ทำอย่างไรที่เราจะช่วยกันปรับ ช่วยกันแก้ไข โดยเฉพาะแนวทางการประพฤติปฏิบัติ ให้กลับเข้ามาอยู่ในกรอบของหลักธรรมพุทธศาสนา ทาน ศีล ภาวนา หรือว่าศีล สมาธิ ปัญญา ก็อยู่ที่พวกเราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ รู้จริงก็บอกกล่าวต่อ ถ้ากลัวคนไม่เชื่อถือ เดี๋ยวนี้เนื้อหาพระไตรปิฎกมีทั่วไปหมด ถาม "พี่กู" ก็ได้
"พี่กู" รู้ทุกเรื่อง เพียงแต่ว่ารู้แล้วเอาไปใช้เป็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง"

เถรี 25-06-2019 08:16

ถาม : เวลาที่หนูไปวัดแล้วไปซ่อมแซมข้าวของต่าง ๆ ที่เสียหาย ของที่เสียแล้ว อย่างท่อน้ำผุ ๆ เอาไปให้พระ พระท่านบอกว่าให้เอาทิ้งไปเลย แบบนี้หนูจะเป็นหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ตราบใดที่เป็นของสงฆ์เราก็ติดหนี้สงฆ์อยู่ดี

ถาม : เราควรใช้วิธีวางไว้ต่อไปให้พระท่านมาจัดการเองหรือคะ ?
ตอบ : เอาไปขายแล้วเอาเงินใส่ตู้ไป

ถาม : แล้วพระที่วัดท่านบอกว่าอะไรบางอย่างถ้าเราขาดจริง ๆ ก็ไปหยิบเอาเองเลย ?
ตอบ : เราไม่ได้เอาไปส่วนตัวก็ทำได้ ถ้าใช้อยู่ในงานสงฆ์ ยกเว้นว่าหยิบใส่กระเป๋าตัวเอง อย่างนั้นจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตก็ซวยพอกัน

ถาม : มีคนเขาบอกว่าถ้าไปซ่อมต้องทำให้ดีกว่าของเดิม ใช้ของที่ดีกว่าเดิม ?
ตอบ : แล้วถ้าไม่มีล่ะ ?

เถรี 25-06-2019 08:22

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนฟ้าผ่าใกล้ ๆ วัดท่ามะขาม เครื่องเสียงพัง เวลาฟ้าผ่า คลื่นไฟฟ้าที่กระจายไปในอากาศมีเป็นแสนโวลท์ แล้วก็แทรกเข้าไปในสายไฟได้ เครื่องเสียงก็เลยพัง ซ่อมกันเกือบตาย เสร็จก่อนเริ่มงานหน่อยเดียว เพราะว่าเขาสวดอภิธรรมตอนทุ่มครึ่ง แล้วฟ้าผ่าประมาณหกโมงเย็น

ต้องบอกว่าโชคดีที่วัดท่ามะขามเขามีพระมีเณรที่มีความรู้เรื่องเครื่องเสียง โดยเฉพาะสามเณร ถึงเวลาพระท่านจะไปเทศน์มหาชาติ ท่านก็ขอตัวสามเณรไปด้วย ก็ถามว่าทำไมวะ ? วัดกำลังมีงานยุ่งตายชัก แทนที่จะให้เณรอยู่ช่วยงานทางนี้ ? เขาบอกว่าสามเณรรู้จังหวะว่า เทศน์จังหวะไหนควรเปิดเสียงดัง เทศน์จังหวะไหนควรเปิดเสียงเบา

ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณสู้เณรไม่ได้หรอก เพราะว่าเณรจำเทศน์ได้ขนาดนั้น แปลว่าเขาเทศน์เองได้แล้ว เพราะส่วนใหญ่บรรดาเทศน์มหาชาติก็จะมีเนื้อหาจำกัด ในเมื่อเนื้อหามีจำกัด ถึงเวลาถ่ายทอดต่อ ๆ กันมาก็บทเดียวกันนั่นเอง ก็เลยขึ้นอยู่กับเสียงคนเทศน์ คราวนี้สามเณรรู้ขนาดนั้น รู้ว่าจังหวะไหนควรเปิดเสียงอย่างไร ต่อไปคุณเสร็จแน่

พวกเราเคยฟังเทศน์มหาชาติไหม ? อาตมาเคยฟังพวกระดับเซียน เขาใช้ปากทำเสียงดนตรีได้ทุกอย่างเลย สมมติว่าเขาเป็นดนตรีบรรเลงอยู่ในวัง ตอนพระเจ้าสญชัยเสด็จ ใช้ปากทำทั้งนั้นเลย ฟังดูน่าทึ่งมาก ว่าเขาเก่งขนาดนั้น"

เถรี 25-06-2019 08:25

"วันก่อนพระท่านถามเรื่องศีลพระ ที่บอกว่าห้ามภิกษุขับลำด้วยเสียงอันยาวแปลว่าอะไร ? บอกท่านไปว่าไม่ใช่ร้องเพลงนะ ขับลำด้วยเสียงอันยาวก็คือเทศน์แหล่นี่แหละ พระพุทธเจ้าท่านห้าม

ถามว่าแล้วทำไมพระเทศน์เยอะมากเลย ? อ้าว...ก็ปรับโทษเท่ากับจับเงิน ผมนั่งจับเงินทั้งวัน ส่วนท่านนั่งเทศน์ ดูท่าว่าโทษเขาจะน้อยกว่าผมอีก บอกกับพระท่านไปว่าเคยฝึกอยู่ แต่พอมาศึกษาเรื่องอภิสมาจารของพระก็เลยไม่ได้แหล่ สรุปว่าถ้าหลวงพ่อยอมโดนอาบัติเทศน์แหล่ให้พวกเขาฟัง จะดีมากเลยใช่ไหม ?"

เถรี 25-06-2019 08:43

ถาม : เหมือนกับว่ามีวิญญาณมาซ้อนค่ะ ไม่ทราบว่าจะแก้ไขด้วยวิธีไหนได้บ้างคะ ?
ตอบ : เราไม่อนุญาตก็จบแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเราไม่ยินยอม อย่างไรเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้น..จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เขามีกฎเกณฑ์ของเขาอยู่ ถ้าเราไม่ยินดีด้วยเขาก็ทำอะไรไม่ได้

ส่วนใหญ่พอเราเจอเรื่องพวกนี้ ด้วยความกลัวเราก็จะกลัวล่วงหน้าไปก่อน ในเมื่อกลัวล่วงหน้าไปก่อนกำลังใจก็หายไปแล้ว เรื่องของผี ถ้ากำลังใจเราดีกว่าเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แบบเดียวกับหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ไปตรวจงานวัดในป่าแล้วไปนอนค้างที่ศาลา มีผีมาไล่ บอกว่าเป็นเจ้าพ่อเขาเหล็ก ท่านถามว่า “เขาเหล็ก..ไอ้ตำบลที่นี่นะหรือ ?” ผีบอกว่าใช่ ท่านเลยบอกว่า “กูนี่..เจ้าคณะจังหวัด มึงใหญ่อยู่แค่ตำบลนี้เสือกมาไล่กู กูเป็นเจ้านายของมึงนะ” สรุปแล้วผีต้องไป ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ไอ้นี่อยู่แค่ตำบล อำเภอยังไม่ถึงเลย

อาตมาก็เคยเจอ บางตัวเดินมาบอกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ไม่มีใครใหญ่กว่าเขาแล้ว อาตมาก็บอกว่าใหญ่แค่ไหนมึงก็นั่งลงแล้วกราบพระก่อน ไม่อย่างนั้นเจอตีนแน่ ๆ...! ผีก็เลยต้องลงไปกราบก่อน

อยู่ที่กำลังใจของเรา ถ้าไม่ตกใจ ไม่กลัว เขาทำอะไรไม่ได้หรอก แต่ก็เป็นธรรมชาตินะ ที่ไม่กลัวนั้นมีน้อย คนบวม ๆ มักจะหายาก

เถรี 25-06-2019 08:57

ถาม : ถามเรื่องการปิดวาจา ?
ตอบ : ปิดวาจาแปลว่าห้ามพูด ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร เพราะคนที่ไม่พูดคิดมากกว่าที่พูดอีก การปฏิบัติธรรมเขาให้สร้างสติ ถ้ามีสติ ก็รู้อยู่ว่าทุกคำพูดเป็นประโยชน์หรือโทษ เราก็ละเว้นส่วนที่เป็นโทษ พูดแต่ส่วนที่เป็นประโยชน์ก็จบแล้ว

ส่วนการไปปิดวาจานั้นเป็นการหนีปัญหา เคยมีคนไปถามหลวงปู่บุดดา หลวงปู่บุดดาท่านถามว่า "หยุดพูดแล้วหยุดคิดหรือเปล่าเล่า ?" ถ้าหยุดพูดได้แต่หยุดคิดไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ยังคงก่อมโนกรรมไปเรื่อย

เถรี 26-06-2019 19:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ไม่มีอะไรท้าทายแล้ว ก็เลยอ่านหนังสือสองเล่มสลับกัน อ่านเรื่องนี้แล้ววาง หยิบเล่มนั้น พออ่านเล่มนั้นวางแล้วหยิบเล่มนี้ ดูว่าจะสร้างความสับสนให้กับตัวเองได้ไหม ? สรุปว่าทำไม่สำเร็จ

ต้องบอกว่าสมองคนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ในขณะเดียวกันสติสมาธิก็ยิ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ พอถึงเวลาฝึกไประดับหนึ่ง จะมีการจัดระเบียบหมวดหมู่ของตัวเอง สามารถแบ่งจิตเป็นหลาย ๆ ส่วนทำงานหลาย ๆ อย่างได้ สำหรับคนทั่ว ๆ ไปมองเป็นเรื่องอัศจรรย์ สำหรับคนที่ทำได้ก็อย่างนั้น ๆ แหละ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เผลอเมื่อไรกิเลสก็กิน"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:09


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว